คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : Try
03 Try
อินทรีได้น้ำหอมมา 3 ขวดก่อนกลับบ้าน มันทิ้งให้ผมขวดนึง
ตามกลิ่นที่ผมบอกว่าชอบ ตอนแรกจะไม่รับหรอกไม่ใช่เรื่อง แต่มันก็ซื้อมาแล้วเลยรับๆ
ไว้ไม่ให้เสียน้ำใจ
แกล้งพูดว่าเดี๋ยวเลี้ยงเหล้าเป็นการตอบแทนโดยมีข้อแม้ว่าต้องไปกินร้านพี่ตุ้ยเท่านั้น
ผมไม่คิดว่ามันจะไปจริงเพราะนั่นเป็นร้านโกโรโกโสเกินกว่าคุณชายอย่างมันจะไปนั่งหากไม่มีกิจจำเป็น
แต่ไม่รู้นึกสนุกยังไงเสือกตอบตกลงเฉย ผมยังไงก็ได้อยู่แล้ว
ให้มันไปด้วยก็ดีจะได้มีรถนั่งไม่ต้องโบกวินไป ถึงร้านก็จอดใต้ต้นมะขามเหมือนเดิม
ที่นี่ไม่มีใครขับรถมาหรอกนอกจากมัน ดังนั้นเลยกลายเป็นที่จอดประจำของบีเอ็มซีรีส์
3 โดยปริยายไม่มีทีท่าว่าจะกลัวอะไรหล่นใส่รถหรือมีมือบอนมากรีดรถเลย
จริงๆผมก็หาโอกาสอยู่นะแต่พออยู่ใกล้ๆแล้วไม่กล้าว่ะ เสียดายของ ทั้งราคารถ บวกกับ
ชุดแต่ง M sport แล้วแตะไม่ลง
ถ้าเจ้าของไม่ชวนขึ้นผมก็คงไม่กล้าขอมันขึ้นเลยด้วยซ้ำไป
“ชอบรถเหรอ”
อินถามเพราะเห็นผมยังกวาดตามองรถมันไม่เลิก ไม่ได้ชอบอะไรขนาดนั้น
แค่ห่วงว่าจอดตรงนี้ไม่มีคนดูมันจะปลอดภัยหรือเปล่าเฉยๆ
“อย่ากินเยอะ
ขากลับเดี๋ยวผมให้ขับ”
“เฮ้ย บ้าปะ”
แค่นั่งกูยังไม่กล้านั่งเต็มตูดเลย นี่จะให้ขับ ใครจะไปเหยียบเต็มตีน
“เอ้า จริงๆ
ลองได้ พี่ตุ้ยยังเคยลอง เอาไปสอยเสาไฟฟ้ามาตั้งแต่ป้ายขาวยังไม่ทันได้
ไม่เป็นไรหรอก”
“ทำไมมึงไม่รักรถเลยวะ
ของมันแพงนะโว้ย”
“พังก็เคลม
แค่นั้น คิดอะไรมากมายวะ”
ฟังแล้วหงุดหงิดว่ะ
ปกติคนมีรถมันต้องรักรถไม่ใช่เหรอครับ นอกจากขับมันเคยดูแลอะไรบ้างหรือเปล่า
“อย่างมึงต้องเก็บตังค์ซื้อของเองสักอย่าง จะได้รู้จักถนอมอะไรบ้าง”
ผมสอนแต่เจ้าของรถกลับหัวเราะร่วน
เดินมาโอบคอพาผมเข้าประตูหลังร้านควงกุญแจรถในมือไปด้วย “ทำเป็นซีเรียสว่ะ
เรื่องแค่นี้”
“มันไม่ใช่เรื่องแค่นี้นะอิน
กูว่านิสัยมึงมีปัญหา รุนแรงด้วย”
คิ้วเข้มยกขึ้นขณะที่ปากกดยิ้มล้อ
คงคิดว่าเรื่องไร้สาระแบบนี้ผมไม่ควรบ่น แต่มันพาลให้นึกไปถึงเรื่องของนัทนี่หว่า
“ชีวิตนี้มึงเคยรักอะไรบ้างหรือเปล่าวะอิน”
อินทรีไหวไหล่ ปล่อยคอผมเป็นอิสระแล้วเดินนำ
แสดงให้เห็นชัดว่ามันไม่แคร์เรื่องที่ผมพูด มองเป็นแค่เรื่องไร้สาระที่ผมพยายามทำให้เป็นประเด็นขึ้นมา
เกลียดมันว่ะ ไอ้เชี่ยนี่
เป็นน้องเป็นนุ่งกูจะเอาขี้เถ้ายัดปากให้ตายห่าตั้งแต่เด็ก ผู้ใหญ่สอนน่ะไม่ฟัง
วันนึงถ้าเสียของสำคัญไปจริงๆ กูนี่แหละจะรอหัวเราะเยาะให้ฟันร่วง!
“เฮ้ย วันนี้มันมาด้วยกันว่ะ”
ยังไม่หายหงุดหงิดพี่ตุ้ยก็ตะโกนแซวมาแต่ไกล
โต๊ะประจำข้างเวทีไอ้พีทกับอั้มนั่งอยู่ก่อนแล้ว
ส่วนพี่แจ๊คเพิ่งไปตักน้ำแข็งเพิ่มจากตู้แช่ ผมยกมือไหว้พี่ ๆ
ก่อนกำหมัดชึ้นชนมือไอ้อั้มเป็นการทักทาย
สายตามันเหลือบมองคนที่นั่งข้างผมแสดงอาการแปลกใจออกมาอย่างเห็นได้ชัด
“ไม่ต่อยกันแล้วเหรอ”
“ดีกันแล้ว”
อินพูดยิ้ม ๆ ดีกับพ่อมึงสิครับ ไม่เคยได้ยินเหรออินทรีอย่าซ่า
คราวหน้าอย่าคิดไปเอง เหอะๆ เคยได้ยินก็ตลกแล้ว ผมคิดขึ้นเองสดๆ เมื่อกี๊เลย
“เออ ดีแล้ว
เป็นผู้ชายอย่าแต๋วมาก เออๆ โทษ กูลืมว่ามึงสองตัวเป็นเกย์ อะ สักหน่อย ชนเร็ว
อย่าช้า”
พีทส่งแก้วเบียร์มาให้ผมพร้อมกับของไอ้อิน
รับมาได้ก็ยกขึ้นชนพี่ตุ้ยกระดกรวดเดียวหมดแก้ว ไอ้อั้มยังมองผมด้วยสายตาแปลกๆ
คงงงไม่หาย ผมเกลียดไอ้ห่าอินอย่างกับอะไรดี
วันนี้จู่ๆทะลึ่งมาบอกว่าดีกันแล้วมันน่าเชื่อที่ไหน
แต่ไม่ทันได้ถามอะไรพี่ตุ้ยก็ชวนคุยธีสิสต่อ ผมก็เล่าข้อมูลคร่าวๆที่ได้มาไปก่อน
เดี๋ยวค่อยไปหาเพิ่มเติมเอาวันหลัง
“มึงอย่าลืมไปดูของไอ้เฟย
รายนั้นทำคล้ายๆ ที่มึงทำ”
“ถามในเฟสอยู่พี่
ที่จริงก็ได้ไอเดียนี้มาจากธีสิสของพี่เฟยนั่นแหละ พี่แกเจ๋งโคตร
แต่แม่งหลุดโลกไปหน่อย ผมอยากใส่สตอรี่ที่มันเรียลกว่านี้นิด ที่พี่เฟยทำไอเดียลไป”
พี่แจ็คพยักหน้าเห็นด้วยแต่ก็ยังแย้ง “ระวังแล้วกัน
ทำโครงการใกล้เคียงกันตัวเปรียบเทียบมันเห็นชัด จะทำต้องให้เจ๋งกว่า
แล้วนี่มึงจะต่อโทหรือเปล่าวะ”
“คงยังน่ะพี่
ทำงานก่อน เก็บตังค์ได้ค่อยเรียน เรียนแม่งในไทยนี่แหละ จนจัด”
ถึงพี่เฟยจะเป็นไอดอลแต่ผมก็ประมาณตัวครับ
พี่เฟยแม่งรวย รวยตั้งแต่มันยันพ่อแม่ ทำงานตั้งแต่มัธยม
เรียนจบก็มีตังค์เป็นกระตั๊ก ตอนนี้ไปอยู่อังกฤษ
ไม่รู้ไปเรียนอะไรไม่ค่อยได้คุยกันมากเฮียแกเป็นต้นของต้นแบบคำว่าติสท์เลย
หน้าหวาน ตัวผอม ผมยาวจนถึงกลางหลังแต่ไว้หนวดเคราหรอมแหรม
เป็นผู้ชายหน้าสวยที่ผมคิดว่าเท่ฉิบหาย
ผมไม่ใช่สายรหัสเดียวกับพี่เฟยครับแต่ตอนเข้าปี 1 ถูกแซวว่าเป็นตัวโคลนนิ่งบ่อย
ๆ เลยสนิทกันไปโดยปริยาย ครั้งสุดท้ายที่เจอก็ร้านพี่ตุ้ยนี่แหละ
กินเหล้าอยู่ดีๆก็โพล่งมาว่าพรุ่งนี้จะไปเรียนต่อที่ AA เงิบกันยกโต๊ะ
วันนั้นตั้งใจจะฉลองที่เฮียได้งานบริษัทอันดับหนึ่งของไทยแท้ๆ
แต่กลับพูดหน้าตาเฉยว่าแอบที่บ้านไปสอบมา
เพิ่งได้จดหมายตอบรับเมื่อวานเลยจะหนีไปยังไม่ได้บอกแม่ด้วยซ้ำ
เห็นว่าไปถึงแล้วค่อยโทรบอกเพราะกลัวที่บ้านจะห้าม ติสต์ไม่ติสต์ก็ลองคิดดู
“มึงจะเอาอย่างมันก็อย่าไปเอาทั้งหมดล่ะ
เก็บแต่เรื่องดีๆ ไว้ เรื่องเหี้ยๆ อารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ ไม่ต้องไปเอา”
ไอ้อั้มหัวเราะร่วนตามคำรุ่นพี่เตือน ก่อนซูฮกพี่ตุ้ย
ผมยกนิ้วกลางให้เพื่อนแล้วยกเบียร์ขึ้นดื่ม
“เฮ้ย
พี่ยูอารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ เหรอพี่อั้ม ผมเห็นออกจะนิ่ง” ไอ้เชี่ยพีทถาม เปิดโอกาสให้อั้มใส่ไม่ยั้ง
“มันเก็บกด เห็นยิ้มง่ายๆ แบบนี้นะ ลองโมโหเถอะ ถีบไอ้อินตัวลอยยังเคยมาแล้ว”
“จริงดิ
ผมกลัวแล้วพี่ ผมกลัวแล้ว” พูดไปไหว้ไปด้วย ผมยักยิ้มที่มุมปากนิดๆ แต่ไม่เถียง
อินทรีก็ไม่ว่าอะไรดื่มเบียร์ในแก้วตัวเองเงียบๆ ไม่มีส่วนร่วมกับบทสนทนาไปด้วย
ผมไม่แน่ใจว่ามันสนุกหรือเปล่า ที่ไม่แน่ใจกว่านั้นคือถ้ามันไม่สนุก
มันจะมากับผมทำไมจะว่างกค่าน้ำหอมก็ไม่ใช่
“เฮ้ย ไงมึง
เงียบเลย”
มันหันมายิ้มให้ผมแล้วหลิ่วตาไปโต๊ะเยื้องๆ กัน
นั่นคิว รุ่นน้องที่คณะ “หยุดเลยไอ้สัด โทษว่ะ แต่คนฟรีน่ะกู มีบ่วงอย่างมึงนั่งมองไปเถอะ”
แบบนี้แถวบ้านเรียกชี้โพรงให้กระรอกครับ
ปกติไม่เคยเจอน้องมันที่ร้านเหล้าหรอก คุณหนูขนาดนั้น
วันนี้คงโดนเพื่อนลากมานั่นแหละ
ผมทำท่าจะลุกไปชนแก้วแต่ไอ้อินคว้าแขนไว้ ไอ้สัด
กั๊กกู!
“ไปไหนล่ะ
ผมรู้จักพี่คนเดียวนั่งด้วยกันก่อน”
“ไอ้ข่าวว่าพี่ตุ้ยญาติมึง”
“แต่ผมมากับพี่”
ทำเป็นโวยวายแต่ปากกับตานี่ยิ้มเหมือนสนุกที่ได้รั้งผมไว้
มันกระตุกแขนผมหลายทีให้นั่งลงที่เดิมแต่ไม่ยอมปล่อยมือที่จับ
“อะไรของมึงครับน้องอิน มึงเป็นอะไรหรือเปล่าเนี่ย เพี้ยน ๆ”
“เปล่า
ตอนแรกแค่เดาว่าแบบนั้นน่าจะเป็นสเปคพี่”
ขาวๆ ตัวเล็กๆ ตาแบ๊วๆ
เอาแบบอุ้มเตงไม่เมื่อยมากจัดว่าฟิน น้องคิวคงรู้สึกตัวแล้วว่าผมกับไอ้อินมองอยู่
หันหน้ามามองวูบเดียวก็หลบตาหนี
“มีลุ้นว่ะ”
“ลุ้นอะไรเล่า
ไม่ต้องไปหรอก อยู่กับผมนี่แหละ ชอบจังนะพวกสาวแตก”
ผมหัวเราะ เออจริง ไม่เคยสังเกตตัวเองเหมือนกันว่าคนที่ผมชอบมองจะเป็นแบบที่มองปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นรับ
“ก็น่ารักดี มึงไม่ชอบเหรอ”
“ผมยังไงก็ได้ว่ะ
แต่รุงรังมากก็รำคาญ ชอบคนพูดจารู้เรื่อง”
“แฟนที่คบนานสุดถึงปีไหม”
อินทรีวางแก้วในมือแล้วพยักหน้า “เกือบปีได้”
“แล้วเลิกไม”
“ไกลกัน
แล้วก็ค่อยๆห่างไปเอง”
แบบนี้ผมก็เคยเจอนะ เป็นการเลิกแบบมึนๆ งงๆ
ไม่เจ็บหรอกแต่ตอบคนอื่นไม่ถูกว่าเลิกทำไม ผมเปลี่ยนแฟนมา 4 – 5 คนได้
จำไม่แม่นเท่าไร เลิกแล้วจบ แต่ก็นะ จะย้ำทำไมวะกู
ก็เห็นอยู่ว่าคนที่เลิกแล้วไม่อยากจบน่ะก็มี
“แล้วนี่เมื่อไรจะมีแฟนใหม่”
เข้าเรื่องสักทีนะมึง ตามกูเป็นขี้ปลาทองมาสองวันที่แท้ก็มากันท่านัท
กลัวผมจะกลับไปแย่งขนาดนั้นเลยเหรอวะ หึหึ จะบอกให้(ในใจ)โว้ย ไม่ต้องกลัวหรอก
ถึงอยากแย่งจะตายห่าแต่เขาไม่เอาทุกอย่างก็จบ เจ็บดีไหมล่ะ
“ถ้าคืนนี้มึงปล่อยกูไปขอเบอร์น้องคิว
พรุ่งนี้เช้ารอฟังข่าวดีเลย” ผมแกล้งพูดไปงั้นแต่มันก็ยังไม่ปล่อย
นั่งจับข้อมือขวาผมไว้หลวมๆ
เลยต้องใช้มือซ้ายขึ้นดื่มแล้วส่งแก้วให้พีทเติมเป็นระยะ
“กูรับปากมึงแล้วว่าจะเลิกยุ่งกับนัท ไม่ต้องหวงนักหรอก”
“ถ้าผมบอกว่า
ไม่ได้หวงนัทล่ะ”
มือที่จับข้อมืออยู่เลื่อนลงมาประสานปลายนิ้วผมไว้
ไม่มีใครสังเกตเพราะวงดนตรีสดกำลังขึ้นเล่นพอดี
ผมก้มลงมองมือที่ถูกฉวยไว้ก่อนเหลือบตาขึ้นมองหน้ามันที่ฮัมเพลงตามนักร้องไปด้วยยิ้ม
ๆ
“แค่อยากให้เธอได้รู้ อยากให้เธอลอง
เธออาจจะยังไม่พร้อม
จะยอมรักใครจริงสักคน
โอกาสดีๆ
อย่างนี้จะมีอีกกี่หน
จะเป็นไปได้ไหม
ให้เราสองคนได้มาคุยกัน”
“ลองพ่อง”
สองคำเน้นๆ ผมดึงมือออกแล้วคว้าถังน้ำแข็งมาเติม
ไอ้อินหัวเราะคิกชอบอกชอบใจนักหนาแล้วยื่นแก้วมาให้ผมเติมเบียร์เผื่อด้วย
“ซีเรียสไร
ล้อเล่นนิดเดียวเอง”
ล้อเล่นเหี้ยอะไรตั้งแต่ตอนกลางวันแล้ว
ผมถอนหายใจหงุดหงิดแต่อีกฝ่ายก็ไม่ได้สำนึก ยังมองผมด้วยสายตากรุ้มกริ่มไม่เลิก
“หรือที่เครียดเพราะอยากให้ผมจริงจัง?”
ไปตายซะไอ้ห่าอิน เกลียดแม่ง วัน ๆ
นึงผมพูดคำนี้กับตัวเองกี่รอบแล้ววะ หรือเป็นเจ้ากรรมนายเวรกันจริง
ก่อนนอนคืนนี้จะได้สวดมนต์แผ่เมตตาไปให้
ผมลุกจากที่นั่งไอ้อินเลยถามเสียงหลง “อ้าว จะไปไหน”
“ไปขี้”
แน่จริงตามมา จะเอาขี้ป้ายหน้าให้
“ทำความสะอาดดีๆนะพี่ยู เผื่อเหตุการณ์ฉุกเฉิน”แค่ประโยคก็วอนกูมากแล้ว
ยังทำน้ำเสียงกวนตีนใส่อีก ว้อนท์ก็บอกกันตรงๆก็ได้
อยากแดกตีนกูอีกรอบสินะไอ้เด็กเวร
ผมเดินออกจากร้านมาหลบอยู่แถวห้องน้ำ
สักพักคนที่ลอบสบตากันในร้านก็เดินตามออกมา
คิวยิ้มให้ผมอายๆแล้วเดินผ่านเข้าไปล้างมือ
ผมไม่รอช้าเหลือบเข้าไปในร้านเห็นอินกำลังคุยกับพี่ตุ้ยก็เดินเข้าโอบเอวคนตัวเล็ก
น้องคิวก้มหน้าจนชิดอกหูแดงก่ำลงมาจนถึงต้นคอ
“พะ....พี่ยู”
“รู้จักพี่ด้วยเหรอเรา”
เด็กหนุ่มพยักหน้าชิดอก เห็นแล้วมันเขี้ยว อดไม่ได้จะฉวยโอกาสหอมแก้มใสไปหนึ่งที
“ไม่รู้จักสิแปลก”
“มาดื่มเหล้ากับเพื่อนเหรอ? เมาหรือเปล่า
ไปค้างห้องพี่ได้นะ”ถามตรงๆแบบนี้เลยครับ
ถ้าเซย์เยสก็แอบหนีไปหลังร้านไม่ต้องบอกไอ้อินมัน เบื่อโคตร มารคอหอย
“มะ..ไม่ได้ครับ
เดี๋ยวเพื่อนสงสัย” ยิ่งพูดยิ่งก้มหน้างุด แก้มอิ่มเปล่งสีจัด
ผมเคยเล็งเอาไว้ก่อนหน้านี้เหมือนกันแต่ตอนนั้นคบนัทอยู่เลยไม่ได้สนใจมาก
ตอนนี้ฟรีแล้วถือเป็นกำไรชีวิตหน่อยเถอะว่ะ เด็กมันก็น่ากินใช่ย่อย
“งั้นไว้วันหลัง
เราออกมากันสองคนดีไหม”
ผมสบตากับคนในกระจกนิ่ง สะกดอีกฝ่ายด้วยสายตาจริงจัง
ยกยิ้มที่มุมปากนิดๆคิวก็ระล่ำระลักตอบไม่ถูก
“...คิวได้ยินมาว่าพี่ยูเพิ่งเลิกกับแฟน”
คิวเงียบไปพักหนึ่ง ส่วนผมเองก็ไม่ได้พูดอะไร
ใช้ปลายจมูกเกลี่ยเส้นผมสีอ่อนก่อนยกมือขึ้นมาเชยคางมนให้เงยรับจูบ
บดกลีบปากลงอย่างช่วงชิงลมหายใจทั้งหมดของคนในอ้อมแขนให้อ่อนเปลี้ย
คิวโอบแขนรอบคอผม จูบตอบอย่างคนรู้ว่าอะไรเป็นอะไร
“จะสนเรื่องอื่นทำไม
ตอนนี้มีแค่พี่กับเรา..” กระซิบเสียงแผ่วเป่าให้อีกฝ่ายหลงกล
ก่อนโน้มตัวลงไปจูบอีกครั้งกลับต้องชะงักเพราะมีเสียงอื่นที่แทรกเข้ามาด้วย
“ยูลืมนับผมด้วยนะ”
ไอ้สัดอิน! ผมจิ๊ปากขัดใจทันทีที่แขนเล็กผลักผมออกทันทีด้วยอารามตกใจ
คนมาใหม่ที่ยักคิ้วกวนแล้วเดินมากอดคอผมมองคิวยิ้มๆ “ยู
คนนี้ผมจองก่อนแท้ชิงตัดหน้าผมแบบนี้ไม่แฟร์นะครับ”
คิวเม้มปากเป็นเส้นตรง
มองผมสลับกับอินทรีแล้วทำท่าจะเบี่ยงตัวเดินหนี แต่ไอ้อินกลับรั้งแขนไว้
“อิน ปล่อยน้อง”
“อย่ากั๊กดิ
ผมอยากรู้จัก”
“มึงเมาแล้ว
อย่าระราน คิวเดี๋ยวพี่ไปส่งที่โต๊ะ”
พูดจบก็แกะมือใหญ่ออกจากต้นแขนรุ่นน้องด้วยตัวเอง
อินทรีมองผมไม่สบอารมณ์แต่สุดท้ายก็ยอมปล่อย
ผมเดินโอบเอวคิวออกมาจากห้องน้ำพลางเอ่ยขอโทษตลอดทาง
“อย่าไปถือมันเลย
ไอ้อินมันเมาแล้ว”
คิวพยักหน้าลงแต่ยังดูตกใจไม่หาย ไอ้อินก็ห่ามไป
ไม่ได้ดูเลยว่าเด็กมันทั้งขี้กลัว ทั้งขี้อาย
“คิวไม่เป็นไรครับ
ขอบคุณครับพี่ยู”
ผมพยักหน้าให้
ส่งเจ้าตัวถึงมือเพื่อนพวกรุ่นน้องในโต๊ะก็ยิ้มล้อกันใหญ่ “ไปส่งกันให้ถึงบ้านล่ะ
เดี๋ยวพี่โทรหา”
แสงไฟในร้านค่อนข้างสลัว
แต่ผมก็เห็นว่าคิวอมยิ้มแก้มตุ่ย ก่อนกลับโต๊ะเลยแกล้งใช้มือปัดปอยผมข้างแก้มใสให้เพื่อน
ๆ มันเป่าปากแซวกันเสียงดังจนคนมองทั้งร้าน แล้วเดินกลับมาที่โต๊ะตัวเดิม
อินทรีคงยังอยู่ในห้องน้ำ ส่วนไอ้อั้มก็หัวเราะรออยู่ก่อนหน้าแล้ว
คนอื่นก็ยิ้มแซวไม่ต่างกัน “หายไปแว้บเดียวได้เรื่องนะมึง”
“เออน่า
มึงมีเบอร์น้องมันป่าว กูบอกจะโทรหาแต่ไม่ได้ขอมาว่ะ”
“อะไรของมึงวะเนี่ย
ไมไม่ขอ กลัวไม่เท่เหรอ”
ผมยักคิ้ว
หันไปสบตากับคิวแล้วมาคะยั้นคะยอกับไอ้อั้มต่อ ซึ่งมันก็ทำให้ผมผิดหวังจนเป็นนิสัย
ได้เบอร์มาจากไอ้พีทแทน รายนั้นยังเอ่ยล้อๆว่าน้องมันท่าทางเป็นคนดี
ไม่ควรมาแปดเปื้อนกับคนอย่างผมสักนิด
“กูไม่ดีตรงไหนวะ”
“ไม่ใช่ไม่ดีหรอกพี่
อย่างพี่ต้องเรียกว่าดีเกินไปเลยถูกทิ้งไง ฮ่าๆ” ผมแกล้งเอาน้ำแข็งใส่หลังเสื้อมัน
ไอ้พีทกระโดดเหยงสบถด่าผมแบบลืมพี่
กว่าน้ำแข็งจะร่วงลงพื้นก็ละลายไปเกือบครึ่งก้อน “เล่นเป็นเด็กๆเลยว่ะพี่ยู
ว่าแต่ไอ้อินมันไปไหนแล้ววะเนี่ย”
เออ นั่นสิ
ต่อให้ใช้ห้องน้ำหลังจากที่ผมพาคิวออกมาก็น่าจะเสร็จแล้ว หรือว่าไปเมาตกส้วมวะ
เห็นท่าทางไม่ค่อยดีอยู่ด้วย
“มึงไปดูมันหน่อยสิ
ถ้าเมาก็ลากกลับบ้านไปเลย”
พี่ตุ้ยหันมาบอก
ผมได้เบอร์คิวมาแล้วก็เลยพยักหน้าส่งๆ แยกตัวจากพวกที่โต๊ะออกมาหลังร้าน
เห็นไอ้อินนั่งยองๆ สูบบุหรี่ใกล้กระถางต้นไม้ก็อดตบหัวมันให้ผมกระจายไม่ได้
“ไงมึง
ไม่ไหวแล้วเหรอ”
“เปล่า
เซ็งนิดหน่อย”
มันอัดควันบุหรี่เข้าปอด พ่นเป็นควันยาวผ่านจมูกสัน
กลิ่นที่ตลบอยู่หอมกว่ากลิ่นที่ไอ้อั้มสูบ คล้าย ๆ หวานๆเย็นๆเหมือนหมากฝรั่ง
“บุหรี่อะไรวะ”
“บอกไปก็ไม่รู้จัก
ของนอก สูบด้วยหรือไง?”
“ไม่อะ”
ผมส่ายหน้า เคยลองครั้งนึงตอนมัธยมแต่ไม่ชอบ
เหล้าน่ะกินนะครับแต่บุหรี่ไม่ไหวจริงๆ
กับแฟนที่คบกันมาก่อนหน้านี้ถ้าเจอว่าสูบก็สั่งเลิกหมด ต่างกับเพื่อน
ไอ้อั้มนี่สิงห์รมควันนับเบอร์วันเลย มันรู้ว่าผมไม่ชอบจะเลี่ยงไปสูบลับตาตลอด
แต่กลิ่นก็ยังติดตัวมาบ่อยๆ ผมไม่ว่ามันหรอก ปอดใครปอดมัน
เป็นมะเร็งตายก็เรื่องของมึง
“ลองไหม?”
“ไม่ชอบ”
“เฮ้ย
นี่ของนอก ไม่ฝาดคอ ตัวนึงไม่ใช่ถูกๆ ไม่สนเหรอ” ผมส่ายหน้าหวือ
ปัดควันที่มันพ่นใส่หน้าออกไปด้วย “กูไม่ชอบ แล้วก็นะ จะถูกจะแพงแล้วยังไงวะ
มะเร็งแดกเหมือนกัน”
“หึ
ไม่มีรสนิยม”
ผมว่ามันโตมาแบบวัตถุนิยมเกินตัวว่ะ รถนอก บุหรี่นอก
เสื้อผ้าแบรนด์เนม ไม่ใช่อิจฉานะ
เข้าใจว่าบ้านมันมีตังค์เจียดเงินซื้อของพวกนี้ไม่ลำบาก แต่ผมก็ไม่ชอบอยู่ดี
ทำไมต้องทำตัวอวดรวยด้วยวะ ไม่ใช่เงินที่หามาได้เองสักหน่อย ขอพ่อขอแม่ใช้ทั้งนั้น
“ลดๆลงบ้างเถอะ
เรื่องใช้เงินมึงน่ะ”
อินทรีเลิกคิ้ว ผมไม่อยากบ่นหรอกมันไม่ใช่เรื่อง
แต่ลึกๆก็อยากสอนเหมือนกัน
“เงินที่เอามาซื้อของพวกนี้มึงทำประโยฃน์ให้คนอื่นได้อีกเยอะเลยรู้ตัวป่าวอิน”
“ผมซื้อความสุขของผม”
“ถ้ามึงไม่มีเงิน...”
ผมเว้นระยะเพราะครู่หนึ่งก่อนพูดต่อ “มึงจะไม่มีความสุขเหรอวะ”
อินทรีหัวเราะ มันหยัดตัวขึ้นยืนเต็มความสูง
ยื่นกุญแจรถให้ผมยิ้ม ๆ “อะไรของพี่วะ ติสท์เหรอ ไป กลับกันเถอะ
ไม่ผมก็พี่แล้วว่ะที่เมา คุยกันไม่รู้เรื่อง”
“รถมึง
มึงก็ขับสิ”
“ขามาผมขับแล้ว
เอาน่า ขอนั่งสบายๆหน่อย คืนนี้นอนด้วยนะ ไม่อยากโดนเป่า”
ผมรับกุญแจมา ใจจริงก็อยากลองเครื่องอยู่ครับ
ที่บ้านขับรถญี่ปุ่นธรรมดาไม่เคยแตะรถยุโรปเลยสักครั้ง “แล้วบุหรี่นั่นไม่ทิ้งล่ะ”
“สูบในรถก็ได้”
“ไม่เอา ไอ้ห่า
เหม็น”
“รถผม”
“รถมึง
แต่มึงเสือกไม่ดูแลนี่หว่า” พูดแล้วเดินนำออกมาเลย ไอ้อินหัวเราะไล่หลัง
ผมกดรีโมทปลดล็อกแล้วแต่มันยังไม่ไปนั่งข้างคนขับ ยืดแขนยาวคร่อมระหว่างตัวผมกับรถ
ทิ้งบุหรี่ลงพื้นแล้วโน้มตัวลงมาพูดชิดแก้ม กลิ่นหอม เย็นๆ
ลอยตลบกับเศษซากนิโคตินที่ลอยฟุ้ง “งั้นผมให้พี่ดูแลดีมั้ย ทั้งรถ ทั้งคนเลย”
ผมนอนลืมตาในห้องที่ปิดไฟมืดสนิท
เสียงหวีดร้องของแอร์ครางต่ำๆภายใต้ความเงียบ
ทั้งตัวสวมเสื้อกล้ามพอดีตัวกับกางเกงบ๊อกเซอร์ไว้เหมือนปกติ
แต่สิ่งที่ต่างไปไม่ใช่อค่เพราะมีแขกไม่ได้รับเชิญมาค้างด้วย
แต่สิ่งที่อินทำตลอดทั้งวัน กำลังทำให้ผมฟุ้งซ่าน
ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมจะมีคนเข้ามาจีบ
ดูจากภายนอกบางครั้งเราก็ไม่สามารถแยกได้ว่าอีกฝ่ายเป็นแบบไหน
แต่หลังจากคุยกันไปสักพักพอเห็นว่าผมไม่ใช่คนที่จะยอมเปลี่ยนชั้วให้ง่ายๆก็เลิกคุยในรูปแบบนั้นไปแล้ว
ที่ยังแปลกใจคือไอ้อินมันต้องการอะไรถึงแสดงตัวอย่างนี้ออกมาชัดเจน
ไม่ใช่ไม่รู้ แต่ไม่อยากจะยอมรับว่ามันสนใจในตัวผม
ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้
มันเองก็ไม่ชอบผมพอๆกับที่ผมไม่ชอบหน้ามันแท้ๆ
เสียงแอปพลิเคชั่นในเครื่องมือสื่อสารดังขึ้นพร้อมกับผมที่ถอนหายใจยาว
อินทรีหลับสนิทไปแล้วตั้งแต่เมื่อราวขั่วโมงก่อน เหลือก็แต่ผมที่ยังไม่รู้จะจัดการมันได้ยังไง
พอทำเสียงแข็งใส่ก็หัวเราะร่าหาว่าผมคิดมาก มันแค่ล้อเล่น
ผมเองก็ตอบไม่ได้ว่ามันตั้งใจแค่กวนประสาทหรืออยากมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกันจริงๆ
ตามันไม่สะท้อนความรู้สึก ไม่สิ
เรียกว่าไม่สะท้อนความจริงใจอะไรสักอย่างออกมาน่าจะถูกมากกว่า ไหลลื่นจนจับจุดไม่ได้
เรื่องไหนจริงเรื่องไหนเล่นเป็นสิ่งที่ผมไม่อาจแยกออกจากกันได้เลย
เสียงสัญญาณเตือนดังขึ้นอีกครั้งจากมือถือผมที่วางไว้ใกล้หัวเตียง
ขยับตัวไปกดดูก็เห็นว่าเป็นคนที่เพิ่งได้เบอร์ไปช่วงหัวค่ำ
Q-pid : :
)
Q-pid : พี่ยูหรือเปล่าครับ
U : ครับ คิวถึงห้องแล้วนะ?
Q-pid : ถึงแล้วครับ
กำลังจะนอนแล้ว
U : งั้นนอนเถอะ
ไว้ค่อยคุยกันพรุ่งนี้
U: ฝันดีนะครับ
Q-pid : ได้คุยกับพี่ยู
ฝันดีอยู่แล้ว ^^
Q-pid : พี่ยู
อย่าลืมฝันถึงคิวนะ>///<
ผมส่งสติ๊กเกอร์ OK ปิดท้าย
ยังไม่ทันได้กดปิดหน้าจอ คนร่วมเตียงก็ขยับเข้ามากอดจากทางด้านหลังเสียก่อน
อินทรีหยีตาชะโงกหน้ามาดูว่าผมทำอะไร แล้วทิ้งตัวลงให้แก้มแนบ “คุยกับใคร”
“เรื่องของกู
มึงเหอะตื่นมาทำไม”
“แสงมันแยงตา”
ผมพยักหน้า ปิดเครื่องวางแล้วแกะมือมันออก ไอ้เวรนี่กะเนียน
กอดกูเป็นหมอนข้างเลยเฮ้ย “เชี่ยอินเดี๋ยวกูเตะม้ามแตก ไปนอนดีๆ”
ผมแกะมือออก อินทรีทำเสียงกระเง้ากระงอด
“ทีกับเด็กล่ะบอกฝันดี”
มึงมันน่าเอ็นดูมากเชี่ยอิน
ยังไม่ทันได้ด่ามือปลาหมึกก็เลื้อยมาเกาะแถวเอวอีกรอบ
ผมเอี้ยวหน้ากลับไปมองคนที่วอแวไม่เลิกด้วยสายตาสงบนิ่ง
ไอ้อินเลยยอมร่นมือกลับไปแต่ยังมองตาผมทำปากอมยิ้ม
“ทำไมเด็กๆที่ชอบยูมันถึงคิดว่าพี่เท่วะ”
เพราะกูไม่เลื้อยเป็นไอ้ขี้ม่ออย่างมึงไง สาดด
เกลียดตาหลุกหลิกเจ้าเล่ห์ของมันว่ะ ยังไม่ทันที่ผมจะได้ด่าไอ้อินก็ยื่นหน้ามาใกล้
ผมเผลอสะดุ้งตัวก่อนตั้งสติทัน
“ถ้ามึงโดนตัวกูอีกนิดเดียว
หมันแน่”
“หวงตัวซะด้วย”
มันไม่แคร์ ไม่เคยฟัง
ยังยิ้มเยาะให้ผมแบบคนตื่นเต็มที่
พอจะชะโงกหน้าเข้ามาอีกผมเลยอาศัยจังหวะที่ไม่ทันคิดยันขาไปสุดแรง
อินทรีร่วงลงพื้นดังตุบก่อนโอดครวญเสียงยาว “ไอ้เชี่ย ถีบมาได้”
“กูไม่ผ่าหมากมึงก็บุญแล้ว
ไอ้ปลาไหล ไปไหนก็ไปเลย พ่อมึงตายเหรอ เล่นอะไรเหี้ยๆ!”
โยนหมอนกับผ้าห่มบนเตียงให้ เดี๋ยวรื้อหาใหม่เองในตู้
แต่ให้มันนอนด้วยแบบนี้ไม่ปลอดภัยสัดๆ
ไม่ได้กลัวจะเผลอใจไปกับมันนะแต่เรื่องแบบนี้กันไว้ดีกว่าแก้
ตัวอย่างหมีควายเกิดเฮี้ยนลุกขึ้นมาอัดตูดผมนี่ซวยอย่างเดียว
มีความรู้ด้านต่อสู้ไม่ใช่จะชนะมันได้ เคยดวลตัว –
ตัวไปแล้วตอนนั้นก็เสียเปรียบเห็นๆ
จะให้เดามันก็คงมีพื้นฐานพวกนี้มาเหมือนกันนั่นแหละ
ไอ้อินทำท่าจะคลานขึ้นเตียง
แต่ผมลุกขึ้นเปิดไฟคว้าเครื่องนอนสำรองออกมาก็นั่งท่าหมาหงอยอยู่ข้างเตียง
สบตากันเข้าตรงๆมันก็หลบสายตาลงตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จ
“ให้นอนพื้นจริง?”
“มึงจะนอนข้างเตียงกูหรือกลับไปนอนบ้าน”
ไม่ใช้ไม่แข็งไม่เข็ด เห็นกูเป็นเพื่อนเล่นหรือไงวะ
“เฮ้ย!
โกรธจริง?”
“นอนไป สัด
จะปิดไฟแล้ว” จะซุกหัวซุกหางที่ไหนก็เรื่องของมึง
แต่โดนตัวกูอีกทีจับหั่นจู๋โยนลงไปชั้น G แน่ จะให้ดีก็อย่าท้า เพราะคนอย่างกูพูดจริงทำจริงสถานเดียวโว้ย
อินทรีบ่นครางในลำคอ
ใจดีใส่แล้วลามปามไม่เลิกต้องโดนสักดอกให้สมกับที่มันกวนตีนจนผมนอนไม่หลับ
"ยู..."
"ไม่ต้องมาอ้อน
ขนลุก" นึกถึงผู้ชายตัวโตๆส่งเสียงครางเหมือนแมวเข้าไว้ครับ
ไม่ได้น่าใจอ่อนเลยแม้แต่น้อย อินทรียังบ่นจับใจความไม่ได้อยู่ข้างเตียง
ยืดมือมาแตะข้อศอกผมที่นอนชิดริมกันไม่ให้มันเนียนแอบปีนกลับขึ้นมาเบาๆ
"ไอ้เชี่ยอิน
อยากเป็นเมียกูมากใช่ไหม?"
มือเย็นค่อย ๆ หดกลับไปพร้อมกับเสียงที่เงียบลง
ด้วยสรีระอาจลำบากสักหน่อยแต่อารมณ์กรุ่น ๆ ของผมตอนนี้ใครจะรู้
ผมอาจหน้ามืดจับมันปล้ำก็ได้ แต่คิดแล้วเครียดว่ะ ทางที่ดีให้มันนอนเงียบ ๆ ไปแหละ
เวิร์คสุดแล้ว
เพื่อสวัสดิภาพที่ดีของมึงและสุขภาพจิตของกูนะอิน
เลิกยั่ว(ตีน)กูสักทีเถอะ!
TBC
ความคิดเห็น