ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Violet Evergarden (แปลไทย)

    ลำดับตอนที่ #12 : The Flying Letters and the Auto-Memories Doll (part one.)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.79K
      87
      25 ม.ค. 65















    /

    The Flying Letters and the Auto-Memories Doll



                วันหยุดของออโต้เมมโมรี่ดอลล์ได้จบลงอย่างเงียบสงบ

                การที่ได้ใช้เวลาในช่วงปลายฤดูร้อนเช่นนี้ไม่ใช่เรื่องที่พิเศษอะไร – มองดูต้นไม้ที่อยู่นอกหน้าต่างในยามเช้า เดินเล่นไปรอบ ๆ เมืองพร้อมกับร่มในตอนเที่ยง อ่านหนังสือใต้ร่มเงาของต้นไม้ในยามเย็น และเตรียมตัวที่จะออกเดินทางในยามค่ำคืน ในตอนที่ไม่มีใครมองมาที่เธอ เธอจะแยกส่วนประกอบของปืนออกจากกันและใส่กลับเข้าไปใหม่ รวมไปถึงขว้างมีดไปยังใบไม้ที่ร่วงหล่นลงมาเพื่อฝึกการใช้แขนของเธอให้มีประสิทธิภาพอยู่เสมอ แต่ส่วนใหญ่แล้วเธอก็จะใช้ชีวิตอย่างเงียบสงบ และนั่นเป็นอิทธิพลมาจากการที่แม่บุญธรรมของเธอเลี้ยงเธอมาราวกับเด็กน้อยคนหนึ่ง

                 มีคนมากมายที่พยายามจะทำลายความเงียบสงบของเธอ แต่เพราะเธอเป็นคนที่เงียบขรึมและเยือกเย็น เธอจึงทำให้ผู้อื่นรู้สึกเกรงใจเธอ ความงามของเธอทำให้เวลาและผู้คนที่อยู่รอบตัวเธอต้องหยุดการเคลื่อนไหว

                ไวโอเล็ต เธอ...ต้องมากับฉัน

                เธอเป็นคนที่ไม่เหมาะที่จะชวนให้มาเล่นสนุกด้วยกันเลยสักนิด

     



                สิ่งที่ตั้งอยู่บนถนนที่คับแคบห่างจากถนนเส้นหลักของไลเดน เมืองหลวงของไลเดนชาฟต์ลิช คืออาคารโดดเดี่ยวที่ยื่นออกมาและใหญ่ยิ่งกว่าร้านค้าเล็ก ๆ หลายแห่งที่เรียงรายอยู่บริเวณนั้น มันเป็นอาคารของบริษัทไปรษณีย์ซีเอช ซึ่งเป็นบริษัทที่เพิ่งเปิดใหม่และเพิ่งจะเข้าสู่อุตสาหกรรมจดหมายเมื่อไม่นานมานี้ หลังคารูปโดมที่มีปลายยอดแหลมสีเขียวและเสารูปนกที่ใช้บอกทิศนั้นถือเป็นจุดเด่นของบริษัทเลยก็ว่าได้ พร้อมกับผนังสีอิฐที่ซึ่งเป็นสีที่กำลังนิยม เหนือทางเข้าที่เป็นโค้งที่เป็นชื่อของบริษัทที่ถูกพิมพ์ลงบนแผ่นเหล็กด้วยตัวอักษรสีทองนั้นมีกระดิ่งที่ส่งเสียงดังกังวาลทุกครั้งที่ประตูเปิด เผื่อบ่งบอกว่ามีลูกค้ามาใช้บริการ ภายในอาคารนั้นจะเห็นเคาน์เตอร์อยู่ตรงทางเข้าซึ่งเป็นแผนกต้อนรับโดยเฉพาะสำหรับบริการจัดส่ง

                อาคารแห่งนี้มีสามชั้นด้วยกัน ชั้นแรกจะเป็นชั้นของแผนกต้อนรับ ชั้นที่สองจะเป็นสำนักงาน และชั้นที่สามจะเป็นห้องของประธานบริษัท ซึ่งในตอนนี้ ลูกจ้างทุกคนที่อยู่ในชั้นที่สองกำลังทำงานกันอย่างหนักหน่วง

                วันนี้เป็น วันปิดทำการของบริษัท ซึ่งในระหว่างวันนั้น ธุรกรรมทั้งหมด ไม่ว่าจะรายงาน ใบแจ้งหนี้ หลักฐานการชำระเงิน และทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานของบริษัทในเดือนนั้นจะถูกเคลียร์ให้เรียบร้อย สำหรับผู้ที่ทำงานในฐานะเสมียนนั้นถือเป็นวันที่แสนสาหัสสำหรับพวกเขาเลยล่ะ เพราะมันหมายความว่าพวกเขาจะต้องทำงานหนักกว่าเดิมอีกเท่าตัว

                คุณบอกว่าเราจะไปด้วยกันนี่นา และคุณก็บอกฉันว่าคุณจะพาฉันไปที่นั่นด้วย...ท่ามกลางการทำงานที่แสนว้าวุ่นนั้นมีหญิงสาวคนหนึ่งกำลังมองไปที่ฮอดกินส์ด้วยสายตาติเตียนและหดหู่ เธอจับเสื้อของเธอแน่นและกัดริมฝีปากเพื่อแสดงว่าเธอกำลังโกรธฉันโกรธนะคะเนี่ย

                เธอเป็นหญิงสาวสวยที่มีผมสีดำยาวและมีเสน่ห์อันน่าดึงดูด เธอสวมเดรสรัดอกที่เผยให้เห็นหน้าอกหน้าใจของเธอโดยไม่คิดจะสงวนตัวหรืออะไรสักนิดซึ่งข้างในเป็นเสื้อชั้นในสีเทา และเธอยังมีสร้อยคอลูกปัด จี้ กำไล สร้อยโซ่ข้อมือ และแหวนที่ทำจากโลหะ กางเกงหนังที่แสนร้อนแรงของเธอถูกย้อมด้วยสีน้ำเงินและตกแต่งลวดลายด้วยสีทอง สายรัดถุงน่องถูกเย็บปักถักร้อยด้วยลวดลายเรขาคณิตและช่วยเสริมแต่งบนผิวเปลือย ๆ ของเธอตั้งแต่กลางถุงน่องของเธอไปจนถึงรองเท้าบูทเข่าสูง เธอเป็นผู้หญิงที่สร้างความบาดตาบาดใจให้แก่ทุกสายตาที่มองมา ไม่ว่าจะด้วยชุดของเธอหรือความงามที่เปล่งประกายของเธอก็ตาม แต่อย่างไรก็แล้วแต่

                ไม่ค่ะ ไม่มีวันค่ะ! ถ้าคุณไม่ได้เป็นคนพาฉันไป ฉันก็ไม่อยากไปค่ะ

                เธอเขย่งเท้า การกระทำของเธอเหมือนกับเด็กไม่มีผิด

                ไม่ใช่แบบนั้น คือฉันหมายถึง ถึงเธอจะพูดแบบนั้นก็เถอะนะแคทลียา...คลอเดีย ฮอดกินส์ ประธานบริษัทซีเอชส่งยิ้มแห้ง ๆ ไปให้เธอ ดูกองเอกสารพวกนี้สิ ฉันว่าฉันต้องตายแน่ ๆ

                บนโต๊ะของฮอดกินส์มีกองเอกสารที่กองพูนอย่างน่ากลัวและดูเหมือนจะทำให้เขาตายได้จริง ๆ เขาลงตราประทับลงบนเอกสารเหล่านั้นระหว่างที่พูดไปด้วย การตรวจสอบและการอนุมัติจากเขาถือเป็นเรื่องที่จำเป็นอย่างยิ่งสำหรับเอกสารที่จัดทำขึ้นโดยเสมียน บางทีอาจเป็นเพราะเขาเชื่อใจเหล่าเสมียนอยู่แล้วหรือเพราะเขาขี้เกียจอ่านเขาจึงตราประทับลงไปโดยที่ไม่คิดจะอ่านเลยสักนิด

                ท่านประธานฮอดกินส์คะ ถ้าคุณเสร็จแล้วช่วยส่งเอกสารพวกนั้นให้ฉันด้วยนะคะ แล้วก็ช่วยตรวจสอบเอกสารพวกนี้ด้วยค่ะ

                บทสนทนาถูกขัดจังหวะ พร้อมกับกองเอกสารที่สูงขึ้นยิ่งกว่าเดิม

                อ่า โทษทีนะลักซ์ตัวน้อย เธอตรวจสอบทั้งหมดแล้วใช่ไหม?

                คนที่เข้ามาขัดจังหวะบทสนทนาระหว่างแคทลียาและฮอดกินส์นั้นเป็นหญิงสาวที่มีใบหน้าไร้เดียงสา เธอมีผมสีลาเวนเดอร์ที่ถูกเล็มปลายอย่างประณีตยาวเหนือไหล่ของเธอ และถึงแม้ว่าเธอจะสวมแว่นตา แต่เมื่อมองดูใกล้ ๆ ก็จะเห็นว่าสีตาของเธอทั้งสองข้างไม่เหมือนกัน มันเป็นสิ่งที่เธอมีมาแต่กำเนิด แต่ผ้าพันคอที่พันอยู่รอบคอของเธอและเบอเรตต้าที่ติดอยู่ข้างศีรษะของเธอนั้นเป็นคุณสมบัติที่ละเอียดอ่อนของหญิงสาวที่มีความเป็นมืออาชีพ

                ค่ะ เอกสารที่ถูกแก้ไขจะถูกติดป้ายไว้ค่ะ ช่วยตรวจสอบมันด้วยนะคะ

                ลักซ์ ซิบบิล หญิงสาวที่เคยถูกบูชาในฐานะมนุษย์กึ่งเทพของลัทธิทางศาสนาในเกาะโดดเดี่ยวแห่งหนึ่งในตอนนี้ได้ทำงานให้กับบริษัทไปรษณีย์ซีเอช

                ขอบคุณมากนะ เลขาของฉันเก่งที่สุดเลย ฉันรักเธอจริง ๆ นะเนี่ย

                ลักซ์แสดงสีหน้าหดหู่ใส่คนที่กำลังขยิบตาให้เธอ เลิกชมฉันเถอะค่ะ แค่ช่วยขยับแขนของคุณหน่อยเถอะค่ะ ถ้าตอนนั้นฉันหยุดคุณไว้ไม่ให้ไปเที่ยวกับนักแสดงหญิงคนนั้น เอกสารพวกนี้ก็คงแน่อยู่แล้วล่ะค่ะว่าคุณคงจะเลิกกับเธอแต่ว่าตอนนั้นถ้าฉัน…”

                ใจร้ายจัง เธอเพิ่งหักอกฉันเลยนะเนี่ยลักซ์ตัวน้อย...

                ถ้าตอนนั้นฉันบังคับให้คุณทำงานถึงจะต้องมัดคุณไว้ก็เถอะ เอกสารพวกนี้ก็คง...

                เพราะเลขาของเขาทำท่าทางราวกับเธอเคยมีส่วนร่วมในเรื่องบางอย่างและไม่สามารถแก้ไขมันได้ ฮอดกินส์จึงกลับมาแสดงท่าทีขึงขัง ฉันขอโทษแล้วกันนะ เดี๋ยวฉันจะซื้อเครื่องปั๊มตราเอกสารมาแล้วกัน

                จากนั้นลักซ์ก็หันไปพูดกับแคทลียาราวกับกำลังขอร้อง แล้วก็นะแคทลียา อย่าพยายามห้ามท่านประธานฮอดกินส์เลยนะ การที่พวกเราจะได้เลิกงานเมื่อไหร่ก็ขึ้นอยู่กับท่านประธานฮอดกินส์ทั้งนั้น วันนี้ฉันก็อยากกลับบ้านเร็ว ๆ ด้วย...

                เสมียนที่กำลังทำงานอยู่เงียบ ๆ พยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของลักซ์ สำหรับพวกเขา เวลาที่พวกเขาจะได้เลิกงานนั้นมันเป็นเรื่องของความเป็นและความตายเชียวล่ะ แคลทียาทำเป็นไม่สนใจคำพูดนั่น แต่ก็รู้สึกได้ถึงแรงกดดันจากสายตาและรู้สึกเหมือนมีคำพูดมากมายกำลังทิ่มแทงหลังของเธอว่า คนที่กำลังขัดขวางงานอย่างเธอควรจะออกไปซะ

                อะไรกันน่ะ...? เพราะเป็นเลขาก็เลยพูดอวดดีแบบนั้นได้หรอ เลขาของท่านประธาน...ไม่ยุติธรรมเลย ฉันก็อยากเป็นเลขาเหมือนกันนี่นา

                แคทลียา เธอเป็นออโต้เมมโมรี่ดอลล์ไม่ใช่หรือ? แบบนั้นน่ะไม่ดีกว่าหรือไง? พูดอวดดีอะไรกัน...ฉันแค่จะบอกว่าถึงวันนี้เธอจะได้หยุดงาน แต่พวกเรากำลังทำงานกันอยู่นะ

                ถึงแม้ว่าจะมีหน้าตาที่ยังเยาว์วัยนัก แต่จิตใจของลักซ์นั้นได้เติบโตขึ้นจนเป็นเลขาที่สมบูรณ์แบบแล้ว หลังจากที่เธอหนีออกมาจากลัทธินั่น เธอก็ได้พยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อตอบแทนฮอดกินส์และบริษัทที่รับเธอเข้ามา

                ท่านประธานคะ ทำงานให้เสร็จก่อนแล้วค่อยทานของว่างนะคะ

                มือของฮอดกินส์ที่กำลังพยายามจะเอาอะไรบางอย่างออกมาจากใต้โต๊ะก็หยุดชะงัก และเอาขึ้นมาบนโต๊ะเหมือนเดิม

                อะไรกันน่ะ? อะไรกันน่ะ? อะไรกันน่ะ?! เพราะว่ามีแต่ออโต้เมมโมรี่ดอลล์ที่ได้หยุดก็เลยช่วยไม่ได้งั้นหรอ?

                แคทลียาตั้งใจจะทะเลาะต่อ แต่ก่อนที่เธอจะได้ทำแบบนั้น ลักซ์ก็รับโทรศัพท์เสียก่อน ชายหนุ่มจึงส่งสายตามาที่เธอราวกับจะเอ่ยว่า ขอโทษด้วยนะ

                ฉันเข้าใจล่ะ

                เห็นได้ชัดอยู่แล้วว่าทุกคนในบริษัทกำลังยุ่ง เธอรู้ตัวดีกว่ากำลังรบกวนการทำงานของพวกเขาอยู่

                อย่างไรก็ตาม ออโต้เมมโมรี่ดอลล์ที่มีนามว่าแคทลียาก็ไม่ได้ตั้งใจที่จะยอมแพ้ เธอยื่นแผ่นพับให้ฮอดกินส์ที่กำลังประทับเอกสารอยู่ดู แต่ปีหนึ่งมันมีแค่ครั้งเดียวเองนะ...ที่เราจะได้เข้าร่วมงาน จดหมายโบยบินน่ะ ฉันฉันเขียนจดหมายเรียบร้อยแล้ว และฉันก็ไม่ได้เชิญใครไปด้วยเพราะท่านประธานบอกว่าจะพาฉันไป ฉันไม่อยากไปคนเดียวนี่นา การที่ต้องไปร่วมงานเทศกาลคนเดียวน่ะ...มันไม่โหดร้ายไปหน่อยหรอ?

                คำว่า นิทรรศการการบินครั้งที่เจ็ดถูกเขียนขึ้นบนแผ่นพับนั่น นิทรรศการดังกล่าวจะถูกจัดขึ้นในพื้นที่ซ้อมรบของกองทัพอากาศของไลเดนชาฟต์ลิช ซึ่งดูเหมือนจะประกอบไปด้วยการสาธิตการซ้อมรบกลางอากาศ และการแสดงเครื่องบินของกองทัพบกและกองทัพเรือ ยังรวมไปถึงการชุมนุมโดยส่วนตัวของอาสาสมัคร ซึ่ง จดหมายโบยบินที่แคทลียาพูดถึงก็เป็นหนึ่งในงานนั้นด้วย ซึ่งเป็นงานที่มีไอเดียว่า จดหมายที่จะให้กำลังใจใครก็ตามที่หยิบมันขึ้นมาซึ่งจดหมายที่ถูกรวบรวมมานั้นจะถูกโปรยลงมาจากฟากฟ้าโดยนักบินที่มีเกียรติที่ถูกเลือกมาจากกองทัพบกและกองทัพเรือ มันเป็นเทศกาลที่แสนโรแมนติก ที่ผู้เข้าร่วมงานทุกคนจะได้เขียนข้อความที่สร้างแรงบันดาลใจแก่คนแปลกหน้าที่เลือกจดหมายของพวกเขา งานนิทรรศการครั้งที่หกนั้นเคยถูกจัดขึ้นเมื่อหลายปีก่อน และดูเหมือนจะถูกยกเลิกไประยะหนึ่งเพราะสงครามที่เริ่มทวีความรุนแรงขึ้น

                เธอยื่นจดหมายไปจ่อหน้าของฮอดกินส์จนเขาแทบจะจูบมัน และมันก็ทำให้เขาจาม

                ฉันอยากไปกับเธอนะแคทลียา แต่ฉันลืมไปน่ะสิว่าวันนี้เป็นวันปิดทำการน่ะ...

                แคทลียาคิ้วตก ดวงตาสีม่วงอะมีทิสของเธอฉายแววเศร้าโศก ในตอนนี้เธอเหมือนกับสุนัขที่กำลังร้องไห้ไม่มีผิด

                ฮอดกินส์รู้สึกผิดขึ้นมาทันที อย่าทำหน้าแบบนั้นสิสาวน้อยผู้น่ารักของฉัน ยังไงเทศกาลก็จัดไปจนถึงช่วงค่ำอยู่แล้ว ตอนนั้นฉันก็คงไปร่วมงานกับเธอได้ เพราะฉันเองก็อยากให้ลูกจ้างของฉันเลิกเร็วเหมือนกัน จะได้ไปงานเทศกาลได้ แต่เราคงทำเสร็จไม่ทันช่วงจดหมายโบยบินหรอกนะ...ฉันคิดว่าแบบนั้น ไม่รู้สิ ดูเหมือนจะเป็นแบบนั้นน่ะนะ

                ฉันจะต้อง...อยู่ตัวคนเดียวจนถึงตอนนั้นหรือคะ?

                เบเนดิกต์ก็...อยู่ในระหว่าง...การส่งจดหมายเหมือนกันด้วยสิ

                ช่างเขาเถอะค่ะ ทำไมคุณต้องพูดถึงเขาด้วยล่ะคะ?หน้าของเธอเริ่มแดง แคทลียาพยายามจะล้มโต๊ะของฮอดกินส์ มันเป็นความแข็งแกร่งที่คิดไม่ถึงเลยทีเดียวเมื่อเห็นแขนเพรียว ๆ ของเธอ

                ฮอดกินส์รีบจัดโต๊ะกลับมาที่เดิม ใจเย็นก่อนแคทลียา ฉันเข้าใจ แต่ดูเหมือนคนเดียวที่ว่างและอายุพอ ๆ กับเธอก็มีแต่... ลักซ์ตัวน้อย ช่วยเอาตารางงานของลูกจ้างมาให้ฉันดูหน่อยสิ

                ถึงแม้ว่าเธอกำลังถือสายอยู่ แต่ลักซ์ก็ยื่นสมุดบันทึกที่บันทึกแผนงานของลูกจ้างทุกคนที่ลงทะเบียนเอาไว้ให้กับฮอดกินส์พร้อมกับคุยโทรศัพท์ด้วยน้ำเสียงร่าเริง

                ฮอดกินส์ยิ้ม เพราะเขาพบคนที่ดูเหมือนจะเหมาะกับสถานการณ์ในตอนนี้มากที่สุด อ่า วันนี้ไวโอเล็ตก็ได้หยุดงานเหมือนกันนะ

                หา?น้ำเสียงของแคทลียามีการแสดงการปฏิเสธเล็กน้อย

     



                คฤหาสน์ที่ตั้งอยู่บนถนนที่เต็มไปด้วยต้นไม้ พร้อมพรั่งด้วยดอกไม้หลากสีและพืชผลนานาชนิดในสนามหญ้าที่เป็นระเบียบและหรูหรา คือคฤหาสน์ของตระกูลเอเวอร์การ์เดน ซึ่งมีแพทริก เอเวอร์การ์เดนเป็นผู้นำของตระกูล และมันใหญ่โตเสียจนน่าจะเป็นปราสาทมากกว่าคฤหาสน์เสียอีก คฤหาสน์มีกำแพงสีขาวสะอาดราวกับชอล์กและหลังคาสีฟ้าเข้ม สถาปัตยกรรมของตัวคฤหาสน์นั้นมีความสง่างามและมีความสมดุลเท่ากันทั้งสองด้าน ตั้งแต่ยอดหลังคาไปจนถึงหน้าต่างเลยทีเดียว

                ในขณะที่คนสวนเห็นแคทลียากำลังเดินผ่านสนามหญ้า เขาก็ตะโกนถาม คุณคือคุณแคทลียา โบเดอแลร์ใช่ไหมครับ?

                เนื่องจากก่อนหน้านี้ฮอดกินส์ได้คุยกับพวกเขาเรียบร้อยแล้ว คนสวนจึงเดินตามเธอมาตั้งแต่หน้าประตูไปจนถึงคฤหาสน์ และเมื่อเธอมาถึงชานหน้าคฤหาสน์ก็มีพ่อบ้านออกมาต้อนรับเธอเรียบร้อย

                เธอกำลังลงมาครับ

                ในขณะที่เธอกำลังนั่งรออยู่ในห้องรับแขกอย่างไม่มีอะไรทำ ไม่นานหลังจากนั้นไวโอเล็ต เอเวอร์การ์เดนก็ปรากฏตัวขึ้นเหมือนกับที่พ่อบ้านพูดไว้ก่อนหน้านี้ แคทลียา...?

                ไวโอเล็ตปรากฏตัวขึ้นโดยไม่ให้สุ้มไม่ให้เสียง และมันก็คงไม่ใช่เพราะพรมที่ทำให้เธอไม่ได้ยินเสียงของหญิงสาว แต่คงเป็นเพราะตัวเธอเองเดินมาโดยไร้ซึ่งเสียงเลยมากกว่า ในวันนี้เธอสวมเดรสที่ต่างจากเดรสที่เธอสวมในฐานะออโต้เมมโมรี่ดอลล์ ผมของเธอมัดไว้หลวม ๆ และปล่อยลงมาข้างเดียวและประดับด้วยดอกไม้ คำว่าน่ารักคงจะเป็นคำที่เหมาะที่จะบรรยายตัวเธอในตอนนี้มากที่สุด เธอสวมเดรสสีขาวที่มีลายดอกไม้สีฟ้า และดอกไม้บนเดรสของเธอนั้นไม่ได้ถูกออกแบบให้กระจัดกระจายอย่างไม่มีแบบแผน แต่ได้ถูกออกแบบให้เหมือนกับมันกำลังร่วงหล่นลงมาจากไหล่ไปจนถึงหน้าอกของเธอ สภาพอากาศในไลเดนชาฟต์ลิชยังคงอบอุ่นอยู่เช่นเคยถึงแม้ว่าฤดูร้อนจะสิ้นสุดลงแล้วก็ตาม และมันก็เหมาะกับการที่จะใส่แค่เดรสแบบเธอ แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังสวมเสื้อคาร์ดิแดนสีน้ำเงินเข้มทับชุดเดรสของเธออยู่ดี และบางทีอาจเป็นเพราะต้องการปิดแขนเทียมของเธอ และเช่นเคย เข็มกลัดมรกตนั่นยังคงกลัดอยู่บนหน้าอกของเธอ

                พอเธอใส่เดรสแบบนี้ก็ดูเหมือน...เลดี้คนหนึ่งดีนะ น่ารักดีจัง

                ไวโอเล็ตเอ่ยตอบ มันเป็นสไตล์แบบที่แม่บุญธรรมของฉันชอบน่ะค่ะ แต่ที่สำคัญกว่านั้น มีอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่าคะ?ราวกับดวงตาสีฟ้าของเธอกำลังพูดว่า เกิดอะไรขึ้นทำไมคุณถึงมาหาฉันถึงที่บ้าน? รีบตอบโดยเร็วเลยค่ะ

                อ่า ก็แบบว่า...

                แคทลียานึกถึงสิ่งที่ฮอดกินส์พูดกับเธอถึงวิธีการเกลี้ยกล่อมไว้โอเล็ต หญิงสาวที่แสนลึกลับคนนี้ ฟังให้ดีนะ ถ้าเธออยากจะชวนไวโอเล็ตตัวน้อยไปด้วย...เธอต้องพูดว่า...มันเป็นภารกิจที่ฉันจะให้เธอทำ

                เขาดูมั่นใจมากเหลือเกินว่ามันจะได้ผล ไวโอเล็ตมักจะเชื่อฟังและแสดงความบริสุทธิ์ใจอยู่เสมอในตอนที่เธอคุยกับฮอดกินส์ แต่พอเป็นคนอื่นแล้วเธอจะแสดงในท่าทีที่ต่างออกไป

                ––ผู้หญิงคนนี้แปลกจริง ๆ นะ

                แคทลียารู้ว่าเธอเคยเป็นทหารมาก่อน และเคยอยู่ในกองทัพของไลเดนชาฟต์ลิชเหมือนกับฮอดกินส์ คนที่แคทลียารักอย่างสุดหัวใจ ท่ามกลางคนแปลก ๆ ทั้งหลายแหล่ที่ฮอดกินส์เลือกมาทำงานในบริษัทไปรษณีย์ซีเอชนั้น ไม่เคยมีใครเคยเป็นทหารเก่าอย่างเธอมาก่อนเลย

                อย่างไรก็ตาม ถึงจะไม่มีใครรู้ประวัติความเป็นมาของเธอ แต่ไวโอเล็ตก็เป็นคนที่ดูลึกลับมากคนหนึ่ง

                เธอไม่เคยยิ้มเลยสักครั้ง และเธอก็มักจะพูดอย่างสุภาพอยู่เสมอ แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่เคยประจบใครอีกเหมือนกัน  เธอมักจะสร้างระยะห่างระหว่างคนอื่น ๆ เสมอ แต่ก็ไม่เคยแสดงท่าทีว่าเธอเหงาแต่อย่างใด เธอเป็นคนสวย และมีหัวใจที่ด้านชาราวกับน้ำแข็ง แคทลียามองเธอเป็นแบบนั้น

                คือว่าเรื่องนี้น่ะ...มีการคุยกันมาก่อนแล้วล่ะนะ

                นั่นจึงเป็นเหตุผลที่เธอกังวลว่าเธอจะพูดอะไรที่ทำให้เธอระแคะระคายหรือไม่ ไวโอเล็ตเคยฟังคำสั่งใครนอกจากฮอกกินส์หรือเปล่านะ? แล้วถ้าเธอฟัง พวกเขาจะเคยมีช่วงเวลาที่สนุกสนานบ้างหรือเปล่านะ?

                ––แต่ถึงอย่างนั้นก็ดีกว่าต้องไปงานเทศกาลคนเดียวละกัน

                แคทลียาจึงเอ่ย ไวโอเล็ต เธอต้องมากับฉัน มันเป็นภารกิจที่ท่านประธานฮอดกินส์มอบให้เธอ เธอต้องไปงานนิทรรศการการบินกับฉันจนกว่าท่านประธานจะมาร่วมงานได้

                หลังจากที่เธอพูดออกไปราวกับกำลังออกคำสั่งนั้นก็เกิดความเงียบขึ้นมาชั่วอึดใจ

                หญิงสาวที่มีใบหน้าเรียบเฉย เงียบขรึม ดูไม่เป็นมิตร และสวยงามราวกับเจ้าหญิงน้ำแข็งกะพริบตาหลายครั้ง ขนตางอนยาวของเธอกระพือขึ้นลงและใบหน้าเต็มไปด้วยคำถาม ภารกิจ...หรือคะ?

                ใช่แล้ว ภารกิจ

                มันเป็นภารกิจจริง ๆ หรือคะ?

                แคทลียาหลบดวงตาสีฟ้าใสของไวโอเล็ตที่สะท้อนภาพของเธออยู่ในแววตา ถ-ถ้า...เธอคิดว่ามันเป็นเรื่องโกหก เธอไปถามท่านประธานดูเลยก็ได้

                ไม่ได้หรอกค่ะ วันนี้เป็นวันปิดทำการ และเขาก็คงจะยุ่งอยู่ เพราะงั้นฉันจะไม่โทรไปหรอกค่ะ ฉันเข้าใจค่ะ ถ้าท่านประธานขอให้ฉันทำภารกิจนี้ ฉันก็จะทำค่ะนอกจากเรื่องที่เธอกังวลเรื่องวันปิดทำการแล้ว เธอยังนึกถึงผู้อุปถัมภ์ของเธอด้วย ไม่เหมือนกับแคทลียาเลยสักนิด

                พอเธอยินยอมข้อตกลงนั่นแคทลียาก็เริ่มรู้สึกอึดอัดใจ เธอรู้สึกเหมือนกับว่าเธอกำลังคุยกับเครื่องจักร นางฟ้า หรือไม่ก็ภูตผี – อะไรสักอย่างที่เธอไม่สามารถเข้าถึงได้เลย

                เธอจะไปกับฉันจริง ๆ หรอ?

                ค่ะ

                จริง ๆ น่ะหรอ?

                จริง ๆ ค่ะ

    เธอ...ไม่เหมือนกับคนที่มีชีวิตเลยนะ แต่เธอยังมีชีวิตอยู่ใช่ไหม?

                ค่ะ

                ฉันแค่ถามไปงั้นแหละ แต่ว่าท่านประธานน่ะรู้สึกจะเอ็นดูเธอเป็นพิเศษเลยนะ พวกเธอสองคนเป็นคนรักกันหรอ?

                ไม่ใช่เลยค่ะ

                แล้วเธอคิดยังไงกับเบเนดิกต์?

                เบเนดิกต์หรือคะ? เขามีความสามารถในการต่อสู้ที่ดีเลยล่ะค่ะ แล้วก็ยังมีความเป็นผู้นำเสียจนน่าตกใจเลยค่ะ

                มันเป็นคำถามที่ค่อนข้างหยาบคาย แต่ไวโอเล็ตก็ยังตอบอย่างจริงจังโดยที่ไม่ได้เอะใจเลยสักนิด

                แคทลียาเริ่มรู้สึกมีชีวิตชีวาเพราะคำตอบของเธอ เธอจึงปล่อยให้ความรู้สึกสนุกครอบงำและเริ่มกระโดดไปมา ฉันดีใจนะที่เราสนใจอะไรเหมือน ๆ กันน่ะ งั้นถ้าทุกอย่างลงตัวแล้วก็ไปกันเถอะ! ไปบอกคนในบ้านซะสิว่าเธอจะออกไปข้างนอกน่ะ แล้วก็นะไวโอเล็ต เอากระดาษ ซองจดหมาย และก็ปากกาหมึกซึมไปด้วยล่ะ เพราะว่าเรากำลังจะไปร่วมงานจดหมายโบยบิน

                “’จดหมายโบยบิน...ถ้าฉันเข้าใจไม่ผิด มันเป็นหนึ่งในแผนการแสดงโดยกองทัพบกและกองทัพเรือใช่ไหมคะ?

                อย่างที่คาดไว้ไม่ผิด เธอเป็นถึงทหารเก่า เธอย่อมจะรู้เรื่องนี้ดีอยู่แล้ว

                แคทลียาจึงถามว่าเธอเคยเข้าร่วมงานไหม แต่ไวโอเล็ตกลับส่ายหัวเบา ๆ ฉันไม่เคยดูค่ะ แต่เคยมีคนเล่าให้ฉันฟังไว้เป็นข้อมูลน่ะค่ะ…”

                แล้วใครเป็นคนเล่าให้เธอฟังกันล่ะ? ไวโอเล็ตไม่ได้บอกเกี่ยวกับเรื่องนี้

                แคทลียาคะ ไม่มีอะไรที่จำเป็นนอกเหนือจากกระดาษและก็อุปกรณ์อื่น ๆ แล้วใช่ไหมคะ? ท่านประธานฮอดกินส์ได้อนุญาตให้ฉันพกปืนไปด้วยหรือเปล่าคะ?

                ไม่จำเป็นต้องพกอาวุธไปหรอกนะ อะไรของเธอน่ะ? มันน่ากลัวออกจะตายไป

                ก็คุณพูดว่ามันเป็นภารกิจน่ะค่ะ ฉันก็เลย...

                ไวโอเล็ตไม่เข้าใจเรื่องต่าง ๆ และก็ทำให้แคทลียารู้สึกงุนงงตามไปด้วย แต่โชคดีที่สุดท้ายทั้งสองคนก็ออกไปข้างนอกด้วยกันได้

     



                พื้นที่ที่ใช้ในการซ้อมรบทางอากาศของกองทัพไลเดนชาฟต์ลิชตั้งอยู่ห่างจากเมืองไลเดนออกไป เส้นทางในการไปไม่ได้ลำบากอะไร และวิธีเดินทางที่ง่ายที่สุดจากตัวเมืองก็คือการนั่งรถม้าหรือรถบรรทุก เมื่อมาถึงจุดหมาย  ก็จะเห็นป่าที่ล้อมรอบด้วยต้นไม้มากมาย มันเป็นสถานที่ที่เขียวขจีเสียจนทำให้ผู้คนที่เคยอยู่แต่ในเมืองรู้สึกเป็นกังวลขึ้นมาชั่วครู่เลย แต่ก็ไม่มีอะไรที่ต้องกลัวทั้งนั้น เมื่อข้ามถนนลาดยางที่เต็มไปด้วยป่าไม้ข้างทางโดยที่ต้องพึ่งป้ายบอกทางไปนั้น พวกเขาก็จะมาถึงพื้นที่ในการซ้อมรบ ที่เป็นจุดหมายของพวกเขา

                ปกติแล้วประชาชนทั่วไปจะถูกสั่งห้ามไม่ให้เข้ามาในบริเวณนี้ แต่จะได้รับอนุญาตให้เข้ามาได้ในช่วงนิทรรศการการบิน ร้านอาหารและเครื่องดื่มจะได้รับอนุญาตให้ขายได้ในบริเวณที่ใช้ในการออกกำลังกาย สิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ในทางทหารถูกเปลี่ยนเป็นเทศกาลในชั่วพริบตา

                ชายและหญิงทุกรุ่นทุกวัยรวมตัวกันอยู่ในบริเวณจัดงาน ผู้คนเหล่านั้นเป็นทั้งครอบครัวของทหารในกองทัพบกและกองทัพเรือ ผู้ที่มาร่วมงานทั่วไป ผู้ที่คลั่งไคล้ในเครื่องบินตัวยงที่เดินทางมาจากที่ที่ห่างไกลเพื่อมาชมการแสดงโดยเฉพาะ และคนอื่น ๆ อีกมากมาย คนในงานส่วนใหญ่จะเป็นผู้ชายมากกว่าผู้หญิง หญิงสาวอย่างไวโอเล็ตและแคทลียาถือเป็นส่วนน้อยเลยล่ะ

                น่าทึ่งจัง มันใหญ่มากเลย ปกติแล้วพวกเขาก็คงจะฝึกซ้อมกันที่นี่ด้วยสินะ...ดูสิ! เครื่องบินรบหรอ? มันคือเครื่องบินรบหรอ?แคทลียาไม่แม้แต่จะซ่อนความตกใจไว้เลยเมื่อเธอเห็นเครื่องบินรบเข้า

                มันคือเครื่องบินลาดตระเวนค่ะ ชื่อว่า Ptarmigan*ไวโอเล็ตได้บอกชื่อที่ถูกต้องของหน่วยรบนั่น ทั้งกองทัพบกและกองทัพเรือต่างก็มีกองทัพอากาศค่ะ แต่ถ้ารู้ชื่อของเครื่องบิน เราก็จะรู้ได้ทันทีเลยค่ะว่าเครื่องบินลำนี้เป็นของกองทัพไหน ชื่อของเครื่องบินกองทัพบกจะตั้งชื่อตามนกค่ะ แต่รู้สึกว่ากองทัพเรือจะตั้งชื่อตามสัตว์น้ำนะคะ

                การที่หญิงสาวที่สวยงามและแสนลึกลับกำลังพูดถึงเรื่องเครื่องบินรบนั้นช่างเป็นภาพที่แปลกเหลือเกิน

                เนื่องจากพื้นที่การซ้อมรบนั้นปกติจะมีแค่ทหารที่ใช้ มันจึงถูกกั้นออกเป็นหลายโซน พื้นที่ที่ใช้ในการจัดงานจึงเป็นกล่องสี่เหลี่ยม นิทรรศการการบินจะจัดขึ้นตรงรอบนอกของงาน ส่วนบริเวณโดยรอบเป็นโรงเก็บเครื่องบินซึ่งเต็มไปด้วยยานพาหนะมากมายของกองทัพบก สถานที่พักผ่อนหย่อนใจของทหาร สำนักงานใหญ่ของนิทรรศการการบิน และหอควบคุมที่อยู่บนดาดฟ้าที่ถูกปิดไว้ด้วยผ้าคลุม ซึ่งแน่นอนว่าไม่มีทางมองเห็นข้างในได้เลย นอกจากนั้นสำนักงานใหญ่และหอควบคุมยังล้อมด้วยรั้ว และใครก็ตามที่ไม่ใช่บุคลากรจะไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไป

                หนึ่งในไฮไลท์ของงานนิทรรศการบินซึ่งจะได้รับการถ่ายทอดสดจากฝ่ายประชาสัมพันธ์ของกองทัพบกนั้นจะถูกจัดขึ้นในสำนักงานใหญ่

                ดูที่หน้างานสิครับ เครื่องบินรบงูทะเลหกลำกำลังจัดรูปแบบแถวเป็นแบบเพชรอยู่ครับ ดูการจัดแถวของพวกเขาสิครับ

                เครื่องบินรบของกองทัพเรือบินผ่านพื้นที่ซ้อมรบและแสดงเทคนิคการบินที่ยอดเยี่ยม ในขณะที่พวกเขาบินผ่านไปก็จะเหลือควันสีขาวไว้บนท้องฟ้าที่แสดงให้เห็นว่าพวกเขาบินผ่านมาแล้ว

                นักบินคนแรกคือจู๊ด แบรดเบิร์นจากไลเดน และคนที่สองคือเฮนรี่ การ์ดเนอร์จากเบรแกนด์!”

                ผู้ชมมองขึ้นไปบนท้องฟ้าและส่งเสียงเชียร์ วงออเครสต้าเล่นดนตรีพร้อมกับคนพากย์ที่กำลังพากย์อย่างร้อนแรงเพื่อสร้างบรรยากาศในงาน

                แคทลียาเปิดแผ่นพับที่เธอได้รับมาเพื่อดูเวลาที่เครื่องบินรบกำลังแสดงการสาธิตการบินอยู่ ดูเหมือนว่ามันจะเป็นไปตามตารางเวลาที่กำหนดไว้เป๊ะ ซึ่งจดหมายโบยบินจะเริ่มหลังจากนี้

                เธอจับแขนไวโอเล็ตที่สายตาของเธอได้ถูกเครื่องบินรบขโมยไปเรียบร้อย นี่ รู้สึกว่าอีกสักพักเลยล่ะจดหมายโบยบินถึงจะเริ่ม ถ้าอย่างนั้นเราไปซื้อของกินแล้วก็มานั่งดูกันดีไหม ดูเหมือนว่าการฝึกบินจะยังไม่หยุดง่าย ๆ น่ะนะ มีอะไรที่เธออยากกินไหมไวโอเล็ต?

                เราได้รับอนุญาตให้ซื้ออาหารด้วยหรือคะ? ถ้าอย่างนั้นเราก็ซื้ออะไรที่เก็บรักษาไว้ได้ดีกว่าซื้อสิ่งที่อร่อยดีไหมคะ?

                โดยที่ไม่ได้หันมามองแคทลียาเลยแม้แต่น้อย ไวโอเล็ตขยับคอของเธอไปตามเครื่องบินรบที่อยู่บนท้องฟ้า แคทลียาจึงยื่นนิ้วออกไปใกล้ ๆ ใบหน้าของเธอ และเมื่อไวโอเล็ตหัวหน้ามา แก้มของเธอจึงโดนนิ้วจิ้ม และมันให้ความรู้สึกที่นุ่มหยุ่น

                ไวโอเล็ต มองฉันสิ

                ถึงแม้ว่าแขนที่แคทลียาจับไว้จะแข็ง แต่แก้มของเธอช่างนุ่มเหลือเกิน

                ––เธอลึกลับ และก็น่ากลัวหน่อย ๆ นะเนี่ย

                อย่างไรก็ตาม แคทลียาก็รู้สึกโล่งใจที่รู้ว่าหญิงสาวคนนี้ก็มีร่างกายบางส่วนที่นุ่มอยู่เหมือนกัน

                หยุดเถอะค่ะ

                เธอรู้สึกมีความสุขเมื่อเห็นปฏิกิริยาต่อต้านของไวโอเล็ต แต่ฉันไม่อยากหยุดนี่นา นี่น่ะเป็นการลงโทษจากฉันที่เธอไม่ยอมหันมามองกันดี ๆ นี่ ฉันว่าเธอน่ะกำลังเข้าใจผิดนะ ถึงนี่จะเป็นภารกิจก็เถอะ แต่มันก็สนุกได้เหมือนกันนั่นแหละ เราไม่จำเป็นเก็บอาหารไว้หรอกนะ


    image


                “’สนุก หรือคะ...?

                เธอเองก็...มีช่วงที่ได้ใช้เวลาสนุก ๆ กับลักซ์เหมือนกันไม่ใช่หรอ? อย่างเช่นดื่มชาอะไรแบบนั้นน่ะ

                อ่า ค่ะ เราดื่มชาด้วยกัน

                ใช่แล้ว เธอเองก็ต้องทำแบบนั้นกับฉันเหมือนกัน เราจะกิน คุย และก็ร่วมสนุกในงานเทศกาลด้วยกัน ดูเหมือนว่ากว่าจะถึงตอนนั้นทุกคนในบริษัทก็คงจะทำงานเสร็จไปบ้างแล้วล่ะ เราค่อยไปร่วมสนุกกับพวกเขาทีหลังก็ได้

                นี่เป็นภารกิจหรือเปล่าคะ?

                ใช่ เป็นภารกิจที่เยี่ยมยอดไปเลยล่ะ สุดยอดของสุดยอดภารกิจเลย

                แคทลียาออกแรงดึงไวโอเล็ตผู้ที่ต้องการคำยืนยันไปยังร้านค้า

                ฉันอยากรู้รายละเอียดภารกิจที่ว่า สนุกมากกว่านี้ค่ะ

                เธอนี่เข้าใจยากจังนะ เธอไม่เคยใช้เวลา ๆ สนุกเลยใช่ไหมนี่? ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวพี่สาวคนนี้จะสอนเธอเอง

                ไวโอเล็ตมองไปยังมือของพวกเธอที่จับกันไว้ราวกับมันเป็นสิ่งที่แปลก แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่ได้พยายามจะสะบัดมือออกแต่อย่างใด และเดินตามแคทลียาไปราวกับลูกนกตัวหนึ่ง

     



                ทั้งสองคนเข้าไปทุกร้านตั้งแต่ร้านแรกไปจนถึงร้านสุดท้าย และซื้อเยอะเสียจนหอบด้วยแขนของพวกเธอไม่ไหว พวกเธอมองไปยังเด็ก ๆ ที่กำลังวิ่งตามเครื่องบินรบด้วยสายตาอ่อนโยน โบกมือให้พวกผู้ชายที่เรียกพวกเธอเพราะพวกเธอไม่ได้มีผู้ชายมาด้วยอย่างแรง และเอ่ยชมสื่อของกองทัพบกในระหว่างที่ปรบมือให้เครื่องบินรบหลายลำที่กำลังบินผ่านไป พวกเธอยังได้เข้าไปเล่นในสนามเด็กเล่นอย่างเช่นม้าหมุนและปาลูกดอกที่เต็มไปด้วยเด็ก ๆ อีกด้วย ถึงแม้แคทลียาจะรู้ว่าไวโอเล็ตเป็นคนที่เข้าใจอะไรยาก แต่เธอก็หาวิธีที่จะทำให้อีกคนร่วมสนุกกับเธอได้เพราะความมีชีวิตชีวาและเป็นมิตรของเธอ

                แคทลียา รอก่อนค่ะแคทลียา

                อันนี้อร่อยจัง อร่อยจริง ๆ นะ อ้าปากหน่อยสิ

                ฉันไม่อยากกินค่ะ"

                มันเป็นภารกิจนะ เพราะฉะนั้นเธอต้องกิน

                คุณคงไม่คิดว่าที่ฉันยอมทำแบบนี้ด้วยเป็นเพราะคุณพูดว่ามันเป็นภารกิจใช่ไหมคะ?

                อ้ามม นี่ มันจะหล่นนะ ถ้ามันหล่นฉันจะโทษว่ามันเป็นความผิดของเธอ

                เธอดูอ่อนข้อลงอย่างน่าประหลาดเมื่อได้รับแรงกดดัน เพราะอย่างนั้นแคทลียาจึงคิดว่าเธอน่ารักเหมือนกับเด็กผู้หญิงที่อายุน้อยกว่าเธอที่กำลังเดินเล่นอยู่ การที่ต้องทำตัวเหมือนพี่สาวเป็นอะไรที่ง่ายมากสำหรับแคทลียา

                หลังจากที่เดินเล่นมาสักพัก พวกเธอทั้งสองคนจึงตัดสินใจนั่งพัก ถึงแม้ว่าจะเป็นช่วงปลายหน้าร้อนแล้ว แต่การที่ได้รับแสงอาทิตย์เป็นเวลานานก็มีแต่ทำให้รู้สึกเหนื่อยล้ายิ่งกว่าเดิม พวกเธอนั่งลงบนม้านั่งในสถานที่พักผ่อนหย่อนใจที่มีเต็นท์ขนาดใหญ่ไว้บังร่ม ซึ่งช่วยให้ผู้ที่มานั่งพักรู้สึกเย็นขึ้นบ้าง และพวกเธอก็ยังสามารถดูการฝึกซ้อมการบินจากตรงนี้ได้ด้วย

                ยังไม่เสร็จอีกหรอ?

                เราไม่รู้ว่าใครจะได้รับจดหมายไปนี่คะ แล้วก็มันจะต้องเป็นจดหมายที่ให้กำลังใจด้วย สิ่งนี้ถือเป็นคุณสมบัติอย่างหนึ่งของออโต้เมมโมรี่ดอลล์ค่ะ

                ไวโอเล็ตเขียนจดหมายสำหรับจดหมายโบยบิน ซึ่งจดหมายทั้งหมดจะถูกรวบรวมให้กับนักบินและโปรยลงมาจากเครื่องบิน ซึ่งเครื่องบินใบพัดที่ทำหน้าที่นี้ก็ได้เริ่มรวบรวมจดหมายแล้ว ผู้คนที่กำลังรวบรวมจดหมายนั้นกลายเป็นจุดสนใจของทุกคน ทั้งผู้หญิงและเด็กปีนขึ้นไปบนเครื่องบินลำนั้นได้ภายในครั้งเดียว และอาจเป็นเพราะว่าตัวเครื่องบินมีสีเหลืองที่ส่องประกายตัดกับสีท้องฟ้าก็เป็นได้

                เธอที่เขียนจดหมายเสร็จแล้วจึงไม่มีอะไรทำ แคทลียาจึงยื่นจมูกเข้าไปใกล้ ๆ ไวโอเล็ต ผู้ที่กำลังเขียนจดหมายและกำลังจะเขียนดีขึ้นเรื่อย ๆ

                เธอพยายามเรียกร้องความสนใจ แคทลียาเบ้ปาก นี่ ไม่มีใครรู้หรอกนะว่าใครเป็นคนเขียนมันน่ะ เธออยากจะเขียนอะไรก็เขียนไปเถอะ"

                ฉันเขียนไม่ดีเลยค่ะ ฉันจะเขียนใหม่ ไวโอเล็ตเก็บจดหมายของเธอที่เพิ่งเขียนไปไว้ในซองจดหมาย และหยิบกระดาษขึ้นมาใหม่แต่ก็ยังไม่เริ่มเขียนอะไร คุณเขียนว่าอะไรหรือคะแคทลียา?

                เห็นได้ชัดว่าเธอกำลังถูกขอคำแนะนำ แคทลียาจึงตอบพร้อมกับยืดอกเล็กน้อยซึ่งนั่นทำให้หน้าอกของเธอใหญ่ยิ่งกว่าเดิมเสียอีก “’คุณโชคดีมากที่หยิบจดหมายของฉัน! สิ่งดี ๆ จะเกิดขึ้นกับคุณแน่นอน ถึงมันไม่เกิดขึ้น คุณก็จะไม่ตายหรอกนะ’”

                คุณเขียนอย่างนั้นหรือคะ?

                ช่าย

                มันช่างเป็นอะไรที่เหมือนกับแคทลียามากเหลือเกิน แต่อย่างไรก็ตาม มันก็ดูเหมือนจะไม่ใช่คำแนะนำที่ดีกับไวโอเล็ตเท่าไหร่

                อะไรกัน~? เธอไม่เขียนจดหมายอย่างอื่นนอกเหนือจากงานหรืออะไรแบบนั้นเลยหรอ? มันเป็นเรื่องที่หนักใจมากสำหรับเธอจริง ๆ น่ะหรอ?

                ฉันไม่ได้เขียนจดหมายส่วนตัวให้ใครสักคนมานานแล้วค่ะ ฉันจะเขียนก็ต่อเมื่อได้รับงานมาเท่านั้น"

                แม้ว่ามันจะเกิดขึ้นแค่เพียงแวบเดียว แต่แคทลียาก็จับสังเกตการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยบนสีหน้าของไวโอเล็ตได้ เธอเป็นคนที่ชอบขยับเข้าไปใกล้คนอื่น ๆ อยู่แล้ว และในตอนนี้ระยะห่างระหว่างเธอกับไวโอเล็ตก็เริ่มลดลง ที่เธอพูดน่าสนใจดีนะ ทำไมเธอถึงไม่ได้เขียนแล้วล่ะ? บอกฉันหน่อยสิ

                ไวโอเล็ตขยับตัวออกห่าง และแคทลียาก็ขยับเข้ามาใกล้ยิ่งกว่าเดิม ไวโอเล็ตขยับตัวอีกครั้ง จนในที่สุดพวกเธอทั้งสองคนก็มาตัวติดกันอยู่ตรงปลายม้านั่ง

                ทำไมฉันต้องบอกล่ะคะ?

                เพราะว่ามันน่าสนใจน่ะสิ ทำไมเธอถึงเลิกเขียนล่ะ? ให้ฉันลองเดาดูดีไหม? คนที่เธอส่งไปให้เป็นผู้ชายใช่ไหม? และก็เป็นคนพิเศษด้วย ผู้ชายที่เธอให้ความสนใจมากเป็นพิเศษที่ไม่ใช่ครอบครัวหรือพี่น้อง

                คุณรู้เพศได้ยังไงคะ?ไวโอเล็ตมองไปที่แคทลียาตรง ๆ เป็นครั้งแรก

                ลูกค้าของเธอกับฉันน่ะต่างกันนะ ลูกค้าของฉันส่วนใหญ่จะเป็นหญิงสาวที่อยากจะเขียนจดหมายรักอะไรแบบนั้น หรือเรียกในอีกชื่อหนึ่งก็ หญิงสาวที่กำลังอยู่ในห้วงแห่งความรัก ล่ะมั้ง พวกเธอเป็นผู้หญิงที่อยากรู้ว่าควรจะทำยังไงดีที่จะได้จับมือกับผู้ชายคนนั้น หรือไม่ก็พวกผู้ชายที่ไม่เข้าใจผู้หญิงและก็อยากให้พวกเธอหันมาสนใจเขา ฉันน่ะมักจะถูกถามเรื่องเคล็ดลับพวกนี้อยู่บ่อย ๆ เลยล่ะ

                แค่สะกิดไหล่เธอแล้วก็เรียกชื่อเธอก็พอแล้วไม่ใช่หรือคะ?

                มันไม่ใช่เรื่องแค่นั้นหรอกนะแคทลียาดีดหน้าผากของไวโอเล็ตด้วยนิ้วของเธอ นี่ เขาเป็นคนแบบไหนหรอ? คนที่เธอชอบน่ะ

                ฉัน...ไม่ได้...ชอบเขาหรอกนะคะ

                ถ้างั้นเธอเกลียดเขาหรอ?

                ไม่มี...ทางเลยค่ะ...

                แคทลียาไม่สามารถหุบยิ้มได้

                ––เธอควรทำยังไงดีล่ะเนี่ย? ผู้หญิงคนนี้น่าแกล้งเกินไปแล้ว

                ไวโอเล็ต เอเวอร์การ์เดน – หญิงสาวที่ราวกับทั้งตัวทำมาจากเหล็ก ดูลึกลับ จริงจัง และเงียบขรึม หญิงสาวที่ไม่เคยมีความลังเลใด ๆ กำลังพ่ายแพ้เพียงเพราะประโยคเดียวจากปากของแคทลียา

                ถ้าอย่างนั้น ก็ไม่มีตัวเลือกอื่นนอกจากพวกนั้นแล้วหนิใช่ไหม? เขาไม่ใช่แค่...คนธรรมดา ๆ หรอกใช่ไหม? ดูจากสีหน้าของเธอแล้วน่ะ อย่าประเมินฉันต่ำไปสิ ฉันน่ะหาเงินได้เพราะการปรึกษาเรื่องความรักนี่แหละ

                ไวโอเล็ตอ้าปากพะงาบ ๆ ดวงตาล่อกแล่ก ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเธอกำลังจนมุม

                ––เธอเหมือนกับตุ๊กตาที่เพิ่งถูกใส่หัวใจเข้าไปเลย แปลกชะมัด

                แคทลียาไม่รู้เรื่องในอดีตของไวโอเล็ตเลยสักอย่าง ดังนั้นเธอจึงปฏิบัติต่อเธออย่างที่เธอเป็น – อย่างที่หญิงสาววัยรุ่นคนหนึ่งเป็น

                นี่ ฉันเรียกเธออยู่นะ

                เธอแค่หวังจะเข้ากับหญิงสาวคนนี้ได้ก็เท่านั้นเอง

                นี่ เขาเป็นคนแบบไหนหรอ?

                เธอทำตัวแปลกไปเพราะผลจากการกระทำของเธอต่อไวโอเล็ต เธอเชื่อว่าสิ่งที่อยู่ในกล่องที่เธอพยายามจะเปิดออกนั้นเป็นอัญมณีเม็ดหนึ่ง

                เธอเรียกเขาว่าอะไรหรอ?

                แต่สิ่งที่อยู่ในหัวใจของไวโอเล็ต เอเวอร์การ์เดนนั้น

                “’ผู้พัน ค่ะ

                ...เทียบไม่ได้

                “’ผู้พัน งั้นหรอ? เท่ดีนี่ ถ้างั้นเขาก็เป็นทหารน่ะสิ แล้วเธอก็เป็นทหารเก่าเหมือนกันด้วยหนิ แล้วผู้พันของเธออายุเท่าไหร่ล่ะ? เขาหน้าตาเป็นยังไง?

                ...กับอัญมณีเลยสักนิด

                ฉันไม่เคยถามค่ะ แต่ตอนนี้เขาน่าจะอายุประมาณสามสิบแล้ว

                ไม่มีทางน่า เขาแก่กว่าเธอเยอะเลยหนิ ถ้าอย่างนั้นเขาก็อายุห่างจากเธอเท่า ๆ กับท่านประธานเลยใช่ไหม?

                ไวโอเล็ตไม่ได้พูดถึงคน ๆ นั้นมานานมากแล้ว

                ผมของเขาเป็นสีดำค่ะ แต่คนละเฉดกับสีผมคุณ…”

                เธอเคยพูดถึงเขามาก่อนว่าเขาเป็นคนสำคัญ แต่ไม่เคยพูดถึงเขาลึกไปมากกว่านั้น ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นคนที่ทั้งเธอและฮอดกินส์รู้จักเป็นอย่างดี แต่ทั้งสองก็ไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้เลยสักครั้ง

                ไวโอเล็ตละสายตาจากกระดาษที่เธอยังไม่ได้เขียนอะไรลงไปและมองไปยังผู้คน ที่ซึ่งมีทหารใส่เครื่องแบบสีม่วงเข้มเหมือนกับที่เธอเคยใส่ ถึงแม้ว่าสงครามจะจบลงแล้ว ท้องฟ้าปลอดโปร่ง และเธอไม่ได้เป็นคนที่ไม่รู้จักแม้แต่การเขียนคำสักคำอีกแล้ว แต่เสียงของฝูงชนและเสียงกระทบพื้นของรองเท้าทหารก็ทำให้เธอหวนนึกถึงช่วงเวลาที่เธอเคยเดินในเมืองที่เต็มไปด้วยโคมไฟอีกครั้ง

                เขาจะเป็นเพียงคนเดียวที่เธอจะติดตามเขาตลอดไป

                เขามีดวงตาสีเขียวมรกตค่ะ...

                เขาเป็นสิ่งมีชีวิตที่งดงามที่สุดเท่าที่เธอเคยพบ

                เขารับฉันมาเลี้ยงและก็ใช้ฉันเป็นอาวุธค่ะ

                เธอเป็นเครื่องมือ และเขาเป็นเจ้านาย

                แต่เขาไม่ได้อยู่ที่นี่อีกต่อไปแล้ว

                ถึงแม้ว่าเธอจะเป็นเครื่องมือของเขา แต่เธอก็ปกป้องเขาไม่ได้

                กิลเบิร์ตตายแล้ว ประโยคของฮอดกินส์เล่นกรอซ้ำอยู่ในหัวของไวโอเล็ตซ้ำไปซ้ำมา พร้อมกับความหนักหน่วงและความเจ็บปวดราวกับได้รับคำสาป

                ผู้พันของเธอเขาไปอยู่ที่อื่นที่ห่างไกลหรอ?

                ค่ะ เขาอยู่ที่ที่ห่างไกล และเขา...ก็จะไม่กลับมาอีกแล้วค่ะ

                เธอยังรอเขาอยู่ไหม?

                ค่ะ

                เมื่อได้ยินคำถามของแคทลียา ไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ได้ตั้งใจ ไวโอเล็ตก็นึกถึงวันนั้น

                ฉันยังรออยู่

                วันที่เธอไม่ได้ให้คำตอบแก่เขา และหนำซ้ำยังต่อต้านมันพร้อมกับกล่าวอ้างว่าเธอไม่เข้าใจ

                ฉันเคยถูกสั่งให้เลิกทำแบบนั้นหลายครั้งแล้วค่ะ แต่ว่า ไม่ว่ายังไง ฉันฉัน...

                ฉันรักเธอ

              ฉันรักเธอ ไวโอเล็ต

              เธอ...ฟังอยู่หรือเปล่า?

              ฉัน...ชอบเธอ

              ไวโอเล็ต รัก...คือ...

              “’รักคือการที่เธออยากที่จะปกป้องใครคนหนึ่งมากที่สุดในโลก

                “…พบว่าตัวฉันยังรอผู้พันกลับมาอยู่เสมอค่ะ สีหน้าของเธอเหมือนกับคนที่กำลังอดทนต่อความเจ็บปวด

                ในตอนนั้นเป็นครั้งแรกที่แคทลียาเห็นไวโอเล็ตกำลังแสดงสีหน้าที่เหมือนกับการเป็นมนุษย์มากที่สุด มีความเปลี่ยนแปลงเล็กๆน้อยๆกำลังเกิดขึ้นในหญิงสาวที่กำลังประหม่าคนนั้น มันเป็นการเปลี่ยนแปลงที่เล็กน้อยเสียจนคนที่มีอารมณ์หลากหลายความรู้สึกคงจะไม่สังเกตเห็นมัน

                ––อ่า แคทลียาเริ่มเข้าใจอะไรบางอย่าง

                พวกเธอยังไม่สนิทใจกัน และก็ไม่ใช่เพื่อนกันด้วย ไม่ใช่ว่าเธอรู้เรื่องของไวโอเล็ตหรอก แต่เธอแค่รู้สึกว่าเธอเข้าใจต่างหาก

                ––เขาคนนั้นได้พรากความสุขในหัวใจของเธอไปกับเขา เพราะแบบนั้นเธอก็เลยไม่ค่อยแสดงอารมณ์หรือเปล่านะ? แคทลียาสันนิษฐาน

                เธอ...คงจะหลงรักคน ๆ นั้นไปแล้วล่ะ

                ไม่เหมือนกับที่แคทลียาคิดไว้ พุ่มไม้ที่เธอได้ทะลุทะลวงเข้าไปนั้นจริง ๆ แล้วมันเป็นแค่ทางเข้าสู่ป่าลึกต่างหาก

                “’หลงรัก หรือคะ?

                หญิงสาวที่เดินเล่นไปทั่วป่าไม่รู้ตัวเลยว่าเธอกำลังหลงทางอยู่ – เธอถูกผ้าปิดตาไว้และไม่รู้วิธีที่จะถอดมันออก ถูกปล่อยให้อยู่ตัวคนเดียวและให้คลำหาทางออกเอง แคทลียาคิดว่ามันน่าเสียดาย เพราะในความเป็นจริงแล้วมันไม่ควรจะเป็นบทสนทนาที่พูดในสถานที่แบบนี้เลย

                “’หลงรัก คืออะไร...หรือคะ?

                ตุ๊กตาที่ถูกพรากหัวใจของตนไป – เพื่อนร่วมงานที่เยาว์วัยกว่าเธอ – ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าความหลงใหลคืออะไร

                ไม่สิ คงจะเป็นรักไปแล้วล่ะมั้ง

                “’ร-รัก...?

                พื้นที่ในการซ้อมรบคับคั่งกว่าตอนที่พวกเธอมาถึงมาก ฝูงชนที่มาถึงเริ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ

                แคทลียามองไปยังผู้คนที่กำลังเดินผ่านไปมา ทุกคนต่างมีอายุและเพศที่ต่างกัน และทุกคนต่างก็เผชิญกับความยากลำบากที่ไม่สามารถเห็นได้ด้วยตาเปล่า

                มีความรักหลายแบบด้วยกัน ไม่ว่าจะแบบเพื่อนร่วมงาน เพื่อนสนิท พี่น้อง หรือมิตรภาพ แต่สำหรับเธอน่ะเป็นความรักแบบคนรักกัน

                ตัวอย่างของคู่รักมีอยู่เต็มไปหมด เป็นเรื่องธรรมดาที่โลกใบนี้จะอบอวนไปด้วยความรัก

                แต่ถึงอย่างนั้นไวโอเล็ตก็ยังปฏิเสธ เธอส่ายหัวไปมา ขมวดคิ้ว และกัดริมฝีปาก ฉัน...รัก...ไม่ได้ค่ะเธอค้านหัวชนฝา

                แต่เธอตกหลุมรักไปแล้ว

                ไม่ค่ะ ฉันรักไม่ได้ค่ะ ฉันไม่เข้าใจมันเลย

                ถ้ามองจากมุมมองของคนอื่นคงดูเหมือนพวกเธอกำลังทะเลาะกันอยู่ แต่พวกเธอไม่ได้ทะเลาะกันแต่อย่างใด แต่ก็ไม่มีใครยอมหยุดเถียงเลยสักคน คนหนึ่งบอกว่ามันคือความรัก ส่วนอีกคนบอกว่าไม่ใช่ พวกเธอสองคนกำลังเถียงกันอยู่

                ถึงจะเริ่มรู้สึกเคือง แต่แคทลียาก็ไม่ยอมแพ้ ถึงฉันจะ...ไม่แน่ใจนักหรอกว่ามันเป็นยังไง ความรักน่ะเป็นเรื่องที่ไม่แน่นอนหรอก และฉันก็ไม่ได้เก่งเรื่องความรักนัก แต่ฉันจะบอกได้ในทันทีว่ามันคือความรัก คนที่มีความรักก็บอกได้เหมือนกันถ้าเขาเห็นเธอ ความรักของเธอเป็นแบบนั้น ถึงมันจะเป็นความรู้สึกที่เธอมีให้กับคนที่เธอจะไม่ได้เห็นเขาอีกแล้วก็เถอะ...

                เมื่อคำว่า คนที่เธอจะไม่ได้เห็นเขาอีกแล้วหลุดออกมาจากปากของแคทลียา ดวงตาสีฟ้าของไวโอเล็ตก็สั่นระริกด้วยความเศร้า การที่ได้ยินคนอื่นพูดแบบนั้นทำให้เธอรู้สึกหน่วงมากกว่าได้ยินจากปากของตัวเอง และการที่เธอแสดงสีหน้าแบบนั้นออกมาก็ทำให้ใครบางคนสังเกตเห็นมันได้ เห็นไหม เธอเล่นทำหน้าแบบนั้นแล้วมันจะเป็นไปไม่ได้ได้ยังไงล่ะ?

                ไม่ค่ะ ฉันรักเขาไม่ได้ ฉัน...ทำ...ไม่ได้จริง ๆ...ผู้พัน...ไวโอเล็ตยังคงปฏิเสธ ขนตาสีบลอนด์ยาวของเธอลู่ลง ไวโอเล็ตก้มหน้าลงจนชิดอก

                เหมือนเคย เข็มกลัดมรกตนั่นยังคงกลัดอยู่ตรงนั้น มันส่องแสงเปล่งประกาย และไม่เคยหม่นลงเลย

                ผู้พัน...

                ถึงแม้จะผ่านฤดูกาลต่าง ๆ มามากมาย ทั้งรุ้งจันทราที่ทอประกายผ่านม่านน้ำในฤดูใบไม้ผลิ ฝนแรกของฤดูร้อน ลมที่พัดใบไม้สีทองคำในฤดูใบไม้ร่วง หรือน้ำที่แข็งตัวเป็นก้อนในคืนที่หนาวจัดในฤดูหนาว แต่ตัวตนของผู้ชายที่มีนามว่ากิลเบิร์ต โบเกนวิลเลียก็ยังอยู่ในใจของไวโอเล็ต ไม่เคยจางลงเลย

                ผู้พันจากไปแล้วค่ะประโยคที่เธอกระซิบออกมานั้นช่างโหดร้ายเหลือเกิน

                เวลาได้หยุดเดินไปหนึ่งวินาที ซึ่งถึงแม้ว่าสิ่งนั้นจะไม่ได้เกิดขึ้นจริง แต่ทั้งสองก็ไม่มีใครขยับตัวเลยราวกับว่าเวลาได้หยุดลงจริง ๆ การหายใจและการกะพริบตาของพวกเธอหยุดลงโดยแกนเวลาของโลกในเวลาหนึ่งวินาที

                เมื่อเวลาเริ่มเดินอีกครั้ง แคทลียาก็ตอบด้วยน้ำเสียงสั่นคลอน หะ หา? เธอร้องเสียงแหลม

                เขาตายแล้วค่ะ ฉัน...ปกป้องเขาไม่ได้...ผู้พันก็เลย...ตาย ถึงฉันจะเป็นเครื่องมือ เป็นโล่ และก็ดาบของเขาก็ตาม

                เหงื่อเย็น ๆ ไหลลงบนแผ่นหลังของแคทลียา

                ––หัวใจของเธอถูกไม่ได้ถูกขโมยไปโดยคนที่อยู่ที่อื่น...แต่โดยคนที่ตายไปแล้วอย่างนั้นหรอ?

                นั่นเป็นมุกใช่ไหมน่ะ?แคทลียาถาม แต่ก็ไม่ได้รับการตอบสนองจากไวโอเล็ต เธอฝืนยิ้มออกมาไม่ได้เลย จึงได้แค่หัวเราะแห้ง ๆ ออกมาแทน หน้าของเธอกระตุกเมื่อรู้ตัวว่าเธอได้พูดสิ่งที่ไม่เหมาะสมออกไป ลมหายใจของเธอติดขัด และเธอก็กลืนน้ำลายได้อย่างยากลำบาก ไวโอเล็ต คน ๆ นี้...ตายในมหาสงครามหรอ?

                ค่ะ

                จริง ๆ หรอ?

                อย่างที่ฉันบอกค่ะ เข็มกลัดชิ้นนี้...เป็นของที่ระลึกที่ฉันได้รับมาค่ะ

    แคทลียาเห็นวัตถุชิ้นนั้นแวววาวอยู่บนหน้าอกของเธอตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เจอกัน เธอเห็นไวโอเล็ตจับมันอยู่เสมอด้วยนิ้วเทียมของเธอตั้งแต่ตอนนั้นจนถึงตอนนี้ ในตอนแรกเธอคิดว่ามันเป็นเครื่องรางหรืออะไรสักอย่าง

    มีอะไรหลายอย่างที่เธออยากจะพูดเพื่อให้บทสนทนาต่อเนื่อง แต่เพราะเธอเป็นคนที่พูดไม่คิดเท่าไหร่นักจึงยังไม่พูดออกมา อะไรบางอย่างในตัวเธอบอกว่ามันไม่ใช่เรื่องจริง

    แต่เธอ...ไม่เชื่อ...หรอก...ใช่ไหม?

    ความตื่นเต้นที่คล้ายกับลางสังหรณ์คืบคลานไปทั่วทั้งร่างของแคทลียา สำหรับไวโอเล็ตแล้ว การตอบคำถามนั้นอาจจะเป็นข้อห้าม

    นี่ ตอบตามจริงนะ

    ในขณะที่เธอยังคงเงียบ สีหน้าของเธอที่แคทลียาเคยมองว่ามันช่างเรียบเฉย ในตอนนี้กลับสะท้อนออกมาถึงความโดดเดี่ยว

    ฉัน...

    ความไม่พอใจที่เธอตอบอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ นั้นคืบคลานไปทั่วทั้งกายของแคทลียา และเธอก็อยากจะให้อีกคนพูดมันออกมาจนแทบทนไม่ไหว เธอ...ไม่เชื่อหรอกใช่ไหม? เธอบอกว่า...เธอยังรอเขาอยู่นี่

    เธออยากจะรู้คำตอบเสียเหลือเกิน

    แต่ท่านประธานฮอดกินส์บอกว่า––

    ไม่เป็นไรหรอก บอกสิ่งที่เธอคิดมาเถอะ

    ค่ะ...ราวกับอาชญากรที่กำลังยอมรับความผิด ไวโอเล็ตสารภาพบาปของเธอ ฉันเชื่อว่า...ผู้พัน...ยังมีชีวิตอยู่ค่ะ

    เธอคิดแบบนั้นมานานแค่ไหนนะ? บางทีอาจจะตั้งแต่ที่เธอรู้ว่าเขาตายแล้วก็ได้ ถึงแม้ว่าเธอจะอาลัยในความปวดร้าว ถึงแม้ว่าเธอจะเลิกหวังเพื่อที่เธอจะได้มีสติในโลกแห่งความเป็นจริง แต่เธอก็ยังปฏิเสธมันมาอยู่เรื่อยไป และบอกกับตัวเธอเองว่าเขายังมีชีวิตอยู่

    เธอ... เธอ...

    เธอทำบ้าอะไรอยู่เนี่ย?แคทลียาอยากจะกรีดร้องออกมา

    การที่ยังโหยหาความรักจากคนที่อยู่ห่างไกลกับความรักแบบหัวปักหัวปำถึงคนที่ได้จากไปแล้วนั้นต่างกันโดยสิ้นเชิง เช่นเดียวกับไวโอเล็ต และแคทลียา ระยะทางอาจจะเอาชนะได้ด้วยความพยายาม แต่กับความตายนั้นมันไม่มีทางหวนคืนกลับมาได้เลย

    ที่เธอพูดน่ะ...มันเหมือนกับการที่เธออยากได้แขนของเธอกลับมาเลยนะ!”

    การที่เธอใช้เวลาอย่างไร้เหตุผลในการทำอะไรสักอย่างที่ไร้ประโยชน์ และไม่อนุญาตให้ใครหน้าไหนมารักเธอ และเชื่อว่าคนที่ตายไปแล้วยังมีชีวิตอยู่นั้นเป็นเรื่องที่เปล่าประโยชน์สิ้นดี และแคทลียาก็อยากจะสั่งสอนเธอให้หยุดมันเดี๋ยวนี้ ยังมีสิ่งต่าง ๆ ในโลกใบนี้ที่สามารถทดแทนแขนของเธอและผู้ชายที่เธอรักได้เยอะแยะ

    เธอวางแผนที่จะมีชีวิตอยู่แบบนี้ตลอดไปงั้นหรอ? เธอ ไวโอเล็ต...

    ฉันรู้ตัวดีค่ะไวโอเล็ตตอบทันที ฉันรู้ว่ามันไม่มีประโยชน์อะไร มันไม่มีความหมายอะไรเลย และก็ไม่ได้ประโยชน์อะไรจากเรื่องนี้เลย แต่ถ้าไม่มีผู้พัน ฉันก็เป็นฉันคนเดิมค่ะ ฉันคนที่ไร้ความหมายคนเดิม

    ถ้าเป็นคนอื่นจะไม่ดีกว่าเหรอ? ถึงตอนนี้มันจะยากไปหน่อย แต่วันหนึ่งเขาก็จะกลายเป็นแค่ความทรงจำของเธอเท่านั้นแหละ เพราะฉะนั้นยังมีเวลาที่จะ...

    ไม่ค่ะ...ไม่ราวกับเธอกำลังประกาศสงครามกับทุกสิ่งมีชีวิตบนโลกใบนี้ ผู้พันกิลเบิร์ต โบเกนวิลเลียเป็นคน ๆ เดียวที่ฉันจะรักค่ะ

    แคทลียาตัวแข็งทื่อพร้อมกับอ้าปากค้าง บางทีอาจเป็นเพราะหน่วยรบที่ได้รับความนิยมกำลังบินพาดผ่านท้องฟ้า และเสียงเชียร์รอบข้างก็ดังขึ้น

    มันเหมือนกับว่าไวโอเล็ตยังอยู่ตรงนั้น แต่ก็ไม่ได้อยู่ตรงนั้นด้วยเหมือนกัน นั่นคือสิ่งที่ดวงตาสีฟ้าที่แกร่งกล้าของเธอแสดงถึงความรู้สึกที่แปลกประหลาดออกมา

    ––ผู้หญิงคนนี้...มันอะไรกัน? เธอทำให้คนอื่นรู้สึกเศร้าตามได้ยังไงเนี่ย? อย่างกับเธอกำลังแหวกอกพวกเขายังไงยังงั้นล่ะ

    ทัศนคติของเธอต่างจากแคทลียามากเกินไป ความรู้สึกที่ไม่มีที่มากำลังวนเวียนอยู่ในอกของเธอด้วยความปวดร้าว

    ฉันเข้าใจค่ะว่าการกระทำของฉันทำให้คนอื่นรู้สึกอึดอัด

    เธอต้องใช้ชีวิตยังไงนะกับการที่เธอยังดื้อรั้นอยู่แบบนี้เนี่ย?

    อย่าสนใจฉันเลยค่ะ ให้ฉัน...เป็นอย่างนี้ต่อไปเถอะค่ะ

    เธอนี่...โง่เง่ามากเลยรู้ตัวไหม?

    ถึงแม้จะถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่ามันไร้ประโยชน์ และถูกตีตราว่าไม่มีเหตุผลมานับหลายปี แต่เธอก็ยังเลือกที่จะเชื่อแบบนั้น ถึงแม้จะมีคนบอกเธอว่า มันไม่มีประโยชน์หรอก เลิกซะเถอะนะเธอก็จะปิดหูของเธอ

    ค่ะ ฉันเป็นคนโง่...และก็งั่งด้วยค่ะ

    เธอปรารถนาแต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น

    แคทลียาตบหน้าผากของเธอด้วยมือข้างเดียวและส่งเสียงคำรามออกมาราวกับสุนัข การที่คิดเยอะเกินไปทำให้รู้สึกโมโหและหัวของเธอก็เริ่มร้าวแล้ว และตอนนี้เธอรู้สึกเหมือนจะป่วยมากกว่าตอนที่ทำงานเป็นออโต้เมมโมรี่ดอลล์เสียอีก

    ––นี่ไม่ดีเลย

    ไวโอเล็ตยังคงปรารถนาอยู่เสมอมา

    ––คนที่ฉลาดน้อยกว่าเธอก็ดูออก

    ฉันอยากเจอคุณอีก ฉันอยากเจอคุณอีกครั้ง

    ––มันเหมือนกับการขู่ว่าจะผลักเด็กที่กำลังร้องไห้คนหนึ่งให้ตกจากหน้าผาเลย

    เธอสวดอ้อนวอนพร้อมกับจับเข็มกลัดมรกตแน่น

    ––เธอจะโทษไวโอเล็ตไม่ได้

    เธอจะโทษคนที่โง่เง่าอย่างไวโอเล็ต เอเวอร์การ์เดนไม่ได้

                ราวกับกำลังอาเจียนยาพิษออกมา แคทลียาเอ่ยด้วยน้ำเสียงขมขื่น เข้าใจล่ะ ฉันเข้าใจแล้ว เธอ...เป็นยัยโง่จริง ๆ และก็...ฉันคิดว่า...มันคงจะดีกว่าถ้าเธอตัดใจนะ...ฉันพูดจริง ๆ แต่ฉันก็คิดว่า...เรื่องแบบนี้...มันคงเป็นเรื่องที่...ช่วยไม่ได้น่ะนะ

                แววตาในดวงตาสีฟ้านั่นเปลี่ยนไป จริงหรือคะ? แต่ท่านประธานฮอดกินส์บอกให้ฉันเลิกคิดแบบนี้นะคะ

                เธอตบไหล่ของไวโอเล็ตจนเกิดเสียงปุปุ จริง ๆ แล้วแคทลียาอยากจะเข้าข้างฮอดกินส์ แต่เธอเองก็ยังอยากเป็นเพื่อนกับไวโอเล็ตอยู่ดี

                เพราะว่ารักน่ะเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการมีชีวิตอยู่ยังไงล่ะ ความรักน่ะไม่ใช่สัญลักษณ์ของความสุขหรอกหรือ? ก็เหมือนกับคู่รักที่แต่งงานกันแล้วคนใดคนหนึ่งตายไปอีกคนหนึ่งก็มีชีวิตอยู่โดยพึ่งความทรงจำที่มีต่ออีกคน อะไรแบบนั้นนั่นแหละ มันไม่จำเป็นต้องเป็นความรักแบบโรแมนติกหรอก...แต่ความรักที่เธอได้รับมาน่ะจะไม่มีวันหายไป ความรักของพ่อแม่ก็ด้วยเหมือนกัน ฉัน...หนีออกมาจากบ้านและก็ถูกท่านประธานฮอดกินส์รับเข้ามาทำงาน มี...หลายครั้งเหมือนกันที่ฉันรู้สึกเหงาเพราะฉันไม่รู้จักใครที่นี่เลย ฉันมีพ่อแม่ที่ไม่ค่อยดีน่ะ แต่ในตอนที่พวกเขาเคยลูบหัวฉัน...สิ่งเหล่านั้น...ทุกครั้งที่ฉันรู้สึกอ้างว้างฉันก็จะจำมันได้เสมอ

                ไวโอเล็ตผู้ที่ซึ่งไม่รู้เรื่องของแคทลียาเลยตอบว่า อย่างนั้นหรือคะ?

                ในที่สุดทั้งสองคนก็หันมาพูดซึ่ง ๆ หน้ากัน ไม่มีบทสนทนาจากปากของคน ๆ เดียวอีกต่อไป

                ถ้าอย่างนั้นรัก...ก็เป็นเรื่องที่...จำเป็นอย่างนั้นหรือคะ?

                ใช่แล้ว แล้วเธอจะมีชีวิตอยู่ต่อไปเพื่ออะไรล่ะ? จนถึงตอนนี้เธอก็มีช่วงชีวิตที่เธอได้รับการปฏิบัติอย่างใจดี ไม่ว่าจะสิ่งของหรือคำพูด เธอก็มีความสุขที่ได้รับมันใช่ไหม? มันเป็นเพราะว่าพวกเขา...อยู่ในตัวเธอ...เธอถึงมีชีวิตอยู่ยังไงล่ะ

                ตะ...แต่... ไวโอเล็ตตอบอ้ำอึ้ง ถึงฉันไม่มีอะไรเลย ฉัน...ก็ต้องมีชีวิตอยู่ดีค่ะ

                แคทลียาเอียงหัว เธอไม่เข้าใจความหมายของคำพูดนั่นเลย

                แม้แต่ตอนนี้ ฉันก็ยังมีชีวิตอยู่ ฉันลืมผู้พันไม่ได้ เพราะแบบนั้น...มันถึงไม่ใช่ความรักค่ะ

                แคทลียาไม่รู้ว่าไวโอเล็ตเคยใช้ชีวิตอยู่บนเกาะที่โดดเดี่ยว เธอจึงสรุปเอาเองว่าที่เธอพูดคงหมายถึงช่วงเวลาก่อนที่เธอจะได้พบผู้พัน

                นี่ ไวโอเล็ต

                เรื่องของฉัน...มันไม่ได้เป็นแบบนั้นค่ะ ฉันเป็นเครื่องมือ เป็นแบบนั้นมาตั้งแต่แรก...

                ฟังฉันนะ เครื่องมือ เนี่ยนะ...เธอพูดอะไรอยู่น่ะ? มันไม่ใช่เพราะว่าเธอ...เป็นทหารเก่าหรอกหรือ? เธอหมายถึงว่าพวกทหารเป็นเครื่องมืออย่างนั้นหรอ? นั่นไม่หยาบคาย...กับคนที่ปกป้องประเทศนี้ไปหน่อยหรอ?

                ไม่ใช่ค่ะ ฉันเป็น...เครื่องมือมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วค่ะ เพราะงั้นถ้าฉันไม่ใช่...เครื่องมือ...

                บางทีอาจเป็นเพราะไวโอเล็ตไม่ได้อธิบายตัวเธออย่างชัดเจน แคทลียาจึงจับนิ้วกลของเธอแน่น

                ฉันก็คงไม่เป็นที่ต้องการของผู้พันค่ะ

                เมื่อเธอพูดออกมาแบบนั้น ปัญหาจึงไม่สามารถคลี่คลายได้อย่างง่ายดาย

                ฉันไม่ใช่คนค่ะ ฉันไม่มีอะไรดีเลย...ถ้าฉันไม่ใช่เครื่องมือ...ฉันคงจะต่อสู้ไม่ได้ ฉันคงไม่มีสิทธิ์ได้อยู่เคียงข้างผู้พัน เพื่อที่จะได้อยู่เคียงข้างผู้พัน และเป็นเครื่องมือของใครสักคน เรื่องแบบนั้น...จะต้องถูกยับยั้งค่ะ

                แคทลียายังคงเอียงหัวไปมา และเอียงตัวไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งเหมือนเธอกำลังจะลื่นตกจากม้านั่ง เดี๋ยวนะ ฉันขอนั่งตรง ๆ ก่อนเธอยกมือขึ้นเล็กน้อยเพื่อจัดตำแหน่งของเธอ

                ค่ะไวโอเล็ตยินยอมอย่างเชื่อฟัง เธอรอให้แคทลียานั่งให้ตรงก่อน

                ผู้พันของเธอตายแล้ว

                ค่ะ

                แต่เธอชอบเขาและก็รอเขามาตลอด เธอเชื่อว่าเขายังมีชีวิตอยู่

                ฉันเชื่อว่าเขายังมีชีวิตอยู่ค่ะ

                ฉันคิดว่ามันคือความรักนะ และเธอก็กำลังตกหลุมรักด้วยเหมือนกัน แต่เธอบอกว่าไม่ใช่...เพราะว่าเธอคิดว่าตัวเองคงจะไร้ประโยชน์สำหรับผู้พันถ้าเธอคิดแบบนั้น

                ค่ะ

                เธอบังคับตัวเองให้ไม่รู้จักรัก...และต้องการจะเป็นเครื่องมือ เพราะว่ามันเป็นทางเดียวที่เธอจะได้อยู่ข้างเขา ฉันไม่เข้าใจ...ที่เธอพูดเลยไวโอเล็ต...คือฉันหมายถึง ไม่มีเหตุผลที่เธอต้องสู้อีกแล้วหนิใช่ไหม? ผู้พันจากไปแล้ว และเธอก็ไม่ได้เป็นทหารอีกแล้ว

                ค่ะบางทีอาจเป็นเพราะความจริงนั้นไม่ถูกใจไวโอเล็ต เธอจึงตอบเสียงเบา

                เธอออกมาจากกองทัพแล้ว และตอนนี้เธอก็ทำงานในบริษัทของเราใช่ไหม? เธอเข้าใจไหมว่าไอ้สิ่งที่เธอคิดเพื่อที่จะปฏิเสธว่าเธอไม่ต้องการรักและก็คิดว่ามันไม่ใช่รักน่ะมันไม่มีอยู่แล้ว

                ฉัน...รู้ตัว...ดีค่ะ

                หลังจากนั้นไวโอเล็ตก็เงียบไป เธอกำลังครุ่นคิดถึงสิ่งที่พูดอยู่ เธอละสายตาจากนิ้วของแคทลียาที่จับนิ้วของเธอไว้อยู่ และเงยหน้าขึ้นหลังจากก้มหน้าลงเสียนาน และท้ายที่สุดดูเหมือนเธออยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ทันใดนั้นดวงตาของไวโอเล็ตก็เบิกกว้าง

                เธอเห็นอะไรบางอย่าง

                สิ่งที่สะท้อนอยู่ในดวงตาสีฟ้าที่เหมือนอัญมณีขนาดใหญ่ของเธอนั้นเป็นชายร่างสูง ชายคนนั้นปรากฏตัวขึ้นมาอย่างต่อเนื่องและหายไปท่ามกลางฝูงชน มือของเธอเอื้อมออกไปหาเขาโดยอัตโนมัติ

                ...พันไวโอเล็ตพูดอะไรบางอย่างออกมาด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบาเป็นอย่างมาก ริมฝีปากของเธอสั่นระริก

                ชายคนนั้นมีผมสีดำเป็นมันวาว

                นี่ ฉันไม่เข้าใจหรอกนะถ้าเธอยังเงียบอยู่แบบนี้น่ะ แล้วทำไมเธอถึงเรียกตัวเองว่าเป็นอาวุธล่ะ?แคทลียาเหนื่อยที่จะรอให้ใครอีกคนพูด เธอจึงทำลายความเงียบและเรียกเธอ

                และเมื่อเธอทำแบบนั้น ไวโอเล็ตก็ลุกขึ้นทันที แคทลียารู้สึกตกใจที่เห็นสีหน้าจริงจังของเธอ

                ทะ-โทษที เธอโกรธหรอ?เธอถามด้วยความกลัว และไวโอเล็ตก็เอ่ยตอบว่า เปล่าค่ะ

                ถ้าอย่างนั้น...ไวโอเล็ตเดินถอยห่างจากม้านั่งไปหนึ่งก้าว สองก้าว และทำท่าทีราวกับว่าหัวใจของเธอไม่ได้อยู่ตรงนั้นด้วย และมองไปทางฝูงชน

                ไวโอเล็ต?

                เมื่อเธอถูกเรียกชื่อ ไวโอเล็ตก็หันหลังให้แคทลียา ถ้าคน ๆ นั้นยังมีชีวิตอยู่ ฉันก็จะอยู่เพื่อเป็นอาวุธของเขาอย่างถูกต้องค่ะถ้าเวลาที่เขาต้องการฉันมาถึง แคทลียา ฉันขอตัวสักประเดี๋ยวนะคะสีหน้าของเธอไม่ได้ว่างเปล่าราวกับผีเหมือนก่อนหน้านี้อีกต่อไป

                หา เดี๋ยวสิ...! เธอจะไปไหนน่ะ?!”

                ฉันจะไปตามเขาค่ะ ฉันจะกลับมาทำภารกิจให้เสร็จแน่นอนค่ะ

                ตามใครกัน!?

                ใครกันที่เธอพยายามไล่ตามเขาอยู่? ถึงขนาดต้องทิ้งแคทลียาไว้แบบนี้น่ะนะ

                แคทลียาลุกขึ้นอย่างรวดเร็วเช่นกัน อย่างไรก็ตาม เมื่อเธอลุกขึ้นของและจดหมายของพวกเธอก็ร่วงหล่นลงมาและกลิ้งมาหยุดที่เท้าของเธอ

                ผู้...ใช้งานคนเก่าของฉันค่ะหลังจากที่พูดออกมาแบบนั้น ไวโอเล็ตก็หายตัวไปในฝูงชนที่คับคั่ง

                แคทลียายังคงยืนอยู่ตรงนั้นและตะลึงงัน หา ผู้พันน่ะหรอ?ในที่สุดเธอก็รู้ว่าเขาคือใคร นี่ เดี๋ยวก่อนสิไวโอเล็ต

                อย่างไรก็ตาม มันคงจะสายไปแล้ว เธอได้หายไปแล้ว และเนื่องจากว่าเธอเป็นคนใจเย็นและบอบบาง เท้าของเธอจึงดูเหมือนเคลื่อนไหวไม่เร็วนัก แต่เธอก็ยังคงว่องไวเพราะเธอเป็นทหาร

                ฉันอยู่ตัวคนเดียวเลยเนี่ยรู้ไหม แคทลียาคร่ำครวญ ถึงแม้เธอจะรู้สึกตกใจที่เธอต้องอยู่ตัวคนเดียว  แต่เธอก็ไม่มีทางเลือกนอกจากก้มลงเก็บจดหมายและของที่ร่วงหล่นลงไปและกระจัดกระจาย – ทั้งปากกาหมึกซึม กระดาษ ซองจดหมาย จดหมายที่เธอเขียน

                และ...

                อ่าเธอเจอจดหมายฉบับหนึ่งที่นอนอยู่บนพื้น และมันไม่ใช่ของเธอ

                มันเป็นจดหมายที่ไวโอเล็ตยังเขียนไม่เสร็จ เธอใส่มันไว้ในซองจดหมายและวางไว้บนตักของเธอ มันเป็นฉบับที่เธอบอกว่ามันใช้ไม่ได้และหยุดเขียน

                แคทลียาไม่ได้สังเกตเลยว่าไวโอเล็ตเขียนเรื่องอะไร แต่ในตอนที่เธอหยิบมันขึ้นมา เธอคิดว่ามันเป็นสิ่งที่มีเสน่ห์เป็นอย่างมาก เพราะว่าออโต้เมมโมรี่ดอลล์นั้นมักใช้กระดาษและซองจดหมายเพื่อเขียนในนามของผู้อื่น และสิ่งของเหล่านั้นส่วนใหญ่จะเป็นสิ่งที่บริษัทผลิตขึ้นมา แน่นอนว่าพวกเขาต้องเตรียมอุปกรณ์ที่เหมาะสมสำหรับลูกค้าของเขา แต่สิ่งที่ไวโอเล็ตนำมาจากบ้านนั้นมีคุณภาพที่ต่างจากของบริษัทลิบลับ กระดาษสีขาวที่มีเนื้อสัมผัสดีล้อมรอบด้วยรูปวาดดอกกุหลาบสีเงิน ดูเหมือนว่าเธอจะซื้อมันด้วยเงินเก็บของเธอ

                ––ถึงแม้ว่าเธอจะเคยบอกว่าเธอไม่ได้เขียนจดหมายส่วนตัวอีกแล้วก็ตาม

                ผู้ที่เขียนจดหมายเป็นประจำย่อมรู้ว่ามันเป็นสิ่งที่มีค่า การเลือกกระดาษและซองจดหมายที่ดูแพงเช่นนี้ก็บอกได้เลยว่าเจ้าของจดหมายให้ความเคารพกับผู้ที่ได้รับจดหมายมากขนาดไหน พวกมันอาจจะไม่ใช่ของแพงอะไร แต่กระดาษและซองจดหมายนี้เพียงแค่มองก็ให้ความรู้สึกนั้นเป็นอย่างดี

                นี่น่ะเป็นบทลงโทษที่เธอทิ้งฉันไว้คนเดียวด้วยความอยากรู้อยากเห็น แคทลียาจึงตัดสินใจเปิดอ่านมัน

                หลังจากนั้น เมื่อไวโอเล็ตกลับมา แคทลียาก็จะล้อเธอเรื่องนี้ เนื่องจากไวโอเล็ตบอกว่าเธอเขียนได้ไม่เหมาะนัก คนที่อ่านจึงอาจเข้าใจผิดได้ว่ามันคงน่าเบื่อมาก นั่นคือสิ่งที่แคทลียาคิดระหว่างอ่านจดหมาย

                ยัยซื่อบื้อเอ๊ย

                เนื้อหาที่อยู่ข้างในไม่ได้เป็นอย่างที่แคทลียาคิดเลยสักนิด เธออ่านจบด้วยความรวดเร็วเพราะมันมีเพียงแค่แผ่นเดียว เธอค่อยๆไล่นิ้วไปตามลายมือของไวโอเล็ตอย่างช้า ๆ

                ––เธอสงสัยมาตลอด ว่าทำไม...เธอถึง...ต้องเขียนอะไรแบบนี้ด้วย...?

                สิ่งที่เธอเขียนนั้นไม่เหมือนกับที่แคทลียาเขียนเลย เธอเพิ่งจะได้เริ่มคุยกับใครจริง ๆ จัง ๆ ก็วันนี้เอง ความรู้สึกเห็นอกเห็นใจของเธอนั้นย่อมมีข้อจำกัด

                ––...ด้วยคำพูด...ที่เหมือนจะพรากหัวใจของผู้คนออกมาแบบนี้น่ะ

                อย่างไรก็ตาม ดวงตาสีอะมีทีสของเธอก็เริ่มเอ่อล้นด้วยน้ำตา เธอจินตนาการแทบไม่ออกเลยว่าไวโอเล็ตรู้สึกอย่างไรในตอนที่พวกเธอคุยกัน หรือความทรงจำแบบไหนที่เธอต้องทนอยู่กับมัน

    คุณสบายดีไหมคะ? มีอะไรเปลี่ยนไปบ้างไหม? ตอนนี้คุณอยู่ที่ไหนคะ? มีปัญหาอะไรหรือเปล่า?

              ฤดูใบไม้ผลิ ฤดูร้อน ฤดูใบไม้ร่วง และฤดูหนาวได้ผ่านพ้นไป และวนอยู่เช่นนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าไปตลอดกาล แต่ไม่มีฤดูกาลไหนที่คุณอยู่ที่นี่เลย เมื่อไหร่ก็ตามที่ฉันตื่น นอนหลับ หรือรู้สึกหม่นหมอง ฉันพบว่าตัวฉันจะมองหาคุณตลอดเลยค่ะ ฉันฝันถึงคุณไม่บ่อยนัก เพราะแบบนั้นฉันถึงรู้สึกว่าฉันอาจจะลืมหน้าตาของคุณไปแล้ว ฉันกรอเทปความทรงจำของคุณในหัวของฉันซ้ำแล้วซ้ำเล่า ซ้ำแล้วซ้ำเล่า

              คุณไม่อยู่แล้วจริง ๆ หรือคะ? ฉันเดินทางไปทั่วโลก และไปยังหลายประเทศ แต่คุณก็ไม่ได้อยู่ที่ไหนเลย ฉันไม่เจอคุณเลย แต่ฉันก็ยังตามหาคุณ ถึงจะมีคนบอกกับฉันว่าคุณจากไปแล้ว แต่ฉันก็ยังตามหาคุณ

              ฉันทำตามคำสั่งของคุณเป็นอย่างดีค่ะ ฉันมีชีวิตอยู่ ฉันอยู่ อยู่ และก็อยู่ต่อไป โลกหลังความตายมีอะไรอยู่งั้นหรือคะ? ถึงฉันจะไม่รู้ แต่ฉันก็ยังจะมีชีวิตอยู่ต่อไป ถึงแบบนั้น––’

                ไวโอเล็ตจับแขนของชายที่มีผมสีดำ รอเดี๋ยวค่ะ

                ผู้ชายคนนั้นหันกลับมา และมีดวงตาสีมรกตอย่างที่ตระกูลโบเกนวิลเลียมี

     

     

     










     






    /



    *Ptarmigan ลักษณะของนกที่ถูกตั้งชื่อเป็นเครื่องบิน


    คิดว่าคนๆนั้นใช่ผู้พันมั้ย (10 คะแนน)
    จดหมายของไวโอเล็ตซึ้งมาก มันทัชมากๆ
    อ่านแล้วจะร้องไห้จริงๆ และความรักของไวโอเล็ต
    ที่มีให้ผู้พันก็บริสุทธิ์มากๆ เศร้า ;-;



    S
    N
    A
    P
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×