ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Violet Evergarden (แปลไทย)

    ลำดับตอนที่ #10 : The Groom and the Auto-Memories Doll

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.72K
      79
      25 ม.ค. 65


















    /

    The Groom and the Auto-Memories Doll



                พระจันทร์ในยามรุ่งอรุณยังคงเรืองรองอยู่บนท้องฟ้า แต่สีที่อ่อนและจางของมันก็ไม่สามารถซื้อใจผู้ที่ใช้ชีวิตอยู่ใต้พระจันทร์ในยามค่ำคืนได้มากพอ แต่อย่างไรก็ตาม ดวงจันทร์สีนวลละมุนที่เหมือนกับพระจันทร์เต็มดวงทั่ว ๆ ไปและจางเสียจนแทบจะกลืนไปกับท้องฟ้าก็สามารถหยุดเวลาและสามารถทำให้ผู้คนหันมาเชยชมมันได้ เมื่อรวมกับภูมิทัศน์ที่งดงามราวกับเทพนิยายที่มีทั้งต้นไม้ใบหญ้าและดอกไม้ช่อเล็ก ๆ มากมายที่แผ่ขยายออกไปสุดลูกหูลูกตาแล้วก็ราวกับว่าภาพนั้นหลุดออกมาจากหนังสือนิทานสักเล่มเลยล่ะ

                แม่ครับ

                ท่ามกลางฉากที่สวยงามราวกับสวรรค์ ชายคนหนึ่งวิ่งออกไปด้วยความรวดเร็วโดยที่ไม่แม้แต่จะมองดวงจันทร์เสียด้วยซ้ำ เขาสวมแค่กางเกงขายาวและเสื้อเชิ้ตเท่านั้น ไม่ได้ใส่อะไรไปมากกว่านี้

                ที่แห่งนี้มีชื่อว่าลุ่มน้ำยูคาลิป และเป็นที่ที่ไร้ซึ่งความเจริญ ซึ่งห่างจากเมืองหนึ่งไปอีกเมืองหนึ่ง และหมู่บ้านหนึ่งไปอีกหมู่บ้านหนึ่งเป็นเวลาครึ่งวัน ยานพาหนะที่คอยให้บริการก็จะให้บริการแค่รอบเดียวต่อวันเท่านั้น ถ้าหากพลาดก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะต้องเดิน หรือการเดินทางแบบอื่น มันอาจจะดูง่ายที่จะมองหาใครสักคนในโลกที่เต็มไปด้วยทุ่งนาเช่นนี้เมื่อพิจารณาจากอุปสรรคต่าง ๆ ที่ดูน้อยนิด แต่ในความเป็นจริงนั้นมันไม่ง่ายเลย

                แม่!”

                ความกว้างสุดลูกหูลูกตานั่นเป็นอุปสรรคอย่างยิ่งในการตามหาใครสักคน และถ้าค้นหาทุกซอกทุกมุมก็อาจจะใช้เวลามากเกินไป มันเป็นเรื่องยากที่จะสังเกตเห็นได้ถึงแม้ว่าจะมองออกว่าเป้าหมายจะไปทางไหนก็ตาม

                บ้าเอ๊ย ทำไมถึงเป็นแบบนี้ได้นะ?ชายหนุ่มที่ไม่มีความอดทนมากนักปาดเหงื่อที่ไหลลงมาจากหน้าผากของเขาด้วยแขนเสื้อ

                เท้าที่กำลังวิ่งอยู่ในทุ่งหญ้าเริ่มเคลื่อนไหวช้าลง และทำเพียงแค่เดินเฉย ๆ และหยุดบ้างเสียด้วยซ้ำ บางทีอาจจะเป็นเพราะว่าเขาไม่มีเวลาใส่รองเท้า เท้าเปลือยๆของเขาจึงเริ่มมีเลือดไหลซิบ ๆ ออกมาซึ่งอาจเกิดจากที่เขาเหยียบกิ่งไม้หรือหินเข้า คนที่เขากำลังตามหาอยู่นี้มีค่าพอที่จะทำให้เขาต้องได้รับบาดเจ็บแบบนี้เลยเหรอ? อยู่ดี ๆ ประโยคนั้นก็แวบขึ้นมาในหัวของชายหนุ่มโดยที่ไม่ได้ตั้งใจ

                ชายหนุ่มยังคงวิ่งต่อ โดยที่ยังมีคำถามที่เขาตอบไม่ได้นั่นอยู่ในหัว ดอกไม้ดอกเล็ก ๆ สีขาวที่ถูกเขาเหยียบถูกย้อมด้วยเลือด ความเจ็บปวดที่น่าหดหู่นั่นทำให้เขาคิดอะไรไม่ออกเลย

                เรียกชื่อผมสิครับ แม่

                เขาควรกลับเลยดีไหมนะ? ทิ้งคนที่เขากำลังตามหาอยู่ไปเลยดีไหม?

                ชื่อผม…”

                ถ้าเขาเลือกที่จะไม่ทำแบบนั้น เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากมองหาคน ๆ นั้นต่อไป ในสถานการณ์แบบนี้ ความลังเลเป็นเรื่องที่สูญเปล่า เพราะบางทีเขาอาจจะเจอเบาะแสในทุ่งหญ้าที่ไม่มีที่สิ้นสุดแห่งนี้ก็ได้          

                อ่า

                อยู่ดี ๆ ชายหนุ่มก็เห็นริบบิ้นสีแดงเข้มกำลังปลิวไสวอยู่ ริบบิ้นสีแดงนั่นกำลังพลิ้วอยู่ในโลกที่ไม่มีสีอะไรเลยนอกจากสีเขียว น้ำเงิน และขาว สีแดงของริบบิ้นนั่นไม่เหมือนกับเลือดของเขาที่กำลังไหลออกมาเลยสักนิด เขายื่นมือออกไปหามันโดยสัญชาตญาณ และค่อย ๆ หยิบสิ่ง ๆ นั้นที่ราวกับของขวัญจากสวรรค์ขึ้นมา

                ชายหนุ่มหันหัวของเขาไปทิศทางเดียวกับสายลม เขาเห็นเงาของคนสองสามคนที่ล้อมรอบมอเตอร์ไซค์อยู่ หนึ่งในนั้นได้ออกมาจากตรงนั้นและตรงมาทางเขา เมื่อเข้ามาใกล้มากพอ เขาจึงรู้ว่าเป็นผู้หญิง ยิ่งไปกว่านั้น เธอยังมีความงามที่น่าหลงใหลอย่างมากด้วย ผมสีทองของเธอปลิวอยู่ท่ามกลางกลีบดอกไม้ที่กำลังกระจัดกระจาย เธอหยุดลงตรงหน้าเขาและมองมาที่ใบหน้าของเขา

                เอ่อ…”

                ดวงตาสีฟ้าของเธอมีเสน่ห์ที่น่าพิศวงและทำให้เขารู้สึกราวกับเขากำลังเปลือยอยู่

                ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ ฉันจะเดินทางไปทุกหนทุกแห่งตามที่คุณลูกค้าต้องการ ออโต้เมมโมรี่ดอลล์ ไวโอเล็ต เอเวอร์การ์เดนค่ะ เธอถอนสายบัวให้เขาอย่างงดงามราวกับหุ่นเชิดตัวหนึ่ง

                เหมือนกับรูปร่างหน้าตาของเธอ เสียงที่เปล่งออกมาจากริมฝีปากสีแดงเข้มของเธอนั้นช่างน่ารักและหมดจนไปหมด แต่สิ่งที่เธอพูดออกมานั้นช่างขัดกับสถานที่แบบนี้เสียเหลือเกิน ชายหนุ่มไม่ได้เป็นลูกค้าของเธอ และพวกเขาทั้งสองคนก็ไม่ได้เป็นอะไรกันเลยนอกจากคนแปลกหน้าเท่านั้น

                บางทีเธออาจจะคิดเหมือนเขา เธอจึงพูดออกมา เป็นความผิดของฉันเองค่ะ ขออภัยด้วย ฉันติดคำพูดนี้มาจากการทำงานน่ะค่ะ ฉันมักจะพูดแนะนำตัวแบบนี้กับทุกคนที่ฉันเพิ่งเจอเป็นครั้งแรกทุกทีเลยค่ะ…”

                ไม่ไม่เป็นไรหรอกครับ เอ่อผมซีลีน ริบบิ้นนี้ใช่ของคุณหรือเปล่า?

                เธอพยักหน้าเงียบ ๆ ซีลีนจึงยื่นริบบิ้นไปให้เธอ เขารู้สึกตกใจเป็นอย่างมากที่ร่างกายของเขากำลังสั่นเพียงเพราะแค่ปลายนิ้วสัมผัสกันเท่านั้น และมือของเธอก็ถูกสวมทับด้วยถุงมืออีกด้วย นิ้วของเธอแข็งและเห็นได้ชัดว่ามันไม่ใช่มือที่มีเนื้อหนังมังสาเหมือนมนุษย์

                นี่ครับ แล้วก็ผมมีอะไรอยากจะถามด้วย ผมกำลังมองคน ๆ หนึ่งอยู่ครับ…”

                คุณหมายถึงผู้หญิงที่มีผมสีเงินที่อายุประมาณหกสิบ และเชี่ยวชาญเรื่องการทำผมหรือเปล่าคะ?

                ชะ-ใช่ครับ แม่ของผมเคยทำงานเป็นช่างทำผมมาก่อนคุณรู้ได้ยังไงกัน?

                ผู้หญิงคนนั้นปล่อยผมของเธอท่ามกลางสายลม และชี้นิ้วไปยังทางที่เธอมา ถึงแม้จะมองเห็นได้ยากเพราะระยะห่างที่มากเกินไป แต่เขาเชื่อว่าคนที่มีผมสั้นคนนั้นคือแม่ของเขา

                เรากำลังมองหาคุณอยู่เหมือนกันค่ะ

                ไม่ว่าเธอจะทำอะไรลงไปก็ตาม แต่เธอก็เป็นผู้หญิงที่สวยมากพอจะอยู่ในภาพวาดสักภาพหนึ่งได้เลยล่ะ ซีลีนคิดเช่นนั้น

     



                ผู้ที่คอยดูแลแม่ของซีลีนมาตลอดทางนั้นคือออโต้เมมโมรี่ดอลล์และบุรุษไปรษณีย์ ดูเหมือนว่ามอเตอร์ไซค์ของพวกเขาเกิดเสียระหว่างทาง พวกเขาจึงเห็นแม่ของเขากำลังเดินไปรอบ ๆ ทุ่งหญ้า

                เธอบอกว่าเธอกำลังจะขึ้นไปบนภูเขาเพื่อหาสามีกับลูกชายของเธอน่ะครับ มันแปลกใช่ไหมล่ะครับที่เช้าตรู่แบบนี้แต่มีคนกำลังเดินไปเดินมาอยู่รอบ ๆ แถวนี้? พวกเราเองก็มีปัญหาอยู่แล้ว แต่วีกลับเห็นใครบางคนมีปัญหามากกว่าก็ยังใจเย็นได้เขาผายมือไปยังหญิงสาว ในขณะที่กำลังงมมอเตอร์ไซค์ที่เสียอยู่

                ฉันไม่ได้ชื่อ วีค่ะ ฉันชื่อ ไวโอเล็ต’” เธอเหน็บปอยผมของเธอไว้หลังหู ก่อนจะก้มลงเพื่อหยิบเครื่องมือจากถุงที่วางอยู่บนพื้นให้ชายหนุ่ม

                เขาไม่สนใจประโยคที่เธอแก้ชื่อของเธอ และทำงานต่อไปเงียบ ๆ เธอมองผมของวีแล้วเธอก็บอกว่ามันสวยดีแล้วก็ถามว่า ขอจับได้ไหมเราก็เลยปล่อยให้เธอเล่นผมของวีไปแบบนั้น จนคุณโผล่มานั่นแหละ

                แม่ของผมสมองของเธอไม่ค่อยดีนะขอโทษด้วยนะครับที่ทำให้คุณมีปัญหา

                ก็คงเป็นแบบนั้นก็นะ แต่คนที่เป็นแบบนี้น่ะไม่ได้หาได้ง่าย ๆ หรอกนะ การที่ความคิดและความทรงจำของเราทำให้เราสับสนน่ะมันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นง่ายจะตายไป คุณไม่จำเป็นต้องแก่ก่อนที่จะเป็นโรคแบบนั้นด้วยซ้ำมันไม่ทำงานพอเถอะ ส่งผ้าเช็ดมือให้ฉันหน่อย เขาเช็ดคราบน้ำมันสีดำออกอย่างง่ายดายก่อนจะลุกขึ้น

                เขาสูงกว่าไวโอเล็ตนิดหน่อย ผมสีบลอนด์อ่อนของเขามีเฉดเดียวกับสีของทราย เส้นผมของเขาสั้น และปอยผมด้านหน้าของเขาก็ถูกปัดไปไว้ข้างเดียว ดวงตาสีฟ้าที่สดใสของเขาฉายแววรำคาญใจเล็กน้อย

                เขาสวมกางเกงรัดติ้ว แต่เสื้อเชิ้ตสีเขียวของเขากลับหลวมและยังมีสายเอี๊ยมอีกด้วย ส้นรองเท้าบูทของเขาก็สูงเกินไป และส้นรองเท้าเป็นรูปกากบาท มันเป็นอะไรที่แปลกใหม่ดี แต่อย่างไรก็ตาม ถึงเขาจะไม่ใส่อะไรแบบนี้เขาก็มีหน้าตาที่สามารถจูงจมูกผู้หญิงสักคนสองคนให้คล้อยตามได้ง่าย ๆ เลยล่ะ

                นี่มันสิ้นหวังชะมัด ดันมาเสียในชนบทที่ไม่มีอะไรนอกจากทุ่งหญ้านี่มัน…” ชายคนนั้นเช็ดเหงื่อของเขาลวก ๆ ด้วยแขนของเขา ดูเหมือนว่าเขาจะค่อนข้างเหนื่อย

                เบเนดิกต์ ฉันคิดว่าฉันควรจะวิ่งกลับไปที่เมืองที่เราผ่านมาและขอความช่วยเหลือนะคะ ถ้าย้อนกลับไปมันน่าจะเร็วกว่าไปหาทางซ่อมข้างหน้านะคะ

                “เอ่อ งั้น…”

                เขาไม่คิดที่จะฟังว่าซีลีนจะพูดอะไรเลยสักนิด ผู้ชายคนนั้น – ที่มีชื่อว่าเบเนดิกต์ – ตะคอกใส่ไวโอเล็ต ถึงเธอจะแข็งแกร่งซะจนนึกว่าเป็นเรื่องตลกก็เหอะ แต่ไม่มีวันที่ฉันจะปล่อยให้ผู้หญิงทำอะไรแบบนั้นหรอกนะ ถึงเธอจะบอกว่าทางนั้นมันใกล้กว่าแต่มันก็ยังไกลอยู่ดีนั่นแหละ แล้วฉันก็คงจะโดนตาแก่นั่นดุแน่ ๆ

                ไวโอเล็ตเอียงคอเล็กน้อย อย่างนั้นหรือคะ? แต่เบเนดิกต์ คุณน่าจะเหนื่อยจากการส่งจดหมายทุกวันและยังต้องพาฉันด้วยอีก เพราะงั้นถ้าให้คนที่แข็งแรงกว่าเป็นคนไปมันไม่ดีกว่าหรือคะ? ไม่ว่าจะเป็นผู้ชายหรือผู้หญิงมันก็ไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้หรอกค่ะ เราต้องตัดสินใจเรื่องนี้ก็เพื่อการอยู่รอดของเรานะคะ

                เอ่อ คือผมคิดว่า…”

                ไม่ ตาแก่นั่นจะต้องพูดว่า เบเนดิกต์นายทำไมนายปล่อยให้ไวโอเล็ตตัวน้อยทำอะไรแบบนั้น? นายให้เธอวิ่งไปอย่างนั้นเหรอ? และจากนั้นตาแก่นั่นก็จะวิจารณ์เรื่องความเป็นสุภาพบุรุษของฉันแน่ ๆ

                เขาน่าจะกำลังเลียนแบบเจ้านายของเขา

                เธอจะต้องตอบความจริงทุกอย่างเมื่อถูกถามใช่ไหม? เธอโกหกไม่ได้นี่

                ฉันจะไม่โกหกท่านประธานค่ะ รายงานของฉันต้องมีแต่ความจริงเท่านั้น

                ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ดีน่ะสิ

                ฉันจะบอกความจริงค่ะ แต่ฉันจะแก้ตัวให้คุณ ฉันจะบอกท่านประธานว่าฉันเป็นคนเสนอความคิดนี้เองค่ะ

                เธออาจจะพูดแบบนั้นได้ตอนที่เธอเป็นทหาร แต่ถ้าเป็นชีวิตจริงน่ะมันไม่มีประโยชน์หรอกนะ เพราะงั้นหยุดความคิดนั้นไว้ซะ

                อะแฮ่ม!” เมื่อซีลีนพูดเสียงดังขึ้น ทั้งสองคนจึงหันมามองเขา

                เขาแบกแม่ของเขาไว้บนหลัง อาจเป็นเพราะว่าเธอเดินเยอะเกินไปเธอจึงเหนื่อย ไวโอเล็ตจึงยกนิ้วชี้ขึ้นชิดกับริมฝีปากเพื่อบอกให้เขาเบาเสียง

                ซีลีนยิ้มแห้ง ถ้าพวกคุณกำลังลำบาก เพื่อขอบคุณที่ช่วยดูแลแม่ของผม ผมพาพวกคุณไปหมู่บ้านของผมได้นะ พวกคุณลากรถมอเตอรไซค์ไปได้ไหม? มันอาจจะใช้เวลาสักหน่อย แต่ผมหาคนที่มาซ่อมมันได้

                คุณทำได้เหรอ?

                ซีลีนพยักหน้า ช่วงนี้คนในหมู่บ้านค่อนข้างแออัดน่ะครับ เพราะงั้นมันอาจจะต้องใช้เวลาสักหน่อยนั่นแหละ ถ้าพวกคุณอยู่ที่นั่นสักวัน เราก็น่าจะซ่อมมันได้ทันเวลา ตอนนี้หมู่บ้านของเราเองก็กำลังรองรับแขกที่มาด้วยเหมือนกัน จริง ๆ แล้วกำลังจะมีงานแต่งน่ะครับ แถว ๆ นี้ถ้ามีใครสักคนกำลังจะแต่งงานทุกหมู่บ้านจะมารวมตัวกันเพื่อจัดงานเลี้ยง เราก็เลยเชิญและต้อนรับทุกคนที่มา มันเป็นความบังเอิญแต่ก็เป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดที่เราจะให้ความรื่นเริงแก่แขก

                พวกคุณมีร้านนั่งดื่มไหม?

                แน่นอนครับ

                แล้วพวกสาว ๆ นักเต้นกับอาหารล่ะ? อ้อ แล้วก็ที่นอนด้วย

                เรื่องผู้หญิง เอ่อมันก็แล้วแต่คุณเลยครับคุณเบเนดิกต์ แต่เรามีทุกอย่างให้คุณพร้อมหมดเลย

                เบเนดิกต์ยกกำปั้นขึ้นและร้องเยส ก่อนจะหันไปหาไวโอเล็ตและยื่นมือออกไปทั้งสองข้าง ไวโอเล็ตจ้องมองไปที่มือของเขา

                เธอทำแบบนี้ แบบนี้นะเบเนดิกต์จับมือของไวโอเล็ตและให้เธอยกขึ้นพร้อมกับเขา เราทำได้

                “’เราทำได้หรือคะ?

                เธอไม่ต้องทำอะไรมากหรอก เบเนดิกต์หัวเราะ เรื่องทั้งหมดนี่น่ะมันเป็นส่วนหนึ่งของโชคชะตายังไงล่ะ ฉันไม่รู้หรอกว่าพวกเขาคือใคร แต่ไปร่วมฉลองกับความสุขของคู่รักคู่นี้เถอะ

                ซีลีนเองก็หัวเราะกับคำพูดของเบเนดิกต์เช่นกัน แต่เมื่อเขามองขึ้นไปเห็นแม่ของเขาที่อยู่บนหลัง รอยยิ้มของเขาก็เลือนหายไป แต่เขาก็พยายามทำให้ตัวเขาเองพูดออกมาด้วยน้ำเสียงร่าเริง ครับ ผมมาจากครอบครัวที่มีคู่รักที่มีความสุขนี่แหละครับ

     



                ซีลีนพาพวกเขามายังหมู่บ้านที่มีชื่อว่าคิซาระ หมู่บ้านถูกสร้างขึ้นมาเป็นรูปครึ่งวงกลม และใจกลางของหมู่บ้านเป็นห้องโถงที่มีศาลาหินและบ่อน้ำ ปกติแล้วสถานที่แห่งนี้ก็คงจะมีแค่สองสิ่งนั้น แต่ในตอนนี้กลับมีผู้คนมากมายแออัดอยู่รอบ ๆ ศาลา และทั้งหมดนั่นก็มีแต่ผู้หญิงราวกับผู้หญิงทั้งหมู่บ้านมารวมตัวกันที่นี่หมดแล้ว พวกเธอทุกคนกำลังทำอาหารอย่างแข็งขันและตกแต่งห้องโถงด้วยเครื่องประดับต่าง ๆ

                ไวโอเล็ตและเบเนดิกต์มองไปยังผู้หญิงเหล่านั้นราวกับเป็นเรื่องไม่ปกติ เบเนดิกต์จึงถามซีลีนว่าผู้ชายหายไปไหน ซีลีนจึงชี้ไปที่เต็นท์ที่ตั้งอยู่ห่างจากหมู่บ้านเล็กน้อย เต็นท์ทั้งหมดถูกเรียงรายและทำจากผ้าหลากสีที่ส่องประกายวาววับโดดเด่นตัดกับสีของท้องฟ้าและสีของใบหญ้า ดูเหมือนว่าเต็นท์เหล่านั้นจะถูกใช้เป็นที่นอนชั่วคราวสำหรับแขก และดูเหมือนว่าพวกเขานั้นตั้งใจต้อนรับไม่ว่าใครก็ตามที่มาอย่างอบอุ่นจริง ๆ

                พวกเขามุ่งหน้าไปยังบ้านของซีลีน ถนนเส้นเดียวของหมู่บ้านนั้นแคบและเต็มไปด้วยสิ่งต่างๆมากมาย – ทั้งดอกไม้ที่กำลังบานสะพรั่งอยู่บนถังไม้ที่อยู่หน้าประตูบ้าน ผักผลไม้แห้ง และแมวที่กำลังวิ่งลอดขาพวกเขา เสียงกระดิ่งดังขึ้นจากที่ไหนสักแห่ง ซีลีนจึงอธิบายว่าระฆังนั่นเป็นงานหัตถกรรมหลักของหมู่บ้านเลยล่ะ

                หมู่บ้านที่มีความเงียบสงบเช่นนี้นั้นเป็นลักษณะที่มีเฉพาะในชุมชนเล็ก ๆ เท่านั้น และหาไม่ได้ในเมืองใหญ่

                เมื่อพวกเขาเดินผ่านถนนที่คับแคบมันก็เริ่มกว้างขึ้น และเหนือของถนนเส้นนั้นคือบ้านเดี่ยวที่มีหลังใหญ่ยิ่งกว่าบ้านหลังไหน ๆ ถึงแม้ว่าบ้านจะไม่ค่อยได้รับการดูแลอย่างดีเท่าไหร่ แต่ก็มีพุ่มกุหลาบมากมายขึ้นในสวน และที่หน้าประตูก็มีผู้หญิงสองคนที่หน้าตาดูเป็นกังวลกำลังยืนอยู่

                เธอไม่เป็นอะไรใช่ไหมคะ?!” ผู้หญิงวัยกลางคนที่อยู่ในชุดผ้ากันเปื้อนวิ่งมาหาพวกเขาด้วยความรีบร้อน

                ซีลีนถอนหายใจ ก่อนจะพูดกับเธอด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา คุณกล้าพูดแบบนั้นกับผมได้ยังไงกัน คุณโอเคกับเรื่องนี้จริง ๆ น่ะเหรอ? อย่าบอกนะว่าเรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นตลอดน่ะ…”

                เมื่อคืนนี้ฉันล็อคห้องของคุณนายอย่างดีแล้วค่ะท่าน หลังจากนั้นคุณได้เข้าห้องของเธอหรือเปล่าคะ? คุณได้ล็อคไหม? เพราะว่ามันเปิดจากข้างนอกได้เท่านั้นค่ะ

                นั่น…”

                ไม่กี่ปีที่ผ่านมาที่คุณท่านมอบหมายให้ฉันดูแลเธอทุกอย่าง ฉันไม่เคยออกไปตามหาคุณนายแบบนั้นเลยค่ะ

                ความผิดของผมเองแหละ มันเป็นความผิดของผมเอง…”

                อากาศรอบตัวดูน่าอึดอัดขึ้นมาทันที

                ผู้หญิงอีกคนเดินมาอยู่ข้าง ๆ ซีลีน เธอมีผิวแทนและมีใบหน้าที่สง่างาม เธอก้มศีรษะให้กับไวโอเล็ตและเบเนดิกต์ที่กำลังมองสถานการณ์ตรงหน้าโดยที่ไม่พูดอะไร และในตอนนั้นเองที่ซีลีนรู้สึกตัวว่ามีคนอื่นอยู่ด้วย

                ขะ-ขอโทษด้วยครับผมจะแนะนำให้คุณรู้จัก ผู้หญิงคนนี้เอ่อเธอชื่อมิชาครับ เธอจะมาเป็นภรรยาของผมในวันพรุ่งนี้ และนี่ก็เดอลีท เธอเป็นคนรับใช้ของแม่ผมเอง ผมไม่ได้อยู่กับแม่น่ะครับ มิชากับเดอลีทเป็นคนที่คอยดูแลแม่ของผม

                พวกเขาเข้าใจในทันทีว่าประโยคสุดท้ายนั่นหมายถึงว่าพวกเขาควรจะแสดงการขอบคุณแก่พวกเขาทั้งคู่เหมือนที่เขาทำหลังจากที่พูดจบ ทั้งเดอลีทและมิชาให้พวกเขาเข้าไปในบ้านและปฏิบัติต่อพวกเขาราวกับพวกเขาเป็นนักบุญก็ไม่ปาน หลังจากนั้นทั้งเจ้าบ่าวและเจ้าสาวที่กำลังจะแต่งงานในวันพรุ่งนี้ก็ไม่ว่างเพราะดูเหมือนพวกเขาจะต้องออกไปทักทายบ้านหลังอื่น ๆ ด้วยตัวของพวกเขาเอง พวกเขาขอโทษที่ไม่ได้ให้ความสำราญใจแก่แขกเท่าที่ควรนัก แต่ไวโอเล็ตและเบเนดิกต์ต่างก็พอใจแล้วที่มีที่ให้พวกเขาได้มีเวลาทำใจให้สงบ

                เมื่อใกล้เที่ยง เดอลีทจึงเชิญพวกเขาออกไปทานอาหารนอกบ้าน บางทีอาจเป็นเพราะความเหนื่อยล้า เบเนดิกต์จึงหลับไปทันทีหลังทานอาหารเสร็จ เขานอนบนโซฟาและหลับตาเพราะทนความง่วงไม่ไหว

                บุรุษไปรษณีย์มีหน้าที่ที่ต้องส่งของทั้งวัน และยิ่งไปกว่านั้น เขาจะต้องขับรถไปรับไวโอเล็ตระหว่างทางด้วย และเมื่อมอเตอร์ไซค์ของเขาเสียเขาจึงกังวลเรื่องที่ต้องซ่อมแซมมัน ผลสุดท้ายจึงทำให้ร่างกายทนไม่ไหวและหมดแรงไปเสียก่อน

                ไวโอเล็ตเองก็นั่งลงบนโซฟาตัวเดียวกับเขาและปล่อยให้เขานอนอยู่ข้าง ๆ เธออย่างเงียบ ๆ เธอมองไปรอบ ๆ ตัว บ้านหลังนี้เองก็มีกระดิ่งติดอยู่ตรงหน้าต่างบ้านเช่นกัน และพวกมันก็กำลังส่งเสียงกรุ๊งกริ๊งไปมา และเธอก็ได้ยินเสียงเดอลีทกำลังล้างจานอยู่ในห้องครัว พร้อมกับเสียงลมหายใจของเบเนดิกต์ที่กำลังเข้าออกอย่างสม่ำเสมอ ช่างเป็นยามบ่ายของฤดูร้อนที่สงบสุขเหลือเกิน

                แม้จะไม่รู้สึกง่วงเลยแม้แต่น้อย แต่ไวโอเล็ตก็หลับตา ราวกับว่าเธอได้รู้จักเสียงที่นุ่มนวลและอ่อนโยนของสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันรอบตัวเธอเป็นครั้งแรก บ้านหลังใหม่ของเธอที่เป็นบ้านของตระกูลเอเวอร์การ์เดนนั้นเป็นคฤหาสน์ที่มีขนาดใหญ่เสียจนสามารถเอาทั้งหมู่บ้านมาอยู่ในนั้นได้ มันจึงเป็นเรื่องแปลกสำหรับเธอที่ได้อยู่ในบ้านที่เธอแค่อยู่อาศัยและพักผ่อนเท่านั้นโดยที่ไม่ต้องทำอะไรเลย อย่างไรก็ตาม เมื่อเธอได้ยินเสียงดังมาจากประตูด้านหน้า เธอก็ควักปืนพกออกมาจากเสื้อแจ็คเก็ตของเธอ

                โอ้ นั่นใช่คนที่มาซ่อมมอเตอร์ไซค์หรือเปล่านะ?เสียงฝีเท้าดังขึ้น เดอลีทเดินไปยังประตูหน้าบ้าน

                ไวโอเล็ตเห็นเบเนดิกต์ลืมตาขึ้นมาเล็กน้อย เขาเองก็หยิบปืนของเขาออกมาเช่นกัน ไม่เป็นไรแล้วค่ะ นอนต่อเถอะเธอบอกเขา เขาจึงหลับตาลงด้วยความโล่งใจ

                พวกเขาทั้งสองคนเหมือนกันเล็กน้อย เนื่องจากผมและดวงตาที่มีสีคล้ายกันพวกเขาจึงเหมือนพี่น้องกันไม่มีผิด

                เธอสงสัยว่ามีอะไรที่เธอพอจะช่วยพวกเขาได้ไหม ไวโอเล็ตจึงเดินไปที่ประตูหน้าเช่นกัน แต่ก่อนที่จะเดินไปถึงเธอก็เห็นใครบางคนเข้าเสียก่อนจึงทำให้เธอหยุดเดิน เธอได้ยินเสียงจากชั้นสอง และจำได้ทันทีว่านั่นเป็นเสียงของแม่ซีลีน เธอปีนขึ้นไปบนบันไดไม้ ไวโอเล็ตหยุดยืนอยู่ที่ทางเดินของชั้นสองและเงี่ยหูฟังอีกครั้ง      

                ที่รัก?เสียงของหญิงชราดังขึ้นอีกครั้ง หรือว่าโจนาห์?

                เธอคงจะเข้าใจผิดว่าไวโอเล็ตเป็นคนในครอบครัวของเธอ

                ฉันไวโอเล็ตเองค่ะ คุณเป็นคนที่มัดผมให้ฉันเมื่อเช้านี้ ไวโอเล็ตกระซิบตอบคำถามของเธอที่หน้าประตูห้อง

     



                มันเป็นแค่หมู่บ้านเล็ก ๆ เท่านั้น แต่งานเลี้ยงก็สามารถรวบรวมทุกคนในหมู่บ้านให้มาเข้าร่วมได้ พวกเขาทั้งสองคนก้มหัวให้กับแขกทุกคนเพื่อแสดงความขอบคุณทีละคน และเมื่อพระอาทิตย์ตก ซีลีนและมิชาก็ถึงเวลาได้กลับบ้านเสียที

              โอ้ เจ้าสาวไม่ใช่คนแถวนี้หรอกหรือ?

              เธอเข้าใจภาษาของเราครับ แต่สำเนียงของเธอยังแปร่ง ๆ อยู่ มันน่ารักดีครับ

              ดูแลเธอให้ดีล่ะซีลีน ไม่รู้สึกหรือว่าเธอต้องพึ่งคุณน่ะ?

                การที่ต้องไปทักทายทุกคนนั้นไม่ได้ทำให้เขารู้สึกลำบากเท่าไหร่ แต่หลังจากที่ถูกผู้หญิงแก่ ๆ คนหนึ่งถามเรื่องคู่หมั้นของเขามาก ๆ ซีลีนจึงต้องเป็นคนพูดแทนมิชาที่แสนขี้อายและไม่เก่งเรื่องการสนทนาแทน จึงทำให้ลำคอของเขารู้สึกแห้งผาก

                ปกติแล้วหมู่บ้านจะเงียบสงบมากเมื่อพระอาทิตย์ตกดิน แต่ในวันนี้หมู่บ้านกลับมีเสียงดังมาก ทุกคนต่างกำลังรื่นเริง และเมื่อเขาคิดว่าทั้งหมดนี้ถูกจัดขึ้นเพื่อเขาและมิชา ซีลีนจึงเข้าใจในทันทีว่างานแต่งงานนั้นไม่ได้เป็นแค่ของคนสองคนเท่านั้น เขาจึงจับมือของมิชาไว้อย่างเป็นธรรมชาติ

                ฮิฮิเธอส่งเสียงหัวเราะที่ดูเขินอาย คนหมู่บ้านนี้ใจดีจังบางทีเธอรู้สึกสบายใจที่ได้อยู่กับซีลีนเธอจึงพูดแค่กับเขาเท่านั้น พี่ชายของฉันเป็นคนที่เลี้ยงฉันมาตลอดตั้งแต่พ่อแม่ของฉันเสียในสงคราม ฉันจึงดีใจจริง ๆ ที่ได้แต่งงานกับคุณ ฉันจึงอยากที่จะมีครอบครัวอีกสักครั้ง เธอยิ้มเขิน ๆ คุณเดอลีททำอาหารเก่งมาก เธอสอนฉันทำอาหารที่คุณชอบ และบ้านของแม่คุณก็หลังใหญ่ มันสง่างามมาก และมันก็ทำให้ฉันคิดว่าทุกคนสามารถอยู่ที่นั่นได้

                ถึงแม้ว่าจะเป็นการพูดคุยที่เงียบสงบ แต่อยู่ดี ๆ ซีลีนก็พูดออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา คุณไม่ต้องเกรงใจแบบนั้นก็ได้

                มิชาหยุดเดิน มือของเธอยังจับกับเขาอยู่ และเมื่อเขาดึงมือของเธอให้เดินไปข้างหน้าเธอจึงสะดุด ขอโทษค่ะ

                ไม่ ผมเองก็โทษเหมือนกัน

                ไม่ค่ะ ฉันต่างหากที่ควรขอโทษฉันพูดเรื่องที่ไม่สมควรพูด ทั้ง ๆ ที่ฉันรู้อยู่แล้วว่าคุณจากบ้านหลังนั้นไปเพราะคุณเกลียดมันและแม่ของคุณ

                สิ่งที่ทำให้ซีลีนหลงใหลในตัวของมิชานั้นก็เป็นเพราะว่าความเอาใจใส่และความใจดีของเธอ

                แต่ฉันก็ไม่เคยถามคุณเลยว่าทำไมคุณถึงเกลียดพวกเขา ฉันเลยคิดว่าฉันควรจะให้การดูแลแม่ของคุณค่ะ

                และเธอก็เป็นคนมีศีลธรรมด้วย

                เหงื่อผุดขึ้นเต็มฝ่ามือของเขา ซีลีนอยากจะปล่อยมือออกและเช็ดมันแต่ก็เลือกที่จะไม่ทำเช่นนั้น แต่เลือกที่จะจับมือเธอแน่นกว่าเดิม เขาไม่อยากแสดงความรังเกียจต่อคนที่จะอยู่เคียงข้างเขานับจากนี้ไปตลอดชีวิต

                แม่ผมไม่เข้าใจอะไรสักอย่าง

                มิชาสบตากับเขาตรง ๆ แต่ซีลีนไม่กล้าที่จะสบตาเธอ ค่ะ

                แม่เป็นแบบนั้นตั้งแต่ผมยังเด็ก เธอไม่ได้เป็นแบบนั้นเพราะอายุของเธอหรอก ผมเองก็เคยมีพ่อเหมือนกันแล้วก็มีพี่ชายด้วยแต่วันหนึ่ง พ่อของผมก็พาพี่ชายของผมจากไป

                ทำไมล่ะคะ?

                ตอนนั้นผมยังเด็กมาก ผมก็เลยจำไม่ค่อยได้นัก บางทีอาจเป็นเรื่องปกติของคู่แต่งงานก็ได้ที่มันแย่แบบนี้ พวกเขาทะเลาะกันบ่อย ผมเห็นพวกเขาทั้งสองคนมักจะกระทืบเท้าและก็ออกไปจากบ้าน เพราะแบบนั้นผมก็เลยคิดว่าเขาคงจะกลับมาในไม่ช้า…”

                แต่เขาก็ไม่กลับมา

                ––แล้วทำไมตอนนั้นพ่อถึงพาพี่ชายของเขาไป แต่ไม่พาเขาไปล่ะ?

                เพราะว่าพี่ชายของเขาเป็นลูกคนแรกงั้นเหรอ? อายุของพวกเขาห่างกันแค่สามปีเท่านั้น แต่เขารู้สึกอยู่เสมอว่าพ่อของเขามักจะให้ความสำคัญกับพี่ชายของเขามากกว่าไม่ว่าเขาจะทำอะไรก็ตาม อย่างเช่น เรื่องการให้ของขวัญ การลูบหัว หรือแม้กระทั่งคำพูดที่เขาใช้ในการชมพวกเขา ถ้าจากมุมมองของคนอื่น ๆ ก็คงเห็นว่ามันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร แต่เด็กก็มักจะอ่อนไหวในเรื่องแบบนี้ทั้งนั้นแหละ

                ––เขามั่นใจว่าพ่อของเขาจะพาคนที่เขารู้สึกสนิทใจมากที่สุดไปด้วย เขาคิดแบบนั้น

                หลังจากนั้นแม่ก็เริ่มทำตัวแปลก ๆ เธอเปลี่ยนไปช้า ๆและแตกสลายเหมือนกับสกรูที่หลุดออกมาจากเครื่องกล ตอนแรกเธอเริ่มเรียกผมด้วยชื่อของพี่ชายของผม เมื่อไหร่ที่ผมพูดว่าไม่ใช่ครับ ผมไม่ใช่โจนาห์ ผมซีลีนเอง เธอก็จะขอโทษแล้วก็แก้ไขตัวเอง แต่มันก็ไม่หยุดแค่เรียกชื่อเท่านั้น

                มิชาวางมือของเธออีกข้างบนมือของพวกเขาที่กำลังจับกันอยู่ เธอพยายามที่จะช่วยให้ความยากลำบากของคนรักของเธอที่เจอมาตลอดทั้งชีวิตของเขานั้นลดลง มันเป็นท่าทางที่เรียบง่าย แต่ทำให้ซีลีนรู้สึกพอใจเป็นอย่างมาก เขายืนยันได้อย่างมั่นใจเลยล่ะว่านั่นเป็นสิ่งที่เขาปรารถนามาตลอด

                แม่เริ่มเห็นภาพหลอนว่าผมเป็นพ่อและก็โจนาห์

                ตัวเขาในอดีตนั้นไม่มีความสุขแบบนั้นเลยสักนิด

                พอเธอคิดว่าผมเป็นพ่อ เธอก็จะตะคอกพร้อมกับร้องไห้และก็ตีผม พอเธอคิดว่าผมเป็นพี่ เธอก็จะแค่กอดผมไว้แล้วก็ถามว่าผมไปไหนมา เธอทำแบบนี้มาหลายปี

                ซีลีนไม่ได้คิดว่าตัวเขานั้นน่าสมเพช

                แต่พอผมโตขึ้นเรื่อย ๆ แล้วก็สูงขึ้น ผมก็ไม่เหมือนกับพี่และพ่อเลยสักนิด ผมเลยคิดว่ามันเป็นเรื่องที่ดีมากจริง ๆ

                อย่างไรก็ตาม เขาก็ไม่เคยคิดเช่นกันว่าเขานั้นมีความสุข เมื่อย้อนกลับไปในวัยเด็กนั้น ชีวิตของเขาไม่เคยมีความสนุกเลย เขาต้องเริ่มทำงานตั้งแต่ที่แม่ของเขาเป็นแบบนี้ และรู้สึกเศร้าทุกครั้งที่ได้กลับมาบ้าน

                ผมรู้สึกเป็นอิสระที่ไม่ต้องถูกเข้าใจผิดว่าเป็นคนอื่น

                มันเป็นความต่อเนื่องจากสิ่งที่เกิดขึ้น

                จากนั้นผมก็ถูกสาปใหม่อีกครั้ง

                ความโศกเศร้าคือความต่อเนื่องที่เกิดจากสิ่งนั้น

                ตอนนี้ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผมเป็นใคร

                และเพื่อต้องจบเรื่องนี้ เขาจำต้องแยกจากเธอ

                แม่เองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าผมเป็นใคร เธอจำผมได้แค่ตอนเป็นเด็กเท่านั้น เดอลีทบอกผมว่าเมื่อไม่นานมานี้เธอเองก็มองหาผมเหมือนกัน มันไม่น่าขำเหรอ? ผมน่ะ ผมน่ะ ผมน่ะ…”

                ก็เพราะว่าพวกเขาเป็นครอบครัว เขาจึงต้องแยกจากเธอ

                “…อยู่ข้าง ๆ เธอมาตลอด

                ถึงแม้ว่ามันอาจจะเป็นเรื่องที่เลือดเย็น ที่สิ่งสุดท้ายที่ซีลีนต้องการนั้นคือการยอมแพ้ คนในหมู่บ้านเองก็รู้เรื่องนี้ แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้พูดเรื่องนี้กับคนภายนอก เขาโตขึ้น เรียนรู้วิธีการทำงาน และออกไปสู่โลกไปภายนอก จากนั้นก็ตกหลุมรักกับผู้หญิงที่เขาเจอที่นั่น และในที่สุดเขาก็เป็นอิสระจากความเศร้าเสียที เขาจะไม่ยอมปล่อยให้ใครมายุ่งกับเรื่องนั้นเด็ดขาด

                เพราะแบบนั้นผมก็เลยไม่ได้อยู่กับแม่

                ซีลีนสิ้นหวังที่จะดึงความสุขที่ในที่สุดเขาก็ได้รับมันมาด้วยมือของเขาเอง

     



                เมื่อพวกเขามาถึงบ้าน เดอลีทก็ได้ออกมาต้อนรับพวกเขาข้างนอกอยู่แล้ว ฉันรอพวกคุณอยู่เลยค่ะ เธอถือจดหมายในมือหลายฉบับ ทุกคนในบ้านได้เจอเรื่องต่างมากมายเมื่อพวกเขาไม่อยู่ โทรเลขแสดงความยินดีจากเพื่อนและญาติที่อยู่ห่างไกลที่ไม่สามารถมาร่วมงานได้

                เมืองที่ซีลีนและเดอลีทอยู่นั้นอยู่ไม่ไกลจากหมู่บ้าน เขาอยากจะจัดงานฉลองที่นั่นและไม่ให้แม่ของเขามาร่วมงาน แต่มิชาไม่เห็นด้วย ถ้าคุณมีพ่อแม่อย่างน้อยสักหนึ่งคนแบบนี้คุณก็ควรจะให้เธอได้เห็นนะคะ เธอบอกเขา ด้วยเหตุผลนั้น คนที่เกี่ยวข้องกับเขาจึงไม่สามารถมาร่วมงานได้

                เราควรจะทำยังไงกับเรื่องนี้ดีถ้าตามมารยาทของงานแต่งน่ะ? ซีลีนเอ่ยถามเดอลีท

                พวกเขาจะต้องพูดออกมาด้วยใจจริงค่ะ คุณไม่ได้ขอให้ใครสักคนทำให้หรือคะ?

                ซีลีนหันไปมองหน้ามิชา ทั้งสองไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อนว่าจะต้องทำเรื่องร้องขอยังไงและก็ไม่คุ้นเคยกับพิธีสมรสด้วย

                เรามีปัญหาแล้วล่ะถ้าเป็นใครสักคนจากแถวนี้ให้ผู้หญิงจากร้านขายของชำเป็นคนทำดีไหมคะ?

                ไม่มีทางเราจะขอกะทันหันแบบนั้นไม่ได้ งานเลี้ยงจะเริ่มในวันพรุ่งนี้แล้ว

                ถ้าอย่างนั้น คุณท่านก็ยังไม่คิดเรื่องกลอนรักให้กับเจ้าสาวของคุณเลยงั้นหรือคะ คุณต้องทำด้วยนะคะ

                มันเป็นธรรมเนียมดั้งเดิมที่เจ้าสาวและเจ้าบ่าวจะต้องท่องบทกวีที่เขียนโดยเจ้าบ่าวที่เต็มไปด้วยความรู้สึกของเขาที่มีต่อคนรักของเขาในงานเฉลิมฉลอง

                ผมไม่ได้คิดเรื่องนั้นเพราะว่ามันน่าอายน่ะสิ…”

                นั่นไม่ดีเลยนะคะ! งานแต่งที่ไม่มีบทกลอนแบบนั้นคงจะเป็นเรื่องที่น่าผิดหวังสำหรับแขกมากนะคะ

                เมื่อได้รับการตักเตือนด้วยท่าทีที่น่ากลัวเช่นนั้น ซีลีนจึงย่นคอเล็กน้อย

                การจัดพิธีในหมู่บ้านของเราหมายความว่าคุณต้องพร้อมและใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อที่เราจะได้แบ่งปันช่วงเวลาที่แสนพิเศษกับผู้คนมากมาย เราไม่สามารถละเลยประเพณีดั้งเดิมของเราได้ค่ะ ทุก ๆ คนต่างก็อาสาที่จะทำอะไรหลายอย่างเลยใช่ไหมล่ะคะ? นั่นก็เป็นเพราะการสนับสนุนและการให้กำลังใจทั้งนั้นแหละค่ะ คุณจะถูกประณามเอาได้นะคะถ้าคุณไม่แสดงมันออกมาอย่างจริงใจ

                ตะ แต่…”

                ใครกันล่ะที่จะช่วยพวกเขาได้?

                อาจเป็นเพราะว่าพวกเขากำลังเถียงกันอย่างดุเดือด หนึ่งในแขกของพวกเขาจึงเปิดหน้าต่างและยื่นหัวของเธอออกมาราวกับจะถามว่าเกิดอะไรขึ้น เธอเองก็มีจดหมายในมือเช่นกัน

                อ่า ไม่ใช่ว่าคนนั้นจะเหมาะสำหรับงานแบบนี้หรือคะ?!”

                ไม่ได้นะพวกเขาเป็นแขก

                แต่เธอเป็นออโต้เมมโมรี่ดอลล์นี่ ใช่ไหมคะ? ไม่ใช่ว่าการอ่านและการเขียนเป็นเรื่องที่ถนัดสำหรับพวกเธอหรือคะ? คุณท่าน คุณน่าจะให้เธอทำนะคะ

                เนื่องจากคำพูดในแง่ดีของเดอลีท และซีลีนก็ทำไม่ได้ เขาจึงไม่สามารถที่จะพูดอะไรได้เลย

                ฉันจะทำให้ค่ะ

                หา?

                ฉันจะทำให้ค่ะ ฉันจะอ่านและก็เขียนให้เพื่อเป็นการตอบแทนหนึ่งคืนที่พวกคุณให้เรา

                โดยที่ไม่คาดคิด ไวโอเล็ตกลายเป็นผู้รับผิดชอบไปในทันที ยังไม่ถึงวันด้วยซ้ำที่พวกเขาได้พบกัน แต่เขาก็รู้สึกว่าเขาไม่สามารถที่จะพูดอะไรแบบนั้นด้วยตนเองได้เลย ซีลีนคิดว่าเธอเป็นผู้หญิงที่ถ่อมตัวมาก

                และมันก็เป็นพิธีการที่สำคัญด้วยค่ะ

                คำพูดของไวโอเล็ต เอเวอร์การ์เดนนั้นทำให้หัวใจของซีลีนรู้สึกปลื้มปริ่มอย่างบอกไม่ถูก

     



                ชุดเจ้าสาวในแถบลุ่มน้ำยูคาลิปนั้นเป็นเสื้อคลุมสีแดงที่เย็บปักถักร้อยด้วยด้ายสีทอง พร้อมกับมงกุฎดอกไม้ ใบหน้าของเจ้าสาวทั้งเปลือกตาและริมฝีปากแต่งแต้มด้วยสีกุหลาบ แต่เจ้าบ่าวนั้นจะสวมเสื้อคลุมสีขาว และถือโล่ไว้เพื่อแสดงให้เห็นว่าเขาจะเป็นคนที่คอยปกป้องครอบครัวพร้อมกับดาบเล่มเล็ก ๆ ที่ทาด้วยสีทอง ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความมั่งคั่ง

                เจ้าบ่าวและเจ้าสาวเดินไปรับพรจากผู้คนบนท้องถนนในตอนเช้าตรู่ หลังจากนั้นงานฉลองก็จะถูกจัดขึ้นในห้องโถงของหมู่บ้าน เวทีที่ใช้ในพิธีแต่งงานที่ถูกตกแต่งด้วยผู้หญิงจากทั้งหมู่บ้านตั้งแต่เมื่อวานกลายเป็นเวทีที่โอ่อ่าอลังการ ศาลาในห้องโถงได้รับการตกแต่งด้วยดอกกุหลายสีขาวและแดง พร้อมด้วยเก้าอี้สองตัวที่ถูกตกแต่งด้วยเถาองุ่น มีโต๊ะยาวและเก้าอี้เรียงรายล้อมรอบเต็มศาลาพร้อมกับแขกที่นั่งอยู่เต็มไปหมด พวกเขาลุกขึ้นปรบมือต้อนรับทันทีที่เจ้าบ่าวและเจ้าสาวได้มาถึง

                มีเพียงแค่วันแบบนี้เท่านั้นที่ผู้คนที่ต้องออกไปทำงานอย่างขยันขันแข็งในทุกๆวันจะแต่งตัวด้วยชุดสีสันสดใสและหมวกที่ประดับด้วยเครื่องประดับมากมายเช่นนี้ และไม่ได้มีแค่ผู้ใหญ่เท่านั้นที่แต่งตัว แต่เด็ก ๆ เองที่กำลังวิ่งและเดินไปรอบ ๆ งานก็สวมปีกนางฟ้าที่แสนน่ารักที่หลังของพวกเขาด้วย

                เมื่อพิธีเริ่มขึ้น วงออเครสต้าก็เริ่มบรรเลง และอาหารก็พร้อมเสิร์ฟ ถัดไปจากนั้นก็เป็นเวลาสำหรับการเต้นรำ ในเริ่มแรกพวกผู้หญิงจะมารวมตัวกันและเต้นกันเป็นกลุ่ม จากนั้นผู้คนที่เหลือก็จะเข้าไปผสมโรงด้วย แต่เมื่อบุรุษไปรษณีย์ผมสีบลอนด์เข้ามา เสียงเชียร์จากผู้หญิงในหมู่บ้านก็ดังขึ้นมาทันที เบเนดิกต์เต้นรำอย่างเชี่ยวชาญด้วยรองเท้าบูทที่เหมือนกับรองเท้าบูทผู้หญิงของเขา และเมื่อเขาเต้นเสร็จ หญิงสาวทุกคนในหมู่บ้านที่งดงามราวกับดอกไม้ก็กรูเข้ามาหาเขาจากทุกมุมของงานและก่อให้เกิดความโกลาหล

                ไวโอเล็ต เอเวอร์การ์เดนผู้ที่ซึ่งตกลงจะรับหน้าที่ในการเขียนบทกวีไม่ได้ทำอะไรที่ดูเกินเรื่องเกินราวเหมือนกับเบเนดิกต์  เธอเพียงแค่ยืนอยู่เฉย ๆ และรอคิวของเธอในความเงียบ บางทีอาจเป็นเพราะความงามที่ดูลึกลับของเธอจึงไม่มีผู้ชายเจ้าชู้คนไหนเข้าไปหาเธอเลย และไม่มีแม้แต่สักคนเดียวที่มีความกล้ามากพอที่จะเข้าไปคุยกับเธอเสียด้วยซ้ำ

                เมื่อถึงเวลาของเธอ เธอก็ทำให้แขกที่มาร่วมงานทุกคนจับจ้องมายังจดหมายมากมายในมือของเธอ และไม่จำเป็นต้องบอกให้ เงียบเสียงเสียด้วยซ้ำ ถ้าพวกเขาต้องการจะได้ฟังอะไรบางอย่าง พวกเขาก็จะเงียบด้วยตัวของพวกเขาเอง

                ไม่ว่าคู่แต่งงานจะกังวลมากแค่ไหน แต่พิธีการก็ยังคงดำเนินไปอย่างง่ายดายเพราะผู้คนในหมู่บ้านชินกับมันแล้ว มิชากระซิบที่ข้างหูของซีลีนด้วยเสียงแผ่วเบา ดูเหมือนว่ามันจะจบลงด้วยดีใช่ไหมคะ?

                แม้ว่าเธอจะเป็นเจ้าสาวของเขา แต่เธอก็สวยมากเสียจนเขาตกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นใบหน้าของเธอเข้ามาใกล้ ใช่ต้องขอบคุณทุกคนในหมู่บ้านเลยจริง ๆ

                กลอนรักของคุณมันวิเศษมากเลยค่ะหลังจากพูดแบบนั้นมิชาก็หัวเราะเล็กน้อย อาจเป็นเพราะว่าท่าทีของเขาดูตลกมากในสายตาของเธอที่สุดท้ายเขาต้องลงเอยด้วยการพูดกลอนที่เขาต้องการสื่อถึงเธอด้วยท่าทีแข็งกระด้างและเป็นกังวล

                แต่คุณไวโอเล็ตเป็นคนเขียนมันหมดเลยนะ…”

                ค่ะ แต่ฉันไม่เคยได้รับคำพูดแบบนั้นมาก่อนเลย

                อย่าล้อผมนักสิผมไม่เก่งเรื่องน่าอายแบบนี้นี่นา

                เป็นเรื่องที่ดีมากเลยค่ะที่เราได้พบกับนักเดินทางที่แสนวิเศษแบบนี้ คุณแม่เองก็ดูมีความสุขดีนะคะ

                ถ้าเป็นแบบนั้นก็ดีน่ะสิซีลีนพูดเสียงเบาลง

                เขาอ้อนวอนตลอดเวลาว่าเธอจะอยู่นิ่ง ๆ แบบนั้นไปตลอดงาน แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็เริ่มเดินไปรอบ ๆ งานในระหว่างพิธีและเริ่มมองหาเขา ดังนั้นเดอลีทจึงพาเธอกลับบ้านตามคำขอร้องของเขา ถึงแม้ว่าคนในหมู่บ้านจะรู้เรื่องแต่พวกเขาก็ไม่ได้วุ่นวายอะไร – กลายเป็นว่ามีแต่ซีลีนเท่านั้นที่กำลังรู้สึกอัดอัดใจ

                ––น่าอายชะมัด

                เขารู้สึกว่าวันที่สำคัญที่สุดในชีวิตของเขากำลังจะถูกแม่ที่ใจสลายของเขาทำลายมันลง

                ––เขาดีใจที่คนที่เขาแต่งงานด้วยคือมิชา

                เขามั่นใจว่ามีคนอีกมากมายที่กำลังโกรธเคืองที่เจอสถานการณ์เหมือนกับเขา

                ––เขาดีใจที่คน ๆ นั้นเป็นมิชา

                ซีลีนจับมือของมิชา เขามีแหวนแต่งงานที่สวมอยู่บนนิ้วเหมือนเธอ ซึ่งเป็นหลักฐานว่าเขาไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวอีกต่อไป การที่เขามีแหวนอยู่บนนิ้วทำให้เขารู้สึกว่าเรื่องทั้งหมดนี่เป็นเรื่องจริง

                สุดท้ายนี้ นี่เป็นจดหมายจากแม่ที่แสนมีค่ายิ่งของเจ้าบ่าวค่ะ เป็นการอวยพรสำหรับงานแต่งงานของคุณซีลีน ลูกชายของเธอ ที่มีวันที่แสนวิเศษอย่างวันนี้ค่ะ

                เสียงปรบมือดังขึ้นอย่างต่อเนื่องเพราะคำพูดของไวโอเล็ต ซีลีนหันไปมองทั้งรอบงานด้วยความสับสน ดูเหมือนมิชาจะคิดว่ามันเป็นหนึ่งในพิธีสำหรับงานวันนี้เธอจึงยอมรับได้ แต่ซีลีนไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อน

                เลดี้ฟราน ฉันขอขอบคุณที่ให้เราได้เข้าร่วมในงานที่มีเกียรติเช่นนี้ด้วยนะคะไวโอเล็ตหยิบจดหมายที่เหมือนกับที่เธอถือมันไว้เมื่อตอนเย็นและเปิดซองจดหมายขึ้น ตามคำขอของคุณแม่เจ้าบ่าวผู้น่าเคารพ ฉันจะส่งมอบจดหมายแสดงความอวยพรแก่งานสมรสให้คุณซีลีนด้วยการพูดนะคะ

                ––เขาไม่เห็นรู้เรื่องมาก่อน เขาไม่รู้เรื่องนี้มาก่อนเลย

                ถ้าเขาไปห้ามเธอมันจะดีกว่าไหมนะ? ไม่มีทางที่คำพูดจากคนที่ใจสลายเช่นนั้นจะเหมาะสมกับงานแบบนี้หรอก งานแต่งงานจะต้องเละไม่เป็นท่าเพราะคำพูดและพฤติกรรมที่แสนประหลาดของเธอแน่ ๆ ซีลีนพยายามที่จะลุกขึ้นจากเก้าอี้ของเขา

                อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนดวงตาสีฟ้าของออโต้เมมโมรี่ดอลล์จะสังเกตเห็นเขาเข้าเสียก่อน เธอจึงเอ่ยร้องขอออกมาเพื่อไม่ให้เขาเข้ามาหยุดเธอ มันอาจจะแปลกไปสักหน่อย แต่ได้โปรดช่วยฟังมันก่อนนะคะ ริมฝีปากที่มีกุหลาบของเธอถอนหายใจออกมาเล็กน้อย ก่อนจะเริ่มอ่านบทกวีที่เต็มไปด้วยคำอวยพร แม่รู้ว่าตอนที่ลูกเห็นแม่สวยที่สุดในสายตาของลูกคือตอนไหน เพราะว่าแม่รักลูกมาตลอดเหมือนกับที่แม่ชื่นชมความงามของดอกไม้ แม่เห็นดวงดาวมากมายเปล่งประกายอยู่ในดวงตาของลูก เพราะแม่คิดว่าลูกนั้นเป็นคนที่เปล่งประกายอยู่เสมอ ตอนที่ลูกยังเด็กลูกไม่รู้วิธีที่จะพูดด้วยซ้ำ แม่จึงสอนเพื่อที่ลูกจะพูดได้ในสักวันใช่ไหม? สีของท้องฟ้า และความเยือกเย็นของน้ำค้างในยามค่ำคืน คำพูดของลูกที่พูดออกมาเมื่อลูกทำสิ่งที่ไม่ดีถ้าเพียงแต่แม่สามารถถ่ายทอดความสุขที่แม่รู้สึกเกี่ยวกับพวกมันให้ลูกได้ก็คงดี แม่สงสัยว่าลูกจะรู้ไหมว่าคำพูดโหดร้ายมากมายที่แม่พูดกับลูกนั้นมีแต่ความรักทั้งนั้น เช่นเดียวกัน ไม่ว่าลูกจะทำร้ายแม่มากแค่ไหน แต่การที่ลูกเกิดมานั้นก็ทำให้แม่ลืมมันไปได้หมด ลูกรู้ใช่ไหม? ลูกชายของแม่ ตอนนี้ลูกได้รู้จักความงดงามในดวงตาของคนที่ลูกจะอยู่ด้วยไปตลอดชีวิตนับจากนี้แล้วใช่ไหม? ลูกจำสีของดวงตาคู่นั้นได้ถึงแม้ว่าลูกจะหลับตาอยู่ใช่ไหม? มันเปล่งประกายใช่ไหม? ถ้าลูกมองเห็นความสวยงามเปล่งประกายอยู่ในแววตาของเธอ ก็แสดงว่าเธอรักลูกมากยังไงล่ะ ลูกจะต้องไม่เพิกเฉยมัน ลูกจะต้องไม่เพิกเฉยต่อความรักนั่น แสงสว่างเหล่านั้นจะยังเปล่งประกายได้ก็ต่อเมื่อได้รับการเจียระไนเท่านั้น อัญมณีชิ้นนั้นเป็นของลูกแต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น อย่าได้เพิกเฉยต่อความรักเด็ดขาดเชียวนะ ลูกชายของแม่ ลูกเคยมองเข้ามาในตาของแม่ไหม? ถ้าไม่เคย ลูกก็ลองมองดูนะ ถึงแม้ว่ามันจะเต็มไปด้วยความมืดมิด แต่ก็ยังมีดวงดาวที่เปล่งประกายอยู่บนท้องฟ้าที่แสนมืดมิดอยู่นะ ได้โปรด แค่ลองมองดูสักครั้ง ถ้าลูกเห็นว่ามันกำลังสะท้อนอยู่ในดวงตาของแม่ – มันช่างสวยงาม ก็แปลว่าลูกรักแม่ แม่พูดไม่ได้มากนัก เพราะแบบนั้น ได้โปรดมองดูสักครั้ง มองเข้ามาเมื่อลูกรู้สึกร้อนใจ ไม่ว่าลูกจะไปที่ไหน ดวงตาของแม่ก็จะกลายเป็นหนึ่งในสิ่งที่สวยงามที่สุดที่มีอยู่ในโลกนี้สำหรับลูก นี่เป็นสัญญาระหว่างลูกกับแม่ ลูกชายของแม่ สิ่งนี้เป็นความรักที่แม่มีให้ต่อลูก เพราะฉะนั้น ได้โปรด อย่าลืมสีในดวงตาของแม่เป็นอันขาดเลยนะ

                เสียงปรบมือดังขึ้นเรื่อย ๆ เหมือนกับระรอกคลื่น หลังจากถอนสายบัวให้อย่างสวยงามในแบบของออโต้เมมโมรี่ดอลล์ ไวโอเล็ตก็ถอยออกมาจากตรงนั้น

                ซีลีนจำสีในดวงตาของแม่เขาไม่ได้ แต่เขาอยู่กับเธอในวันนี้ และเมื่อวานนี้ก็ด้วยเช่นกัน

                ซีลีน? คุณเป็นอะไรหรือเปล่าคะ?

                แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็จำมันไม่ได้ เขาเลี่ยงที่จะไม่มองหน้าเธอมาตลอด และเขาก็ทำด้วยความตั้งใจ

                ซีลีน

                การถูกเรียกโดยใครสักคนที่กำลังมองมาที่เขานั้นเป็นเรื่องที่ยากเกินไปสำหรับเชา มันเป็นความเจ็บปวดที่เขาไม่มีในสิ่งที่แม่ของเขาต้องการ ไม่ว่าเขาจะทำยังไง เขาก็ไม่สามารถตอบรับความคาดหวังของเธอได้

                นี่ ซีลีนคะ

                ถ้าหากว่าคนที่พ่อของเขาพาไปด้วยคือซีลีนแทนที่จะเป็นพี่ของเขา บางทีหัวใจของแม่ของเขาอาจจะไม่แตกสลายถึงเพียงนั้น

                ที่รัก

                ถ้าหากว่าเธอได้อยู่กับใครสักคนที่ดีกว่าลูกชายที่คิดว่าพ่อกับแม่ของตนนั้นคิดว่าตนเองไม่จำเป็นล่ะก็

                ––น่าอายชะมัด

              นั่นคือเหตุผลที่เขาไม่เก่งเรื่องน่าอายเลยสักนิดแบบนี้

              ––น่าอายชะมัด

                เป็นเพราะว่าพวกเขาทำให้เขารู้สึกกลัว

                ––น่าอายชะมัด

                ว่าเขาจะเป็นคนที่น่าอับอายในสายตาของใครสักคน

                ที่รัก อย่าร้องไห้สิคะ

                เมื่อมิชาเช็ดน้ำตาให้เขาเขาถึงเพิ่งรู้สึกตัวว่าเขากำลังร้องไห้ เขารีบหันหลังทันที และน้ำตาก็ล้นทะลักออกมามากกว่าเดิม

                ––น่าอายชะมัด น่าอายชะมัด เขาน่าอายชะมัด

                จดหมายของออโต้เมมโมรี่ดอลล์ทำให้ในอกของเขาเจ็บปวด เขารู้สึกอายที่จดหมายนั่นพูดถึงตัวเขาในอดีตที่เขาไม่ได้รักแม่ของเขาจนกระทั่งถึงตอนนี้ และยังวิ่งหนีจากคนที่เขาสมควรจะที่ปกป้องอีก แม่ของเขาที่คิดว่าเขาจากไปแล้ว และกำลังแตกสลายได้ออกไปตามหาเขา

                โทษที ผมจะออกไปข้างนอกสักพักเขาบอกมิชาและเดินออกไปจากพิธีการ

                คุณกำลังจะไปหาแม่ของคุณหรอคะ?

                เขาพยักหน้าให้กับคำถามนั้น เธอจึงผลักหลังของเขาเบา ๆ

                ไปเถอะค่ะ

                เขาคิดว่าตัวเองเป็นเจ้าบ่าวที่แย่ที่สุดที่ทิ้งงานแต่งไปในขณะที่กำลังเดินผ่านพวกแขก และถึงแม้ว่าเขาจะทิ้งงานไป แต่แขกก็ยังออกมาสรรเสริญให้เขาเมื่อถึงเวลาเต้นรำ

                เขาเดินผ่านถนนที่คับแคบ มุ่งหน้าไปยังบ้านที่เขาอาศัยอยู่กับแม่ของเขา ขาของซีลีนเดินด้วยความรวดเร็วราวกับว่าเขากำลังวิ่ง และเมื่อเขามาถึงหน้าประตูบ้าน ไวโอเล็ต เอเวอร์การ์เดนผู้ที่ควรจะอยู่ในพิธีกลับยืนอยู่ตรงนั้นก่อนแล้ว เขาไม่เห็นมอเตอร์ไซค์ของเบเนดิกต์ แสดงว่ามันคงจะซ่อมเสร็จเรียบร้อยแล้ว

                พวกเรามีเรื่องที่ต้องทำอีกเยอะเลยน่ะค่ะ

                ดูเหมือนพวกเขาตั้งใจจะจากไปโดยที่ไม่อยู่ดูพิธีจบเสียก่อน

                ผมเองก็เหมือนกัน เอ่อขอบคุณมากนะครับ ผมเห็นความผิดพลาดในตัวผมเยอะเลยล่ะตอนที่ผมได้ยินคำพูดพวกนั้น แม่คงจะเล่าเรื่องไร้สาระให้คุณฟังแล้วคุณก็เขียนมันให้ออกมาดูสวยงามใช่ไหม? เธอคงจะทำให้คุณหนักใจมากสินะเธอมักจะขอร้องให้ทำเรื่องเห็นแก่ตัวแบบนั้นตลอดล่ะ เธอเป็นแบบนั้นเสมอแม้แต่ตอนที่เราเคยอยู่ด้วยกัน แม้กระทั่งวันนี้ ตอนที่มีคนบอกเธอว่าวันนี้มีงานแต่ง เธอก็ยังยืนกรานกับพวกเราว่าเธอจะต้องใส่หมวกสีขาวที่ขายหมดไปตั้งนานแล้ว…”

                ฉันขอโทษที่ฉันทำตามความต้องการของตัวเองด้วยนะคะ

                ไม่ครับ ไม่เป็นไร…”

                ตอนที่คุณซีลีนกับเลดี้มิชาออกไป ฉันได้รับงานนี้มาจากแม่ของคุณน่ะค่ะ เธอแค่ขอให้ฉันส่งจดหมายให้คุณเท่านั้น แต่กลายเป็นว่าฉันได้ทำสิ่งที่ล่วงล้ำคุณเกินไป แม่ของคุณบอกว่าคุณคงจะไม่อ่านจดหมายของเธอน่ะค่ะถ้าเธอเป็นคนให้คุณ ฉันก็เลยเลือกที่จะใช้วิธีนี้ในการถ่ายทอดคำพูดของเธอให้แก่คุณน่ะค่ะ เพราะว่าไม่มีจดหมายฉบับไหนที่ไม่อยากจะถูกส่งออกไปหรอกนะคะไวโอเล็ตพูด

                ซีลีนย่นคิ้ว เขานึกภาพแม่ของเขาขออะไรแบบนี้ได้เลยล่ะ แต่อย่างไรก็ตาม เขาก็คิดว่ามันแปลกอยู่ดีที่เธอบอกว่าเขาจะไม่อ่านมัน

                ผมสงสัยว่าทำไมแม่ผมถึงพูดแบบนี้ที่บอกว่าผมจะไม่อ่านจดหมายน่ะ

                เธอบอกว่าเป็นเพราะว่าเธอมักจะสร้างปัญหาให้คุณซีลีนตลอดเลยน่ะค่ะ เพราะว่าเธอได้สูญเสียส่วนหนึ่งของครอบครัวไป เธอจึงได้ใช้ความทรงจำที่แสนอ้างว้างนั่นตอกย้ำคุณ

                ––โกหกชัด ๆ

                นั่นมันแปลกไปแล้ว

                อะไรหรือคะ?

                ––โกหก โกหกชัด ๆ

                เธอไม่น่าจะพูดอะไรที่ดูมีเหตุผลแบบนั้นได้ ถึงเธอจะชอบพูดว่า ฉันอยากทำแบบนี้หรือ ฉันอยากทำแบบนั้นอยู่ตลอดก็เถอะ แต่มันแปลก มันเหมือนกับคือผมหมายถึง…”

                ––ไม่มีทางหรอก

                มันไม่แปลกเลยนะคะ ตลอดเวลาที่เธอพูดกับฉัน แม่ของคุณก็ดูเข้าใจทุกอย่างดีนะคะ ตอนที่เราเจอกันครั้งแรกก็เหมือนกัน เธอเป็นแบบนั้นอยู่สักพักเลยค่ะ และเธอก็พูดแต่เรื่องของคุณ

                ––ไม่มีทางหรอก

                ซีลีนเดินโงนเงนผ่านไวโอเล็ตและเปิดประตูบ้าน

                ไวโอเล็ตพูดขึ้นมาอีกครั้งจากข้างหลังของเขา ถ้าอย่างนั้นเราจะไปแล้วนะคะ

                เขาไม่ได้หันกลับไปมองเธออีก เขาปีนบันไดขึ้นไปและมุ่งไปยังห้องที่อยู่บนชั้นสอง แม่ของเขากำลังทำอะไรอยู่ในห้องที่ถูกล็อคจากข้างนอกกันนะ? เขาไขกุญแจ และหมุนลูกบิดประตู มีลมพัดเข้ามาในห้อง คงเป็นเพราะว่าหน้าต่างเปิดอยู่

                แม่ของเขานั่งอยู่ริมหน้าต่าง กำลังมองไปยังศูนย์กลางของหมู่บ้านซึ่งกำลังจัดพิธีแต่งงานอยู่

                มะ-แม่ครับ เขาเรียก แม่เขาเรียกเธอนับครั้งไม่ถ้วน

                แม่ของเขาหันหัวมาทางเขา แต่เธอก็หันกลับไปมองนอกหน้าต่างทันที เงียบก่อนสิโจนาห์

                เธอแทบจะไม่หันมามองเขาด้วยซ้ำ

                แม่แม่มะ-แม่ครับ…”

                ตั้งแต่ที่ครอบครัวของเขาแยกจากกัน ไม่เคยมีสักครั้งที่เธอหันมามองเขาโดยที่ยังมีสติอยู่

                ตอนนี้แม่กำลังดูเรื่องที่สำคัญอยู่นะ

                ไม่เคยเลยสักครั้ง

                ซีลีนอยู่ไหนกันนะ

                แม่ ผมอยู่นี่ เขาทำเสียงที่เหมือนกับเด็กออกไป

                และเมื่อเขาทำเช่นนั้น ร่างของแม่ก็กระตุกด้วยความตกใจ และหันมามองเขาอย่างช้า ๆ เธอมองซีลีนตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยความสนใจอย่างชัดเจน สายตาของเธอไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

                ซีลีนมองเข้าไปในดวงตาของแม่ของเขา มันมีสีแอมเบอร์ที่แสนน่าทึ่ง

                ––อ่า นั่นสินะ นั่นคือสีของดวงตาคู่นั้นเองสินะ

                เขาจำได้แล้วว่าดวงตาของเธอนั้นมีสีเดียวกับตาของเขา

                แม่ของเขาเดินมายืนข้าง ๆ เขา และใช้มือที่เต็มไปด้วยกระสีน้ำตาลสัมผัสที่แก้มของเขา และในตอนนั้นเอง น้ำตาของเขาก็ไหลออกมา

                โอ้อย่าร้องไห้สิจ๊ะ เธอดูมีความสุข ลูกโตขึ้นเยอะเลยนะซีลีน

                มีเพียงแค่ซีลีนเท่านั้นที่สะท้อนอยู่ในดวงตาสีแอมเบอร์ของเธอ

                ยินดีกับงานแต่งของลูกด้วยนะเธอยิ้ม

                ในตอนนั้นแม่ของเขามีสติอย่างแน่นอน แต่มันก็หายไปเมื่อซีลีนกอดเธอไว้

                นี่ ซีลีนอยู่ไหนเหรอ?

                ผมจะไม่ไปไหนอีกแล้ว

                อย่างไรก็ตาม ความรักของเธอก็ยังคงอยู่อย่างแน่นอน

     

     








     

     

     


    /

    ถือเป็นเนื้อเรื่องคั่นเนอะ
    อ่านแล้วคิดถึงแม่เลย ;-;











    S
    N
    A
    P
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×