สัตว์วิเศษที่ปรากฎในHarry Potter
สัตว์ประหลาดต่างๆที่พบในHarry Potterลองเข้ามาอ่านดู ไม่แน่หลังจากอ่านจบคุณอาจพบว่าสุนัขพันธุ์แจ็กรัสเซลของคุณเป็นตัวครัปก็ได้
ผู้เข้าชมรวม
12,286
ผู้เข้าชมเดือนนี้
126
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
สัตว์วิเศษ
กริฟฟิน (Gryffin)
ในโรงเรียนฮอกวอตส์ ได้แบ่งบ้านออกเป็น 4 หลังด้วยกัน คือ กริฟฟินดอร์ ฮัฟเฟิลพัฟ เรเวนคลอ และสลิธีริน บ้านที่พระเอกของเราอยู่ก็คือ บ้านกริฟฟินดอร์ สัญลักษณ์ของบ้านนี้คือ สิงห์ซึ่งตามลักษณะแล้วน่าจะเป็นตัวกริฟฟินมากกว่า กริฟฟินเป็นสัญลักษณ์ของความกล้าหาญ และสติปัญญา เป็นตัวแทนของคุณธรรมความดี ซึ่งแพร่หลายในอารยธรรมยุโรป
กริฟฟินเป็นสัตว์ในเทพนิยาย ร่างกายเป็นครึ่งอินทรีครึ่งสิงโต โดยส่วนหัว ขาคู่หน้าและปีกเป็นอินทรี ส่วนลำตัวและขาคู่หลังเป็นสิงโต มีหางเป็นงู ในยุคแรกกริฟฟินถูกเปรียบเทียบให้เหมือนกับซาตาน ที่คอยล่อลวงวิญญาณของมนุษย์ให้ติดกับดัก ต่อมากริฟฟินจึงได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของทั้งทวยเทพและมนุษย์ เพราะมันเป็นเจ้าแห่งพิภพและเวหา ทั้งมีรังสีแห่งแสงอาทิตย์ ศัตรูตัวกาจของกริฟฟินคือ บาซิลิสก์ ซึ่งเปรียบได้กับรูปจำลองของซาตาน เราสามารถพบกริฟฟินได้ในตราประจำตระกูลรูปสัตว์ต่างๆ ในประติมากรรมเก่าแก่ โมเสก นิทาน และในตำนานต่างๆ
ทั่วโลก
กริฟฟินมีจุดเด่นอยู่ที่เชาวน์ปัญญา มีตำนานที่เกี่ยวกับกริฟฟินว่า กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีสัตว์วิเศษ 3 ตนกำลังทำการต่อสู้กัน นั่นคือ มังกร ไคมีร่า และกริฟฟิน มังกรใช้ไฟและความสามารถในการบินเพื่อหาช่องทางการโจมตี ในขณะที่ไคมีร่ามองไปยังทั่วทิศด้วยหัวที่มีอยู่มากจนไม่มีจุดอ่อนในการโจมตีได้ กริฟฟินยืนคุมเชิงมองดูศัตรูทั้งสองต่อสู้กันเป็นเวลานานเพื่อมองหาจุดแข็งและจุดอ่อน ในที่สุดกริฟฟินก็เข้าร่วมต่อสู้โดยใช้เชาวน์ปัญญา กริฟฟินได้ล่อมังกรไปยังส่วนลึกของมหาสมุทร [ไม่รู้ว่าสู้ที่ไหน มีทั้งพื้นดินและมหาสมุทรภายในตัว แถมยังมีส่วนลึกด้วย ทำให้ไฟของมังกรหมดพิษสง จึงถูกกริฟฟินเล่นงานจนพ่ายแพ้ไปในที่สุด บอกแค่ว่าสู้กัน 3 ตัวเพราะฉะนั้นท่านผู้อ่านที่สงสัยว่า แล้วมังกรน้ำหายไปไหน ก็คงจะหายข้องใจแล้วนะคะ] จากนั้นกริฟฟินก็ย้อนมาเล่นงานไคมีร่า โดยโจมตีในจุดที่ไคมีร่านึกไม่ถึง กลยุทธ์ของมันก็คือขุดโพรงไปยังใต้ตัวของไคมีร่าและโจมตีจากด้านล่างซึ่งเป็นจุดอ่อน ทำให้กริฟฟินได้รับชัยชนะอย่างง่ายดาย ด้วยวิธีนี้ทำให้กริฟฟินซึ่งตัวเล็กกว่าและอ่อนแอกว่าสัตว์ที่เข้าร่วมต่อสู้ทั้งสอง ได้รับชัยชนะอันยิ่งใหญ่กลับไป
กัปปะ (Kappa)
กัปปะเป็นปีศาจน้ำญี่ปุ่น อาศัยอยู่ตามบ่อน้ำตื้นๆ และแม่น้ำ คนมักจะมองว่ากัปปะคล้ายลิง แต่มีเกล็ดปลาอยู่ตามตัวแทนที่จะเป็นขน มันมีแอ่งเว้าใส่น้ำอยู่กลางกระหม่อม
กัปปะกินเลือดมนุษย์เป็นอาหาร แต่ถ้าโยนแตงกวาที่สลักชื่อคนให้มัน กัปปะก็จะไม่ทำร้ายคนๆนั้น เมื่อเผชิญหน้ากับกัปปะ พ่อมดควรหลอกล่อให้มันโค้งตัวลง ซึ่งจะทำให้น้ำที่อยู่บนหัวหกลงมา แล้วกัปปะก็จะสูญสิ้นเรี่ยวแรงทั้งหมด
ก็อบลิน (Goblin)ก็อบลินเป็นพวกโนมที่มีรูปร่างวิกลวิการ พวกมันชอบเล่นสนุก แต่บางครั้งก็ชั่วร้ายและเต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยมสามารถทำอันตรายแก่ผู้คน รอยยิ้มของก็อบลินทำให้เลือดหยุดไหล เสียงหัวเราะของมันทำให้นมบูด [เหมาะสำหรับคนที่ชอบกินเปรี้ยว] และทำให้ผลไม้ร่วงหล่นจากต้น มันชอบรังควาญมนุษย์ในหลายรูปแบบ เช่น ซ่อนวัตถุเล็กๆ เทถังนม และเปลี่ยนป้ายสัญญาณ ก็อบลินมีต้นกำเนิดจากประเทศฝรั่งเศส ผ่านรอยแยกในเขาพิเรนิส พวกมันแพร่พันธุ์อย่างรวดเร็วไปทั่วยุโรป พวกมันไม่มีบ้านและมักอาศัยอยู่ในรอยแตกในหินและรากของต้นไม่เก่าแก่ แต่พวกมันจะไม่อยู่ที่ใดนาน [พวกเร่ร่อนนี่เอง]
กลัมบัมเบิ้ล (Glumbumble) กลัมบัมเบิ้ลพบได้ในแถบยุโรปตอนเหนือ เป็นแมลงบินได้ ตัวสีเทา ขนปุกปุย มันจะผลิตน้ำหวานที่มีสรรพคุณช่วยลดความเศร้าสร้อยได้ น้ำหวานนี้ใช้เป็นยาแก้โรคประสาทที่เกิดจากการกินใบอลิฮอทซี่เข้าไป บางครั้งกลัมบัมเบิ้ลอาจบุกเข้าไปอยู่ในรังผึ้ง ทำให้น้ำผึ้งมีสรรพคุณแปลกๆ กลัมบัมเบิ้ลทำรังอยู่ตามที่มืดๆ และห่างไกลจากผู้คน เช่น ตามโพรงต้นไม้ และถ้ำ มันกินต้นเน็ทเทิลเป็นอาหาร
แกรปฮอร์น (Graphorn) ตัวแกรปฮอร์นพบได้ตามบริเวณที่เป็นภูเขาในยุโรป มีร่างกายใหญ่โต ผิวสีม่วงอมเทา หลังค่อม มีเขายาวและแหลมคมมากสองเขา เท้ามีขนาดใหญ่ มีนิ้วข้างละ 4 นิ้ว และมีนิสัยดุร้ายตามธรรมชาติ บางครั้งอาจเห็นโทรลล์ภูเขาขี่หลังตัวแกรปฮอร์น แต่ฝ่ายที่ถูกขี่จะไม่ค่อยชอบใจนักที่มีผู้พยายามทำให้มันเชื่อง จึงเป็นเรื่องปกติที่จะเห็นโทรลล์มีบาดแผลเต็มตัวจากฝีมือของ
แกรปฮอร์น เขาของแกรปฮอร์นที่บดเป็นผงแล้วสามารถใช้ปรุงยาได้หลายชนิด แต่ก็มีราคาแพงลิบ เพราะได้มาอย่างยากลำบาก หนังของแกรปฮอร์นเหนียวยิ่งกว่าหนังมังกร และป้องกันเวทมนตร์คาถาส่วนใหญ่ได้
ครัป (Crup) ครัปมีต้นกำเนิดอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศอังกฤษ รูปร่างคล้ายคลึงกับสุนัขพันธุ์แจ็กรัสเซลล์เทอร์เรียมาก ยกเว้นหางซึ่งเป็นง่ามๆ ครัปแทบจะเรียกได้ว่าเป็นสุนัขพ่อมดโดยแท้ เพราะมันซื่อสัตย์ต่อพ่อมดมากและดุร้ายต่อมักเกิ้ลที่สุด ครัปเป็นนักเขมือบตัวยง มันกินทุกอย่างตั้งแต่ตัวโนมไปถึงยางรถยนต์เก่าๆ พ่อมดอาจขอใบอนุญาตเลี้ยงครัปได้จากกองออกระเบียบและควบคุมสัตว์วิเศษ โดยต้องผ่านการทดสอบง่ายๆ เพื่อพิสูจน์ว่าผู้ขอสามารถควบคุมดูแลครัปได้ในบริเวณที่มีมักเกิ้ลอาศัยอยู่ เจ้าของครัปมีหน้าที่ตามกฎหมายในการควบคุมสัตว์วิเศษ กฎหมายที่จะต้องกำจัดหางของมันด้วยคาถาตัดที่ไม่ทำให้เกิดความเจ็บปวดเมื่อครัป มีอายุได้หกถึงแปดสัปดาห์ เพื่อไม่ให้พวกมักเกิ้ลสังเกตเห็น
นิทานเรื่องนี้จะจริงหรือไม่ ไม่มีใครรู้ ไม่มีคนจากตระกูลแมคคลีเวอร์ทหรือแมคบูนรอดชีวิตมาเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นกับบรรพบุรุษของ พวกเขาให้พวกเราฟัง ตัวควินทาเพ็ดเองก็พูดไม่ได้ และจะต่อต้านอย่างแข็งขันต่อความพยายามทุกอย่างของกองระเบียบและควบคุมสัตว์วิเศษที่จะจับตัวมันมาลองเสกให้กลับเป็นมนุษย์ ดังนั้นเราจึงต้องยอมรับว่า ถ้าควินทาเพ็ดเป็นอย่างชื่อเล่นของมัน คือ แฮร์รี่ แมคบูนหรือแมคบูนขนดกจริงๆละก็ พวกมันก็คงอยากจะใช้ชีวิตเป็นสัตว์ต่อไปนั่นเอง
เคลปี้ (Kelpie) เคลปี้ปีศาจน้ำแห่งอังกฤษและไอร์แลนด์ชนิดนี้สามารถเปลี่ยนร่างได้หลายแบบ ส่วนมากจะแปลงเป็นม้า และใช้ต้นกกทำเป็นขนแผงคอ เคลปี้จะล่อหลอกให้คนมาขี่หลัง แล้วก็จะดำลงไปก้นแม่น้ำหรือทะเลสาบทันที จากนั้นมันก็จะกินเหยื่อแล้วปล่อยให้ตับไตไส้พุงลอยสู่ผิวน้ำ วิธีที่ถูกต้องในการปราบเคลปี้ก็คือ คล้องบังเหียนรอบหัวของมัน แล้วร่ายคาถายึดแน่น ซึ่งจะทำให้เคลปี้สงบและไม่ดุร้ายอีกต่อไป
เคลปี้ที่ใหญ่ที่สุดในโลกอยู่ที่ทะเลสาบล็อกเนส แระเทศสกอตแลนด์ รูปร่างที่มันชอบก็คือ งูทะเล ผู้สังเกตการจากสมาพันธ์พ่อมดนานาชาติรู้ตัวว่าไม่ได้เผชิญหน้ากับงูทะเลจริงๆ ก็ตอนที่เห็นมันเปลี่ยนร่างเป็นนากเมื่อคณะมักเกิ้ลนักสำรวจเข้าใกล้ และพอปลอดคนมันก็เปลี่ยนกลับเป็นงูทะเลใหม่อีกครั้ง
แคลบเบิร์ต (Clabbert)
แคลบเบิร์ตเป็นสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่บนต้นไม้ รูปร่างเหมือนลิงผสมกับกบ ถิ่นกำเนิดอยู่ในรัฐทางตอนใต้ของอเมริกา ต่อมาก็แพร่พันธุ์ไปทั่วโลก ผิวของแคลบเบิร์ตเรียบ ไม่มีขน สีเขียวเลื่อม มือเท้าเป็นพังผืด แขนขายาวและยืดหยุ่น ทำให้โหนไปมาตามกิ่งไม้ได้อย่างคล่องแคล่วเหมือนลิงอุรังอุตัง ส่วนหัวมีเขาสั้นๆ และมีปากกว้างที่ดูเหมือนฉีกยิ้มอยู่ตลอดเวลา ในปากเต็มไปด้วยไปด้วยฟันซี่คมๆ แคลบเบิร์ตกินสัตว์เลื้อยคลานขนาดเล็กและนกเป็นอาหารหลัก
ลักษณะที่แปลกประหลาดที่สุดในตัวแคลบเบิร์ตคือปุ่มขนาดใหญ่ที่อยู่กลางหน้าผาก ปุ่มนี้จะเปลี่ยนเป็นสีม่วงและกระพริบได้เมื่อแคลบเบิร์ตรู้สึกว่ามีอันตราย ครั้งหนึ่งพ่อมดอเมริกันเคยเลี้ยงแคลบเบิร์ตไว้ในสวนเพื่อคอยเตือนภัยเวลามีพวกมักเกิ้ลผ่านมา แต่สมาพันธ์พ่อมดนานาชาติได้เก็บค่าปรับทำให้การกระทำเช่นนี้ต้องเลิกไปเป็นส่วนใหญ่ ภาพต้นไม้ยามค่ำคืนที่เต็มไปด้วยปุ่มส่องแสงได้ของตัวแคลบเบิร์ต แม้จะดูสวยงาม แต่ก็ดึงดูดความสนใจจากมักเกิ้ล และชวนให้พวกเขาสงสัยว่า ทำไมเพื่อนบ้านของตนจึงประดับไฟคริสต์มาสตอนกลางเดือนมิถุนายน
เชรค (Shrake) เชรคเป็นปลาที่มีหนามรอบตัว พบได้ในมหาสมุทรแอตแลนติก เชื่อกันว่าฝูงเชรคฝูงแรกถูกเสกขึ้นเพื่อใช้แก้แค้นชาวประมงมักเกิ้ล ที่พูดจาดูถูกคณะพ่อมดที่มาแล่นเรือใบ เมื่อต้นศตวรรษที่ 19 นับจากวันนั้น มักเกิ้ลคนใดที่มาจับปลาในทะเลบริเวณนั้น เมื่อยกแหขึ้นมาก็จะพบว่าขาดวิ่นและว่างเปล่า ซึ่งก็เป็นฝีมือของเชรคที่ว่ายอยู่ลึกลงไปนั่นเอง
เซอร์เบอรัส หมา 3 หัว (Curburus) เซอร์เบอรัสหรือรู้จักกันในชื่อ หมา 3 หัว ในเรื่อง แฮกริดนำหมา 3 หัวมาเฝ้าศิลาอาถรรพ์ ซึ่งทำให้โวลเดอร์มอร์ในร่างศาสตราจารย์ควีเรลล์ไม่สามารถผ่านเข้าไปนำศิลาอาถรรพ์ออกมาได้ จนแฮกริดเผยความลับในการสยบหมา 3 หัว โดยใช้ดนตรีกล่อมมันให้หลับ เจ.เค. โรลลิ่ง ได้นำแนวคิดนี้มาจากตำนานกรีก เรื่องสุนัขที่เฝ้าประตูนรกนามว่าเซอร์เบอรัส ซึ่งเป็นสุนัข 3 หัวเช่นกัน
เซอร์เบอรัสมีรูปร่างเป็นหมาสีดำใหญ่โต มี 3 หัว ปลายหางเป็นงู พ่อ-แม่ของเซอร์เบอรัส [ยังจะมีพ่อแม่อีกหรือเนี่ย ไม่อยากจะเชื่อ] เป็นอสุรกายสุดสยอง 2 ตัว [สมควรแล้วล่ะ] ตัวพ่อคือ ไท
ฟอน ตัวแม่คือ อีคิดน่า ซึ่งเป็น 1 ใน 3 พี่น้องกอร์ดอน ที่ขึ้นชื่อมากที่สุดคงจะเป็นเมดูซ่า อีคิดน่ามีรูปร่างท่อนบนเป็นสาวสวย แต่ท่อนล่างเป็นงูยักษ์มหึมา [พี่น้องสามคน คนหนึ่งมีผมเป็นงู อีกคนมีท่อนร่างเป็นงู หรือว่าคนสุดท้ายจะมีร่างท่อนบนเป็นงู ท่อนร่างเป็นสาวงาม (แค่คิดก็สยองแล้ว)] ด้วยบุพเพสันนิวาส (บุพเพอาละวาด)หรือนรกบันดาลก็ไม่ทราบ ทำให้อสุรกายทั้งสองมาพบรักกัน และให้กำเนิดลูกเป็นสุนัข 3 หัวอย่างเซอร์เบอรัส นอกจากนี้เซอร์เบอรัส ยังมีพี่น้องอีก อาทิ เช่น สฟิงซ์ ไฮดราและไคมีร่า [มันผสมกันยังไงเนี่ย]
ในตำนาน ออฟีอัส นักร้องและนักดนตรีผู้ยิ่งใหญ่ได้แต่งงานกับนางไม้แสนสวยที่ชื่อยูริไดซ์ วันหนึ่งเธอได้ถูกงูพิษกัดตาย ออฟีอัสโศกเศร้าเสียใจมาก เขาจึงเสี่ยงเดินทางไปยังดินแดนแห่งความตาย เพื่อนำภรรยาที่แสนรักกลับคืนมา [รักนี้ชั่วนิรันดร์] โดยใช้พรสวรรค์ทางดนตรี ออฟีอัสสามารถกล่อมให้ชารอน คนแจวเรือส่งวิญญาณให้เขาข้ามแม่น้ำสติกซ์ (Styx) ซึ่งคั่นระหว่างโลกมนุษย์และยมโลก ด่านต่อมา คือ เซอร์เบอรัส แม้ว่ามันจะดุร้ายแต่เมื่อมันเจอกับเสียงพิณของออฟีอัส เจ้าสุนัข 3 หัวก็ถูกล่อมจนหลับ ปล่อยให้ออฟีอัสซึ่งยังไม่ใช่คนตายผ่านไปได้ เฮดีสเจ้าแห่งนรกและภรรยาเพอร์ซีโฟเน่ยอมตามความประสงค์ของออฟีอัสภายใต้เงื่อนไขประการเดียว คือ ออฟีอัสจะต้องไม่หันหน้ามามองยูริไดซ์จนกว่าทั้งสองจะกลับไปยังดินแดนแห่งชีวิต แต่โชคชะตากลับเล่นตลก ระหว่าง
เซนทอร์ (Centaur) เซนทอร์เป็นมนุษย์ครึ่งคนครึ่งม้า โดยมีส่วนบนเป็นร่างมนุษย์ผู้ชายแต่ส่วนลำตัวลงไปเป็นม้าหนุ่มที่มีกล้ามเนื้อเป็นมัดอย่างสง่างาม เซนทอร์ปรากฏตัวในเทพนิยายกรีก มี 2 ตระกูล คือ ตระกูลอิกซอน อันธพาลแห่งสรวงสวรรค์ที่ขึ้นชื่อ เซนทอร์ตระกูลนี้เกิดจาก อิกซอนกับเนฟีลี เป็นสิ่งมีชีวิตพันธุ์ใหม่ที่มีพละกำลัง ชอบดื่มไวน์ ชอบไล่คว้าผู้หญิง ซ้ำชอบทะเลาะวิวาทเวลาเมาได้ที่ เซนทอร์ประเภทนี้ไม่เกรงกลัวใครทั้งสิ้น ยกเว้นอีรอสกามเทพ และไดโอนีซุส เทพแห่งเมรัย
อีกตระกูล คือ ตระกูลโครนัส ซึ่งมีอุปนิสัยที่ดี แตกต่างจากตระกูลอิกซอน เซนทอร์ตะกูลโครนัสนี้เกิดจากโครนัสที่แต่งงานกับฟีลีร่านางอัปสรน้ำผู้เลอโฉม มีลูกชื่อ ไครอน ซึ่งเป็นผู้คงแก่เรียน มีความสุขุมรอบคอบ จนกลายเป็นอาจารย์ของเหล่าวีรบุรุษหลายคนในตำนานกรีก เช่น อคิลลีส เฮอร์คิวลีส เจสัน ฯลฯ บรรดาลูกศิษย์ของเขาก็ประพฤติตัวตามอาจารย์เป็นอย่างดี ในชีวิตตอนปลายของไครอน เขาถูกเฮอร์คิวลิสยิงด้วยธนูอาบยาพิษโดยความเข้าใจผิดของตัวเฮอร์คิวลิสเอง ในระหว่างการตามล่าเซนทอร์อีกพวกหนึ่ง
เรื่องมีอยู่ว่า เนสซัส เซนทอร์ที่ชั่วร้ายพยายามลักพาไดแอนิรา เจ้าสาวของเฮรูลีส ขณะที่เนสซัสนำเธอข้ามแม่น้ำอีฟนัส เฮอร์คิวลีสได้ยินเสียงเธอร้องขอความช่วยเหลือ เขาจึงได้ยิงธนูไปยังหัวใจของเนสซัสแต่โชคไม่ดี ธนูนั้นไม่โดนเนสซัสแต่กลับโดนไครอน แม้เฮอร์คิวลีสจะช่วยให้ไครอนรอดตายได้ แต่ก็ไม่สามารถถอนพิษของธนูได้ พิษของธนูบันดาลให้ไครอนเจ็บปวดรวดร้าวมาก ภายหลังซูสได้ตอบแทนความดีความชอบด้วยการทำให้เขากลายเป็นหมู่ดาวราศีธนู ไครอนผู้นี้เป็นอาจารย์ที่ปราดเปรื่อง เชี่ยวชาญในวิชาการต่างๆ มีวิชาดนตรี เภสัชกรรมวิทยา และวิชาธนูศิลป์ จึงเป็นที่นับถือของชาวกรีกโบราณว่า เป็นผู้สอนมนุษย์ให้รู้จักใช้พืชสมุนไพรทำยา
ในเรื่องแฮร์รี่ พอตเตอร์ ได้กล่าวถึงเซนทอร์ในภาคแรก ตอนศิลาอาถรรพ์ ซึ่งเซนทอร์ในป่าต้องห้ามมีความสามารถในการล่วงรู้อนาคตและมีเมตตาธรรม ซึ่งน่าจะเป็นเซนทอร์สายโครนัส ส่วนในภาคห้า ตอนภาคีนกฟินิกซ์ เซนทอร์ตนหนึ่งมาเป็นอาจารย์ในโรงเรียนฮอกวอตส์ โดยทำการสอนวิชาพยากรณ์ศาสตร์แทนที่ศาสตราจารย์ทวีลอว์นีย์ [ยายแก่จอมอำ]
ดิริคอว์ล (Diricawl) ดิริคอว์ลมีถิ่นกำเนิดอยู่ที่เกาะมาริเชียส เป็นนกที่บินไม่ได้ ขนปุย รูปร่างอ้วนกลม ลักษณะเด่นอยู่ที่วิธีหลบหนีศัตรู มันจะหายตัวเหลือเพียงแค่กลุ่มขนไว้ แล้วไปปรากฏตัวอยู่ที่สถานที่อื่น นับเป็นเรื่องที่น่าสนใจที่ครั้งหนึ่งมักเกิ้ลเคยรู้จักดิริคอว์ลเป็นอย่างดี แม้ว่าจะรู้จักกันในชื่อ ‘โดโด้’ ก็ตาม เนื่องจากมักเกิ้ลไม่รู้ว่าดิริคอว์ลสามารถหายตัวได้ พวกเขาจึงเชื่อกันว่ามันถูกล่าจนสูญพันธุ์ไปแล้ว ความคิดนี้ทำให้มักเกิ้ลสำนึกถึงอันตรายจากการล่าสัตว์ตามอำเภอใจมากขึ้น ทางสมาพันธ์พ่อมดนานาชาติจึงไม่เห็นความจำเป็นที่จะให้มักเกิ้ลได้รู้ว่าดิริคอว์ลยังไม่สูญพันธุ์
เดมิไกส์ (Demiguise)
เดมิไกส์พบได้ในแถบตะวันออกไกล แม้จะยากลำบากมากก็
ตาม เพราะสัตว์ชนิดนี้สามารถหายตัวได้เมื่อถูกคุกคาม เฉพาะพ่อมดผู้เชี่ยวชาญในการจับเดมิไกส์เท่านั้นที่จะสังเกตเห็นตัวมันได้
เดมิไกส์เป็นสัตว์กินพืชที่รักสงบ รูปร่างคล้ายลิงใหญ่ไม่มีหางที่สงบเสงี่ยม มันมีดวงตาอันแสนเศร้าสีดำใหญ่ ซึ่งโดยมากจะซ่อนตัวอยู่ใต้ขน ร่างกายทั้งหมดปกคลุมด้วยขนยาวสีเงินสวยเป็ยเงางามเหมมือนไหม ขนของเดมิไกส์มีค่ามากเพราะอาจใช้ทอเป็นผ้าคลุมล่องหนได้
โดซี่ (Doxy) โดซี่หรือแฟรี่ขี้กัดนี้ มักถูกเข้าใจผิดว่าเป็นแฟรี่ ทั้งๆ ที่เป็นคนละสายพันธุ์กัน โดซี่รูปร่างเหมือนมนุษย์ตัวจิ๋วเช่นเดียวกับแฟรี่ แต่โดซี่มีขนดกสีดำหนาปกคลุมทั่วร่าง และมีแขนขาเกินออกมาอย่างละคู่ ปีกของโดซี่หนา โค้ง และเป็นประกาย ดูคล้ายปีกของแมลงเต่าทอง โดซี่พบได้ทั่วยุโรปตอนเหนือ และอเมริกา โดยเฉพาะบริเวณที่มีอากาศหนาวเย็น โดซี่ออกไข่ครั้งหนึ่งประมาณ 500 ฟอง แล้วก็จะฝังดินไว้ ไข่จะฟักเป็นตัวภายในสองถึงสามสัปดาห์ โดซี่มีฟันซ้อนกันอยู่สองชั้น ซึ่งทั้งคมกริบและมีพิษ ถ้าถูกโดซี่กัดต้องรีบดื่มยาแก้พิษทันที
โทรลล์ (Troll) โทรลล์อยู่ในนิทานพื้นบ้านแถบสแกนดิเนเวีย มีขนาดใหญ่เหมือนยักษ์ หรือไม่ก็รูปร่างแคระพิกลเหมือนคนแคระ ความสูง [ส่วนมาก] ของมันประมาณ 12 ฟุต พวกมันอาศัยตามถ้ำและหุบเขา โทรลล์มีทั้งพวกที่ดุร้ายและใจดี พวกนี้มีผิวสีเทาที่หยาบ เท้าแบนและตะปุ่มตะป่ำ กลิ่นตัวรุนแรงมาก ผู้วิเศษทั้งหลายทราบว่า พวกโทรลล์นี้โง่เง่าพูดไม่เป็นได้แต่คำราม แต่บางตัวก็อาจจะพูดภาษามนุษย์ได้บ้าง สายพันธุ์ที่ฉลาดหน่อยก็จะได้รับการฝึกฝนให้ทำหน้าที่ยามรักษาการณ์
โทรลล์มีสามชนิด คือ โทรลล์ภูเขา โทรลล์ป่า และโทรลล์แม่น้ำ โทรลล์ภูเขาเป็นพันธุ์ตัวใหญ่และดุร้ายที่สุด หัวล้าน ผิวสีเทาซีด
โทรลล์ป่ามีผิวสีเขียวซีด บางสายพันธุ์ก็ทีผมสีเขียวหรือสีน้ำตาลที่บางและยุ่งเหยิง
โทรลล์แม่น้ำมีเขาสั้นๆ และอาจมีขนดก ผิวสีม่วง มักจะซ่อนตัวอยู่ใต้สะพาน โทรลล์กินเนื้อดิบๆ และไม่ค่อยจู้จี้เรื่องเหยื่อมากนัก เหยื่อของมันก็มีตั้งแต่สัตว์ป่าไปจนถึงมนุษย์
เทโบ (Tebo) เทโบเป็นหมูป่าสีฝุ่นที่พบในประเทศคองโกและซาอีร์ เทโบมีพลังในการหายตัว ทำให้ยากที่จะกำจัดหรือจับตัวมันได้ และยังเป็นสัตว์ที่อันตรายมากด้วย หนังเทโบมีราคาสูงในหมู่พ่อมด เพราะใช้ทำเป็นโล่และชุดป้องกันได้ดี
เธสตรอล (Thestral)
เธสตรอลปรากฏตัวในภาคห้า ลักษณะเป็นม้ามีปีกที่มีดวงตาสีขาวโชติช่วง ใบหน้าและคอคล้ายมังกร มีกายและกระดูกสีดำ มันชอบกลิ่นเลือด คนที่ไม่เคยพบเห็นกับความตายจะไม่สามารถมองเห็นเธสตรอลได้ ดังนั้นนักเรียนส่วนใหญ่ในชั้นเรียนการดูแลสัตว์วิเศษของแฮกริดจึงไม่สามารถมองเห็นมันได้ มันเป็นสัตว์ที่มหัศจรรย์ อย่างไรก็ตาม ผู้คนคิดว่าการมองเห็นเธสตรอลแสดงว่าเขากำลังโชคร้าย แต่ทว่ามันเป็นการเข้าใจอย่างผิดๆ เธสตรอลมีสัญชาติญาณพิเศษ เกี่ยวกับทิศทางและการเคลื่อนที่ได้รวดเร็วอย่างมหัศจรรย์ในอากาศ
แฮร์รี่และเพื่อนๆ บินไปกับเธสตรอลจากฮอกวอร์ตไปยังกระทรวงเวทมนตร์เพื่อช่วยซีเรียสในภาคห้า แต่ไม่สำเร็จ เธสตรอลเป็นสัญลักษณ์ของความโชคร้ายและความตาย การขี่มันไปช่วยเหลือคนจึงเป็นลางร้ายแสดงถึงภารกิจที่จบด้วยความตาย แตกต่างจากในภาคสาม ที่แฮร์รี่ขี่ฮิปโปกริฟฟ์ไปช่วยซีเรียส ซึ่งประสบความสำเร็จเพราะฮิปโปกริฟฟ์เป็นสัญลักษณ์ของการทำสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ให้เป็นได้
นากินี ธิดานาค (Nagini)
นากินีปรากฏตัวในภาคสี่ของแฮร์รี่ พอตเตอร์ โดยเป็นสัตว์เลี้ยงซึ่งผลิตน้ำนมเพื่อยังชีพให้แก่ลอร์ดโวลเดอมอร์ [ของแปลก งูมีนม!] เจ.เค.โรลลิ่ง ได้คำศัพท์นี้จากโลกตะวันตก โดยเป็นคำที่ใช้เรียกหานาคา หรือนาคตัวเมีย
ตามตำนานในบทที่ 12 ของสูตรดอกบัว (สัทธรรมบุณฑริก) นากินีเป็นธิดาของราชานาคราชสักระ จ้าวแห่งมหาสมุทร เมื่อพระโพธิสัตว์มัญชุศรี ได้ไปเทศน์ที่วังของบิดาที่ก้นมหาสมุทร ในตอนนั้นนากินีมีอายุเพียง 8 ขวบ แต่เธอได้เรียนรู้ว่าเป็นไปได้ที่เธอจะได้บรรลุพุทธิปัญญา ในศาสนาพุทธ นิกานนิชิเรน ซึ่งแพร่หลายในประเทศจีนและญี่ปุ่น เจ้าหญิงนาคองค์นี้ได้รับการเคารพนับถือเป็นอย่างมาก
อีกตำนานหนึ่ง คือเรื่องที่เฮโนโดตุส ซึ่งได้รับการขนานนามว่า ‘บิดาแห่งประวัติศาสตร์’ เฮราเคิล ซึ่งมายังสคิเทียและได้หลับไป เมื่อเขาตื่นขึ้น แม่ม้าของเขาได้หายไป เขาได้ติดตามไปจนถึงถ้ำแห่งหนึ่ง และได้พบกับสิ่งที่นำความประหลาดใจอย่างสุดขีดมาให้กับเขา ซึ่งก็คือ หญิงสาวแสนสวยที่มีร่างกายท่อนล่างเป็นงูยักษ์ เขาได้ถามเธอถึงแม่ม้าของเขา เธอได้ตอบว่า เธอนำมาเก็บไว้ เขาขอร้องให้เธอคืน แต่เธอกลับยื่นข้อเสนอให้เขาอยู่ร่วมกลับเธอแล้วจะคืน
ให้ เพื่อให้ได้ม้ากลับคืนมา เฮราเคิลจึงยินยอมตามข้อตกลง นางงูได้
พยายามถ่วงเวลาคืนม้าให้แก่เฮราเคิล จนกระทั่งเธอได้ตั้งครรภ์จึงยอมคืนม้าให้แก่เฮราเคิล ต่อมาเธอได้คลอดบุตร 3 คน มีชื่อว่า อะกาไธรัส จีโลนุส และสคิธีส
โนม (Gnome)
โนมเป็นภูตที่สัมพันธ์กับโลก มันมีชื่อแตกต่างออกไปมากมาย ปรากฏในนิทานต่างๆ ในรูปคนแคระ พวกนี้จะอาศัยอยู่ตามถ้ำและภูเขา มีหน้าที่เฝ้าดูแลสมบัติที่อยู่ใต้ดิน พวกนี้สามารถย้ายสิ่งของที่อยู่ใต้ดินง่ายเหมือนย้ายในอากาศ
ในภาคสี่ พวกโนมชอบเข้ามาในเขตบ้านของพวกวีสลีย์ ทำให้แฮร์รี่และพี่น้องตระกูลวีสลีย์ต้องช่วยกันขับไล่พวกโนมออกไป โดยการจับมันเหวี่ยงให้เป็นวงกลมให้เวียนหัว แล้วโยนข้ามกำแพงสวนออกไป หรืออาจใช้ตัวจาร์วี่จัดการ แต่พ่อมดหลายคนในยุคนี้เห็นว่าเป็นวิธีการกำจัดโนมที่ป่าเถื่อนเกินไป
นิฟเฟลอร์ (Niffler)
นิฟเฟลอร์ เป็นสัตว์พื้นเมืองอังกฤษ ตัวมีขนปุกปุย จมูกยาวสีดำ อาศัยอยู่ตามโพรงและชื่นชอบของทุกอย่างที่เป็นประกายระยิบระยับ ก็อบลินมักจะเลี้ยงนิฟเฟลอร์ไว้ขุดหาสมบัติใต้พื้นดิน แม้ว่ามันจะมีนิสัยอ่อนโยนและน่ารักไม่น้อย แต่นิฟเฟลอร์ก็
อาจเป็นตัวอันตรายที่ทำลายทรัพย์สินได้ และควรเลี้ยงเอาไว้นอกบ้าน นิฟเฟลอร์ทำรังอยู่ใต้ดิน ซึ่งอาจลึกถึงยี่สิบฟุต และจะออกลูกครอกละหกถึงแปดตัว
นันดุ (Nundu)
นันดุเป็นสัตว์แห่งแอฟริกาตะวันออกตัวนี้เป็นที่ถกเถียงกันว่า น่าจะเป็นสัตว์ที่อันตรายที่สุดในโลก นันดุเป็นเสือดาวตัวมหึมาซึ่งเคลื่อนไหวได้อย่างเงียบกริบผิดกับรูปร่าง ลมหายใจของมันสามารถทำให้เกิดโรคร้ายแรงขนาดฆ่าคนได้ทั้งหมู่บ้าน นันดุอาจปราบได้แต่ต้องใช้พ่อมดฝีมือดีไม่ต่ำกว่าร้อยคน
เนียเซิล (Nneazle) มีต้นกำเนิดในอังกฤษ แต่ปัจจุบันแพร่หลายไปทั่วโลกแล้ว สัตว์ชนิดนี้มีลักษณะเหมือนแมว รูปร่างเล็ก มีทั้งชนิดขนเป็นจุด ขนด่าง หรือมีรอยแต้ม หูขนาดใหญ่เกินตัว หางเหมือนสิงโต เนียเซิลเป็นสัตว์ที่ฉลาด รักอิสระ และบางครั้งก็ดุร้าย แต่ถ้าถูกชะตากับพ่อมดแม่มดคนใดแล้ว ก็จะทำตัวเป็นสัตว์เลี้ยงที่ดี เนียเซิลมีความสามารถลึกลับในการระบุตัวคนที่น่าสงสัยหรือไม่น่าไว้ใจและถ้าเจ้าของหลงทาง มันก็สามารถนำทางกลับบ้านได้อย่างปลอดภัยอีกด้วย เนียเซิลออกลูกครอกละแปดตัว และสามารถผสมข้ามพันธุ์กับแมวธรรมดาได้ ผู้เลี้ยงเนียเซิลต้องขอใบอนุญาต เพราะเนียเซิลมีลักษระบางอย่างที่ผิดธรรมดา จึงอาจไปสะดุดตามักเกิ้ลได้
นาร์ล (Knarl)
สามารถพบได้ในแถบยุโรปตอนเหนือและอเมริกา มักจะถูกมักเกิ้ลเข้าใจผิดว่าเป็นเม่นอยู่บ่อยๆ จริงๆแล้ว สัตว์สองสายพันธุ์นี้ก็ไม่แตกต่างกันมากนัก เว้นแต่ลักษณะนิสัยอย่างหนึ่ง คือ ถ้าเราวางอาหารทิ้งไว้ในสวนให้เม่น เม่นจะยอมรับของขวัญนั้นและกินอย่างเอร็ดอร่อย แต่ถ้าเป็นนาร์ลละก็ มันจะทึกทักเอาว่าเจ้าของบ้านต้องการล่อลวงมันสู่กับดัก เลยพาลทำลายพืชสวนและเครื่องประดับสวนของบ้านนั้นๆ จนพังยับเยิน ซึ่งเด็กๆมักเกิ้ลจำนวนมากถูกกล่าวหาว่าทำตัวเป็นอันธพาล ทั้งๆ ที่คนร้ายตัวจริงคือเจ้านาร์ลที่โกรธแค้นต่างหาก
น็อกเทล (Nogtail)
น็อกเทลเป็นปีศาจที่พบได้แถบชนบททั่วยุโรป รัสเซีย และอเมริกา ลักษณะคล้ายคลึงกับลูกหมูแครพที่มีขายาวเก้งก้าง หางอ้วนป้อม และตาเล็กๆ สีดำ น็อกเทลจะคลานเข้าไปในเล้าหมูแล้วดูดนมจากแม่หมูปนเปไปกับพวกลูกหมู ยิ่งปล่อยให้น็อกเทลหลุดรอดสายตาได้นานเท่าใด มันก็จะตัวใหญ่ขึ้นเท่านั้น และฟาร์มก็จะยิ่งได้รับความเสียหายจากมันนานขึ้นด้วยน็อกเทลมีความเร็วสูงมากและจับตัวได้ยากมาก แต่ถ้าใช้สุนัขสีขาวบริสุทธิ์ไล่ต้อนมันออกไปจากอาณาเขตฟาร์มได้ มันก็จะไม่กลับมาอีก ซึ่งเป็นหน้าที่ของแผนกกำจัดสัตว์รบกวนที่เลี้ยงสุนัขพันธุ์บลัดฮาวนด์สีขาวเผือกไว้หนึ่งโหลเพื่อการนี้โดยเฉพาะ
บาซิลิสก์ (Basilisk)
บาซิลิสก์ได้ชื่อว่าเป็นราชาแห่งงูพิษ มันเป็นงูใหญ่ที่น่ากลัวและน่าสยดสยองมากที่สุด ตามตำนานกล่าวว่า เพียงแค่มองตามัน ผู้มองจะถึงแก่ความตายทันที ส่วนพิษของมันก็จะทำให้คนที่โดนพิษร้ายนั้นถึงแก่ความตายทันที บาซิลิสก์จึงกลายเป็นสัญลักษณ์แห่งความตาย
ต้นกำเนิดของบาซิลิสก์นั้น เกิดจากไข่ที่ออกมาจากพ่อไก่ ในระหว่างที่มีกลุ่มดาวซิริอัส หรือกลุ่มดาวสุนัขปรากฏบนท้องฟ้า และได้คางคกเป็นผู้กกไข่ [เป็นสัตว์ที่เกิดมาพร้อมกับความบังเอิญจริงๆ คิดดูสิ มีพ่อไก่สักกี่ตัวที่ออกไข่ได้ และยังได้คางคก (คางคกธรรมดาก็ตัวพอๆกับไข่ไก่แล้วง่ะ) เป็นผู้กกไข่อีก ยัง
ยังไม่พอ ไข่เจ้ากรรมดันมาออกตอนที่กลุ่มดาวหมาปรากฏบนท้องฟ้า ซึ่งแน่ใจได้เลยว่าต้องเป็นกลางคืนอย่างแน่นอน อะไรมันจะพอดีอย่างนี้นี่] ตามตำนานกล่าวว่า ถ้าสัตว์หรือสิ่งมีชีวิตใดมองตามัน แม้เพียงแต่ในกระจกเงา ก็อาจถึงแก่ความตายได้ทันทีเพราะความกลัว วิธีที่จะฆ่ามันก็คือ ต้องถือกระจกไว้ข้างหน้าตัวมัน ก่อนที่มันจะมองมา เมื่อมันมองมาเห็นเงาตนเอง และดวงตาของมันในกระจก มันก็จะตายทันที เข้าทำนอง หนามยอก เอาหนามบ่ง
แบนซี (Banshee)
แบนซีเป็นตำนานของชาวไอริชและแถบที่ราบสูงสก็อตแลนด์ มีรูปร่างลักษณะเป็นผู้หญิง มีนัยน์ตาพองโตแดงก่ำตลอดเวลา มีฟันแหลมคม มีตีนเหมือนเป็ด ผมยาวยุ่งเหยิงปิดหน้าตาเอาไว้ ตามตำนานเล่าว่ามันเป็นผู้บอกเหตุแห่งความตายล่วงหน้า โดยจะร้องไห้คร่ำครวญก่อนที่จะมีคนตาย
บ็อกการ์ต (Boggart) บ็อกการ์ตปรากฎอยู่ในนิทานพื้นเมืองของเซลติก อยู่ที่ตอนเหนือของอังกฤษ มันเป็นจิตวิญญาณที่สิงอยู่ในบ้านนี้คล้ายกับผี-ปีศาจ แม้ว่าธรรมชาติของมันจะมุ่งร้ายมากกว่าการทำอันตราย บ็อกการ์ตมีร่างสีดำรุงรังด้วยผม นุ่งห่มด้วยผ้าเล็กๆน้อยๆ และจะทำเสียงแปลกในเวลาค่ำคืน มันจะเทขวดนม ขู่ขวัญแมว หยิกเด็กๆ เป่าเทียน และทำให้เกิดโชคร้าย
ในภาคสาม ศาสตราจารย์ลูปินได้นำบ็อกการ์ตมาฝึกนักเรียน โดยปีศาจบ็อกการ์ตจะแปลงร่างเป็นสิ่งที่เรากลัวที่สุดซึ่งฝังอยู่ในก้นบึ้งของจิตใจ การปราบมันทำได้โดยการสร้างมโนภาพของสิ่งที่น่ากลัวให้มีความขบขัน ซึ่งจะสร้างความสับสนให้แก่บ็อกการ์ต ในที่สุดจะสามารถปราบมันได้
บันดิมัน (Bundimun) ตัวบันดิมันพบได้ทั่วโลก มีความสามารถในการคืบคลานเข้าไปอยู่ใต้แผ่นกระดานและไม้บัวที่ประกบฐานฝาผนัง พวกมันชอบกัดกินบ้านเรือน กลิ่นเหม็นเน่าของการผุพังเป็นสัญญาณเตือนว่ามีบันดิมันอยู่ภายในบ้านแล้ว บันดิมันจะขับสารที่มีฤทธิ์กัดกร่อนรากฐานของที่พักอาศัยซึ่งมันเข้าไปอยู่
บันดิมันที่อยู่เฉยๆ จะคล้ายคลึงกับก้อนราสีเขียวที่มีตา แต่ยามตกใจก็จะใช้ขายุ่บยับยาวเก้งก้างวิ่งหนีไป บันดิมันชอบกินฝุ่นเป็นอาหาร คาถาล้างบางจะกวาดล้างให้บ้านปราศจากการคุมคามของบันดิมันได้ แต่ถ้าการผุกร่อนได้ลุกลามมากเกินไป ควรติดต่อกองออกระเบียบและควบคุมสัตว์วิเศษ แผนกกำจัดสัตว์รบกวน ก่อนที่บ้านจะพังทลาย สารที่บันดิมันขับออกมาเมื่อทำให้เจือจางแล้ว จะใช้ผสมน้ำยาเวทมนตร์สำหรับทำความสะอาดบางชนิด
บิลลี่วิก (Billywig) บิลลี่วิกเป็นแมลงพื้นเมืองของออสเตรเลีย ลำตัวยาวประมาณครึ่งนิ้ว สีน้ำเงินสด บิลลี่วิกเคลื่อนที่เร็วมากจนน้อยครั้งที่มักเกิ้ลจะสังเกตเห็น หรือแม้แต่พ่อมดแม่มดเองก็ไม่ค่อยเห็นบิลลี่วิกสักเท่าใดนัก จนกระทั่งเมื่อถูกมันต่อยเอาแล้วนั่นเอง ปีกของบิลลี่วิกยึดติดอยู่บนส่วนหัวและหมุนได้เร็วมากจนทำให้ตัวมันหมุนวนเวลาบิน ท่อนล่างของลำตัวเป็นเหล็กไนที่ยาวและแหลมคม ผู้ที่ถูกบิลลี่วิ
กต่อยจะเกิดอาการวิงเวียน แล้วตัวจะลอยได้ พ่อมดแม่มดเด็กๆ ของออสเตรเลียรุ่นแล้วรุ่นเล่าชอบจับบิลลี่วิกมายั่วให้โกรธ เพื่อจะได้โดนมันต่อย และสนุกสนานไปกับผลข้างเคียงของมัน แม้ว่าการถูกต่อยมากไปอาจทำให้เหยื่อลอยไปมาอย่างไม่สามารถควบคุมได้เป็นวันๆก็ตาม และในกรณีที่เกิดอาการแพ้อย่างรุนแรง อาการลอยตัวถาวรอาจเกิดตามมาได้ เหล็กไนบิลลี่วิกตากแห้งแล้วอาจใช้ในยาหลายขนาน และเชื่อกันว่าใช้เป็นส่วนผสมในขนมฟีซซิ่งวิซบี้ที่ได้รับความนิยมด้วย
โบวทรัคเกิล (Bowtruckle)
โบวทรัคเกิลเป็นสิ่งมีชีวิตที่ทำหน้าที่พิทักษ์รักษาต้นไม้ พบมากทางตะวันตกของประเทศอังกฤษ ทางตอนใต้ของเยอรมนี และในป่าแถบสแกนดิเนเวียบางแห่ง เห็นตัวมันได้ยาก เนื่องจากเป็นสัตว์ที่ตัวเล็ก (ตัวใหญ่สูงที่สุดแปดนิ้ว) ลำตัวดูเหมือนเปลือกและกิ่งก้านของต้นไม้ มีตาเล็กๆ สีน้ำตาลหนึ่งคู่
โบวทรัคเกิลกินแมลงเป็นอาหาร เป็นสัตว์ที่รักสงบและขี้อายมาก แต่ถ้าต้นไม้ที่มันอาศัยอยู่ถูกทำร้าย มันก็จะกระโจนลงมากัดคอคนตัดต้นไม้หรือนักพฤกษาศาสตร์ที่พยายามทำอันตรายบ้านของมันทันที แล้วจะใช้นิ้วที่ยาวและแหลมคมทิ่มตาผู้บุกรุก การใช้แมลงเป็นเหยื่อล่อจะทำให้โบวทรัคเกิลสงบได้นานพอที่พ่อมดแม่มดจะตัดไม่ทำไม้กายสิทธิ์ออกจากต้นได้
ปูไฟ (Fire Crab)
แม้จะมีชื่อว่าปูไฟ แต่สัตว์ชนิดนี้กลับมีส่วนคล้ายคลึงกับเต่าตัวใหญ่ที่มีกระดองฝังอัญมณีแพรวพราว ในประเทศฟิจิบ้านเกิดของมันนั้น ได้มีการกำหนดหาดทรายแห่งหนึ่งให้เป็นเขตอนุรักษ์เพื่อปกป้องสัตว์ชนิดนี้ ทั้งจากมักเกิ้ลผู้ถูกกระดองอันมีค่าของมันดูดมา และจากพ่อมดไร้คุณธรรมที่อยากได้กระดองของมันมาทำเป็นหม้อใหญ่ราคาแพง อย่างไรก็ตาม ปูไฟเองก็มีวิธีป้องกันตัวโดยมันจะยิงเปลวไฟจากด้านหลังเมื่อถูกโจมตี มีการส่งออกปูไฟในฐานะสัตว์เลี้ยง แต่ผู้เลี้ยงจำเป็นต้องขอใบอนุญาตเป็นพิเศษด้วย
โปรเกรบิน (Pogrebin) โปรเกรบินเป็นปีศาจของรัสเซีย สูงไม่ถึงหนึ่งฟุต ตัวเต็มไปด้วยขน แต่หัวกลับเรียบเป็นสีเทาและใหญ่เกินตัว เวลาโปรเกรบินหมอบจะดูเหมือนก้อนหินกลมๆมันๆ โปรเกรบินชอบมนุษย์และสนุกกับการตามหลังมนุษย์ โดยเดินแอบอยู่ตามเงา และจะหมอบลงอย่างรวดเร็วเมื่อเจ้าของเงาหันมา ถ้าปล่อยให้ตัวโปรเกรบินเดินตามหลังได้นานหลายชั่วโมง เหยื่อจะรู้สึกว่าตัวเองไร้ประโยชน์อย่างมาก และจะตกอยู่ในอาการซึมเศร้าสิ้นหวังในเวลาต่อมา เมื่อเหยื่อหยุดเดินและทรุดนั่งลงบนพื้น ร้องไห้กับความไร้สาระทั้งหมดที่เกิดขึ้น โปรเกรบินก็จะ
กระโดดเข้าใส่และพยายามกินเหยื่อ อย่างไรก็ตาม การไล่โปรเกรบินนั้นง่ายดายมาก ใช้เพียงแค่คาถาง่ายๆ หรือคาถาสะกดนิ่งก็ได้ การเตะทิ้งก็ได้ผลเช่นเดียวกัน
ผีโพลเตอร์ไกส์ (Poltergeist) ผีโพลเตอร์ไกส์ เป็นผีที่มาจากตำนานของเยอรมัน คำว่า ‘โพลเตอร์’ แปลว่า เสียงอึกทึก หรือไม้แร็กเกต และคำว่า ‘ไกส์’ แปลว่า วิญญาณหรือผี รวมแล้วคำว่า โพลเตอร์ไกส์ จึงแปลว่า ผีที่ชอบส่งเสียงหรือทำให้เกิดเสียงในการหลอกหลอนคน วิญญาณพวกนี้จะคล้ายๆกับพวกเอลฟ์หรือสิ่งที่ชอบไปก่อเรื่องวุ่นวายกันในตอนกลางคืน ชอบแกล้งผู้คนโดยการล่องหน เจ้าพีฟส์เป็นผีประเภทนี้ และคอยกลั่นแกล้งทุกคนที่มันพบ
ผีกูล (Ghoul)แม้ว่าหน้าตาของผีกูลจะน่าเกลียดน่ากลัว แต่มันก็ไม่ใช่สัตว์ดุร้าย ผีกูลดูคล้ายกับยักษ์กินคนที่มีฟันกระต่ายและตัวลื่นๆ โดยมากผีกูลจะอาศัยอยู่ตามห้องใต้หลัวคาหรือโรงนาของพ่อมด คอยจับแมงมุมและผีเสื้อกลางคืนกินเป็นอาหาร ผีกูลชอบร้องครวญครางและบางครั้งก็ขว้างปาข้าวของด้วย แต่โดยเนื้อแท้แล้วผีกูลมีนิสัยเปิดเผย อย่างมากก็เพียงแค่คำรามอย่างดุร้ายใส่คนที่เดินเตะมันเข้าเท่านั้น สำหรับครอบครัวพ่อมดแล้ว ผีกูลเรียกได้ว่าเป็นจุดสนใจ และบางครั้งก็เป็นสัตว์เลี้ยงของครอบครัวไปเลยก็ได้
พิกซี่ (Pixie) พิกซี่เป็นภูตขนาดจิ๋วในนิทานพื้นบ้านของประเทศอังกฤษ พิกซี่มีความซุกซนมากและชอบกลั่นแกล้งหญิงสาวและนำนักเดินทางให้หลงทาง ภูตตัวเล็กๆ มีปีกบินได้ ถูกนำมาเสนอในเรื่องปีเตอร์แพนในชื่อว่า ‘ทิงเกอร์เบลล์’ ยังมีนิทานพื้นบ้านอีกที่กล่าวถึงพวกพิกซี่ว่า มาช่วยทำงานให้ชาวนาหรือมาอาศัยอยู่ในบ้าน ในภาคสอง พิกซี่ที่ศาสตราจารย์ ล็อกฮาร์ตนำมาได้สร้างความปั่นป่วนไปทั่วในห้องเรียน
พลิมปี้ (Plimpy) พลิมบี้เป็นปลาตัวลายรูปร่างกลมป่อง มีลักษณะเด่นตรงขายาวทั้งสองข้างที่ยาวเก้งก้างและมีเท้าเป็นพังผืด พลิมบี้อาศัยอยู่ตามทะเลสาบลึกๆ มันจะเดินท่อมๆอยู่ก้นทะเลสาบ คอยหาอาหาร อาหารจานโปรดของพลิมบี้คือทากน้ำ พลิมบี้ไม่ใช่สัตว์ที่ดุร้ายอะไรนัก แม้ว่าจะชอบตอดเท้าและเสื้อผ้าของผู้ที่มาว่ายน้ำอยู่บ้างก็ตาม ชาวเงือกเห็นว่ามันเป็นสัตว์ที่สร้างความรำคาญจึงมักกำจัดมันด้วยการผูกขายาวทั้งสองข้างของพลิมบี้เป็นเงื่อน แล้วปล่อยให้มันลอยไปอย่างไร้ทิศทาง พลิมบี้จะไม่สามารถย้อนกลับมาได้อีกจนกว่าจะแก้เงื่อนให้ได้เสียก่อน ซึ่งบางครั้งอาจต้องใช้เวลาเป็นชั่วโมงๆ
พอร์ล็อก (Porlock) พอร์ล็อกเป็นสัตว์ที่มีหน้าที่พิทักษ์ม้า พบได้ที่ดอร์เซ็ต ประเทศอังกฤษ และไอร์แลนด์ ใต้ลำตัวมีขนปุกปุย บนหัวมีเส้นผมหยาบๆ ขึ้นอยู่จำนวนมาก จมูกของมันใหญ่สะดุดตา พอร์ล็อกเดินด้วยสองเท้าสองข้างที่เป็นกีบ แขนของมันเล็ก มีนิ้วกลมป้อมข้างละสี่นิ้ว พอร์ล็อกที่โตเต็มที่จะมีความสูงประมาณสองฟุต และกินหญ้าเป็นอาหาร
พอร์ล็อกเป็นสัตว์ขี้อาย และมีชีวิตอยู่เพื่อคุ้มครองดูแลม้า อาจพบมันนอนขดตัวอยู่ตามกองฟางในคอกม้า หรือหลบอยู่กลางฝูงม้าที่มันดูแล พอร์ล็อกไม่ไว้ใจมนุษย์และมักหลบซ่อนตัวจากมนุษย์
พัฟสไกน์ (Puffskein)
พัฟสไกน์พบไก้ทั่วโลก รูปร่างอ้วนกลม มีขนนุ่มๆสีเหลืองคัสตาร์ด นิสัยเชื่อง ยอมให้กอดรัดหรือจับโยนไปมาได้ เลี้ยงง่าย และจะส่งเสียงครางเบาๆ เมื่อรู้สึกพอใจ พัฟสไกน์จะแลบลิ้นยาวๆบางๆ สีชมพูของมันออกมาเป็นระยะๆ เพื่อควานหาอาหารไปรอบบ้าน พัฟสไกน์เป็นนักเขมือบตัวยง มันกินทุกอย่างตั้งแต่ของเหลือไปจนถึงแมงมุม แต่ที่ชื่นชอบเป็นพิเศษคือการแลบลิ้นเลียจมูกพ่อมดที่นอนหลับ และกินวิญญาณร้ายที่รังควาญพวกเขาอยู่ พฤติกรรมแบบนี้ทำให้พัฟสไกน์เป็นที่รักใคร่ของเด็กๆตระกูลพ่อมดมาหลายชั่วอายุคน และยังเป็นสัตว์เลี้ยงของพ่อมดที่ได้รับความนิยมสูงสุดด้วย
ฟินิกซ์ (Phoenix) นกฟินิกซ์คือตัวแทนแห่งไฟ หมายถึงความรุ่มร้อน ความอบอุ่นและอ่อนโยน ไฟมีความแตกต่างจากฟ้าตรงที่ไฟยืดหยุ่นกว่า เปลวไฟอ่อนลู่ได้ตามสภาวะ บางครั้งจึงดูคล้ายโลเล ไม่คงสภาพ ไร้กฎเกณฑ์ นกฟินิกซ์ยังมีความหมายถึงความเป็นอมตะอีกด้วย เพราะเมื่อถึงอายุขัยแล้ว มันก็จะเผาไหม้ตัวเองด้วยไฟแล้วฟื้นคืนชีพขึ้นมีอีกครั้ง
ตำนานแห่งฟินิกซ์ปรากฏอยู่ในอารยธรรมโบราณมากมาย นกฟินิกซ์มีขนาดใกล้เคียงกับนกอินทรี มีสีแดงเข้มและมีแผงคอสีทองหรือผสมด้วยสีแดงและสีน้ำเงิน นกฟินิกซ์เป็นนกที่มีอยู่ตัวเดียว อาศัยอยู่ในอารเบีย เรื่องราวเริ่มแรกของนกฟินิกซ์มาจากวรรณกรรมกรีกโบราณที่ชื่อว่า Account of Egypt ของกวีเฮโรโดตัส ประมาณ 430 ปีก่อนคริสตกาล ตามตำนานกล่าวว่า นกฟินิกซ์มีอายุ 500 ปี เมื่อถึงเวลาที่ใกล้จะหมดอายุขัย นกฟินิกซ์จะล่วงรู้ถึงชะตากรรม มันจะสร้างรังจากไม้ฟืน และนั่งคอยที่กองฟืนและร้องเพลง เมื่อแสงอาทิตย์แรกสาดส่อง นกฟินิกซ์จะแผดเผาตนเองกลายเป็นเถ้าถ่าน จากเถ้าถ่านนั้นนกฟินิกซ์ตัวใหม่จะเกิดขึ้น งานแรกที่มันจะต้องทำ คือ การรวบรวมเถ้าถ่านของพ่อแม่และนำฝังที่เฮลิโอโปลิส (เมืองแห่งตะวัน) และบินกลับไปยังอารเบีย จุดกำเนิดตำนานเกี่ยวกับนกฟินิกซ์นี้อาจมาจากหนังสือแห่งเวทมนตร์เล่มหนึ่งที่ชื่อว่า Book of Dead ในหนังสือนี้กล่าวถึงนกยักษ์ซึ่งมีลักษณะคล้าย
นกฟินิกซ์ นกยักษ์ตัวนี้เป็นต้นแบบของวิญญาณอิสระซึ่งลุกขึ้นมาจากกองเพลิงและบินไปยังเฮลิโอโปลิสเพื่อประกาศยุคใหม่ เพราะว่าดวงอาทิตย์ได้สาดแสงไล่หลังนกซึ่งบินจากตะวันออกไปยังตะวันตก นกจึงปรากฏตัวพร้อมกับรุ่งอรุณ
การที่นกฟินิกซ์สามารถเกิดใหม่ได้จากเถ้าถ่านของตนเอง ความนัยจากสัญลักษณ์นี้ทรงอำนาจมาก ซึ่งเป็นตัวแทนของการฟื้นคืนจากความตาย และยังสร้างแรงบันดาลใจให้แก่กวี จนเรื่องราวแห่งนกฟินิกซ์แทรกซึมเข้าไปอยู่ในวรรณกรรมยุโรปทั้งหมด ฟวูปเปอร์ (Fwooper) ฟวูปเปอร์ เป็นกอเมริกาที่ขนสีสวยสด มีทั้งสีส้ม สีชมพู เขียวมะนาว และสีเหลือง ปากกาขนนกหลากสีก็ได้มาจากเจ้าฟวูปเปอร์นี่เอง นอกจากนั้น มันยังออกไข่ที่มีลวดลายสวยงามมากอีกด้วย เสียงเพลงของฟวูปเปอร์แม้จะฟังดูไพเราะในตอนแรกๆ แต่จะค่อยๆ ทำให้ผู้ฟังเสียสติไปในที่สุด ฟวูปเปอร์ที่ถูกขายเป็นสัตว์เลี้ยงจะมีคาถาใบ้ร่ายกำกับไว้ด้วย ผู้เลี้ยงฟวูปเปอร์ต้องมีใบอนุญาต เพราะสัตว์ชนิดนี้ต้องเลี้ยงดูด้วยความระมัดระวัง
มนุษย์หมาป่า (Were Wolf)
Were เป็นคำในภาษาอังกฤษดั้งเดิม แปลว่า มนุษย์ และ Wolf ก็แปลว่า หมาป่า เมื่อรวมกันแล้ว ก็กลายเป็น มนุษย์หมาป่า
โดยทั่วไปมนุษย์หมาป่ามีสภาพร่างกายเหมือนคนปกติ แต่จะกลายเป็นหมาป่าที่ดุร้าย กระหายเลือดเมื่อคืนวันพระจันทร์เต็มดวงเท่านั้น ซึ่งเป็นช่วงที่อันตรายอย่างยิ่งสำหรับสิ่งมีชีวิตทุกชนิดที่อยู่ในบริเวณที่มีการกลายร่าง มนุษย์หมาป่ามักจะออกล่ามนุษย์มากกว่าเหยื่อชนิดอื่น ซึ่งเกือบจะเป็นสัตว์มหัศจรรย์ชนิดเดียวที่มีพฤติกรรมเช่นนี้ ส่วนในท้องถิ่นอื่นที่ไม่มีหมาป่าก็จะมีมนุษย์กึ่งสัตว์ที่มีในท้องถิ่น เช่น มนุษย์สิงโตในแอฟริกา มนุษย์เสือดำในอเมริกาใต้ และมนุษย์เสือหรือเสือสมิงในอินเดีย ในประเทศไทยก็มีเรื่องเล่าขานเกี่ยวกับเสือสมิงเช่นเดียวกัน ตำนานมนุษย์กึ่งสัตว์มีสิ่งที่คล้ายกันก็คือ มันจะอาละวาดในคืนพระจันทร์เต็มดวงเท่านั้น มนุษย์ธรรมดาก็สามารถกลายเป็นมนุษย์หมาป่าได้หลายวิธี วิธีแรก คือ ถูกมนุษย์หมาป่ากัด และโชคดีที่ไม่ตาย [จะดีใจดีมั้ยเนี่ย เหมือนต้องตายทั้งเป็นเลยที่ต้องกลายเป็นหมาป่าในทุกๆคืนพระจันทร์เต็มดวง] หรือการดื่มน้ำจากแก้วเดียวกับแก้วที่มนุษย์หมาป่าดื่ม บางทีมันอาจเป็นโรคชนิดหนึ่งที่ติดต่อกันทางน้ำลาย บางครั้งคนธรรมดาก็โดนคำสาปให้กลายเป็นมนุษย์หมาป่า เชื่อกันว่า มนุษย์หมาป่าสามารถถ่ายทอดกันทางพันธุกรรมไปถึงรุ่นลูกรุ่นหลานได้ด้วย
ลักษณะของคนที่เป็นมนุษย์หมาป่าสามารถสังเกตได้คือ มีขนตามร่างกายมากผิดปกติ หรือมีลักษณะการเดินแปลกๆ บางคนอยากเป็นมนุษย์หมาป่า จึงใช้เวทมนตร์คาถาที่มีให้กลายเป็นมนุษย์หมาป่า การประกอบพิธีกรรมเริ่มด้วยการเปลื้องผ้าร่ายมนตร์ สวมใส่เข็มขัดและหน้ากากขนหมาป่า ไม่ว่าการกลายร่างเป็นมนุษย์หมาป่าจะเป็นไปโดยตั้งใจหรือไม่ก็ตาม มันก็จะเกิดขึ้นเฉพาะเวลากลางคืนที่พระจันทร์เต็มดวงเท่านั้น มนุษย์หมาป่าจะกลายร่างกลับเป็นมนุษย์เมื่อพ้นจากวันพระจันทร์เต็มดวงหรือถูกฆ่าตาย
การเป็นมนุษย์หมาป่านั้น หากไม่เต็มใจจะเป็น ก็สามารถรักษาให้หายได้โดยการเสียเลือด 3 หยด หรือถูกเรียกชื่อจริงในขณะที่ยังเป็นหมาป่าอยู่ เชื่อกันว่า ไม้บางชนิดสามารถป้องกันมนุษย์หมาป่าได้ เช่น กิ่งมะกอก แต่โดยส่วนใหญ่แล้ว ไม่มีอะไรหยุดพวกมันได้ บางตำนานกล่าวว่า ไม่มีสิ่งใดฆ่ามนุษย์หมาป่าได้นอกจากโลหะเงิน ในภาพยนตร์มักใช้กระสุนเงินฆ่ามนุษย์หมาป่า และยังกล่าวว่า มีการล่าหมาป่าในช่วงศตวรรษที่ 19 ในประเทศฝรั่งเศส ทำให้จำนวนของหมาป่าลดลง และเรื่องของมนุษย์หมาป่าก็เลยลดน้อยลงตามไปด้วย
มันติคอร์ (Manticore)
มันติคอร์เป็นสัตว์กรีกที่อันตรายมาก หัวเป็นมนุษย์ ตัวเป็นสิงโต และมีหางเหมือนแมงป่อง สัตว์ชนิดนี้ดุร้ายและหายาก
ผลงานอื่นๆ ของ +_-\'..ShipPo..+_-\' ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ +_-\'..ShipPo..+_-\'
ความคิดเห็น