คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : 9th night
"สควอโล่อยู่ไหนอ้ะ?!!" เจ้าชายหนุ่มน้อยบ่นเสียงขรม พลางหยิบมีดขึ้นปาใส่กำแพงด้วยความหงุดหงิด เมื่อทุกวันตอนเช้าเขาจะต้องได้เข้าไปแหย่ฉลามหนุ่มให้คลั่งขึ้นมาวิ่งไล่เขา แต่หลังจากที่ฉลามคลั่งป่วยนั้นเขาก็ไม่เคยได้เห็นหน้าสวยๆที่แฝงรอยโมโหอยู่ตลอดเวลาดวงนั้นอีกเลย เป็นเวลาถึงหนึ่งอาทิตย์เต็มๆ!!
มาม่อนรีบเข้าไปห้ามคนสติแตกที่กำลังระบายอารมณ์เล่นอยู่กับกำแพง "เบลหยุด! โมโหก็ไปทำอย่างอื่นสิฟะ!! รู้มั้ยว่าเปลี่ยนวอลเปเปอร์ทีมันแพงขนาดไหน?"
"ก็มันหน้าเบื่อนี่" ดวงหน้ามุ่ยลงแต่กระนั้นเจ้าตัวกลับยอมรามือง่ายดาย ก่อนจะบ่นต่อด้วยน้ำเสียงตัดพ้อ "เจ้าชายไม่ได้เจอสควอโล่มาหลายวันแล้วอะ..."
"นอนพักอยู่ห้องบอสไงไปหาสิ" มาม่อนตอบ ดึงมีดทั้งหลายของเบลออกจากกำแพงแล้วหันไปนับเงินต่อ
"จะให้เข้าไปยังไงล่ะ?"
"เปิดประตู"
"..."
เด็กหนุ่มเลิกต่อความ ก่อนจะทิ้งตัวลงบโซฟานุ่มแทน ท่าทางซังกะตายของเพื่อนร่วมงานนั้นทำให้เด็กต้องสาปต้องระบายลมหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายแล้วอธิบายเพิ่ม "สควอโล่ไม่สบายนี่นา พอหายแล้วเดี๋ยวก็ลงมาเจอเองนั่นแหละ"
"...บอสขี้โกงยึดตัวสควอโล่ไว้คนเดียว..." เจ้าชายงึมงำต่อ
แม้จะต่อว่าด้วยถ้อนคำกี่ร้อยพันคนพูดก็รู้ตัวดีว่า ฝ่ายที่ยอมลงให้ในครานี้จะต้องเป็นสควอโล่อย่างแน่นอน หากไม่ใช่เช่นนั้นแล้วต่อให้เป็นนภาผืนนั้นก็ตามที ลองฉลามคลั่งต่อต้านจนถึงที่สุดแล้ว ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็เอาไม่อยู่อย่างแน่นอน
วันนั้นที่เขาเอ่ยปากถามกับสควอโล่ว่ารักบอสหรือเปล่านั้น...เขาเห็น...
...แว่บหนึ่งที่ดวงตาคู่สวยนั้นวูบไหวด้วยความลังเลใจ...
"เห็นว่าเป็นพระราชาหรอกนะ เจ้าชายถึงได้ยอมยกสควอโล่ให้น่ะ"
เงาสีดำพาดผ่านใบหน้าที่มีเส้นไหมสีทองปิดไปซะครึ่ง ให้คนที่พึมพำไม่หยุดต้องเงยขึ้นมองคนที่ยื่นหน้าเข้ามาทัก "ต๊าย! ยังหนุ่มยังแน่นแท้ๆ บ่นคนเดียวแล้วเหรอจ๊ะ?"
แว่นกันแดด ทรงผมและเสียงอันเป็นเอกลักษณ์ เจ้าชายหนุ่มน้อยเอ่ยเรียกผู้เป็นเจ้าของด้วยเสียงจางๆ "ลุซซูเรีย"
"เรียกมันซะได้ก็ดี บ่นมาตั้งนานแล้วเสียสมาธิทำยอดบัญชีหมด" มาม่อนกัด
คนถูกว่าค่อยๆลูกขึ้นนั่ง "เจ้าชายเบื่ออ่ะ"
"แล้วทำไมไม่ออกไปทำงานล่ะ?" หัวหน้าหน่วยอรุณถามขึ้น
"ไปแล้ว กลับมาแล้ว มีแต่อะไรน่าเบื่อๆเจ้าชายไม่เห็นสนุกเลย" เบลบ่นก่อนจะเอ่ยเรียกคนที่ไปหย่อนกายนั่งลงยังโซฟาใกล้ๆ "นี่ลุซซูเรีย..."
"ว่าไงจ๊ะ?"
"ลุซซูเรียว่า สควอโล่กับบอสมีอะไรกันรึเปล่า?" คำถามที่ถูกยิงขึ้นลอยๆเรียกความสนใจจากผู้ร่วมห้องที่เหลือ จนสุดท้ายต้องเข้ามากระจุกรวมกันที่กลางห้อง
"แกคิดอะไรอยู่วะเนี่ย?" เด็กต้องสาปถามด้วยความสงสัยอันท่วมท้น
"ก็เจ้าชายอยากรู้นี่"
ดวงตาใต้กรอบแว่นวาววับขึ้นมาในทันที "หุหุหุ นั่นสินะ เจ๊เองก็รู้สึกว่าสองคนนี้เค้า something wrong มาตั้งนานแล้วเหมือนกัน"
...ลองมีตาแล้ว ใครก็ต้องรู้ทั้งนั้นว่าในความสัมพันธ์อันขุ่นมัวระหว่างหัวหน้าและรองหัวหน้าแห่งวาเรียนั้นมันมีอะไรบางอย่างซุกซ่อนอยู่...
"พวกนายนี่มัน..."
"หรือมาม่อนไม่เคยรู้??" อีกสองคนประสานเสียงถาม
"จะว่าไม่รู้มันก็..."
"เห็นมั้ย มาม่อนเองก็คิดเหมือนกันใช่มั้ยล่ะ?" เบลสำทับ
"แต่เรื่องนั้นกับเรื่องนี้มันคนละเรื่องกันนี่"
"ใครบอกล่ะ เรื่องนี้ใครๆเค้าก็รู้กันทั้งนั้นแหละย่ะ"
มาม่อนนิ่งคิด ใช่ว่าเขาจะไม่รู้เรื่องที่มีวาเรียระดับล่างเห็นตอนที่บอสจูบอยู่กับสควอโล่ ในเมื่อมันเป็นเรื่องที่แพร่สะพัดไปทั่วปราสาทอย่างรวดเร็วยิ่งกว่าไฟลามทุ่ง ซ้ำคนในข่าวทั้งคู่ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะออกมาปิดข่าวเลยแม้แต่น้อย
"ลองคิดดูสิ ช่วงนั้นที่บอสหงุดหงิดมากๆ ก็เป็นเพราะสควอโล่หลบหน้าใช่มั้ยล่ะ?" ลุซซูเรียว่าด้วยเสียงกึ่งกระซิบ ทั้งสามคนจึงสุมหัวกันเข้ามาใกล้มากขึ้นอีก
เบลกับมาม่อนพยักหน้ารับ ...เรื่องนี้ใครๆก็รู้...
ไม่มีใครที่จะไม่รู้สึกถึงความอึมครึมที่เกิดขึ้นในปราสาทแห่งนี้ และคนๆเดียวที่จะทำให้บรรยากาศทั่วทั้งปราสาทหม่นลงได้นั้นย่อมไม่มีใครนอกจากผืนนภาเท่านั้น แทบไม่มีกิจกรรมใดๆเกิดขึ้นในบริเวณนั้นตลอดช่วงเวลา เพราะทุกคนต่างก็กลัวว่าจะมีเสียงดังหนวกหูเข้าไปกระแทกโสตประสาทของใครบองคนเข้า
"แล้วตอนที่บอสเห็นรูปของสควอโล่น่ะ บอสก็โกรธมากขนาดสั่งให้เบลเลิกยุ่งกับสควอโล่เลยใช่ม้า?"
"อืม..."
"ลองคิดดูสิถ้าเป็นรูปของคนอื่นบอสจะโกรธขนาดนี้รึเปล่าล่ะ?"
คนฟังนิ่งคิด...ก็คงไม่...
"ที่สำคัญตอนนี้ที่บอสอารมณ์ดีขึ้นอย่างผิดหูผิดตาน่ะ ก็เพราะสควโล่อีกไม่ใช่รึไง?"
"ก็ใช่..."
"แต่วันนั้นสควอโล่บอกว่าไม่ได้รักบอสนี่" วายุหนุ่มขัดขึ้น
"นั่นแหละปัญหา ก็ดูทั้งสองคนทำตัวเข้าสิ...."
"...คนนึงก็เอาแต่ใช้กำลัง อีกคนนึงก็ไม่ยอมปิดใจซักที..."
ทั้งสามถอนหายใจออกมาพร้อมกันโดยไม่นัดหมาย
...ชาตินี้ทั้งชาติก็คงจะรู้เรื่องกันได้หรอกนะ...
................................................................................
ร่างโปร่งบิดกายน้อยบนเตียงหลังกว้างที่เริ่มจะคุ้นเคย ห่างไปไม่ไกลร่างสูงกำลังมองเอกสารในมืออย่างตรวจตรา
"ทำอะไรอยู่วะ?" คนยังไม่ตื่นดีขยี้ตาด้วยความงัวเงียพลางคลานเข้าไปใกล้
แซนซัสไม่ตอบแต่ชี้กองเอกสารปึกใหญ่ให้ดู งานของนภาหนุ่มเพิ่มขึ้นมาก ทั้งงานเอกสารและงานกวาดล้างซึ่งต้องออกไปทำข้างนอก ในตอนแรกคนไม่สบายรู้สึกผิดที่ต้องไปเพิ่มภาระให้กับนายเหนือของตนโดยไม่จำเป็น หากเมื่อจะเอ่ยถามร่างสูงก็กลับไม่เคยเปิดโอกาสราวกับรับรู้ได้เสียกระนั้น จนระยะหลังตัวเขาเองก็ไม่มีความคิดที่จะเอ่ยถึงเรื่องนั้นอีกต่อไป
"งั้นฉันไปเข้าห้องน้ำล่ะ" พูดพลางชันกายลุก แต่ร่างทั้งร่างก็กลับถูกกระชากให้ล้มลงบนผืนฟูกอีกครา
เจ้าของมือใหญ่หนาโน้มใบหน้าลงใกล้ "ฉันยังไม่ได้อนุญาต"
"แค่จะไปห้องน้ำทำไมต้องขอด้วยล่ะ!?"
"เพราะแกเป็นของของฉัน"
เจ้าของดวงตาสีฟ้านิ่งงันไปนิด เมื่อต้องสบเข้ากับดวงตาสีเลือดที่จับจ้องราวกับจะมองทะลุ แต่เพียงครู่เดียวก็กลับมาโวยวายต่อ
"ไม่เอาแล้วปล่อยนะ!!"
แม้เสีงแผดด่าจะก้องดัง แต่ร่างเบื้องบนกลับเพียงเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อย "ฉันสอนแกว่ายังไงลืมไปแล้วเหรอ?"
"อึก..." ร่างโปร่งกลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคอ ไปหน้าร้อนวูบ
...ภายใน 1 อาทิตย์ที่ผ่านมาร่างกายของเขาถูกสอนให้จดจำทุกสัมผัสจากร่างแกร่งนี้...
ทำให้เขาจดจำริมฝีปาก... ปลายนิ้ว... เส้นผม... ดวงตา... ทุกสิ่งทุกอย่าง....
...ถ้าตัวเขาปฏิเสธก็จะได้รับการลงโทษ...
เพียงแค่คิดลำคอก็พลับตีบตันขึ้นมา ร่างทั้งร่างสั่นระริกอย่างไม่อาจห้าม
"หืม...ว่ายังไง?"
สควอโล่หลบสายตา ...ตัวเขาไม่อาจคาดเดาได้ว่าร่างตรงหน้าเอาจริงแค่ไหน เมื่อสั่งให้เขาจูบทุกครั้งที่ตื่นนอนและจะขออนุญาต...
สั่งห้ามเขาปฏิเสธสัมผัสทุกสัมผัสที่ได้รับ...
...และเหนือสิ่งอื่นใดคนๆนี้เกลียดคำขอโทษของเขาเป็นที่สุด...
มือเรียวที่กำลังค้ำยันแผ่นอกหนาเกร็งแน่น "ต..ต้องทำจริงๆเหรอ?"
คนที่ยึดร่างเขาเอาไว้ไม่ยอมตอบ แต่นัยน์ตาพราวระยับคู่นั้นไม่มีวี่แววของคำว่าล้อเล่นเจืออยู่แม้แต่น้อย ริมฝีปากบางจึงเม้มเข้าหากันแน่นอย่างชั่งใจ
สควอโล่หลับตาปี๋ดึงตัวขึ้นจุมพิตเบาๆที่เค้าหน้าคมสัน ก่อนจะผลักตัวออกจากอ้อมอกแข็งแรงอย่างรวดรเว
"ปล่อยสิ.." ร่างโปร่งเบือนหลบใบหน้าที่มองตรงมา พยายามแกะมือใหญที่ตรึงร่างของเขาอยู่ออกแต่ร่างสูงกลับนิ่งอยู่แบบนั้น
"ก็จูบแล้วไง..ปล่อยฉันนะ!! บอส!" ฉลามหนุ่มดิ้นรนอย่างสุดความสามารถ
"แกนี่จูบห่วยชะมัด"
"ใครจะไปเก่งเหมือนแกเล่า!!" ใบหน้านวลหวานแดงก่ำ ...จะให้ทำยังไงในเมื่อเขาไม่เคยทำนี่นา...
แซนซัสไล้มือไปตามโครงหน้าอ่อน รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ถูกจุดขึ้นที่มุมปาก "นั่นสิ..ถ้าอย่างนั้นฉันจะสอนให้แกเอง"
สควอโล่โวยวายปฏิเสธ ใช้มือปิดเรียวปากหนาได้รูปนั้นเพื่อดันให้ถอยห่าง
หัวหน้าแห่งวาเรียดึงมือคู่นั้นออก ใบหน้าโน้มลงซุกไซ้เข้ากับลำคอเรียวระหง มืออีกข้างสอดเข้าลูบผิวกายเนียนมือ "พอหายป่วยแล้วนิสัยไม่น่ารักเลยนะ"
"ใครอยากให้แกคิดว่าน่ารักกันวะ!!"
"งั้นเหรอ?" ริมฝีปากได้รูปขบเม้มติ่งหูนุ่ม "จะยังไงแกมันก็เป็นแค่ของเล่นของฉันอยู่ดี"
"อ๊ะ..ฮึก...." กลีบปากสีระเรื่อหลุดเสียครางแผ่วเบา
... 'ของเล่น' ... เพียงได้ยินหัวใจก็ปวดแปลบ
...แต่กระนั้นตัวเขากลับไม่อาจปฏิเสธซึ่งกลิ่นอายที่โอบล้อมเข้ามาได้...
หลังจากแกล้งร่างใต้อาณัติเล่นอยู่ครู่หนึ่งจนพอใจ ร่างสูงก็ผละกายออกปล่อยให้ร่างโปร่งบางนอนหอบระทวยอยู่เช่นนั้น ส่วนตนเองก็กลับไปนั่งตรวจเอกสารต่อ
อความารีนน้ำงามทอดมองแผ่นหลังกว้างอยู่ครู่หนึ่ง หลังจากนั้นจึงสะบัดหน้าหนีแล้วรีบลุกไปทำธุระส่วนตัว รวมทั้งพยายามสงบหัวใจที่เต้นระรัวไม่เป็นส่ำลง
ตอนที่กลับออกมาร่างสูงยังคงนั่งนิ่งอยู่ที่เดิม
สควอโล่มองภาพร่างน้นด้วยสายตาพร่าเลือน ...ไม่ว่าเมื่อไหร่คนๆนั้นก็ช่างดูห่างไกลเหลือเกิน...
กินเวลาครู่กว่าที่ริมฝีปากบางจะขยับเอื้อนเอ่ยเพื่อทำลายความเงียบ "บอส..ฉันอยากกลับห้อง" ในตอนนี้เขาสามารถทำอะไรหลายๆอย่างได้ดังเดิม จนพูดได้อย่างเต็มปากเต็มคำว่าหายสนิท แต่กระนั้นนภาที่มืดมิดกลับไม่ยอมแม้จะให้เขาหลุดออกนอกขอบเขตสายตา
"ไปทำไม?" เสียงทรงอำนาจถามกลับ ไม่แม้ละสายตาออกจากกระดาษในมือด้วยซ้ำ
"ก็ฉันหายป่วยตั้งนานแล้ว..."
"แล้ว?"
"ฉันอยากกลับห้องนี่! อยากจะซ้อมดาบ อยากออกไปข้างนอก!" ร่างโปร่งว่าพลางหมุนตัวไปยังบานประตูซึ่งเป็นทางออกเดียวของห้อง
ยินเสียงถอนหายใจคล้ายเหนื่อยหน่ายมาจากร่างที่นั่งอยู่กลางห้อง ร่างสูงปล่อยเอกสารในมือทิ้ง "ฉันจำได้ว่าสั่งให้แกอยู่ในขอบเขตสายตาฉันตลอดนะไอ้สวะ..."
"ทำไมล่ะ? ทำไมต้องทำแบบนั้น?? ทั้งๆที่ทุกทีไม่ว่าฉันจะทำอะไรก็ไม่เคยเห็นแกจะสนใจเลยนี่...." ร่างบางลดสายตาลงมองพื้น
"เพราะตอนนี้แกเป็นของเล่นของฉัน...และแกไม่มีสิทธิ์ขัดคำสั่ง" คนพูดลุกขึ้นและสาวเท้าเข้าไปหาร่างที่ยินพิงอยู่กับประตู
ร่างบอบบางสะดุ้งตกใจเมื่อเห็นปลายเท้าของคนที่ก้าวเข้ามายืนจนชิด แต่กลับต้องตกใจยิ่งกว่าเมื่อมือใหญ่ข้างหนึ่งฟาดประตูไม้บานหนาจนเกิดเสียงดังสนั่น
"มองตาฉัน" เสียงสั่งเรียบ ดวงตาสีฟ้าจำต้องเบือนขึ้นอย่างไร้ทางเลือก ไม่ว่าจะผ่านมากี่ปีนัยน์ตาสีเลือดกร้าวแสงนั้นก็ยังคงดุดันและเปี่ยมด้วยอำนาจดังเดิม
...คงมีเพียงความสัมพันธ์ที่เปลี่ยนไป...
"นับจากที่แกสาบานกับฉันเมื่อ 8 ปีก่อน แกก็ตกเป็นสมบัติของฉันแล้วไอ้ฉลามหัวเน่า"
ริมฝีปากบางเม้มแน่น ...คำสาบานของเขา... จริงๆแล้วมันมีค่าแค่นั้นเองอย่างนั้นหรือ?...
แค่สิ่งที่จะมาตีตราตัวเขาว่าเป็นสิ่งของในครอบครอบของฝ่ายนั้น...
แววตาไหววูบ... แต่สควอโล่กลับเลือกที่จะฉาบเคลือบมันไว้ด้วยความเฉยชา
...แซนซัสจะเข้าใจได้อย่างไร ว่าคำสาบานนั้นมันมีความหมายกับเขามากเพียงไร...
เพียงการขยับร่างเล็กน้อยร่างสูงสง่าก็ขังร่างของฉลามคลั่งไว้ในอ้อมแขนได้อย่างง่ายดาย
"จำใส่กะโหลกเอาไว้ซะ...ว่านับจากวันนั้นจนตลอดกาล แกจะต้องเป็นของของฉันคนเดียวเท่านั้น"
อความารีนน้ำงามเบิกกว้าง
... 'ตลอดกาล' ?... 'ตลอดกาล' อย่างนั้นเหรอ?...
...เขาจะเป็นได้เพียงของเล่นที่ร่างสูงนึกจะทำอย่างไรก็ได้..อย่างนั้นเหรอ?
...แต่ว่า...
ริมฝีปากคมแนบจุมพิตหนักหน่วงสัมผัสที่ชวนให้สมองมึนชา ไม่อาจรับรู้ได้ด้วยซ้ำว่าตัวเองขยุ้มเสื้อเชิ้ตสีสะอาดนั้นเอาไว้แน่นเพียงไร
...ตัวเขาจะได้อยู่เคียงข้างนภาสีดำผืนนี้ไปจนตลอดกาลมั้ยนะ?...
เรียวลิ้นที่แทรกลึกฉุดกระชากสติจนห้วงความคิดแทบขาดช่วง เรียวขาสั่นระริกได้ท่อนขาที่แทรกเข้ากลางหว่างขนั้นช่วยพยุงไม่ให้ไถลลื่นลงไปเสียก่อน
...จะกอดเขาไว้เช่นนี้ พูดคุย... และจ้องมองเขาแบบนี้ไปจนตลอดกาลใช่รึเปล่า?...
แม้ริมฝีปากหนาจะคลายออกแล้ว แต่มือที่โอบรั้งเอวสอบเพรียวเข้าเบียดแนบนั้นกลับไม่ยอมผละออกไปด้วย
สควอโล่ปิดเปลือกตาของตนลง อาจเพราะห้วงอารมณ์ที่กระเจิงไม่เข้าที่ หรืออาจเพราะต้องการหลบซ่อนดวงตาหม่นเศร้าจากสายตาคมกริบ ใบหน้าระเรื่อแดงซบลงกับแผ่นอกแข็งแรง
ลึกลงไปแล้วตัวเขาไม่ได้ต้องการที่จะผละจากกายของนภสแห่งรัตติกาลนี้ เพียงแต่...
...เขารู้สึกหวาดกลัวจนคล้ายจะทำอะไรไม่ถูก...
หากสักวันคนๆนี้เกิดเบื่อเขา...
หากความรู้สึกที่อัดแน่นนี้มันระเบิดออก...
หากว่าความอบอุ่นที่ได้รับนี้มันสิ้นสุดลง... ตัวเขาจะทำเช่นไรได้?...
แต่ห้วงความคิดที่แสนขัดแย้งนั้นกลับทำให้เขาไม่อาจไปไหนรอด
...เขาอยากจะอยู่แบบนี้...
...อยากจะเฝ้ามองนภาที่เขาหลงใหลให้นานขึ้นแม้เสี้ยววินาที...
ดวงหน้างดงามรั้งขึ้นประทับจุมพิตผะแผ่วที่ริมฝีปากของคนตัวสูง ตามด้วยเสียงกระซิบ "อยู่แบบนี้ต่ออีกซักพักได้มั้ย?"
นัยน์ตาสีเลือดมองใบหน้าแดงซ่านที่ซุกลงกับอกของเขา รอยยิ้มจางๆปรากฏขึ้นที่มุมปาก ใบหน้าหล่อเหลาโน้มลงกระซิบแนบเรือนผมนุ่ม
"แกนี่มันเป็นของเล่นที่เรื่องมากจริงๆ"
"อ๊ะ!" เสียงอุทานหลุดจากปาก เมื่อร่างทั้งร่างถูกกระหวัดกอดเอาไว้แน่นจนปลายเท้าลอยไม่ติดพื้น
ราวกับแมวตัวหนึ่งที่พอโอบอุ้มเอาไว้ก็จะดิ้นรนและถอยห่าง แต่เมื่อทำเมินเฉยก็กลับเข้ามาอ้อนได้อย่างไม่น่าเชื่อ
...เมื่อไหร่กันที่เขารู้สึกว่าแมวสีเงินตัวนี้ช่างมีอิทธิพลกับความรู้สึกของเขามากมายเหลือเกิน...
-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*
เข้ามาเปลี่ยนวันที่เครี้ยกๆ
ความคิดเห็น