ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic KHR] XS l Under the Dark Sky

    ลำดับตอนที่ #4 : 4th night

    • อัปเดตล่าสุด 29 เม.ย. 53


    หมู่นี้เรามองออกไปนอกหน้าต่างบ่อยขึ้นรึเปล่านะ?...

    สควอโล่ทรุดตัวลงนั่งที่ขอบหน้าต่างในห้องนอนของตนลูกแก้วสีอความารีนทอดมองไปไกล

    ดวงตะวันลับขอบฟ้าแล้ว ม่านแห่งราตรีกาลกำลังคลี่ห่มทับแผ่นฟ้า ดวงดาราพราวระยับรายล้อมดวงจันทร์ที่ทอแสงอย่างอ่อนโยน

    ไร้เมฆหมอกบดบัง..นภาสีดำนั้นช่างดูอ่อนโยนจนน่าหลงใหล...

    ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ที่ดวงตาของเขาถูกดูดดึงโดยนภาผืนนี้ ถูกดูดดึงเข้าหาจนไม่อาจละสายตา... ไม่อาจเบือนหน้า... แม้หลับตาลงภาพของนภาอันมืดมิดก็ยังคงประทับฝังแน่น

    จนตัวเองชักไม่แน่ใจ ว่าตัวเขาหลงใหลภาพของนภาสีดำสนิทนี้ หรือหลงใหลคนที่เปรียบเสมือนนภาผืนนั้นกันแน่

    พอนึกถึงก็เหมือนเพิ่งรู้สึกตัว ...นี่เขาหลบหน้านายเหนือแห่งวาเรียมาได้เกือบครึ่งเดือนแล้วเหรอเนี่ย?...

    เหมือนเป็นเวลาอันแสนสั้น หากยาวนานราวกับชั่วชีวิต...

    รู้สึกว่านานกว่า 8 ปีที่เคยรอมาเสียอีก

    เพิ่งเคยลิ้มรสความรู้สึกแบบนี้เป็นครั้งแรก..

    การไม่ได้พูดคุยกันแค่ไม่กี่วันมันทรมานขนาดนี้เลยงั้นเหรอ?

    ริมฝีปากบางเม้มแน่นราวต้องการสะกดกลั้นอะไรบางอย่า

    หลายครั้งที่คิดจะเป็นฝ่ายขอโทษและเข้าไปพูดคุยด้วยก่อน แต่ก็กลัวว่าแซนซัสจะไม่ยอมยกโทษให้และไม่ยอมพูดตอบ

    อีกอย่างก็คือ...ทิฐิมันค้ำคอ... เมื่อเขาลั่นวาจาว่าจะไม่พูดกับแซนซัสไปแล้ว เขาก็จะไม่พูดด้วยอยู่แบบนี้แหละ...

    ถ้าแซนซัสไเป็นฝ่ายเข้าหาเขาก่อน เขาก็จะไม่พูด

    ยิ่งคิดก็ยิ่งพาลให้รู้สึกหงุดหงิดไม่พอใจ หมอนั่นคงคิดสินะว่าเขาจะต้องยอมลงให้ก่อนทุกอย่าง

    ไม่มีทางซะล่ะ ยังไง...คราวนี้เขาก็จะไม่ยอมลงให้เด็ดขาด

    แต่ตอนนี้เขาเองก็ไม่ได้หลบหน้านภาหนุ่มขนาดนั้นอีกแล้ว วันไหนถ้าพวกเบลมาตื๊อหนักๆเขาก็จะยอมลงไปร่วมโต๊ะอาหารด้วย

    และเวลาที่ทุกคนออกไปทำงาน เขาเองก็จะออกไปด้วย

    สรุปก็คือเขาแค่ไม่ยอมสบตาแล้วก็ไม่คุยด้วยเท่านนั้นเอง...

    แซนซัสเองก็ไม่ได้มีท่าทีสนใจเขาเลยซักนิด พอเข้าไปใกล้ก็เอาแต่ส่งสายตาไม่พอใจที่แฝงด้วยรอยเย็นชามาให้

    ร่างบางเปลี่ยนเป็นนั่งกอดเข่า มือข้างหนึ่งยกขึ้นค้ำใบหน้า นัยน์ตาปรือลงช้าๆ

    ................................................................................

    เจ้าของนัยน์ตาสีเลือดนั่งจิบเหล้าอยู่ในสวนของปราสาทอย่าเดียวดาย

    ดวจันทร์กลมโตสีเงินลอยเด่น

    ตัวเขาก็มีช่วงเวลาที่เป็นของตัวเอง เวลาที่ไม่ต้องแบกรับภาระใดๆไว้บนบ่า ไม่ต้องสนใจใคร เป็นเพียงคนธรรมดา...

    เพราะอย่างนั้นเขาถึงได้รักกลางคืน... รักช่วงเวลาที่เป็นของเขาเพียงผู้เดียว

    นัยน์ตามองขึ้นเบื้องบน ดวงจันทร์สีเงิน...สีที่ชวนให้นึกถึงใครบางคน

    คนที่หลบหน้าเขา...ไม่คุยกับเขามาครึ่งเดือน...

    "ชิ!"

    พอนึกถึงเรื่องนี้ทีไรเป็นต้องหงุดหงิดทุกที.. ไอ้สวะนั่นคิดยังไงถึงได้ไม่พูดกับเขา ไม่มองหน้า...ไม่สบตา...

    มือหนาหยิบของที่ยึดมาจากลิ้นชักของเหยื่อตั้งแต่วันที่ไปทำงานกับพิรุณสีเลือดขึ้นมอง

    อารมณ์โกรธพลุ่พล่าน.. เพราะของในมือและเหตุการณ์ในวันเดียวกัน

    ..ตอนที่เบลจูบสควอโล่...

    เขาไม่เข้าใจว่าทำไมตัวเองถึงได้รูสึกแบบนี้.. ทั้งๆที่มันไม่ได้เกี่ยวกับเขาเลยแม้แต่น้อย....

    แต่ทำไมเขาถึงรู้สึกโกรธที่มันยอมให้ใครก็ได้ที่ไม่ใช่เขาแตะต้อง

    นัยน์ตาสีชาดเลื่อนไปหยุดที่หน้าต่างห้องของใครบางคน แลเห็นร่างบอบบางกำลังนั่งกอดเข่าอิงศีรษะซบบานกระจก

    ...ไอ้ฉลามหัวเน่า...

    หลังจากสังเกตร่างนั้นอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็พบว่าร่างนั้นดูนิ่งกว่าปกติ

    ...หลับ?... ทำไมมันถึงไปนอนตรงนั้นได้ ไม่มีเตียงจะนอนรึไง?...

    ร่างสูงทรงกายขึ้น ก่อนสาวเท้าตรงไปยังห้องของคนที่นอนผิดที่ผิดทางอย่างรวดเร็ว

    ประตูบานหนาถูกเปิดออกอย่างเงียบเชียบ ร่างแกร่งย่างเท้าแผ่วเบาเข้าไปในห้องที่มีเพียงแสงจันทร์นวลสลัว

    ยิ่งเข้าไปใกล้ขึ้นเท่าไหร่เขาก็ยิ่งตระหนักได้ว่า ไม่ได้สบกับดวงหน้างดงามนี้ตรงๆมานานมากขนาดไหน

    ลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอ.. บอกให้รู้ว่าร่างตรงหน้ายังคงหลับลึก

    แม้แซนซัสจะยืนห่างออกไปไม่ถึงฟุต ร่างบางก็ยังคงไม่ตื่นขึ้น

    ...แกจะหลับได้สบายใจเกินไปแล้ว...

    แสนจันทร์อาบไล้เสี้ยวหน้าหวานล้ำ ขับเน้นผิวขาวละเอียดนั้นให้งามเด่น เส้นผมสีเงินเป็นเงาระยับ

    ท่อนแขนแข็งแรงยื่นออกช้อนร่างโปร่งบางของพิรุณสีเลือดขึ้นอุ้ม

    โดยไม่รู้สึกตัวคนที่ตกอยู่ในห้วงนิทราซุกใบหน้าเข้ากับอ้อมแขนแข็งแรง

    ความรู้สึกไม่คุ้นเคยแล่นไปทั่วร่าง ไม่ใช่อาการปวดแปลบเช่นทุกครั้ง หากเป็นความรู้สึกที่เรียกให้เขาจุดรอยยิ้มบางเบาที่มุมปาก

    นอนกับนางนำเรอมาก็มาก พบเจอผู้คนมาก็เยอะ แต่เขากลับไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับใครมาก่อน

    ร่างสูงวางคนในวงแขนลงบนเตียงนุ่ม แล้วหย่อนตัวลงนั่งบนพื้นที่ที่เหลืออยู่ช้าๆ

    มือแกร่งเกลี่ยกลุ่มผมสีเงินที่ละใบหน้านวลออกอย่างแผ่วเบา

    จู่ๆร่างแบบบางนั้นก็แนบใบหน้าเข้ากับมือของเขา ก่อนจะดึงร่างเข้าซุกกับท่อนขาแข็งแรง

    ริมฝีปากได้รูปยกยิ้ม ...ยิ้มที่เขาไม่เคยมอบให้ใครมาก่อน...

    ช่วงเวลานี้มันคืออะไรกันนะ?...

    "แกเป็นฉลามหรือแมวกันแน่น่ะ ไอ้สวะ.."

    นภาสีดำลูบศีรษะร่างโปร่งเบาๆ ...นึกอยากยืดช่วงเวลานี้ต่อไปอีกซักนิด แม้ว่ามันจะเป็นไปไม่ได้ก็ตาม...

    แม้จะหาคำตอบให้กับความรู้สึกนี้ไม่ได้ แต่ตัวเขาก็ไม่ได้รังเกียจมันหรอกนะ..

    มือเรียวกุมกางเกงเนื้อดีของร่างสูงอย่างเผลอไผล

    ใบหน้าคมสันของคนที่กำลังนั่งอยู่โน้มลงกระซิบแผ่ว "ถ้าคนที่อุ้มแกมานอนตรงนี้ไม่ใช่ฉัน...แกจะทำอย่างนี้รึเปล่า?"

    อาจเป็นเพราะเสียงกระซิบ หรือลมหายใจอุ่นที่รินรดผิวแก้ม เปลือกตาบางจึงค่อยปรือขึ้นเชื่องช้า น้ำเสียงหวานหูครางแผ่วเบาในลำคอคล้ายคนกำลังละเมอ

    "บอสเหรอ?.." คนขี้เซายังงัวเงียถาม ดวงตาปรือปรอยคล้ายตกอยู่ในห้วงฝัน

    "ถ้าอย่างนั้นนี่ก็เป็นฝันสินะ..ใช่มั้ย?..." ฉลามหนุ่มถามต่อ

    ร่างสูงโล่งอกขึ้นมาเมื่อรู้ว่าร่างบางเพียงแค่ละเมอ

    "อา" น้ำเสียงทุ้มต่ำขานรับ

    "นั่นสินะ...ถ้าเป็นความจริงบอสคงไม่คุยกับชั้นแบบนี้ คงไม่มองฉันแบบนี้หรอกเนอะ" ริมฝีปากบางคลี่ยิ้ม ...รอยยิ้มที่ดูบริสุทธิ์ไร้เดียงสายิ่งกว่าคราใด...

    ...แกนั่นแหละ ถ้าเป็นความจริงมีเหรอที่แกจะเข้าหาฉันแบบนี้...

    มือหนาขยับขึ้นบังดวงตาคู่งาม ก่อนโน้มตัวลงกระซิบ

    "ใช่แล้ว... นี่เป็นความฝันยังไงล่ะ.. ความฝันของแกกับฉัน..." ถ้อยกระซิบแผ่วเบา ราวต้องการให้ความหมายของมันลอยอวลอยู่ในบรรยากาศจางๆนี้ตลอดไป

    "อืม.." สควอโล่ครางรับในลำคอเบาๆ เพียงครู่เดียวก็เข้าสู่ห้วงนิทราไปอีกครั้ง

    ปลายนิ้วแข็งแรงแตะไล้ริมฝีปากนิ่ม

    ...ความรู้สึกในตอนนี้มันคืออะไรกันนะ...

    ริมฝีปากหนาแนบประทับกับกลีบปากสีระเรื่อ นุ่มนวลอย่างที่ไม่เคยทำกับใครมาก่อน

    ...จะผิดรึเปล่านะ ถ้าอยากจะขอฝันต่อไปแบบนี้...

    ................................................................................

    "อืม~" ร่างโปร่งบิดร่างไปมาบนเตียงอุ่นนุ่ม ก่อนจะตื่นขึ้นในที่สุด

    แขนเรียวดันกายขึ้นนั่ง "อ้าว? เอ๋?"

    ...เขามานอนตรงนี้ได้ยังไงกันเนี่ย? ก็เมื่อวานเขาเผลอหลับไปตรงหน้าต่างนี่นา...

    แล้วยัง...

    ใบหน้านวลขึ้นซับสีแดงระเรื่อ เมื่อหวนนึกถึงความฝันเมื่อคืน

    หรือว่าบอสจะเป็นคนพาเขามานอนที่เตียงจริงๆ

    "ฮะๆ คิดอะไรบ้าๆอีกแล้ว"

    ...มันจะเป็นไปได้ยังไงกัน...

    ...ไม่ว่าเมื่อไหร่ความฝันก็คือความฝัน ไม่มีวันกลายเป็นความจริงไปได้...

    ในความเป็นจริงแม้แต่หน้าเขา บอสยังไม่อยากมองเลยด้วยซ้ำ

    ริมฝีปากบางยิ้มขื่น

    ใช่แล้วล่ะบอสน่ะ.. แค่หน้าของเขาก็ไม่อยากเห็นแล้ว...

    จะเข้ามาอยู่ใกล้ๆ...

    จะมาพูดคุยกับเขา...

    จะมาสัมผัสเขาอย่างแผ่วเบาอ่อนโยนแบบนั้นได้ยังไง?...

    ...ความทรงจำนั้นก็เป็นเพียงความฝันที่ทำให้เขาไม่อยากตื่นขึ้นอีกเลยก็เท่านั้น...

    มือเรียวทาบลงบนแผ่นอกด้านซ้าย

    ...อะไรกัน?...ทำไมหัวใจถึงได้ปวดขนาดนี้?...

    ...ทำไมเขาถึงเป็นไปได้ถึงขนาดนี้กันนะ?...

    ในขณะที่กำลังตกอยู่ในภวังค์นั้นบานประตูก็ถูกเปิดผัวะเข้ามา ให้ร่างโปร่งสะดุ้งสุดตัว ก่อนที่อความารีนน้ำงามจะเบือนไปทางต้นเสียงรวดเร็ว ที่ตรงนั้นเบลกับมาม่อนยืนจ้องเขาด้วยสีหน้ากวนประสาทเหมือนเดิม

    เจ้าของห้องเหงื่อตก ...มัน 2 ตัวต้องไม่ได้มาดีแน่... มือเรียวดึงผ้าห่มขึ้นปิดร่างที่ยังอยู่ในชุดนอนทันที

    "วันนี้ฉันไม่ยอมหลงกลให้พวกแกถ่ายรูปได้หรอกเว้ย!! ฝันไปเหอะ!!!"

    "ไม่ต้องห่วงหรอกสควอโล่วันนี้ฉันมาดี" มาม่อนว่า

    "ฉันเชื่อแกตายล่ะว้อย!!!"

    "คิดดูสิถ้านายยอมให้ฉันถ่ายดีๆล่ะก็นอกจากภาพจะออกมาดีแล้ว ฉันกับนานยังไม่ต้องทะเลาะกันด้วย"

    "มันมีแต่แกได้ทั้งนั้นเลยนี่หว่า!"

    "ฉันให้ส่วนแบ่งนาย 20% ก็ได้" เด็กต้องสาปเสริม

    "ไสหัวไปไกลๆเลยโว้ยยยยยยยยยย!!" แผดเสียงลั่น

    "ชิ! ไม้อ่อนไม่ได้ผลงั้นเรอะ..งั้นเบลลุยเลย!" มาม่อนชี้นิ้ว

    "ไม่เอาอะเจ้าชายไม่ชอบให้คนชี้นิ้วสั่ง" เริ่มแตกคอกันเอง

    ...ดีมากเบล ถูกต้อง... ร่างโปร่งคิดในใจ แต่ยังไม่กล้าลุกจากเตียง เพราะกลัวจะเป็นแผนล่อให้เขาลุกออกจากที่

    "เฮ้ย!จะมาขึ้นค่าตัวอะไรเอาตอนนี้วะ!?"

    "ก็ท่าทางสควอโล่ไม่ยอมจริงๆนี่ เจ้าชายก็เหนื่อยแย่สิ"

    ...หา? ไหงเป็นงั้น?...

    "เชอะ..เขี้ยวขึ้นนะ ก็ได้! ชั้นให้ 10% ของราคาขาย"

    "โอเค ชิชิชิชิชิชิ" เบลพยักหน้าก่อนกระโจนเข้าใส่สควอโล่

    "หวา!!อย่านะว้อยยยยยย!" ร่างบางว้ากใส่ก่อนยกส้นเท้าขึ้นตอกหน้าคนที่พุ่งเข้ามา ให้ร่างนั้นร่วงฟุบลงกับเตียง

    เจ้าชายหนุ่มน้อยตะกายลุกขึ้นด้วยสภาพใกล้เคียงซอมบี้ ฉลามหนุ่มถอยกรูดจนติดหัวเตียง

    "เบล! แกติดโรคมาม่อนมาตั้งแต่เมื่อไหร่วะ!?"

    "ชิชิชิ เปล่าซักหน่อย เจ้าชายก็แค่อยากมาเล่นกับสควอโล่ต่างหาก" ซอมบี้ผมทองคืบคลานเข้าใกล้

    "ออกไป๊!!!!" ร่างบางแหกปากลั่น หลังกลิ้งหลบไปมาอยู่บนเตียงนานพอสมควร

    "ถ้าสควอโล่ไม่ยอมดีๆ เจ้าชายจะเอาจริงล่ะนะ ชิชิชิ" หนุ่มน้อยหัวเราะร่วน ก่อนจะจับร่างของพิรุณสีเลือดกดลงกับเตียง

    "บ..เบลแกจะทำอะไรน่ะ?..." คนที่อยู่ด้านล่างถามเสียงตะกุกตะกัก

    "ชิชิชิ กลัวเหรอ?"

    "จะบ้าเหรอวะ?!" ร่างโปร่งดิ้นรนผลักไส ...ทำไมไอ้เด็กนี่มันถึกนักวะ!!!...

    "ชิชิชิชิชิ" เจ้าชายนักฆ่าค่อยๆโน้มใบหน้าลง

    ใบหน้าขาวนวลซีดเผือด ...เขาชักกลัวขึ้นมาจริงๆแล้วนะ... "เบล!!!!!"

    "ชิชิชิ อย่าเสียงดังสิสควอโล่"

    ดวงหน้าเยาว์วัยนั้นเคลื่อนเข้าใกล้จนรู้สึกได้ถึงลมหายใจที่รินรดผิวแก้ม ดวงตาคู่สวยปิดแน่นก่อนจะเบือนใบหน้าหนี

    "ไม่ต้องกลัวหรอกนะสควอโล่ เจ้าชายก็แค่จะ..." ริมฝีปากของเจ้าชายหนุ่มน้อยกระซิบชิดใบหูนิ่ม จนร่างเบื้องใต้ขนลุกเกรียว ก่อนจะลงมือ...

    ...จักจี้...

    "จ..จะทำ.. หึ..ทำอะไรน่ะ?..ฮ่าๆๆๆๆ" สควอโล่หัวเราะอย่างบ้าคลั่ง พลางพยายามปัดไม้ปัดมือที่ซนไปทั่วร่างเขา

    เบลไม่ยอมตอบ แถมไม่ยอมหยุดมือ ร่างโปร่งหัวเราะจนหน้าแดงไปหมด เม็ดเหงื่อทั่วใบหน้าผุดพรายเพราะการหนีเมื่อครู่ เสื้อนอนตัวบางหลุดรุ่ยจากแรงดิ้น

    สควอโล่หอบหายใจอย่างหนักหลังถูกจักจี้อยู่นานหลายนาที

    เบลที่ได้แกล้งสควอโล่จนสะใจ ลุกขึ้นไปหามาม่อน "ได้กี่รูป?"

    เด็กต้องสาปกรีดปึกรูปในมือ "เยอะพอดูคงไม่ต้องบุกมาอีกนานเลย"

    ...ไม่ต้องมาอีกตลอดชาติเลยก็ดี!!!!... อยากตะโกนด่าเหลือเกินแต่เหนื่อยจนขยับปากไม่ออกแล้ว

    "ว้า..เสียดายจังอดเล่นกับสควอโล่เลยสิเนี่ย..."

    ...ใครเล่นกับแกฟะ!?...

    "นายก็มาเองงคนเดียวสิ ไม่เห็นจะยากตรงไหน"

    "จริงด้วยสิ ชิชิชิชิ"

    ยิ่งฟังให้ยิ่งรู้สึกเดือดขึ้นมา "ไสหัวไปได้แล้วว้อย!!" ร่างบางตะโกนอย่างเหลืออด ก่อนหิ้วคอเสื้อของคนที่กำลังคุยกันโยนออกไปนอกห้อง

    ...หมดอารมณ์กินข้าวเช้าไปโดยปริยาย...

    คนที่ถูกโยนออกมาทั้งสองเดินกันไปเรื่อยๆจนถึงห้องอาหาร ลุสซูเรียที่กำลังตักซุปอยู่จึงถามขึ้น

    "ไปไหนกันมาจ๊ะ? ตื่นกันตั้งนานแล้วนี่"

    "ไปหาเงิน"มาม่อนตอบเรียบ สั้น ง่าย ได้ใจความ แต่ทุกคนในห้องก็รู้ดีว่าคงไม่พ้นไปแอบถ่ายรูปแบล็คเมลใครอีกตามเคย

    บอสแห่งวาเรียนั่งจิบไวน์รอบเช้าเงียบๆ ไม่สนใจต่อเสียงเจี๊ยวจ๊าวรอบตัว

    "สควอโล่ล่ะจ๊ะ?"

    "ไม่กินล่ะ ชิชิชิชิชิชิ"

    ภายใต้สีหน้าเรียบเฉยนั้นทุกคนรู้ดีว่าแซนซัสกำลังสนใจเรื่องของสควอโล่

    ทุกคนเห็น ไม่ว่าสองคนนั้นจะพูดอะไรหรือไม่ และทุกคนก็รู้ดีว่าที่ระยะนี้แซนซัสอารมณ์เสียบ่อยมากขึ้น เป็นเพราะหงุดหงิดที่ถูกสควอโล่หลบหน้า

    ทุกคนจึงพยายามทำให้หัวหหน้าและรองหัวหน้าแห่งวาเรียได้พบหน้ากันมากขึ้น

    แม้ร่างบางจะมาร่วมโต๊ะอาหารบ้างเป็นบางวัน และพูดคุยกับทุกคนตามปกติ แต่ทุกคนก็สังเกตเห็นว่าฉลามหนุ่มไม่ยอมพูดกับเจ้าของร่างสูงหญ่ซักคำ

    ...ไม่หันไปมองหน้าด้วยซ้ำ...

    ถึงแซนซัสจะอารมณ์เสียแค่ไหนร่างบางก็ไม่สนใจ ...เหมือนไร้ตัวตน...

    ในทางกลับกันร่างสูงก็ปฏิบัติต่อร่างบอบบางเช่นนั้น

    ...ไม่พูดคุย...ไม่มองหน้า...เหมือนอีกฝ่ายไร้ตัวตน...

    ไม่มีใครรู้ว่าเป็นเพราะอะไร รู้เพียงแค่ว่าบรรยากาศแข็งกระด้างไม่น่าเข้าใกล้ที่รายล้อมหัวหน้าแห่งวาเรียมันมีมากขึ้นเรื่อยๆ

    แต่บรรยากาศในวันนี้มันต่างออกไป พวกเขารู้สึกว่าแซนซัสอารมณ์ดีกว่าทุกวัน

    "วันนี้มีอะไรดีๆเหรอบอส?" เบลถามขึ้น

    "เปล่า.." ...ไม่ใช่วันนี้ แต่เป็นเมื่อคืนต่างหาก...

    บทสนทนาที่ไม่มีใครต่อความหยุดลงแค่นั้น ทุกคนเริ่มทานอาหารกันอย่างเงียบๆ แต่ก่อนที่ทุกคนจะแยกย้ายกันไปทำหน้าที่ประจำวันนั้น เหตุการณ์หนึ่งก็เกิดขึ้นเสียก่อน

    อาจเป็นเพราะรูปที่ถ่ายมาวันนี้มีมากเกิน หรือถูกจิ้งจกทักก่อนก้าวออกจากห้องก็ไม่อาจทราบได้ รูปทั้งหลายจึงพากันร่วงออกจากกระเป๋าของหัวหน้าหน่วยสายหมอกอย่างรวดเร็วจนคว้าไม่ทัน และหนึ่งในนั้นก็ปลิวไปจนถึงปลายเท้าของบอสแห่งวาเรีย

    ร่างสูงก้มลงเก็บมันขึ้น เพียงพริบตาเดียวเท่านั้นดวงตาสีแดงชาดก็เจือด้วยกระแสอารมณืที่ต่างออกไปจากเดิมทันที

    กระดาษในมือนั้นเป็นภาพของร่างโปร่ง ซึ่งกำลังนอนหอบหายใจด้วยใบหน้าแดงระเรื่อ หยดเหงื่อเกาะพราว ในขณะที่เสื้อนอนนั้นหลุดรุ่ยจนแทบไม่อาจปิดบังอะไร

    "เมื่อกี้พวกแกสองคนไปทำอะไรมา?" น้ำเสียงทรงอำนาจเจือความคุกคามถามขึ้น

    ...เวรแล้วไง... ตัวต้นเรื่องทั้งสองหน้าซีดลงทันที

    "เปล่าซักหน่อยนี่บอส.." มาม่อนตอบเลี่ยงๆด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก

    "เบล...แกตอบมา.."

    คนถูกคาดคั้นกลืนน้ำลายแทบไม่ลงคอ "จ..เจ้าชายแค่ไปเล่นกับสควอโล่นิดเดียวเอง"

    ร่างสูงขบฟันแน่นอย่างหงุดหงิด "แกทำอะไรไอ้ฉลามหัวเน่านั่น?"

    ...แล้วทำไมตัวเขาต้องโมโหขนาดนี้...

    "แค่แกล้งเฉยๆ เจ้าชายไม่ได้ทำอะไรนะ" คำพูดเบาหวิวแทบไม่อาจออกจากปากเมื่อถูกดวงตาดุดันนั้นจับจ้องอย่างคาดเค้น

    "ชั้นขอสั่งไม่ให้แกไปยุ่งกับไอ้ฉลามสวะนั่นอีก" เสียงสั่งชัดเจน แต่เจ้าชายส่ายหัวรับ

    "ได้ไงกันอ้ะ! สควอโล่ไม่ใช่ของของบอสซักหน่อย" เบลประท้วงเสียงดัง

    คล้ายคำพูดนั้นแทงใจดำให้ร่างสูงใหญ่นิ่งงันไปเล็กน้อย ...ตัวเขาเองก็ไม่เข้าใจ...

    ...ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงได้หลุดปากสั่งออกไปเช่นนั้น...

    ...ไม่เข้าใจแม้แต่น้อยว่าทำไมเขาต้องหงุดหงิดขนาดนี้ ที่มีคนมาแตะต้องร่างของพิรุณใต้อาณัติ...

    "นับแต่มันสาบานกับฉันวันนั้น ชีวิตของไอ้สวะนั่นก็เป็นของฉันแล้ว"

    "ไม่รู้ล่ะ เจ้าชายอยากเล่นกับสควอโล่นี่ เจ้าชายชอบสควอโล่ เจ้าชายไม่ฟังหรอก ชิชิชิ"

    หลังเงียบกันไปพักหนึ่งเบลก็พูดต่อเหมือนนึกอะไรดีๆออก "เอางี้ดีกว่า มาดูกันว่าสควอโล่รักบอสมั้ย...ถ้าสควอโล่รักบอสเจ้าชายจะฟังบอสแล้วเลิกยุ่งกับสควอโล่ก็ได้"

    แซนซัสขมวดคิ้วมุ่น "มันเกี่ยวกันตรงไหน?"

    "ก็ถ้าสควอโล่ชอบบอส บอสก็มีสิทธิ์ห้ามเจ้าชายไม่ให้ไปยุ่งกับคนที่ชอบบอสใช่มั้ยล่ะ? แต่ถ้าสควอโล่บอกว่าไม่ชอบบอส เจ้าชายก็จะทำตามใจตัวเองล่ะ" พูดเองชงเองเสร็จสรรพ

    "แล้วแกจะทำยังไง?"

    -*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*

    จะทำยังไงดีน้อ~ จะทำยังไงดีหนอ~?

    บทที่ 5 NCครับ อีก...ไม่รู้สิครับเดี๋ยวอัพก็พเองแหละ555(//ไร้ความรับผิดชอบ!!!)

    เข้ามาเปลี่ยนวันที่เครี้ยกๆ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×