ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic KHR] XS l Under the Dark Sky

    ลำดับตอนที่ #3 : 3rd night

    • อัปเดตล่าสุด 29 เม.ย. 53


    ฉลามหนุ่มตื่นขึ้นมาเตรีมตัวแต่เช้าตามคำสั่งที่ไม่อาจขัดได้ เพราะฟุ้งซ่านถึงเรื่องไม่เป็นเรื่องจนนอนไม่หลับ ดวงหน้างดงามจึงหมองลงไป

    ร่างโปร่งสูดลมหายใจเพื่อระงับความตื่นเต้น

    ...ไม่ว่ายังไงเขาก็คงไม่ต้องออกไปทำงานสองต่อสองกับแซนซัสแน่ เพราะงานที่เจาะจงให้แซนซัสทำนั้น จะต้องเป็นงานที่สำคัญหรือไม่ก็ยากมากๆเท่านั้น ดังนั้นหากแซนซัสไม่ออกไปคนเดียว ก็จะต้องมีคำสั่งให้ไปด้วยกันหมด

    แม้จะคิดได้แบบนั้นแต่อะไรบางอย่างกลับรบกวนจิตใจเขาจนนอนไม่หลับตลอดทั้งคืน

    สควอโล่ตรวจความเรียบร้อยของตนเองอีกครั้ง ก่อนจะเดินออกจากห้อง ขาเรียวยาวก้าวตามทางเดินที่คุ้นเคยเพื่อไปยังโถงรวม แต่ยังไม่ทันได้จะก้าวลงจากบันไดดวงตาสีฟ้าก็เบิกกว้างขึ้น

    ที่จุดปลายสายตานั้นมีแค่เจ้าของร่างสูงสง่าเพียงคนเดียวเท่านั้น

    ..ทำไมถึงได้?...

    ด้วยความตกใจที่เรื่องไม่เป็นอย่างที่คาดหวัง ร่างโปร่งจึงเผลอทำให้เกิดเสียงดังโดยไม่รู้ตัว ใบหน้าคมสันของคนที่ยืนห่างไปไม่เท่าไรเบือนกลับมาทางต้นเสียง

    เพียงสบเข้ากับดวงตาสีแดงเลือดร่างกายก็สะดุ้งขึ้นน้อยๆ ก่อนที่เจ้าตัวจะพยายามสะกดมันให้นิ่งเฉยไว้ได้อีกครั้ง

    "ไปกันได้แล้ว" น้ำเสียงทรงอำนาจสั่งห้วนสั้นเหมือนเคย แล้วเดินนำออกไป

    สควอโล่เร่งออกเดินตามร่างด้านหน้าอย่างไม่มีทางเลือก ความคิดที่สับสนปนเปคล้ายจะตีกันอยู่ในสมองของเขา

    การเดินทางด้วยรถยนต์ที่ควรผ่านไปอย่างง่ายดายกลับไม่เป็นอย่างที่คิดไว้ เมื่อความอึดอัดนั้นค่อยๆโรยตัวลงมา แทบจะพร้อมกับเวลาที่รถเริ่มออกตัว

    ไม่มีการพูดคุยโต้ตอบหรือทำสิ่งใดๆทั้งสิ้น

    ...ทำไมมันถึงเป็นแบบนี้ไปได้นะ?...

    ทั้งๆที่ตัวเขาชอบการที่ได้อยู่ข้างๆบอสแบบนี้

    ชอบที่จะได้พูดคุย แม้สุดท้ายจะต้องลงเอยที่การทะเลาะกันก็ตาม

    แต่ตอนนี้...เวลานี้... ทำไมมันถึงได้อึดอัดเหลือเกินนะ...

    อความารีนน้ำงามลอบมองร่างที่เบือนใบหน้าออกไปนอกหน้าต่าง

    ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า การอยู่กับร่างสูงด้วยกันเพียงแค่สองคนนั้นมันจะเป็นเรื่องยากขนาดนี้

    ................................................................................

    ร่างสูงเท้าคางมองทิวทัศน์เบื้องนอกอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์นัก

    ความจริงแล้วงานนี้ก็เป็นเพียงแค่งานลอบฆ่าธรรมดา ไม่จำเป็นจะต้องลากไอ้สวะนี่มาด้วยก็ได้

    ...แต่ท่าทีที่ร่างบอบบางนั้นมีต่อเขา มันทำให้เขารู้สึกหงุดหงิด ไม่พอใจ...

    ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่มันตะโกนกร้าว แล้วส่งสายตาแบบนั้นใส่เขา

    ...สายตาที่ราวกับจะฉีกบางสิ่งที่อยู่ใต้แผ่นอกด้านซ้ายนี่ให้เป็นชิ้นๆ

    เรื่องที่เขาลดตัวลงไปออกปากเรียกมัน แต่มันกลับวิ่งหนีถึง 2 ครั้ง...

    เรื่องที่ริมฝีปากบางๆนั้นไม่ยอมขยับพูดคุยอะไรกับเขาเลยนับจากวันนั้น

    เขาจึงอยากขยี้ทิฐิบ้าๆของมันทิ้ง ถึงได้สั่งให้มันมาทำงานด้วยโดยไม่ได้บอกรายละเอียดของงาน

    อยากจะรู้นักว่ามันจะทนไม่พูดกับไปได้อีกนานเท่าไหร่

    แต่จนแล้วจนรอดมันก็ยังไม่ยอมพูด.. ไม่สิ...เรียกว่าไม่มองหน้าเลยจะถูกกว่า

    รถสีดำไร้ป้ายทะเบียนหยุดลงเมื่อถึงที่หมาย ทั้งสองคนก้าวลงจากรถ ก่อนร่างที่สูงกว่าจะเป็นฝ่ายเดินนำไปยังตรอกลับสายตาคนแห่งหนึ่ง และเริ่มอธิบายแผนงาน

    "คนที่เราจะต้องฆ่าวันนี้คือ ว่าที่รุ่นที่ 7 ของโคปัซโซแฟมมิลี่" มือหนายื่นรูปถ่ายพร้อมแปลนคฤหาสน์ของเป้าหมายให้อีกฝ่าย

    "ตอนนี้ไอ้สวะนั่นคงนั่งทำงานอยู่ที่ห้องทางปีกขวาของตึก" เขาพูดต่อไปพลางชี้จุดต่างๆ รวมถึงการวางเวรยามรอบๆคฤหาสน์

    "หน้าที่ของแกคือการดึงความสนใจของไอ้พวกลูกกระจ๊อกงี่เง่าพวกนั้นเอาไว้ แล้วอย่าโผล่หน้าให้มันรู้เข้าล่ะว่าแกเป็นใคร..."

    เมื่อแผนการทั้งหมดถูกอธิบายเสร็จสิ้นดวงหน้างามก็พยักหน้าลงเงียบๆ

    ทันทีที่นัดหมายทุกอย่างถูกกำหนดอย่างลงตัว ทั้งคู่ก็แยกย้ายกันออกทำตามแผนที่วางไว้

    ถึงจะพูดว่าให้ดึงความสนใจของคนทั้งหมด แต่จริงๆแล้วมันก็เป็นเรื่องง่ายนิดเดียว

    เนื่องจากเพิ่งเปลี่ยนผู้สืบทอดใหม่ และอยู่ในระหว่างการวางแผนขยายแฟมมิลี่ ทำให้การวางเวรยามรอบตึกไม่หนาแน่นเท่าที่ควร เพราะต้องดึงกำลังคนไปมาก ซ้ำที่หน้าห้องของเป้าหมายยังมีบอดี้การ์ดเพียงสองคน

    ร่างโปร่งเพียงแค่ลอบเข้าไปวางระเบิดที่บริเวณมุมอับสายตา ห่างจากห้องทำงานประมาณ 10 เมตร ทั้งสองฝั่งของห้อง จากนั้นจึงเดินออกไปทำเสียงโครมครามบริเวณด้านนอกของปีกขวาตึก

    เป็นที่แน่นอนว่าเวรยามที่อยู่แถวนั้นจะต้องรีบรุดมาดู เมื่อแน่ใจว่าคนเกือบทั้งหมดมารวมตัวกันที่จุดๆเดียว สควอโล่ก็ปาระเบิดควันลงไปกลางวงเพื่อก่อความวุ่นวายและปืดบังร่องรอยของตน

    ตามด้วการกดสวิตช์เพื่อให้รพเบิดลูกเล็กๆทั้งสองลูกระเบิดออก เป็นที่แน่นอนว่าเมื่อคนทั้งปีกขวาของตึกมารวมกันอยู่ต่อหน้าเขา เวรยามที่เฝ้าอยู่หน้าห้องเพียงสองคนจะต้องแยกย้ายกันออกไปอย่างช่วยไม่ได้

    ...โอกาสทองมาถึง...

    และแซนซัสจะไม่มีวันปล่อยมันไป..

    ร่างสูงอาศัยจังหวะชุลมุนกระโดดเข้าทางหน้าต่างห้องทำงานของเป้าหมาย ก่อนชักปืนเก็บเสียงออกมา

    แม้จะเรียกว่าคู่แข่ง แต่จริงๆแล้วคาปัซโซก็เป็นเพียงแก๊งขนาดกลางไม่น่าจับตามองมาโดยตลอด

    แต่ทว่าหลังจากที่รุ่นที่ 6 ของที่นี่เสียชีวิตลง รุ่นที่ 7 ที่เข้ามาแทนที่ก็ มีแผนที่จะขยายอาณาเขต ทำให้รุกล้ำเข้ามาในเขตของวองโกเล่

    และนั่นเองที่เป็นสาเหตุหลักของงานชิ้นนี้...

    หรือก็คือทั้งๆที่หัวหน้าแฟมมิลี่ไม่ได้มีฝีมืออะไรมากนัก แต่กลับมีนโยบายที่น่ารำคาญต่อแฟมมิลี่อื่น จนตอ้งมีการสั่งสอนกันบ้างก็เท่านั้น

    ลำกล้องปืนยกเล็งที่ศีรษะของเหยื่อที่กำลังตะเกียกตะกายดิ้นรนขอความช่วยเหลือ ด้วยใบหน้าซีดขาว ริมฝีปากได้รูปเผยรอยยิ้มเหี้ยมเกรียม เมื่อนึกถึงเหตุผลการตายที่แสนน่าสมเพช

    ...สวะจริงๆ...

    ปลายนิ้วที่ค้างอยู่ที่ไกรั้งเข้าหาตัวช้าๆ ลูกกระสุนพุ่งออกจากรังเพลิงเจาะทะลุกลางศีรษะ ร่างของเหยื่อล้มลงกับพื้น หมดสิ้นลมหายใจ..

    ร่างสูงถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย "ง่ายเกินไปแล้ว...งี่เง่าจริงๆ"

    เขาเดินวนไปรอบๆห้องของคนที่เพิ่งสิ้นลมหมาดๆ ดวงตาสีโกเมนมองไปรอบๆห้องที่ถูกจัดแต่งไว้เรียบๆ ...รสนิยมเห่ยชะมัด...

    มือหนาหยิบเอกสารที่วางบนโต๊ะขึ้นดูผ่านๆ

    ...มีแต่งานงี่เง่า...

    ลิ้นชักถูกเปิดออกทีละลิ้นชัก เพื่อค้นหาสิ่งที่อาจเป็นประโยชน์กับเขาในภายภาคหน้า แต่ก็ไม่พบอะไร

    หากในขณะที่กำลังจะก้าวออกจากห้องนั้น ดวงตาคู่คมกลับสะดุดเข้ากับอะไรบางอย่างในลิ้นชักสุดท้าย

    ...ไอ้ของพวกนี้มัน...

    ................................................................................

    งานที่ได้รับมอบหมายลุล่วงด้วยดีให้ร่างสูงรู้สึกปลอดโปร่งขึ้นเล็กน้อย

    ทั้งๆที่แซนซัสก็ควรจะรู้สึกผ่อนคลายขึ้นด้วย แต่ก็กลับไม่เป็นแบบนั้น

    การเดินทางขากลับกลายเป็นเรื่องที่น่าอึดอัดยิ่งกว่าขามาเสียอีก ร่างสูงกำลังโกรธ ...โกรธมากจนรู้สึกได้

    สายตาที่มองมายังเขานั้นดูน่ากลัวยิ่งกว่าทุกที...

    ราวกับว่านภาหนุ่มกำลังโกรธเขา..

    สควอโล่มุ่ยหน้าเสมองออกไปนอกหน้าต่างรถ ...เอะอะก็โกรธอีกแล้ว เขาพูดด้วยก็โกรธ เขาไม่พูดด้วยก็ไม่พอใจ แล้วมาตอนนี้ก็หงุดหงิดอะไรอีกแล้วก็ไม่รู้..

    ร่างบอบบางซุกตัวเข้าหาประตูรถ รู้สึกอยากอยู่ห่างจากร่างสูงให้มากขึ้นอีกแม้นิดเดียวก็ยังดี

    ...ถ้ารำคาญเขานัก จะให้เขามาทำงานงี่เง่านี่ด้วยทำไกัน...

    คิดว่าเขาไม่รู้หรือไงกัน งานแบบนี้บอสมาทำเองคนเดียวเสร็จจเร็วกว่าเขามาด้วเป็นไหนๆ...

    ทำไมล่ะ..ทำไมถึงไม่ยอมพูดอะไรบ้าง?...

    ก็รู้อยู่ว่าเขามันหัวทึบ เอาแต่เงียบแบบนี้เขาจะไปเข้าใจได้ยังไง...

    รถสีดำปลอดหยุดลงหน้าปราสาทวาเรีย

    ร่างสูงเดินนำเข้าไปในตัวปราสาท แผ่นหลังแข็งแกร่งเบื้องหน้าดูห่างไกลออกไปกว่าทุกที

    นัยน์ตาสีฟ้าหรี่ลง ใบหน้าสวยเบียนหนีภาพตรงหน้า

    ...แผ่นหลังนั้นช่างดูห่างไกลเกินกว่าที่เขาจะเอื้อมถึงได้

    ทั้งๆที่เคยได้ยืนเคียงข้าง แต่ตอนนี้...

    เพียงแค่เฝ้ามองแผ่นหลังนั้นยังราวกับเป็นเพียงแค่ภาพฝัน..

    หัใจปวดแปลบ...

    กับไอ้เรื่องงี่เง่าแค่นี้ ตัวเขาเป็นอะไรไปแล้วนะ...

    ร่างบางเดินตามร่างที่หายเข้าไปก่อนเงียบๆแต่จู่ๆร่างของเขากลับถูกอะไรบางอย่างพุ่งเข้าใส่อย่างแรง

    "สควอโล่กลับมาแล้ววล่ะ!! ชิชิชิชิชิชิ" การกระทำบวกกับเสียงหัวเราะอันเป็นเอกลักษณ์ทำให้เดาออกได้ทันทีว่าเจ้าของการกระทำนั้นเป็นใครแม้ไม่ได้มองก็ตาม

    "เบล! เมื่อไหร่แกจะเลิกกระโดดกอดฉันแบบนี้ซักทีวะ!!?" ร่างโปร่งแหวใส่ ห่างไปไม่ไกลมาม่อนกับลุซซูเรียกำลังพยายามชวนแซนซัสเล่นไพ่อย่างเอาเป็นเอาตาย และดูท่าจะสำเร็จซะด้วย

    "ก็เจ้าชายชอบกอดสควอโล่นี่ ชิชิชิ"

    ร่างบางผ่อนลมหายใจพลางบ่นพึมพำ

    "เอาน่า~ เราไปเล่นไพ่กันเหอะ" เจ้าชายเสริม

    "เจ้าชายอยากเล่นนโปเลียน เล่นอย่างอื่นมาม่อนกวาดเรียบอยู่คนเดียวเลยอะ"

    "พวกแกเล่นกันห่วยแตกเองต่างหาก" คนถูกพาดพิงว่า

    การเถียงกันดำเนินต่อไปอีกพักหนึ่งหากไม่มีสิ่งใดผ่านเข้าหัวสควอโล่ ร่างบางเบือนสายตาไปยังคนที่ถูกนำไปนั่งที่โต๊ะไพ่เรียบร้อยแล้ว แต่กลับสบเข้ากับดวงตาสีเลือดนั้นพอดี นัยน์ตาคู่สวยจึงเบือนหนีอย่างรวดเร็ว

    ริมฝีปากบางคลี่ยิ้มจางๆ "ไม่เอาดีกว่าเบล ฉันรู้สึกเหนื่อยๆ ขอไปพักดีกว่า"

    "ไม่เอาอ้ะ! ขนาดบอสยังยอมเล่นด้วยเลยนะ"

    "พวกแกก็ไปชวนเลวี่สิ ฉันอยากไปพักจริงๆ"

    "เห? สควอโล่ไม่สบายเหรอ,ชิชิชิชิ" นักฆ่าหนุ่มน้อยดึงใบหน้านวลหวานลงมาแนบหน้าผากกับเขาเพื่อวัดไข้

    "หวา! ทำบ้าอะไรของแกวะ?" ร่างโปร่งผละตัวออกอย่างตกใจ

    เบลยิ้มเจ้าเล่ห์ก่อนรั้งดวงหน้านั้นลงมาอีกครั้ง ก่อนประทับจุมพิตแผ่วเบาที่หน้าผากมนเนียน "หายไวๆนะ ชิชิชิชิชิ"

    สควอโล่หน้าแดงก่ำ เมื่อถูกจู่โจมโดยไม่ทันตั้งตัว บอกไม่ถูกว่าโกรธหรืออายกันแน่

    "เลิกเล่นเป็นเด็กๆซะทีโว้ยยยย!! ไม่เอาด้วยแล้ว! ฉันกลับห้องดีกว่า!!" ร่างบางพูดเสียงดัง แล้วหมุนตัวหนีแต่ยังไม่ทันที่จะก้าวขาไปไหน ความรู้สึกหนาวสันหลังก็พุ่งวาบ

    ดวงตาสีวารีเบือนไปยังต้นกำเนิดของความรู้สึกโดยสัญชาตญาณ

    ...บอส...

    นัยน์ตาสีเลือดวาวโรจน์ แม้ใบหน้าจะเรียบเฉยแต่ร่างบางก็รู้ดี ว่านภาที่มืดมิดนั้นกำลังโกรธเขาอยู่... ให้ดวงตาคู่สวยเสหลบอย่างช่วยไม่ได้

    ทำให้โกรธอีกแล้ว...

    ทำไม?... เขาทำอะไรผิดงั้นเหรอ?

    ร่างโปร่งกลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็น ก่อนกลั้นใจเดินผ่านทุกคน ผ่านร่างสูงสง่าไป... โดยไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่าดวงตาสีเลือดของใครบางคน มองตามแผ่นหลังบอบบางจนลับสายตาไป...

    -*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*

    เข้ามาเปลี่ยนวันที่เครี้ยกๆ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×