คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #15 : 14th night
กร๊ากๆๆๆ อัพช้าอีกแล้ว...เหตุผลเหมือนตอนที่แล้วครับ(//เลวจริงๆ)
----------------------------------------------
บทที่ 14
นภาหม่นครึ้ม หยาดพิรุณโปรยปราย
ท่ามกลางผังเมืองที่ถูกวางมาเป็นอย่างดีในเมืองศิลปะเช่นอิตาลีแห่งนี้ ตรอกที่ถูกลืมเลือนและได้กลายเป็นแหล่งซ่องสุมกลับยังคงมีให้เห็น
ร่างของชายคนหนึ่งนั่งพิงท่อน้ำเกรอะสนิมอยู่ในซอกตึก เสื้อที่เคยเป็นสีขาวมาบัดนี้กลับขมุกขมอมไปด้วยคราบสกปรก
ใบหน้าคมคร้ามเต็มไปด้วยรอยแผลและรอยฟกช้ำ ผมสีขี้เถ้ายุ่งเหยิงไม่เป็นทรง แม้จอยู่ในจุดที่ไม่โดนฝนแต่อากาศหนาวทารุณในต้นเดือนธันวาคมนั้นกลับเสียดแทงผิวราวกับเข็มนับพันเล่ม
ชายหนุ่มเลื่อนมือขึ้นกุมชายโครง ใบหน้าก็พลันเหนเกอย่างเจ็บปวด "ซี่โครงหักงั้นเหรอเนี่ย..." เปลือกตาหนาค่อยๆปิดลง
...หากตายลงตรงนี้ได้เลยก็คงจะดีไม่น้อย...
เสียงฝีเท้าของใครบางคนดังขึ้นในโสตประสาท ร่างสะบักสะบอมถอนหายใจ ...เจ้าพวกนั้นตามมาทันจนได้สินะ...
"โว้ย!! นี่มันบ้าอะไรกันวะ?!!" เสียงตะโกนที่ไม่คุ้นหูดังขึ้นเหนือศีรษะ ให้เขาค่อยเบือนใบหน้าขึ้นมอง
...สวย...
คำๆแรกที่ผ่านเข้ามาในสมอง เมื่อภาพที่ติดตรึงในนัยน์ตาสีเมทัลลิกคือ ภาพของเรือนผมสีเงินระยับที่ราวกับจะส่องประกายอยู่ในตรอกที่มืดทึบแห่งนี้ เสี้ยวหน้าหวานที่แฝงแววหงุดหงิดนั้น ช่างหวานล้ำอย่างไม่อาจลืมเลือนในสายตาของเขา
ร่างบอบบางในชุดสีดำสนิทผินกายมาทางเขา สิ่งที่ได้รับรู้ในวินาทีถัดมานั้นทำให้เขาต้องเบิกตากว้าง ไม่ใช่เพราะชุดสีดำที่ตัดกับผิวสีขาวผุดผาด ไม่ใช่เพราะตราสัญลักษณ์แห่งนักฆ่าอันลือชื่อบนอกเสื้อและข้างเอว ไม่ใช่เพราะมือกล หากเป็นเพราะ...
"ผู้ชาย?.." เสียงอุทานหวิวหลุดลอดจากลำคออย่างเผอเรอ
"อ้าว? มีคนอยู่ตรงนี้ด้วยเหรอเนี่ย?" ร่างบางกล่าวงุนงง ก่อนย่อตัวลงนั่งยองๆเพื่อให้สายตาอยู่ในระดับเดียวกับคนที่นั่งพิงท่อเกรอะสนิม ดวงตาสีฟ้ามองสภาพคนตรงหน้าอย่างพิจารณา "โหย..สะบักสะบอมสุดๆเลยนะนายน่ะ"
...ยิ่งได้มองใกล้ๆก็ยิ่งรู้สึกว่าช่างเป็นคนที่สวยเหลือเกิน...
ไม่ทันหมดห้วงความคิด คนคนนั้นก็ทิ้งตัวลงนั่งด้านข้างของเขา "ไหนๆก็ติดฝนเหมือนกันแล้ว.. อย่าทำหน้าซีเรียสไปเลยดีกว่านะ"
...แล้วคนที่สบถด่าฝนเมื่อครู่เป็นใครกัน?...
"จะว่าไปทำไมนายถึงมานั่งอยู่ตรงนี้ล่ะ?" สควอโล่เปิดประเด็น
ดวงตาสีขี้เถ้าพินิจร่างข้างๆเลกน้อย ก่อนเอ่ยเสียงแผ่ว "ถูกคนทวงหนี้รุมกระทืบเลยหนีมา..."
"อืม.. ลำบากจังเลยนะ"
ไม่มีประโยคอื่นใดต่อจากนั้น จะมีก็เพียงความเงียบงันของทั้งสองฝ่าย ผ่านไปไม่นานร่างสะบักสะบอมนั้นก็เป็นฝ่ายเริ่มคุยบ้าง "คุณคิดว่าการตายกับการมีชีวิตอยู่อันไหนยากกว่ากันครับ?"
อความารีนน้ำงามเบือนหาต้นเสียงด้วยความกังขา "ไม่รู้สิ...มันก็ยากทั้งสองอย่าง..ล่ะมั้ง?"
...ตัวเขาไม่เคยได้ยินคำตอบเช่นนี้มาก่อน...
"การมีชีวิตอยู่น่ะ มันก็ยากอยู่แล้วใช่มั้ยล่ะ..ไหนจะต้องดิ้นรน ไหนจะต้องหากิน.."
"ถ้าอย่างนั้นแล้ว..ทำไมการตายถึงยากล่ะครับ?"
สควอโล่ทอดสายตาคล้ายมองออกไปไกล "เพราะมันต้องละทิ้งไงล่ะ..."
"ละทิ้ง?.." ชายหนุ่มทวนคำ
"อืม...ฉันว่าการตัดใจจากทุกสิ่งก่อนจะตาย มันยากจะตาย... ทั้งคนที่ผูกพันธ์ ทั้งภาระที่คนอื่นจะต้องมารับผิดชอบต่อ..." เสียงที่เอ่ยเรียบเรื่อยนั้นทำให้คนฟังนิ่งไปได้
"คุณคิดแบบนั้นเหรอครับ..."
สควอโล่หรุบเปลือกตา แล้วแย้มรอยยิ้มบาง "แต่จะว่าไปฉันไม่ค่อยจะเข้าใจเรื่องพรรณนั้นนักหรอก..." ฉลามคลั่งเว้นช่วง ดวงตาคู่สวยคล้ายเหม่อลอยไปไกลแต่ก็กลับดูมุ่งมั่นและหยิ่งทรนงเป็นที่สุด ก่อนกลีบปากได้รูปจะขยับเอ่ยถ้อยคำหนักแน่น
"...เพราะฉันจะไม่ยอมตายแน่นอน..."
แม้ประโยคนั้นจะดูกึ่งเล่นกึ่งจริง แม้จะเป็นเพียงลมปากแผ่วหวิวที่เลือนหายไปอย่างรวดเร็ว หากคนที่นิ่งฟังอยู่กลับรู้สึกว่ามันตอบคำถามที่เขาต้องการจะรู้ได้อย่างประหลาด หากเมื่อเขาขยับจะพูดกับคนที่นั่งอยู่ด้านข้างเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น
Trrrrrr...Trrrrrr....
สควอโล่เลื่อนมือไปหยิบโทรศัพท์ของตนขึ้น ก่อนรอยยิ้มจางๆจะระบายลงบนใบหน้า "บอสเหรอ? โทษทีติดฝนน่ะเลยไม่ได้ไปที่จุดนัด อา... ตอนนี้อยู่ที่..." หลังบอกจุดที่ตนอยู่ให้กับบุคคลในสายแล้ว ร่างโปร่งก็ลุกขึ้นยืน
"เอาล่ะ ฉันคงจะต้องกลับแล้วล่ะ" คงจะเป็นอย่างที่เจ้าตัวว่าเพราะเพียงอึดใจเดียวรถสีดำไร้ป้ายทะเบียนก็หยุดลงตรงข้ามตรอกที่พวกเขาอยู่
ดวงตาสีเมทัลลิกนั้นตวัดตามร่างในชุดสีดำสนิท "เดี๋ยวก่อนครับ!! ผมยังไม่ทราบชื่อคุณเลย!" แม้การตะโกนจะไม่ดีกับอากการที่เป็นอยู่ตอนนี้ แต่เขากลับไม่อยากปล่อยให้โอกาสนี้เสียไป
เจ้าของใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มที่เบือนกลับมาประกาศชื่อของตนด้วยเสียงที่สะท้อนก้องไปมาในโสตประสาทของคนฟัง "ฉันชื่อ สเปลบี สควอโล่ จำเอาไว้ซะด้วยล่ะ!!"
"อ๊ะ!ครับ! ผมชื่อคาร์ลอสโซครับ คาร์ลอสโซ เดอ ปิแยร์"
................................................................................
แสงแดดสว่างจ้าจนแสบตา สควอโล่ยกมือขึ้นบังไอความร้อนที่ที่ตกกระทบตัวเขาแม้มันจะไม่ช่วยเลยก็ตาม "ร้อนชะมัดเลยว้อย!!"
ร่างโปร่งเร่งสาวขาเพื่อหาที่หลบแดด แต่ก็คงเป็นเพราะรีบเกินไปจึงชนเข้ากับคนที่เดินสวนมาเข้าเต็มๆ
"อูย...โทษทีกำลังรีบน่ะ"
"ไม่เป็นไรครับผมก็...เอ๋? ..คุณสควอโล่?"
ใบหน้าใสเบือนขึ้นตามเสียงเรียก ก่อนที่ดวงตาสีฟ้าจะเบิกขึ้นเล็กน้อย "นาย...คาร์ลอสโซ?..."
ชายหนุ่มหัวเราะเบาๆ "เป็นเกียรติจริงๆครับที่คุณจำชื่อได้"
"นี่กำลังจะไปไหนอย่างนั้นเหรอครับ?"
"มันร้อนน่ะว่าจะไปหาที่นั่งกินหลบแดด"
ริมฝีปากหยักได้รูปยกยิ้มอ่อนโยน "ผมพอจะรู้จักร้านดีแถวนี้อยู่ร้านนึง... ถ้ายังไงเราไปด้วยกันมั้ยครับ?"
"แต่ท่านประธานครับ จากนี้ท่านมีประชุม" เลขาส่วนตัวซึ่งยืนเยื้องหลังไปเล็กน้อยเอ่ยด้วยเสียงละล่ำละลัก หากท่านประธานคนนั้นกับตอบออกไปง่ายเหลือเกิน
"...ก็แคนเซิลไปให้หมดนั่นล่ะ"
"เฮ้! ถ้ามีงานก็ไปทำสิวะ!" สควอโล่พูดขึ้นอย่างตกใจ แต่อีกฝ่ายกลับปฏิเสธสบายๆว่ามันไม่ใช่งานที่มีความสำคัญอะไร
"การที่ได้พบกับคุณโดยบังเอิญเช่นนี้ ยังสำคัญกว่าเป็นไหนๆ"
"หา?.."
"ฮะๆๆ ไปทานอาหารกันเถอะครับ"
ร้านที่คาร์สอสโซพามาเป็นร้านอาหารฝรั่งเศสหรูเลิศแบบที่สควอโล่ไม่ค่อยจะได้เข้านัก เพราะต้องจองล่วงหน้าเป็นเดือนๆ แต่ชายหนุ่มกลับเดินเข้าไปในร้านได้อย่างสบายๆ
อความารีนน้ำงามมองไปรอบๆอย่างสนอกสนใจ ให้ร่างที่เดินนำเข้ามาหัวเราะน้อยๆก่อนโน้มใบหน้าลงกระซิบที่ริมหูนิ่ม "ความจริงแล้วนี่เป็นร้านของผมเองล่ะครับ"
...ถึงว่าดูสบายๆดีจริงๆ... "งั้นก็กินฟรีน่ะสิ?"
ชายหนุ่มหัวเราะคิก "ผมเป็นคนชวนมาทั้งที ไม่ปล่อยให้คุณจ่ายแน่นอนครับ"
ดวงตาสีเทาจับจ้องรองหัวหน้ากลุ่มวาเรียที่นั่งอยู่ด้านตรงข้ามของโต๊ะอาหาร ในขณะที่กำลังรออาหารที่สั่งไป
...น่าอัศจรรย์นักที่ร่างผอมบางนี้เป็นถึงเทพดาบรุ่นที่ 2...
...น่าอัศจรรย์นักที่คนคนนี้เป็นถึงรองหัวหน้ากลุ่มนักฆ่าอันลือชื่อ...
แต่ที่น่าแปลกที่สุดก็คือคนที่ดูไม่อาจเอื้อมแบบนั้นกำลังนั่งรออาหารอยู่กับเขา...
"มองอไรวะ?" คนที่ถูกจ้องนานเข้าถามขึ้น
"ผมกำลังคิดว่าคุณดูสวยกสฃว่าเมื่อตอนที่พบกันในงานวันเกิดคุณแซนซัสเสียอีกน่ะครับ"
"ใครเค้าชมผู้ชายว่าสวยกันบ้างเล่า?!!" สควอโล่หน้าแดงอย่างเขินอาย เขาไม่ได้รู้สึกโกรธ เพราะน้ำเสียงที่คาร์ลอสโซใช้นั้นฟังแล้วชวนให้รู้สึกว่ามาจากใจจริง อีกทั้งยังไม่มีน้ำเสียงแทะโลม
"อืม... แต่ว่าถ้าสวยก็ต้องบอกว่าสวยนี่นาครับ"
"..." สควอโล่เถียงไม่ออก พอดีกับที่อาหารมาถึงพอดีเขาจึงรอดตัวไป
หลังเมนคอร์สจบลงคาร์ลอสโซก็เปิดบทสนทนาขึ้นอีกครั้ง "คุณบอกรักผู้ชายคนนั้นไปรึยังครับ?"
ถามตรงเสียจนร่างโปร่งสำลักอากาศ "ก็บอกว่าไม่ได้รักไงล่ะ!!"
"เห? แล้วที่คุณดูอารมณ์ดีขนาดนี้นี่ไม่ได้เป็นเพราะเขาเหรอครับ?"
"ฉันก็เป็นแบบนี้ของฉันอยู่แล้วต่างหาก!"
คาร์ลอสมองใบหน้าที่ขึ้นริ้วสีแดงจางๆก่อนยกยิ้มอ่อนโยน
"ยิ้มอะไร?" สควอโล่สวนด้วยใบหน้าไม่พอใจ
"เปล่าหรอกครับ... บางทีผมอาจจะกำลังดีใจก็ได้ล่ะมั้งครับ?"
"ดีใจ?"
"ในเมื่อคุณยืนยันหนักแน่นขนาดนี้ว่าไม่ได้รักคนคนนั้นแล้ว คราวนี้ผมจะได้รุกเข้าหาคุณอย่างสบายใจซักทีไงครับ" ดวงตาทรงเสน่ห์นั้นจ้องลึกลงไปในดวงตาสีฟ้าใส
สควอโล่ไม่ได้หลบสายตาแต่จ้องตอบตรงๆ "ถึงฉันจะบอกว่าไม่ได้รักแซนซัส แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าฉันจะรักนายหรอกนะ"
"ไม่เป็นไรหรอกครับ... อย่างน้อยก็ขอให้ผมได้พยายามก่อนที่จะตัดใจก็พอแล้วครับ" ร่างที่อยู่ในชุดสูทสามชิ้นกุมมือเรียวขึ้นจุมพิต
เจ้าของมือมุ่ยหน้าก่อนชักมือกลับ "นี่มันที่สาธารณะนะ"
"ฮะๆๆ ผมล่ะอิจฉานภาผืนนั้นจริงๆ"
"อะไรอีกวะเนี่ย? พูดอะไรให้เข้าใจง่ายๆหน่อยเป็นรึเปล่า?"
"ยังไม่เข้าใจอีกเหรอครับ...ว่าผมกำลังอิจฉาคนที่ได้ครอบครองตัวคุณเอาไว้โดยไม่ต้องพยายามเลยแม้แต่น้อย..."
ใบหน้านวลขึ้นสีจัด "ครอบครองบ้าอะไรของนาย!!"
คาร์ลอสโซอมยิ้ม "หรือผมควรจะบอกว่าอิจฉา คนที่ฝากรอยประทับที่เด่นชัดขนาดนี้ไว้บนร่างกายคุณได้กันล่ะครับ?" มือใหญ่เอื้อมออกไปสัมผัสรอยแดงที่อยู่บนลำคอขาวนวล ผ่านม่านผมสีเงินนุ่ม
มือเรียวยกขึ้นมาปิดตรงจุดนั้นทันที เรียกเสียงหัวเราะน้อยๆจากชายหนุ่ม "มันไม่หายไปหรอกนะครับ"
"เงียบเว้ย!!" ร่างบางว่าเสียงดัง มือดึงปกเสื้อขึ้นปิดอ้อมมาด้านหน้า
"ต่อจากนี้คุณจะไปไหนรึเปล่าครับ?" ร่างสูงว่าพลางยื่นเครดิตการ์ดให้กับพนักงาน
คนถูกถามมองดูนาฬิกาก่อนมองออกไปด้านนอกหน้าต่าง ซึ่งแดดได้ราแสงลงมากแล้ว "ก็คงจะกลับเลยล่ะมั้ง..."
"กลับยังไงครับ?"
ร่างบางนิ่งคิด เนื่องจากจากเมื่อเช้าเขาเกิดขี้เกียจขับรถจึงบอกให้ลูกน้องมาส่ง แต่ก็เพราะว่าไม่รู้ว่างานจะเสร็จเมื่อไหร่เขาจึงบอกคนที่ขับรถพาเขามาให้กลับไปก่อน "คงเรียกรถแถวๆนี้เอาล่ะมั้ง?"
"ถ้าอย่างนั้นผมขอไปส่งคุณได้รึเปล่าครับ?"
"อย่าเลยลำบากเปล่าๆ" สควอโล่เอ่ยปฏิเสธ
"ไม่ลำบากเลยครับ ขอให้ผมได้รับเกียรติไปส่งคุณด้วยเถอะครับ"
ฉลามหนุ่มค่อยๆลุกขึ้นยืนตามคำชวนของคนตรงหน้า "เอางั้นก็ได้"
ระหว่างการเดินทางทั้งสองคนสนทนาเรื่องสัพเพเหระกันไปเรื่อยเปื่อย ที่ไม่ได้ไปก้าวก่ายถึงงานและชีวิตส่วนตัวของกันและกัน
คาร์ลอสโซเป็นคนที่มีเสน่ห์ ไม่หยาบโลน หากถ้อยคำที่ยิงมาตรงๆบางครั้งก็ทำให้คนฟังถึงกับสะอึกได้เช่นกัน แต่เจ้าตัวกับนิยามนิสัยของตนเองได้อย่างสบายๆ
"คงเป็นนิสัยพื้นฐานของนักธุรกิจน่ะครับ..."
สำหรับสควอโล่แล้วคาร์ลอสโซเป็นคนแบบที่เขาไม่เคยพบมาก่อน ด้วยรอบกายเขาไม่มีคนที่ให้เกียรติกับทุกคนด้วยความจริงใจเช่นนี้
ไม่ได้มีคนที่เห็นตัวเขาเป็นสิ่งล้ำค่ามากขนาดนี้...
...และสควอโล่เองก็ไม่ได้รังเกียจสิ่งเหล่านั้นเลยแม้แต่น้อย...
ปอร์เชคันงามหยุดลงนอกเขตปราสาท เพราะร่างบางเกรงว่าหากไปส่งถึงด้านในแล้วจะมีปัญหาตามมาได้
"น่าเสียดายจังเลยนะครับที่ต้องจากกันแล้ว..." เจ้าของรถพูดขึ้น
"เสียดายทำไม? นายก็เอาเบอร์โทรศัพท์มาสิ" ร่างโปร่งเอ่ยง่ายก่อนคว้ามือถือสีเงินที่พกอยู่ขึ้นมา
เจ้าของเรือนผมสีขี้เถ้าตามสถานการณ์ไม่ทันจึงได้แต่ทำหน้างง
"ก็เอาไว้ติดต่อกันไง! ...แต่ถ้าไม่อยากให้ก็ไม่เป็นไรนะ"
"ไม่...ไม่ใช่แบบนั้นครับ แต่มันจะดีเหรอครับที่ให้เบอร์โทรศัพท์กับคนที่เพิ่งเคยเจอกันแค่ไม่กี่ครั้งแบบผม..."
ใบหน้าหวานมุ่ยลงเล็กน้อย "ชีวิตฉัน ฉันตัดสินใจเองได้น่ะ"
ชายหนุ่มยิ้มบางๆกับคำพูดนั้น จากนั้นจึงคว้านามบัตรของตนขึ้นเพื่อเขียนเบอร์โทรศัพท์ลงไป ก่อนส่งมันให้กับร่างบาง "ติดต่อได้ตลอด 24 ชั่วโมงเลยนะครับ"
ดวงตาสีฟ้าใสไล่สายตาไปบนกระดาษแผ่นจิ๋ว ...Carloso de Pierre...
...ชื่อคุ้นๆยังไงไม่รู้แฮะ แต่ช่างมันเหอะ...
นิ้วเรียวพรมลงบนแป้นพิมพ์เพื่อบันทึกเบอร์โทรศัพท์ที่ได้มา ก่อนเก็บนามบัตรลงกระเป๋าเสื้อ พักหนึ่งคนที่นั่งอยู่ด้านข้างก็รู้สึกได้ถึงแรงสั่นจากกระเป๋าเสื้อ
"นั่นเบอร์ของฉัน... ไปล่ะ ขอบใจที่มาส่ง" โดยไม่รอคำลาร่างบางก็ลงจากรถไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้คนมาส่งนั่งยิ้มอยู่เงียบๆเพียงคนเดียว
................................................................................
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นเบาๆขณะที่เจ้าตัวกำลังเดินผ่านโรงจอดรถ สควอโล่คว้าโทรศัพท์ขึ้นมอง
...BOSS...
...มีอะไรกันนะ?..., "ฮัลโหล"
"แกอยู่ที่ไหน?" เสียงทรงอำนาจดังสวนมา แต่เสียงนั้นกลับมีคลื่นรบกวนเต็มไปหมดซ้ำยังก้องจนแทบฟังไม่รู้เรื่อง
...หรือว่าจะอยู่แถวนี้?... เรียวคิ้วย่นเข้าหากัน ก่อนที่ฉลามคลั่งจะหันไปมองโรงจอดรถ จากนั้นจึงตัดสินใจเดินเข้าไป ภาพที่ปรากฏสู่สายตามันทำให้ร่างบางยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว
คนที่อยู่ในสายโทรศัพท์กำลังยืนพิงรถคันโปรด โดยหันหลังให้กับเขา จริงอยู่ที่มือด้านหนึ่งของร่างสูงจะกำลังถือโทรศัพท์ หากแสงสีเงินที่สะท้อนออกมาจากมืออีกข้างนั้นก็ทำให้รู้ได้ไม่ยาก ว่าคนคนนั้นกำลังถือกุญแจเอาไว้
"หันหลังมาสิ" คงจะเป็นเพราะเสียงที่ดังขึ้นแทบจะพร้อมกัน ทั้งจากโทรศัพท์และทางด้านหลัง นภาหนุ่มจึงหันกลับมาทันที
"กำลังจะไปรับเหรอ?" ร่างบางถามพลางก้าวเข้าหา
"เหอะ... เพราะไอ้พวกกระเทยสวะนั่นมาเซ้าซี้น่ารำคาญหรอก" ร่างสูงกล่าวก่อนเดินนำออกจากโรงรถ ทิ้งให้อีกคนต้องวิ่งตามมา
...ไม่ได้ปปฏิเสธ แปลว่าจะไปรับจริงๆด้วย...
เขารู้สึกว่าไม่อาจหุบรอยยิ้มนี้ลงได้เสียแล้ว "รอด้วยสิบอส!" แม้จะไม่ยอมหยุด การก้าวขาของนภาแห่งรัตติกาลก็ช้าลงมาก
ในตอนที่คิดว่าสามารถไล่ตาม ร่างของพิรุณก็หลุดเข้าไปอยู่ในวงแขนแข็งแรงของนภาโดยไม่รู้ตัว
"เอาค่าที่ทำให้ฉันต้องเดินออกมาเปล่าๆมาซะ"
เพียงได้สบตา ตัวเขาก็หลงใหลโกเมนน้ำเอกนั้นเสียแล้ว
หลงใหลจนถอนตัวไม่ขึ้น...
ตัวเขากำลังมีความสุขกับปัจจุบัย จนไม่ทันตระหนักถึงอนาคตจที่อาจจะเลวร้ายลงนับจากวันนี้เลยแม้แต่น้อย
-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*
เยๆ ในที่สุดก็จบไปอีกหนึ่งตอน..หลังจากนั่งปั่นเควสชาวบ้านงกๆ ในที่สุดอีเซย์ก็ทนไม่ไหวหนีมาปั่นงานให้ตัวเองจนได้TTATT
ในอิมเมจผมถามว่าคาร์ลอสโซเป็นคนยังไงผมก็อยากให้เป็นคนที่พร้อมจะเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังส้นเท้า(??)อยู่ตลอดเวลาน่ะครับ แต่ในเวลาเดียวกันก็ต้องดูมีเสน่ห์ด้วย
แต่ปัญหายิ่งใหญ่ของข้าพเจ้า!!! คิดได้แต่วาดไม่เป็นสิครับพี่น้อง จะขอคนอื่นวาดให้ก็ไม่กล้า...ดังนั้นทนๆมองไปก่อนแล้วกันนะครับTTATT
ไปล่ะครับชิ่งๆๆ (//อุจาดตาอย่างไรไม่เข้าตาอย่างไรติชมได้นะครับ รูปนี้มันชั่ววูบ)
เข้ามาเปลี่ยนวันที่เครี้ยกๆ
ความคิดเห็น