ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic KHR] XS l Under the Dark Sky

    ลำดับตอนที่ #15 : 14th night

    • อัปเดตล่าสุด 29 เม.ย. 53



    กร๊ากๆๆๆ อัพช้าอีกแล้ว...เหตุผลเหมือนตอนที่แล้วครับ(//เลวจริงๆ) 
    ----------------------------------------------
    บทที่ 14

    นภาหม่นครึ้ม หยาดพิรุณโปรยปราย

    ท่ามกลางผังเมืองที่ถูกวางมาเป็นอย่างดีในเมืองศิลปะเช่นอิตาลีแห่งนี้ ตรอกที่ถูกลืมเลือนและได้กลายเป็นแหล่งซ่องสุมกลับยังคงมีให้เห็น

    ร่างของชายคนหนึ่งนั่งพิงท่อน้ำเกรอะสนิมอยู่ในซอกตึก เสื้อที่เคยเป็นสีขาวมาบัดนี้กลับขมุกขมอมไปด้วยคราบสกปรก

    ใบหน้าคมคร้ามเต็มไปด้วยรอยแผลและรอยฟกช้ำ ผมสีขี้เถ้ายุ่งเหยิงไม่เป็นทรง แม้จอยู่ในจุดที่ไม่โดนฝนแต่อากาศหนาวทารุณในต้นเดือนธันวาคมนั้นกลับเสียดแทงผิวราวกับเข็มนับพันเล่ม

    ชายหนุ่มเลื่อนมือขึ้นกุมชายโครง ใบหน้าก็พลันเหนเกอย่างเจ็บปวด "ซี่โครงหักงั้นเหรอเนี่ย..." เปลือกตาหนาค่อยๆปิดลง

    ...หากตายลงตรงนี้ได้เลยก็คงจะดีไม่น้อย...

    เสียงฝีเท้าของใครบางคนดังขึ้นในโสตประสาท ร่างสะบักสะบอมถอนหายใจ ...เจ้าพวกนั้นตามมาทันจนได้สินะ...

    "โว้ย!! นี่มันบ้าอะไรกันวะ?!!" เสียงตะโกนที่ไม่คุ้นหูดังขึ้นเหนือศีรษะ ให้เขาค่อยเบือนใบหน้าขึ้นมอง

    ...สวย...

    คำๆแรกที่ผ่านเข้ามาในสมอง เมื่อภาพที่ติดตรึงในนัยน์ตาสีเมทัลลิกคือ ภาพของเรือนผมสีเงินระยับที่ราวกับจะส่องประกายอยู่ในตรอกที่มืดทึบแห่งนี้ เสี้ยวหน้าหวานที่แฝงแววหงุดหงิดนั้น ช่างหวานล้ำอย่างไม่อาจลืมเลือนในสายตาของเขา

    ร่างบอบบางในชุดสีดำสนิทผินกายมาทางเขา สิ่งที่ได้รับรู้ในวินาทีถัดมานั้นทำให้เขาต้องเบิกตากว้าง ไม่ใช่เพราะชุดสีดำที่ตัดกับผิวสีขาวผุดผาด ไม่ใช่เพราะตราสัญลักษณ์แห่งนักฆ่าอันลือชื่อบนอกเสื้อและข้างเอว ไม่ใช่เพราะมือกล หากเป็นเพราะ...

    "ผู้ชาย?.." เสียงอุทานหวิวหลุดลอดจากลำคออย่างเผอเรอ

    "อ้าว? มีคนอยู่ตรงนี้ด้วยเหรอเนี่ย?" ร่างบางกล่าวงุนงง ก่อนย่อตัวลงนั่งยองๆเพื่อให้สายตาอยู่ในระดับเดียวกับคนที่นั่งพิงท่อเกรอะสนิม ดวงตาสีฟ้ามองสภาพคนตรงหน้าอย่างพิจารณา "โหย..สะบักสะบอมสุดๆเลยนะนายน่ะ"

    ...ยิ่งได้มองใกล้ๆก็ยิ่งรู้สึกว่าช่างเป็นคนที่สวยเหลือเกิน...

    ไม่ทันหมดห้วงความคิด คนคนนั้นก็ทิ้งตัวลงนั่งด้านข้างของเขา "ไหนๆก็ติดฝนเหมือนกันแล้ว.. อย่าทำหน้าซีเรียสไปเลยดีกว่านะ"

    ...แล้วคนที่สบถด่าฝนเมื่อครู่เป็นใครกัน?...

    "จะว่าไปทำไมนายถึงมานั่งอยู่ตรงนี้ล่ะ?" สควอโล่เปิดประเด็น

    ดวงตาสีขี้เถ้าพินิจร่างข้างๆเลกน้อย ก่อนเอ่ยเสียงแผ่ว "ถูกคนทวงหนี้รุมกระทืบเลยหนีมา..."

    "อืม.. ลำบากจังเลยนะ"

    ไม่มีประโยคอื่นใดต่อจากนั้น จะมีก็เพียงความเงียบงันของทั้งสองฝ่าย ผ่านไปไม่นานร่างสะบักสะบอมนั้นก็เป็นฝ่ายเริ่มคุยบ้าง "คุณคิดว่าการตายกับการมีชีวิตอยู่อันไหนยากกว่ากันครับ?"

    อความารีนน้ำงามเบือนหาต้นเสียงด้วยความกังขา "ไม่รู้สิ...มันก็ยากทั้งสองอย่าง..ล่ะมั้ง?"

    ...ตัวเขาไม่เคยได้ยินคำตอบเช่นนี้มาก่อน...

    "การมีชีวิตอยู่น่ะ มันก็ยากอยู่แล้วใช่มั้ยล่ะ..ไหนจะต้องดิ้นรน ไหนจะต้องหากิน.."

    "ถ้าอย่างนั้นแล้ว..ทำไมการตายถึงยากล่ะครับ?"

    สควอโล่ทอดสายตาคล้ายมองออกไปไกล "เพราะมันต้องละทิ้งไงล่ะ..."

    "ละทิ้ง?.." ชายหนุ่มทวนคำ

    "อืม...ฉันว่าการตัดใจจากทุกสิ่งก่อนจะตาย มันยากจะตาย... ทั้งคนที่ผูกพันธ์ ทั้งภาระที่คนอื่นจะต้องมารับผิดชอบต่อ..." เสียงที่เอ่ยเรียบเรื่อยนั้นทำให้คนฟังนิ่งไปได้

    "คุณคิดแบบนั้นเหรอครับ..."

    สควอโล่หรุบเปลือกตา แล้วแย้มรอยยิ้มบาง "แต่จะว่าไปฉันไม่ค่อยจะเข้าใจเรื่องพรรณนั้นนักหรอก..." ฉลามคลั่งเว้นช่วง ดวงตาคู่สวยคล้ายเหม่อลอยไปไกลแต่ก็กลับดูมุ่งมั่นและหยิ่งทรนงเป็นที่สุด ก่อนกลีบปากได้รูปจะขยับเอ่ยถ้อยคำหนักแน่น

    "...เพราะฉันจะไม่ยอมตายแน่นอน..."

    แม้ประโยคนั้นจะดูกึ่งเล่นกึ่งจริง แม้จะเป็นเพียงลมปากแผ่วหวิวที่เลือนหายไปอย่างรวดเร็ว หากคนที่นิ่งฟังอยู่กลับรู้สึกว่ามันตอบคำถามที่เขาต้องการจะรู้ได้อย่างประหลาด หากเมื่อเขาขยับจะพูดกับคนที่นั่งอยู่ด้านข้างเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น

    Trrrrrr...Trrrrrr....

    สควอโล่เลื่อนมือไปหยิบโทรศัพท์ของตนขึ้น ก่อนรอยยิ้มจางๆจะระบายลงบนใบหน้า "บอสเหรอ? โทษทีติดฝนน่ะเลยไม่ได้ไปที่จุดนัด อา... ตอนนี้อยู่ที่..." หลังบอกจุดที่ตนอยู่ให้กับบุคคลในสายแล้ว ร่างโปร่งก็ลุกขึ้นยืน

    "เอาล่ะ ฉันคงจะต้องกลับแล้วล่ะ" คงจะเป็นอย่างที่เจ้าตัวว่าเพราะเพียงอึดใจเดียวรถสีดำไร้ป้ายทะเบียนก็หยุดลงตรงข้ามตรอกที่พวกเขาอยู่

    ดวงตาสีเมทัลลิกนั้นตวัดตามร่างในชุดสีดำสนิท "เดี๋ยวก่อนครับ!! ผมยังไม่ทราบชื่อคุณเลย!" แม้การตะโกนจะไม่ดีกับอากการที่เป็นอยู่ตอนนี้ แต่เขากลับไม่อยากปล่อยให้โอกาสนี้เสียไป

    เจ้าของใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มที่เบือนกลับมาประกาศชื่อของตนด้วยเสียงที่สะท้อนก้องไปมาในโสตประสาทของคนฟัง "ฉันชื่อ สเปลบี สควอโล่ จำเอาไว้ซะด้วยล่ะ!!"

    "อ๊ะ!ครับ! ผมชื่อคาร์ลอสโซครับ คาร์ลอสโซ เดอ ปิแยร์"

    ................................................................................

    แสงแดดสว่างจ้าจนแสบตา สควอโล่ยกมือขึ้นบังไอความร้อนที่ที่ตกกระทบตัวเขาแม้มันจะไม่ช่วยเลยก็ตาม "ร้อนชะมัดเลยว้อย!!"

    ร่างโปร่งเร่งสาวขาเพื่อหาที่หลบแดด แต่ก็คงเป็นเพราะรีบเกินไปจึงชนเข้ากับคนที่เดินสวนมาเข้าเต็มๆ

    "อูย...โทษทีกำลังรีบน่ะ"

    "ไม่เป็นไรครับผมก็...เอ๋? ..คุณสควอโล่?"

    ใบหน้าใสเบือนขึ้นตามเสียงเรียก ก่อนที่ดวงตาสีฟ้าจะเบิกขึ้นเล็กน้อย "นาย...คาร์ลอสโซ?..."

    ชายหนุ่มหัวเราะเบาๆ "เป็นเกียรติจริงๆครับที่คุณจำชื่อได้"

    "นี่กำลังจะไปไหนอย่างนั้นเหรอครับ?"

    "มันร้อนน่ะว่าจะไปหาที่นั่งกินหลบแดด"

    ริมฝีปากหยักได้รูปยกยิ้มอ่อนโยน "ผมพอจะรู้จักร้านดีแถวนี้อยู่ร้านนึง... ถ้ายังไงเราไปด้วยกันมั้ยครับ?"

    "แต่ท่านประธานครับ จากนี้ท่านมีประชุม" เลขาส่วนตัวซึ่งยืนเยื้องหลังไปเล็กน้อยเอ่ยด้วยเสียงละล่ำละลัก หากท่านประธานคนนั้นกับตอบออกไปง่ายเหลือเกิน

    "...ก็แคนเซิลไปให้หมดนั่นล่ะ"

    "เฮ้! ถ้ามีงานก็ไปทำสิวะ!" สควอโล่พูดขึ้นอย่างตกใจ แต่อีกฝ่ายกลับปฏิเสธสบายๆว่ามันไม่ใช่งานที่มีความสำคัญอะไร

    "การที่ได้พบกับคุณโดยบังเอิญเช่นนี้ ยังสำคัญกว่าเป็นไหนๆ"

    "หา?.."

    "ฮะๆๆ ไปทานอาหารกันเถอะครับ"

    ร้านที่คาร์สอสโซพามาเป็นร้านอาหารฝรั่งเศสหรูเลิศแบบที่สควอโล่ไม่ค่อยจะได้เข้านัก เพราะต้องจองล่วงหน้าเป็นเดือนๆ แต่ชายหนุ่มกลับเดินเข้าไปในร้านได้อย่างสบายๆ

    อความารีนน้ำงามมองไปรอบๆอย่างสนอกสนใจ ให้ร่างที่เดินนำเข้ามาหัวเราะน้อยๆก่อนโน้มใบหน้าลงกระซิบที่ริมหูนิ่ม "ความจริงแล้วนี่เป็นร้านของผมเองล่ะครับ"

    ...ถึงว่าดูสบายๆดีจริงๆ... "งั้นก็กินฟรีน่ะสิ?"

    ชายหนุ่มหัวเราะคิก "ผมเป็นคนชวนมาทั้งที ไม่ปล่อยให้คุณจ่ายแน่นอนครับ"

    ดวงตาสีเทาจับจ้องรองหัวหน้ากลุ่มวาเรียที่นั่งอยู่ด้านตรงข้ามของโต๊ะอาหาร ในขณะที่กำลังรออาหารที่สั่งไป

    ...น่าอัศจรรย์นักที่ร่างผอมบางนี้เป็นถึงเทพดาบรุ่นที่ 2...

    ...น่าอัศจรรย์นักที่คนคนนี้เป็นถึงรองหัวหน้ากลุ่มนักฆ่าอันลือชื่อ...

    แต่ที่น่าแปลกที่สุดก็คือคนที่ดูไม่อาจเอื้อมแบบนั้นกำลังนั่งรออาหารอยู่กับเขา...

    "มองอไรวะ?" คนที่ถูกจ้องนานเข้าถามขึ้น

    "ผมกำลังคิดว่าคุณดูสวยกสฃว่าเมื่อตอนที่พบกันในงานวันเกิดคุณแซนซัสเสียอีกน่ะครับ"

    "ใครเค้าชมผู้ชายว่าสวยกันบ้างเล่า?!!" สควอโล่หน้าแดงอย่างเขินอาย เขาไม่ได้รู้สึกโกรธ เพราะน้ำเสียงที่คาร์ลอสโซใช้นั้นฟังแล้วชวนให้รู้สึกว่ามาจากใจจริง อีกทั้งยังไม่มีน้ำเสียงแทะโลม

    "อืม... แต่ว่าถ้าสวยก็ต้องบอกว่าสวยนี่นาครับ"

    "..." สควอโล่เถียงไม่ออก พอดีกับที่อาหารมาถึงพอดีเขาจึงรอดตัวไป

    หลังเมนคอร์สจบลงคาร์ลอสโซก็เปิดบทสนทนาขึ้นอีกครั้ง "คุณบอกรักผู้ชายคนนั้นไปรึยังครับ?"

    ถามตรงเสียจนร่างโปร่งสำลักอากาศ "ก็บอกว่าไม่ได้รักไงล่ะ!!"

    "เห? แล้วที่คุณดูอารมณ์ดีขนาดนี้นี่ไม่ได้เป็นเพราะเขาเหรอครับ?"

    "ฉันก็เป็นแบบนี้ของฉันอยู่แล้วต่างหาก!"

    คาร์ลอสมองใบหน้าที่ขึ้นริ้วสีแดงจางๆก่อนยกยิ้มอ่อนโยน

    "ยิ้มอะไร?" สควอโล่สวนด้วยใบหน้าไม่พอใจ

    "เปล่าหรอกครับ... บางทีผมอาจจะกำลังดีใจก็ได้ล่ะมั้งครับ?"

    "ดีใจ?"

    "ในเมื่อคุณยืนยันหนักแน่นขนาดนี้ว่าไม่ได้รักคนคนนั้นแล้ว คราวนี้ผมจะได้รุกเข้าหาคุณอย่างสบายใจซักทีไงครับ" ดวงตาทรงเสน่ห์นั้นจ้องลึกลงไปในดวงตาสีฟ้าใส

    สควอโล่ไม่ได้หลบสายตาแต่จ้องตอบตรงๆ "ถึงฉันจะบอกว่าไม่ได้รักแซนซัส แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าฉันจะรักนายหรอกนะ"

    "ไม่เป็นไรหรอกครับ... อย่างน้อยก็ขอให้ผมได้พยายามก่อนที่จะตัดใจก็พอแล้วครับ" ร่างที่อยู่ในชุดสูทสามชิ้นกุมมือเรียวขึ้นจุมพิต

    เจ้าของมือมุ่ยหน้าก่อนชักมือกลับ "นี่มันที่สาธารณะนะ"

    "ฮะๆๆ ผมล่ะอิจฉานภาผืนนั้นจริงๆ"

    "อะไรอีกวะเนี่ย? พูดอะไรให้เข้าใจง่ายๆหน่อยเป็นรึเปล่า?"

    "ยังไม่เข้าใจอีกเหรอครับ...ว่าผมกำลังอิจฉาคนที่ได้ครอบครองตัวคุณเอาไว้โดยไม่ต้องพยายามเลยแม้แต่น้อย..."

    ใบหน้านวลขึ้นสีจัด "ครอบครองบ้าอะไรของนาย!!"

    คาร์ลอสโซอมยิ้ม "หรือผมควรจะบอกว่าอิจฉา คนที่ฝากรอยประทับที่เด่นชัดขนาดนี้ไว้บนร่างกายคุณได้กันล่ะครับ?" มือใหญ่เอื้อมออกไปสัมผัสรอยแดงที่อยู่บนลำคอขาวนวล ผ่านม่านผมสีเงินนุ่ม

    มือเรียวยกขึ้นมาปิดตรงจุดนั้นทันที เรียกเสียงหัวเราะน้อยๆจากชายหนุ่ม "มันไม่หายไปหรอกนะครับ"

    "เงียบเว้ย!!" ร่างบางว่าเสียงดัง มือดึงปกเสื้อขึ้นปิดอ้อมมาด้านหน้า

    "ต่อจากนี้คุณจะไปไหนรึเปล่าครับ?" ร่างสูงว่าพลางยื่นเครดิตการ์ดให้กับพนักงาน

    คนถูกถามมองดูนาฬิกาก่อนมองออกไปด้านนอกหน้าต่าง ซึ่งแดดได้ราแสงลงมากแล้ว "ก็คงจะกลับเลยล่ะมั้ง..."

    "กลับยังไงครับ?"

    ร่างบางนิ่งคิด เนื่องจากจากเมื่อเช้าเขาเกิดขี้เกียจขับรถจึงบอกให้ลูกน้องมาส่ง แต่ก็เพราะว่าไม่รู้ว่างานจะเสร็จเมื่อไหร่เขาจึงบอกคนที่ขับรถพาเขามาให้กลับไปก่อน "คงเรียกรถแถวๆนี้เอาล่ะมั้ง?"

    "ถ้าอย่างนั้นผมขอไปส่งคุณได้รึเปล่าครับ?"

    "อย่าเลยลำบากเปล่าๆ" สควอโล่เอ่ยปฏิเสธ

    "ไม่ลำบากเลยครับ ขอให้ผมได้รับเกียรติไปส่งคุณด้วยเถอะครับ"

    ฉลามหนุ่มค่อยๆลุกขึ้นยืนตามคำชวนของคนตรงหน้า "เอางั้นก็ได้"

    ระหว่างการเดินทางทั้งสองคนสนทนาเรื่องสัพเพเหระกันไปเรื่อยเปื่อย ที่ไม่ได้ไปก้าวก่ายถึงงานและชีวิตส่วนตัวของกันและกัน

    คาร์ลอสโซเป็นคนที่มีเสน่ห์ ไม่หยาบโลน หากถ้อยคำที่ยิงมาตรงๆบางครั้งก็ทำให้คนฟังถึงกับสะอึกได้เช่นกัน แต่เจ้าตัวกับนิยามนิสัยของตนเองได้อย่างสบายๆ

    "คงเป็นนิสัยพื้นฐานของนักธุรกิจน่ะครับ..."

    สำหรับสควอโล่แล้วคาร์ลอสโซเป็นคนแบบที่เขาไม่เคยพบมาก่อน ด้วยรอบกายเขาไม่มีคนที่ให้เกียรติกับทุกคนด้วยความจริงใจเช่นนี้

    ไม่ได้มีคนที่เห็นตัวเขาเป็นสิ่งล้ำค่ามากขนาดนี้...

    ...และสควอโล่เองก็ไม่ได้รังเกียจสิ่งเหล่านั้นเลยแม้แต่น้อย...

    ปอร์เชคันงามหยุดลงนอกเขตปราสาท เพราะร่างบางเกรงว่าหากไปส่งถึงด้านในแล้วจะมีปัญหาตามมาได้

    "น่าเสียดายจังเลยนะครับที่ต้องจากกันแล้ว..." เจ้าของรถพูดขึ้น

    "เสียดายทำไม? นายก็เอาเบอร์โทรศัพท์มาสิ" ร่างโปร่งเอ่ยง่ายก่อนคว้ามือถือสีเงินที่พกอยู่ขึ้นมา 

    เจ้าของเรือนผมสีขี้เถ้าตามสถานการณ์ไม่ทันจึงได้แต่ทำหน้างง

    "ก็เอาไว้ติดต่อกันไง! ...แต่ถ้าไม่อยากให้ก็ไม่เป็นไรนะ"

    "ไม่...ไม่ใช่แบบนั้นครับ แต่มันจะดีเหรอครับที่ให้เบอร์โทรศัพท์กับคนที่เพิ่งเคยเจอกันแค่ไม่กี่ครั้งแบบผม..."

    ใบหน้าหวานมุ่ยลงเล็กน้อย "ชีวิตฉัน ฉันตัดสินใจเองได้น่ะ"

    ชายหนุ่มยิ้มบางๆกับคำพูดนั้น จากนั้นจึงคว้านามบัตรของตนขึ้นเพื่อเขียนเบอร์โทรศัพท์ลงไป ก่อนส่งมันให้กับร่างบาง "ติดต่อได้ตลอด 24 ชั่วโมงเลยนะครับ"

    ดวงตาสีฟ้าใสไล่สายตาไปบนกระดาษแผ่นจิ๋ว ...Carloso de Pierre...

    ...ชื่อคุ้นๆยังไงไม่รู้แฮะ แต่ช่างมันเหอะ...

    นิ้วเรียวพรมลงบนแป้นพิมพ์เพื่อบันทึกเบอร์โทรศัพท์ที่ได้มา ก่อนเก็บนามบัตรลงกระเป๋าเสื้อ พักหนึ่งคนที่นั่งอยู่ด้านข้างก็รู้สึกได้ถึงแรงสั่นจากกระเป๋าเสื้อ

    "นั่นเบอร์ของฉัน... ไปล่ะ ขอบใจที่มาส่ง" โดยไม่รอคำลาร่างบางก็ลงจากรถไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้คนมาส่งนั่งยิ้มอยู่เงียบๆเพียงคนเดียว

    ................................................................................

    เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นเบาๆขณะที่เจ้าตัวกำลังเดินผ่านโรงจอดรถ สควอโล่คว้าโทรศัพท์ขึ้นมอง

    ...BOSS...

    ...มีอะไรกันนะ?..., "ฮัลโหล"

    "แกอยู่ที่ไหน?" เสียงทรงอำนาจดังสวนมา แต่เสียงนั้นกลับมีคลื่นรบกวนเต็มไปหมดซ้ำยังก้องจนแทบฟังไม่รู้เรื่อง

    ...หรือว่าจะอยู่แถวนี้?... เรียวคิ้วย่นเข้าหากัน ก่อนที่ฉลามคลั่งจะหันไปมองโรงจอดรถ จากนั้นจึงตัดสินใจเดินเข้าไป ภาพที่ปรากฏสู่สายตามันทำให้ร่างบางยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว

    คนที่อยู่ในสายโทรศัพท์กำลังยืนพิงรถคันโปรด โดยหันหลังให้กับเขา จริงอยู่ที่มือด้านหนึ่งของร่างสูงจะกำลังถือโทรศัพท์ หากแสงสีเงินที่สะท้อนออกมาจากมืออีกข้างนั้นก็ทำให้รู้ได้ไม่ยาก ว่าคนคนนั้นกำลังถือกุญแจเอาไว้

    "หันหลังมาสิ" คงจะเป็นเพราะเสียงที่ดังขึ้นแทบจะพร้อมกัน ทั้งจากโทรศัพท์และทางด้านหลัง นภาหนุ่มจึงหันกลับมาทันที

    "กำลังจะไปรับเหรอ?" ร่างบางถามพลางก้าวเข้าหา

    "เหอะ... เพราะไอ้พวกกระเทยสวะนั่นมาเซ้าซี้น่ารำคาญหรอก" ร่างสูงกล่าวก่อนเดินนำออกจากโรงรถ ทิ้งให้อีกคนต้องวิ่งตามมา

    ...ไม่ได้ปปฏิเสธ แปลว่าจะไปรับจริงๆด้วย...

    เขารู้สึกว่าไม่อาจหุบรอยยิ้มนี้ลงได้เสียแล้ว "รอด้วยสิบอส!" แม้จะไม่ยอมหยุด การก้าวขาของนภาแห่งรัตติกาลก็ช้าลงมาก

    ในตอนที่คิดว่าสามารถไล่ตาม ร่างของพิรุณก็หลุดเข้าไปอยู่ในวงแขนแข็งแรงของนภาโดยไม่รู้ตัว

    "เอาค่าที่ทำให้ฉันต้องเดินออกมาเปล่าๆมาซะ"

    เพียงได้สบตา ตัวเขาก็หลงใหลโกเมนน้ำเอกนั้นเสียแล้ว

    หลงใหลจนถอนตัวไม่ขึ้น...

    ตัวเขากำลังมีความสุขกับปัจจุบัย จนไม่ทันตระหนักถึงอนาคตจที่อาจจะเลวร้ายลงนับจากวันนี้เลยแม้แต่น้อย

    -*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*

    เยๆ ในที่สุดก็จบไปอีกหนึ่งตอน..หลังจากนั่งปั่นเควสชาวบ้านงกๆ ในที่สุดอีเซย์ก็ทนไม่ไหวหนีมาปั่นงานให้ตัวเองจนได้TTATT

    ในอิมเมจผมถามว่าคาร์ลอสโซเป็นคนยังไงผมก็อยากให้เป็นคนที่พร้อมจะเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังส้นเท้า(??)อยู่ตลอดเวลาน่ะครับ แต่ในเวลาเดียวกันก็ต้องดูมีเสน่ห์ด้วย

    แต่ปัญหายิ่งใหญ่ของข้าพเจ้า!!! คิดได้แต่วาดไม่เป็นสิครับพี่น้อง จะขอคนอื่นวาดให้ก็ไม่กล้า...ดังนั้นทนๆมองไปก่อนแล้วกันนะครับTTATT

    ไปล่ะครับชิ่งๆๆ (//อุจาดตาอย่างไรไม่เข้าตาอย่างไรติชมได้นะครับ รูปนี้มันชั่ววูบ)

    เข้ามาเปลี่ยนวันที่เครี้ยกๆ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×