คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #13 : สู่การเดินทาง
โอ๊ยยยยยยยย....ไอ้แอนทิสนั่นมันต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ
สิ่งที่คิดได้อย่างเดียวในตอนนี้ก็คือคำๆนี้นี่แหละ
ในทะเลทรายอันร้อนระอุ ไอความร้อนที่ลอยให้เห็นรางๆ ช่างทำให้ชวนปวดเศียรเวียนเกล้าแท้ๆ แล้วเหตุใดเขาสองคนจึงต้องมาตกระกำลำบากบนหนทางบ้าๆนี่กันนะ คิดแล้วมันหน้าโมโห ไอ้นายจ้างของพวกเขาเสียจริง
มันจะอะไรซะอีก หากไม่ใช่เพราะแอนทิส กำหนดเวลานรกแบบนั้นมา พวกเขาจะต้องมาใช้เส้นทางบ้าๆแบบนี้รึ?
.....เมื่อวานนี้ ตอนได้รับผลึกเวทย์มนตร์แล้ว
กล่องกำมะหยี่สีกรมท่า ที่ขอบกล่องทุกด้านฉลุลายอักขระสีทองคำไว้อย่างสวยงามถูกเลื่อนมาไว้กลางโต๊ะไม้สีเข้ม ดูจากตัวกล่องแล้วของที่อยู่ภายในคงเลอค่าพอสมควรแน่
"นี่คือ ของที่บริษัทของเราได้รับการว่าจ้างให้เอาไปส่ง ยังมือผู้รับ หรือก็คืองานชิ้นแรกของพวกเจ้า"
นัยน์ตาสองคู่จับจ้องกล่องนั้นอย่างไม่วางตา เพื่อเพ่งพินิจ ไม่ว่าจะเป็นลวดลายบนตัวกล่องจนไปถึงการบุผ้าที่ไม่มีแม้ริ้วรอยนั่นก็ดี แต่สายตาทั้งคู่กลับเพ่งมองเพียง รูกุญแจที่อยู่ด้านหน้าตัวกล่องเท่านั้น
"เจ้าไม่กลัวลูกจ้างงัดเอารึไง?" เคนถามพลางมุ่นหัวคิ้ว
ริมฝีปากบางคลี่ยิ้มก่อนจะตอบ "ไอ้กล่องนั้นมันไม่กระจอกขนาดนั้นหรอกน่า ไม่ต้องเป็นห่วงไป ผู้ที่มีสิทธิ์ถือกุญแจน่ะ มีแค่ข้า เลนาร์ด แล้วก็ผู้รับของเท่านั้น"
เคนคว้ากล่องขึ้นมาหมุนเล่นบนปลายนิ้วอย่างไม่เกรงกลัวต่อราคาของที่อยู่ภายใน
"ไอ้กล่องนี่มันเจ๋งขนาดนั้นเลยเหรอ?"
"ไม่ดีจริงก็ไม่ใช่ของ ของข้าน่ะสิ"
หลังจากเงียบมานาน คีฟก็เอ่ยขึ้นบ้าง "เจ้าต้องการให้เอามันไปส่งที่ไหนกัน?"
"ที่แอทเทียสน่ะ..."
"แอทเทียส! เจ้ายังปกติดีอยู่รึเปล่า?" จะไม่ให้ตกใจได้ยังไง ก็เมืองนั้นน่ะ นอกจากจะต้องข้ามเขตประเทศแล้ว ยังอยู่คนละซีกทวีปอีกต่างหาก หรือถ้าต้องการไปให้เร็วที่สุด ก็คงต้องเสี่ยงข้ามทะเลทราย ที่มีอาณาเขตครอบคลุม 3 ประเทศกันล่ะ แต่ถ้าอ้อมทะเลทรายไป ไม่ว่าคิดยังไงก็คงต้องใช้เวลากัน อย่างน้อยๆ 3 เดือนล่ะนะ
"แล้วจะให้ส่งภายในเมื่อไหร่กันล่ะ?"
แอนทิสชูนิ้วขึ้นมาสามนิ้ว เคนกับคีฟถอนหายใจอย่างโล่งอก ก่อนที่เสียงใสๆนั่นจะขัดขึ้นอย่างน่าหมั่นไส้
"ดูพวกเจ้าสบายใจกันจังเลยนะ เข้าใจอะไรผิดรึเปล่า? สามนิ้วนี่น่ะ 3 อาทิตย์นะจ๊ะ" แอนทิสยิ้มอย่างผู้กุมชัยชนะ เมื่อเห็น้าของสองคนที่เปลี่ยนสีจาก ปกติเป็นเขียวและขาวซีดในที่สุด
สีหน้าของเคนกับคีฟในตอนนี้บอกได้เลยว่า อยากจะกู่ร้องบอกแก่โลกใบนี้ถึงความซวยที่ต้องประเชิญ นับแต่พบคนตรงหน้า
"ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะ? ไม่ต้องเป็นห่วงไปน่า ค่ากินอยู่ระหว่างเดินทางน่ะทางนี้ออกให้อยู่แล้วล่ะน่า พวกเจ้าแค่ไปให้ทันเวลาก็พอ"
เคนเบือนหน้าขึ้นอย่างมีความหวัง ถึงแม้จะริบหรี่ก็ตาม "ถ้าไม่ทันภายในสามอาทิตย์ล่ะ?"
แอนทิสคว้าเศษไม้ที่พื้นขึ้นมา แล้วหักออกต่อหน้าเคน "เงินเดือน แสนกริฟฟ์ต่อหนึ่งวันจ้ะ" แอนทิส ตอบพร้อมกับรอยยิ้ม ถ้าคำพูดนั้นไม่หลุดออกจากปาก ใบหน้านั้นคงราวกับเทวทูตเลยทีเดียว
"ถ้าพร้อมแล้วก็เริ่มงานได้เลยนะ" แอนทิสโบกมือไล่ ก่อนจะไปล้มตัวลงนอนที่เก้าอี้บุนวมอันแสนสบาย ก่อนจะหันมายิ้มตอบ
"อย่าไปสายล่ะ"
..............
"คีฟเจ้าใช้เวทมนตร์ทำอะไรหน่อยไม่ได้รึไง?" เคนพูดพลางกระชับผ้าคลุมมาปิดปากเพื่อกันทราย แต่ดูเหมือนจะไม่เป็นผลเท่าไหร่นัก เมื่อลมที่ร้อนระอุพัดพาทรายเข้าใส่อย่างไม่หยุดยั้ง
คนถูกสั่งไม่ตอบอะไรนอกจากกระชับผ้าให้แน่นขึ้น ในเวลาแบบนี้ใครจะไปอยากพูดเพื่อรับทรายเข้าปากกันเล่า...
ถ้าใช้เวทมนตร์ตอนนี้ได้ก็คงดี แต่กว่าเขาจะร่ายมนตร์จบ ทรายก็คงอุดตันหลอดลมตายไปแล้ว ที่สำคัญเมื่อครู่เขาก็เพิ่งจะพาร่างของเขากับเคนมาลงกลางทะเลทรายได้ ถ้าจะให้บอกก็คือตอนนี้ เขาไม่มีแรงมากพอจะร่ายมนตร์อีกครั้งได้มากกว่า ในตอนนี้แค่เดินก็เต็มที่แล้ว ถ้ายังฝืนใช้อีกต้องสลบไปแน่
ทั้งสองคนเดินทางฟันฝ่าความร้อนอย่างยากลำบาก พลางสบถด่านายจ้างและความซวยที่ต้องมาเป็นแบบนี้ การก้าวเท้าแต่ละครั้งช่างยากลำบากเสียนี่กระไร ทรายร้อนๆนั่นกลบขาพวกเขาลงไปครึ่งแข้งทุกครั้งที่วางเท้าลงไป
ถ้าเป็นแบบนี้คงต้องตายกันทั้งคู่แน่ แถมไอ้ทะเลทรายนรกนี่มันจะกว้างไปถึงไหนกัน? แอนทิสก็เหมือนกัน บอกจะออกเงินให้ แต่นอกจากไอ้ผ้าคลุมบ้าๆ ก็ไม่เห็นได้อะไรจากเจ้านั่นซักอย่าง แล้วคืนนี้จะไปนอนที่ไหนล่ะ? สงสัยคงต้องจับสัตว์แถวนี้เป็นอาหารซะแล้ว
แม้ดวงตะวันจะคล้อยต่ำลง หากแต่ความระอุนั้นไม่ได้น้อยลงเลยแม้เพียงนิด แต่จากนี้ไปอุณหภูมิจะต้องลดลงอย่างรวดเร็วเป็นแน่แท้แล้วแค่ผ้าคลุมกันทรายเพียงสองผืน พวกเขาจะผ่านมันไปได้อย่างไร
ดวงตาสีน้ำตาลแดงคมเข้มทอดมองไปยังผืนฟ้ายามเย็น ที่ถูกแต่งแต้มด้วยสีชาดราวกับเลือด พร้อมกับครุ่นคิดถึงปัญหาหลังดวงตะวัน นั้นลับขอบฟ้าไปแล้ว
"เจ้ามีความเห็นยังไงบ้างคีฟ " เคนพูดขึ้นมาลอยๆในขณะที่ยังก้าวเดินต่อ เพื่อให้ไปได้ไกลกว่านี้แม้ซักนิดก็ยังดี หากคนถูกเรียกนั้นกลับนิ่งคิดไม่ยอมตอบ คนถามจึงบุ้ยปากอย่างไม่พอใจ แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร
เมื่อเดินต่อไปได้อีกซักพักดวงตะวันก็ถูกแทนที่ด้วยดวงจันทร์สีเงินยวงอย่างรวดเร็ว เนื่องจากไม่มีแสงไฟจากบ้านเรือนเหมือนอย่างในตัวเมือง หมู่ดาราจึงทอแสงอย่างเด่นชัด บนม่านความมืดแห่งรัตติกาล ร่างบางเงยมองผืนนภาที่กระจ่างไร้หมู่เมฆอย่างหลงไหล ในขณะที่ขานั้นยังก้าวต่อไปเรื่อยๆ
ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ลมหายใจที่ผ่อนออกมานั้น ก็จับตัวเป็นไอมากขึ้นเรื่อยๆ จนเห็นได้ชัดเจน มือบางกระชับผืนผ้าหนาให้แนบกับตัวเขามากขึ้น หนาวจัง....
ดูเหมือนคนข้างๆนั้นจะรับรู้ถึงความรู้สึกของเขาที่แสดงออกผ่านทางกริยาได้ดี จึงผ่อนลมหายใจเบาๆ
"เราหยุดพักตรงนี้ก็แล้วกัน" คีฟเอ่ยขึ้นเบาๆ เมื่อใบหน้าสีขาวนวลของเคนเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงเพราะอากาศอันเย็นเฉียบ
นัยน์ตาสีอ่อนหันมาทางคนพูดแทบจะในทันที ใบหน้าสีระเรื่อนั้นระบายรอยยิ้มพลางพยักหน้าหงึกหงัก พวกเขามองหาที่ๆจะนั่งพักได้ ก่อนจะไปเจอเข้ากับหมู่ก้อนหินที่อยู่ใกล้ๆ
ถึงแม้จะได้ที่นั่งพัก แต่อากาศของทะเลทรายอันเวิ้งว้างในยามราตรีนั้นไม่เคยปรานีใคร ทำให้ทั้งสองคนถึงกับนั่งตัวสั่น
คีฟยื่นมือออกมาด้านหน้าอย่างไม่มีทางเลือก ลูกไฟขนาดเล็กปรากฏขึ้นในมือ เคนจึงเบือนหน้าขึ้นมองเจ้าของมือที่อยู่ด้านหน้าเขาอย่างแปลกใจ รอยยิ้มบางๆปรากฏขึ้นที่ริมฝีปาก เขาลุกขึ้นเพื่อเข้ามานั่งใกล้กับอีกฝ่าย อย่างน้อยนั่งใกล้ๆกันก็อุ่นกว่าล่ะนะ...
มือบางขยับผ้าที่คลุมร่างอยู่เล็กน้อย ทำให้สายตาไปสะดุดกับอะไรบางอย่าง มันเป็นตราสัญลักษณ์ของนายจ้างเขาไม่ผิดแน่... 'ของแบบนี้ต้องแสดงความเป็นเจ้าของด้วยหรือไงนะ?'
เขาปลดผ้าคลุมออกเมื่อเศษทรายที่ติดอยู่นั้นร่วงกราวเข้าไปในตัวเสื้อของเขา อากาศหนาวขนาดนี้ไม่อยากจะปลดออกเลยให้ตายเหอะ.... ผ้าผืนหนาถูกสะบัด 2-3 ที แต่แล้วสิ่งที่ไม่น่าเชื่อก็เกิดขึ้น!!
ผ้าที่มีขนาดใหญ่อยู่แล้วนั้นขยายใหญ่ขึ้น... ใหญ่ขึ้น... ก่อนจะเปลี่ยนรูปร่างไป แล้วสิ่งตกลงบริเวณด้านหน้าของทั้งสองคนที่ตะลึงตาค้าง ก็คือกระโจมขนาดยักษ์นั่นเอง
เคนรีบเดินเข้าสำรวจด้านในทันที จนร่างสูงเดินตามมาแทบไม่ทัน สิ่งที่ปรากฏอยู่ในสายตาของทั้งคู่นั้น คืออุปกรณ์อำนวยความสะดวกในชีวิตประจำวันต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ตู้ เตียงนอน โต๊ะ อาหารหรือแม้แต่เสื้อผ้าก็ตาม.. ที่สำคัญอากาศภายในนั้นอากาศยังอุ่นสบาย
"โห~ ว้าว...มีแบบนี้ด้วยเหรอ?" เคนพูดอย่างทึ่งๆ ลูกแก้วสีอ่อนพราวระยับพลางกวาดไปรอบๆ ในขณะที่คนที่เดินตามมาทีหลังได้แต่มองตามอย่างปลงๆ 'นี่ถ้ามีอันตรายคงไม่รอดไปนานแล้ว..ไม่รู้จักระวังเอาเสียเลย...'
"นี่!คีฟ! ไอ้ของแบบนี้นี่ทำได้ด้วยเหรอ?" ใบหน้าที่กลับเป็นสีขาวนวลแบบปกตินั้นหันกลับมาถาม
"อา.. มันก็เป็นของที่ขายกันอยู่ในตอนนี้ไงล่ะ เจ้าไม่รู้เลยหรือไง?" คำตอบนี้ทำให้เคนส่ายหัวแรงๆ คนมองจึงได้แต่ถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย ...ไม่ว่าจะนานเท่าไหร่ เคนก็ไม่เคยทันอะไรกับชาวบ้านเสียที
"ก็เป็นอุปกรณ์อำนวยความสะดวกตอนเดินทางไกลนั่นแหละ แต่เห็นว่าราคามันแพงมากเลย.."
"อืม..งั้นเหรอ..." เคนเริ่มเดินดูรอบๆอีกครั้ง เพื่อตรวจวัดความหรูหรา ของทุกชิ้นในกระโจมล้วนแต่เป็นของที่มีราคาและคุณภาพ ร่างบางทิ้งตัวลงบนเตียงอันอ่อนนุ่มที่แทบไม่เคยได้สัมผัส
"สบายจังเลย~~ ไม่ได้นอนอย่างนี้มาตั้งนานแล้ว..." เสียงใสๆนั้นเอ่ยอย่างเป็นสุข พลางบิดกายบนที่นอนนุ่มช้าๆอย่างเกียจคร้าน ก่อนที่เปลือกตาบางจะค่อยๆหลุบลงด้วยตวามเหนื่อยอ่อน ลมหายใจนั้นค่อยทิ้งช่วงห่างสม่ำเสมอ เป็นสัญญาณบอกว่า เจ้าตัวเข้าสู่ห้วงนิทราเรียบร้อยแล้ว
นัยน์ตาคมมองร่างที่หลับได้สนิทอย่างรวดเร็วเหมือนกับเด็กนั้นเล็กน้อย มือแกร่งดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมให้กับร่างที่อยู่บนเตียง ก่อนที่ตัวเขาเองจะไปนอนเอาแรงบ้าง
....................
แก๊ง! แก๊ง! แก๊ง!
เสียงเคาะอะไรบางอย่างดังกระแทกโสตประสาทของร่างบนเตียงอย่างไม่ยั้ง มือเรียวเริ่มจากการปิดหูตัวเอง แล้วจึงเบี่ยงตัวหนี เมื่อนานเข้านานเข้า เขาก็เริ่มจะใช้หมอนใบนุ่มขึ้นมาอุดหู แต่เสียงนั้นก็ยังคงดังอย่างต่อเนื่องอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลง
ซักพักใหญ่เสียงนั้นก็เงียบไปพร้อมๆกับเสียงถอนหายใจเบาๆ แต่ร่างที่นอนอยู่ก็ยังคงนอนอยู่อย่างนั้น
ร่างสูงเดินไปหยิบอะไรบางอย่างมาจากโต๊ะ มือกร้านกระชากหมอนที่ถูกใช้เป็นเกราะกำบังอยู่ออก ของในมือถูกยื่นไปตรงหน้าคนที่กำลังหลับ
ได้ผล.. เปลือกตาที่ปิดสนิทค่อยๆปรือขึ้นช้าๆ ก่อนที่ใบหน้านวลจะยื่นมาหาจานอาหารตรงหน้าที่ค่อยๆขยับหนี เมื่อจานนั้นยกสูงขึ้นเขาก็ลุกขึ้นตามอย่างช่วยไม่ได้ ..จะมีอะไรอีกไหมที่สำคัญกว่าการกิน...
"อ๊ะ! คีฟ อรุณสัวสดิ์ เจ้าตื่นนานแล้วเหรอ?" เสียงที่ติดจะงัวเงียนั้นกล่าวทักเบาๆ เมื่อจานนั้นเลื่อนมาที่ความสูงระดับสายตาของผู้ถือ
ร่างที่สูงกว่าพยักหน้ารับคำทักทายเบาๆ เขาวางอาหารลงบนโต๊ะแล้วสั่งให้คนที่เพิ่งตื่นนอนไปทำธุระส่วนตัวก่อนอาหารเช้า
"หิวจังเลยน้า~ ข้าวเช้าๆ" เคนพูดอย่างสดใส เมื่อเดินมานั่งลงที่โต๊ะไม้ขนาด 2 คนนั่ง
"รีบๆกินเข้าล่ะ สายมากแล้ว.." เสียงทุ้มเอ่ยเบาๆ เคนจึงพยักหน้ารับ แต่ถึงไม่ต้องสั่งเขาก็กินเร็วผิดวิสัยมนุษย์ปกติอยู่แล้ว
ภายในเวลาไม่นานทั้งสองคนก็กลับมาเดินอยู่ท่ามกลางทะเลทรายร้อนระอุอีกครั้ง
"นี่ๆ ตอนนี้พวกเราอยู่ตรงส่วนไหนของทะเลทรายกันเหรอ?" เคนพูดขึ้น คีฟจึงหยิบคทาของเขาออกมา เพียงแค่สะบัดเบาๆ แผนที่แผ่นยักษ์ก็หลุดลอยออกมา มือแกร่งชี้จุดสีแดงที่ดูเหมือนจะขยับไปเรื่อยๆตามทางที่พวกเขากำลังเดิน
"ตอนนี้พวกเราอยู่ตรงนี้.. และนี่คือเป้าหมายของเรา.." นิ้วเรียวชี้ที่จุดสีแดงแล้วเลื่อนไปยัง สถานที่ที่อยู่เกือบสุดแผนที่
"โอ๊ย!! ยังเดินมาไม่ถึงหนึ่งในสิบเลยนี่" เคนบ่นออดแอด แต่ก็ยังก้าวเดินต่อไปเรื่อยๆ
"..."คีฟนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง ริมฝีปากได้รูปพึมพำอะไรบางอย่างเบาๆ ร่างของเขาสองคนก็ลอยขึ้นจากพื้นอย่างรวดเร็ว
"หวา!!" เคนอุทานอย่างตกใจ
"ถ้าใช้วิธีนี้เราคงจะไปถึงหนึ่งในห้าของแผนที่ได้ก่อนตะวันตกดิน" คีฟพูดขึ้น แต่เคนกลับส่ายหน้าด้วยความกลัว ทำไงได้ก็คนมันกลัวความสูงนี่...
"เคน..นี่เพื่อเงินนะ.."
คนถูกทักนิ่งคิดไปนิด ก่อนจะพยักหน้าเบาๆ "แต่พักทุกๆ 5 นาทีนะ.."
"เคน..."
"ทุกๆครึ่งชั่วโมงก็ได้.."
"เคน..."
"งั้นทุกๆชั่วยามเอ้า!!!"
คนฟังพยักหน้าอย่างจำยอม ดีกว่าให้ส่งเสียงโอดโอยไปตลอดทางล่ะนะ...
แล้วการเดินทางอันแสนทรมาณก็เริ่มขึ้นอีกครั้ง....
**********-------------------***************------------------
กร๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก...
จบแค่นี้เหอะไม่รู้จะต่อไงแล้ว ไว้จะมาอัพบทที่ 14 ภายในเสาร์นี้นะจ๊ะ
ความคิดเห็น