คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : 1st night
นภาสีดำมืดไร้เมฆหมอกทอดตัวยาวสุดสายตา
นัยน์ตาสีวารีทอดมองผืนฟ้าเบื้องบนอย่างเหม่อลอย
ดวงจันทร์นวลทอแสงกระจ่างตาท่ามกลางความมืดมิดที่โอบล้อม
ฝ่ามือเรียวค่อยยกขึ้นวางแนบสัมผัสความเย็นของกระจกหน้าต่างใส
หมู่ดาราพรายพร่าง
ร่างโปร่งทรุดตัวนั่งลงที่ขอบหน้าต่าง เอนศีรษะซบพิงบานกระจก ปลายนิ้วเรียวยาวลดลงเชื่องช้า
...มันเริ่มขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ?...
เสียงเคาะประตูดังขึ้น ฉุดกระชากห้วงความคิดกลับคืน
"เข้ามา" เสียงอนุญาตดังแผ่วเบา หากสายตายังคงเบือนไปด้านนอกดุจเดิม
"ท่านแซนซัสมีคำสั่งให้ไปพบที่ห้องครับ ท่านสควอโล่" ร่างที่เปิดประตูเข้ากล่าวนอบน้อม
สายลมพัดให้ใบไม้เสียดสี
"อือ..เดี๋ยวตามไป ออกไปก่อนเถอะ"
ผู้เป็นลูกน้องมีทีท่าอึดอัดเล็กน้อย ก่อนละล่ำละลัก "อะ...แต่สั่งว่าให้ไปทันทีครับ"
ชายหนุ่มผ่อนลมหายใจก่อนตัดสินใจลุกขึ้น "เข้าใจแล้วไปก็ได้"
ร่างของรองหัวหน้ากลุ่มและบริวารหายไปจากห้อง
ประตูบานหนาปิดลง
...นภาสีดำมืดทอดตัวยาวสุดสายตา...
................................................................................
"มีอะไรวะ,บอส?"
...คำถามโง่ๆ... แต่กระนั้นทุกครั้งที่เข้ามาเขาก็ยังคงถาม
...ด้วยหวังว่าสักวันจุดประสงค์ที่เขาถูกเรียกเข้ามาในนี้จะเปลี่ยนไป...
ร่างของนภาสีดำนั่งอยู่บนเตียงหลังกว้าง แม้ว่าตัวเขาจะก้มหน้าลงจนมองไม่เห็นสีหน้าของฝ่ายนั้น แต่เขาก็มั่นใจว่าอีกฝ่ายไม่ได้อารมณ์ดีแน่นอน
"ถอดเสื้อผ้าออกซะ" เสียงสั่งเรียบเรื่อยแฝงความเด็ดขาดอยู่ในที
ร่างโปร่งกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบก นิ้วเรียวค่อยๆเลื่อนขึ้นปลดกระดุมเสื้ออย่างเชื่องช้า พยายามยืดเวลาออกไปให้นานที่สุด
"ชิ!" มือหยาบใหญ่คว้ามือเรียวที่เพิ่งปลดกระดุมไปได้แค่เสื้อตัวนอก ก่อนเหวี่ยงร่างบางลงกับผืมเตียงอย่างรุนแรง
"ชักช้าชะมัด หึ! อยากให้ฉันเป็นคนถอดให้ใช่มั้ยล่ะ?" ริมฝีปากหนาบิดยิ้ม
"เปล่านะบอส!!" เพียงมือข้างเดียวและร่างใหญ่หนาที่ตามลงมาทาบทับ ทุกการเคลื่อนไหวก็ถูกหยุดตรึงอย่างง่ายดาย
"หุบปากซะไอ้สวะ"
เสื้อผ้าที่เหลือติดกายถูกกระชากออกแทบจะพร้อมกันในคราวเดียว
"หยุด!! บอส!" สควอโล่ประท้วง แต่เมื่อสายตาสบเข้ากับดวงตาสีโลหิตที่มองตรงมาราวต้องการแผดเผา ทุกอย่างก็พลันหยุดนิ่งคล้ายถูกดูดกลืน
ดวงตาสีฟ้าใสหรี่ปิด ร่างกายทอดลงยอมรับทุกสัมผัสจากท้องนภา
...เรื่องนี้มันเริ่มขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ?...
................................................................................
วันนี้เป็นวันแรกแห่งการกลับสู่ปราสาทของเหล่าผู้บริหารระดับสูงของกลุ่มวาเรียหลังจากศึกชิงแหวนจบลง ทำให้ปราสาทที่เคยเงียบเหงากลับมาอึกทึก
...ซะที่ไหนกันล่ะ...
ทุกคนตกอยู่ในสภาพที่แทบเรียกได้ว่าสะบักสะบอมสุดๆ
เบล ลุซซูเรียและมาม่อนแยกย้ายกันกลับห้องนอน ในขณะที่แซนซัสและสควอโล่จำต้องตรงดิ่งไปยังห้องทำงานเพื่อสะสางสิ่งที่ทิ้งเอาไว้ โดยมีเลวี่ติดห้อยไปด้วยอย่างไม่ต้องเรียก ทั้งๆที่มันควรจะเป็นแบบนั้นแต่แล้ว...
"ไม่ต้องตามมาไอ้ฉลามหัวเน่า" น้ำเสียงเย็นชาดังขึ้นจากร่างตรงหน้า
คนถูกสั่งไม่ให้ไปมุ่นหัวคิ้ว เป็นความจริงที่ว่าแผลที่โดนฉลามกัดจะยังไม่หาย แต่เขาก็ไม่คิดว่าร่างสูงจะคิดถึงเขาหรอก แถมอีกฝ่ายเองก็อาการหนักไม่แพ้กันจะให้นั่งจัดการงานเอกสารคนเดียวนานๆนั้นคงเป็นไปไม่ได้
"อย่าพูดบ้าๆน่าบอส แกจะไปทำงานคนเดียวหมดได้ยังไง?"
"ไม่ต้องมายุ่งไสหัวไปซะ"
ร่างโปร่งกำมือแน่นอย่างหงุดหงิด ก่อนตวาดก้อง "จะเอาแต่ใจก็ให้มันน้อยๆหน่อยนะ!! ดูสารรูปตัวเองซะบ้าง!!"
หากคนถูกว่ากลับเพียงปรายหางตามอง
"เดี๋ยวฉันจะให้เลวี่มาช่วยแทน แกจะไปไหนก็ไปซะ"
บุคคลที่สามหันไปยิ้มเยาะให้ฉลามหนุ่มอย่างสะใจ ก่อนเดินตามผู้เป็นนายไป
"หึ! ไม่อยากเห็นหน้าฉันนักใช่มั้ยวะ!!? ไอ้บอสงี่เง่า!" เสียงตะโกนดังไล่หลังแล้วเจ้าตัวจึงเดินปึงปังกลับห้องไป
................................................................................
ร่างสูงทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ทำงานอย่างหงุดหงิด
ไม่ได้ต้องการจะไล่ แต่ระยะนี้เขารู้สึกไม่ค่อยพอใจนักเวลาที่เห็นวงหน้าหวานนั่น...
"งี่เง่า..." เสียงสบถดังลอดลำคอ มือหนายกแก้วบรรจุของเหลวสีอำพันขึ้นดื่ม
...อาจเป็นเพราะร่างโปร่งที่แบบบางเกินกว่าจะเป็นผู้ชาย
...อาจเป็นเพราะแววตาหยิ่งทระนงที่มองมา
...หรืออาจเป็นเพราะเส้นผมสีเงินยาวที่พาลตอกย้ำถึงความผิดพลาดของเขา...
แก้วว่างเปล่าถูกเติมเหล้าดีกรีสูงลงไปไม่ขาด มือใหญ่ยกแก้วเนื้อดีขึ้นแกว่ง นัยน์ตาสีสดมองของเหลวที่ค่อยหมุนวนแช่มช้า
...เป็นความรู้สึกเจ็บแปลกๆที่หน้าอกด้านซ้ายนี่หรือเปล่า...
นับแต่วันที่ไอ้สวะนั่นโดนฉลามลากลงไป ทุกสิ่งทุกอย่างยังคงติดตรึงและฝังแน่นอยู่ในสมอง ชัดเจนราวเพิ่งเกิดขึ้น
และสิ่งที่เขาไม่มีวันลืมได้เลย คือสิ่งที่เกิดขึ้นในวินาทีถัดมาที่ทุกสิ่งทุกอย่างนิ่งค้างราวโลกหยุดหมุน จำได้ว่าคนที่ไม่เคยเห็หัวใครเช่นเขา เพ่งมองจอมอนิเตอร์ที่ทำการถ่ายทอดนิ่ง เพียงหวังว่าร่างโปร่งบางนั้นจะสามารถว่ายกลับขึ้นมาได้อีกครา
...หากมันไม่ใช่...
มันบีบบังคับให้เขาต้องพูดในสิ่งที่ไม่เคยคิดจะเอ่ย เพื่อกลบเกลื่อนให้ดูราวกับไม่ได้สนใจ
ไม่สนใจไอ้สวะนั่น...
ไม่สนใจความรู้สึกที่แล่นวาบไปทั่วหน้าอกด้านซ้าย...
กล๊อง...,เสียงน้ำแข็งกระทบผนังแก้วดังสะท้อนก้องอยู่ในห้องอันเงียบสงัด
"น่ารำคาญชะมัด..."
ทุกครั้งที่เห็นเจ้านั่น ทำไมเขาจะต้องรู้สึกแบบนี้ด้วย
ทั้งไม่เข้าใจและไม่ชอบความรู้สึกงี่เง่าไร้สาระนี่...
ของเหลวสีอำพันถูกกระดกพรวดเดียวหมด
...บางทีอาจเป็นที่ความรู้สึกผิด...
................................................................................
ร่างโปร่งบางทิ้งตัวลงนอนบนที่นอนนุ่มอย่างขุ่นมัว
...ทำไมต้องไล่กันขนาดนั้นด้วย ไม่พอใจอะไรเขาทำไมไม่พูดตรงๆหล่ะ?...
"ไอ้บอสบ้า!!"
โกรธที่เขาแพ้ในศึกชิงแหวนนั่นก็รู้อยู่ แต่บอกเขามาตรงๆก็ได้นี่...
งี่เง่า! งี่เง่า! งี่เง่า! งี่เง่า! งี่เง่าที่สุด!!!
เส้นผมสีเงินปรกลงปิดใบหน้าจากแรงอาละวาด ให้มือเรียวยกขึ้นเสยเส้นผมเหล่านั้นขึ้น
ดวงตาสีฟ้าใสจ้องมองเส้นไหมสเงินสลวยที่ติดมือขึ้นมา ก่อนนิ่งไปเมื่อตระหนักได้ถึงอะไรบางอย่าง
...8 ปี...
เหมือนจะเนิ่นนาน แต่ก็ราวกับเพียงพริบตา
นับแต่เริ่มคำสาบานจนบัดนี้... ทุกอย่างสิ้นสุดลงแล้ว เจ้าหนูนั่นครองแหวนและกลายเป็นว่าที่รุ่นที่ 10 โดยสมบูรณ์
ส่วนพวกเขากลับต้องมารอคำตัดสินโทษอยู่ที่นี่
มือเรียวกำแน่นเข้าอย่างไม่รู้ตัว จนเส้นผมในมือพันกันยุ่งเหยิง
เส้นผมที่เป็นเสมือนตัวแทนของคำอธิษฐานและคำสาบาน ว่าสายฝนจะรับใช้และไม่มีวันทรยศต่อผืนนภา
เขาพยายามทำตัวให้เหมาะสมและคู่ควรกับการยืนเคียงข้างคนๆนั้น พยายามจนได้ชื่อ 'เทพดาบรุ่นที่สอง' มาไว้ในครอบครอง
...แต่มันก็ไม่เพียงพอ...
เพราะคำสาบานนั้นไม่อาจเป็นจริงได้ดังที่วาดฝันเอาไว้อีกแล้ว
หากตัวเขากลับปล่อยให้เส้นผมนี้ยาวเรื่อยมาโดยไม่ได้ตัดออก
"หมอนั่นคงรำคาญสินะ.."
รำคาญทุกสิ่งที่รวมกันขึ้นเป็นตัวเขา...
"เพราะงั้นแกถึงไล่ฉันสินะ..." น้ำเสียงแหบพร่าบางเบากว่าที่เคย
"เพราะฉันไม่มีประโยชน์กับแกอีกต่อไปแล้ว" สควอโล่พึมพำด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย ถ้อยคำเสียดแทงนั้นราวต้องการตอกย้ำทุกสิ่งกับตนเอง
ตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาตามใจ ยอมตกเป็นเบี้ยล่าง และเป็นฝ่ายรองรับอารมณ์ขึ้นๆลงๆของแซนซัสมาโดยตลอด
...ครานี้ก็คงไม่ต่างออกไป...
หากนภาสีดำนึกรำคาญและไม่อยากเห็นหน้าเขา สวะไร้ค่าเช่นเขาจะทำสิ่งใดได้อีกนอกจาก
...ไม่ไปให้ฝ่ายนั้นเห็นหน้า...
................................................................................
"ได้เวลาอาหารเย็นแล้วจ้า!" ลุซซูเรียที่อาการดีขึ้นหลังนอนหลับไปกว่าครึ่งวัน หิ้วหม้อซุปอุ่นๆมาวางลงบนโต๊ะอาหาร
เบลพุ่งเข้าสู่ที่นั่งประจำเป็นคนแรกพร้อมด้วยมาม่อนที่เกาพอยู่บนหัว "เจ้าชายจะกินซูชิอะ,ชิชิชิ"
"ร่างกายเป็นแบบนี้เจ้ว่ากินซุปไปก่อนดีกว่านะจ๊ะ"
"ก็ได้อะ.." ศีรษะที่ปกคลุมด้วยเส้นไหมสีทองพังพาบลงกับโต๊ะ
"สควอโล่หล่ะ?" เจ้าตัวเล็กที่อยู้บนหัวเบลถามขึ้น
"เจ๊ก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่บอกว่าไม่อยากอาหารคงอาการไม่ค่อยดีมั้ง?"
เจ้าชายโงหัวขึ้นทันที "จริงเหรอ? เดี๋ยวเจ้าชายไปเยี่ยมสควอโล่ดีกว่า ชิชิชิชิชิชิ"
"ก็ดีนะ เจ๊จะได้ยกอาหารขึ้นไปให้ด้วย" กระเทยถึกเห็นพ้อง
"เย้! งั้นเจ้าชายจะทำเค้กไปให้สควอโล่!!"
"อย่าเลยค่าซ่อมครัวมันแพงนะ" มาม่อนถอนหายใจ
แอ๊ด..,เสียงบานประตูใหญ่ดังเบาๆ ให้ทุกสายตาเบือนไปยังต้นเสียง
ร่างสูงใหญ่ของผู้ดำรงยศสูงสุดในวาเรียเดินเข้ามาเงียบๆ ตามด้วยร่างของหัวหน้าหน่วยอัสนี
แซนซัสเดินไปนั่งลงที่หัวโต๊ะทำให้ทุกคนนั่งที่อย่างรวดเร็ว นัยน์ตาสีชาดเบือนมองที่นั่งใกล้ๆที่ยังคงว่างอยู่
"ไอ้ฉลามหัวเน่านั่นไปไหน?"
"สควอโล่บอกว่าไม่อยากกินน่ะบอส" เจ้าชายตอบเสียงใสพลางตักอาหารใส่จาน
"อาการคงยังไม่ค่อยดีขึ้นมั้งคะบอสขา ก็ออกจากโรงพยาบาลก่อนกำหนดตั้งนานนี่นา" หัวหน้าหน่วยอรุณเสริม
"เดี๋ยวพวกเราจะขึ้นไปหาหล่ะ บอสไปด้วยกันมั้ยล่า~" เบลเคี้ยวไปชวนไป
"ไร้สาระ" คนถูกชวนตอบเรียบ ยกแก้วไวน์ในมือขึ้นลิ้มรส
มื้ออาหารดำเนินไปอย่างปกติ แม้ไม่มีคนสีงเกตเห็น แต่โกเมนน้ำเอกนั้นก็เบือนไปยังที่นั่งข้างตัวโดยไม่รู้สึกตนอยู่ตลอดเวลา
...ไม่อยากกินข้าวงั้นเหรอ? ไม่อยากจะเชื่อ...
เรื่องที่บอกว่าอาการไม่ดีนั้นก็ยิ่งเป็นไปไม่ได้ใหญ่ ไม่เข่นนั้นใครกันเล่าที่ตะโกนใส่หน้าเขาเมื่อกลางวัน
'หึ! ไม่อยากเห็นหน้าฉันนักใช่มั้ยวะ!!? ไอ้บอสงี่เง่า!'
ประโยคสุดท้ายที่อีกฝ่ายทิ้งไว้นั่นหรือเปล่า?...
...คงไม่ใช่หรอกมั้ง...
แล้วถ้าอย่างนั้นมันเพราะอะไรกันเล่า??
ยิ่งคิดก็ยิ่งหงุดหงิด คิ้วเข้มมุ่นเข้าหากันก่อนแก้วไวน์นั้นจะแตกละเอียดคามือ "โธ่เว้ย!" เสียงสบถกร้าวให้ผู้ร่วมโต๊ะที่เหลือสะดุ้งสุดตัว
"บ..บอสโกรธอะไรอะ?" เบลหันไปกระซิบกับมาม่อนที่ด้แต่ส่ายหน้าไปมาทั้งๆที่เหงื่อตก เขาจึงหันไปกระตุกชายเสื้อของลุสซูเรียที่นั่งอีกด้านแทน
"เจ้ว่า...อย่าเพิ่งพูดอะไรเลยดีกว่านะ"
"ฉันว่าเพราะนายกินเสียงดังแน่เลยเบล..." มาม่อนว่า
"มาม่อนนั่นแหละเอาแต่นั่งคิดค่าอาหารมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว...." เบลสวน
"ทั้งสองคนอย่าเถียงกันเลยน่า" ลุสซูเรียปราม
"แต่ว่า.." สองหน่อประสานเสียง
ปึง!!!,เสียงทุบโต๊ะดังลั่นส่งทุกอย่างสู่ความเงียบงัน ร่างสูงแผ่รัศมีไม่น่าเข้าใกล้โดยชัดเจน
ไม่พูดกล่าวแซนซัสเพียงหมุนตัวเดินออกจากโต๊ะอาหาร ทำให้ทุกคนที่เหลือต้องรีบดึงสติกลับมา
"อ๊ะ? เจ้ไปหาสควอโล่ดีกว่า..." ลุสซูเรียลุกหนีไปเตรียมถาดอาหาร
"เจ้าชายไปช่วย!!"
"เบลรอด้วยฉันจะไปทางนั้นพอดี..เลวี่ไปมั้ย?" มาม่อนหันไปถามคนที่นั่งแข็งทื่อไปแล้ว
"ม..ไม่เป็นไร.. ฉันนึกขึ้นมาได้ว่ามีธุระนิดหน่อย"
สุดท้ายทั้ง 4 หน่อจึงสลายโต๋อย่างรวดเร็ว ...ไม่ว่าใครจะมองว่าขี้ขลาดหรืออะไรก็ตาม แต่การเข้าใกล้บอสของพวกเขในยามนี้นั้นเป็นอะไรที่โง่ที่สุดแล้ว...
ส่วนต้นตอของความหวาดกลัวก็เดินกลับห้องโดยไม่สนใจอะไรอีกเลย
สามทหารเสือที่บุกบั่นมาจนถึงห้องของฉลามคลั่งได้สำเร็จก็เคะาประตูและผลุบหายเข้าไปอย่างรวดเร็วเมื่อเจ้าของห้องอนุญาต
"สควอโล่เป็นยังไงมั่ง? ชิชิชิชิชิชิชิชิ" เบลกระโดดึ๋งขึ้นไปกอดคนที่นอนอยู่บนเตียง
"ทำอะไรวะ!!? ออกไปนะโว้ยยยย" คนถูกกอดยกเท้าขึ้นถีบเจ้าชายตัวแสบ
หลังรบกันอย่างอึกทึกครึกโครมอยู่พักหนึ่ง เบลก็ยอมนั่งลงอย่างสงบพร้อมมาม่อนและลุซซูเรีย
"ตกลงพวกแกมาทำอะไรที่นี่?" เจ้าของห้องยืนกอดอกถามอย่างไม่พอใจ
"เจ๊เห็นว่าสควอโล่ไม่ยอมลงไปกินข้าว ก็เลยยกซุปขึ้นมาให้น่ะจ้ะ"หัวหน้าแก๊งตอบ ลูกไล่อีกสองคนก็รีบพยักหน้ายืนยันหลายๆที
ร่างโปร่งพยักหน้าเข้าใจแกมระอา ก่อนรับถาดอาหารมาวางลงที่โต๊ะข้างเตียง
"นี่ๆ ทำไมสควอโล่ไม่ยอมลงไปกินข้าวข้างล่างล่ะ? เมื่อกี้บอสหงุดหงิดน่ากลัวมาเลย...บรื๋อ~~" เบลเปิดบทสนทนาอีกครั้ง
...บอสหงุดหงิดงั้นเหรอ?...
"แล้วไง?" ร่างบางเอ่ยอย่างไม่ยี่หระ
"โกรธอะไรก็ไม่รู้อะ ขนาดบีบแก้วแตกคามือเลย..."
"บอสก็หงุดหงิดทั้งวันอยู่แล้วนี่ แปลกตรงไหน?"
"อืม" อีกสามคนนิ่งคิดตามอย่างเพิ่งนึกออก
...ที่รู้สึกว่าบอสโมโหมากกว่าปกตินั้นอาจเป็นเพราะ วันนี้ไม่มีสควอโล่คอยทุ่มเถียงด้วยต่างหาก...
บทสนทนาเรื่อยเจื้อยดำเนินต่อไปอีกพักใหญ่ก่อนทุกคนจะแยกย้ายกันกลับห้องนอน
ร่างโปร่งบางเกินบุรุษกลับขึ้นไปนอนบนเตียงหลังทุกคนเดินออกไป เสียงถอนหายใจดังเหยียดยาว
...ทำไมนะ? แค่ไม่ได้เห็นหน้าโหดๆนั่นแค่ครึ่งวันเขาก็รู้สึกไม่ดีเสียแล้ว...
เพราะปกติอยู่ด้วยกันตลอดรึไงนะ?
เพราะไม่มีน้ำเสียงทรงอำนาจมาคอยสั่งราวกับเขาเป็นข้าทาส?
เพราะไม่มีแก้วที่ปามาใส่ให้คอยหลบ?
หรือเพราะ..คิดถึง?...
มวลความคิดหยุดลง ทุกสิ่งชะงักกึก
"ฮะๆ คิดถึงบ้าบออะไร เรานี่ท่าจะเพ้อใหญ่แล้วนะเนี่ย"ร่างโปร่งหัวเราะเบาๆกับความคิดนั้น
...ปกติออกไปทำงานข้างนอกคนเดียวเป็นอาทิตย์ยังไม่เคยรู้สึก...
แต่ว่าถ้าอย่างนั้นแล้ว...
...ความรู้สึกที่มีนี้มันอะไรกันล่ะ?...
-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*
นี่เป็นแฟนฟิคชั่นเรื่องยาวเรื่องแรกยังไงก็ฝากด้วยนะครับ
เข้ามาเปลี่ยนวันที่เครี้ยกๆ
ความคิดเห็น