ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    take it to you

    ลำดับตอนที่ #6 : Battle Royal [1](Rewrite 100%)

    • อัปเดตล่าสุด 29 เม.ย. 50


              "เฮ้! คีฟเจ้าอยู่ที่ไหนกันน่ะ?" เสียงใสๆพยายามตะโกนเรียกหาเพื่อนในขณะที่เรียวขายาวนั้นเดินไปอย่างไม่มีจุดหมาย

              "ข้าได้มาครบแล้วนะ!!" เคนยังคงพาร่างโปร่งบางของตัวเองเดินทะลุแนวป่าไปเรื่อยๆ....



               เมื่อ 3 ชั่วโมงก่อน.....

              "ขอต้อนรับทุกคนเข้าสู่ การคัดเลือกในรอบที่ 2 ข้าอยากจะบอกมานานแล้วว่า การที่คนเยอะๆแบบนี้ มันช่างทำให้รู้สึกรำคาญจนทนไม่ไหว.."แอนทิสกล่าวเปิดงาน ชุดเสื้อป้ายสีสะอาด เชือกคาดสีเทาหม่นนั้นไม่ได้ทำให้สิ่งที่สวมใส่ดูขัดตาเลยแม้แต่น้อย น้ำเสียงและใบหน้าที่มักจะสดใสนั้นดูอิดโรยเล็กน้อยเหมือนคนอดนอน

              "ดังนั้นวันนี้เราจะคัดคนเหลือเพียงสิบคนเท่านั้น ด้วยการแข่ง Battle Royal ซึ่งเป็นสิ่งที่ข้าสละเวลานอนอันแสนล้ำค่าไปถึงห้านาที" เสียงงัวเงียนั้นกล่าวเน้น ในช่วงสุดท้ายของประโยคมากเป็นพิเศษ ราวกับว่ามันเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างเปรียบไม่ได้

              คนฟังยิ่งเงียบลงกว่าเดิม แต่ก็ไม่มีทีท่าว่าคนพูดจะสนใจอะไร...จนกระทั่ง.....

              "ปรกติเจ้าเข้านอนเมื่อไหร่กัน?" เคนโพล่งถามขึ้น เสียงใสๆนั้นดึงความสนใจจากทุกคนให้หันมาเป็นตาเดียว

              "มันก็แน่อยู่แล้ว...เพื่อความสมบูรณ์ทั้งทางสุขภาพกาย สุขภาพจิต มนุษย์ควรนอนวันละไม่ต่ำกว่า 2 ชั่วยาม ปรกติข้าเข้านอนหลังอาทิตย์ตกดินหนึ่งชั่วยามไม่ขาดไม่เกิน ยกเว้นเมื่อวาน"นัยน์ตาสีอ่อนนั้นเบือนไปทางต้นเยงชั่ววินาที ก่อนจะระบายรอยยิ้มอ่อนๆ แล้วจึงเอ่ยตอบ 

               เลนาร์ดที่ยืนคุมสถานการณ์อยู่ข้างๆ ลอบถอนหายใจออกมาเบาๆ เพราะสิ่งที่คนข้างๆเขากล่าวออกมาแต่ละถ้อยคำนั้น ล้วนทำให้คนที่ยืนฟังเงียบลงไปเรื่อยๆ

              "เอาเถอะ...เข้าเรื่องดีกว่า..พวกเจ้าคงจะได้รับแผ่นป้ายสีขาวคนละแผ่นตอนที่รายงานตัวเรียบร้อยแล้ว คนที่จะผ่านการทดสอบนี้ คือคนที่เก็บรักษาและรวบรวมให้ครบสิบแผ่น ป่าทางด้านตะวันตกทั้งหมดคือสถานที่ที่ใช้ในรอบนี้... จบ..."ร่างบนเวทีนั้นหมุนตัวกลับทันทีที่สิ้นคำพูด

               "จบเนี่ยนะ!!?แล้วสัญญาณเริ่มล่ะ?"ทุกคนตะโกนขึ้นพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย 

              คนโดนเรียกตัวทำหน้าเบื่อหน่ายเล็กน้อยก่อนจะหันกลับมา "ก็..ข้าลับสายตาเมื่อไหร่ก็เริ่มเลยละกัน" พูดจบแอนทิสก็หมุนตัวเดินไปหลังเวทีอย่างไม่รอช้า

              ทันทีที่ร่างของเขาลับสายตาไป เสียงเฮก็ดังขึ้น พร้อมกับความอลหม่านทันที สองคู่หูกระโดดหนีจากวงล้อมอันแสนวุ่นวาย แล้วกระโจนขึ้นไปบนต้นไม้ใกล้ๆ

              "เอาไงดีคีฟ?" เคนถามด้วยน้ำเสียงร่าเริงเหมือนกำลังสนุกกับเหตุการณ์ตรงหน้า

              "อืมม...ความจริงเราก็น่าจะอยู่ใกล้ๆกันไว้ แล้วร่วมมือกันจะดีกว่านะ แต่ว่า..."เสียงทุ้มนุ่มตอบกลับอย่างค้างๆคาๆ

              "แต่?" 

              "ข้าไม่อยากจะอยู่ติดกับเจ้าตลอดเวลาหรอก ใครได้ป้ายครบก็มาที่นี่ก็แล้วกัน" พูดจบร่างสูงก็เหวี่ยงตัวลงจากกิ่งไม้ที่ยืนอยู่ ก่อนจะหายตัวเข้าไปในป่า

              "อ้าว! เฮ้!" เคนตะโกนรั้งไว้ แต่ไม่ทันซะแล้วร่างของคู่หูหายลึกไปในป่าเสียแล้ว

              "แล้วข้าจะเอาอย่างไรดีนะ?" เขาเอ่ยขึ้นลอยๆเหมือนต้องการหาคำตอบให้ตัวเอง ริมฝีปากบางระบายลมหายใจเล็กน้อย ก่อนจะตัดสินใจกระโดดลงมา

              'อืม..คีฟไม่อยู่เราก็ต้องจัดการเองน่ะสิ คนกว่าหกสิบก็ตะลุมบอนกันอยู่ตรงหน้า ส่วนอีกไม่ถึงสี่สิบก็เข้าไปในป่า อย่างไรข้างหน้านี่ก็หาง่ายกว่าเห็นๆ ใช้วิธีแบบเคยๆก็คงได้...' ไวเท่าความคิดเรียวขายาวนั้นออกวิ่งตรงไปยัง กลุ่มฝุ่นทรายตรงหน้า...

              เคนวิ่งไปยังกลุ่มคนสี่คน ที่กำลังสู้กันโดยไม่ใส่ใจรอบข้าง สำหรับเขสมันเป็นการเปิดช่องว่างอย่างหนึ่ง เขาวิ่งผ่านเป้าหมายไปอย่างรวดเร็ว แล้วออกมายินยิ้มกับผลงานในมือ อย่างสบายใจพลางคิดว่า 'วิธีเคยๆ' ก็ยังใช้ได้กับพวกทึ่มๆเหมือนเดิม....

              "เฮ้ย! ป้ายของแกไปไหนวะ?" เสียงหนึ่งดังขึ้นเมื่อสายตาไปหยุดที่อกเสื้อของคู่ต่อสู้

              "เออ..จริงด้วย ของเจ้าก็เหมือนกัน" เสียงที่สองดังตามอย่างรู้ตัว

              "ของข้าก็ด้วย..."เสียงที่สามและสี่ดังตามมาเมื่อ สายตาไปอยู่ที่อกเสื้อตัวเอง

              เหมือนฟ้าดลใจ พระเจ้าประทานพร เทวีส่งใจช่วย ทุกสายตาไปหยุดยังคนที่ถือป้ายยืนส่งยิ้มให้อยู่ข้างหลัง

              "เฮ้ย นั่นไง มันเป็นคนเอาไป" ชายคนหนึ่งชี้มาที่เคนพร้อมคำสบถด่า

              "อ้าวๆ ก็แอนทิสบอกแล้วนี่ว่าวิธีไหนก็ได้น่ะ ไม่ใช่รึไง?" เสียงใสๆนั้นกล่าวตอบอย่างไร้เดียงสา แต่คนที่เหลือกลับรู้สึกว่ามันช่างกวนอวัยวะเบื้องต่ำสิ้นดี

              "ไม่รู้โว้ย!! พวกเรารุมมัน!!!" ชายคนเดิมตะโกนสั่ง

              ชายรูปร่างบึกบึนทั้งสี่กระโจนเข้าใส่ คนที่เอาแต่ยืนผิวปากอารมณ์ดีอย่างหมายจะทำร้าย

              "เฮ้อ..ยุ่งยากจริงๆ มิน่าเจ้านั่นถึงได้เข้าป่าไป...." เคนพึมพำกับตัวเองก่อนจะนึกอะไรได้ "เมื่อเป็นอย่างนี้ก็ต้องวิชาลับก้นหีบ"

              ร่างโปร่งย่อตัวลงกับพื้น ทำให้คนที่พุ่งเข้าใส่หยุดชะงักลง อย่างหวาดระแวง 

              "เอาล่ะ!" เคนพุ่งเข้าใส่คนสี่คนที่ยืนอึ้งอยู่อย่างรวดเร็ว ส่งผลให้ทั้งสี่คนต้องผงะถอยอย่างตกใจ

              "เฮ้ย นั่นเจ้าต้งใจจะทำอะไรกัน?" หนึ่งในกลุ่มคนนั้นตะโกนไล่หลังไป เมื่อรู้สึกตัว

              "หนีน่ะสิ!!" คนถูกถามตะโกนกลับอย่างอารมณ์ดี แต่ก่อนที่สี่คนนั้นจะทำอะไร เขาก็วิ่งหายไป ในกลุ่มควันของการต่อสู้ซะแล้ว

              "ฮะๆๆ สะใจดีจริงๆ" เคนวิ่งไปหัวเราะไปจนไปเจอกับชายรูปร่างอัปลักษณ์สองคน ซึ่งยืนอยู่ท่ามกลางวงล้อมของคนกว่าสิบคน ที่ใกล้ๆกันนั้น ร่างของคนจำนวนไม่น้อยล้มนอนอยู่

              ชายคนหนึ่งรูปร่างสูงใหญ่กล้ามเป็นมัดๆ นัยน์ตาหนึ่งข้างมืดบอดมีรอยโดนมีดหรืออะไรซักอย่างบาดจนเป็นแผลเป็น นัยน์ตาอีกข้างก็ดูเล็กหยีไม่เข้ากับขนาดตัว ผิวที่ดูหยาบกร้านนั้นเต็มไปด้วยริ้วรอยของการต่อสู้ ในมือมีกระบองเหล็กขนาดยักษ์ท่าทางมีน้ำหนักมาก

              คนที่สองรูปร่างเล็กกว่าเล็กน้อย หน้าตาคล้ายคนแรกเสียแต่ว่าตาไม่บอดก็เท่านั้น ในมือถือดาบอันใหญ่โตที่มีรอยเลือดติดอยู่ แล้วนัยน์ตาสีน้ำตาลซุกซนนั้นก็ต้องชะงักกึก เมื่อพบกับสิ่งที่ต้องการค้นหาเกือบยี่สิบอันในมือคนร่างเล็กกว่า

              เคนเดินตรงไปหาสองคนนั้นแทบจะในทันทีที่พิจารณาเสร็จ เมื่อเดินเข้าไปใกล้ๆจึงพบว่าตัวเขาซึ่งนับว่าสูงกว่าคนทั่วไป กลับสูงได้ไม่ถึงไหล่เลยด้วยซ้ำ

              "อ้าว! ไอ้เปี๊ยกหน้าหวานนี่มันใครกันล่ะเนี่ย?" ชายตาเดียวพูดขึ้นเมื่อร่างของเขาขยับเข้าไปใกล้

              เคนชะงักกึกด้วยความฉุน ว่าเขาว่าตัวเล็กซึ่งคนอย่างเขาไม่เคยโดนว่าอย่างนี้มาก่อนเลยในประวัติการณ์ แล้วยังจะมาพูดถึงสิ่งที่เขาเกลียดที่สุด ซึ่งก็คือ...หน้าหวาน...แบบนี้ คิ้วเรียวๆนั่นเลยย่นเข้าหากันอย่างไม่พอใจ

             "ข้าต้องการมาพูดกับพวกเจ้าดีๆแท้ๆ แต่แบบนี้ไม่ไหวแล้วนะ..."น้ำเสียงที่มักจะสดใสอยู่เสมอขุ่นขึ้นด้วยความไม่พอใจ

             "ฮ่าๆๆ พูดดีๆงั้นเหรอ? ท่าทางมันจะไม่รู้จักเราสองพี่น้องสไนปป์ซะแล้ว" ชายร่างยักษ์ 2 คนระเบิดหัวเราะออกมาอย่างไม่ไว้หน้า

             "หึ สไนปป์รึชื่อ ทุ เ ร ศ เหมาะกับหน้าตาพวกเจ้าดีนะ"เสียงขุ่นที่แปรเปลี่ยนเป็นน้ำเสียงเย็นดังขึ้นท่ามกลางเสียงหัวเราะอย่างบ้าคลั่งนั้น

             "อึก! เฮ้ย!เจ้าอยากลองดีใช่มั้ย เรารุมมันเลยดีกว่าพี่" เมื่อชายร่างเล็กกว่าพูดจบ ทั้งสองคนก็พุ่งเข้าใส่เคนแทบจะในทันที

             ริมฝีปากบางกระตุกยิ้มน้อยๆ ก่อนที่จะดึงดาบออกมา และกวาดขาลงตั้งรับ

             เหมือนบรรยากาศโดยรอบถูกดูดดึงเข้ามา การเคลื่อนไหวทั้งหมดแทบจะหยุดนิ่ง เมื่อรังสีที่แผ่กระจายออกมาจากร่างบางนั้นตรึงทุกอย่างไม่ให้ขยับไหว นอกจากคู่ต่อสู้ของเขา ทุกสายตาในบริเวณนั้น จ้องมองมายังการต่อสู้ที่เกิดขึ้นท่ามกลางกลุ่มควัน

             ผู้ที่ตัดสินใจตั้งรับไม่สนใจรอบข้างแม้แต่น้อย เขารอจังหวะให้สองคนนั้นเข้ามาใกล้ แล้วจึงกระโดดขึ้นไป แรงที่ขาเรียวยาวถีบลงมายังไหล่ของสไนปป์คนน้องนั้นทำให้ต้องทรุดไปเลยทีเดียว

             ผู้เป็นพี่ก็พยายามกระหน่ำฟาดกระบองเข้าใส่ร่างโปร่งบาง เมื่อน้องชายของเขาต้องทรุดนั่งลงกับพื้น ท่อนแขนใหญ่ๆนั้นเหวี่ยงไปมาอย่างรวดเร็วและรุนแรง แต่ดูจะไม่เป็นผลเอาเสียเลยเมื่อคู่ต่อสู้หลบได้ทั้งหมด แถมยังจงใจฟันแบบถากๆ ให้เลือดไหลซิบๆ

             ยิ่งต่อสู้ร่างที่ใหญ่กว่าถึงสองเท่ายิ่งเพลี่ยงพล้ำ เหมือนทุกการเคลื่อนไหวนั้นถูกควบคุมไว้ทั้งหมด ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ถูกเดาทางได้อย่างง่ายดาย

             ความมกลัวที่ไม่เคยมี เริ่มหลั่งล้นออกมาทีละน้อย พร้อมๆกับหยาดเหงื่อและเลือดสีสด ไม่มีทางเลือกแล้วหากเป็นอย่างนี้ต้องตายแน่... 

             อะดรีนาลีนที่ฉีดพุ่งอยู่ในร่างกายนั้นทำให้เขายิ่งกวาดมือเปะปะ ปลายกระบองของเขาปาดถูกใบหน้านวลใสนั้นจนได้ในที่สุด ทำให้เหตุการณ์ทั้งหมดหยุดนิ่งลง

             มือเรียวยกขึ้นปาดหยาดเลือดบนแก้มของเขา ของเหลวสีสดนั้นเปื้อนไปทั่ว เรียวคิ้วสีอ่อนขมวดมุ่นเป็นปม ลูกแก้วสีน้ำตาลอ่อนนั้นเย็นยะเยียบ

             ใบหน้าเรียวนั้นค่อยๆเบือนไปหาผู้ที่ทำร้ายเขา กลีบปากนั้นขยับพูดเบาๆ "หมดเวลาเล่นสนุกแล้ว สองพี่น้องจะปิดเกมล่ะนะ" ทันทีที่จบคำพูด เขาก็พุ่งเข้าใส่เป้าหมายทันที

             "อ๊ากก...เรายอมแพ้แล้วๆๆ" คนตัวยักษ์ทั้งสองค่อยๆถอยห่างร่างบางที่สาวขาเข้ามาใกล้พวกเขาอย่างช้าๆ ริมฝีปากพร่ำขอร้องให้อภัย แต่คนที่ก้าวเข้ามานั้นกลับฉุนขาดเกินกว่าจะฟังใครซะแล้ว

             "จะบอกอะไรอย่างนะ....อย่าทำให้ข้าโกรธจะดีกว่า" รอยยิ้มที่ดูสดใสขัดกับการกระทำนั้นถูกมอบให้คนสองคนตรงหน้า แขนเรียวเสือกดาบไปข้างหน้า และทุกอย่างก็พลันเงียบสนิท....
    ***********-----------------***********-----------------

    ในที่สุดเราก็รีบทนี้จบจนได้กร๊าซซซซซซซซซซซซซซซซซซ...

    (เกลียดไอซีทีมั่กมากเลย มันปิดบอร์ดเราไป 2 บอร์ดแล้วเนี่ย TT[]TT)
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×