ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    take it to you

    ลำดับตอนที่ #5 : การแข่งขันรอบแรก(Rewrite 100%)

    • อัปเดตล่าสุด 21 เม.ย. 50


             "ขอต้อนรับ ผู้เข้าชิงตำแหน่งพนักงานพิเศษทุกท่าน ข้าคือแอนทิส เรกการ์ด เจ้าของบริษัทมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่...."แอนทิสในมาดประธานบริษัท ชุดที่เรียบง่ายแต่กลับโดดเด่นอย่างอธิบายไม่ถูก เรือนผมยุ่งถูกหวีจนเรียบร้อย นัยน์ตาที่ทอประกายอย่างจริงจังต่างจากเดิมอย่างเห็นได้ชัด

             เคนกับคีฟซึ่งยืนฟังอยู่แถวหน้าๆก็ดู เหมือนว่าจะไม่สนใจฟังซักเท่าไหร่  เมื่อคนหนึ่งได้แต่ยืนหาวหวอดๆอย่างเบื่อหน่ายและอีกคนก็ยืนหันรีหันขวางอย่างไม่สนใจ

             แต่การกระทำทั้งหมดกลับถูกดึงความสนใจไปด้วยประโยคๆหนึ่ง "...ต่อไปจะเป็น กำหนดการการแข่งขัน เนื่องมาจากมีผู้สมัครเข้ามาถึง 1500 คู่หรือ 3000 คน เพื่อเป็นการลดจำนวนผู้เข้ารับการทดสอบทั้งหมด และเพื่อความสบายตา เราจึงจะคัดเหลือเพียงแค่ 100คนเท่านั้น" 

              เสียงผู้คนหน้าเวทีดังเซ็งแซ่เมื่อทราบว่า ผู้เข้าสมัครจะถูกลดลงจนเหลือเพียงร้อยเดียว

              "คีฟ เจ้าว่าจะไหวรึเปล่าน่ะ?"เสียงนุ่มถามกระเซ้าเล่นกับคนข้างกาย 

              ผู้ถูกถามกลับเพียงแค่ส่งสายตากลับมาเหมือนเป็นนัยว่า..ให้รอดู...

              "เอาล่ะ ต่อไปขอให้ทุกคนไปยืนรวมกันที่ซุ้มรายงานตัวด้วย เราจะให้วิ่งแข่งกันรอบเมือง โดยมีกติกาว่าห้ามวิ่งเข้าไปในตัวเมืองโดยเด็ดขาด" 

             "วิ่งแข่งเนี่ยนะ!!!" เสียงตะโกนจากผู้คนนับพันดังขึ้นทันทีที่จบคำพูด

             สองคู่หูส่ายหน้าเบาๆแต่ก็ทำตามโดยดี ตอนนี้ที่จุดรายงานมีเพียงเสาไม้ที่ใช้เป็นจุดเริ่มเท่านั้น

             "หึหึ ตัวเล็กอย่างนี้จะชนะได้เรอะ? น่าขำว่ะ" เสียงแหบแทบฟังไม่เป็นคำสบถถ้อยคำเหยียดหยามจากเบื้องหลัง

             ลูกแก้วสีน้ำตาลอ่อนและสีเปลือกไม้ตวัดมองต้นเสียง ชายรูปร่างอัปลักษณ์ยืนเหยียดยิ้ม นัยน์ตาที่เล็กเมื่อเทียบกับขนาดตัวมองรอบด้านอย่างหยามเหยียด

             "หึ..นอกจากจะตัวเล็กแล้วยังหน้าสวยทั้งคู่ มาเป็นกำลังใจให้พวกเราดีกว่ามั้ง?" คู่หูอัปลักษณ์อีกคนเอ่ยขึ้นด้วยวาจาเสียดแทง

             ริมฝีปากได้รูปที่กำลังจะเอ่ยพูดหยุดชะงัก เมื่อผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นเจ้าของบริษัทวิ่งเข้ามา "เฮ้! เคน! คีฟ! กำลังทำอะไรอยู่น่ะ?" 

             "นี่ แอนทิส เจ้าเป็นเจ้าของบริษัทสินะ ก็แปลว่า กฎทั้งหมดเจ้าเป็นคนคิด" ชายผมสีนำตาลแดงเหยียดยิ้มอย่างน่าขนลุกก่อนจะถามเรียบๆ

             "ใช่อยู่แล้ว" 

             "ที่ว่าถ้าตายจะไม่มีการรับผิดชอบ ก็คือ ฆ่ากันได้ถูกหรือเปล่า?" 

             "ใช่" แอนทิสตอบงงๆ "ทำไม?มีอะไร?"

             "เปล่า..ไม่มีอะไร" 

             "ถ้าอย่างนั้นข้าไปก่อนล่ะ ขอให้โชคดี" แอนทิสโบกมือลา ก่อนจะจากไปอย่างรวดเร็ว

             "โอ้โห รู้จักท่านประธานซะด้วยสุดสวยทั้งสองจะเล่นเส้นรึไงจ๊ะ?" คำพูดดูถูกและน้ำเสียงน่าสะอิดสะเอียนเอ่ยต่อทันทีที่ร่างของผู้เป็นเจ้าของงานจากไป

             ผู้ถูกว่ายืนนิ่งไม่ใส่ใจ "นี่ แอนทิสบอกว่าอะไรเหรอ?" เคนถามขึ้น

             "อ๋อ..ก็บอกว่า 'ฆ่าได้' น่ะสิ" เสียงทุ้มเย็นตอบ เป็นทำให้เคนยิ้มออกมาเลยทีเดียว

             "นี่ พวกเจ้าจะทำไม่สนก็ตามใจ เพราะถึงยังไงพวกเจ้าก็ต้องแพ้อยู่ดี ฮ่าๆๆๆ" เสียงน่าเกลียดเอ่ยขึ้นขัดบทสนทนา

             "เอาล่ะ ได้เวลาแล้ว!"เสียงที่ลอยมาทำให้บทสนทนาและกิจกรรมทุกอย่างหยุดลง ความสนใจทั้งหมดเบนไปหาต้นเสียง

             เสียงสัญญาณดังขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัว ผู้เข้าแข่งขันทุกคนวิ่งออกจากจุดเริ่มอย่างค่อนข้างทุลักทุเล

             "คีฟ เอาไงดี" เคนถามขณะเริ่มออกวิ่ง

             "เจ้าฆ่าสิ แล้วข้าจะทำให้มันหายไปเอง" น้ำเสียงเรียบเย็นตอบกลับ

             "ก็ดีแต่รีบๆเข้าล่ะ" ริมฝีปากบางขยับพูดก่อนจะเบือนหน้าไปอีกทาง 

             สิ้นคำทั้งสองก็เลือนหายไปจากที่ตรงนั้น ก่อนที่ร่างโปร่งบางจะไปปรากฏยังด้านหลังของเป้าหมายทั้งสอง ในขณะที่อีกร่างนั้นขึ้นไปยืนอยู่บนกิ่งไม้ใหญ่

             "ลงมือ.." น้ำเสียงเย็นๆนั้นกล่าวเรียบๆเหมือนเป็นการให้สัญญาณ

             ตัวดาบคมวาวถูกดึงออกจากฝักอย่างรวดเร็ว ก่อนจะถูกตวัดผ่านลำคอของชายร่างยักษ์ทั้งสองคนนั้นอย่างรวดเร็ว จนเห็นเป็นเพียงแนวอากาศบางๆเท่านั้น ริมฝีปากบางคลี่ยิ้มเย็นให้กับร่างไร้วิญญาณ พลางขยับเอื้อนบางเบา "ลาก่อน.."

             ร่างที่ไร้ลมหายใจนั้นเริ่มโคลงเคลงอย่างทรงตัวไม่ได้ แต่ยังไม่ทันที่ทั้งสองร่างจะล้มลง ลูกเพลิงขนาดยักษ์ก็พุ่งเข้ามาและห่อหุ้มร่างเหล่านั้นไว้

             เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นตรึงทุกสิ่งไม่ให้ขยับไหว ทั้งสายตาหรือแม้แต่เสียงลมหายใจ ร่างในเปลวเพลิงสีแดงฉานนั้นค่อยกลืนหายไปกับกลุ่มเพลิงซึ่งเริ่มม้วนตัวและเลือนหายไปราวกับไม่เคยมีสิ่งใดเกิดขึ้น คงเหลือเพียงร่างโปร่งบางที่ยังคงยืนนิ่งอย่างไม่แยแสต่อสิ่งรอบข้าง เรือนผมสีอ่อนนั้นปลิวไสวรับกับแรงลม กลีบปากบางยังคงเปื้อนรอยยิ้มที่เย็นชาไม่สมกับใบหน้า

             แต่ในทันทีที่อีกร่างนั้นมาปรากฏตัวอยู่ด้านข้าง รอยยิ้มที่เคยน่ากลัวก็กลับกลายเป็นรอยยิ้มร่าเริง บรรยากาศกดดันโดยรอบจางหายไปอย่างรวดเร็ว

             ทั้งสองคนฉวยโอกาสช่วงที่ทุกคนหยุดยืนออกวิ่งอย่างรวดเร็ว โดยผ่านมาทางเหนือของเมืองซึ่งเป็นท่าเรือ และท่าขนส่ง ซึ่งถูกใช้เป็นเส้นทางผ่านเข้าออกประเทศ หนึ่งในไม่กี่แห่งของทั้งหมด ทุกประเทศที่ต้องการมาติดต่อค้าขายนั้น จะต้องใช้เส้นทางนี้เท่านั้น เพราะกรมการค้านั้นถูกตั้งอยู่ ณ ใจกลางเมืองดาล์ฟ

              นับได้ว่าเมืองท่าอย่างดาล์ฟนั้น มีความสำคัญพอๆกับอารีนซึ่งเป็นเมืองหลวงของประเทศอารามีร์แห่งนี้เลยทีเดียว และเนื่องจากติดทะเลจึงทำให้มีแหล่งท่องเที่ยวที่แสนสวยงามมากมาย ทำให้เป็นที่ๆมีทั้งแสงสีและความคึกคักซึ่งแทบจะกลายเป็นสัญลักษณ์ของเมืองท่าแห่งนี้เสียแล้ว

             ปลาสดๆที่เพิ่งจะถูกจับมามากมายถูกนำมามัดรวมกันบ้าง ถูกโยนลงในถังน้ำเพื่อส่งเข้าไปยังตลาดในตัวเมืองบ้าง

             สองคู่หูหันมาพยักหน้าให้กัน ก่อนจะแยกกันวิ่งอีกครั้ง โดยที่คีฟวิ่งไปทางหน้า ชาวประมงคนหนึ่งแล้วปาก้อนหินไปชนกับตัวเรือเพื่อเรียกความสนใจ ส่วนเคนก็แอบไปข้างหลังหยิบปลาที่เขาผูกรวมกันไว้ ไปทั้งพวง แล้วส่งสัญญาณให้คีฟโดยการปาก้อนหินอีกครั้ง

             ทั้งสองรีบวิ่งออกจากท่าเรือทันทีก่อนที่จะมีคนรู้ตัว เมื่อพ้นสายตาเคนก็แยกปลาออกมาครึ่งหนึ่งเพื่อโยนไปให้คีฟช่วยถือ เสียงหัวเราะเบาๆดังมาเกือบตลอดทาง 

             เมื่อมาถึงชายป่าตะวันออกซึ่งเป็นประตูเมือง ซึ่งสามารถใช้เป็นทางลัดที่ตัดตรงสู่ป่าตะวันตกหรือจุดหมายปลายทางของการแข่งขันครั้งนี้ เป็นทางที่ไม่ว่าใครก็รู้ดี แต่ถึงอย่างนั้นคีฟและเคนกลับตัดสินใจที่จะไม่ใช้เส้นทางนั้น เพราะลางสังหรณ์ถึงสิ่งที่ไม่ชอบมาพากลบางอย่างพาให้พวกเขาทำอย่างนั้น

             ขาทั้งสองคู่เริ่มลดความเร็วลงเรื่อยๆ จากวิ่ง...กลายเป็นเดิน...ด้วยเหตุผลเล็กๆอย่าง 'เป็นการพักเหนื่อยเล็กน้อย' ปลาที่แบกมาด้วยถูกนำมาย่าง เมื่อทั้งสองคนนั้นเปลี่ยนจากเดินมาเป็นนั่งเล่นอย่างสบายใจ แต่ทว่านั่งไปได้ครู่เดียวเท่านั้น 
            
             ในตอนที่ปลาที่กำลังย่างไว้เริ่มสุก ร่างไม่ได้รับเชิญทั้งสองก็พลันปรากฏอยู่ด้านหลังของคีฟและเคนพอดี โดยที่ทั้งสองคนนั้นยังไม่ทันรู้สึกตัว แม้ว่าจะนั่งหันหน้าเข้าหากันก็ตาม

             ความรู้สึกเย็นๆเกิดที่ลำคอเพราะถูกทาบด้วยคมเปล่าเปลือยของโลหะ ชวนให้รู้สึกแปลกๆ แม้ไม่สามารถมองเห็น แต่ในสถานการณ์แบบนี้ทำให้รับรู้ได้เองว่ามันจะต้องเป็นมีดสั้นอย่างแน่นอน

             "ย่างปลากินกันสบายใจเชียวนะ" เสียงต่ำดังขึ้นจากหลังใบหูของคีฟ

             มือแข็งแรงของผู้ที่ถูกขู่ส่งปลาไปทางด้านหลังแล้วพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ "เจ้าอยากกินอย่างนั้นหรือ?" 

             "หา!!จะ...เจ้าดูถูกกันมากไปแล้วนะ"  ชายคนนั้นตวาดเสียงดัง มือหนานั้นกระชับมีดเข้าหาลำคอขาวมากขึ้น จนเลือดสีสดไหลซึมลงมา ถึงจะไม่แสดงออกทางสีหน้าแต่เจ้าตัวเองก็รู้สึกได้ 

              เคนถึงกับนั่งไม่ติดทันทีที่เห็นของเหลวสีสดที่ลำคอของผู้เป็นเพื่อน แต่ร่างโปร่งบางนั้นกลับถูกกระชากให้นั่งลงเหมือนเดิม ด้วยมือของใครบางคนที่อยู่ด้านหลัง ข้อมือบางถูกบิดให้ไขว้อยู่ด้านหลัง จนรู้สึกเจ็บปลาบ "โอ๊ย!!"

             นัยน์ตาสีน้ำตาลแดงที่เคยเรียบเฉยทอประกายกร้าว น้ำเสียงเย็นเอ่ยถามผู้มาเยือน "แล้วพวกเจ้ามีธุระอะไร?.." 

             "หึ น่าขำนัก อย่างเจ้าน่ะมีสิทธิ์ถามด้วยรึ? แต่เอาเถอะ..ก็ชีวิตของพวกเจ้ายังไง!!" ชายคนนั้นทำเสียงเย้ยหยัน หากมือนั้นกลับต้องชะงัก เมื่อรู้สึกถึงความกดดันที่แผ่ออกมาจากคนในเงื้อมมือ 

             ลูกแก้วสีน้ำตาลอ่อนมองคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามกับเขา ก่อนที่ใบหน้าขาวนวลนั้นจะถอดสีเล็กน้อย แม้จะเป็นเพื่อนกันมานาน แต่เขากลับแทบจะไม่เคยเห็นบุรุษที่อยู่ตรงหน้าโกรธเลยแม้แต่น้อย

             "อะ..อะไรกัน?!" ผู้บุกรุกอุทานขึ้นพร้อมกันในทันทีที่น้ำเสียงทุ้มเรียบเย็นนั้น เริ่มพึมพำอะไรบางอย่าง เปลือกตาหนาค่อยๆหรุบลงช้าๆ.. "แกทำอะไร?!" วงล้อประหลาดสีม่วงอ่อน ปรากฏขึ้นใต้ร่างของทั้งสี่ โดยมีคีฟเป็นจุดศูนย์กลาง

             คนที่เริ่มรู้สึกถึงบรรยากาศอันแปลกประหลาดนั้น เริ่มถอยผละจากร่างที่เคยใช้เป็นตัวประกัน โดยก้าวถอยไปด้านหลัง หากแต่ช้าไปเสียแล้ว วงล้อประหลาดนั้นกำลังขยายวงกว้างขึ้น...กว้างขึ้น....

             "ข้าแต่เทพอัคคี เทพธรณี เทพอัสนี เทพวายุและเทพวารี...จงมา..สถิต ณ ที่แห่งนี้...โปรดประทานพลังแก่ข้า สายฟ้าเอย...จงผ่าลงสู่แผ่นดิน เชคคร่า!!" เสียงเย็นๆนั้น กล่าวถ้อยคำที่ยากแก่การเข้าใจออกมาอย่างรวดเร็ว

             สิ้นสุดถ้อยคำอันก้องกังวานก็เกิดการรวมตัวของเหล่าเมฆบนผืนฟ้า เมฆที่มีสีดำคล้ำจนเกินกว่าเมฆฝนปกติเริ่มมีแสงส่องวาบ ฉับพลันนั้นสายฟ้าก็ฟาดเข้าใส่ชายในชุดดำทั้งสอง สิ่งที่หลงเหลือนั้นมีเพียงซากที่ดำราวถ่านกับความเงียบงันเท่านั้น

             นัยน์ตาสีเข้มนั้นหรี่มองซากอันไร้ชีวิตอย่างเย็นชาก่อนจะหันหลังกลับมามองผู้ที่ยังคงยืนนิ่งอยู่ ริมฝีปากหนานั้นขยับพูดเบาๆ "เคน..เจ้า..เป็นอะไรรึเปล่า?"

             คนถูกเรียกสะดุ้งน้อยๆเหมือนเพิ่งหลุดจากภวังค์ "อะ..อ๊ะ...อือ ข...ข้าไม่เป็นไร"

             "เจ้ากลัวข้าหรือ?..." น้ำเสียงทุ้มนุ่มกล่าวบางๆ ใบหน้าคมหม่นลงราวกับได้คาดเดาผลลัพธ์นี้ไว้แล้ว

             เคนสะบัดหน้าพรืด "ไม่ใช่นะ..ข้าน่ะแค่ไม่เคยเห็นเจ้าโกรธมากขนาดนั้นก็เท่านั้น.." เสียงใสๆกล่าวแก้ก่อนที่ริมฝีปากบางนั้นจะอมยิ้มให้

             "ทีนี้ข้ากับเจ้าก็ฆ่าไปเท่ากันแล้วสิ"

             "อืม..งั้นเราไปกันได้แล้วสินะ" ร่างสูงยิ้มบางๆก่อนจะเริ่มออกเดิน 'ทั้งๆที่เจ้ากลัวขนาดนั้น ยังจะพูดเพื่อไม่ให้ข้าเสียใจอีกหรือ..'

             สิ่งของที่วางกองทิ้งไว้ถูกยกขึ้นก่อนที่สองคู่หูจะเริ่มออกเดินทางอีกครั้ง โยพยายามไปให้เร็วขึ้นเพราะเริ่มที่จะมีคนตามพวกเขามากันแล้ว เมื่อเริ่มวิ่งอย่างสุดฝีเท้าได้ไม่นานภาพของเส้นชัยก็ปรากฏอยู่ตรงหน้าอย่างรวดเร็ว

    -
    -
    -
    -

             "เฮ้อ~ เหนื่อยชะมัดเลย....." เคนถอนหายใจยาวก่อนทรุดนั่งลงกับพื้น พลางยืดขาไปคนละทิศละทางอย่างสบายใจ

                คีฟมองร่างที่นั่งแหมะกับพื้นอย่างสบายใจเล็กน้อยโดยไม่พูดอะไร ก่อนที่นัยน์ตาคู่นั้นจะกวาดมองโดยรอบ ราวกับว่าไม่เคยรู้จักที่นี่มาก่อน ทั้งๆที่เวลานั้นยังผ่านไปไม่ถึงครึ่งวันเลยแท้ๆ

          พื้นที่ๆเคยโล่งว่างบัดนี้ทั่วบริเวณกลับมีกระโจมผ้าต่างๆวางเรียงรายเต็มไปหมด ผู้คนที่เขามั่นใจว่าไม่ใช่คู่แข่งเดินกันขวักไขว่ไปทั่ว

          "ทำไมคนถึงเยอะอย่างนี้นะ?.." เคนถามขึ้นเมื่อเริ่มรู้สึกตัว

          "อ้าว พวกเจ้ามาแล้วเหรอ? เร็วดีนี่" น้ำเสียงคุ้นหูตะโกนเรียก ทำให้ทั้งสองคนหันไปยังต้นเสียงแทบจะในทันที

          "แอนทิส.." น้ำเสียงเย็นเอ่ยขึ้นเบาๆเมื่อเห็นที่มาของต้นเสียง ใบหน้าคมสันนั้นหันไปมองเพียงชั่วแวบ ในขณะที่คู่หูของเขายิ้มอย่างร่าเริง 

          "แอนทิส!! ก็คนมันเก่งนี่นา ทำไงได้ฮะๆๆ" เคยทักตอบพลางลุกขึ้นปัดกางเกง ก่อนจะเดินเข้าไปหาผู้ที่เข้ามาใหม่


             "ถ้าอย่างนั้นพวกเจ้าก็ไปนั่งคอยที่ที่พักของข้าก่อนก็แล้วกัน" แอนทิสกล่าวชวน ทำให้ทั้งสองคนเดินตามไปพร้อมของหอบใหญ่อย่างเสียไม่ได้ แต่คนชวนกลับเบือนสายตากลับมาอย่างเย็นชา

             "พวกเจ้าคงไม่คิดจะเอาไอ้ที่แบกอยู่นั่นไปด้วยหรอกจริงไหม?" นิ้วสีซีดชี้ข้ามไหล่ของเคนและคีฟไปยังโต๊ะว่างด้านหลังพวกเขา ก่อนที่ริมฝีปากเรียวจะขยับพูดต่อ

             "เอาไปวางไว้ตรงนั้นก่อนก็ได้ ถึงยังไงพวกเจ้าก็ต้องรออีกนานเลยกว่าจะมากันครบ"

             คนถูกสั่งหันไปมองโต๊ะทางด้านหลัง ก่อนจะวางปลาที่ขโมยมาทั้งหมดทิ้งไว้ตรงนั้น

             เมื่อเดินมาเรื่อยๆจากบริเวณที่กลุ่มกระโจมผ้าต่างๆตั้งอยู่ เข้าลึกไปในชายป่าตะวันตกเล็กน้อย สิ่งก่อสร้างขนาดเล็กก็ปรากฏสู่สายตา มันเป็นบ้านชั้นเดียว ที่ตัวบ้านก่อด้วยอิฐธรรมดา และมุงหลังคาด้วยเศษฟาง ผสมด้วยหินและโคลนเหมือนบ้านทั่วๆไปเท่านั้น 

             เป็นสิ่งที่เรียกได้ว่าค่อนข้างจะผิดคาดเล็กน้อยสำหรับคนที่รู้ลำไพ่ของผู้เป็นเจ้าของ แต่เพียงย่างก้าวเข้าไป ...ทั้งสองคนก็ต้องถอยกลับมาดูสภาพภายนอกของตัวบ้านอีกครั้ง เพราะภายในบ้านหลังเล็กๆนั้น มีเครื่องเรือนและสิ่งของที่ราวกับเป็นของในคฤหาสน์ขนาดใหญ่ก็ไม่ปาน ทั้งอาหารและเครื่องดื่มอย่างที่คนปรกติคงไม่มีโอกาสได้พบเห็น ถูกวางอยู่บนโต๊ะไม้อย่างดี

             นัยน์ตาทั้งสองคู่เบิกกว้างกับความแตกต่างที่ตัดกันอย่างเห็นได้ชัดระหว่างภายนอกและภายใน
     
             ริมฝีปากเรียวระบายรอยยิ้มบางๆ กับปฏิกิริยาของเพื่อนเขาทั้งสอง "มานั่งสิ ทำตัวตามสบายนะ" เขาเอ่ยชวนเบาๆ

             เคนนั่งยืดตัวอย่างสบายอยู่บนโซฟาตัวนุ่ม ในขณะที่คีฟเลือกที่จะเดินไปนั่งบนเก้าอี้มีพนักตัวเล็กที่มุมห้อง เหมือนจะแสดงให้เห็นว่าต้องการอยู่คนเดียว

             ผู้เป็นเจ้าของบ้านหันไปมองคนที่ต้องการความสงบเล็กน้อย พลางผ่อนลมหายใจบางๆออกมา ก่อนจะตัดสินใจไปนั่งลงที่โซฟาตัวเดียวกับร่างโปร่งบาง แล้วพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน

             ผู้เข้าแข่งขันกิติมาศักดิ์ทั้งสองคนนั่งพักผ่อนอย่างสบาย จนกระทั่งร่างสูงอันแสนคุ้นเคยเดินผ่านเข้ามา โดยไม่เคาะประตู

             "ท่านประธานครับ มากันครบ 100 คนแล้วครับ"เสียงทุ้มเปี่ยมด้วยเสน่ห์แบบผู้ใหญ่อย่างนี้ ไม่ต้องหันไปมองก็บอกได้ว่าเป็นใคร

             ผู้ถูกเรียกตอบรับเบาๆก่อนจะชวนให้อีกสองคนออกไปด้วย

             "ว้า..ครบแล้วหรอเสียดายจัง" เคนบ่นอย่างเสียดาย แต่ก็ต้องรีบออกไปเมื่อเพื่อนของเขาเดินออกไปอย่างไม่รีรอ

             แอนทิสเบือนหน้ากลับมาทางเคน พร้อมกับระบายรอยยิ้มบางๆให้ "ไว้ถ้าเจ้ากับข้าได้ร่วมงานกัน ก็คงจะมีโอกาสแบบนี้บ่อยขึ้นแหละนะ..." 

             ริมฝีปากบางฉีกยิ้มร่าเริงเมื่ออีกฝ่ายพูดจบ"งั้นคงต้องพยายามแล้วล่ะนะ ฮะๆๆๆ" 

             สุดท้ายเคนกับคีฟก็ต้องแยกกับแอนทิส เพราะต้องไปรวมกับคนที่ผ่านเข้ารอบทั้งหมด เพื่อไปฟังประกาศบริเวณหน้าเวที

             "ในที่สุดผู้ผ่านเข้ารอบจำนวนหนึ่งร้อยคนก็มารวมกันครบ ณ ที่ ที่ตรงนี้สิ่งที่ข้าอยากจะบอกว่าทั้งเสียใจ และผิดหวังมากที่สุดก็คือ.. การที่มีคนตายไปทั้งหมด 520คน ไม่ว่าจะด้วยสาเหตุภายใน หรือไม่ฟังคำเตือนที่ได้กล่าวไว้อย่างชัดเจนแต่ต้น" แอนทิส กล่าวเรียบๆด้วยน้ำเสียงเฉยชา แต่นั่นก็มากพอที่จะทำให้ทุกคนสนใจ

             "หมายความว่าอะไรกัน? พวกเจ้าทำอะไรกับคนพวกนั้น?" ชายคนหนึ่งแย้งถามขึ้นทันที

             นัยน์ตาสีอ่อนของคนบนเวทีเบือนมองต้นเสียงด้วยสายตายะเยียบ ก่อนจะพูดเบาๆ "ข้าให้โอกาสกับคนทุกคน เริ่มจากการเตือน ทำตามทุกสิ่งก็จบ หากไม่จุดจบก็เป็นเหมือนพวกห้าร้อยกว่าคนนั่น"

             เสียงฮือฮาจำนวนมากดังขึ้น แต่แล้วก็เงียบลงเมื่อคนที่อยู่บนเวทียังคงพูดต่อ "...ข้าได้บอกไว้อย่างชัดเจนแล้วว่า ห้ามทำผิดกติกา และสิ่งใดๆรวมถึงการตายที่เกิดขึ้นนั้น จะไม่มีการรับผิดชอบ..การคัดเลือกนี้จะดำเนินต่อจนบรรลุเป้าหมายแต่เดิมของข้า ขอให้ทุกคนที่มีความกล้าเพียงพอมาที่นี่อีกครั้งในเช้าวันพรุ่งนี้" ร่างสูงบนเวทีหมุนตัวกลับทันทีที่สิ้นถ้อยคำทั้งหมด ปล่อยให้กลุ่มคนข้างล่างส่งเสียงฮือฮากันต่อไป

             "ดีนะคีฟที่เราไม่ตัดสินใจใช้ทางนั้นน่ะ" เคนถอนหายใจอย่างโล่งอก ลูกแก้วสีน้ำตาลอ่อนพราวระยับ รู้สึกได้ถึงความรู้สึกอันแปลกประหลาดภายในร่างกาย ที่ทับถมกันจนทำให้ขนลุกซู่

             "อืม.." เสียงทุ้มเย็นตอบรับอย่างไม่ใส่ใจ ในขณะที่นัยน์ตาคู่นั้นยังสะท้อนเห็นแต่ความเคลือบแคลง

    *********-------------*********-------------

    เรารีไรท์จบเรอะเนี่ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย!!!!!!!!!!!!!!!~

    ดีใจโคดๆ โอ้วจอร์จจ๋า (บ้าไปแร้ว 555+)

    จะพยายามรีให้หมดได้ค้าบสู้ๆ!

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×