ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    take it to you

    ลำดับตอนที่ #3 : พ่อค้าและคทา(Rewrite 100%)

    • อัปเดตล่าสุด 21 ส.ค. 49


                     ขอบคุณมากครับ! เคนเราไปที่อื่นกันเถอะ

                     เฮ้ ! เอาอีกแล้วหรอ? เจ้านี่เรื่องมากชะมัด 3 วันมานี่เจ้าเข้าไปทั้งหมดกี่ร้านแล้วล่ะ? เคนถามอย่างประชด

                     31 ร้าน ! เจ้าโง่ !! อย่าถามทุกครั้งที่ออกมาได้มั้ย? คนถูกถามตอบคำถามด้วยความรำคาญ

                     เฮ้ย!! มันเฉลี่ยวันละ 10 ร้านเลยนะเฟ่ย ! เมื่อไหร่เจ้าจะเจอร้านที่ถูกใจซะทีเนี่ย? เราเดินเข้าร้านมาจะทั่วทั้งเมืองอยู่แล้วนะ!” เคนทรุดตัวลงกับม้านั่ง แล้วทำหน้าเซ็งๆ คิ้วเรียวโก่งสีอ่อนขมวดเข้าหากันด้วยความเบื่อหน่าย รวมกับความเหนื่อยอ่อน แต่ดูเหมือนคู่หูจะไม่สนใจปฏิกิริยานั้นแม้แต่น้อย

                     ก็ถ้าไม่ชอบมันก็ใช้ไม่ได้ดังใจหรอก ข้าว่าเจ้าก็รู้ดี คทาดีๆมันหาไม่ง่ายเหมือนกับดาบดีๆหรอก อีกอย่างของปลอมมีเยอะ แล้วถึงจะเจอของดีๆ ก็ใช่ว่ามันจะราคาถูก

                     คีฟทรุดตัวลงนั่งข้างๆ พร้อมทั้งอธิบายให้คนที่นั่งบ่นมาตั้งแต่เมื่อครู่ฟัง  แต่ดูเหมือนจะไม่เป็นผลเท่าไหร่เมื่อคนๆนั้นยังคงเถียงกลับมา

                     อย่าว่างั้นงี้เลยนะ เจ้าก็พูดอย่างนี้ทุกครั้งที่ข้าบ่นว่า เบื่อนั่นแหละคิดคำดีๆกว่านี้หน่อยซิ

                     คนถูกบ่นเพียงถอนหายใจเบาๆ แล้วพึมพำคนเดียวว่า เจ้าก็น่าจะคิดคำบ่นที่มันเข้าท่ากว่านี้....

                     เจ้าว่าอะไรนะ? เคนเบือนหน้ากลับมามองทันที แต่ก็เจอเพียงคนหน้าตายส่ายหน้าไปมา

                     เอาเหอะ ไปต่อดีกว่าคีฟ เร็วๆเข้าสิ

                     ไหนว่าเบื่อไง?

                     ก็มันช่วยไม่ได้นี่นา ยังไงเจ้าก็จำเป็นต้องหาคทาไว้ใช้นี่ เคนหันหลังแล้วออกเดินนำไปก่อน

                     เจ้าก็พูดอย่างนี้ทุกทีเหมือนกันคีฟระบายรอยยิ้มบางที่ริมฝีปาก ก่อนจะลุกขึ้นเดินตามร่างโปร่งบางไปอย่างรวดเร็ว

                     ชายหนุ่มทั้ง 2 เดินไปตามถนนเรื่อยๆ ทั้งคู่ไม่ได้สังเกตเลยแม้แต่น้อยว่ากำลังถูกจับตามองอยู่

    คนน่าสงสัยผู้นั้นแบกห่อผ้าขึ้นหลังแล้วพุ่งตรงมาทางทั้ง 2 คนทันที

                     โครม ! , โอ๊ย!”

                     คนๆนั้นพุ่งมาชนเคนกับคีฟแต่ตนเองกับ(แกล้ง)ล้มลงไปแทน

                     ด้วยความไม่รู้ตัวขนาดหนัก หรือไม่ทันสังเกตอย่างรุนแรงก็ไม่อาจทราบ คนทั้งคู่ไม่ได้รู้สึกเลยแม้แต่น้อยว่ามีคนพุ่งมาชน

                     ทั้งสองยังเดินปรึกษากันต่อไป จนคนชนนั้นรู้สึกหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก มันจะหยามกันไปหน่อยแล้วเฟ้ย

                     ไวอย่างใจคิด ชายคนนั้นวิ่งไปล้มตัดหน้าเคนและคีฟ ทำให้คีฟซึ่งอยู่ใกล้กว่าและไม่ทันมองเตะบุคคลน่าสงสัยนั้นเข้าไปเต็มๆ

                     โอ๊ย !!” คราวนี้เสียงนั้นดังอย่างเจ็บปวดมากกว่ารอบแรกเพราะมันเป็นความจริง

                     และคราวนี้คีฟเองก็รู้สึกตัว จึงรีบลงไปดูอาการผู้เคราะห์ร้าย

                     ขอโทษครับลุงเป็นอะไรมากรึเปล่าครับ? คีฟพูดก่อนจะช่วยดึงลุง คนนั้นขึ้นมา ที่เรียกว่าลุงนั้นอาจจะเป็นเพราะชายคนนั้นตัวผอมบางและใส่หมวกปิดบังหน้าตา

                     ชายคนนั้นยิ่งฉุนหนักขึ้นไปอีก หนอย~ นอกจากจะทำเป็นไม่สนใจแล้วยังมาเรียกข้าว่าลุงอีก ไอ้พวกนี้นี่นะ มันน่านัก แต่ไม่ได้เราต้องรักษาลูกค้าไว้

                     นี่ ลุงๆครับลุง เป็นอะไรรึเปล่าครับ?

                     อ่า..า..เสียงนั้นดังขึ้นอย่างแผ่วเบา พร้อมกับความคิดในหัว เย็นไว้นี่ลูกค้านะ !‘

                     แต่สำหรับคนที่กำลังตกใจแล้วดูเสียงนั้นจะแผ่วเกินไป... อ้าว! ลุงไม่ตอบเลยเป็นอะไรไปครับ เฮ้! เคนมาช่วยดูหน่อยสิลุงเค้าเป็นอะไรก็ไม่รู้

                     เย็นไว้นี่คือลูกค้า!! มันคงไม่ปากเสียทั้ง 2 ตัวหรอกน่า!’

                     จริงด้วยคีฟลุงเค้าเป็นอะไรน่ะ?

                     เอ่อ..ข้าก็ไม่รู้..ว่าแต่พวกเราจะทำยังไงกันดีล่ะเนี่ย?

                     อ้าวเวลล์ดันปากเหมือนกัน ทนไว้ก่อนทนไว้ๆ

                     เฮ้ย! คีฟรึว่าเค้าตายแล้ว?นิ่งยังไงไม่รู้สิ?

                     เฮ้ย ถ้าเป็นงั้นจริงก็แย่น่ะสิ ถ้างั้นเรามาหาวิธีกำจัดศพกันก่อนดีกว่า เราไม่มีเงินพอที่จะไปเสียค่าปรับหรอกนะ

                     อ้าว ไอ้.. ไอ้.. ข้ายังไม่ตายเฟ้ย แต่ทนอีกนิดถ้าระเบิดไปตอนนี้ก็เสียแผนหมด

                     เอาไงดีทิ้งน้ำดีมั้ย?

                     ไม่ได้หรอกเดี๋ยว 2-3 วันมันก็ลอยอืดแล้ว

                     งั้นทิ้งป่าล่ะ?

                     ก็ไม่ได้อยู่ดีกลิ่นมันจะแรงเกินไป เราลองเอาไปแขวนคอดีมั้ย แล้วก็ทิ้งจดหมายลาตายไว้ด้วย ข้าว่าลุงเขาคงไม่มีญาติหรอก ดังนั้นคงไม่มีคนตรวจลายมือรู้ด้วย

                     โห ไอ้พวกนี้เชี่ยวชาญจัด ไม่ใช่สิ! มันไม่คิดจะรับผิดชอบเลยรึไงกันเนี่ย?

                     โอเค! ตกลงแขวนคออำพรางคดีให้เหมือนฆ่าตัวตายนะ

                     ทั้ง 2 คนหันไปทางเป้าหมายพร้อมกันแล้วสาวเท้าเข้าไปหา

                     ชายคนนั้นลุกพรวด แล้วตะโกนอย่างเหลืออด

                     โว้ย!! ข้ายังไม่ตายว้อย ! แถมอายุก็เลข 1 ยังนำหน้าอยู่ ไม่ใช่ลุงรู้ไว้ซะด้วยนะ

                     เคนละคีฟมองศพลุงที่ลุกพรวดขึ้นมาพูดแล้วกระพริบตาปริบๆ

                     อ้าว ลุงยังไม่ตายนี่นึกว่าเสร็จซะแล้ว เคนเดินไปตบไหล่ ลุงคนที่ว่าเบาๆแล้วหัวเราะอย่างอารมณ์ดี

                     ก็บอกว่า ไม่! ใช่! ลุง! ยังไงล่ะ!!! แล้วพวกเจ้าก็ต้องรับผิดชอบด้วย

                     รับผิดชอบ? เคนและคีฟถามออกไปพร้อมกัน

                     ใช่ เพราะถึงยังไงพวกเจ้าก็เดินมาเตะข้า(เป็นความจริง)

                     ขอโทษครับ ก็มันมองไม่เห็นแล้วจะให้พวกผมรับผิดชอบอะไรครับ? ค่ารักษาพยาบาล?คีฟถามอย่าง (ไม่ค่อย) เป็นห่วง

                     เออ ถ้าเห็นมันก็ไม่มาเตะ แล้วเข้าแผนเราสิ , ข้าก็ไม่ขออะไรมากหรอกแค่ช่วยซื้อของ ของข้าก็พอแล้ว  เขาพูดพลางหยิบห่อผ้าที่หลังออกมาวางคลี่กับพื้น

                     เคนและคีฟมองของมากมายจากห่อผ้าแล้วเหงื่อตก ขณะที่คนตั้งท่าขายบรรยายสรรพคุณของสินค้า

                     นี่ดูนะ ดาบเล่มนี้น่ะมีชื่อว่าฟ้าคำรณ.แล้วก็นะมันสามารถตัดทุกอย่างให้ขาดได้ด้วยแรงเพียงนิดเดียวเท่านั้นราคาก็แค่1400000 กริฟฟ์เอง ไม่ต้องฟังมันพูดหรอกแค่ราคาก็ ไม่ตองพูดถึงแล้ว

                     อ่า..พวกเราว่า.. ยังไม่ทันพูดจบเมื่อลูกค้าตั้งท่าจะไปคนขายก็งัดไม้ตายสุดท้าย...

                     หยาดน้ำใสๆเริ่มไหลรินลงมา ถึงแม้ไม่เห็นใบหน้าเพราะโดนหมวกสานใบกว้างนั้นบังไว้ แต่ก็รู้ได้ทันทีว่าหยดน้ำใสนั้นคือน้ำตาแน่ จนคนซื้อต้องชะงักถาม 

                     ป..เป็นอะไร?

                     เมื่อได้ทีเขาก็เริ่มงัดวิชามารออกมาโดยไม่รอช้า คือ..ความจริงแล้วข้า..ฮึก.ไม่ได้กินอะไรมาหลายวันแล้ว...ฮึก..เพราะยังขายของไม่ได้เลย  ....ฮึกๆ..ฮือ...

                     เอ่อ..คือพวกเรา...

                     อืม..ไม่เป็นไรข้ารู้ว่าพวกเจ้าลำบากใจไม่ต้องซื้อก็ได้นะ ไปเถอะ...ปล่อยไว้อีกไม่กี่วันข้าก็คงจะตายไปเองแหละ แต่ก็ไม่เป็นไร ยังไงซะข้ามันก็คนไม่มีญาติ คงไม่มีใครสนใจถ้าเป็นอย่างงั้นก็ตายเลยดีกว่า พูดพลางก้มลงไปเก็บของ แล้วหยิบเชือกออกมาเตรียมผูกคอตาย...

                     อ่า..เข้าใจแล้วๆ ซื้อก็ซื้อ จะซื้อแล้วอย่าเพิ่งตาย ทั้ง2คนรีบยกมือห้าม

                     หึ แค่นี้ก็เสร็จซะแล้ว พวกโง่เอ๊ย.. , จริงๆหรอ?จริงนะ ขอบใจพวกเจ้ามาก รอยยิ้มและความคิดในใจช่างขัดแย้งกันโดยสิ้นเชิง นี่อาจจะเป็นการแสดงความหมายของประโยคที่ว่า อย่ามองคนแค่ภายนอกก็ได้

                     ในขณะที่ทั้ง 2 คนนั่งฟังสรรพคุณอันมหายาวซึ่งไม่รู้จะจริงแค่ไหน คีฟก็เหลือบไปเห็นของชิ้นหนึ่งในห่อผ้า

                     มันเป็นคทาที่ยอดทำจากผลึกสีเขียวขุ่น  ตัวคทาเป็นไม้อย่างดีสีน้ำตาลจนเกือบดำขนาดยาวพอสมควร คีฟหยิบมันขึ้นมาดูแล้วเดินไปหาพ่อค้าที่บรรยายสรรพคุณอาวุธอยู่อย่างไม่ลืมหูลืมตา

                     โอ้ เจ้าตาถึงนี่ อันนั้นน่ะดีมากเลยนะ

                     แล้วราคามันเท่าไหร่กันล่ะ?

                     อ๋อ..ถูกๆเลยนะข้าขายเจ้าราคากันเอง 500000 กริฟฟ์

                     อ๋อ แค่ห้าแสน...หา!! ห้าแสนเนี่ยนะจะบ้าเหรอ?!!”

    เคนกับคีฟหันไปปรึกษากันโดยที่ไม่ให้พ่อค้าได้ยิน , เฮ้..เอาไงดีแพงมากๆเลยนะเนี่ย , ก็คงต้องต่อเอาแหละ คทาแบบนี้มันหายากนะ จบบทสนทนาทั้งสองก็พยักหน้าให้กัน

     

                     450000 ละกัน

                     480000 พอ

                     งกน่า400000

                     ไม่ได้430000

                     380000

                     400000....

     

                     แล้วอยู่ดีๆขณะที่คีฟกำลังต่อราคาไปเรื่อยๆจนอยู่ที่ 300000 กริฟฟ์ เคนก็กระชากคอร่างที่สูงกว่าเข้ามา

                     ขอเวลานอกทั้งคู่ปรึกษากันอยู่นานสองนานในที่สุดร่างโปร่งบางก็เข้ามาแทนที่

                     เปลี่ยนตัวนะเคนพูดยิ้มๆ

                     เอา100000 ขาดตัว เล่นเอาคนฟังสะอึกไอ้เมื่อกี้ ต่อก็เยอะแล้ว ไอ้นี่จะเอา หนึ่งแสนเนี่ยนะ

                     ไม่ได้เด็ดขาดชั้นให้120000 เป็นอย่างต่ำแค่นั้น คนขายยืนกราน

                     ไม่ได้ก็ไม่เอาคีฟไปกัน คนซื้อเปลี่ยนแผนก่อนทำท่าเดินจากไป ใช่ว่าไม้ตายจะมีแค่ในหมู่คนขาย ในเมื่อเป็นคนซื้อวิธีแก้ทางมันก็ย่อมมีอยู่

                     ตอนนี้ฝ่ายคนขายเสียเปรียบอย่างเห็นได้ชัดจึงจำใจต้องให้ อือ..ยังไงไอ้อันนั้นก็เก็บมาเมื่อวางจากข้างๆถังขยะอยู่แล้ว.เห็นมันสวยดีแต่ไม่นึกว่าจะขายได้ ได้แสนนึงก็กำไรฟะ

                     โอเคๆ ขาย 100000 กริฟฟ์

                     ทั้งสองคนหันกลับมาสบตากันก่อนจะเผยรอยยิ้ม แล้วรีบจ่ายเงินให้ ด้วยเกรงว่าผู้ขายอาจจะเปลี่ยนใจ

                     เฮ้ พวกเจ้าชื่ออะไรกันน่ะ? แบบว่าไม่เคยมีใครต่อได้ขนาดนี้มาก่อนในประวัติการณ์

                     ‘..ทำไมถึงไม่รู้สึกแปลกใจเลยนะ? , ไม่มีมารยาทจะถามชื่อเจ้าก็ต้องบอกชื่อมาก่อนสิ

                     ก็ได้..จะบอกให้ว่า นามที่สุดแสนจะไฮโซไฮซ้อ สุดอภิมหาอลังการ ซึ่งเป็นที่มาของมหากาพย์แอเรียส(ไม่จริง)อันยิ่งใหญ่......

    ผ่านไป5 นาที

                     เอาล่ะในที่สุดข้อความแนะนำตัว(อันโค-ตะ-ระจะยาว)ของข้าก็จบลง อันนามกรของข้านี้หรือคือแอนทิส’ “

                     คร่อก..ก เสียงเบาๆตอบรับจากริมฝีปากสองคู่ ของคนที่นั่งรอบทเกริ่นอยู่บนม้านั่ง

                     เฮ้ยๆ ไอ้พวกนี้ ตื่นสิฟะ เดี๋ยวก็ลอกคราบซะหรอก

                     ทั้ง 2 คนปรือตาขึ้นมาอย่างช้าๆ ในสภาพสลึมสลือสุดๆ อ้าว..เจ้าชื่ออะไรนะ  ไวตามิลค์?เคนถามทั้งๆที่ยังอยู่ในสภาพกึ่งหลับกึ่งตื่น

                     โอ๊ย เอาอะไรคิดฟะ  แอนทิส ! โว้ย ! แอนทิส

                     อ๋อ แอนทิส อืมๆ ข้าชื่อเคน ไวเปอร์ ส่วนไอ้ใบ้นี่ชื่อคีฟ แอนทิสพยักหน้ารับรู้

                     คีฟพยายามเพ่งพินิจใบหน้าแอนทิส ก่อนจะนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ นี่ทำไมเจ้าต้องใส่หมวกอยู่ตลอดเวลาด้วย? ไม่รำคาญหรือไง?

                     อ๋อ ไม่มีอะไร ก็แค่ขี้เกียจถือ แล้ว แดดมันร้อนด้วยเลยใส่ไว้ตลอด

                     งั้นถอดหน่อยสิ ฉับพลันเหมือนดลใจ พอดีกับที่สายลมอ่อนพัดมาทำให้หมวกของแอนทิสตกลงบนพื้นเผยให้เห็นใบหน้าใต้หมวกปีกกว้าง

                     โอ้..S.H.O.C.K. ช็อกเคนแข็งไปแล้ว

                     ใบหน้าที่เผยออกมานั้นเรียกได้ว่าสวยอย่างแปลกตามากกว่าจะเรียกว่าหล่อเหลาตามแบบของบุรุษเพศ เส้นผมสีน้ำตาลอ่อนๆพริ้วไหว ดูเข้ากันกับตาสีชาภายใต้แพขนตานั้นเป็นอย่างดี แม้เรือนผมจะดูยุ่งเหยิงเพราะสายลมที่พัดมา แต่ก็ยังคงสะท้อนเป็นเงางาม จมูกโด่งสวยรับกับริมฝีปากเรียว จนคนที่มองอยู่ตอนนี้เผลอไปคิดถึงอดีต

                     นี่น่ะนะไอ้บ้าเมื่อกี้ ให้ตายก็ไม่เชื่อเด็ดขาด!!’

                     พวกเจ้าคงคิดว่าข้าหล่อมากล่ะสิ แต่มันก็แน่อยู่แล้วล่ะนะ จินตนาการอันแสนสวยงามพลันแตกระยิบก่อนจะร่วงกราวลงสู่เหวอันมืดมิด พร้อมกับภาพโพสต์ท่าอันแสนพิสดาร ที่เจ้าตัวคิดว่าเท่ซะเต็มประดา

                     นี่สินะที่เขาบอกกันว่าอย่าดูคนเพียงแค่ภายนอก, งั้นพวกเราไปก่อนนะ ถ้าโชค(ไม่)ดีเราคงได้เจอกัน ลาก่อนแอนทิส ทั้งสองสมัครใจกันพูดชนิดเรียกได้ว่าตัดเยื่อใยก่อนจะลุกขึ้นยืน ทิ้งมนุษย์ประหลาดไว้เพียงลำพัง


    ***********---------------***********---------------

    เอาล่ะมาดูกฏการต่อราคากานเถอะ

    1.ต้องพูดราคาต่ำกว่าที่ต้องการ5-10บาท

    2.ต้องรู้จักการไม่เชื่อใจ มานกล่อมอะไรมาทำหูทวนลม

    3.ไม่ให้เราก็ทำเป็นเดินไป(ถ้าไม่เรียกกลับอย่าสน)

    4.ถ้าของชิ้นนั้นอยากได้จริงๆกรุณาต่อน้อยๆ (ความจริงการเป็นคนขายเป็นอะไรที่ง่ายกว่ามากกกกกกกกกก...)
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×