คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : พ่อค้าและคทา(Rewrite 100%)
“ขอบคุณมากครับ! เคนเราไปที่อื่นกันเถอะ”
“เฮ้ ! เอาอีกแล้วหรอ? เจ้านี่เรื่องมากชะมัด 3 วันมานี่เจ้าเข้าไปทั้งหมดกี่ร้านแล้วล่ะ?” เคนถามอย่างประชด
“31 ร้าน ! เจ้าโง่ !! อย่าถามทุกครั้งที่ออกมาได้มั้ย?” คนถูกถามตอบคำถามด้วยความรำคาญ
“เฮ้ย!! มันเฉลี่ยวันละ 10 ร้านเลยนะเฟ่ย ! เมื่อไหร่เจ้าจะเจอร้านที่ถูกใจซะทีเนี่ย? เราเดินเข้าร้านมาจะทั่วทั้งเมืองอยู่แล้วนะ!” เคนทรุดตัวลงกับม้านั่ง แล้วทำหน้าเซ็งๆ คิ้วเรียวโก่งสีอ่อนขมวดเข้าหากันด้วยความเบื่อหน่าย รวมกับความเหนื่อยอ่อน แต่ดูเหมือนคู่หูจะไม่สนใจปฏิกิริยานั้นแม้แต่น้อย
“ก็ถ้าไม่ชอบมันก็ใช้ไม่ได้ดังใจหรอก ข้าว่าเจ้าก็รู้ดี คทาดีๆมันหาไม่ง่ายเหมือนกับดาบดีๆหรอก อีกอย่างของปลอมมีเยอะ แล้วถึงจะเจอของดีๆ ก็ใช่ว่ามันจะราคาถูก”
คีฟทรุดตัวลงนั่งข้างๆ พร้อมทั้งอธิบายให้คนที่นั่งบ่นมาตั้งแต่เมื่อครู่ฟัง แต่ดูเหมือนจะไม่เป็นผลเท่าไหร่เมื่อคนๆนั้นยังคงเถียงกลับมา
“อย่าว่างั้นงี้เลยนะ เจ้าก็พูดอย่างนี้ทุกครั้งที่ข้าบ่นว่า ‘เบื่อ’ นั่นแหละคิดคำดีๆกว่านี้หน่อยซิ”
คนถูกบ่นเพียงถอนหายใจเบาๆ แล้วพึมพำคนเดียวว่า “เจ้าก็น่าจะคิดคำบ่นที่มันเข้าท่ากว่านี้....”
“เจ้าว่าอะไรนะ?” เคนเบือนหน้ากลับมามองทันที แต่ก็เจอเพียงคนหน้าตายส่ายหน้าไปมา
“เอาเหอะ ไปต่อดีกว่าคีฟ เร็วๆเข้าสิ”
“ไหนว่าเบื่อไง?”
“ก็มันช่วยไม่ได้นี่นา ยังไงเจ้าก็จำเป็นต้องหาคทาไว้ใช้นี่” เคนหันหลังแล้วออกเดินนำไปก่อน
“เจ้าก็พูดอย่างนี้ทุกทีเหมือนกัน” คีฟระบายรอยยิ้มบางที่ริมฝีปาก ก่อนจะลุกขึ้นเดินตามร่างโปร่งบางไปอย่างรวดเร็ว
ชายหนุ่มทั้ง 2 เดินไปตามถนนเรื่อยๆ ทั้งคู่ไม่ได้สังเกตเลยแม้แต่น้อยว่ากำลังถูกจับตามองอยู่
คนน่าสงสัยผู้นั้นแบกห่อผ้าขึ้นหลังแล้วพุ่งตรงมาทางทั้ง 2 คนทันที
โครม ! , “โอ๊ย!”
คนๆนั้นพุ่งมาชนเคนกับคีฟแต่ตนเองกับ(แกล้ง)ล้มลงไปแทน
ด้วยความไม่รู้ตัวขนาดหนัก หรือไม่ทันสังเกตอย่างรุนแรงก็ไม่อาจทราบ คนทั้งคู่ไม่ได้รู้สึกเลยแม้แต่น้อยว่ามีคนพุ่งมาชน
ทั้งสองยังเดินปรึกษากันต่อไป จนคนชนนั้นรู้สึกหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก ‘มันจะหยามกันไปหน่อยแล้วเฟ้ย ‘
ไวอย่างใจคิด ชายคนนั้นวิ่งไปล้มตัดหน้าเคนและคีฟ ทำให้คีฟซึ่งอยู่ใกล้กว่าและไม่ทันมองเตะบุคคลน่าสงสัยนั้นเข้าไปเต็มๆ
“โอ๊ย !!” คราวนี้เสียงนั้นดังอย่างเจ็บปวดมากกว่ารอบแรกเพราะมันเป็นความจริง
และคราวนี้คีฟเองก็รู้สึกตัว จึงรีบลงไปดูอาการผู้เคราะห์ร้าย
“ขอโทษครับ ’ลุง’ เป็นอะไรมากรึเปล่าครับ?” คีฟพูดก่อนจะช่วยดึง ‘ลุง’ คนนั้นขึ้นมา ที่เรียกว่า‘ลุง’นั้นอาจจะเป็นเพราะชายคนนั้นตัวผอมบางและใส่หมวกปิดบังหน้าตา
ชายคนนั้นยิ่งฉุนหนักขึ้นไปอีก ‘หนอย~ นอกจากจะทำเป็นไม่สนใจแล้วยังมาเรียกข้าว่าลุงอีก ไอ้พวกนี้นี่นะ มันน่านัก แต่ไม่ได้เราต้องรักษาลูกค้าไว้‘
“นี่ ลุงๆครับลุง เป็นอะไรรึเปล่าครับ?”
“อ่า..า..”เสียงนั้นดังขึ้นอย่างแผ่วเบา พร้อมกับความคิดในหัว ‘ เย็นไว้นี่ลูกค้านะ !‘
แต่สำหรับคนที่กำลังตกใจแล้วดูเสียงนั้นจะแผ่วเกินไป... “อ้าว! ลุงไม่ตอบเลยเป็นอะไรไปครับ เฮ้! เคนมาช่วยดูหน่อยสิลุงเค้าเป็นอะไรก็ไม่รู้”
‘ เย็นไว้นี่คือลูกค้า!! มันคงไม่ปากเสียทั้ง 2 ตัวหรอกน่า!’
“จริงด้วยคีฟ ’ลุง’ เค้าเป็นอะไรน่ะ?”
“เอ่อ..ข้าก็ไม่รู้..ว่าแต่พวกเราจะทำยังไงกันดีล่ะเนี่ย?”
‘อ้าวเวลล์ดันปากเหมือนกัน ทนไว้ก่อนทนไว้ๆ ‘
“เฮ้ย! คีฟรึว่าเค้าตายแล้ว?นิ่งยังไงไม่รู้สิ?”
“เฮ้ย ถ้าเป็นงั้นจริงก็แย่น่ะสิ ถ้างั้นเรามาหาวิธีกำจัดศพกันก่อนดีกว่า เราไม่มีเงินพอที่จะไปเสียค่าปรับหรอกนะ”
‘ อ้าว ไอ้.. ไอ้.. ข้ายังไม่ตายเฟ้ย แต่ทนอีกนิดถ้าระเบิดไปตอนนี้ก็เสียแผนหมด ‘
“เอาไงดีทิ้งน้ำดีมั้ย?”
“ไม่ได้หรอกเดี๋ยว 2-3 วันมันก็ลอยอืดแล้ว”
“งั้นทิ้งป่าล่ะ?”
“ก็ไม่ได้อยู่ดีกลิ่นมันจะแรงเกินไป เราลองเอาไปแขวนคอดีมั้ย แล้วก็ทิ้งจดหมายลาตายไว้ด้วย ข้าว่าลุงเขาคงไม่มีญาติหรอก ดังนั้นคงไม่มีคนตรวจลายมือรู้ด้วย”
‘ โห ไอ้พวกนี้เชี่ยวชาญจัด ไม่ใช่สิ! มันไม่คิดจะรับผิดชอบเลยรึไงกันเนี่ย? ‘
“ โอเค! ตกลงแขวนคออำพรางคดีให้เหมือนฆ่าตัวตายนะ “
ทั้ง 2 คนหันไปทางเป้าหมายพร้อมกันแล้วสาวเท้าเข้าไปหา
ชายคนนั้นลุกพรวด แล้วตะโกนอย่างเหลืออด
“โว้ย!! ข้ายังไม่ตายว้อย ! แถมอายุก็เลข 1 ยังนำหน้าอยู่ ไม่ใช่ ‘ลุง’ รู้ไว้ซะด้วยนะ”
เคนละคีฟมอง ‘ศพลุง‘ ที่ลุกพรวดขึ้นมาพูดแล้วกระพริบตาปริบๆ
“อ้าว ลุงยังไม่ตายนี่นึกว่าเสร็จซะแล้ว” เคนเดินไปตบไหล่ ‘ลุง’ คนที่ว่าเบาๆแล้วหัวเราะอย่างอารมณ์ดี
“ก็บอกว่า ไม่! ใช่! ลุง! ยังไงล่ะ!!! แล้วพวกเจ้าก็ต้องรับผิดชอบด้วย”
“รับผิดชอบ?” เคนและคีฟถามออกไปพร้อมกัน
“ใช่ เพราะถึงยังไงพวกเจ้าก็เดินมาเตะข้า(เป็นความจริง) “
“ขอโทษครับ ก็มันมองไม่เห็นแล้วจะให้พวกผมรับผิดชอบอะไรครับ? ค่ารักษาพยาบาล?” คีฟถามอย่าง (ไม่ค่อย) เป็นห่วง
‘ เออ ถ้าเห็นมันก็ไม่มาเตะ แล้วเข้าแผนเราสิ ‘ , “ข้าก็ไม่ขออะไรมากหรอกแค่ช่วยซื้อของ ของข้าก็พอแล้ว” เขาพูดพลางหยิบห่อผ้าที่หลังออกมาวางคลี่กับพื้น
เคนและคีฟมองของมากมายจากห่อผ้าแล้วเหงื่อตก ขณะที่คนตั้งท่าขายบรรยายสรรพคุณของสินค้า
“นี่ดูนะ ดาบเล่มนี้น่ะมีชื่อว่าฟ้าคำรณ.แล้วก็นะมันสามารถตัดทุกอย่างให้ขาดได้ด้วยแรงเพียงนิดเดียวเท่านั้นราคาก็แค่1400000 กริฟฟ์เอง” ไม่ต้องฟังมันพูดหรอกแค่ราคาก็ ไม่ตองพูดถึงแล้ว
“อ่า..พวกเราว่า..” ยังไม่ทันพูดจบเมื่อลูกค้าตั้งท่าจะไปคนขายก็งัดไม้ตายสุดท้าย...
หยาดน้ำใสๆเริ่มไหลรินลงมา ถึงแม้ไม่เห็นใบหน้าเพราะโดนหมวกสานใบกว้างนั้นบังไว้ แต่ก็รู้ได้ทันทีว่าหยดน้ำใสนั้นคือน้ำตาแน่ จนคนซื้อต้องชะงักถาม
“ป..เป็นอะไร?”
เมื่อได้ทีเขาก็เริ่มงัดวิชามารออกมาโดยไม่รอช้า “คือ..ความจริงแล้วข้า..ฮึก.ไม่ได้กินอะไรมาหลายวันแล้ว...ฮึก..เพราะยังขายของไม่ได้เลย ....ฮึกๆ..ฮือ...”
“เอ่อ..คือพวกเรา...”
“อืม..ไม่เป็นไรข้ารู้ว่าพวกเจ้าลำบากใจไม่ต้องซื้อก็ได้นะ ไปเถอะ...ปล่อยไว้อีกไม่กี่วันข้าก็คงจะตายไปเองแหละ แต่ก็ไม่เป็นไร ยังไงซะข้ามันก็คนไม่มีญาติ คงไม่มีใครสนใจถ้าเป็นอย่างงั้นก็ตายเลยดีกว่า” พูดพลางก้มลงไปเก็บของ แล้วหยิบเชือกออกมาเตรียมผูกคอตาย...
“อ่า..เข้าใจแล้วๆ ซื้อก็ซื้อ จะซื้อแล้วอย่าเพิ่งตาย” ทั้ง2คนรีบยกมือห้าม
‘ หึ แค่นี้ก็เสร็จซะแล้ว พวกโง่เอ๊ย.. ‘ , “จริงๆหรอ?จริงนะ ขอบใจพวกเจ้ามาก” รอยยิ้มและความคิดในใจช่างขัดแย้งกันโดยสิ้นเชิง นี่อาจจะเป็นการแสดงความหมายของประโยคที่ว่า ‘อย่ามองคนแค่ภายนอก’ก็ได้
ในขณะที่ทั้ง 2 คนนั่งฟังสรรพคุณอันมหายาวซึ่งไม่รู้จะจริงแค่ไหน คีฟก็เหลือบไปเห็นของชิ้นหนึ่งในห่อผ้า
มันเป็นคทาที่ยอดทำจากผลึกสีเขียวขุ่น ตัวคทาเป็นไม้อย่างดีสีน้ำตาลจนเกือบดำขนาดยาวพอสมควร คีฟหยิบมันขึ้นมาดูแล้วเดินไปหาพ่อค้าที่บรรยายสรรพคุณอาวุธอยู่อย่างไม่ลืมหูลืมตา
“โอ้ เจ้าตาถึงนี่ อันนั้นน่ะดีมากเลยนะ”
“แล้วราคามันเท่าไหร่กันล่ะ?”
“อ๋อ..ถูกๆเลยนะข้าขายเจ้าราคากันเอง 500000 กริฟฟ์”
“อ๋อ แค่ห้าแสน...หา!! ห้าแสนเนี่ยนะจะบ้าเหรอ?!!”
เคนกับคีฟหันไปปรึกษากันโดยที่ไม่ให้พ่อค้าได้ยิน , “เฮ้..เอาไงดีแพงมากๆเลยนะเนี่ย” , “ก็คงต้องต่อเอาแหละ คทาแบบนี้มันหายากนะ” จบบทสนทนาทั้งสองก็พยักหน้าให้กัน
“450000 ละกัน”
“480000 พอ”
“งกน่า400000”
“ไม่ได้430000”
“380000”
“400000”....
แล้วอยู่ดีๆขณะที่คีฟกำลังต่อราคาไปเรื่อยๆจนอยู่ที่ 300000 กริฟฟ์ เคนก็กระชากคอร่างที่สูงกว่าเข้ามา
“ขอเวลานอก” ทั้งคู่ปรึกษากันอยู่นานสองนานในที่สุดร่างโปร่งบางก็เข้ามาแทนที่
“เปลี่ยนตัวนะ”เคนพูดยิ้มๆ
“เอา100000 ขาดตัว” เล่นเอาคนฟังสะอึกไอ้เมื่อกี้ ต่อก็เยอะแล้ว ไอ้นี่จะเอา หนึ่งแสนเนี่ยนะ
“ไม่ได้เด็ดขาดชั้นให้120000 เป็นอย่างต่ำแค่นั้น” คนขายยืนกราน
“ไม่ได้ก็ไม่เอาคีฟไปกัน” คนซื้อเปลี่ยนแผนก่อนทำท่าเดินจากไป ใช่ว่าไม้ตายจะมีแค่ในหมู่คนขาย ในเมื่อเป็นคนซื้อวิธีแก้ทางมันก็ย่อมมีอยู่
ตอนนี้ฝ่ายคนขายเสียเปรียบอย่างเห็นได้ชัดจึงจำใจต้องให้ ‘ อือ..ยังไงไอ้อันนั้นก็เก็บมาเมื่อวางจากข้างๆถังขยะอยู่แล้ว.เห็นมันสวยดีแต่ไม่นึกว่าจะขายได้ ได้แสนนึงก็กำไรฟะ ‘
“โอเคๆ ขาย 100000 กริฟฟ์”
ทั้งสองคนหันกลับมาสบตากันก่อนจะเผยรอยยิ้ม แล้วรีบจ่ายเงินให้ ด้วยเกรงว่าผู้ขายอาจจะเปลี่ยนใจ
“เฮ้ พวกเจ้าชื่ออะไรกันน่ะ? แบบว่าไม่เคยมีใครต่อได้ขนาดนี้มาก่อนในประวัติการณ์”
‘..ทำไมถึงไม่รู้สึกแปลกใจเลยนะ? ‘ , “ไม่มีมารยาทจะถามชื่อเจ้าก็ต้องบอกชื่อมาก่อนสิ”
“ก็ได้..จะบอกให้ว่า นามที่สุดแสนจะไฮโซไฮซ้อ สุดอภิมหาอลังการ ซึ่งเป็นที่มาของมหากาพย์แอเรียส(ไม่จริง)อันยิ่งใหญ่......”
ผ่านไป5 นาที
“เอาล่ะในที่สุดข้อความแนะนำตัว(อันโค-ตะ-ระจะยาว)ของข้าก็จบลง อันนามกรของข้านี้หรือคือ ’แอนทิส’ “
“คร่อก..ก” เสียงเบาๆตอบรับจากริมฝีปากสองคู่ ของคนที่นั่งรอบทเกริ่นอยู่บนม้านั่ง
“เฮ้ยๆ ไอ้พวกนี้ ตื่นสิฟะ เดี๋ยวก็ลอกคราบซะหรอก”
ทั้ง 2 คนปรือตาขึ้นมาอย่างช้าๆ ในสภาพสลึมสลือสุดๆ “อ้าว..เจ้าชื่ออะไรนะ ไวตามิลค์?”เคนถามทั้งๆที่ยังอยู่ในสภาพกึ่งหลับกึ่งตื่น
“โอ๊ย เอาอะไรคิดฟะ แอนทิส ! โว้ย ! แอนทิส”
“อ๋อ แอนทิส อืมๆ ข้าชื่อเคน ไวเปอร์ ส่วนไอ้ใบ้นี่ชื่อคีฟ” แอนทิสพยักหน้ารับรู้
คีฟพยายามเพ่งพินิจใบหน้าแอนทิส ก่อนจะนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ “นี่ทำไมเจ้าต้องใส่หมวกอยู่ตลอดเวลาด้วย? ไม่รำคาญหรือไง?”
“อ๋อ ไม่มีอะไร ก็แค่ขี้เกียจถือ แล้ว แดดมันร้อนด้วยเลยใส่ไว้ตลอด”
“งั้นถอดหน่อยสิ” ฉับพลันเหมือนดลใจ พอดีกับที่สายลมอ่อนพัดมาทำให้หมวกของแอนทิสตกลงบนพื้นเผยให้เห็นใบหน้าใต้หมวกปีกกว้าง
“โอ้..S.H.O.C.K. ช็อก” เคนแข็งไปแล้ว
ใบหน้าที่เผยออกมานั้นเรียกได้ว่าสวยอย่างแปลกตามากกว่าจะเรียกว่าหล่อเหลาตามแบบของบุรุษเพศ เส้นผมสีน้ำตาลอ่อนๆพริ้วไหว ดูเข้ากันกับตาสีชาภายใต้แพขนตานั้นเป็นอย่างดี แม้เรือนผมจะดูยุ่งเหยิงเพราะสายลมที่พัดมา แต่ก็ยังคงสะท้อนเป็นเงางาม จมูกโด่งสวยรับกับริมฝีปากเรียว จนคนที่มองอยู่ตอนนี้เผลอไปคิดถึงอดีต
‘นี่น่ะนะไอ้บ้าเมื่อกี้ ให้ตายก็ไม่เชื่อเด็ดขาด!!’
“พวกเจ้าคงคิดว่าข้าหล่อมากล่ะสิ แต่มันก็แน่อยู่แล้วล่ะนะ” จินตนาการอันแสนสวยงามพลันแตกระยิบก่อนจะร่วงกราวลงสู่เหวอันมืดมิด พร้อมกับภาพโพสต์ท่าอันแสนพิสดาร ที่เจ้าตัวคิดว่าเท่ซะเต็มประดา
‘นี่สินะที่เขาบอกกันว่าอย่าดูคนเพียงแค่ภายนอก’ , “งั้นพวกเราไปก่อนนะ ถ้าโชค(ไม่)ดีเราคงได้เจอกัน ลาก่อนแอนทิส” ทั้งสองสมัครใจกันพูดชนิดเรียกได้ว่าตัดเยื่อใยก่อนจะลุกขึ้นยืน ทิ้งมนุษย์ประหลาดไว้เพียงลำพัง
***********---------------***********---------------
เอาล่ะมาดูกฏการต่อราคากานเถอะ
1.ต้องพูดราคาต่ำกว่าที่ต้องการ5-10บาท
2.ต้องรู้จักการไม่เชื่อใจ มานกล่อมอะไรมาทำหูทวนลม
3.ไม่ให้เราก็ทำเป็นเดินไป(ถ้าไม่เรียกกลับอย่าสน)
4.ถ้าของชิ้นนั้นอยากได้จริงๆกรุณาต่อน้อยๆ (ความจริงการเป็นคนขายเป็นอะไรที่ง่ายกว่ามากกกกกกกกกก...)
ความคิดเห็น