ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic KHR] XS l Under the Dark Sky

    ลำดับตอนที่ #2 : 2nd night

    • อัปเดตล่าสุด 29 เม.ย. 53


    ตะวันคลาลับ จันทราสูงเด่น หมุนเวียนไปคราแล้วคราเล่าอย่างรวดเร็ว จนสุดท้ายเวลาก็ผ่านไปครบสัปดาห์ นับเป็นสัปดาห์ที่ว่างที่สุดของเหล่าวาเรีย เนื่องจากต้องรอคอยคำตัดสินจากเบื้องบน

    ในที่สุดสิ่งที่รอคอยก็มาถึง ...รุ่นที่ 9 ตัดสินใจให้อภัยแซนซัสและสึนะก็ไม่เอาความ...

    ทุกสิ่งทุกอย่างจึงกลับมาเป็นอย่างที่มันควรจะเป็น งานต่างๆเริ่มหลั่งไหลเข้ามาอีกครั้ง สิ่งที่ต่างออกไปคือการที่มีเพียงแค่รุ่นที่ 9 และสึนะเท่านั้นที่ยังคงไว้ใจพวกเขา ทำให้พวกเขาต้องถูกจับตาดูเกือบตลอดเวลา

    ทั้งที่ทุกคนควรจะรู้สึกสบายใจได้แล้ว ทว่ากลับไม่มีใครสนใจต่อคำตัดสินเลยแม้แต่น้อยนิด นั่นก็เป็นเพราะ...

    นับวันแซนซัสก็ยิ่งทวีความหงุดหงิดขึ้นทุกทีน่ะสิ!!

    ร่างสูงหมุนควงปากกาในมือ ในขณะที่กำลังเอนหลังพิงเก้าอี้ที่ใช้นั่งเป็นประจำเวลาทำงาน แม้ตะวันจะยังไม่ทันตรงหัว แต่เบื้องหน้าของเขาก็มีขวดเหล้าไม่น้อยกว่าครึ่งโหลวางเรียงรายอยู่ในสภาพว่างเปล่า

    ภายในห้องอันเงียบงันคละคลุ้งไปด้วยกลิ่นแอลกอฮอล์และอารมณ์ที่พร้อมจะปะทุได้ทุกเมื่อของเจ้าของห้อง

    เลวี่ที่ยืนรอรับคำสั่งอยู่เบื้องงหลัง จงใจเลือกมุมที่ดีที่สุดแก่การหลบวิถีกระสุน หรืออีกแง่ก็เพื่อไม่ให้ไปขวางหูขวางตาบอสเข้า

    ...ไอ้ฉลามสวะนั่น หายหัวไปไหนของมัน!!?...

    เจ้าของนัยน์ตาสีเพลิงคิดพลางกระดกเหล้าลงคอไปอีกหนึ่งแก้ว

    อาทิตย์นึงแล้ว... อาทิตย์นึงเต็มๆที่เขาไม่ได้เห็นมันแม้แต่ปลายเส้นผม!!...

    หากเป็นตามปกติแล้วสควอโล่จะต้องโผล่มาหาเขาเป็นประจำทุกเช้า ไม่ว่าจะมีธุระหรือไม่ก็ตาม...

    เป็นแบบนี้มานานจนเขาอดคิดไม่ได้ว่า มันคงมีเวลาเหลือเฟือถึงได้มาเดินตามเขาต้อยๆได้ทั้งวัน

    แต่นี่อะไร.. อยู่ดีๆมันก็ไม่ยอมก้าวออกจากห้องเลยแม้แต่ก้าวเดียว

    ...ไม่แม้แต่จะลงมากินอาหารที่โต๊ะรวม...

    แถมยังส่งคนมาบอกว่าอาการยังไม่ดีขึ้น.. ไอ้โง่ที่ไหนมันจะเชื่อ!?

    แก้วเจียระไนเนื้อดีถูกขว้างลงกระทบพื้นอย่างรุนแรง จนแตกกระจาย

    "ป..เป็นอะไรครับบอส?" หัวหน้าหน่วยอัสนีที่ผันตนเป็นหัวหน้าหน่วยกล้าตายแห่งวาเรียถามตะกุกตะกัก

    เนตรสีสดตวัดมองคนถามด้วยสายตาดุดันจนฝ่ายนั้นต้องกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก

    ...ทั้งๆที่ปกติแล้วหากเขาทำเสียงอะไรโครมครามนิดหน่อย ไอ้แลามนั่นจะต้องเสนอหน้าเข้ามาเป็นคนแรก...

    "ให้คนไปตามไอ้ฉลามหัวเน่านั่นมา" เสียงสั่งดังขึ้นลอยๆ แต่กระนั้นคนที่ยืนรออยู่ก็รีบพรวดพราดไปที่ประตูทันที คล้ายรอคอยเวลานี้อยู่แล้วก็ไม่ปาน

    ภายในเวลาไม่กี่อึดใจร่างโปร่งบางเกินกว่าชายใดที่ไม่ได้เห็นมาถึงหนึ่งอาทิตย์เต็มๆก็มาปรากฏตัวตรงหน้า หากอะไรบางอย่างทำให้ร่างบางดูต่างออกไปจากที่เคย

    ร่างในเครื่องแบบนั้นยืนอย่างสงบนิ่ง ใบหน้างดงามก้มลงเล็กน้อย

    ...ไม่มีเสียงเอะอะโวยวายอย่างทุกครั้ง...

    ...ไม่มีการเดินปึงปัง...

    ...ไม่มีรอยยิ้มกวนอวัยวะเบื้องต่ำ...

    และเหนือสิ่งอื่นใด... นัยน์ตาสีวารีคู่นั้นไม่ได้เบือนมามองที่เขาเลยแม้แต่นิดเดียว...

    "มีอะไรเหรอบอส?" น้ำเสียงน่าฟังนั้นดังขึ้นเบาๆเรียกสตอของเขากลับมา

    ...เพียงได้พบ ...เพียงได้ยินเสียง... บางสิ่งบางอย่างก็พลุ่งพล่าน...

    ...บางสิ่งบางอย่างที่ตัวเขาไม่รู้จัก

    โกเมนน้ำเอกพิศมองร่างเบื้องหน้าตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ความโกรธแล่นริ้วขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุแทนที่ความสับสนเมื่อครู่ มือแข็งแรงจับล็อคปลายคางมน บังคับให้ดวงหน้างามเกินชายนั้นแหงนขึ้นสบตากับเขาอย่างดุดัน

    "แกหายหัวไปไหนมา?!"

    อะไรบางอย่างจากร่างบางทำให้เขาเห็นว่า อความารีนน้ำงามนั้นไหวระริกวูบหนึ่ง

    "เป็นบ้าอะไรน่ะบอส! เรียกมาเพื่อเรื่องแค่นี้รึไง?" มือเรียวบางพยายามแกะมือที่ล็อคแน่นราวคีมเหล็กออกย่างสุดความสามารถ

    "หึ! สวะที่แม้แต่งานยังไม่ยอมมาทำ จนฉันต้องให้คนไปตามน่ะ ไม่มีสิทธิ์จะมาขึ้นเสียงกับฉันรู้ไว้ซะ!!"

    "ก็ไหนว่าจะให้เลวี่ทำไงล่ะ?!!! ปล่อยเดี๋ยวนี้นะ!!"

    แม้ไม่ทันสังเกตแต่นัยน์ตาสีสดนั้นก็วาวโรจน์ขึ้นก่อนถูกความเย็นชาฉาบเคลือบ ร่างสูงคลายมือออกแล้วหมุนตัวกลับไปนั่งที่โต๊ะคล้ายไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่คนที่อยู่ในห้องก็รับรู้ถึงอารมณ์โกรธอันรุนแรงที่สะท้อนผ่านท่าทีอันสงบนิ่งของนภาแห่งรัตติกาล

    "บอส.." ร่างที่ได้รับอิสระค่อยเอ่ยเรียก หลังพยายามเรียกสติให้กลับมาจากท่าทีที่เปลี่ยนไปอย่างกะทันหันของฝ่ายตรงข้าม แต่เหมือนต้องการตัดบทคำพูด มือหนาตบโต๊ะตรงหน้าเสียงดังสนั่นจนเขาสะดุ้ง

    "ไสหัวไป.."

    แม้จะรู้สึกเกรงอยู่บ้าง แต่สควอโล่ก็ไม่อาจทนให้อีกฝ่ายทำตามใจตัวเองได้มากกว่านี้ ร่างโปร่งตะโกนอย่างเหลืออด   "คำก็ 'ไสหัวไป' สองคำก็'ไสหัวไป' เรียกฉันมาเพื่อจะพูดแค่นี้รึไง! ไอ้คนงี่เง่า!!"

    ลูกแก้วสีเลือดมองคนที่หาญกล้าขึ้นเสียงกับเขา ...คนที่กล้าขึ้นเสียงกับเขาเพียงคนเดียวตลอดมา...

    "เออ.."

    "เอาแต่ไล่! ไล่! เกลียฉันนัก..รำคาญฉันนัก! ก็พูดมาตรงๆเลยเซ่!! ฉํบจด้ไม่โผล่หน้ามาให้เห็นอีก!!"

    สควอโล่หอบหายใจรุนแรงหลังระบายออกมาจนหมด ความเดือดดาลทำให้เขาสบตาอีกฝ่ายอย่างไม่ลดละ หากแซนซัสกลับเอาแต่นิ่งเงียบเหมือนไม่สนใจจะต่อความกับเขา

    "ไม่ยอมพูดอะไรแบบนี้ใครจะไปเข้าใจเล่า?"

    แต่ผืนนภายังคงเงียบ

    "พูดอะไรหน่อยก็ไม่ได้ใช่มั้ย?! ดี!! งั้นก็ไม่ต้องมาพูดกัน..." ถ้อยคำสุดท้ายแม้จะถูกเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วราวขาดลมหายใจ แต่ร่างสูงกลับได้ยินมันชัดเจน

    สายตาไม่บ่งบอกอารมณ์ที่ส่งมาให้เขาในวินาทีสุดท้ายก่อนร่างโปร่งบางจะก้าวออกจากห้องนั่นมันอะไรกันนะ...

    ...โกรธ?...

    ...เฉยชา?...

    ...เศร้าสร้อย?...

    ไม่.. เขารู้สึกได้ว่ามันไม่ใช่แบบใดแบบหนึ่ง แต่ก็ไม่ใช่ทั้งสามสิ่งรวมกันด้วย....

    "แกไปหัดทำสายตาแบบนั้นมาจากไหนกันนะ..."

    ................................................................................

    สควอโล่เหวี่ยงประตูห้องปิดดังโครมใหญ่ ก่อนจะล้มตัวลงบนที่นอน

    ไอ้บอสบ้า! บ้า! บ้า! บ้า! งี่เง่าที่สุด!!

    ร่างโปร่งระบายอารมณ์กับหมอนจนมันแทบฉีกขาด

    เรียกให้ไปหาเพื่อจะพูดว่า 'ไสหัวไป' เนี่ยนะ?

    ในตอนแรกที่มีคนมาตามเขาไปหาแซนซัส ร่างโปร่งก็รีบรุดไปหาอย่างรวดเร็ว เมือคิดว่าแซนซัสจะยอมให้เขากลับไปอยู่ข้างๆแล้ว

    ...แต่ก็เปล่า... เขาก้าวเข้าไปยืนในห้องเมื่อรู้ว่าเลวี่ยังอยู่กับบอส

    เขาไม่กล้าเบือนหน้าขึ้นมอง ไม่กล้ารับรู้ว่ามีคนยืนอยู่ในที่ที่ควรเป็นของเขา

    ความรู้สึกไม่สบายใจวิ่งวนไปทั่ว เขาไม่เคยทะเลาะกับร่างสูงรุนแรงขนาดนี้มาก่อน

    พวกเขาทะเลาะกันออกบ่อย ...ก็ใช่...แต่ไม่มีครั้งไหนที่รุนแรงมากขนาดนี้...

    ไม่มีครั้งไหนที่เข้าขึ้นเสียงกับแซนซัสอย่างจริงจังแบบนี้...

    ไม่มีครั้งไหนที่เขาโกรธจนควบคุมตัวเองไม่ได้แบบนี้มาก่อน..

    ร่างโปร่งพลิกร่างไปมาบนเตียง นัยน์ตาคู่สวยล่องลอยไปไกล

    ...ทีนี้นอกจากไปเจอหน้าไม่ได้แล้ว ยังคุยกันไม่ได้อีกต่างหาก

    แต่ว่าเขาไม่ผิด...

    ไอ้คุณบอสนั่นแหละ เอะอะก็ใช้กำลังแล้วก็เงียบไปเฉยๆ ใครจะไปเข้าใจกัน...

    "มีอะไรก็พูดมาสิ.."

    ...เกลียดเขานักก็พูดออกมาสิ...

    'ไสหัวไป..'

    'คำก็ 'ไสหัวไป' สองคำก็'ไสหัวไป' เรียกฉันมาเพื่อจะพูดแค่นี้รึไง! ไอ้คนงี่เง่า!!'

    'เออ..'

    ทุกอย่างยังคงฝังแน่น.. ร่างบางยังคงจำได้เป็นอย่างดีว่าน้ำเสียงของฝ่ายนั้นเฉยชาเพียงไร ดวงตาคู่นั้นดุดันน่ากลัวเพียงไร...

    แต่ถ้าคิดให้ดีๆ สิ่งที่บอสพูดออกมามันก็ชัดเจนเพียงพออยู่แล้วสินะ...

    อความารีนน้ำงามคู่นั้นหม่นแสงลง พร้อมๆกับความรู้สึกบางอย่างที่ท่วมท้นขึ้นมา

    ...แซนซัสเกลียดเขาแล้ว ไม่ต้องการจะเห็นหน้าหรือแม้แต่พูดคุยกับเขาอีกต่อไป...

    ................................................................................

    "สควอโล่จะไปไหนหรอ~~~ ชิชิชิชิชิชิ" เด็กหนุ่มผมทองตะโกนถามเสียงดังพร้อมโถมเข้าใส่ร่างโปร่งซึ่งยังอยู่ในชุดนอนจากด้านหลังเต็มแรง จนร่างนั้นเซไปเล็กน้อย

    "ฉันจะไปทำงานแล้ว ปล่อยโว้ย!" สควอโล่ดึงแขนที่โอบรอบลำคอของเขาออกอย่างยากเย็น

    ...ไอ้เด็กเพี้ยนนี่ทำไมมันถึงได้ถึกควายแบบนี้นะ?!...

    หลังยื้อยุดกันอยู่พักหนึ่งเจ้าชายตัวแสบก็ยอมปล่อยมืออกก่อนจะนั่งลงใกล้ๆกับร่างที่เริ่มแต่งตัว

    ชายหนุ่มถอดเสื้อนอนตัวบางออก แล้วรวบผมสีเงินขึ้นด้วยเส้นเชือก เพื่อช่วยให้สวมเสื้อได้ง่ายขึ้น

    ดวงตาภายใต้ม่านผมสีทองคู่นั้นจ้องมองร่างกายท่อนบนที่เปลือยเปล่าของอีกฝ่ายตาไม่กระพริบ

    "มองอะไรน่ะเบล?" คนถูกมองถามขึ้น แต่ยังไม่ทันจะดึงเครื่องแบบขึ้นสวมเสียงแชะก็ดังขึ้นเบาๆ

    ดวงตาสีฟ้างามตวัดไปทาง้นเสียงอย่างรวดเร็ว ร่างเล็กๆของเด็กชายต้องสาปกำลังสะบัดรูปที่ได้จากกล้องโพลารอยด์อยู่ที่มุมเสา

    "ดีมากเบล..ที่ดึงความสนใจของสควอโล่เอาไว้ได้" มาม่อนพูดด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างพึงใจในผลงาน

    "ชิชิชิชิ ได้เสมอ แต่อย่าลืมส่วนแบ่งของเจ้าชายด้วยล่ะ"

    "โอเค ขายได้เมื่อไหร่จะให้ 5% ตามที่ตกลงกันไว้"

    "เบล...มาม่อน..." คนที่ทนฟังมานานกดเสียงพูดต่ำ พร้อมยื่นมือไปคว้าคอเสื้อของ 2 ผู้ต้องหา "พวกแกทำอะไรกัน?"

    สองคู่หูหน้าซีดขาว..เหงื่อเม็ดเล็กๆผุดซึมทั่วใบหน้า

    "มาม่อน.." ดวงตาเย็นชาจับจ้องร่างต้นตอของเรื่องอย่างคาดโทษ "รูปเมื่อกี้อยู่ไหน??"

    "ตามกฎหมายช่างภาพสากลแล้วรูปนี้เป็นกรรมสิทธิ์โด..." ถ้อยคำทั้งมวลถูกสะกัดดาวรุ่ง เมื่อฉลามคลั่งชักจะคลั่งขึ้นมาจริงๆแล้ว

    "มาม่อน"

    "ไม่ได้หรอกรูปนั่นราคาเป็นล้านดอลล์เลยนะ" มาม่อนหลับตาปี๋กลั้นใจสู้

    "เบล..." ร่างบางหันไปคาดคั้นเอากับอีกคน

    "เจ้าชายไม่ได้ทำอะไรซักหน่อย!!"

    "มุมนี้สวย!"...แชะ...มาม่อนดึงรูปถ่ายมาสะบัดดูอย่างรวดเร็ว

    รูปที่ถ่ายได้จากมุมของเด็กต้องสาปในระยะประชิดก็คือ รูปใบหน้างดงามตั้งแต่ส่วนจมูกได้รูปลงไป เส้นผมที่ถูกรวบขึ้นเปิดให้เห็นลำคอเรียวระหง และแผ่นอกเรียบเนียน เสื้อสีดำขับเน้นให้ผิวขาวยิ่งขาวกระจ่าง ซ้ำกระดุมที่ยังไม่ทันติดนั้นก็ยิ่งทำให้ร่างที่อยู่ในท่ากึ่งคลานเข่าดูเย้ายวนมากยิ่งขึ้น

    "เบลเสร็จงานแล้วไปกันได้!!" ร่างเล็กฉวยโอกาสที่ฉลามหนุ่มกำลังตกตะลึงใช้พลังมายา ทำให้พวกเขาหายไปอย่างไร้ร่องรอย

    "ไอ้พวกบ้าเอ๊ย!! คอยดูนะฉันกลับมาเย็นนี้พวกแกเสร็จแน่!" คนถูกหลอกตะโกนลั่น

    สควอโล่แต่งตัวอย่างรวดเร็วแล้ววิ่งลงไปชั้นล่างเพื่อหาอะไรใส่ท้องก่อนไปทำงาน

    ...วันนี้ก็โดนอีกแล้ว... ร่างโปร่งคิดอย่างไม่สบอารมณ์

    มือเรียวหยิบกล่องนมขนาดครึ่งลิตรจากตู้เย็นออกเปิดดื่ม พลางงึมงำถึงเรื่องที่ถูกถ่ายรูปน่าอายแต่เช้า

    อยากรู้นักว่าทำไมไอ้โรคจิตทั้งหลายมันถึงอยากได้รูปน่าอายของเขากันนักกันหนา ไอ้สองหน่อนั่นมันถึงได้ตามมาถ่ายได้เกือบทุกวัน

    ชายหนุ่มเดินฮึดฮัดออกจากปราสาทไปยังที่จอดรถ หากยังไม่ทันจะถึงโรงรถเสียงของใครคนหนึ่งก็ดังขึ้นจากทางด้านหลัง

    "จะออกไปไหนไอ้สวะ?"

    ร่างโปร่งสะดุ้งเฮือก มั่นใจว่าเจ้าของถ้อยคำหยาบคายนั้นจะต้องเป็นแซนซัสแน่ เสียงฝีเท้าทึบหนักนั้นบ่งบอกว่าเจ้าของคำพูดกำลังก้าวเข้ามาหาเขา

    เหตุการณ์ที่เขาทะเลาะกับนภาหนุ่มเมื่อวานนี้ มันทำให้เขาไม่กล้าหันกลับไปเผชิญหน้ากับร่างสูงใหญ่

    กลัวว่าสายตานั้นจะสะท้อนแววรังเกียจเย็นชา...

    เขาคงทนไม่ได้แน่หากนัยน์ตาสีเลือดเปี่ยมอำนาจที่เขาหลงใหลคู่นั้น มองเขาอย่างรังเกียจและดูแคลน

    ...ถ้ามันจะต้องเป็นแบบนั้น เขาก็ขอเลือกที่จะไม่สบเข้ากับดวงตาคู่นั้นอีกเลยดีกว่า...

    สควอโล่ตัดสินใจวิ่งออกมาจากที่ตรงนั้น โดยไม่สนใจต่อเสียงฝีเท้าเบื้องหลัง คิดแค่เพียงว่าขอให้หลุดพ้นจากสถานการณ์น่าอึดอัดนั้นได้ก็พอ

    ในที่สุดร่างบางก็วิ่งมาถึงรถยุโรปคันงามของเขาจนได้ ...รอบๆกายเงียบสนิท ไม่มีเสียงใดๆ...

    ดวงหน้าหวานเบือนกลับไปมอง ทั้งหวังและไม่หวังในเวลาเดียวกัน แต่ไม่มีใครอยู่ตรงนั้น

    ...แซนซัสไม่ได้ตามมา...

    ริมฝีปากบางหยักยิ้มขื่น แล้วเปิดประตูรถออก

    ..คิดว่าหมอนั่นจะตามมางั้นเหรอ...คิดอะไรไร้สาระเข้าข้างตัวเองอีกแล้ว...

    ทั้งที่เป็นแค่เศษสวะไร้ค่า มีหรือที่นภาจะยอมเหลียวมอง...

    แต่ว่า...ขอซักวินาทีไม่ได้หรือไง.. ที่จะมีภาพของสวะไร้ค่านี้ในสายตาของนาย...

    เสียงสตาร์ทรถดังทำลายความเงียบในพริบตา ผู้เป็นเจ้าของพารถสีเงินพุ่งทยานออกจากปราสาทวาเรียคล้ายต้องการหนีจากความคิดที่ไม่มีวันเป็นจริง

    ................................................................................

    หยาดพิรุณโปรยปราย...

    ในขณะที่กำลังเดินทางกลับปราสาทจู่ๆฝนก็เทกระหน่ำลงมา ทำให้ร่างบอบบางเปียกปอนไปทั่วตัว

    เรียวขายาวก้าวเข้ามาในตัวปราสาท เสื้อที่อุ้มน้ำจนชุ่มนั้นติดแนบไปทั่วร่างขับให้ร่างนั้นยิ่งดูแบบบางมากขึ้น

    ระหว่างที่พึมพำถึงความซวยไปตามเรื่อง ดวงตาคู่สวยก็สะดุดเข้ากับร่างของใครบางคนที่นั่งหันหลังให้เขาบนโซฟาตัวยาวอยู่กลางโถงกว้าง ก่อนที่การกระทำทุกอย่างจะหยุดชะงัก

    ...บอส...

    ใช่แล้วคนๆนั้นคือแซนซัสอย่างไม่ต้องสงสัย เบื้องหน้าร่างสูงมีขวดเหล้าที่พร่องไปกว่าครึ่งวางอยู่

    ร่างโปร่งพยายามบอกตนเองว่าร่างสูงเพียงต้องการเปลี่ยนสถานที่ดื่มเหล้า พลางค่อยๆปรับสีหน้าให้กลับมาเรียบนิ่งดังเดิม ก่อนจะเดินเลยร่างที่นั่งอยู่ไปอย่างไม่สนใจเพื่อกลับไปยังห้องของตน

    โกเมนน้ำเอกมองตามแผ่นหลังบางที่สะท้อนถึงความห่างเหิน "หยุดก่อนไอ้สวะ"

    คนที่กำลังก้าวขึ้นบันไดหยุดนิ่งหากไม่ได้เบือนใบหน้ากลับไปมอง

    "พรุ่งนี้แกต้องออกไปทำงานกับฉัน"

    คำสั่งที่เปรียบเหมือนมีดปักลงกลางใจให้ร่างบางหันกลับไปมองคนสั่งซึ่งนั่งสบายใจอย่างรวดเร็ว ริมฝีปากบางเผยอขึ้นเหมือนต้องการเอื้อนเอ่ย แต่ไม่มีถ้อยคำใดหลุดออกมา สายตาที่ส่งให้ร่างสูงคล้ายอยากตำหนิ คล้ายตัดพ้อ แต่ก็คล้ายต้องการวิวอนในเลาเดียวกัน สุดท้ายใบหน้าที่งดงามเกินบุรุษก็สะบัดหนีโดยยังไม่ทันได้พูดอะไร ก่อนเจ้าของร่างจะผลุผลันวิ่งขึ้นห้องไป

    ...ทิ้งนภาสีดำให้ยิ้มอย่างผู้ชนะเงียบๆเพียงคนเดียว...

    -*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*

    เข้ามาเปลี่ยนวันที่เครี้ยกๆ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×