ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    take it to you

    ลำดับตอนที่ #15 : ....

    • อัปเดตล่าสุด 24 มี.ค. 52


                    "คีฟ! คีฟ!!" เสียงเรียกดังขึ้นที่ข้างหู แต่มันช่างเบาบางเหลือเกินในความคิดของเขา เปลือกตาที่พยายามอย่างไรก็ฝืนลืมขึ้นไม่สำเร็จ

                    "ตื่นสิ!เฮ้!" เคนเขย่าร่างที่นอนอยู่บนพื้นอย่างแรงทำให้คที่นอนอยู่ขยับร่างที่อ่อนล้าเล็กน้อยตอบรับ ให้รู้ว่าตื่นแล้วเพราะไม่งั้นเขาอาจจะกระดูกหักเพราะแรงเขย่าก็ได้...

                    ร่างแกร่งค่อยๆยันกายขึ้นมาเผชิญหน้าคนปลุกช้าๆเขาลืมตาตื่นทั้งๆที่ไม่อยากเลยแม้แต่น้อย

                    "ข้านึกว่าเจ้าเป็นอะไรไปซะแล้ว..."เคนถอนหายใจอย่างโล่งอก เมื่อเห็นว่าร่างนั้นลุกขึ้นมาเสียที

                    คีฟเบือนสายตาไปรอบๆอย่างครุ่นคิด 'นั่นสินะ..เมื่อวานเราหมดสติไป 'แต่ทันทีที่เขาคิดจะลุกขึ้นยืน กลับต้องล้มลงมากองอย่างเก่าความปวดหนึบและเมื่อยล้าแล่นริ้วไปทั่วทุกอณูจนต้องอุทานออกมา

                    "คีฟ!"เสียงใสโพล่งด้วยความตกใจเมื่อเห็นเพื่อนทรุดลงไปโดยไม่บอกกล่าวร่างโปร่งถลันเข้าไปพยุงคนล้มเอาไว้ในทันทีแล้วพาร่างนั้นนั่งลงบนเตียง

                    "เจ้าเป็นอะไรไปน่ะ?" เคนถาม

                    "ไม่เป็นอะไ..ร อุ๊บ!"เสียงทุ้มกล่าวตอบแต่ดูเหมือนจะเชื่อแทบไม่ได้เมื่อเจ้าตัวกุมแขนทั้งสองข้างของตัวเองไว้แน่น

                    เคนถือวิสาสะจับแขนของคีฟขึ้นมาตรวจดูแต่ก็ต้องปล่อยลงแทบไม่ทันเมื่อเจ้าของอุทานและสะดุ้งด้วยความเจ็บปวด

                    "เจ้ากล้ามเนื้อฉีกหรือ?" เขาพูดเบาๆ ทำให้นัยน์ตาคมเบือนมาเล็กน้อยก่อนพยักหน้าเบาๆ

                    "แล้วจะทำไงดีล่ะ? ถ้าอย่างนั้นก็คงเดินทางไม่ได้แน่วันนี้"

                    "ข้าไหว"ร่างสูงส่ายหน้าปฎิเสธ พลางยันกายลุกขึ้นอีกครั้งแต่ก็ไม่ได้ผลต่างไปจากเดิมเท่าไรนัก

                    "เห็นรึเปล่า? ข้าว่าวันนี้พักวันนึงเถอะ..."เขาพูดแต่ดูอีกฝ่ายจะไม่สนใจเมื่อมือแกร่งตวัดครั้งหนึ่ง สายลมก็ดันตัวทั้งสองคนให้ลอยขึ้นเคนถอนหายใจอย่างปลงๆ

                    แต่แล้วจู่ๆร่างของเขาที่ลอยอยู่ก็ร่วงวูบลงไปกองกับพื้นเมื่อจะหันไปต่อว่าเพื่อนของเขาที่เล่นบ้าๆแบบนี้ก็พบว่ามันอาการสาหัสกว่าเขาหลายเท่านัก

                    ร่างที่ร่วงลงมาพร้อมกันนอนหอบหายใจกับพื้น ใบหน้าคมซีดเผือดมือแกร่งที่ขยุ้มเสื้อตัวเองบริเวณหัวใจเกร็งแน่นจนขึ้นข้อขาวความทุกข์ทรมานฉายชัดบนใบหน้านั้น

                    "คีฟ!!!"เคนย้ายร่างที่นอนกับพื้นขึ้นไปบนเตียงอย่างทุลักทุเล แล้วทรุดตัวนั่งลงข้างเตียงมือเรียวขยี้หัวตัวเองด้วยความขัดใจที่คิดอะไรไม่ออก

                   จะให้ทำยังไงเล่า? ในเมื่อมันไม่เคยป่วยให้เห็นเลยแบบนี้...

                   
    นัยน์ตาสีอ่อนทำได้เพียงทอดมองคนเจ็บที่นอนอย่างทุกข์ทรมาน ไม่ว่าเมื่อไหร่ตัวเขาก็ไม่สามารถทำอะไรได้เลย ทุกอย่าง..เขาไม่เคยช่วยอะไรเพื่อนของเขาได้ซักที... 

                   เป็นคีฟทุกทีที่ช่วยเขาเวลาพลาดพลั้งหรือทำอะไรซุ่มซ่ามทั้งๆที่เจ้าตัวแทบไม่ทำอะไรผิดพลาดเลยซักครั้ง

                   ใช่แล้ว...อาจเป็นเพราะคีฟสมบูรณ์แบบเกินไปทำให้เขาไม่เคยนึกมาก่อนเลย ว่าถ้าเกิดอะไรกับคีฟขึ้นมาจะเป็นยังไง..

                   แต่จะยังไงก็ช่างตอนนี้สิ่งที่กลัวที่สุดกำลังเกิดขึ้นตรงหน้านี้แล้ว... คีฟกำลังไม่สบายและอาการหนักมาก ในขณะที่เขาไม่รู้ตัวเลยว่าจะทำยังไงดี...

                   "ก็จะให้ทำไงได้เล่า? คนมันไม่มีเวทมนต์จะใช้นี่" เสียงรำพันดังลอดไรฟัน

                   "หรือว่า?"เคนชะงักเล็กน้อยเมื่อเรื่องเมื่อวานผุดขึ้นมาในหัว

                   หรือว่าเมื่อวานเจ้านี่จะใช้มนตร์รักษาเราจนตัวเองอยู่ในสภาพนี้...

                   ยิ่งคิดก็ยิ่งขัดใจเพราะสิ่งที่เกิดขึ้นทุกทีจะเป็นเพียงการเหนื่อยหอบของผู้รักษาเท่านั้น แต่คราวนี้มันต่างออกไปมันแทบจะเรียกว่าปางตายเลยก็คงได้

                   "โธ่เว้ย!! ถ้าไม่มีปัญญาจะรักษาข้า ก็ไม่ต้องทำสิ!"เคนกระชากเสียง มือเรียวกำชายเสื้อคนเจ็บไว้แน่น เขาไม่สามารถทำอะไรได้เลยจริงๆงั้นเหรอ?...

                   "ได้สิ..."เสียงหนึ่งดังขึ้น ทำให้เคนหลุดจากห้วงภวังค์แล้วเริ่มมองหาต้นเสียงในขณะที่คนที่นอนทรมานขมวดคิ้วหนักขึ้น

                   "นั่นใครน่ะ?" เคนถาม

                   "มานี่สิข้าอยู่ตรงนี้"ร่างโปร่งลุกขึ้นเดินตามเสียงเรียกแต่กลับไม่พบสิ่งที่น่าจะเป็นต้นกำเนิดเสียงได้เลย

                   "เจ้าอยู่ไหนกัน?"ทั้งๆที่เสียงน่าจะมาจากใกล้ๆหัวเตียงแต่ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็หาไม่เจอเสียที

                   "อยู่นี่ไงข้างใต้เตียงนี่..."

                   เคนก้มลงดูใต้เตียงตามคำของเสียงปริศนาคทาของคีฟนอนสงบอยู่ใต้เงามืด ทำให้เรียวคิ้วมุ่นเข้าหากัน "คทา.."เขาพึมพำเบาๆ

                   "ใช่ข้านี่แหละ..."เสียงที่ดังขึ้นจากคทาอีกครั้งไขข้อข้องใจให้กับเคนได้เป็นอย่างดีเขาเอื้อมมือไปหยิบมันขึ้นมา

                   "ว..วาง..มันลง..ซะ"น้ำเสียงแหบพร่ากล่าวห้ามคิ้วเข้มขมวดเข้าหากันอย่างไม่พอใจ

                   "ทำไมล่ะ?"เคนถามงงๆ

                   "เฮ้อ..เจ้านี่ล่ะน้า..จะตายอยู่แล้วยังไม่รู้จักเจียม"เจ้าคทาขัดขึ้นกลางบทสนทนา

                   "หุบปาก..ไ..ปซะ.."

                   "แหมๆ..ดีนะเนี่ยที่เป็นข้าเป็นคนอื่นคงทนเจ้าไม่ไหวแน่"

                   "ข้าไม่ต้องการ..ความ.ช่ว..ยเหลือ..จา..กเจ้า"

                   "จะจริงเร้อ..."ไม่ทันสุดเสียงดีร่างที่นอนอยู่ก็ไอจนตัวโยนเลือดจำนวนหนึ่งถูกสำรอกออกมา

                   "คีฟ!!!!"เคนที่ยืนงงกับบทสนทนาพุ่งเข้าไปหาเพื่อนแทบจะในทันทีมือเรียวที่ลูบแผ่นหลังของคนไอสั่นน้อยๆอย่างตกใจเมื่อกระจกตาของเขาสะท้อนภาพของเหลวสีแดงบนฝ่ามือขาวซีด

                   "...เคน"เสียงเรียบๆของคทาในมือกล่าวแทรกอีกครั้งใบหน้านวลเบือนมองสิ่งที่อยู่ในมือ

                   "วางข้าลงบนเตียงแล้วออกไปซะ.."

                   "แต่ว่า.."

                   "เร็วสิ!อยากให้มันตายหรือไงจำไว้ห้ามแอบดูและแอบฟัง..เช่นนั้นเจ้าอาจต้องสูญเสียสิ่งสำคัญไป"เสียงเครียดขึงสั่งอย่างเด็ดขาด เคนปฏิบัติตามอย่างจำยอมเขาวางคทาลงแล้ววิ่งออกไปนอกกระโจม

                   เปลือกตาหนาปรือขึ้นคิ้วเข้มยังขมวดเป็นปมด้วยความไม่พอใจ "จะทำอะไรก็ทำซะสิ.."เสียงหอบเจือความไม่พอใจชัดเจน

                   "ไม่ไล่ข้าแล้วหรือไง?" เจ้าคทาถามด้วยเสียงเจือหัวเราะเล็กน้อย ทำให้คีฟยิ่งไม่พอใจหนักขึ้นแต่ยังไม่ทันต่อว่าอะไร ผลึกสีขุ่นก็สว่างวาบ จนเขาต้องหลับตา เมื่อลืมตาขึ้นอีกทีก็ปรากฏร่างของชายหนุ่มรูปงามยืนอยู่บริเวณปลายเตียง

                   ชายหนุ่มที่ดูจากใบหน้าแล้ววัยไม่น่าเกินยี่สิบห้า เรือนผมสีทองสว่างยาวลงไปถึงเอว ถูกรวบต่ำไว้ด้วยเส้นไหมสีเงิน นัยน์ตาคมทอสีครามของห้วงทะเล ขับให้รูปหน้าสีงาช้างดูขาวนวล
     จมูกโด่งเป็นสัน เรียวปากสีระเรื่อแดงนั้นคลี่ยิ้มบางๆ รูปร่างสูงกำยำอย่างบุรุษถูกปกปิดค้วยชุดสีกรมท่าและผ้าคลุมผืนโคร่งสีดำสนิท ในมือมีคทาของเขาอยู่

                   "เทียร์.."คีฟครางเรียกด้วยเสียงต่ำๆ

                   เจ้าของเรื่อนผมสีทองสว่างหัวเราะเบาๆ "ข้ารู้ว่าเจ้าอยากจะบ่นสินะแต่เอาไว้รักษาเจ้าเสร็จก่อนก็แล้วกัน"น้ำเสียงที่เหมือนคทาของเขาไม่มีผิดเพี้ยนนั้นกล่าวเบาๆก่อนจะเดินเข้ามาหา

                   มือใหญ่ยกแขนของคีฟขึ้นมาหมายจะจับชีพจรแต่ก็ต้องเป็นฝ่ายทรุดลงมานั่งจับแทน เพราะเสียงร้องอันเจ็บปวดของเจ้าของแขน "อืม...อาการหนักกว่าคราวก่อนเยอะเลยนะ..ประมาทไปล่ะสิ"

                   "..." คีฟนิ่งเงียบ

                   ฝ่ามือสีงาช้างนั้นยกขึ้นทาบที่หน้าผากชื้นเหงื่อของคนนอนแสงสีขาวนวลค่อยๆสว่างขึ้น พร้อมๆกับเสียงหอบหายใจที่กลับมาสม่ำเสมอเพียงไม่นานเเสงนั้นก็จางหายไปเขาชักมือกลับ

                   นัยน์ตาสีน้ำตาลนั้นค่อยๆลืมขึ้นช้าๆเขาทดลองกำ-แบมือ แล้วยกแขนขึ้น ร่างสูงยันตัวขึ้นนั่ง "เมื่อไหร่เจ้าจะเลิกทำให้มนตราแห่งมิติอันสูงส่งดูเหมือนเรื่องล้เล่นซักทีนะ.."เสียงทุ้มเอ่ยประโยคที่ยาวที่สุดในรอบสัปดาห์ออกมาอย่างรวดเร็ว

                   คนถูกว่ายิ้มขำ "หายแล้วก็ใส่ทันทีเลยนะ... ดีแค่ไหนกันแล้วไม่อย่างนั้นเจ้าคงไม่มีสภาพนี้มาบ่นข้าได้หรอกนะ" เทียร์กล่าวนิ่มๆทำให้คนฟังย่นจมูกด้วยความหมั่นไส้

                   "ว่าไปแล้วไม่นับครานี้ครั้งล่าสุดคงจะเป็นเมื่อสี่ปีก่อนมาแล้วสินะ"ร่างที่ยืนอยู่เอ่ยด้วยน้ำเสียงติดจริงจังแต่คนฟังก็เพียงนิ่งเงียบ

                   "เจ้าเองก็เหมือนกัน... ไม่ติดต่อมาตั้งแต่ซื้อคทานี่มาแล้ว ถ้าข้าไม่มีคู่ของผลึกนั่นแล้วจะทำอย่างไร?" คราวนี้กับเป็นเทียร์เองที่พูดสอนซะยาวยืดจนคีฟต้องยกมือห้าม

                   "หึ!มีหินที่เจ้าไม่มีคู่ผลึกอยู่บนโลกนี้ด้วยหรือ ท่านหัวหน้าจอมเวทแห่งสแกนด้า" คีฟแค่นหัวเราะ

                   หัวหน้าจอมเวทหัวเราะเบาๆ"แล้วเรื่องคราวนี้มันเกิดขึ้นได้อย่างไร...ในเมื่อมันแทบจะเป็นไปไม่ได้"

                   คีฟนิ่งคิดเล็กน้อย "ข้าเองก็สงสัยอยู่เหมือนกัน..."

                   "คราก่อนก็เพราะฝูงมังกรอพยพในรอบพันปีสินะ...แต่คราวนี้ไม่น่าจะมีอะไรเกิดขึ้นได้"

                   "เป็นไปได้รึเปล่าทีผนึกแห่งความทรงจำจะคลาย"

                   เทียร์ส่ายหน้าน้อยๆ "ไม่มีทางในเมื่อผู้ผูกพันธะยังแข็งแรงดี.."

                   แวบหนึ่งที่ปรากฏแววคะนึงหาในดวงตาเย็นชา "งั้นเหรอ?...ยังสบายดีสินะ"

                   "อา...แต่นั่นแหละที่ทำให้ต้องคิดว่ามันเกิดอะไรขึ้น"ร่างที่ยืนนิ่งตัดสินใจกลับเข้าหัวข้อ

                   "เป็นไปได้ไหม?ที่เกิดจากการฝัน?"

                   "'ฝัน'งั้นหรือ?" เทียร์ขมววดคิ้ว

                   "อา..."

                   "นั่นสินะ..มันก็มีความเป็นไปได้แต่หากเป็นอย่างนั้นจริง มันก็แย่เต็มทีแล้ว"

                   "ทำไมล่ะ? มันก็แค่ฝันไม่ใช่หรือไง?"

                   "มันหมายความว่าความทรงจำบางส่วนใกล้จะกลับมายังไงล่ะ"

                   นัยน์ตาสีเข้มของคนฟังเบิกว้างอย่างตกใจ "เจ้าว่าอะไร?ในเมื่อเราผูกพันธะสัญญาไว้แล้ว มันไม่น่าจะเกิดขึ้นได้..."

                   ชายผมทองส่ายหน้าน้อยๆ "นี่มันอยู่นอกเหนือพันธะสัญญาที่ได้ตกลงไว้"เขากล่าวเรียบๆแล้วอธิบายต่อเมื่อเห็นสีหน้าของคนฟัง "ตามข้อตกลงไม่ได้กล่าวถึงกรณีที่เป็นความฝัน เพราะถึงเราจะบังคับสมองไม่ให้จดจำได้แต่เราไม่สามารถบังคับร่างกายไม่ให้ฝันได้"

                    เมื่อเห็นว่าคนฟังเอาแต่นั่งเงียบเขาจึงอธิบายต่อ "สิ่งที่เกิดขึ้นแปลว่าความทรงจำส่วนที่ ร่างกายจดจำเอาไว้อย่างฝังลึกอาจโดนกระตุ้นโดยอะไรบางอย่าง ทำให้เกิดเป็นการฝันถึงเหตุการณ์นั้นแต่มันก็ไม่แน่ที่อาจเป็นเพียงเรื่องบังเอิญแต่เจ้าตัวเป็นผู้ไปกระตุ้นมันโดยไม่รู้ตัว หากเป็นเช่นนั้นก็ถือว่าเป็นโชคดี"

                    "อา..."คีฟครางรับเบาๆในลำคอ

                    "สิ่งที่เราทำได้ในตอนนี้ก็มีเพียงเฝ้ามองและพยายามไม่กระตุ้นโซ่พันธนาการที่เริ่มมีรอยแตกร้าวแล้วก็เท่านั้น"เทียร์กล่างต่อทำให้คีฟพยักหน้าอย่างเห็นด้วย

                    "ถ้าอย่างนั้นออกไปด้านนอกกันเถอะข้าอึดอัดจะแย่แล้ว..."ชายผมทองยืดตัวบิดขี้เกียจก่อนจะหมุนตัวหันหลัง

                    "เฮ้! เทียร์เจ้าจะออกไปสภาพนั้นไม่ได้นะ"เสียงทุ้มตะโกนเหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าอดีตคทาที่ตอนนี้กลายเป็นหนุ่มรูปงามกำลังจะเดินไปอวดโฉม

                    ร่างที่โดนเรียกไว้หยุดชะงักไปหน้าคมหันมายิ้มแหยๆ "นั่นสินะ ก็มันชินนี่นา" เขาวาดมือไปยังหัวคทาที่ถืออยู่แสงสว่างจ้าเกิดขึ้น แล้วดับลง เหลือเพียงคทาอันเดิมนอนสงบอยู่บนพื้นร่างบนเตียงถอนหายใจเบาๆแล้วเดินไปหยิบคทาของเขาที่วางอยู่กับพื้นขึ้น

                    "เทียร์แล้วเจ้าจะบอกเคนว่าอะไร? เรื่องคทานี่พูดได้น่ะ" ร่างสูงพูดกับคทาของตนราวกับเรื่องปกติก่อนที่จะมีเสียงตอบกลับมา

                    "ฮ่าๆๆๆ ไม่ต้องห่วงหรอกน่า ข้ามีวิธี" เสียงจากคทามีเพียงเท่านั้นแล้วจึงเงียบไป ไม่ตอบอะไรอีกเลย ทิ้งให้คนถามได้แต่มุ่นหัวคิ้วเป็นปม
     ...นี่แหละนะข้าถึงได้เกลียดเจ้าบ้านี่นัก...
                            
    .......................

                    เคนเดินห่างกระท่อมออกมาเรื่อยๆอย่างไร้จุดหมาย สีฟ้ากระจ่างตาของผืนนภาที่ตัดกับสีส้มของผืนทะเลทราย ณ สุดสายตาดูงามระยับ หากแต่ตัวเขานั้นไม่ได้มีอารมณ์จะชื่นชมมันเลยแม้แต่น้อย
     
                    ที่ให้ออกมาน่ะ มันจะให้ไปไหนกันเล่า?
     
                    แล้วเจ้าคทานั่นน่ะ มีสิทธิ์อะไรมาสั่งเขากัน แต่ที่สำคัญมันก็ตัวเขาเองนั่นแหละ ทั้งๆที่คิดแบบนั้นแต่ก็ดันออกมาตามคำสั่งของเจ้าคทาบ้านั่นได้
     
                    ก็ช่วยไม่ได้นี่นา... ก็มันดันบอกว่าคีฟจะตายทำไมล่ะ?
     
                    “เอ๋?” เจ้าของห้วงความคิดชะงักเล็กน้อยไม่ได้พูดซักหน่อยนี่นา...แค่บอกว่าจะสญเสีย ‘สิ่งสำคัญ’ 
     
                    แต่ถ้านั่นมันหมายถึง เพื่อนแท้เพียงคนเดียวที่เขามีแล้วล่ะก็ เขาก็ไม่อยากจะสูญเสียไปอย่างแน่นอน
     
                    ยิ่งคิดก็ยิ่งหงุดหงิด ทำไมเจ้านั่นจะต้องพยายามรักษาเขาจนตัวเองเกือบตายด้วย ไม่สิ...ก่อนหน้านี่ก็เคยมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นนี่นา
     
                    เมื่อ 4 ปีก่อนรึเปล่านะ.... เมื่อตอนนั้นที่เขาก็ป่วยหนักเหมือนเมื่อคืน ตอนนั้นที่คีฟก็ทำแบบนี้เหมือนกัน
     
       
    -
                    “อึก...อืม” เสียงครางเครือด้วยความทรมานดังแผ่วหวิว ใบหน้าขาวนวลแดงระเรื่อด้วยพิษไข้ ในหัวปวดตุบๆเหมือนจะระเบิด แล้วยังความรู้สึกปั่นป่วนที่แล่นพล่านไปทั่วร่างกาย
     
                    ผ้าสีขาวชุ่มน้ำที่วางพาดหน้าผากเพื่อช่วยลดอุณหภูมินั้น ดูเหมือนจะไม่สามารถช่วยอะไรได้เลยแม้แต่น้อย เมื่อเจ้าตัวส่ายหน้าไปมาจนมันหล่นลงไปกองที่พื้น
     
                    นัยน์ตาสีน้ำตาลแดงทอดมองคนที่นอนทรมานด้วยสายตาที่อ่านไม่ได้ เขาเอื้อมมือไปหยิบผ้าที่หล่นร่วงลงมา ก่อนจะนำมันไปพาดไว้ที่หน้าผากมนเนียนเหมือนเดิม แต่ทันทีที่มือแกร่งนั้นจะชักกลับก็ต้องหยุดชะงัก เมื่อมือเรียวของผู้ป่วยนั้นเอื้อมมาจับมือเขาไว้
     
                    “เคน?” คนถูกดึงมือเรียกเบาๆ พลางสบกับลูกแก้วสีน้ำตาลอ่อนที่ค่อยๆปรือขึ้น สบกับนัยน์ตาคู่นั้นที่เหมือนอยากสื่ออะไรบางอย่างกับเขา หากก็เป็นเพียงชั่วครู่เมื่อเปลือกตานั้นหรุบลงเหมือนเดิมด้วยความหนักอึ้ง
     
                    คีฟรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีอย่างแปลกประหลาด เมื่อดูเหมือนว่าไข้นั้นจะไม่ยอมลดลงเลย แถมยังสูงจนน่าตกใจ ทั้งๆที่เมื่อวานนี้ทุกอย่างก็ยังดูปกติดี นอกเสียจากว่าเขาสัมผัสได้ถึงไอพลังจำนวนมหาศาล จากการอพยพของมักรซึ่งเรียกได้ว่า จะเกิดขึ้นเพียงรอบเดียวเท่านั้นในหนึ่งพันปี แต่เส้นทางเดินของพวกเขาก็ห่างจากการอพยพที่เกิดขึ้นคนละฟากของประเทศนั้นอย่างมากเลยทีเดียว เพราะเขานั้นได้ล่วงรู้ถึงการอพยพนี้อยู่ก่อนแล้ว
     
                    แต่เคนซึ่งโดนลบพลังเวทไปแล้วก็ไม่น่าจะจับกระแสพลังนั้นได้ หรือว่าจะเกิดรู้สึกได้กัน?....
     
                    นัยน์ตาเย็นเบือนกลับไปยังร่างที่นอนอยู่อีกครั้ง ริมฝีปากหนาสบถเบาๆ เขาดึงผ้าที่ชุ่มไปด้วยน้ำกับเหงื่อออก ก่อนแทนที่ด้วยมือของตนเอง
     
                    “ทนหน่อยนะ...” คีฟพึมพำเบาๆ แต่ดูเหมือนคนฟังจะได้ยิน เพราะใบหน้านั้นผงกลงน้อยๆ แสงสีเขียวอ่อนค่อยๆสว่างเรืองขึ้นบางๆที่มือของเขา
     
                    ใช่จริงๆ ไข้นี่เป็นเพราะผลกระทบจากกระแสพลังนั่นจริงๆ เกือบไปแล้ว
     
                    เมื่อแสงที่ทออ่อนๆนั้นเริ่มสว่างมากขึ้น ความเจ็บปวดก็เริ่มแล่นริ้วขึ้นมาตามข้อแขน แต่มือแกร่งนั้นก็ยังคงวางอยู่ที่เดิม นัยน์ตาสีอ่อนของคนไม่สบายปรือมองเขาช้าๆ ภายใต้แสงสีเขียวจาง “คีฟ...” เสียงนุ่มนั้นเรียกเขาเบาๆ ทำให้ต้องหันไปสบตาด้วย
     
                    “รู้สึกสบายจัง...” ริมฝีปากเรียวระบายรอยยิ้มอ่อนจาง ทำให้คนที่เขาสบตาด้วยอดยิ้มออกมาบ้างไม่ได้ “ทนอีกนิดนะ แค่นิดเดียวเท่านั้น” เสียงทุ้มเย็นที่ดูอ่อนลงกว่าปกตินั้นกล่าวเบาๆ ก่อนที่มือนั้นจะเลื่อนมาปิดบังดวงตาของเขาไว้ ทำให้ไม่อาจมองเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างนั้น
     
                    ถ้าเมื่อวันก่อนไม่ทำคทาหักไปล่ะก็...
     
                    คีฟพึมพำกับตัวเองพลางส่งกระแสพลังไปที่มือของตัวเองมากขึ้น จนไอสีขุ่นดำจากร่างที่นอนอยู่ลอยขึ้นมาพันกับมือของเขา แล้วซึมผ่านเข้าไปในแขน
     
                    “อุ๊บ!” ริมฝีปากได้รูปเม้มแน่นเพื่อข่มกลั้นความเจ็บปวดจนเป็นเส้นตรง เหงื่อใสๆผุดพรายทั่วใบหน้า เขามองร่างเบื้องหน้าเล็กน้อยก่อนจะถอนใจอย่างโล่งอก เมื่อใบหน้าขาวนวลนั้นไม่มีแววทรมานเหลืออยู่ ลมหายใจที่เคยติดขัดกลับมาสม่ำเสมอ
     
                    ภาพสุดท้ายที่ค้างอยู่ในความทรงจำคือ ภาพที่มือแกร่งค่อยๆถอนออกเมื่อทุกอย่างกลับมาเป็นปกติ ร่างที่อยู่เหนือตัวเขาพึมพำมนตราออกมาเบาๆ เพื่อทำให้เขาที่กำลังจะได้สตินั้นหลับสนิทลงไปอีกครั้ง
     
                    สุดท้ายทุกอย่างก็ดำมืดลง....
    ***************---------------------***************---------------------
    จบเถอะ...แป้กแระ-*-
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×