ลำดับตอนที่ #10
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : ปิ๊งๆ กับ ชิ้งๆ(Rewrite 100%)
หลังเวที...
"เฮ้! เรื่องที่สองจบแล้ว เรื่องที่สาม ตัวละครเอก เตรียมพร้อมรึยัง!!?" คนที่ยืนคุมอยู่หลังม่านส่งเสียงตะโกนมาทางช่างแต่งหน้า โดนไม่เหลียวมามอง
"อ...อ๋อ เสร็จ...เสร็จแล้ว แต่..." ช่างแต่งหน้าพูดกลับไปแบบกระท่อนกระแท่น ทำให้คนถามหันมามอง แล้วก็ต้องเหงื่อตกเทื่อพบกับภาพ...
ลิซและโรเดม กำลังถือกระจกส่องหน้าตัวเอง แล้วบ่นพึมพำภายใต้บรรยากาศมาคุ
"อ...อา...งดงาม...งดงามมาก" โรเดมบ่นพึมพำพร้อมกับทำสีหน้าเคร่งเครียด
"อา...ทำไมเราถึงได้งดงามเช่นนี้...โอ..." ลิซเองก็ทำสีหน้าเคร่งเครียดไม่แพ้กัน
ทั้ง 2 คนค่อยๆลดกระจกลงแล้วมองหน้ากันเอง สีหน้าดูเครียดขรึม ราวกับเป็นกระจกทั้ง 2 คน เลื่อนมีไปแตะหน้าอีกฝ่ายเบาๆ บรรยากาศปิ๊งๆเริ่มกระจายตัวปกคลุม แต่สีหน้าทั้ง 2 คนยังคงดูเครียด
"โอ...ลิซซี่...คุณช่างดูงดงามจริงๆ..."
"ค่ะ...โรดี้ คุณเองก็ช่างหมดจดงดงามจริงๆ"
พวกเขาค่อยๆลดมือลงมาประสานกัน
"อา...พวกเรานี่ช่าง งดงามหาสิ่งเปรียบได้ยากจริงๆ"
"เฮ้ย! เมื่อไหร่จะออกมาซักที ข้าไม่ได้จ่ายเงินเพื่อมานั่งเล่นนะ!!!" เหล่าผู้ชมเริ่มตะโกนแสดงความมพอใจ
ผู้คุมงานสะดุ้งโหยง หลุดจากภวังค์แห่งความบ้าของลิซกับโรเดม แล้วกลับมาสู่โลกเดิม "เฮ้ย! เร็วเข้า เตรียมตัวๆ! คนดูเรียกแล้ว"
ลิซกับโรเดมหันมามองคนเรียกและกลับไปสบตากันต่อ
"ในที่สุด เวลาที่เรารอคอยก็มาถึงซะทีนะลิซซี่"
"ใช่แล้วค่ะ โรดี้ ในที่สุดเวลาที่เราจะบอกโลกถึงความงดงามของเราสองก็มาถึงเสียทีนะคะ"
คนคุมชักจะหมดความอดทนจึงไปลากทั้ง 2 คนมาทั้งๆอย่างนั้น "เออๆ! รู้แล้วว่าสวย รู้แล้วว่าหล่อ แต่ตอนนี้ 'เตรียมตัว' ก่อนได้มั้ย?!"
จบคำคนฟังทั้ง 2 คนก็หันมาสบตากันพร้อมบรรยากาศปิ๊งๆ
"เห็นมั้ยจ๊ะ ลิซซี่ ขนาดนายคนนี้ยังซึ้งกับความงดงามของเราสอง"
"ใช่แล้วค่ะโรดี้"
"โอ๊ย!! ข้ายังไม่อยากโดนไล่ออกนะ เตรียมตัวซักที!!!" ในที่สุดความอดทนก็ขาดผึง คนที่พร่ำเรียกจับทั้ง 2 คนไปยืนเตรียมตัวทั้งที่ยังสบตากันไม่เลิก
ส่วนทางด้านหน้าเวที...
แอนทิสกำลังกุมขมับอยู่บนเก้าอี้ทองคำ กับเสียงโวยวายของผู้ชม 'มันหนวกหูนะ เมื่อไหร่ไอ้คู่ต๊องปิ๊งๆนั่นจะออกมาซะที!'
ม่านแรกสุดของเวทีค่อยๆเคลื่อนออกจากกันอย่างช้าๆ พร้อมคำบรรยาย
"ครั้งหนึ่ง ณ เมืองอันไกลโพ้น..."
เหล่าผู้ชมเริ่มสงบลง แอนทิสถอนใจยาวอย่างโล่งอก ส่วนเลนาร์ดที่ยืนข้างๆก็มีทีท่าไม่ต่างกัน
"...มีองค์ราชา และองค์ราชินีปกครองเมืองอย่างสงบสุข วันหนึ่ง ณ ปราสาท..."
ม่านที่สองเริ่มคลี่ออก องค์ราชันย์ประทับเคียงข้างกับองค์ราชินี ซึ่งแสดงโดยชายมีอายุดูท่าทางภูมิฐานสมบทบาท และหญิงที่ดูอายุ 20 ต้นๆสวยสมวัย พรมแดงกลางเวที และเหล่าข้าราชบริพาร ที่ยืนเป็นแนวไปตามพรม เบื้องหน้าพระพักร์นั้นมีเปลไม้ที่ดุนลายทองสวยงาม
"ข้าขอขอบคุณทุกๆท่านที่มางานครบเดือนของลูกหญิงของข้าและองค์ราชินีมาก" องค์ราชันย์ตรัสด้วยสุรเสียงอันก้องกังวาน พลางทอดพระเนตรองค์หญิงตัวน้อยในเปล "ขอให้ทุกคนสนุกกับงานเลี้ยง"
อุปกรณ์ประกอบฉาก ทั้งแก้ว ขวดไวน์อย่างหรู โต๊ะ เก้าอี้ และอาหารล้วนหรูเลิศและเป็นของจริงทั้งสิ้นเล่นเอาคนดูน้ำลายสอ
แต่อยู่ๆไฟบนเวทีก็ดับลงอย่างกะทันหัน ลำแสงเพียงลำเดียวส่องไปยังมุมเวที แล้วนางฟ้า 3 องค์ก็เดินออกมา
"ในฐานะที่องค์ราชาทรงเชิญพวกเรามาเฉลิมฉลอง เราจะขออวยพรให้กับองค์หญิง" นางฟ้าในชุดสีฟ้าพูดพร้อมกัยเดินไปมุมหนึ่งของรถเข็น ตามด้วยนางฟ้าในชุดสีฟ้าพูดพร้อมเดินไปยังมุมหนึ่งของแปลที่แสนวิจิตร ตามด้วยนางฟ้าในชุดสีชมพูและสีเขียว
เสียงดนตรีที่ละมุนหูดังก้องด้วยเวทย์มนตร์ของเหล่านางฟ้า
"ข้าขอให้ องค์หญิงเติบโตขึ้นด้วยพระวรกายที่ แข็งแรง"
"ข้าขอให้ องค์หญิงมีสุรเสียงอันไพเราะดุจระฆังแก้ว"
"ข้าขอ...", 'ปัง!' เสียงหนึ่งดังขึ้นขัดจังหวะการอวยพร เปลวไฟสีดำคุโชนอยู่กลางท้องพระโรง เปลวไฟนั้นค่อยๆแปลเปลี่ยนเป็นสตรีในชุดดำทะมึน
" หึๆๆ สนุกกันจริงนะ ข้าขอร่วมวงด้วยคนสิ" แม่มดร้ายพูดด้วยเสียงน่ากลัว
องค์ราชาดันพระวรกายสูงจากที่ประทับ "ข้าต้องขออภัยเป็นอย่างสูงที่ไม่ได้เชิญท่านมายังงานเดือนของออโรร่า คนของข้าไม่สามมารถข้ามแม่น้ำแห่งความตายสายนั้นไปเชิญท่านได้ ท่านเองก็รู้"
"นั่นสินะ งั้นข้าก็ขอร่วมอวยพรด้วยก็แล้วกัน" นางแม่มดหันหลังให้กับองค์ราชาแล้วเดินไปยังเปลของเจ้าหญิงองค์น้อย
"ข้าขอให้องค์หญิงมีสิริโฉมที่งดงาม แต่!! เมื่อนางมีอายุครบ 16 ชันษา ข้าขอให้นางโดนเข็มปั่นด้ายแทงเข้าที่นิ้วและหลับไหลตราบจนนิรันดร์!!!! ฮ่าๆๆๆๆ" แล้วนางแม่มดก็จากไปท่ามกลางความตื่นตระหนกของคนทั้งท้องพระโรง
"อา...ข้าจะทำอย่างไรดี... เจ้าไม่น่าอายุสั้นเลยลูกหญิงของข้า"
"ไม่หรอกเพคะองค์ราชายังเหลือพรข้อสุดท้ายของข้าอยู่ องค์หญิงจะไม่สิ้นใจ แต่หากนางเพียงหลับไปเท่านั้นจนกว่านางจะพบชายผู้ที่รักนางจริงเข้ามาจุมพิตนาง"
"อา..ข้าขอขอบใจเจ้ามากนางฟ้าทั้งสาม"
จบคำม่านสีแดงเลือดก็ค่อยๆปิดลงมา "เมื่อเวลาผ่านพ้นไปถึง 16 ปี จากองค์หญิงองค์น้อยก็เติบโตขึ้นด้วยสิริโฉมอันงดงามสมดั่งวัย และแล้วในที่สุดวันที่ต้องตัดสินก็มาถึง วันประสูติขององค์หญิงออโรร่า..."
ม่านค่อยๆเลื่อนออกอีกครั้ง องค์ราชาและองค์ราชินียังคงประทับบนบัลลังก์อันใหญ่โต "ออโรร่าๆ!! มานี่หน่อยสิลูก"
ลิซค่อยๆวิ่งออกมาในชุดกระโปรงฟูฟ่องสีม่วงที่มีลูกไม้สีครีมขลิบเป็นระบาย ช่วยขับให้เส้นผมที่หยักเป็นลอนและนัยน์ตาสีม่วงคู่นั้นดูเด่นขึ้น
"กรี๊ด องค์หญิงน่ารักมากค่าาาาาาาา..."คนดูยังกรี๊ดกันไม่ทันสุดเสียงก็ต้องช็อกกับภาพเบื้องหน้า แม้ลิซจะยืนหันหลังให้คนดูแต่บรรยากาศมาคุที่แผ่มาก็เพียงพอจะทำให้คนเงียบลงได้ แล้วลิซก็หันมาหาคนดูอย่างรวดเร็ว บรรยากาศมาคุกลับกลายเป็นบรรยากาศปิ๊งๆอย่างบรรยายไม่ถูกแทน คนดูที่มองอยู่ถึงกับอึ้งไปชั่วขณะ แล้วเสียงหนึ่งก็ขัดขึ้น
"อ๊ากกกกกกกก...ไปแสดงต่อได้แล้ว (โว้ย!)" แอนทิสชักจะสติขาดมากขึ้นทุกทีนับตั้งแต่ละครเรื่องแรก ทำให้ลิซรีบกลับไปเข้าบทต่อ
"ส..เสด็จพ่อมีอะไรหรือเพคะ"
"ในวันนี้ก็เป็นวันครบรอบวันเกิดในปีที่ 16 ของลูกแล้วนะช่างเร็วเกิน วันนี้เจ้าช่างดูงด..(งาม)..."คนพูดก็ต้องเหงื่อตกเพราะดูเหมือนลิซจะมีปฏิกิริยาทุกครั้งกับคำว่า 'งดงาม' หรือ 'สวย'
"เอาเถอะ ขอให้มีความสุขนะ ออโรร่า" องค์ราชาและองค์ราชินตรัสพร้อมแย้มสรวลอ่อนโยน พร้อมกับม่านที่โรยตัวลงมาอย่างช้าๆ
ลิซวิ่งออกมาทางเบื้องหน้าของม่านไปยังอีกด้านของเวทีที่ตบแต่งเป็นหอคอยลิซค่อยๆวิ่งขึ้นไปในหอคอยนั้น แล้วม่านที่อยู่ติดขอบเวทีก็ค่อยเลื่อนปิดลงมา และในชั่วเวลาครู่เดียวก็เปิดออกอีกครั้ง คราวนี้เบื้องหลังม่านเป็นฉากจำลองของห้องๆหนึ่งในตัวหอคอย ซึ่งมีเพียงเครื่องปั่นด้ายตั้งอยู่กลางห้อง
"สิ่งนี้คืออะไรกันนะ?"
ลิซค่อยๆเดินเข้าไปหาสิ่งที่ไม่เคยเห็นมาก่อนนั้น "อ๊ะ!" เธอโดนเข็มของเครื่องปั่นด้ายแทงเข้าที่นิ้วก่อนจะล้มลงไป
นางฟ้าทั้งสามองค์เดินออกมาจากริมเวทีแล้วเคลื่อนกายเข้าไปใกล้ร่างที่ไม่ไหวติงขององค์หญิง"อา..องค์หญิงผู้น่าสงสาร"
นางฟ้าทั้งสามค่อยๆร่ายมนตร์นำร่างของออโรร่าไปบนแท่นบรรทม "เราจะต้องร่ายมนตร์ป้องกันปราสาทหลังนี้ไวไปจนกว่าจะพบกับชายที่รักองค์หญิงจริงๆ" พลันเสียงดนตรีที่ใสกังวานก็ดังขึ้นทั่วทั้งปราสาทตกอยู่ในห้วงนิทรา ไม้หนาวแสนน่ากลัวค่อยๆปกคลุมไปจนทั่วปราสาทพร้อมๆกับม่านสีแดงฉาน
"กาลเวลาค่อยๆล่วงเลยไป จนกระทั่ง100ปีให้หลังก็ได้มีเจ้าชายรูปงามทรงม้ามายังปราสาทที่รายล้วมด้วยดงหนามเพียงเพราะได้ยินตำนานเล่าขานถึงสิริโฉมอันงดงามขององค์หญิงผู้หลับไหล"
โรเดมในชุดองค์ชายแบบตะวันตกขี่ม้าสีขาวอยู่บนเวที ในความเป็นจริงแล้วโรเดมในชุดองค์ชายช่างดูดีแต่คนดูคงไม่กล้ากรี๊ดกันเพราะแอนทิสบอกไปแล้วเมื่อครู่ว่า สองคนนี้นิสัยแปลกเหมือนกันเป๊ะทำให้โรเดมนั้นรู้สึกเศร้าแปลกๆ แต่ก่อนที่การเศร้าแบบปิ๊งๆจะเริ่มนางฟ้าสามองค์ก็เดินเข้ามา
"อา...ในที่สุดเวลาที่เราเฝ้ารอก็มาถึง องค์ชายฟิลลิปส์"
"เหตุใดพวกท่านจึงทราบนามแห่งเราได้"โรเดมกระโดดลงจากหลังม้าแล้วทำท่าจะชักดาบออกจากฝัก ถ้าเป็นปกติก็คงรู้สึกว่าเท่อยู่หรอกนะแต่บรรยากาศรอบๆมันปิ๊งๆไงไม่รู้สิ
"ไม่ต้องตกใจไปหรอกเราเฝ้ารอการมาของท่านมาเนิ่นนานแล้วองค์ชาย รอวันที่ท่านจะมาคลายคำสาปให้แก่องค์หญิงออโรร่าและอาณาจักรต้องสาปแห่งนี้"
" เราจะมอบดาบและโล่ให้กับท่าน ขอให้ท่านรีบเข้าไปเถิด"ทันทีที่กล่าวจบโล่และดาบธรรมดาๆในมือของโรเดมก็เปลี่ยนไป และเสียงดนตรีที่ใสกังวานก็ดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้ม่านและพงหนามค่อยเลื่อนเปิดออก ทำให้ปราสาทที่คอยผ่านกาลเวลามาร่วมศตวรรษแต่ยังดูงดงามปรากฏออกมาแก่สายตาของโรเดมและคนดู
"อา..ขอบคุณท่านทั้งสามที่เห็นแก่ความงดงามของข้า(?) ข้าขอไปก่อน"โรเดมเปลี่ยนบทพูดซะเองแล้วขี่ม้าเข้าไปหลังเวทีคนละฝั่งกับเหล่านางฟ้า
ฉากด้านหลังค่อยเลื่อนออกอีกครั้งพร้อมกันกับม่านในสุด เผยให้เห็นคนที่เป็นต้นตอของเรื่องทั้งหมด แม่มดในชุดสีดำท่าทางน่าเกรงขามยืนรอคอยอยู่
"ฮ่าๆๆ มาแล้วรึเจ้าชาย คิดเหรอว่าจะผ่านข้าคนนี้ไปได้?"
"เจ้า! หลีกทางไปเดี๋ยวนี้ข้าจะไปช่วยองค์หญิงของข้า"
"หึๆ มาสู้กันดีกว่าเจ้าชาย"สิ้นคำจากแม่มดก็กลับกลายเป็นมังกรที่น่าเกรงกลัว
'เฮ่ย!! นั่นมันมังกรจริงนี่ ในบทไม่เห็นมีแบบนี้' โรเดมสำลักด้วยความตกใจ แต่ไม่สู้ก็ไม่ได้นี่นะ เอาวะสู้ก็ได้ ทุกคนจะได้ประจักษ์ถึงความงดงามนี้ซะที คิดได้โรเดมก็ชักดาบแล้ววิ่งเข้าไปหามังกรด้วยบรรยากาศปิ๊งๆ
"ย้าก ท่าไม้ตาย!! ดาบแห่งความงดงาม!!!"โรเดมกระโดดขึ้นไปในอากาศ แล้ววาดดาบลงมาในบรรยากาศปิ๊งๆเช่นเคย หมายจะโจมตีมังกรที่ยืนเหงื่อตกอยู่
'ฟุ่บ!' จากมังกรร่างยักษ์ก็กลายเป็นแม่มดตามเดิม
"หึๆ แม้แต่มังกรก็ยังตะลึงในความงามของเราจนต้องพ่ายแพ้แบบนี้ เรานี่ช่างงดงามจริงๆ อา..." โรเดมค่อยๆยื่นมือขึ้นไปบนอากาศด้วยบรรยากาศสุดระยิบระยับ ทำให้คนดูเหงื่อตกกันไปเป็นแถบๆ
"อะแฮ่ม!"แอนทิสกระแอมเสียงดังให้โรเดมรู้สึกตัว
"อา..องค์หญิงออโรร่า ข้าจะไปช่วยท่านเดี๋ยวนี้แหละ"แล้วโรเดมก็ขึ้นหลังม้า แล้วควบเข้าเวทีไป
ม่านค่อยๆเลื่อนปิดลงแล้วเปิดออกอีกครั้งบนเวทีนั้นมีร่างของลิซในชุดของออโรร่าหลับไหลอยู่ โรเดมเดินเข้าไปหาร่างๆนั้นทันที
"องค์หญิงช่างงามสมดังคำร่ำลือจริงๆ" โรเดมค่อยๆเลื่อนดวงหน้าเข้าใกล้ร่างของลิซแล้วประทับริมฝีปากแผ่วเบา
ลิซค่อยๆขยับกายขึ้นสบตากับโรเดม สีหน้าทั้งคู่เริ่มตึงเครียดอีกครั้ง บรรยากาศมาคุเข้าปกคลุม
"โอ้ โรดี้ท่านมาช่วยข้าแล้ว ท่านช่างสง่างามยิ่งนัก"
"โอ ลิซซี่เจ้าเองก็ช่างงดงาม"
แอนทิสและคนดูเริ่มเหงื่อตกอีกครั้ง คราวนี้แอนทิสถึงกับสั่งให้ปิดม่านลงแล้วจบเรื่องในทันที
ม่านสีเลือดค่อยๆปิดลง "และแล้วอาณาจักรทั้งอาณาจักรก็หลุดพ้นจากการหลับใหล เจ้าหญิงและเจ้าชายก็ครองรักกันอย่างมีความสุขสืบไป"
เลนาร์ดวิ่งขึ้นมาบนเวทีแทบจะในทันที "ก็จบกันไปแล้วนะครับกับเรื่องที่สาม ขอเชิญรับชมเรื่องต่อไปได้เลยครับ สโนว์ไวท์"
"ณ อาณาจักรแห่งหนึ่งมีองค์ราชาและองค์ราชินี ทั้งคู่ครองรักกันมาอย่างมีความสุข ราชินีได้ให้กำเนิดทารกหญิงองค์น้อยน่ารัก แต่องค์ราชินีนั้นก็มีพระวรกายที่อ่อนแอ ดังนั้นเมื่อให้กำเนิดองค์หญิงสโนว์ไวท์ได้เพียงไม่กีปีพระนางก็ได้สิ้นลมไป ทิ้งให้องค์ราชาและองค์หญิงอยู่ในความเศร้าโศก องค์ราชานั้นมิอาจทานทนได้จึงได้อภิเษกสมรสอีกครั้ง ราชินีองค์ใหม่นี้แม้จะมีใบหน้าที่งดงามราวดอกกุหลาบ แต่กลับชั่วร้ายดุจอสรพิษ นางใช้งานสโนว์ไวท์อย่างหนัก จนสโนว์ไวท์มีอายุได้ 17 ปี ในวันหนึ่งขณะที่สโนว์ไวท์กำลังตักน้ำจากบ่อน้ำ"
ม่านสีแดงเลื่อนออก ฟีย์ในชุดสโนว์ไวท์กำลังนั่งร้องเพลงอยู่ที่บ่อน้ำ เสียงกังวานใสกระจายไปทั่วสะกดสายตาคนดูได้แทบจะในทันที
"กรี๊ดด... สโนว์ไวท์น่ารักจัง" คนดูส่งเสียงชมมาอย่างไม่ขาดส่ยแล้วกต้องหยุดลงเมื่อเสียงร้องเพลงอีกเสียงหนึ่งแทรกเข้ามา
เฟย์ในชุดเจ้าชายขี่ม้าเข้ามาทางสโนว์ไวท์ แล้วเดินเข้าไปใกล้
"กรี๊ดดดด.... องค์ชายก็น่ารักมากเลยเนอะ!!" สาวๆส่งเสียงกรี๊ดอย่างไม่ขาดสาย
เฟย์ค่อยๆหันมาทางหน้าเวที -_-+ + + ชิ้งๆ คนดูเงียบลงด้วยสายตาราวกับคมมีดที่ส่งมาทำให้เฟย์หันกลับไปเข้าบทต่อ
"อาท่านช่างงามนัก ข้าขอถามได้หรือไม่ว่าท่านนั้นมีนามว่าอะไร?"
"อา...ข้า..ข้าชื่อ "ยังไม่ทันได้บอกไปเสียงของแม่เลี้ยงก็ดังขึ้น
"สโนว์ไวท์ๆ! เจ้าอยู่ที่ไหนมาหาข้าเดี๋ยวนี้นะ!"
"เจ้าชื่อสโนว์ไวท์หรือ เหมาะดีนะ แล้วคนที่เรียกเจ้าอยู่เป็นใครกัน?"องค์ชายถามขึ้นเมื่อสังเกตเห็นดวงหน้าของหญิงสาวดูซีดลงไป
"ม..แม่เลี้ยงข้าเอง ท่านรีบไปเถอะ ถ้านางมาพบเข้าจะไม่ดี"
"อา..งั้นหรือ เช่นนั้นไว้พบกันใหม่ ลาก่อนสโนว์ไวท์" แล้วองค์ชายก็ทรงม้าจากไป พอดีกับที่แม่เลี้ยงของสโนว์ไวท์ออกมาที่ระเบียง
"เมื่อกี๊เจ้าพูดกับใครน่ะ?"
"กะ..กับนกเพคะ"สโนว์ไวท์ตัวสั่นด้วยความกลัว
"นกงั้นรึ? อย่าเพ้อฝันให้มันมากนักนะแล้วก็รีบๆทำงานเข้าล่ะอย่ามาทำเป็นอู้นะ" ว่าแล้วนางก็เดินจากไป
แล้วม่านก็ปิดลงมาอีกครั้งพวกผู้ดูแลรีบจัดการกับฉากด้านในอย่างรวดเร็ว แล้วม่านก็ค่อยๆเปิดออกราชินีใจร้ายยืนอยู่ที่หน้ากระจกบานหนึ่ง
"กระจกเอ๋ยจงบอกข้าเถิดใครงามเลิศในปฐพีนี้" สิ้นคำกระจกบานนั้นก็ปรากฏเป็นหน้าคนขึ้น
"ก็สโนว์ไวท์น่ะสิ จะมีใครในปฐพีเล่ามีความงามเหนือนาง"
"เป็นไปได้ยังไงกัน!"
"มันเป็นไปแล้วท่าน ด้วยวัยดอกไม้แรกแย้ม เส้นผมที่ดำขลับราวปีกกา ผิวที่ขาวดุจหิมะและริมฝีปากที่บางราวกลีบกุหลาบ"
"แล้วข้าควรจะทำอย่างไรดี กระจกเอ๋ย"
"ก็ฆ่านางซะสิ ท่านจะได้เป็นคนที่งดงามที่สุดไงล่ะ" แล้วใบหน้านั้นก็เลือนหายไป
"นี่! ไปเรียกนายพรานที่มีฝีมือมาซักคนซิ" แล้วเหล่าข้าราชบริภารก็ถอยไป สักพักก็มีนายพรานคนหนึ่งเดินออกมา
"เรียกข้าฤๅขอรับ"
"ใช่ เจ้าจงล่อสโนว์ไวท์ไปในป่าแล้วฆ่านางทิ้งซะ เพื่อเป็นข้อพิสูจน์ว่าเจ้าได้ฆ่านางจริง จงผ่าเอาดวงใจของนางใส่กล่องไม้ใบนี้มาให้ข้า" ว่าแล้วนางก็ส่งกล่องไม้ให้กับนายพราน แล้วม่านก็ปิดลง
สโนว์ไวท์วิ่งออกมาทางหน้าเวที แล้วนายพรานก็เดินเข้ามาชวนนางเข้าไปเที่ยวป่า ด้วยความไร้เดียงสาของนาง นางจึงตอบตกลงทันที ทั้งสองเดินไปยังริมเวทีแล้วม่านก็เปิดออก ฉากในคราวนี้เป็นป่าชัฏที่ดูน่ากลัว นายพรานนั้นคอยเดินตามหลังสโนว์ไวท์ และแล้วเขาก็ตัดสินใจได้
"เจ้ารีบหนีไปซะสโนว์ไวท์"
"เอ๋? อะไรนะคะ?"
"หนีไปซะ องค์ราชินีคิดจะฆ่าเจ้า เลยให้ข้าลวงเจ้าเข้ามาในป่าแล้วนำหัวใจของเจ้ากลับไปให้นางดู แต่ข้าทำไม่ลง หนีไปซะสโนว์ไวท์แล้วอย่ากลับไปที่ปราสาทอีก ข้าจะเอาหัวใจของหมูป่าไปแทน หนีไป!" ขาดคำของนายพรานสโนว์ไวท์ก็ออกวิ่งไปส่วนนายพรานก็เดินจากไป
ม่านผืนในสุดค่อยๆเปิดออกให้เห็นกระท่อมขนาดเล็ก
"ที่นี่...กระท่อมของใครกันนะ ขอรบกวนหน่อยนะคะ"แล้วนางก็เดินเข้าไปสำรวจของภายในบ้าน แล้วก็ต้องแปลกใจเมื่อพบว่าของทุกชิ้นนั้น มีขนาดเล็กกว่าปกติและล้วนมีอย่างละเจ็ดชิ้นทั้งนั้น แต่แล้วด้วยความเหนื่อยอ่อน นางก็ได้ล้มตัวลงบนที่นอนเล็กๆนั่นอย่างไม่คิดอะไร
ทางด้านนายพราน...
"ทำได้ดีมากนายพราน หึๆๆในที่สุดข้ากะเป็นผู้ที่สวยที่สุดในปฐพีนี้ ฮ่าๆๆๆๆ"
นายพรานค่อยๆเดินถอยหลังแล้วหันจากไปอย่างรวดเร็ว ม่านโรยตัวลงมาอีกครั้ง เมื่อม่านเปิดออกคราวนี้มีชายรูปร่างเล็ก 7 คนเดินเข้ามาในบ้าน
"นี่มีใครอยู่ในบ้านเราด้วย มาดูสิ"ชายคนหนึ่งตะโกนเรียกเพื่อนๆให้เข้ามาดู
"จริงด้วยใครนะ?"
"อึ..อืม..."ร่างปริศนานั้นค่อยๆขยับตัวขึ้น แล้วนางก็ต้องตกใจเมื่อพบกับคนแปลกหน้าที่ยืนรายล้อมอยู่
"เอ่อ..พวกท่านคงเป็นเจ้าของบ้านหลังนี้ ขอโทษนะคะที่ข้าถือวิสาสะคือข้าหนีมาน่ะค่ะ"ใบหน้าอ่อนเยาว์ซีดลงด้วยความขลาดกลัว
"ไม่เป็นไรหรอก พวกข้าไม่ใจร้ายขนาดนั้นหรอกนะ เจ้าหนีอะไรมากันล่ะ? เล่าให้พวกข้าฟังได้รึเปล่า?"
สโนว์ไวท์อึกอักกับคำถามเล็กน้อยแต่ก็ตัดสินใจที่จะเล่าเรื่องทั้งหมดกับเหล่าคนแคระ
"หนอย เจ้าแม่มดใจร้าย สโนว์ไวท์ท่านจะพักที่นี่ก็ได้นะแต่ต้องให้สัญญาว่าจะไม่เปิดประตูรับใครเป็นอันขาดเพราะมันอันตราย"
"สัญญาค่ะ ข้าสัญญา ขอบคุณพวกท่านมากนะคะ"สาวน้อยรีบพยักหน้าอย่างรวดเร็วแล้วม่านก็โรยตัวลงมาพร้อมฉากในห้องบรรทมของราชินี
"กระจกวิเศษเอ๋ยจงบอกข้าเถิดใครงามเลิศในปฐพี"
ใบหน้าเดิมปรากฏขึ้นบนกระจกอีกครั้ง แต่ถ้อยคำที่มันเอ่ยออกมาในครั้งนี้ถึงกับทำให้คนถามชะงักงัน "อ้าวก็สโนว์ไวท์อย่างไรเล่าที่งามเลิศในปฐพี"
"เป็นไปได้ยังไง?!!"
"ก็นางยังไม่เสียชีวิตไงเล่าท่าน"
"อะไรกันก็นายพรานนั่น..."
"มันหลอกท่านต่างหากเล่า นั่นมันหัวใจของหมูป่า"
"หนอย....ไอ้เจ้านั่นมันบังอาจถึงเพียงนี้เชียวรึ"ราชินีถึงกับตัวสั่นด้วยแรงโกรธ แต่แล้วนางก็แสยะยิ้มอันน่าขนลุกที่มุมปาก
"เราจะได้เห็นกันสโนว์ไวท์" แล้วม่านก็ปิดลง
เมื่อม่านเปิดออกอีกครั้งก็เห็นกระท่อมหลังเดิม คราวนี้มีคุณยายเดินเข้ามาพร้อมกับตะกร้าใส่แอ๊ปเปิ้ลสีสด นางเดินไปเคาะประตูที่กระท่อม
"มีใครอยู่หรือเปล่าจ๊ะ?"
สโนว์ไวท์ที่อยู่ในบ้านนั้นค่อยๆเปิดหน้าต่างออก
"คะ?"
"รับแอ๊ปเปิ้ลหน่อยมั้ยจ๊ะ?"
"เอ่อ...แต่ว่า"
"เถอะนะจ๊ะสักลูกก็ยังดี..."
"เอ่อ..ก็ได้ค่ะ"แล้วสโนว์ไวท์ก็ยื่นมือไปรับแอ๊ปเปิ้ลมาจากคุณยายปริศนา
"กินเลยสิจ๊ะยายจะได้ชื่นใจหน่อย" จบคำสโนว์ไวท์ก็กัดแอ๊ปเปิ้ลนั้น ราชินีใจร้ายในร่างของยายแก่ก็แสยะยิ้มออกมา
"หึๆๆ สโนว์ไวท์ในที่สุดเจ้าก็หลงกลข้าจนได้ หึๆๆหลับให้สบายนะ"แล้วราชินีก็เดินจากไปทิ้งให้ร่างของ สโนว์ไวท์นอนอยู่แบบนั้นต่อไป แล้วม่านก็ปิดลงราชินีใจร้ายเดินออกมาอีกครั้ง ท่ามกลางสาฝนหนัก
"ฝนหนักจริงๆเลยนี่มันอะไรกันเนี่ย? กรี๊ดดดดดด...." ราชินีใจร้ายนั้นได้รับผลกรรมที่ทำมาอย่างรวดเร็ว เธอลื่นตกลงไปในเหวลึกและสิ้นใจตาย
สายฝนเลือนหายไปม่านเปิดออกอีกครั้ง เหล่าคนแคระเมื่อกลับมาก็พบกับร่างที่ไม่ไหวติงของสโนว์ไวท์ก็เสียใจเป็นอย่างมาก พวกเขาช่วยกันนำร่างของเธอไปไว้ในโรงแก้วแล้วนำมันไปยังทุ่งดอกไม้ พวกเขาต่างร้องไห้เสียใจอยู่รอบๆโรงแก้ว จนกระทั่ง
เฟย์ในชุดเจ้าชายขี่ม้าเข้ามาอีกครั้ง เธอมองเหล่าคนแคระด้วยสายตา ราวคมมีดแบบเดิม ทำให้เหล่าคนแคระถึงกับอึ้งไปเลย
"พวกท่านทำไมสโนว์ไวท์จึงได้เป็นแบบนี้นางเป็นอะไรไปรึ?" องค์ชายกระโดดลงมาจากหลังม้าจ้องหน้าเหล่าคนแคระที่หวาดกลัวด้วยสายตาชิ้งๆ แล้วคนแคระก็เล่าเรื่องทั้งหมดให้องค์ชายฟัง และบอกว่านางต้องการจุมพิตจากคนที่รักนางอย่างแท้จริง
เจ้าชายค่อยๆเลื่อนฝาของโรงแก้วออก
"อา...สโนว์ไวท์"เฟย์ค่อยๆเลื่อนดวงหน้าเข้าไปใกล้ผู้เป็นน้อง จน..จน..
ค้าง..จูบไม่ลง..ไม่สิ..จูบไม่ได้ต่างหาก
"เอ้าทำอะไรอยู่ล่ะ? จูบซะทีสิ จ้องหน้ากันอยู่ได้"เหล่าคนดูเริ่มแสดงความไม่พอใจ
"จะบ้ารึ!? นี่มันน้องของข้านะ แถมข้าก็ไม่ใช่ผู้ชาย!!!" เฟย์ตะโกนกลับแล้วเดินเข้าหลังเวทีไปอย่างรวดเร็วทำให้สโนว์ไวท์ที่สลบอยู่ลุกแล้วตามไปทันที
ในที่สุดม่านก็ปิดเข้ามา "และแล้วเจ้าชายก็พาสโนว์ไวท์กลับไปยังอาณาจักร ทั้งสองครองรักกันอย่างมีความสุขสืบไป"
"อะไรกันเนี่ยนึกว่าคู่นี้จะไปได้สวยซะอีก ดันมาเป็นแบบนี้ซะได้...เฮ้อ....."แอนทิสถอนหายใจอย่างหน่ายๆ
แต่เรื่องต่อไปต้องสนุกแน่ หึๆๆ ...
**********----------**********----------**********
เฮ่อออออออออออออออออออ..... จบไปอีกตอนแร้ววววววววว...
โคตรปลื้ม..ไนที่สุดก็เห็นแววว่าบทที่ 13 จะมีโอกาสจบจนได้5555+
"เฮ้! เรื่องที่สองจบแล้ว เรื่องที่สาม ตัวละครเอก เตรียมพร้อมรึยัง!!?" คนที่ยืนคุมอยู่หลังม่านส่งเสียงตะโกนมาทางช่างแต่งหน้า โดนไม่เหลียวมามอง
"อ...อ๋อ เสร็จ...เสร็จแล้ว แต่..." ช่างแต่งหน้าพูดกลับไปแบบกระท่อนกระแท่น ทำให้คนถามหันมามอง แล้วก็ต้องเหงื่อตกเทื่อพบกับภาพ...
ลิซและโรเดม กำลังถือกระจกส่องหน้าตัวเอง แล้วบ่นพึมพำภายใต้บรรยากาศมาคุ
"อ...อา...งดงาม...งดงามมาก" โรเดมบ่นพึมพำพร้อมกับทำสีหน้าเคร่งเครียด
"อา...ทำไมเราถึงได้งดงามเช่นนี้...โอ..." ลิซเองก็ทำสีหน้าเคร่งเครียดไม่แพ้กัน
ทั้ง 2 คนค่อยๆลดกระจกลงแล้วมองหน้ากันเอง สีหน้าดูเครียดขรึม ราวกับเป็นกระจกทั้ง 2 คน เลื่อนมีไปแตะหน้าอีกฝ่ายเบาๆ บรรยากาศปิ๊งๆเริ่มกระจายตัวปกคลุม แต่สีหน้าทั้ง 2 คนยังคงดูเครียด
"โอ...ลิซซี่...คุณช่างดูงดงามจริงๆ..."
"ค่ะ...โรดี้ คุณเองก็ช่างหมดจดงดงามจริงๆ"
พวกเขาค่อยๆลดมือลงมาประสานกัน
"อา...พวกเรานี่ช่าง งดงามหาสิ่งเปรียบได้ยากจริงๆ"
"เฮ้ย! เมื่อไหร่จะออกมาซักที ข้าไม่ได้จ่ายเงินเพื่อมานั่งเล่นนะ!!!" เหล่าผู้ชมเริ่มตะโกนแสดงความมพอใจ
ผู้คุมงานสะดุ้งโหยง หลุดจากภวังค์แห่งความบ้าของลิซกับโรเดม แล้วกลับมาสู่โลกเดิม "เฮ้ย! เร็วเข้า เตรียมตัวๆ! คนดูเรียกแล้ว"
ลิซกับโรเดมหันมามองคนเรียกและกลับไปสบตากันต่อ
"ในที่สุด เวลาที่เรารอคอยก็มาถึงซะทีนะลิซซี่"
"ใช่แล้วค่ะ โรดี้ ในที่สุดเวลาที่เราจะบอกโลกถึงความงดงามของเราสองก็มาถึงเสียทีนะคะ"
คนคุมชักจะหมดความอดทนจึงไปลากทั้ง 2 คนมาทั้งๆอย่างนั้น "เออๆ! รู้แล้วว่าสวย รู้แล้วว่าหล่อ แต่ตอนนี้ 'เตรียมตัว' ก่อนได้มั้ย?!"
จบคำคนฟังทั้ง 2 คนก็หันมาสบตากันพร้อมบรรยากาศปิ๊งๆ
"เห็นมั้ยจ๊ะ ลิซซี่ ขนาดนายคนนี้ยังซึ้งกับความงดงามของเราสอง"
"ใช่แล้วค่ะโรดี้"
"โอ๊ย!! ข้ายังไม่อยากโดนไล่ออกนะ เตรียมตัวซักที!!!" ในที่สุดความอดทนก็ขาดผึง คนที่พร่ำเรียกจับทั้ง 2 คนไปยืนเตรียมตัวทั้งที่ยังสบตากันไม่เลิก
ส่วนทางด้านหน้าเวที...
แอนทิสกำลังกุมขมับอยู่บนเก้าอี้ทองคำ กับเสียงโวยวายของผู้ชม 'มันหนวกหูนะ เมื่อไหร่ไอ้คู่ต๊องปิ๊งๆนั่นจะออกมาซะที!'
ม่านแรกสุดของเวทีค่อยๆเคลื่อนออกจากกันอย่างช้าๆ พร้อมคำบรรยาย
"ครั้งหนึ่ง ณ เมืองอันไกลโพ้น..."
เหล่าผู้ชมเริ่มสงบลง แอนทิสถอนใจยาวอย่างโล่งอก ส่วนเลนาร์ดที่ยืนข้างๆก็มีทีท่าไม่ต่างกัน
"...มีองค์ราชา และองค์ราชินีปกครองเมืองอย่างสงบสุข วันหนึ่ง ณ ปราสาท..."
ม่านที่สองเริ่มคลี่ออก องค์ราชันย์ประทับเคียงข้างกับองค์ราชินี ซึ่งแสดงโดยชายมีอายุดูท่าทางภูมิฐานสมบทบาท และหญิงที่ดูอายุ 20 ต้นๆสวยสมวัย พรมแดงกลางเวที และเหล่าข้าราชบริพาร ที่ยืนเป็นแนวไปตามพรม เบื้องหน้าพระพักร์นั้นมีเปลไม้ที่ดุนลายทองสวยงาม
"ข้าขอขอบคุณทุกๆท่านที่มางานครบเดือนของลูกหญิงของข้าและองค์ราชินีมาก" องค์ราชันย์ตรัสด้วยสุรเสียงอันก้องกังวาน พลางทอดพระเนตรองค์หญิงตัวน้อยในเปล "ขอให้ทุกคนสนุกกับงานเลี้ยง"
อุปกรณ์ประกอบฉาก ทั้งแก้ว ขวดไวน์อย่างหรู โต๊ะ เก้าอี้ และอาหารล้วนหรูเลิศและเป็นของจริงทั้งสิ้นเล่นเอาคนดูน้ำลายสอ
แต่อยู่ๆไฟบนเวทีก็ดับลงอย่างกะทันหัน ลำแสงเพียงลำเดียวส่องไปยังมุมเวที แล้วนางฟ้า 3 องค์ก็เดินออกมา
"ในฐานะที่องค์ราชาทรงเชิญพวกเรามาเฉลิมฉลอง เราจะขออวยพรให้กับองค์หญิง" นางฟ้าในชุดสีฟ้าพูดพร้อมกัยเดินไปมุมหนึ่งของรถเข็น ตามด้วยนางฟ้าในชุดสีฟ้าพูดพร้อมเดินไปยังมุมหนึ่งของแปลที่แสนวิจิตร ตามด้วยนางฟ้าในชุดสีชมพูและสีเขียว
เสียงดนตรีที่ละมุนหูดังก้องด้วยเวทย์มนตร์ของเหล่านางฟ้า
"ข้าขอให้ องค์หญิงเติบโตขึ้นด้วยพระวรกายที่ แข็งแรง"
"ข้าขอให้ องค์หญิงมีสุรเสียงอันไพเราะดุจระฆังแก้ว"
"ข้าขอ...", 'ปัง!' เสียงหนึ่งดังขึ้นขัดจังหวะการอวยพร เปลวไฟสีดำคุโชนอยู่กลางท้องพระโรง เปลวไฟนั้นค่อยๆแปลเปลี่ยนเป็นสตรีในชุดดำทะมึน
" หึๆๆ สนุกกันจริงนะ ข้าขอร่วมวงด้วยคนสิ" แม่มดร้ายพูดด้วยเสียงน่ากลัว
องค์ราชาดันพระวรกายสูงจากที่ประทับ "ข้าต้องขออภัยเป็นอย่างสูงที่ไม่ได้เชิญท่านมายังงานเดือนของออโรร่า คนของข้าไม่สามมารถข้ามแม่น้ำแห่งความตายสายนั้นไปเชิญท่านได้ ท่านเองก็รู้"
"นั่นสินะ งั้นข้าก็ขอร่วมอวยพรด้วยก็แล้วกัน" นางแม่มดหันหลังให้กับองค์ราชาแล้วเดินไปยังเปลของเจ้าหญิงองค์น้อย
"ข้าขอให้องค์หญิงมีสิริโฉมที่งดงาม แต่!! เมื่อนางมีอายุครบ 16 ชันษา ข้าขอให้นางโดนเข็มปั่นด้ายแทงเข้าที่นิ้วและหลับไหลตราบจนนิรันดร์!!!! ฮ่าๆๆๆๆ" แล้วนางแม่มดก็จากไปท่ามกลางความตื่นตระหนกของคนทั้งท้องพระโรง
"อา...ข้าจะทำอย่างไรดี... เจ้าไม่น่าอายุสั้นเลยลูกหญิงของข้า"
"ไม่หรอกเพคะองค์ราชายังเหลือพรข้อสุดท้ายของข้าอยู่ องค์หญิงจะไม่สิ้นใจ แต่หากนางเพียงหลับไปเท่านั้นจนกว่านางจะพบชายผู้ที่รักนางจริงเข้ามาจุมพิตนาง"
"อา..ข้าขอขอบใจเจ้ามากนางฟ้าทั้งสาม"
จบคำม่านสีแดงเลือดก็ค่อยๆปิดลงมา "เมื่อเวลาผ่านพ้นไปถึง 16 ปี จากองค์หญิงองค์น้อยก็เติบโตขึ้นด้วยสิริโฉมอันงดงามสมดั่งวัย และแล้วในที่สุดวันที่ต้องตัดสินก็มาถึง วันประสูติขององค์หญิงออโรร่า..."
ม่านค่อยๆเลื่อนออกอีกครั้ง องค์ราชาและองค์ราชินียังคงประทับบนบัลลังก์อันใหญ่โต "ออโรร่าๆ!! มานี่หน่อยสิลูก"
ลิซค่อยๆวิ่งออกมาในชุดกระโปรงฟูฟ่องสีม่วงที่มีลูกไม้สีครีมขลิบเป็นระบาย ช่วยขับให้เส้นผมที่หยักเป็นลอนและนัยน์ตาสีม่วงคู่นั้นดูเด่นขึ้น
"กรี๊ด องค์หญิงน่ารักมากค่าาาาาาาา..."คนดูยังกรี๊ดกันไม่ทันสุดเสียงก็ต้องช็อกกับภาพเบื้องหน้า แม้ลิซจะยืนหันหลังให้คนดูแต่บรรยากาศมาคุที่แผ่มาก็เพียงพอจะทำให้คนเงียบลงได้ แล้วลิซก็หันมาหาคนดูอย่างรวดเร็ว บรรยากาศมาคุกลับกลายเป็นบรรยากาศปิ๊งๆอย่างบรรยายไม่ถูกแทน คนดูที่มองอยู่ถึงกับอึ้งไปชั่วขณะ แล้วเสียงหนึ่งก็ขัดขึ้น
"อ๊ากกกกกกกก...ไปแสดงต่อได้แล้ว (โว้ย!)" แอนทิสชักจะสติขาดมากขึ้นทุกทีนับตั้งแต่ละครเรื่องแรก ทำให้ลิซรีบกลับไปเข้าบทต่อ
"ส..เสด็จพ่อมีอะไรหรือเพคะ"
"ในวันนี้ก็เป็นวันครบรอบวันเกิดในปีที่ 16 ของลูกแล้วนะช่างเร็วเกิน วันนี้เจ้าช่างดูงด..(งาม)..."คนพูดก็ต้องเหงื่อตกเพราะดูเหมือนลิซจะมีปฏิกิริยาทุกครั้งกับคำว่า 'งดงาม' หรือ 'สวย'
"เอาเถอะ ขอให้มีความสุขนะ ออโรร่า" องค์ราชาและองค์ราชินตรัสพร้อมแย้มสรวลอ่อนโยน พร้อมกับม่านที่โรยตัวลงมาอย่างช้าๆ
ลิซวิ่งออกมาทางเบื้องหน้าของม่านไปยังอีกด้านของเวทีที่ตบแต่งเป็นหอคอยลิซค่อยๆวิ่งขึ้นไปในหอคอยนั้น แล้วม่านที่อยู่ติดขอบเวทีก็ค่อยเลื่อนปิดลงมา และในชั่วเวลาครู่เดียวก็เปิดออกอีกครั้ง คราวนี้เบื้องหลังม่านเป็นฉากจำลองของห้องๆหนึ่งในตัวหอคอย ซึ่งมีเพียงเครื่องปั่นด้ายตั้งอยู่กลางห้อง
"สิ่งนี้คืออะไรกันนะ?"
ลิซค่อยๆเดินเข้าไปหาสิ่งที่ไม่เคยเห็นมาก่อนนั้น "อ๊ะ!" เธอโดนเข็มของเครื่องปั่นด้ายแทงเข้าที่นิ้วก่อนจะล้มลงไป
นางฟ้าทั้งสามองค์เดินออกมาจากริมเวทีแล้วเคลื่อนกายเข้าไปใกล้ร่างที่ไม่ไหวติงขององค์หญิง"อา..องค์หญิงผู้น่าสงสาร"
นางฟ้าทั้งสามค่อยๆร่ายมนตร์นำร่างของออโรร่าไปบนแท่นบรรทม "เราจะต้องร่ายมนตร์ป้องกันปราสาทหลังนี้ไวไปจนกว่าจะพบกับชายที่รักองค์หญิงจริงๆ" พลันเสียงดนตรีที่ใสกังวานก็ดังขึ้นทั่วทั้งปราสาทตกอยู่ในห้วงนิทรา ไม้หนาวแสนน่ากลัวค่อยๆปกคลุมไปจนทั่วปราสาทพร้อมๆกับม่านสีแดงฉาน
"กาลเวลาค่อยๆล่วงเลยไป จนกระทั่ง100ปีให้หลังก็ได้มีเจ้าชายรูปงามทรงม้ามายังปราสาทที่รายล้วมด้วยดงหนามเพียงเพราะได้ยินตำนานเล่าขานถึงสิริโฉมอันงดงามขององค์หญิงผู้หลับไหล"
โรเดมในชุดองค์ชายแบบตะวันตกขี่ม้าสีขาวอยู่บนเวที ในความเป็นจริงแล้วโรเดมในชุดองค์ชายช่างดูดีแต่คนดูคงไม่กล้ากรี๊ดกันเพราะแอนทิสบอกไปแล้วเมื่อครู่ว่า สองคนนี้นิสัยแปลกเหมือนกันเป๊ะทำให้โรเดมนั้นรู้สึกเศร้าแปลกๆ แต่ก่อนที่การเศร้าแบบปิ๊งๆจะเริ่มนางฟ้าสามองค์ก็เดินเข้ามา
"อา...ในที่สุดเวลาที่เราเฝ้ารอก็มาถึง องค์ชายฟิลลิปส์"
"เหตุใดพวกท่านจึงทราบนามแห่งเราได้"โรเดมกระโดดลงจากหลังม้าแล้วทำท่าจะชักดาบออกจากฝัก ถ้าเป็นปกติก็คงรู้สึกว่าเท่อยู่หรอกนะแต่บรรยากาศรอบๆมันปิ๊งๆไงไม่รู้สิ
"ไม่ต้องตกใจไปหรอกเราเฝ้ารอการมาของท่านมาเนิ่นนานแล้วองค์ชาย รอวันที่ท่านจะมาคลายคำสาปให้แก่องค์หญิงออโรร่าและอาณาจักรต้องสาปแห่งนี้"
" เราจะมอบดาบและโล่ให้กับท่าน ขอให้ท่านรีบเข้าไปเถิด"ทันทีที่กล่าวจบโล่และดาบธรรมดาๆในมือของโรเดมก็เปลี่ยนไป และเสียงดนตรีที่ใสกังวานก็ดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้ม่านและพงหนามค่อยเลื่อนเปิดออก ทำให้ปราสาทที่คอยผ่านกาลเวลามาร่วมศตวรรษแต่ยังดูงดงามปรากฏออกมาแก่สายตาของโรเดมและคนดู
"อา..ขอบคุณท่านทั้งสามที่เห็นแก่ความงดงามของข้า(?) ข้าขอไปก่อน"โรเดมเปลี่ยนบทพูดซะเองแล้วขี่ม้าเข้าไปหลังเวทีคนละฝั่งกับเหล่านางฟ้า
ฉากด้านหลังค่อยเลื่อนออกอีกครั้งพร้อมกันกับม่านในสุด เผยให้เห็นคนที่เป็นต้นตอของเรื่องทั้งหมด แม่มดในชุดสีดำท่าทางน่าเกรงขามยืนรอคอยอยู่
"ฮ่าๆๆ มาแล้วรึเจ้าชาย คิดเหรอว่าจะผ่านข้าคนนี้ไปได้?"
"เจ้า! หลีกทางไปเดี๋ยวนี้ข้าจะไปช่วยองค์หญิงของข้า"
"หึๆ มาสู้กันดีกว่าเจ้าชาย"สิ้นคำจากแม่มดก็กลับกลายเป็นมังกรที่น่าเกรงกลัว
'เฮ่ย!! นั่นมันมังกรจริงนี่ ในบทไม่เห็นมีแบบนี้' โรเดมสำลักด้วยความตกใจ แต่ไม่สู้ก็ไม่ได้นี่นะ เอาวะสู้ก็ได้ ทุกคนจะได้ประจักษ์ถึงความงดงามนี้ซะที คิดได้โรเดมก็ชักดาบแล้ววิ่งเข้าไปหามังกรด้วยบรรยากาศปิ๊งๆ
"ย้าก ท่าไม้ตาย!! ดาบแห่งความงดงาม!!!"โรเดมกระโดดขึ้นไปในอากาศ แล้ววาดดาบลงมาในบรรยากาศปิ๊งๆเช่นเคย หมายจะโจมตีมังกรที่ยืนเหงื่อตกอยู่
'ฟุ่บ!' จากมังกรร่างยักษ์ก็กลายเป็นแม่มดตามเดิม
"หึๆ แม้แต่มังกรก็ยังตะลึงในความงามของเราจนต้องพ่ายแพ้แบบนี้ เรานี่ช่างงดงามจริงๆ อา..." โรเดมค่อยๆยื่นมือขึ้นไปบนอากาศด้วยบรรยากาศสุดระยิบระยับ ทำให้คนดูเหงื่อตกกันไปเป็นแถบๆ
"อะแฮ่ม!"แอนทิสกระแอมเสียงดังให้โรเดมรู้สึกตัว
"อา..องค์หญิงออโรร่า ข้าจะไปช่วยท่านเดี๋ยวนี้แหละ"แล้วโรเดมก็ขึ้นหลังม้า แล้วควบเข้าเวทีไป
ม่านค่อยๆเลื่อนปิดลงแล้วเปิดออกอีกครั้งบนเวทีนั้นมีร่างของลิซในชุดของออโรร่าหลับไหลอยู่ โรเดมเดินเข้าไปหาร่างๆนั้นทันที
"องค์หญิงช่างงามสมดังคำร่ำลือจริงๆ" โรเดมค่อยๆเลื่อนดวงหน้าเข้าใกล้ร่างของลิซแล้วประทับริมฝีปากแผ่วเบา
ลิซค่อยๆขยับกายขึ้นสบตากับโรเดม สีหน้าทั้งคู่เริ่มตึงเครียดอีกครั้ง บรรยากาศมาคุเข้าปกคลุม
"โอ้ โรดี้ท่านมาช่วยข้าแล้ว ท่านช่างสง่างามยิ่งนัก"
"โอ ลิซซี่เจ้าเองก็ช่างงดงาม"
แอนทิสและคนดูเริ่มเหงื่อตกอีกครั้ง คราวนี้แอนทิสถึงกับสั่งให้ปิดม่านลงแล้วจบเรื่องในทันที
ม่านสีเลือดค่อยๆปิดลง "และแล้วอาณาจักรทั้งอาณาจักรก็หลุดพ้นจากการหลับใหล เจ้าหญิงและเจ้าชายก็ครองรักกันอย่างมีความสุขสืบไป"
เลนาร์ดวิ่งขึ้นมาบนเวทีแทบจะในทันที "ก็จบกันไปแล้วนะครับกับเรื่องที่สาม ขอเชิญรับชมเรื่องต่อไปได้เลยครับ สโนว์ไวท์"
"ณ อาณาจักรแห่งหนึ่งมีองค์ราชาและองค์ราชินี ทั้งคู่ครองรักกันมาอย่างมีความสุข ราชินีได้ให้กำเนิดทารกหญิงองค์น้อยน่ารัก แต่องค์ราชินีนั้นก็มีพระวรกายที่อ่อนแอ ดังนั้นเมื่อให้กำเนิดองค์หญิงสโนว์ไวท์ได้เพียงไม่กีปีพระนางก็ได้สิ้นลมไป ทิ้งให้องค์ราชาและองค์หญิงอยู่ในความเศร้าโศก องค์ราชานั้นมิอาจทานทนได้จึงได้อภิเษกสมรสอีกครั้ง ราชินีองค์ใหม่นี้แม้จะมีใบหน้าที่งดงามราวดอกกุหลาบ แต่กลับชั่วร้ายดุจอสรพิษ นางใช้งานสโนว์ไวท์อย่างหนัก จนสโนว์ไวท์มีอายุได้ 17 ปี ในวันหนึ่งขณะที่สโนว์ไวท์กำลังตักน้ำจากบ่อน้ำ"
ม่านสีแดงเลื่อนออก ฟีย์ในชุดสโนว์ไวท์กำลังนั่งร้องเพลงอยู่ที่บ่อน้ำ เสียงกังวานใสกระจายไปทั่วสะกดสายตาคนดูได้แทบจะในทันที
"กรี๊ดด... สโนว์ไวท์น่ารักจัง" คนดูส่งเสียงชมมาอย่างไม่ขาดส่ยแล้วกต้องหยุดลงเมื่อเสียงร้องเพลงอีกเสียงหนึ่งแทรกเข้ามา
เฟย์ในชุดเจ้าชายขี่ม้าเข้ามาทางสโนว์ไวท์ แล้วเดินเข้าไปใกล้
"กรี๊ดดดด.... องค์ชายก็น่ารักมากเลยเนอะ!!" สาวๆส่งเสียงกรี๊ดอย่างไม่ขาดสาย
เฟย์ค่อยๆหันมาทางหน้าเวที -_-+ + + ชิ้งๆ คนดูเงียบลงด้วยสายตาราวกับคมมีดที่ส่งมาทำให้เฟย์หันกลับไปเข้าบทต่อ
"อาท่านช่างงามนัก ข้าขอถามได้หรือไม่ว่าท่านนั้นมีนามว่าอะไร?"
"อา...ข้า..ข้าชื่อ "ยังไม่ทันได้บอกไปเสียงของแม่เลี้ยงก็ดังขึ้น
"สโนว์ไวท์ๆ! เจ้าอยู่ที่ไหนมาหาข้าเดี๋ยวนี้นะ!"
"เจ้าชื่อสโนว์ไวท์หรือ เหมาะดีนะ แล้วคนที่เรียกเจ้าอยู่เป็นใครกัน?"องค์ชายถามขึ้นเมื่อสังเกตเห็นดวงหน้าของหญิงสาวดูซีดลงไป
"ม..แม่เลี้ยงข้าเอง ท่านรีบไปเถอะ ถ้านางมาพบเข้าจะไม่ดี"
"อา..งั้นหรือ เช่นนั้นไว้พบกันใหม่ ลาก่อนสโนว์ไวท์" แล้วองค์ชายก็ทรงม้าจากไป พอดีกับที่แม่เลี้ยงของสโนว์ไวท์ออกมาที่ระเบียง
"เมื่อกี๊เจ้าพูดกับใครน่ะ?"
"กะ..กับนกเพคะ"สโนว์ไวท์ตัวสั่นด้วยความกลัว
"นกงั้นรึ? อย่าเพ้อฝันให้มันมากนักนะแล้วก็รีบๆทำงานเข้าล่ะอย่ามาทำเป็นอู้นะ" ว่าแล้วนางก็เดินจากไป
แล้วม่านก็ปิดลงมาอีกครั้งพวกผู้ดูแลรีบจัดการกับฉากด้านในอย่างรวดเร็ว แล้วม่านก็ค่อยๆเปิดออกราชินีใจร้ายยืนอยู่ที่หน้ากระจกบานหนึ่ง
"กระจกเอ๋ยจงบอกข้าเถิดใครงามเลิศในปฐพีนี้" สิ้นคำกระจกบานนั้นก็ปรากฏเป็นหน้าคนขึ้น
"ก็สโนว์ไวท์น่ะสิ จะมีใครในปฐพีเล่ามีความงามเหนือนาง"
"เป็นไปได้ยังไงกัน!"
"มันเป็นไปแล้วท่าน ด้วยวัยดอกไม้แรกแย้ม เส้นผมที่ดำขลับราวปีกกา ผิวที่ขาวดุจหิมะและริมฝีปากที่บางราวกลีบกุหลาบ"
"แล้วข้าควรจะทำอย่างไรดี กระจกเอ๋ย"
"ก็ฆ่านางซะสิ ท่านจะได้เป็นคนที่งดงามที่สุดไงล่ะ" แล้วใบหน้านั้นก็เลือนหายไป
"นี่! ไปเรียกนายพรานที่มีฝีมือมาซักคนซิ" แล้วเหล่าข้าราชบริภารก็ถอยไป สักพักก็มีนายพรานคนหนึ่งเดินออกมา
"เรียกข้าฤๅขอรับ"
"ใช่ เจ้าจงล่อสโนว์ไวท์ไปในป่าแล้วฆ่านางทิ้งซะ เพื่อเป็นข้อพิสูจน์ว่าเจ้าได้ฆ่านางจริง จงผ่าเอาดวงใจของนางใส่กล่องไม้ใบนี้มาให้ข้า" ว่าแล้วนางก็ส่งกล่องไม้ให้กับนายพราน แล้วม่านก็ปิดลง
สโนว์ไวท์วิ่งออกมาทางหน้าเวที แล้วนายพรานก็เดินเข้ามาชวนนางเข้าไปเที่ยวป่า ด้วยความไร้เดียงสาของนาง นางจึงตอบตกลงทันที ทั้งสองเดินไปยังริมเวทีแล้วม่านก็เปิดออก ฉากในคราวนี้เป็นป่าชัฏที่ดูน่ากลัว นายพรานนั้นคอยเดินตามหลังสโนว์ไวท์ และแล้วเขาก็ตัดสินใจได้
"เจ้ารีบหนีไปซะสโนว์ไวท์"
"เอ๋? อะไรนะคะ?"
"หนีไปซะ องค์ราชินีคิดจะฆ่าเจ้า เลยให้ข้าลวงเจ้าเข้ามาในป่าแล้วนำหัวใจของเจ้ากลับไปให้นางดู แต่ข้าทำไม่ลง หนีไปซะสโนว์ไวท์แล้วอย่ากลับไปที่ปราสาทอีก ข้าจะเอาหัวใจของหมูป่าไปแทน หนีไป!" ขาดคำของนายพรานสโนว์ไวท์ก็ออกวิ่งไปส่วนนายพรานก็เดินจากไป
ม่านผืนในสุดค่อยๆเปิดออกให้เห็นกระท่อมขนาดเล็ก
"ที่นี่...กระท่อมของใครกันนะ ขอรบกวนหน่อยนะคะ"แล้วนางก็เดินเข้าไปสำรวจของภายในบ้าน แล้วก็ต้องแปลกใจเมื่อพบว่าของทุกชิ้นนั้น มีขนาดเล็กกว่าปกติและล้วนมีอย่างละเจ็ดชิ้นทั้งนั้น แต่แล้วด้วยความเหนื่อยอ่อน นางก็ได้ล้มตัวลงบนที่นอนเล็กๆนั่นอย่างไม่คิดอะไร
ทางด้านนายพราน...
"ทำได้ดีมากนายพราน หึๆๆในที่สุดข้ากะเป็นผู้ที่สวยที่สุดในปฐพีนี้ ฮ่าๆๆๆๆ"
นายพรานค่อยๆเดินถอยหลังแล้วหันจากไปอย่างรวดเร็ว ม่านโรยตัวลงมาอีกครั้ง เมื่อม่านเปิดออกคราวนี้มีชายรูปร่างเล็ก 7 คนเดินเข้ามาในบ้าน
"นี่มีใครอยู่ในบ้านเราด้วย มาดูสิ"ชายคนหนึ่งตะโกนเรียกเพื่อนๆให้เข้ามาดู
"จริงด้วยใครนะ?"
"อึ..อืม..."ร่างปริศนานั้นค่อยๆขยับตัวขึ้น แล้วนางก็ต้องตกใจเมื่อพบกับคนแปลกหน้าที่ยืนรายล้อมอยู่
"เอ่อ..พวกท่านคงเป็นเจ้าของบ้านหลังนี้ ขอโทษนะคะที่ข้าถือวิสาสะคือข้าหนีมาน่ะค่ะ"ใบหน้าอ่อนเยาว์ซีดลงด้วยความขลาดกลัว
"ไม่เป็นไรหรอก พวกข้าไม่ใจร้ายขนาดนั้นหรอกนะ เจ้าหนีอะไรมากันล่ะ? เล่าให้พวกข้าฟังได้รึเปล่า?"
สโนว์ไวท์อึกอักกับคำถามเล็กน้อยแต่ก็ตัดสินใจที่จะเล่าเรื่องทั้งหมดกับเหล่าคนแคระ
"หนอย เจ้าแม่มดใจร้าย สโนว์ไวท์ท่านจะพักที่นี่ก็ได้นะแต่ต้องให้สัญญาว่าจะไม่เปิดประตูรับใครเป็นอันขาดเพราะมันอันตราย"
"สัญญาค่ะ ข้าสัญญา ขอบคุณพวกท่านมากนะคะ"สาวน้อยรีบพยักหน้าอย่างรวดเร็วแล้วม่านก็โรยตัวลงมาพร้อมฉากในห้องบรรทมของราชินี
"กระจกวิเศษเอ๋ยจงบอกข้าเถิดใครงามเลิศในปฐพี"
ใบหน้าเดิมปรากฏขึ้นบนกระจกอีกครั้ง แต่ถ้อยคำที่มันเอ่ยออกมาในครั้งนี้ถึงกับทำให้คนถามชะงักงัน "อ้าวก็สโนว์ไวท์อย่างไรเล่าที่งามเลิศในปฐพี"
"เป็นไปได้ยังไง?!!"
"ก็นางยังไม่เสียชีวิตไงเล่าท่าน"
"อะไรกันก็นายพรานนั่น..."
"มันหลอกท่านต่างหากเล่า นั่นมันหัวใจของหมูป่า"
"หนอย....ไอ้เจ้านั่นมันบังอาจถึงเพียงนี้เชียวรึ"ราชินีถึงกับตัวสั่นด้วยแรงโกรธ แต่แล้วนางก็แสยะยิ้มอันน่าขนลุกที่มุมปาก
"เราจะได้เห็นกันสโนว์ไวท์" แล้วม่านก็ปิดลง
เมื่อม่านเปิดออกอีกครั้งก็เห็นกระท่อมหลังเดิม คราวนี้มีคุณยายเดินเข้ามาพร้อมกับตะกร้าใส่แอ๊ปเปิ้ลสีสด นางเดินไปเคาะประตูที่กระท่อม
"มีใครอยู่หรือเปล่าจ๊ะ?"
สโนว์ไวท์ที่อยู่ในบ้านนั้นค่อยๆเปิดหน้าต่างออก
"คะ?"
"รับแอ๊ปเปิ้ลหน่อยมั้ยจ๊ะ?"
"เอ่อ...แต่ว่า"
"เถอะนะจ๊ะสักลูกก็ยังดี..."
"เอ่อ..ก็ได้ค่ะ"แล้วสโนว์ไวท์ก็ยื่นมือไปรับแอ๊ปเปิ้ลมาจากคุณยายปริศนา
"กินเลยสิจ๊ะยายจะได้ชื่นใจหน่อย" จบคำสโนว์ไวท์ก็กัดแอ๊ปเปิ้ลนั้น ราชินีใจร้ายในร่างของยายแก่ก็แสยะยิ้มออกมา
"หึๆๆ สโนว์ไวท์ในที่สุดเจ้าก็หลงกลข้าจนได้ หึๆๆหลับให้สบายนะ"แล้วราชินีก็เดินจากไปทิ้งให้ร่างของ สโนว์ไวท์นอนอยู่แบบนั้นต่อไป แล้วม่านก็ปิดลงราชินีใจร้ายเดินออกมาอีกครั้ง ท่ามกลางสาฝนหนัก
"ฝนหนักจริงๆเลยนี่มันอะไรกันเนี่ย? กรี๊ดดดดดด...." ราชินีใจร้ายนั้นได้รับผลกรรมที่ทำมาอย่างรวดเร็ว เธอลื่นตกลงไปในเหวลึกและสิ้นใจตาย
สายฝนเลือนหายไปม่านเปิดออกอีกครั้ง เหล่าคนแคระเมื่อกลับมาก็พบกับร่างที่ไม่ไหวติงของสโนว์ไวท์ก็เสียใจเป็นอย่างมาก พวกเขาช่วยกันนำร่างของเธอไปไว้ในโรงแก้วแล้วนำมันไปยังทุ่งดอกไม้ พวกเขาต่างร้องไห้เสียใจอยู่รอบๆโรงแก้ว จนกระทั่ง
เฟย์ในชุดเจ้าชายขี่ม้าเข้ามาอีกครั้ง เธอมองเหล่าคนแคระด้วยสายตา ราวคมมีดแบบเดิม ทำให้เหล่าคนแคระถึงกับอึ้งไปเลย
"พวกท่านทำไมสโนว์ไวท์จึงได้เป็นแบบนี้นางเป็นอะไรไปรึ?" องค์ชายกระโดดลงมาจากหลังม้าจ้องหน้าเหล่าคนแคระที่หวาดกลัวด้วยสายตาชิ้งๆ แล้วคนแคระก็เล่าเรื่องทั้งหมดให้องค์ชายฟัง และบอกว่านางต้องการจุมพิตจากคนที่รักนางอย่างแท้จริง
เจ้าชายค่อยๆเลื่อนฝาของโรงแก้วออก
"อา...สโนว์ไวท์"เฟย์ค่อยๆเลื่อนดวงหน้าเข้าไปใกล้ผู้เป็นน้อง จน..จน..
ค้าง..จูบไม่ลง..ไม่สิ..จูบไม่ได้ต่างหาก
"เอ้าทำอะไรอยู่ล่ะ? จูบซะทีสิ จ้องหน้ากันอยู่ได้"เหล่าคนดูเริ่มแสดงความไม่พอใจ
"จะบ้ารึ!? นี่มันน้องของข้านะ แถมข้าก็ไม่ใช่ผู้ชาย!!!" เฟย์ตะโกนกลับแล้วเดินเข้าหลังเวทีไปอย่างรวดเร็วทำให้สโนว์ไวท์ที่สลบอยู่ลุกแล้วตามไปทันที
ในที่สุดม่านก็ปิดเข้ามา "และแล้วเจ้าชายก็พาสโนว์ไวท์กลับไปยังอาณาจักร ทั้งสองครองรักกันอย่างมีความสุขสืบไป"
"อะไรกันเนี่ยนึกว่าคู่นี้จะไปได้สวยซะอีก ดันมาเป็นแบบนี้ซะได้...เฮ้อ....."แอนทิสถอนหายใจอย่างหน่ายๆ
แต่เรื่องต่อไปต้องสนุกแน่ หึๆๆ ...
**********----------**********----------**********
เฮ่อออออออออออออออออออ..... จบไปอีกตอนแร้ววววววววว...
โคตรปลื้ม..ไนที่สุดก็เห็นแววว่าบทที่ 13 จะมีโอกาสจบจนได้5555+
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น