Bad Neighbor!! เปลี่ยนรักกั๊กหัวใจนายตัวแสบ - นิยาย Bad Neighbor!! เปลี่ยนรักกั๊กหัวใจนายตัวแสบ : Dek-D.com - Writer
×

    Bad Neighbor!! เปลี่ยนรักกั๊กหัวใจนายตัวแสบ

    ผู้เข้าชมรวม

    100

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    6

    ผู้เข้าชมรวม


    100

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  นิยายวาย
    จำนวนตอน :  0 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  7 มิ.ย. 56 / 00:00 น.
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

    บทนำ

     

    ติ๊งต่อง  ติ๊งต่อง  ติ๊งต่อง

    พี่เคซ้าสสสสสมาเปิดประตูให้ปันปันหน่อย”  

    ฉันทั้งตะโกนเรียกพี่ชายข้างบ้านของฉันอยู่ซักพักแล้ว แต่ก็ไม่มีวี่แววว่าจะมีคนออกมาเปิดประตูให้ฉันเข้าไปซักที

    พี่เคซ้าสสสสส!!  ถ้าพี่ไม่เปิดหนูจะร้องไห้ตรงนี้สามวันสามคืนเลยนะ” 

    ฉันเริ่มขู่พี่เคซัส พี่ชายข้างบ้านที่อายุมากกว่าฉันเพียงแค่ปีเดียว

    ตั้งแต่พี่เคซัสเข้าเรียนชั้นป.1 พี่เขาก็ไม่เคยสนใจฉันเลย ฉันเลยต้องใช้วิธีนี้เพื่อให้พี่เขาสนใจฉันโดยการมากดออดหน้าบ้านไม่ก็ ตะโกนเรียกทุกวันทุกเวลา ก่อน-หลังอาหาร เพื่อให้พี่เขาใจอ่อนแล้วยอมมาเปิดประตูให้ฉันเข้าไปข้างในซะที จะบอกให้นะ ว่าฉันทำแบบนี้มาจะสามปีแล้ว ไม่เว้นวันหยุดราชการ เป็นไงล่ะ? เป็นใครก็คงต้องใจอ่อนใช่ม้า? แต่สำหรับพี่เคซัสแล้ว...

     

    ตลอดสามปีที่ฉันทำแบบนี้

     

    พี่เขาไม่เคยแม้แต่จะชะโงกหน้าออกมาดูฉันเลย แต่ใช่ว่าฉันจะไม่เห็นหน้าพี่เขาเลยนะ ปันปันคนนี้น่ะ ทำได้ทุกอย่างอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นดองการบ้าน ทำลายข้าวของ แกล้งครูประจำชั้น คายหมากฝรั่งบนเก้าอี้ครู  แอบวาดรูปในแฟ้มเอกสารพ่อ  เจาะยางจักรยานลุงยามหน้าหมู่บ้าน ฯลฯ ยัยปันปันคนนี้น่ะทำมาหมดแล้ว! ดังนั้นก็ไม่มีอะไรที่ฉันทำไม่ได้หรอกน่า~

     

    ตอนที่เราสองคนยังอยู่ในช่วงอนุบาลนะ ฉันเล่นกับพี่เคซัสทุกวันเลยแหละ อ้อ ลืมบอกไป ตอนนั้นนะเราอยู่โรงเรียนเดียวกันน่ะ >[]< เป็นโรงเรียนอนุบาลหมีน้อยน่ารักจั๊กจี้หัวใจ ซึ่งจะมีอยู่สามชั้นเท่านั้นคือ อนุบาลหนึ่ง อนุบาลสอง และอนุบาลสาม

    เมื่อพี่เคซัสจบอนุบาลสาม ก็ต้องไปเรียนต่อชั้นป.1 ซึ่งหนึ่งปีที่ฉันไม่เจอพี่เคซัสที่โรงเรียน หัวใจมันเหี่ยวแห้งและแห้งเหี่ยวเอามากๆ ไม่ได้เจอคนที่เรารักนี่มันไม่ใช่เรื่องน่ายินดีอะไรเลยนะ และฉันคิดว่าหัวใจของพี่เคซัสก็คงจะห่อเหี่ยวเหมือนกัน เพราะเขาไม่ได้เจอหน้าฉันตั้งหนึ่งปีแน่ะ!

    พี่เคซัสเรียนประถมที่โรงเรียนชายล้วนแห่งหนึ่ง ซึ่งก็อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากหมู่บ้านที่ฉันอยู่นักหรอก ไม่รู้เหมือนกันนะว่าทำไมต้องไปเรียนชายล้วนด้วย จะหนีหน้ากันก็บอกมาดีๆสิยะ

     ส่วนฉันก็ไปเรียนโรงเรียนนานาชาติแห่งหนึ่ง ซึ่งก็หรูพอๆกับที่อื่นน่ะแหละ

    ถึงแม้ว่าเราสองคนจะไม่ได้เรียนที่เดียวกัน แต่ฉันก็ออกมารอพี่เขาที่หน้าบ้านทุกวันเลยเป็นไงล่ะ? ซึ้งมั้ย ซึ้งกว่าพี่มากอีกนะ =()=

     

    เฮ้อ!” ฉันถอนหายใจเบาๆ รู้อยู่แล้วว่าหวังให้เขามาเปิดประตูให้ก็ไร้ผล คอยดูเถอะ! ถ้าไม่มีปันปันซักวันแล้วจะรู้สึก

    ฉันเดินกลับเข้าบ้านด้วยอารมณ์ที่เป็นเหมือนทุกๆวัน

     

    คือ.. หงุดหงิดน่ะแหละ

    แต่แค่แปบเดียวก็กลับมาเหมือนเดิมแล้วล่ะ ฮี่ๆ

     

              “ไปรอมันทุกวัน ไม่เบื่อบ้างหรือไงพี่มิค พี่ชายแท้ๆของฉันที่ชอบตอกย้ำแขวะแซะฉันตลอดเวลาไม่ว่าจะทำอะไร นี่พี่เป็นพี่ของฉันจริงๆมั้ยเนี่ย ไม่คิดพูดอะไรด้านบวกบ้างเลย เง้อ =[]= เรื่องนี้ก็เหมือนกัน ทุกๆคนในบ้านก็รู้กันหมดแหละว่าฉันคิดกับพี่เคซัสยังไง (แลดูแก่แดดจริงๆเลยแฮะ -0-) แต่ช่างเถอะ เรื่องหัวใจมันสำคัญกว่า ยังไงฉันก็จะทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ จนกว่าพี่เขาจะใจอ่อน มันต้องมีซักวันแหละน่า~

              พี่ล่ะ บ่นทุกวันไม่เบื่อบ้างหรือไง”  ฉันมองใบหน้าน่ารักๆหล่อใสแบบเด็กวัยสิบสองปีของพี่ชายฉันอย่างเบื่อหน่าย พลางเดินผ่านหน้าเด็กชายขี้บ่นคนเมื่อครู่ มานั่งบนโซฟาหน้าทีวีเพื่อดูการ์ตูนโปรด ถ้าเป็นปกติฉันจะวิ่งหนีเข้าห้องไปแล้ว แต่ทำไมวันนี้ฉันไม่อยากทำอย่างนั้นก็ไม่รู้นะ

              บางทีฉันอาจจะเริ่มเบื่อขึ้นมาบ้างแล้วก็ได้...

              จะบอกไรให้นะเสียงของพี่ขี้บ่นดังแทรกขึ้นมาอีกครั้ง คราวนี้ฉันหันหน้ากลับไปมองพี่ชายที่ยืนอยู่ข้างหลังโซฟา เตรียมจะอ้าปากบอกว่า หยุดบ่นได้แล้ว จะดูการ์ตูนว้อยยยแต่ก็ไม่ทันคนขี้บ่นที่ปกติจากปากไวอยู่แล้ว..

              “ของที่หามาได้ง่ายๆน่ะ มันมักจะไม่ค่อยมีคุณค่าหรอกนะ  หะ? ฉันทำหน้างงนี่พี่ชายชาญฉลาดของฉันต้องการจะบอกว่าอะไร บอกว่าคุณพ่อคุณแม่หาเงินมาแต่ละบาทมันยากมากเหรอ? หรือถ้าหาไดโนเสาร์ที่สูญพันธุ์ไปแล้วมันจะมีคุณค่ามาก?

              กะอยู่แล้ว คนโง่อย่างเธอจะไปเข้าใจอะไรคนขี้บ่นเดินอ้อมมานั่งลงบนโซฟาเดียวกับฉัน แล้วพูดต่อ นี่วันนี้มันอะไรกันเนี่ย ทำไมมาแปลกนักนะคุณพี่ชาย -_-

              แล้วคนฉลาดอย่างพี่เข้าใจว่ายังไงล่ะ?

              การที่เธอไปรอไอนั่นทุกวัน เช้าเที่ยงเย็น ไม่เว้นวันหยุดราชการ ไม่คิดว่ามันจะเบื่อบ้างเหรอ? ขนาดฉันไม่ใช่หมอนั่น ฉันยังเบื่อแทนเลย

              ไม่ ฉันไม่เบื่อ ฉันชอบ และอะไรที่ฉันชอบมันก็คือความสุขของฉัน

              “เอางี้ละกัน.. ถ้าฉันให้เธอดูบาร์บี้ทุกๆวัน เธอจะคิดยังไงผู้เป็นพี่สอบสวนฉัน ทำอย่างกะคุณหมอถามอาการคนไข้แหน่ะ

              โห! ไม่เอาอ่ะ น่าเบื่อจะตายบาร์บี้ ปันชอบโคนันมากกว่า

              “ถ้างั้น..หมอนั่นก็คงรู้สึกแบบนี้แหละ

              และแล้วพี่ชายที่แสนฉลาดก็ลุกออกจากโซฟา เตรียมจะก้าวขาเดินออกไป แต่ดูเหมือนว่าจะลืมอะไรบางอย่าง และแล้วก็หันกลับมามองฉันอย่างกะภาพสโลว์โมชั่น

    คิดว่าตัวเองแสดงละครอยู่รึไง ไอ้พี่ชาย!

              แล้วถ้าสมมติว่าฉันไม่อยู่บ้านซักวันสองวัน เธอจะรู้สึกยังไง

              ทำไมถามกันแบบนี้ห๊ะ! จะหนีไปเที่ยวใช่มั้ย โธ่! ฉันก็กะไว้แล้วเชียว บอกว่าจะไปก็บอกมาเถอะ ไม่ต้องมาทำเป็นมีสาระหน่อยเลย เชอะ

              ดีใจเซ่! ดีใจมวากกกกกกก ฉันลากเสียงยาวประชดประชัน

              ฉันก็คิดว่าเธอเองจะรู้สึก ..เหงา อะไรแบบนี้ เหมือนขาดอะไรบางอย่างไปน่ะ แต่ฉันคงคิดผิด ฮ่าๆ

              ความจริงฉันไม่ได้ดีใจอะไรหรอกนะ.. อาจจะเหงาเหมือนที่พี่มิคว่าก็ได้ ก็ปกติรายนั้นน่ะ บ่นกรอกหูฉันทุกวันไม่ว่าจะทำอะไร บ่นยิ่งกว่าแม่ฉันอีกมั้งเนี่ย -_- ถ้าหายไป ฉันคงเหงาแย่อ่ะ ชีวิตนี้คงเหมือนกับขาดอะไรไป

              ถ้าเธอรู้สึกเหมือนที่ฉันรู้สึก นั่นก็คือสิ่งที่หมอนั่นควรจะรู้สึกเสียงคนขี้บ่นดังแทรกขึ้นมาอีกแล้ว ทำไมชอบขัดจังหวะความคิดฉันทุกทีเลยนะ

              พี่มิคไม่ตอบอะไร แค่หัวเราะแบบพระเอกแล้วเดินอย่างหล่อออกไป

             

    ถ้าเธอรู้สึกเหมือนที่ฉันรู้สึก นั่นก็คือสิ่งที่หมอนั่นควรจะรู้สึก..     

            เหงาเหรอ.. หรือว่าคิดถึง?  หรือรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างหายไป

     

    07-06-13

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น