ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ✖Closed # ปิดบทความ # } เคล็ด(ไม่)ลับ ฉบับคน(อยาก)ผอม

    ลำดับตอนที่ #25 : ••พิเศษ••กลเม็ดลดน้ำหนักให้ได้ผล••

    • อัปเดตล่าสุด 27 เม.ย. 53


    ••พิเศษ••กลเม็ดลดน้ำหนักให้ได้ผล••

        เขาว่ากันว่า คนบางคนกินเท่าไหร่ก็ไม่อ้วน เป็นเพราะกระบวนการเผาผลาญ หรือ Metabolism ทำงานได้เป็นอย่างดี ด้วยเหตุนี้จึงมีงานวิจัยมากมายที่ศึกษาถึงกลวิธีที่จะช่วยให้คนที่ต้องการ ลดน้ำหนัก สามารถเผาผลาญพลังงานจากอาหารที่กินเข้าไปให้รวดเร็วกว่าเดิม และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
        ศาสตราจารย์ แมดลีน เฟิร์นสตอร์ม ผู้อำนวยการศูนย์ควบคุมน้ำหนักอยู่ที่ศูนย์การแพทย์มหาวิทยาลัยพิตต์สเบิร์ก และเป็นผู้แต่งหนังสือ The Runner’s Diet เผยกลเม็ดพิชิตน้ำหนักส่วนเกิน ที่มีงานวิจัยรับรองถึงคุณประโยชน์และประสิทธิภาพ ลองนำไปใช้ดูอาจช่วยให้คุณควบคุมน้ำหนักตัวเองได้ดีขึ้น

    1.กินพริกเพิ่มการเผาผลาญ

        พริกและเมล็ดมัสตาร์ด ถือเป็นเครื่องเทศที่มักใช้ปรุงอาหารของหลายประเทศ ไม่ว่าจะเป็นไทย อินเดีย หรือเม็กซิโก ผู้เชี่ยวชาญอธิบายว่า พริกและเม็ดมัสตาร์ด มีสารประกอบชื่อ แคปไซนิน สารนี้จะช่วยเพิ่มการเผาผลาญพลังงานได้โดยตรง มีงานวิจัยชิ้นหนึ่งช่วยยืนยันทฤษฎีดังกล่าว ถ้าหากรับประทานซอสพริก และมัสตาร์ด ประมาณ 1 ช้อนชา อัตราการเผาผลาญพลังงานจะเพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ย 25 % เลยทีเดียว สาวอวบทั้งหลาย หรือเจ้าตุ้ยนุ้ยที่อยากควบคุมน้ำหนักตัวเองให้อยู่หมัด ลองหาเมนูอาหารที่มีส่วนประกอบของเครื่องเทศเหล่านี้ดู น่าจะช่วยลดความอยากอาหารลงได้บ้าง

    2.สลับวิธีออกกำลัง

        จากที่เคยออกกำลังแต่แบบเดียว ลองเปลี่ยนมาสลับระหว่างออกแบบหนัก ๆ กับเบา ๆ ดูมั้ย

        ดร.เวย์น เวสต์คอต ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยความสมบูรณ์ของร่างกายที่วายเอ็มซีเอ เมืองควินซี รัฐแมสซาชูเซตส์ ได้แนะนำว่า เวลาออกกำลังลองผลักดันตัวเองอย่างหนักเป็นเวลาซัก 3 นาที แล้วต่อด้วยการสลับกับการผ่อนคลายความเข้มข้นลงอีกซัก 3 นาที ทำสลับแบบนี้ประมาณ 4 ครั้ง ในช่วง 30 นาทีของการออกกำลัง จะช่วยกระตุนการเผาผลาญพลังงานได้ดีกว่าการออกกำลังแบบเดียว

    3.ดื่มน้ำเย็น

        ไม่ได้หมายความว่า ดื่มน้ำเย็นแล้วจะลดความอ้วนได้นะจ๊ะสาว ๆ แต่การดื่มน้ำเย็น จะทำให้ร่างกายต้องใช้พลังงานในการเผาผลาญมากขึ้นต่างหาก เลสลี บอนคี ผู้อำนวยการศูนย์โภชนาการด้านการกีฬาที่ศูนย์การแพทย์มหาวิทยาลัย พิตต์สเบิร์ก ให้เหตุผลว่า เมื่อดื่มน้ำเย็น ร่างกายจะต้องการพลังงานมากขึ้น เพื่อทำให้อุณหภูมิของน้ำสูงขึ้น จึงช่วยให้เผาผลาญแคลอรี่ได้มากขึ้นด้วยเช่นกัน ต่อไปนี้หลังมื้ออาหาร ลองดื่มน้ำเย็นซักแก้ว เพื่อช่วยให้การเผาผลาญแคลอรี่เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

    4.เสริมตัวช่วย ด้วยชาหรือกาแฟ

        ในชาบางประเภท มีสารต้านอนุมูลอิสระที่ชื่อ อีจีซีจี สามารถช่วยเผาผลาญพลังงานในร่างกายได้ดีขึ้น มีงานทดลองชิ้นหนึ่ง ผู้หญิงที่ดื่มชาอู่หลงหรือชาเขียว 10 ออนซ์ หรือประมาณ 1 แก้วขนาดใหญ่ การเผาผลาญพลังงานจะเพิ่มขึ้น 10 % และ 4 % ตามลำดับ เวลานานถึง 2 ชม. นอกจากนี้คาเฟอีนในชาจะช่วยกระตุ้นให้การเผาผลาญได้อีกแรงหนึ่ง เครื่องดื่มอื่นที่มีคาเฟอีนอย่างกาแฟ โค้ก หรือเครื่องดื่มบำรุงกำลังก็ตาม

        แต่ เมื่อรู้แล้ว ก็ไม่ใช้ดื่มกาแฟโค้กกันกระหน่ำด้วยเหตุผลที่ว่า ช่วยลดความอ้วนได้ ในโค้กมีน้ำตาลอยู่มาก ยิ่งดื่มยิ่งอ้วน ส่วนคาเฟอีนที่มีมากในกาแฟ ก็ไม่ควรอยู่ดื่มมากเช่นกัน เพราะมีงานวิจัยหลายชิ้น ชี้ให้เห็นถึงโทษของการดื่มกาแฟที่มากไป เพราะฉะนั้น ทางสายกลางย่อมดีที่สุดนะจ๊ะ  5.ยกน้ำหนักซะบ้าง

        มีข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับการยกน้ำหนักมาบอกกัน การออกกำลังแบบอาศัยแรงต้านจะช่วยสร้างกล้ามเนื้อ และช่วยให้ร่างกายเผาผลาญแคลอรี่ได้มากขึ้น การยกน้ำหนัก ซึ่งอาจเป็นลูกเหล็กยกน้ำหนักตามธรรมดาหรือเป็นเครื่องออกกำลังกายแบบใช้แรง ต้านก็ได้ หลังจากออกกำลังกายไปได้ประมาณ 10 สัปดาห์โดยออกสัปดาห์ละสองถึงสามครั้ง อัตราการเผาผลาญแคลอรี่ในยามปกติ น่าจะเพิ่มขึ้นได้ถึง 6 % และร่างกายจะเผาผลาญแคลอรี่ได้เพิ่มขึ้นประมาณ 75-100 แคลอรี่ต่อวันเลยทีเดียว

        ใครที่เคยมีอคติเกี่ยวกับการยกน้ำหนัก น่าจะสบายใจได้มากขึ้น ที่สำคัญช่วยเสริมให้การเผาผลาญพลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    6.กินวิตามินบี

        ไม่ว่าจะเป็นวิตามินบี 6 บี 12 ไทนอะมิน ไนอะซิน หรือโฟเลต จะช่วยเสริมให้การทำงานของระบบเผาผลาญในร่างกาย เปรียบได้กับ “น้ำมันหล่อลื่นเครื่องจักรเมตาบอลิสม์” อาหารที่เป็นแหล่งของวิตามินบี ชนิดต่าง ๆ ได้แก่ บี 6 พบใน ถั่วต่าง ๆ ไก่งวง บี 12 พบใน เนื้อวัว ปลาแซลมอน ปลาซาร์ดีน ไทอะมิน พบในข้าว เนื้อหมู ไนอะซิน พบในไก้ ทูน่า โฮลวีต และโฟเลต พบใน ถั่ว กระเจี๊ยบ ผักโขม

    7.กินอาหารเช้าด้วย

        คุณรู้หรือไม่ว่าหลังจากที่คุณนอนหลับ ร่างกายหยุดการกินไป 8 ชั่วโมง ระบบการเผาผลาญคุณจะปิดสวิตซ์ เมื่อตื่นขึ้นมา อาหารเช้าคือแหล่งพลังงานที่สำคัญที่จะช่วยให้คุณสามารถอยู่ได้ตลอดช่วงเช้า และสามารถทำงานในช่วงเช้าได้เต็มศักยภาพ ที่สำคัญอาหารเช้าจะช่วยกระตุ้นระบบการเผาผลาญให้เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง

    8.โปรตีนตัวเผาผลาญแคลอรี่

        การย่อยโปรตีนจำเป็นต้นใช้พลังงานมากกว่าการย่อยแป้งหรือไขมัน และโปรตีนช่วยสร้างมวลกล้ามเนื้อ ถ้าร่างกายมีกล้ามเนื้อมากขึ้น ก็จะสามารถเผาผลาญแคลอรี่ได้มากขึ้นเช่นเดียวกัน

    9.ลดปริมาณในแต่ละมื้อ แต่เพิ่มจำนวนมื้อให้มากขึ้น

        ข้อดีของการเพิ่มจำนวนมื้อ คือ จะช่วยกระตุ้นให้ระบบเผาผลาญทำงานตลอดเวลา เลสลี บอลคี อธิบายว่า “ในระหว่างที่กิน ระบบเผาผลาญจะต้องทำงาน ทั้งนี้เพราะร่างกายต้องใช้พลังงานเพื่อทำให้อาหารแตกตัวและย่อยอาหาร” ซึ่งถ้าหากกินอาหารมื้อเล็ก ๆ ที่ได้คุณค่าและมีสัดส่วนที่เหมาะสม โดยจำกัดปริมาณแคลอรี่ต่อมื้อให้อยู่ที่ 300-500 ต่อมื้อ และรับประทานทุก ๆ 4 ชั่วโมง ระบบเผาผลาญของร่างกายจะทำงานตลอดเวลาโดยไม่หยุด

        กลเม็ดเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่ใช้ได้ผลจริง สาวเจ้าเนื้อทั้งหลาย สามารถนำไปใช้ดูกันได้นะ


    ขอบคุณเนื้อหาจาก cosmopolitan

    Never-Age.com
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×