ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    มิติแห่งมนตรา...ฟีลาเนเซีย[ดองค่ะ]

    ลำดับตอนที่ #4 : ตอนที่ 3 อำนาจที่แลกมา

    • อัปเดตล่าสุด 24 พ.ค. 51


     

    ตอนที่ 3  อำนาจที่แลกมา

     

              "... ดาราเอ๋ยจงเปล่งประกายกลืนกินความมืดมน หากแม้พลาดพลั้งให้นึกถึงชาวเรา อย่าได้หลั่งรินความเศร้าจากนัยน์เนตรให้ผู้สืบทอดแห่งความเป็นปรปักษ์ หนึ่งบุรุษผู้ทรยศต่อหน้าที่เพียงเพื่อมอบกายถวายให้แด่สายเลือดแห่งความมืดมน 

              นิทราแห่งมนตราเอ๋ย... จงยาวนานหากแค่เพียงปกคลุมมิใช่ครอบงำ... ให้ดาราดวงน้อยอันเป็นที่รักของข้าผู้มอบจิตแสนภักดีให้แก่ท่านและอีกหนึ่งบุรุษผู้ยิ่งยง... สั่งสมมายาแห่งความสุขเพียงชั่วยามนี่ไว้... ก่อนที่นภาทั้งมวลจะมีแต่ความมืดมิดอนธกาล..."

     

                ร่างบอบบางพลิกกายกลับไปมาอย่างกระสับกระส่าย ดวงหน้างามถูกแต่งแต้มด้วยหยดน้ำมากมายทั่วหน้าผากที่แสนร้อนรุ่ม  ผิวขาวเนียนถูกไอร้อนภายในแผดเผาให้กลับกลายเป็นสีแดงระเรือ และริมฝีปากอิ่มที่เคยเป็นสีสดถูกแทนที่ด้วยความซีดเซียวกำลังเปล่งเสียงแหบพร่าพึมพำแผ่วเบาไม่ได้ศัพท์

                เสียงถอนใจยาวดังจากใบหน้าคมเข้มของบุรุษผู้เฝ้าไข้.... ฝ่ามือหนาถูกส่งไปแนบหน้าผากของร่างบางก่อนไอแสงสีฟ้าเรืองรองที่เจือไปด้วยความเย็นจะถูกส่งผ่านไปให้คนป่วย อาการดิ้นด้วยความทรมานจึงทุเลาลง เรียกรอยยิ้มบาง ๆ ได้จากเจ้าของมนตรา...

                ร่างของบุรุษลุกขึ้นเดินจากเก้าอี้ข้างเตียงช้า ๆ  ก่อนสาวเท้าขึ้นไปนั่งบนขอบหน้าต่าง...

                บนผืนฟ้านั้นปรากฏจันทราแทนที่ดวงสุริยันซึ่งลาลับไปในราตรี แสงดาราที่สาดส่องผ่านผ้าม่านผืนบางเข้ามาทำให้เกิดแสงสีทองประหลาดเรืองรองรอบกายท่านหญิงแห่งเรเวลล่า ...แสงที่สว่างจ้าขึ้นเรื่อย ๆ บริเวณหน้าผากมนก่อนจะจางหายไปในเวลาไม่นานนัก

                ...เผยให้เห็นความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นบนเรือนผมของสตรีสาวบนเตียง หากแต่นัยน์ตาของบุรุษผู้จับจ้องกลับไม่ปรากฏรอยประหลาดใจใด ๆ ทั้งสิ้น

                เปลือกตาบางของคนเป็นไข้ประหลาดปรือขึ้นน้อย ๆ ก่อนจะหลุบลงต่ำแล้วเปิดขึ้นมาใหม่  มือเรียวถูกยกขึ้นมาขยี้ตาเบา ๆ ราวเด็กน้อยก่อนความเด่นชัดของบุคคลอีกหนึ่งในห้องจะเข้ามาในการรับรู้

                มืออีกข้างคว้าเอาชายแขนเสื้อของบุรุษผู้เดินเข้ามาใกล้ไว้ก่อนเอ่ยเสียงแหบพร่า นัยน์ตาคู่สวยที่ทรงภูมิแปลกตาไปฉายรอยงุนงงชัด

                "ที่นี่ที่ไหน...? ข้าเป็นอะไร...? แล้ว... แล้วคนอื่น ๆ ล่ะ?"

                เจ้าชายแห่งฟาเซลกระตุกมุมปากน้อย ๆ คล้ายจะยิ้มกับมุมไร้เดียงสาหายากของเซเรลาเนีย เสียงที่ตอบกลับมาจึงดูอ่อนโยนว่าที่เคย...

              ...ถามมากแบบนี้แสดงว่าไม่เป็นไรแล้ว

    "ห้องพยาบาลในหอพักแห่งพามาเนท... เจ้าสลบไปในการทดสอบตอนนี้คนอื่น ๆ กำลังประชุมอยู่กับท่านเวอร์เนส"

                ผู้ฟังพยักหน้าหงึกหงักคล้ายรับรู้อย่างขอไปทีในขณะที่เปลือกตากลับค่อย ๆ ปรือปิดลง...

                ภาพที่เรียกความเอ็นดูจากคนเฝ้าไข้เสียจนเผลอตัว

                มือหนาจึงลูบไล้ไปตามเรือนผมนุ่มลื่นที่เปล่งประกายราวกับดารา เสียงทุ้มพึมพำแผ่วเบา... คล้ายสมัยซึ่งเคยกล่อมท่านหญิงน้อยแห่งเรเวลล่าให้หลับใหลลง...

              "นอนเถอะนะเซเรส[1]... แล้วตื่นมาเป็นดวงดาวของดาร์ฟไว ๆ ..."

     

     

     

              แกร๊ก

                "อ่าว ตื่นแล้วเหรอ... เจ้าหญิงนิทรา"

                เสียงทุ้มที่ดัดให้ประหลาดใจของผู้ที่เพิ่งเปิดประตูเข้ามาเอ่ยทักร่างบางที่นั่งกอดเข่าอยู่บนเตียง... สาวน้อยที่ส่งสายตาพิฆาตอย่างไม่ชอบใจคำกล่าว

                "ข้าไปไม่ใช่เจ้าหญิงนิทราในตำนานเก่านั่น... ลาร์ส" คนโดนว่าหัวเราะรับคำก่อนส่งคำกระเซ้าต่ออย่างอารมณ์ดี

                "ไม่ใช่เจ้าหญิงนิทราแต่หลับไปเป็นวัน  เฮ้อ...เป็นใครก็ต้องคิดว่าเจ้า... นอนรอจุมพิตจากเจ้าชาย..."นัยน์ตาสีมรกตของผู้วิเศษแห่งเซดาลีนทอประกายระริกลากเสียงยาว ก่อนเอ่ยต่อ... ยั่ว!

                "... แต่เอ  ในฟีลาเนเซียตอนนี้ ประเทศที่ยังมีเจ้าชายอยู่ก็มีแค่... ฟาเซลซะด้วยสิ สนใจลองเรียกดาฟาเดลเข้ามาหน่อยดีไหมล่ะ?!"

                "ลาซาลัส!มันชักจะมากไปแล้วนะ!" เสียงใสเย็นเยียบตามแรงอารมณ์ส่งผลให้บรรยากาศในห้องเย็นลงทันตา หิมะนอกฤดูแทบจะโปรยปรายลงมาด้วยเพลิงโทสะของท่านหญิงแห่งธาราอยู่รอมร่อ!

                เจ้าของชื่อที่ถูกเอ่ยรีบทำหน้าเจี๋ยมเจี้ยมแบบที่ดูยังไงก็รู้ว่าแสร้งทำ ก่อนรีบเบี่ยงประเด็น

                "หมอนั่นอุตส่าห์อุ้มเจ้ามาส่งแถมยังเฝ้าไข้ทั้งคืน... แล้วเจ้ายังทำเป็นไม่ชอบใจ" คำถามจี้ใจดำทำเอาดวงหน้าหวานเริ่มงอง้ำอย่างที่ไม่เคยเป็นยามต้องใส่หน้ากากท่านหญิง

                "หมอนั่นทำร้ายเจ้า ยังจะว่าเขาดีอีกรึไง…" เสียงใสที่กล่าวอยู่ชะงักไปดื้อ ๆ เมื่อถ้อยวาจาของใครบางคนแล่นวูบเข้ามาในห้วงคิด

    "ความดีความเลววัดกันที่ตรงไหน..?. ระหว่างคนเลวที่ฆ่าใครต่อใครแต่ตระหนักในความชั่ว จำต้องทำเพื่อเลี้ยงชีพ กับพวกที่เรียกตัวเองว่าคนดี... เพราะฆ่าพวกที่ตนเองคิดว่า เรียกว่า...ชั่ว เข่นฆ่า... แต่กลับบอกว่าทำเพื่อบ้านเมือง เอ... เราจะจัดแบ่งความดีความเลวที่ตรงไหนดีล่ะ... การยิ้มเสแสร้งกับการนิ่งเพราะไม่ชอบใจอันไหนคือสิ่งที่ถูกต้องกันแน่ น่าขำไหมล่ะ? ...ท่านหญิง!"

    ดวงหน้างามถูกปรับให้ครุ่นคิด...ก่อนเสียงที่ตอบออกไปจะเคร่งขึ้นยามเจ้าตัวอยู่ในห้วงคำนึง

    "... ไม่รู้สิ... พอข้าอยู่กับหมอนั้นแล้วรู้สึกแปลก ๆ ... มันบอกไม่ถูก..." นัยน์เนตรสีมรกตทอแสงอ่อนโยนก่อนเจ้าของมันจะเอ่ยเสียงทุ้มอย่างนุ่มนวล

    "ข้า... เข้าใจ"

    คนถูกเข้าใจรู้สึกเหมือนหน้าร้อนวูบ พูดไม่ออกบอกไม่ถูกเอาดื้อ ๆ เสียงใสจึงเสต่อว่าบุคคลที่สามไปตามเรื่อง

    "ว่าแต่... หมอนั้นไม่ต้องไปพบท่านเวอร์เนสหรือไง? ถึงได้ว่างมากมานั่งเฝ้าไข้ข้า" อารมณ์แปรปรวนเข้าใจยากของสตรีเบื้องหน้าทำเอาลาซาลัสฉงนก่อนเอ่ยแก้แทนคนไม่อยู่ในห้อง

                "ร่างที่เจ้าเห็นเป็นร่างแบ่งจากเวท"

                "มิน่า... ตาของหมอนั้นที่ข้าเห็นถึงเป็นสีดำ" ประโยคที่เอ่ยอย่างไม่ติดใจกลับทำคนฟังเคร่งเครียดโดยฉับพลัน หากด้วยหน้าที่ซึงแบกรับดวงหน้าคมคายจึงไม่อาจแสดงความวิตกใด ๆ ออกมา

                "ถ้าไม่งั้น... เจ้าก็คงนอนมากจนเพ้อ"

                "เจ้า!... เจ้า!... ลาซาลัส!!!"

                "ข้าจำชื่อตัวเองได้น่า... เจ้าหายป่วยก็ดีแล้วรีบ ๆ ลุกซะสิ... เรน่ากับเมโรเป็นห่วงเจ้าแทบแย่"

                "เมโร?" กล่าวด้วยความฉงนหากแต่สิ่งที่ตอบกลับมากลับเป็นรอยพราวระริกขบขัน

                "ใช่...เมโรมาลีน"

                ในตอนนั้นเธอนึกสงสัยในสายตาที่มีความหวาดผวาเจือปนของลาร์ส...

                และเธอ... ก็ได้รู้คำตอบในเวลาไม่นานซะด้วยสิ

                คำตอบ... ที่มาพร้อมเสียงเปิดประตูสนั่นพสุธาและการถูกกระโจนเข้าใส่จนคนเพิ่งหายป่วยต้องล้มไปนอนกองอยู่บนเตียงอีกรอบ

                นัยน์เนตรสีฟ้าเหลือบขึ้นมามองอย่างงุนงงก่อนจะพบกลุ่มเรือนผมหนาสีเพลิงหยักศกที่รับกับดวงตาสีเพลิงพราวเสน่ห์  ริมฝีปากอิ่มแสนยั่วยวนแย้มรอยยิ้มหวาน...

    อีกหนึ่งสตรีในคำทำนาย!!

    ยังไม่ทันที่คนถูกจับกดจะเอ่ยความใด ๆ ... ร่างเล็กที่เป็นฝ่ายคร่อมท่านหญิงแห่งเรเวลล่าก็ชิงเอื้อมมือไปจับหน้าผากของคนด้านใต้ ก่อนจะฉีกยิ้มกว้างขึ้นอีกพร้อมเอ่ยเสียงใสอย่างสนิทสนม...

    "ไข้หายแล้ว  ดีจังเลยค่ะพี่เซเร" ว่าพลางเจ้าหล่อนก็ยันกายขึ้นจากเตียงก่อนส่งมือให้คนที่โดนตัวเองประทุษร้ายลุกขึ้นตามแล้ว... คว้าร่างของอีกฝ่ายมากอดอย่างแนบแน่น!!

    ดวงตาสีฟ้าเบิกกว้างขึ้นอย่างตะลึงงัน... ความอายแล่นขึ้นมาริ้ว ๆ ยิ่งเห็นภาพบุคคลที่ยืนมองอยู่ด้านหลังของคนตัวเล็กก็ยิ่งรู้สึกขายหน้า

    ลาร์สที่ยืนกลั้นหัวเราะจนตัวสั่น ดาร์ฟที่เสมองไปทางอื่น เรน่าที่เอามือปิดปากหัวเราะคิกคัก...กับอีกหนึ่งสตรีที่ดู... ห้าว(?) กำลังฉีกยิ้มกว้างแสนกว้าง...

    ให้ตายสิ!

    นี่มันอะไรกัน?!

     

     

     

    "ว้าว สวยจังเลยค่ะ"

    ว่าพลางคนพูดก็จับร่างคนถูกชมให้หมุนไปหมุนมาราวกับตุ๊กตาตัวโปรด จนคนกลายเป็นของเล่นชักขมดคิ้วมุ่นเริ่มอารมณ์ขึ้นก่อนจะพลันสลายไปอย่างรวดเร็วเฉกเช่นทุกครั้งที่สบนัยน์เนตรสีเพลิงใสแจ๋วที่เจ้าหล่อนแสนแพ้ทาง

    ดูเหมือนเพียงหนึ่งชั่วยามในพามาเนทจะมีหลายสิ่งหลายอย่างให้เธอต้องเรียนรู้แบบไม่ทันตั้งตัวมากมาย...

    แต่ที่มากที่สุด... ทำให้เวียนหัวที่สุด...

    ก็คงหนีไม่พ้นเอกลักษณ์ประจำตัวของภูตแต่ละธาตุ...

    และแน่นอน... ตอนนี้หอของเธอประกอบไปด้วยภูตทุกธาตุ!!

    "พี่คะ... ยิ้มหน่อยสิ! เราจะต้องไปบริหารเสน่ห์กันนะคะ!" เสียงหัวเราะคิกของเรน่าแว่วมาให้ได้ยินตอบรับคำกล่าวของสตรีที่สมเป็นภูตไฟอย่างแท้จริง...

    เอาแต่ใจเป็นที่หนึ่ง... แต่ดูเหมือนรายนี้คงจะต้องเพิ่มความเป็นเด็กสุดกู่เข้าไปด้วย

    ...เมโรมาลีนท่านหญิงแห่งอดานีน

     

    "ไม่ยักรู้ว่าในสายตาเจ้า งานเลี้ยงเปิดปีการศึกษาจะกลายเป็นเวทีวัดมารยาไปซะแล้ว... ทำอะไรเป็นเล่นไปหมดสมกับเป็นไฟ"

    "งั้นพี่ลูเซียก็เครียดเกินไปสมเป็นดินแหละค่ะ!" ว่าพลางคนตัวเล็กก็ทำปากยื่นใส่คนที่พูดด้วยน้ำเสียงติดจะห้าวอย่างกระเง้ากระงอด

    สตรีผู้แกร่งเกินหญิงสมเป็นดิน... อีกหนึ่งทาสผู้รับใช้แห่งธรรมชาติ

    ท่านหญิงแห่งเดอร์น่า... ลูเซียเรล่า เจ้าของนัยน์เนตรสีน้ำตาลกับทรงผมหางม้าเป็นเอกลักษณ์

    "หืมม... ถ้าบอกว่าทำตัวเครียดต้องยกให้นู้น... ตุ๊กตาของเจ้า! เห็นนั่งนิ่งไม่พูดอะไรมาตั้งนานแล้ว... น้ำผู้เยือกเย็น" คนถูกแซวกระทบที่กำลังถูกสาวผมเพลิงประทินโฉมเริ่มมุ่นหัวคิ้วให้อีกสามสาวในห้องแต่งตัวขบขันเล่น คนชอบความสงบจึงตัดสินใจส่งโด่งปัญหาไปให้สาวผมเขียวที่อยู่นอกวง

     "ก็ถ้าจะให้พูดเก่งต้องยกให้นั่น... สายลมผู้แปรผันของเราสิ"

    รีเลนวาน่าคนถูกแซวทำสีหน้าปั้นยากก่อนจะกลับมาสงบนิ่งยามเอ่ยเรื่องที่ทำให้บรรยากาศครึกครื้นเมื่อครู่เหมือนไม่เคยเกิด..

    "พอซักทีเถอะเซเร ลูเซีย เมโร วันนี้เป็นคืนวันเพ็ญอีกแล้วนะ... ไม่คิดบ้างหรอว่าพวกเราอาจจะได้... ทำ... หน้าที่..."

    "หน้าที่ที่ไม่เคยต้องการ!!" ยังไม่ทันที่คนเกริ่นเรื่องจะกล่าวจบท่านหญิงแห่งอดานีนก็สวนต่อทันควันด้วยนัยน์ตาแสนกร้าว...

    "ก็เพราะไม่เคยต้องการนะสิเมโรถึงเรียกว่าหน้าที่ ถ้าต้องการจริงมันคงจะกลายเป็นงานอดิเรกแสนหวานไปแล้วล่ะ" เนตรสีฟ้ากวาดมองเหตุการณ์เบื้องหน้าอย่างสงบก่อนเอ่ยปรามราบเรียบ...

    ความอาดูรถูกกดให้ต่ำลึกอยู่เพียงแค่ภายใน ไม่แสดงออกแม้ทางนัยน์ตา

    หากแต่คนเอาแต่ใจก็ยังดื้อดึง... เปล่งถ้อยวาจาที่ทำให้ห้องทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบงันอย่างสมบูรณ์

    "หนูเกลียดท่านธิดาเทพ!!"

    สายลมโปรยปรายอยู่ในความเงียบอยู่ชั่วครู่... ดุจทุกคนกำลังครุ่นคิดหนักถึงคำกล่าวนั้น แล้วในท้ายที่สุดหลังจากที่กาลพันผ่านไปอีกครู่ใหญ่ ลมหายใจของใครบางคนก็ถูกผ่อนยาว...

    "บางเรื่อง... คิดได้... แต่อย่าพูดจะดีกว่านะเมโร" ว่าพลางคนพูดก็ลุกเดินหนีจากการถูกจับแต่งตัว นัยน์เนตรสีธารามองเลยผ่านหน้าต่างออกไป... ไกล... แสนไกล

    เสียงปรามต่อมาจึงเป็นของสตรีที่เคยอารมณ์ดีอยู่เป็นนิด... อย่างท่านหญิงแห่งวาตาเซีย

    "ยังไงท่านก็เป็นนายหญิงแห่งเรา"

    ใบหน้าอ่อนเยาว์ของคนโมโหค่อย ๆ คลายลงก่อนแปรเปลี่ยนเป็น... ยิ้มเย้ย

    "หนูลืมไปว่าพวกพี่ก็เจอมา... ไม่ต่างกันในความรู้สึก..."

    "ไม่ปฏิเสธ"

     

    ใช่...

    ไม่ปฏิเสธ...

    เรือนผมสีฟ้าปลิวไสวยามเจ้าของอย่างเซเรลาเนียเบือนหน้าลงต่ำพร้อมกับความคิดที่สว่างวูบในใจ

    เธอเอง... ก็คงตอบเช่นเดียวกับลูเซีย

    น่าขำ คนทั่วไปเคยรู้อะไรบ้างไหม? นอกจากเอาแต่พร่ำบ่นว่าผู้เป็นภูตน่าอิจฉา... ทั้งรูปลักษณ์  ความสามารถ สมบัติศักดิ์ศรี หรือแม้กระทั่ง... ศักดินา

    พูด... ทั้งที่ไม่รู้ความหมายแห่งคำว่าภูตเลยซักนิด...

    ไม่เคยรู้... ว่าพวกเธอต้องมีสิ่งที่สูญเสียมากมายเท่าไร... เพื่ออำนาจที่แลกมา....

     

     

    ภูต คือผู้ที่ได้รับการคัดสรรให้เป็นทาสแห่งธรรมชาติ... หลายทศวรรษกว่าภูตชุดหนึ่งจะถือกำเนิด และอาจเป็นสหัสวรรษ กว่าเจ้าแห่งภูตทั้งมวลจะถือกำเนิด... สตรีผู้นั้นจะถูกยกย่องเทิดทูนไว้เหนือหล้า... ให้เป็นผู้บัญชาสรรพสิ่งทั้งมวลแห่งฟีลาเนเซีย...

    ท่านธิดาเทพ... ผู้รู้แจ้งทุกสรรพสิ่ง

    ยามลางร้ายย่างกลายเข้ามาเป็นสัญญาณว่าจะต้องคัดเลือกภูตชุดใหม่ ท่านเทพธิดาผู้รอบรู้จักตั้งจิตหลับใหล เลือกสรร... ผู้ที่ต้องการตั้งแต่ในครรภ์มารดา หมายปอง...ทารกผู้มีพลังเวทสูงที่สุดในแต่ละธาตุ 

    ...ยามบุคคลที่ต้องการได้ถือกำเนิดขึ้นมา มารดาของทารกเหล่านั้นรวมถึงครอบครัวและบรรพชนทั้งมวล...จักต้องถูกฆ่าตาย!!

    ...เพื่อมิให้เหล่าชาวบ้านสามัญผู้มีเพียงเศษมนตรา...เป็นตัวถ่วงต่ออนาคตอันเรืองรองของพวกนาง

    และเด็กน้อยที่ถูกพลัดพรากจากสายเลือดตั้งแต่ยังไม่รู้ความนั้น ก็จะถูกส่งไปฝึกฝนความสามารถให้แข็งแกร่งยิ่งกว่าผู้ใด!!

    ผู้ได้รับเลือกให้เป็นภูตต้องผ่านพิธีกรรมต่าง ๆ นานารวมถึง...

    การผสานเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ...ด้วยการให้ร่างอยู่ในสภาพเสมือนตาย!!

    ทาสแห่งดินถูกฝังร่างใต้ผืนพสุธา...

    ทาสแห่งน้ำมิต่างกันในสายธารา...

    ทาสแห่งลมบนภูผาเปล่าเปลี่ยวสูงชัน...

    ทาสแห่งไฟถูกแผดเผาด้วยกองเพลิง

    ถ้าผ่านมันได้ก็ถือว่ามีค่าพอจะเป็นทาส...

    ยามน้ำหนักของเทียร่ากดทับลงศีรษะ... ความสุขทั้งมวลก็พลันดับหาย... พลังเวทหลายสาขาหลากแขนงถูกฝึกฝนทั้งในราตรี ส่วนยามกลางวันนั้นมืออันบอบบางต้องจับดาบไว้ให้เป็นมั่นคงที่สุด

    ความสนุกสนานอย่างที่เด็กน้อยพึงมีเป็นไม่ได้แม้แต่ฝัน...

    เมื่อไม่มีเวลาให้แม้แต่การนิทรา... เพื่อการทดสอบแรกก่อนจะได้รับเกียรติให้เป็นภูตเต็มตัว...

    ฆ่า!!

    ... เมื่อผู้เป็นปรปักษ์มิสมควรอยู่ใต้ความคุ้มครองของเหล่าเทพผู้ทรงศักดิ์

    ต้องตัดขาดคนที่เคยพบเจอ... แลกด้วยชีวิตสหายรัก... ทิ้งความสุขส่วนตนและหัวใจ... หรือแม้แต่ความทรงจำล้ำค่า... เพียงเพื่อสิ่งจ้อยร่อยที่ทุกคนฝันใฝ่ไขว่คว้า...

    ...อำนาจ

     

    แสงสว่างวูบแยงดวงตา เรียกสติที่ดิ่งลงลึกไปในห้วงคำนึงของท่านหญิงแห่งเรเวลล่าให้กลับคืนมา นัยน์เนตรคู่สวยวูบไหวยามกวาดมองไปทั่วห้องก่อนจะหยุดลงที่ใบหน้าของสาวร่างเล็กที่สุด...

    กลางหน้าผากมนของท่านหญิงแห่งอดานีนนั้นอัญมณีรูปหยดน้ำสีเลือดกำลังปรากฏขึ้นอย่างเชื่องช้าก่อนจะดูดกลืนแสงสว่างประหลาดทั้งหมดเข้าไป...

    ร่างบางลงไปนั่งกับพื้นในท่าเทพธิดาอย่างสงบ สองมือถูกผสานกันไว้ที่หน้าอกในท่าอ้อนวอน ริมฝีปากสีสดบนใบหน้าบึ้งตึงถูกเปล่งถ้อยคำที่กล่าวอย่างส่ง ๆ ขอไปที

    แต่กระนั้น... มันกลับแฝงไปด้วยความเจ็บปวด ซึ่งลึกล้ำนัก

    "ในนามสายเลือดทาสผู้ภักดีต่อทวยเทพ ข้า... สาวกแห่งไฟ ขอรับหน้าที่ด้วยจิตอันซื่อตรง พร้อมมอบพันธะสัญญา... ทุกอย่างจักเป็นไปตามพระประสงค์"

    รับคำกล่าวทรงอำนาจ... กระดาษม้วนสีแดงสดก็ปรากฏเบื้องหน้าผู้กล่าวคำขาน

    มือบางเอื้อมมือไปคว้ามาอ่านกวาดนัยน์เนตรสีเพลิงไปทั่ว... พอถึงอักษรสุดท้ายนั้น สาส์นสีสดก็ลุกไหม้เป็นจุนกลายเป็นเพียงแค่เศษฝุ่น

    เมโรมาลีนหันร่างกลับไปคว้าบานประตูเปิดออก ก่อนเอ่ยเสียงใสขบขันเฉกเช่นทุกครั้ง

    "เห็นทีงานวัดมารยาคืนนี้หนูคงต้องขอผ่าน... บังเอิญติดธุระด่วนต้องไปทำหน้าที่เสียหน่อย"

    บานประตูถูกปิดดังปังพร้อมร่างเล็กของสหายร่วมชะตากรรมที่หายลับไป...

    ...ทำไมนะ ทำไมถึงต้องเป็นพวกเรา วาจาตัดพ้อสั่นระริกจากสาวน้อยผู้แสนอ่อนไหว ก่อนความวังเวงจะปรายโปรยลงรายล้อมให้สรรพเสียงทุกอย่างพลันเงียบหาย เซเรลาเนียเลือกที่จะยืนนิ่งงันจมอยู่เพียงในห้วงคิดเช่นเดียวกับลูเซียเรล่าที่เดินไปนั่งแล้วฟุบหน้าลงไปบนโต๊ะอย่างอ่อนแรง...

    ทิ้งไว้เพียงหนึ่งวาจาดั่งไร้ความหมายในความรู้สึกของบุคคลทั่วไป หากกับท่านหญิงแห่งสายลมแล้วไซร้... กลับแสดงถึงทุกความรู้สึกที่อัดอั้นในใจ!

    "... เทียบโลหิต... " ถ้อยคำสั่นระริกถูกตอกย้ำอีกครั้งด้วยเสียงที่สั่นพร่าหากทว่าหนักแน่นยิ่งกว่าเดิม

    ...ฆ่า!!”

     

     

    เทียบโลหิต...

    สาสน์จากท่านธิดาเทพ ที่ถูกขนานนามตามหน้าที่ของบุคคลผู้ได้รับมัน

              ดับชีวีศัตรูให้สิ้น!!

     

    ________________________________________________________________________

    20 พ.ค.08
    ตอนนี้สั้นหน่อยนะคะ
    ^^ อ่า...ใครยังอ่านอยู่ตรงนี้แสดงตัวออกมาเสนอความเห็นได้นะคะ
    ปล. เปิดเทอมแล้วล่ะค่ะ (เศร้า)

    ปล2.มีการแก้ไขตอนจบหลายส่วน...ไม่รู้ว่าน่าพอใจรึยังแหะ เฮ้อ~

     



    [1] ชื่อของดาวเคราะห์น้อย

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×