คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : ตอนที่ 4 ความต้องการที่แตกต่าง
ตอนที่ 4 ความต้องการที่แตกต่าง
ระเบียงกว้างห่างไกลจากบริเวณงานกลายเป็นแหล่งชุมนุมของฝูงชนแทนห้องโถงที่จัดงานไปเสียอย่างงั้น...ยามเมื่อมีแม่เหล็กชั้นดีสองร่างยืนนิ่งแข่งกันเป็นรูปปั้นน้ำแข็ง...
นัยน์ตาสีฟ้าของสตรีแลดูว่างเปล่า... ในขณะที่เนตรสีน้ำทะเลของฝ่ายบุรุษก็แสนเย็นชา...
ถึงกระนั้น... เสน่ห์ดึงดูดของทั้งสองร่างก็ถือว่าสอบผ่านได้คะแนนเกินเต็ม...
เห็นได้จากสายตามากมายหลายคู่ที่เจ้าของพากันมายืนริมรั้วระเบียงจับจ้องแบบไม่กลัวว่าผู้ถูกมองจะรู้ตัวนั้นเป็นสิ่งยืนยัน!!
เซเรลาเนียเหลือบมองบุรุษหน่วยกล้าตายที่เห็นยืนจ้องเธอมานานแสนนานเดินเข้ามาใกล้...ท่าทางยโสมั่นใจในตัวเองเสียเต็มประดาแลดูน่าขันสำหรับคนอารมณ์ดี... แน่นอนไม่ใช่เธอ
"ท่านหญิงคนงามกรุณาให้เกียรติเต้นรำกับหม่อมฉันซักเพลง" กล่าวด้วยเสียงทุ้มนุ่มแสนเก็กที่คิดว่ามัดใจหญิงได้ทั้งโลกพร้อมโค้งคำนับแล้วยื่นแขนให้...
ท่านหญิงแห่งเรเวลล่า ‘คนงาม’ ฉีกยิ้มรับคำกล่าว...
ยิ้มชวนเคลิ้มที่ทำให้คนรอบข้างนึกอิจฉาหนุ่มผู้ได้รับ ในขณะที่คนซึ่งรู้จักเซเรลาเนียดีพอต้องเตือนตัวเองว่าอันตราย!
"ใช่ว่าข้าไม่อยากเต้น... แต่เห็นทีท่านคงไม่พร้อมจะเต้นกับข้าเป็นแน่" คิ้วของคนฟังคำปฏิเสธประหลาดขมวดมุ่น... ไร้เดียงสาเสียจนไม่รู้ตัวว่าตนเองกำลังถูกใช้เป็นที่ระบายอารมณ์หงุดหงิดของสตรีเบื้องหน้า จนรู้สึกเย็นแปลก ๆ ที่บริเวณขาแล้วขยับไม่ได้เอาดื้อ ๆ นั่นแหละถึงจะได้รู้...
ขาสองข้างของเขาถูกน้ำแข็งแช่ขึ้นมาถึงเข่าเสียแล้ว...
รอยยิ้มเย็นปรากฏบนเรียวปากบางหากก่อนที่เซเรลาเนียจะได้ทำอะไรมากไปกว่านั้น ร่างทั้งร่างของภูตสาวก็ถูกคนข้างตัวซึ่งยืนดูเหตุการณ์มาโดยตลอดจับข้อมือกระชากวูบเดียวปลิวไปตามทางเดินพร้อมคำอธิบายสั้น ๆ ได้ใจความ...
"ไปเต้น"
ขาเรียวจึงจำต้องจ้ำพรวด ๆ ตามคนขายาว... สองข้างทางที่เดินผ่านพากันเงียบกริบก่อนเสียงซุบซิบจะไล่ตามหลังกล่าวขานถึงวีรกรรมระบายอารมณ์ของท่านหญิงแห่งเรเวลล่า
ยิ่งใกล้ห้องโถงท่วงทำนองเพลงเชื่องช้าแสนอ่อนหวานก็ยิ่งดังขึ้น... เสียงดนตรีที่ราวกับจะขับกล่อมคู่เต้นทุกคู่ให้อยู่ในภวังค์...
เสียก็แต่... ไม่ใช่สำหรับคนคู่นี้เป็นแน่!
ดาฟาเดลกระชากเอวบางของคนตรงหน้าเข้ามาแนบร่างในท่าเต้นรำ ทำเอานัยน์ตาของคนถูกถือสิทธิ์จ้องเขม็งอย่างเอาเรื่อง หากเพราะฝูงชนโดยรอบที่เริ่มต้นเคลื่อนกายสำหรับเพลงใหม่ทำให้ต้องคล้อยตามอย่างเสียไม่ได้ เซเรลาเนียก้าวเท้าตามจังหวะเต้นนำของอีกฝ่ายด้วยจังหวะที่ถูกต้องเป๊ะ ทั้งยังดูงามสง่ามีเสน่ห์อย่างผู้ถูกฝึกหนักจนเข้าเส้นเลือด ขาทั้งสองข้างจึงก้าวพริ้วได้แม้ยามอารมณ์ผู้เต้นไม่ได้อยู่ในโหมดชวนโรแมนติกเลยสักนิด!
ท่านหญิงแห่งเรเวลล่ากัดฟันกรอดกับความไร้มารยาทของคู่เต้นที่กล้าหักหน้าเธอกลางฝูงชนเมื่อครู่แล้วยังทำตัวเฉยสนิทราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น! ริมฝีปากบางเริ่มเม้มแน่นเป็นเส้นตรงพยายามข่มความโกรธเอาไว้ลึก ๆ หากในท้ายที่สุดใบหน้าไร้อารมณ์สำนึกแม้แต่น้อยของเจ้าชายแห่งฟาเซลก็ทำความอดทนขาดผึง
ส้นเข็มของรองเท้าคู่สวยถึงได้กระแทกเต็มแรงไปบนเท้าของคู่เต้นอย่างแสนประณีต!
อาการชักเท้าหนีตอบสนองเรียกรอยยิ้มหยันขึ้นมาบนหน้าก่อนเอ่ยเสียงใส...หาเรื่อง!
"หงุดหงิดอะไรล่ะ... คนขี้อิจฉา" นัยน์เนตรผู้ฟังฉายแววงุนงงหากสีหน้ายังไม่แปรเปลี่ยน
"อิจฉา?"
"หืม... ไม่รู้รึ? หรือเจ้าจะปฏิเสธว่าที่เจ้าทำร้ายลาร์สกับเรน่า... ไม่ได้มาจากความอิจฉา " มือหนาที่จับอยู่บนไหล่บางถูกบีบแน่นตามแรงอารมณ์... เฉกเช่นเดียวกับมือข้างที่จับแน่นอยู่กับมือของสาวน้อย
หากการกระทำนั้นก็ไม่ได้ทำให้ร่างบางเกิดปฏิกิริยาอะไรมากไปกว่าแย้มรอยยิ้มมากขึ้นอย่างสมใจ ก่อนอาศัยจังหวะหมุนตัวพลิ้ว...
กระแทกส้นรองเท้าลงไปที่เก่าแรงกว่าเดิม!!
"ยอมรับแล้วสิ? ทำไม? พวกเรามีอะไรให้เจ้าต้องอิจฉา" ปลายเสียงดังขึ้นราวประชดเรียกความเคร่งกร้าวขึ้นให้ปรากฏบนใบหน้าที่เคยเรียบเฉย
"หึ... ถ้าข้าบอกว่าหน้าที่ล่ะ" เสียงทุ้มเรื่อยเฉื่อยราวพูดเรื่องดินฟ้าอากาศ... หากดวงตากลับจ้องไปที่ใบหน้าของอีกฝ่ายเขม็ง!
เสียงหัวเราะแหลมอย่างเสแสร้งดังขึ้นเบา ๆ จากท่านหญิงแห่งเรเวลล่า... เนตรสีฟ้าฉายแววประหลาด... อาดูรลึกล้ำ หากก็โมโหรุนแรง...
"หน้าที่... หน้าที่... หน้าที่... เจ้าชอบหน้าที่อะไรของพวกเรารึ
?" พลันภาพสะเทือนใจที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อครู่ก็เรียกให้เสียงใสเอื้อนเอ่ยต่อ...
"
รับเทียบโลหิตหรืออย่างไรที่เจ้าชอบ?"
"ถ้าข้าตอบว่าใช่ล่ะ? ทั้งหน้าที่ ทั้งชีวิตแบบพวกเจ้า... ข้าอยากได้"
คำกล่าวที่ราวกับทำให้ก้อนสะอื้นมาจุกอยู่ที่ลำคอ... เซเรลาเนียหายใจลึกสงบอารมณ์พลุ่งพล่านของตนก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงแหบพร่าที่ไม่ได้ตั้งใจ...
"หมายความว่า... เจ้าไม่อยากมีพ่อแม่?"
" พ่อแม่บางประเภทก็ไม่สมควรมี..." คนตอบ...รับคำเรียบง่าย ผิดจากคนถามที่กลั้นใจ
"ทำไม... เจ้ามีสิ่งล้ำค่าในมือทำไมไม่ต้องการ?"
"แล้วเจ้าล่ะ... หน้าที่ที่พวกเจ้าได้รับดีเท่าไร? พวกเจ้าก็ไม่เคยเห็นค่า!!"
"ดีตรงไหน? ดีกว่าการที่ได้มีพ่อแม่อยู่เคียงข้างหรือเปล่า!"
"ดีกว่า.."
ร่างสองร่างประสานดวงตาสองคู่ให้สบกันเนิ่นนาน... มือที่สัมผัสร่างของอีกฝ่ายถูกบีบให้แนบแน่น
บรรยากาศรอบกายเริ่มเย็นเยียบจากอารมณ์รุนแรงของฝ่ายสตรี ในขณะที่อากาศรอบกายที่เคยมีก็พลันหายจากความโกรธของฝ่ายบุรุษ
ความต้องการเป็นสิ่งที่ยากจะเข้าใจ ทุกอย่างล้วนอยู่ที่ความรู้สึก
หากโลภก็ต้องการ... คิดว่าตนเองเป็นบุคคลที่เศร้าเสียที่สุดในโลก...
ใครเล่าจะเข้าใจอีกฝ่าย... หากไม่มีชะตาเดียวกัน ต่างฝ่ายนั้นต่างปิดบัง ต่างฝ่ายต่างยึดติดในตัวเอง...
มนุษย์แตกต่างจากสิ่งอื่นใดเนื่องด้วยมีความรู้สึก... มีความรู้... มีอารมณ์...
แต่สักวันหนึ่ง... ความเก่งกล้าพวกนั้นจะกลับกลายมาเป็นหอกทิ่มแทงตัวเอง...
ความรู้สึกก่อเกิดความชิงชัง... ความรู้ก่อเกิดความเจ้าเล่ห์หลอกหลวง...
แล้วอารมณ์รักอารมณ์เกลียดมีเขตแดนที่ตรงไหน? สิ่งใดแบ่งคั่นความดีความเลว?
มนุษย์... หนอมนุษย์...
หลงคิดว่าตนเลิศเลอ... ทั้งที่ไม่มีอะไร... สักนิดเดียว
"เจ้าเป็นคนบอกข้าเองมิใช่หรือ...ว่าคนเราต่างจิตย่อมต่างใจ..." บรรยากาศอึดอัดพลันจางหายยามรอยเย็นชาบนหน้าคมคายถูกแทนที่ด้วยรอยยิ้มจาง
"ก่อนจะมาชวนทะเลาะด่าข้าฉอด ๆ ... เจ้าควรจะขอบคุณข้าก่อนเถอะ"
อากาศรอบกายค่อย ๆ อุ่นขึ้นช้า ๆ จนกลายเป็นปกติ... คิ้วบนเนตรสีฟ้าเลิกขึ้นอย่างวางฟอร์มแสร้งไม่รู้...
"จะให้ขอบคุณก็ต้องมีเหตุ... เจ้าทำอะไรให้ข้าล่ะ?"
"อย่าคิดว่าเจ้ามองข้าออกเพียงคนเดียว"
ไม่เลว
ชื่อของเจ้าชายแห่งฟาเซลดูจะไม่ใช่แค่ข่าวโคมลอย
จริงอย่างที่ดาร์ฟว่า... ที่เธอใช้เวทกับหมอนั้นไม่ใช่แค่การระบายอารมณ์
มันเป็นการขู่...
เพราะหากมีคนมาจ้องเธอเอามาก ๆ ... ทำซะเหมือนเป็นตัวประหลาด แล้วเธอเกิด 'ระเบิด' ขึ้นมาละก็...
คิดแล้วเรียวปากบางก็กระตุกรอยยิ้มร้าย
ภูตเช่นเธอทำอะไรก็ไม่ผิด...
หากเมื่อกี้ดาร์ฟไม่ลากเธอออกมา... พวกนั้น... ก็คง... ตาย
"ขอบใจ... พอใจรึยัง" เสียงใสที่กล่าวเรียกรอยระยับบนเนตรสีน้ำทะเลอย่างชอบใจ ก่อนดาฟาเดลจะกระตุกมือขวาที่โอบเอวสตรีเบื้องหน้าในท่าเต้น... ให้ร่างบางเข้ามาแนบชิดกายก่อนฉกฉวยความหอมที่ข้างแก้มจากเซเรลาเนีย...
ทิ้งสาวน้อยให้ตาเบิกกว้าง เอามือจับแก้มช็อคค้างกับรอยสัมผัสที่ยังอุ่นอยู่...
พร้อมทั้งสำทับด้วยเสียงทุ้มกลั้วหัวเราะ...
"เอาคืนที่เจ้าเหยียบเท้าข้า!"
ราวกับคำพูดนั้นได้เตือนสติท่านหญิงแห่งเรเวลล่า... ร่างบางจึงรีบหันขวับ... ก่อนยื่นขาไปขวางการก้าวเดินอย่างสูงศักดิ์ของบุรุษผมสีรัตติกาล... ให้'สะดุดไม่เป็นท่า'
ดวงหน้างามที่ถูกสูบฉีดไปด้วยเลือดจนขึ้นสีเอ่ยเสียงใสที่ติดจะสั่น... ช้า... ชัด!
"สำหรับเจ้าควรจะโดนเหยียบจนจมดิน!!"
ห่างออกไปอีกฝากฝั่งหนึ่งของห้องโถง นัยน์เนตรสีมรกตสองคู่กำลังจับจ้องภาพนั้น... หากแต่ต่างความรู้สึก
สตรีเจ้าของเรือนผมสีพฤกษาฉวยแก้วบรรจุของเหลวสีสดมาจากถาดพลางเหลือบมองไปทางคนข้างกายที่ดูจะไม่ได้สนใจบรรยากาศอันงดงามตระการตาของสถานที่นี้เลยสักนิด...
แต่จะว่าก็ไม่ได้...เพราะเธอเองก็ไม่ได้ใส่ใจเช่นกัน
คิดพลางก็ลอบสำรวจผู้วิเศษแห่งเซดาลีน...
สายตาของบุรุษเรือนผมสีน้ำตาลอ่อนเอาแต่เหม่อมองตามร่างของท่านหญิงแห่งเรเวลล่าที่กระแทกส้นอย่างแสนขัดใจออกไปจากห้องโถงจนลับสายตา
เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายคงไม่ชวนเธอคุยแน่ ๆ เสียงใสจึงเป็นฝ่ายเปิดบทสนทนา... ด้วยคำถามที่เธอแสนสงสัย
"ก็ถ้าเจ้ามองถึงขนาดนั้น... ทำไมตอนเซเรชวนเจ้า... ถึงมาชวนข้า?" ดวงเนตรของผู้ถามจ้องลึกลงไปในดวงตาของผู้ที่จะต้องตอบ
หากไม่ได้อะไรมากไปกว่ารอยยิ้มน้อย ๆ
"
เจ้าชวนข้าทำไมกันแน่? อย่าบอกนะว่าสงสาร" คนถูกถามหยิบเครื่องดื่มสีสดขึ้นจิบช้า ๆ ราวกับจะเฉไฉไปเรื่องอื่น ดวงเนตรสีมรกตทอดมองไปไกลก่อนหันมาสบตาคนถามและเอ่ยเสียงทุ้มพร้อมรอยยิ้มอย่างเคย...
"ก็แล้วถ้าข้าบอกว่าใช่ล่ะ?" ร่างบางไหวไหล่น้อย ๆ รับคำก่อนเอ่ยต่อเรื่อยราวกับรู้อยู่แล้วว่าอีกฝ่ายต้องตอบเช่นนี้
"ข้าก็จะบอกว่าไม่เชื่อ" รอยวูบไหวปรากฏบนดวงตาของลาซาลัส รอยยิ้มที่เคยมีเป็นนิจจางหาย... ก่อนเสียงทุ้มจะเคร่งขึ้น
"เจ้าฉลาด..." คำชมที่คนฟังไม่ได้ยินดีไปด้วยอย่างที่ควร แต่กระนั้นผู้พูดก็ยังกล่าวต่อไป
"มันเป็นโชคชะตา ข้าคงบอกได้แค่นี้... ไปเต้นกันดีกว่า" ว่าพลางแก้วที่เคยอยู่บนมือของสองบุคคลก็หายไปกองอยู่บนโต๊ะด้านหลัง
ลาซาลัสโค้งอย่างเป็นการเป็นงานให้รีเลนวาน่า... ใบหน้าคมคายประดับรอยยิ้มอย่างเก่า เรียกเสียงถอนหายใจเบา ๆ จากร่างบางก่อนส่งมือเล็กไปให้อีกฝ่ายกุมขณะก้าวเข้าฟลอร์เต้นรำ...
แม้สาวน้อยจะไม่วายสะดุดเท้าตัวเองส่งท้าย... ด้วยนิสัยซุ่มซ่ามส่วนตัว
"เมโรไม่ว่างส่วนลูเซียก็มีคนชวนไปงานแล้ว เหลือแค่พวกเราสี่คนจะเอายังไง... ถ้าไปด้วยกันก็คงสะดวกใจกว่า... ใช่ไหม?" ท่านหญิงแห่งวาตาเซียว่าพลางเหลือบมองอีกสามบุคคลในห้อง...
เซเร... ดาร์ฟ และลาร์ส
เมื่อสามบุคคลที่เหลือเป็นจอมนิ่งที่เพียงแต่พยักหน้ารับคำด้วยกันทั้งนั้น คนเปิดปากพูดจึงจัดแจงหันไปถามเจ้าชายแห่งฟาเซล... ที่เธอออกจะสนใจอยู่ไม่น้อย
"ไปด้วยกันไหม... ดาร์ฟ" ถามด้วยรอยยิ้มหากคำตอบที่ได้รับทำเอาพูดไม่ออก
"ข้าไม่ชอบพวกน่ารำคาญ" ไม่ว่าเปล่าใบหน้าคมคายยังปรากฏรอยยิ้มเหยียดก่อนจางหายยามหันไปส่งสายตาเป็นเชิงถามไปยังสตรีที่นั่งข้าง ๆ
หากเซเรลาเนียกลับหันไปถามยังผู้วิเศษแห่งเซดาลีน
"ว่าไงลาร์ส"
นัยน์เนตรสีมรกตทอประกายประหลาดจับจ้องไปที่สตรีผู้ถามก่อนมองเลยไปด้านหลังแล้วแย้มรอยยิ้มพลางหันไปทางสตรีคนเดียวที่ยืนอยู่ในห้อง...
"เรน่า... เจ้าไปกับข้าก็ได้"
"เซเรลาเนีย!"
ร่างบางที่กำลังจ้ำพรวด ๆ จำต้องชะงักฝีเท้าหันกลับไปมองผู้ที่อาจหาญมาขัดจังหวะเธอ เนตรคู่สวยเหลือบมองอีกฝ่ายตั้งแต่เส้นผมจรดปลายเท้าราวประเมิน...
บุรุษผมสีบลอนด์นัยน์ตาสีรัตติกาลซึ่งดูระแวดระวังเสมอรับกับแว่นกรอบดำและมาดสุขุมเป็นอย่างดี
มองปราดเดียวก็รู้... หมอนี่ไม่ธรรมดา
คิดแล้วคิ้วบนใบหน้างามก็เลิกขึ้นเป็นเชิงถาม...
"ได้ข่าวว่าเมื่อวานเจ้า... ป่วย..." เสียงทุ้มของร่างสูงเงียบไปแทนที่ด้วยสายตาที่มองมาราวดูถูกเพียงชั่วครู่
ชั่วครู่... หากมิอาจรอดพ้นจากสายตาของเซเรลาเนียให้สตรีสาวได้แต่เก็บงำ หากคนถูกสงสัยกลับแย้มรอยยิ้มน้อย ๆ อย่างมารยาทดีแล้วกล่าวต่อ
"... ท่านเวอร์เนสอยากคุยกับเจ้า เลยให้ข้ามาตาม" ว่าพลางก็หมุนตัวกลับไปตามทางเดิมแล้วเริ่มเดินนำพร้อมสำทับ
"ตามมา!"
ทางเดินเงียบสงบปราศจากผู้คนจนได้ยินเสียงฝีเท้าชัด เนื่องจากห้องของท่านศาสตราจารย์ใหญ่แห่งพามาเนทนั้นอยู่บนยอดหอคอยที่ห่างไกลจากห้องโถงที่จัดงาน
คบเพลิงตามกำแพงช่วยเพิ่มความสว่างให้ยามราตรี ขณะที่เปลวเพลิงที่พลิ้วไหวช่วยเพิ่มความสงสัยให้ท่านหญิงแห่งเรเวลล่า...
"พี่เป็นประธานนักเรียนใช่ไหมคะ" ร่างคนถูกถามชะงักไปนิดก่อนกลับเป็นปกติ
"ใช่.. .รู้ได้ไงล่ะ” น้ำเสียงถูกกดให้ต่ำราบเรียบเหมือนพูดเรื่อย ๆ หากเซเรลาเนียที่ถูกปลูกฝังความสามารถในการจับความรู้สึกแล้ว... รับรู้ถึงความประหลาดใจปนระแวงของร่างเบื้องหน้าได้เป็นอย่างดี
"ไอเวทไงคะ"
"ไอเวท?"
"ไอเวทที่ออกมาจากตัวพี่จางมาก... แต่หากให้ดูความสามารถจากฝีเท้าที่แผ่วเบาอย่างระวังตัวและการที่พี่ตามความเร็วของภูติทันนั้น... แปลว่าพี่ปิดไอเวทของตัวเองไว้ หากไอเวทนั้นก็ยังจางเกินกว่าที่จะเกิดจากการร่ายบทผนึกเวทโดยตรง คิดได้อย่างเดียวคือแว่นตาที่พี่สวมใส่ถูกร่ายเวทผนึกมนตราไว้...
ซึ่งในพามาเนทผู้ที่จักทำเช่นนี้คงจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากท่านประธานนักเรียนเจ้าของนามเรียกขาน... ลูซิเฟอร์"
คนมีชื่อเสียงขยับรอยยิ้มประหลาด... ทั้งลึกลับและทรงเสน่ห์
แม้ว่าดวงตาคู่นั้น... จะไม่ยิ้มไปด้วยเลยก็ตาม
"ชื่อของพี่คือมิคาเอล... เทวดาผู้ทรงสิทธิ์ มิใช่เทพบุตรในคราบซาตานเฉกเช่น... ลูซิเฟอร์"
"ถ้าเช่นนั้นหม่อมฉันคงต้องขออภัย..." เสียงใสแสร้งลดตัวเองให้ด้อยลง... นัยน์เนตรสีฟ้าพราวระริกยามเมื่ออีกฝ่ายตอบคำถามได้เข้าทาง...
"... หากทั้งลูซิเฟอร์และมิคาเอลก็ล้วนเป็นผู้เก่งกล้า... พี่... เจ้าของนามทั้งสองก็คงแข็งแกร่งไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน"
"เจ้าอยากถามอะไร"คนถูกลองภูมิเริ่มชักรู้ตัวว่าไม่น่าหลงเชื่อท่าทางใสซื่อของสตรีข้างกาย
"ก็แค่คิดว่าทางเดินนี่ช่างเงียบจนได้ยินเสียงฝีเท้าเท่านั้นเองค่ะ..."
คนฟังประโยคที่เหมือนแค่บอกเล่าธรรมดาหัวเราะเบา ๆ นัยน์ตาสีนิลฉายแววระริกรู้เท่าทันก่อนเอ่ยตัดบทเรียบง่าย
"นี่ก็เริ่มดึกแล้วคนในงานออกมาเที่ยวเล่นบ้างก็คงไม่แปลก... หรือเจ้าคิดว่าไม่ใช่?" ท้ายเสียงแสร้งทำเป็นขมวดคิ้วสงสัยให้คนคิดว่าไม่ใช่ขยับยิ้มสุภาพรับคำ
"แล้วใครจะกล้าเห็นต่างจากพี่ละคะ"
ความเงียบกลับเข้ามาปกคลุมอีกครายามร่างสองร่างที่ก้าวเดินจมอยู่ในห้วงคำนึง บันไดหอคอยที่ถึงแม้จะเก่าไปหน่อยแต่ก็ทำจากหินชั้นดีถูกย่างก้าวขึ้นไปอย่างต่อเนื่อง จนเสียงฝีเท้าเงียบกริบก็เมื่อร่างทั้งสองถึงจุดหมาย...
ประตูโค้งสีทองอร่ามบานใหญ่ตัดกับพนังสีพื้นดำปรากฏอยู่เบื้องหน้า ลายวิจิตรมากมายถูกสลักลงไปบนบานประตูเปล่งแสงเรืองรองหากแต่เมื่อเพ่งมองจะพบว่าเป็นอักขระแห่งมนตราโบราณ
อานุภาพร้ายกาจ... รุนแรง!!
"ผมพาเซเรลาเนียมาส่งครับ" ผู้พูดกล่าวพลางโค้งต่ำ ให้บานประตูอย่างเคารพเหลือแสน ทำเอาผู้ลอบมองต้องกลั้นยิ้ม กับมาดมากที่ทำเหมือนคนข้างในจะเห็นเสียเต็มประดา
"เข้ามาสิ"
สิ้นคำกล่าวรับจากเสียงเล็ก ๆ ด้านใน อักขระโบราณก็กระพริบวาบ ก่อนจางหาย อีกทั้งกลิ่นไอเวทมากมายที่เคยโชยออกมาชวนแสบจมูกก็พลันหายราวกับไม่เคยเกิดบ่งบอกได้อย่างดีว่าหากคนข้างในไม่ยินดีเปิดประตูต้อนรับแขกละก็...แม้แต่ร่างเนื้อก็คงไม่เหลือ!! แล้วประตูที่ทั้งใหญ่และหนาเกินกว่าที่จะขยับออกได้ด้วยแรงผลักก็ถูกเปิดออกด้วยฤทธิ์แห่งผู้เรืองเวทด้านใน... หรือเอาเข้าจริงก็คือเด็กน้อยแสนธรรมดา
ผู้ที่มีอำนาจที่สุดในพามาเนทกำลังนั่งดื่มด่ำในรสชาติของช็อกโกแลตชิ้นโตพร้อมขนมเคลือบน้ำตาลหลายหลากชนิด ยังไม่นับรวมอมยิ้มที่ถูกอมไว้ในปากและโกโก้ร้อนในแก้วลายการ์ตูนสุดฮิตข้าง ๆ ... เรียกสีหน้าพิลึกประหลาดจากผู้มาเยือนทั้งสองได้เป็นอย่างดี...
ซาตานในคราบเทพบุตรส่งสายตาพยักพเยิดเป็นเชิงให้ท่านหญิงแห่งเรเวลล่าเดินเข้าไปด้านในก่อนตัวเองจะชิงโค้งคำนับแล้วจรลีจากไปโดยเร็ว...
ทิ้งสาวน้อยเซเรลาเนียให้ยืนทำหน้าบอกไม่ถูกอยู่อย่างนั้น...
"อ่าว... เซเร ทำไมไปยืนตรงนั้น มานั่งกินด้วยกันสิ"
คนถูกชวนก็ยังคงเป็นคนมารยาทดีตอบรับคำแล้วเดินเข้าไปโดยง่าย เนตรสีธาราเหลือบมองสภาพโดยรวมของห้องนี้ก่อนจะพบว่ามันถูกตกแต่งด้วยโทนสีทองที่... ไม่เข้ากลับเจ้าของห้องเลยแม้แต่น้อยนิด!
เก้าอี้ตรงข้ามกับผู้เพลิดเพลินในอาหารถูกเลื่อนออกก่อนร่างของท่านหญิงแห่งเรเวลล่าจะนั่งลงไป นัยน์เนตรที่เคยมองไปรอบ ๆ ถูกใช้จับจ้องคนเบื้องหน้าให้หันมาสนใจคนที่ตัวเองเรียกมาพบเสียที!
โกโก้ร้อนถูกละเลียดจิบอย่างแสนช้าราวกับจะแกล้งคนที่นั่งรอให้ยิ่งหงุดหงิดเล่น ก่อนท้ายที่สุดหลังจากเวลาผ่านไปอีกครู่ใหญ่และภูตสาวเตรียมตัวจะกล่าวคำอำลา ร่างเล็กของเจ้าของห้องก็แสร้งหันมามองผู้มาเยือนพร้อมอาการสะดุ้งราวกับเพิ่งนึกขึ้นได้!
"อ๊า... ที่ผมเรียกมาพบเพราะเมื่อวานเซเรไม่ได้มาเข้าประชุม เรามีเอกสารเป็นกฎระเบียบต่าง ๆ ของโรงเรียนแจกให้สำหรับเด็กเข้าใหม่..."
ว่าพลางเจ้าตัวก็ยอมละมือจากอาหารนานาชนิดลงไปรื้อค้นกองเอกสารใต้โต๊ะอย่างเอาเป็นเอาตาย ในขณะที่คนฟังทำหน้าพิลึกอย่างถึงที่สุด!
กับโดนคนตัวเท่านี้เรียกว่า... เด็ก!
แม้จะพอรู้ว่าร่างเบื้องหน้าอาจเป็นเพียงมายาแต่ก็... รู้สึกเหมือนโดนดูหมิ่นอยู่ดีสิน่า!
เสียงกุกกักดังขึ้นอีกสักพักก่อนร่างเล็กของเวอร์เนสจะโผล่ขึ้นมาจากใต้โต๊ะพร้อมแย้มรอยยิ้มกว้างที่รับกับใบหน้าจิ้มลิ้ม แล้วสารภาพง่าย...
"...แต่หาไม่เจอ งั้นเดี๋ยวผมจะอธิบายคร่าว ๆ ให้ฟังนะครับ... เซเรคงรู้แล้วใช่ไหมถึงเหตุผลที่ภูตต้องเข้ามาเรียนที่พามาเนท..."
"เพราะพวกเรายังขาดบางสิ่งที่ควรมีไปค่ะ"
"... ใช่ การจะเป็นผู้ปกครองเจ้าต้องรู้จักผู้ใต้ปกครองก่อน โลกของพวกเจ้าช่างแคบนัก... กี่ครั้งที่เจ้าได้ออกนอกเขตวัง? สังคม คือสิ่งที่พวกเจ้าขาดไป ต้องทำยังไงถึงจะเป็นที่เคารพแต่ไม่ถึงขั้นหวาดกลัว?
เปิดประสาทสัมผัสให้กว้างและรับรู้ในสิ่งที่เป็น ...พามาเนทจะสอนสิ่งนี้ให้เจ้าเอง
สำหรับเรื่องกฎระเบียบของที่นี่มีสำคัญไม่กี่ข้อ การเข้าเรียนเราไม่ห้ามการโดดแต่สิ่งที่จะต้องจำไว้มีเพียงหากมีการสอบต้องผ่าน หากมีการส่งงานต้องส่ง... แค่นั้น อีกข้อนึง... พามาเนทถือว่าการทะเลาะกันเป็นเรื่องธรรมชาติ...เพราะฉะนั้นเวทีกลางของเรามีไว้สำหรับให้นักเรียนถ้าประลองกันได้...แค่อย่าให้ถึงตาย คนอื่น ๆ จะได้เรียนรู้จากพวกเจ้าด้วย... เอาล่ะ... มีคำถามอะไรไหมครับ"
การสนทนาเป็นไปอย่างเรียบง่ายอีกสักพักก่อนที่เซเรลาเนียจะได้รับอนุญาตให้กลับไปพักผ่อน หากร่างบางซึ่งเบื่อเต็มทนกลับต้องชะงักหยุดอยู่ที่หน้าประตูแห่งเวทราวต้องมนตรา... เมื่อผู้ยิ่งใหญ่แห่งพามาเนทเอ่ยประโยคหนึ่งขึ้นมาลอย ๆ
"เห็นเจ้าแล้วคิดถึงแม่ของเจ้านะ" ดวงหน้าของเด็กน้อยแย้มรอยยิ้มละไมอย่างเคยแม้ในแววตาสีอเมทิสต์จะฉายรอยระริกที่ยากจะคาดเดา ดวงหน้างามของผู้ฟังฉายความตะลึงไว้เต็มเปี่ยมหลุดหน้ากากที่เคยมีมาหมดสิ้นเมื่อสิ่งที่ได้ยินเป็นดั่งความหวัง... ที่แสนเลือนราง
"ท่านรู้จักท่านแม่ของข้า?" เสียงใสที่หลุดออกไปราวกับเพ้อหากถูกตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่ติดจะเจ้าเล่ห์
"เจ้าอยากรู้เหรอ?" เรียวปากบางเม้มแน่นเข้าหากันอย่างลืมตัว ก่อนสติในส่วนลึกจะสั่งให้ตัดใจ...จากความอ่อนแอ!
"ต้องขออภัยที่รบกวนท่านศาสตราจารย์เสียดึก..." กล่าวจบร่างบางก็ก้าวผ่านบานประตูที่อีกฝ่ายเปิดให้ออกไปอย่างรวดเร็ว
ในความเงียบงันหลังเสียงประตูปิด... เด็กชายตัวน้อยกำลังแย้มรอยยิ้มบาง...
"นายของเจ้าก็ไม่เลวหนิ... อิซ"
ขาเรียวสองข้างนำพาร่างระหงก้าวเดินไปช้า ๆ อย่างเหม่อลอย เสียงหัวใจของเธอยังคงเต้นแรงบ่งบอกได้อย่างดีว่ามันไม่ได้ด้านชาอย่างที่เธออยากให้เป็น...
เธอยังคงหวัง... หากความหวังครั้งนี้จะทำให้เธออ่อนแอลงหรือเปล่า?
ความอาดูรคลออยู่ในนัยน์เนตร...เพิ่มประกายระยับให้ยิ่งดูงดงามชวนลุ่มหลง ก่อนเปลือกตาบางจะถูกปิดลงช้า ๆ ให้หยาดน้ำแห่งความเศร้าจางหาย...
ไหลริน..ลึกลงไปในใจ
และเมื่อเปลือกตาบางเปิดออกอีกครา...เนตรสีธาราก็ฉายรอยกร้าว!
"นั่นใคร!!"
เสียงฝีเท้าก้าวเดินแผ่วเบาสะท้อนก้องไปมาในทางเดินที่ทั้งมืดและแสนเงียบงัน อารมณ์ที่คิดจะเล่นด้วยอย่างตอนขามาของท่านหญิงแห่งเรเวลล่าพลันหดหายกลายเป็นความหงุดหงิดเข้ามาแทนที่...
"ออกมาให้หมดทั้งสี่คนนั่นแหละ!!"
ร่างสูงร่างหนึ่งก้าวออกมาจากเงามืดตอบรับถ้อยวาจาแห่งภูตสาว ก่อนร่างนั้นจะแย้มรอยยิ้มสุภาพอย่างที่เคย...
"ลาซาลัส... นายอีกแล้วสินะ" คนถูกทักแย้มรอยยิ้มกว้างขึ้นไปอีกแล้วสาวเท้าให้เข้ามาใกล้เซเรลาเนียมากขึ้น
"เจ้าคิดจะทดสอบลูซิเฟอร์แห่งพามาเนทเชียว... แต่น่าเสียดายที่พี่เค้ารู้ทัน" ยามผู้วิเศษแห่งเซดาลีนสาวเท้าเข้ามาใกล้เปลวไฟจากคบเพลิงที่วูบไหว ความสว่างก็เผยรอยประหลาดที่เด่นชัดบนแก้มของผู้พูดเรียกอาการเลิกคิ้วและรอยยิ้มพรายจากคนอารมณ์เสีย...
"โดนเรน่าเอามือวางบนแก้มมา?" คนถูกทักรีบเอามือตัวเองวางแหมะลงบนแก้มปิดบังรอยแดงห้านิ้ว
"ไปทำอะไรให้สาวน้อยใจดีโกรธเอาล่ะ?" คนฟังชักสีหน้าหงุดหงิดขึ้นมาบ้างก่อนอ้อมแอ้มตอบเสียงแผ่ว... มืออีกข้างถูกยกขึ้นมาเกาแก้มแก้เขิน
"ข้าหวังดี!... ก็ยัยซุ่มซ่ามนั่นจะล้ม... ข้าก็เลยเข้าไปช่วยประคอง..." ท้ายเสียงเงียบไปเมื่อคนพูดชักกระดากจนคนฟังต้องรีบส่งสายตาเร่ง
"
แล้วมือมันก็เลยวางพลาดไปหน่อย" เนตรสีมรกตไล่สายตาไปยังเรือนร่างของสตรีเบื้องหน้าอย่างบ่งบอกว่า 'พลาด' ไปโดนส่วนไหน...
บทสรุปที่ทำให้เซเรหลุดหัวเราะคิกแล้วแสร้งถามต่อ
"ข้ารักษาให้เอาไหม?" คนฟังส่ายหน้าเอาเป็นเอาตายก่อนเอ่ยเสียงขรึม
"อย่าแกล้งหน่อยเลย... เจ้าก็รู้แค่นี้ข้ารักษาเองได้... แต่นางดันบอกว่าถ้าพรุ่งนี้เช้านางไม่เห็นรอย... จะไม่พูดกับข้าอีก" รอยยิ้มเย็นปรากฏบนหน้าของท่านหญิงแห่งเรเวลล่าก่อนเสนอทางแก้ง่ายเสียงใส
"พรุ่งนี้ข้าตบให้เจ้าอีกทีก็ได้นะ" แล้วคำตอบก็มีเพียงนัยน์เนตรสีมรกตที่จ้องมองกลับอย่างคาดโทษ!
ไกลออกไปไม่ห่างนักจากระเบียงทางเดินที่ร่างสองร่างยืนคุยกัน...
ประตูบานหนึ่งถูกปิดลงอย่างเงียบเชียบเรียบร้อย... แสงจันทร์เพียงน้อยนิดประกอบกับแสงดวงดาวสาดส่องเข้ามาภายในห้องปิดตายผ่านทางหน้าต่างที่มีฝุ่นเกาะทึบ...
"เจ้าตามข้ามาทำไม" เสียงติดจะห้วนเย็นชาดังขึ้นจากบุรุษร่างสูง ชายเสื้อคลุมสีดำสะบัดพรึบยามร่างนั้นหันเข้ามาประจันหน้ากับอีกหนึ่งสตรีร่างเล็ก
"ข้ามาตามหน้าที่... อายุข้าถึงเกณฑ์ที่ต้องมาพามาเนทข้าก็เลยมา" ว่าพลางคนพูดก็แสร้งยักคิ้วยียวนก่อนจะเอ่ยแก้คำพูดใหม่เมื่อสีหน้าของอีกฝ่ายเริ่มดุดัน...
"ข้าเคยบอกท่านแล้ว... ความปรารถนาแห่งท่านคือความปรารถนาแห่งข้า" คำตอบเรียกรอยเย็นชามากกว่าเก่าบนดวงหน้าของบุรุษก่อนเอ่ยเสียงทุ้ม..ช้า..ชัด!
"ความปรารถนาแห่งข้า... ข้าก็มีวิธีของข้าที่จะจัดการ... ไม่จำเป็นต้องได้รับความช่วยเหลือจากใคร..."เงียบไปนิดเพื่อปรายตามองอีกฝ่ายอย่างดูแคลน "...โดยเฉพาะเด็กน้อยเช่นเจ้า!"
"ข้าทำได้ดีกว่าที่ท่านคิดมากมายนัก... ถ้าไม่เชื่อจะถามดูจากน้องชายของท่านก็ได้" สิ้นเสียงใส เนตรของผู้พูดก็หันขวับไปด้านหลังพร้อมกับการที่ประตูบานเก่าถูกเปิดออกอีกครั้งก่อนร่างของบุรุษอีกคนจะเดินเข้ามากลางวงสนทนาก่อนปรายเนตรสีรัตติกาลไปทางสตรีหนึ่งเดียวในห้อง...
"ไม่คิดว่าจะเจอเจ้าที่นี่" เมื่อคนฟังเพียงแต่ขยับรอยยิ้มประหลาดรับคำ บุรุษที่เข้ามาใหม่จึงหันไปคุยกับผู้มีศักดิ์เป็นพี่ชาย...
"นางจะทำได้ดี...หากนางมีความซื่อตรงต่อเรา" ดวงหน้างามของสตรีแย้มรอยยิ้มพรายชัดก่อนเอ่ยเสียงหวาน...
"ชีวิตข้าเป็นของท่านพี่ของท่าน... ร่างกายข้าก็เป็นดั่งตุ๊กตาให้พวกท่านชักจูงได้ตามสบาย...เพราะจิตใจของข้านั้นภักดีต่อบุรุษเพียงหนึ่งเดียว"
"คำสัตย์สาบานของทาสแห่งสายเลือดน่าฟังกว่าวาจาที่บิดพลิ้วได้โดยง่ายของอิสตรี " คำกล่าวจากผู้เป็นน้องชายนั้นเย็นชา เนตรสีรัตติกาลก็ปรายมองมาที่สตรีสาวอย่างหยามเหยียด เรียกให้ร่างเล็กผู้ถูกปรามาสทรุดตัวลงไปนั่งเตรียมกล่าวคำสาบานตามความต้องการของผู้เข้ามาใหม่!
หากแต่ก่อนที่จะได้เอื้อนเอ่ยอะไรออกมาบุรุษร่างสูงผู้เงียบไปนานก็ยกมือขึ้นมาเป็นเชิงห้าม...
"ข้าจักเชื่อเจ้า" ความสมใจฉายชัดบนดวงหน้าของสตรีก่อนนางจะเอ่ยรับคำกล่าว
"โปรดเชื่อข้า... ว่าข้าสามารถทำทุกอย่างได้เพื่อท่าน... นั่นรวมถึงการทรยศต่อหน้าที่!"
ฟ้าผ่าเปรี้ยงลงมาดังกึกก้องแม้ไร้ซึ่งเมฆฝน... ราวกับจะรับรู้ถึงความตั้งมั่นอันแน่วแน่ของอิสตรี!!
มนุษย์หนอมนุษย์... ยังคงต้องการ... ไม่รู้จักพอ...
__________________________________________
มีแต่คนบอกว่าอ่านไม่ทัน...
อ่า...ควรจะอัพให้ช้าลงใช่ไหมคะ หุหุ
ความคิดเห็น