ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    สยองขวัญในมหาวิทยาลัย

    ลำดับตอนที่ #3 : มหาวิทยาลัยต่างจังหวัด ( พี่ผู้ชาย )

    • อัปเดตล่าสุด 11 เม.ย. 52


    ก่อนอื่นต้องย้อนเวลากลับไปเมื่อราวสิบปีก่อน และขอเท้าความเพื่อให้เกิดจินตนาการร่วมกันครับ ผมจะไม่เอ่ยชื่อของมหาวิทยาลัยที่ผมเคยศึกษาอยู่ เนื่องจากผมไม่ทราบได้ว่า ทางมหาวิทยาลัย และบุคคลที่ยังศึกษาอยู่จะยินดียินร้ายหรือไม่ เอาเป็นว่าเป็นมหาวิทยาลัยในต่างจังหวัด ที่มีส่วนหนึ่งของจังหวัดเป็นเขตปริมณฑลนะครับ ที่นี่ได้ชื่อว่าเป็นพื้นที่เก่าเนื่องจากเป็นรั้วเป็นวังมาก่อน เนื่องจากเป็นมหาวิทยาลัยภูธร จึงต้องมีหอพักไว้ในมหาวิทยาลัย เพื่อให้นักศึกษาที่มาจากต่างจังหวัด (ในที่นี้ กรุงเทพก็ถือเป็นต่างจังหวัดครับ) ได้พักอาศัยเพื่อความสะดวก เนื่องจาก พ.ศ. นั้น บ้านพัก และหอพักภายในจังหวัด มีนับหลังได้เลย ทั้งที่มีหอพักตั้ง 7 - 8 หอแล้ว ก็ยังไม่ค่อยพอกับจำนวนนักศึกษาอยู่ดี หอพักชายหญิง แบ่งโซนไว้ชัดเจน และอยู่ห่างกันพอเดินหอบ ภายในมหาวิทยาลัยมีต้นไม้ร่มครึ้ม (ใน พ.ศ. ที่ผมศึกษาอยู่ บัดนี้ทราบว่าหลายต่อหลายส่วนถูกปรับสภาพทำอาคารเรียนไปเกือบหมดแล้ว) กลางมหาวิทยาลัยมีสระน้ำใหญ่ นอกจากนี้แล้ว ยังมีสระเล็กสระน้อย อีกหลายสิบสระ ซึ่งทุกสระน้ำจะถึงกันหมด โดยสระใหญ่นี้จะไหลออกไปรวมกับคลองภายนอก ผ่านตลาด โบราณสถาน เรือกสวนไร่นา จนกระทั่งไหลออกสู่แม่น้ำ....

    พอนึกภาพกันออกหรือยังครับ..............

    ถ้านึกออกแล้ว จะขอเริ่มเรื่องเลยนะครับ

    หลังจากสอบปลายภาคตอนปีที่ 1 เสร็จ บางวิชา เกรดยังไม่ทันออกด้วยซ้ำ พวกผมก็ลงทะเบียนเรียนภาคฤดูร้อนกันต่อ ที่ผมลงเรียนไม่ใช่ว่าขยัน หรือว่าอยากเรียนให้จบแต่อย่างใด แต่เพื่อนๆ ส่วนมากในเอกลงเรียนกันเกือบทุกคน (ราว 29 คน) อีกทั้งในช่วงนั้น ผมแอบชอบสาวในเอกเดียวกันอยู่คนหนึ่ง (บัดนี้ลูก 2 แล้ว - ไม่ใช่ลูกผม) จึงต้องเพียรไปลงเรียนด้วย อีกทั้งอีกไม่กี่เดือน ก็จะมีน้องใหม่เข้ามาให้ชุ่มชื่นหัวใจ การได้อยู่ในมหาวิทยาลัยในช่วงนี้จึงถือว่าคุ้มค่ายิ่ง

    คราวนี้ ในช่วงเรียนภาคฤดูร้อนนี่ มันจะไม่มีคนพลุกพล่านเหมือนอย่างปกติ นักศึกษาร้อยละ 95 จะกลับบ้านกันหมด เหลือแต่พวกเรียนไม่กี่คน ดังนั้น หอพักจึงปิดเป็นส่วนมาก ในปีนั้นปิดหอชายทั้งสองหอ ให้มาอาศัยอยู่หอพักหญิงแทน (ไม่มีผู้หญิงอยู่ มีแต่หอเปล่าๆ หอจริงๆ อย่าคิดมากว่าเป็นหออื่น) แล้วผู้หญิงก็อยู่อีกสองหอใกล้ๆ กัน ถึงจะมีหอเปิดน้อย แต่คนไม่ยักเต็มหอ อยู่กันแบบหลวมๆ เหงาๆ เพราะปกติ คนมันพลุกพล่านกว่านี้

    ผมได้พักกับเพื่อนอีกสองคน เรียนด้วยกันคนหนึ่ง ส่วนอีกคน มันขี้เกียจกลับบ้าน เข้ามาอาศัยอยู่ด้วยเฉยๆ ห้องผมอยู่บนชั้นสอง ภายในห้องก็กว้างพอสมควร มีระเบียงหลังห้องไว้ให้นั่งรับลม ตากเสื้อผ้าได้ด้วย แต่พวกผมนิยมใช้บริการซักผ้ามากกว่า หลังห้องจึงโล่งโปร่งจากผ้าผ่อน แต่เกะกะด้วยขวดเหล้าขวดเบียร์

    ห้องนี้มีเตียง 2 หลัง แต่ 3 เตียง อาจจะงงนิดหน่อย คือมันเป็นเตียงเดี่ยวหนึ่งหลัง (ผมนอนหลังนี้แหละ) และเตียงสองชั้นอีกหลัง คืนวันเกิดเหตุ เป็นคืนวันศุกร์ผมไปกินข้าวกับสาวที่ผมปิ๊งนั่นแหละ กินด้วยกันทุกวัน ผมจึงกลับมาห้องค่ำทุกวันเช่นกัน พรุ่งนี้วันเสาร์ผมชวนเค้าไปดูหนังกันที่เซนทรัลปิ่นเกล้า พอส่งสาวเสร็จแล้ว ก็เดินไปหยิบผ้าขาวม้าในห้องจะไปอาบน้ำ ในห้องไม่มีใคร เลยมองผ่านออกไปตรงระเบียง คิดว่าเพื่อนอาจจะนั่งกินเหล้าอยู่ตรงนั้น แต่พอมองออกไป ก็เห็นคนๆ หนึ่งนั่งอยู่บนขอบราวระเบียง เห็นแต่ข้างหลังนะครับ ผมยาวๆ แต่สำหรับที่นี่ผมยาวใช้ระบุเพศไม่ได้ครับ ตอนนั้นผมเองก็ไว้ผมยาวถึงกลางหลังเหมือนกัน นึกว่าเพื่อนอีกคน ก็เลยเดินไปเปิดประตูมุ้งลวดดู................ไม่มีใครอยู่ตรงนั้นสักคน blink.gif

    งงเล็กน้อยแต่คิดว่าตาอาจจะฝาดไปก็ได้ ช่วงนั้นสายตาไม่ค่อยดี มองอะไรๆ เป็นสีชมพูไปหมด wub.gif

    พอเดินกลับเข้ามาในห้อง เพื่อนก็เปิดห้องเข้ามาพอดีคนหนึ่ง มันบอกว่าไปกินข้าวกันกับเพื่อนอีกคน กินเสร็จ ไอ้นั่นมันก็โดดขึ้นรถเที่ยวบ๊วยกลับบ้านที่เพชรบุรีไปเลย สมมุติว่าไอ้นั่นชื่อแมวก็แล้วกัน ไอ้นั่นกลับไปแล้ว เหลือแต่ไอ้เสือ (นามสมมุติ) มันก็เลยไปนั่งดื่มกะเพื่อนที่สะพานข้ามสระน้ำมา กะว่าจะมาชวนผมไปด้วย เพราะคิดว่าคงกลับมาแล้ว แต่ผมไม่ไปเนื่องจากพรุ่งนี้มีนัดแล้ว มันก็กลับออกไป

    ผมอาบน้ำเสร็จก็เข้ามานั่งทำรายงาน เปิดเพลงจากเทปฟังไปเรื่อยๆ ตอนนั้นวงเซ็งลี้ เพลงเธอจะมีฉัน กะวงพองพองกำลังดังครับ ก็ฟังไปเรื่อย สักพักก็ได้ยินเสียงเหมือนคนเรียก.........เป็นเสียงผู้หญิงเรียก เธอ...เธอ...ตอนแรกคิดว่าสาวเรียก แต่ตอนนั้นหอพักหญิงปิดไปนานมากแล้ว เพราะผมไปส่งก่อนหอพักปิดแป๊บเดียว (ส่วนหอชายนั้นเป็นแบบเซเว่นอีเลฟเว่นครับ เปิดตลอด) เสียงมันเบามาก และก็ปกติสุดๆ ไม่ใช่เรียกยานๆ อย่างในหนังผี หรือเรื่องเขาเล่าว่าเลย ก็เลยทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ แต่ก็มีเสียงพูดว่า.....เรียกแล้วทำเป็นไม่สนใจเหรอ...ฉันเรียกเธอน่ะแหละ......เสียงมันใกล้มากน่ะครับ แต่ก็เบามากเหมือนกัน หาต้นตอเสียงไม่เจอด้วย ตอนนั้นเริ่มหวาดๆ เหมือนกัน เพราะตอนเข้าพักที่นี่ ใครๆ ก็พูดว่า “ผีดุ” blink.gif

    ผมเลยหยิบหูฟัง เสียบเข้าวิทยุเทป จะได้ไม่ต้องได้ยินอีก พอเสียบหูฟังเข้าหูเสร็จก็ได้ยินเสียงหัวเราะมาจากหูฟังน่ะแหละ เป็นเสียงผู้หญิงคนเดิม แต่คราวนี้ชัดกว่าเดิม เนื่องจากฟังด้วยหูฟัง หัวเราะเสร็จก็มีเสียงพูดว่า “กลัวเหรอ” ผมก็เลยต้องตามเพื่อนออกไปดื่มที่สะพานข้ามสระ.....ครับ ไม่ใช่ว่ากลัวนะครับ มันเป็นความรู้สึกบอกไม่ถูก คือไม่ถึงกับโวยวาย แต่รู้สึกว่าขนตรงท้ายทอยมันแย่งกันตั้งน่ะครับ

    ผมไปนั่งที่วงได้ครู่เดียวก็ชวนเพื่อนกลับ ผมน่ะแทบไม่ได้แตะเลย เพราะยังไงก็ยังรู้สึกตัวว่าพรุ่งนี้มีนัด แต่เพื่อนผมมันเล่นมาตั้งแต่หัวค่ำแล้ว มันก็คงอยากนอนเหมือนกัน เลยขี่จักรยานกลับหอกับผมโดยไม่อิดเอื้อนเท่าไร
    กลับถึงหอแล้วไอ้เสือก็นอนเลย ผมก็นอนเปิดไฟหัวเตียงอ่านหนังสืออยู่ ไอ้เสือมันบอกว่าปวดหัว สักพักไอ้ที่มันกินตั้งแต่เย็นก็พรวดมาหมด นองเตียงเลยครับ (ฉากนี้แหวะไปหน่อย ผู้ปกครองควรให้คำแนะนำในการอ่าน) ผมไล่มันไปจัดการให้เรียบร้อย ให้อาบน้ำด้วย แล้วผมก็ขยุ้มผ้าปูที่นอนที่เหมือนผ่านสงครามชีวะมา ไปโยนไว้ในห้องน้ำ ลากเบาะไปไว้ที่ระเบียง

    ไอ้เสือเดินเข้ามา ท่าทางสดชื่นขึ้น มันบอกว่า ออกมาเกือบหมด แต่ปวดหัวจัดเลย ว่าแล้วมันก็ปีนขึ้นไปนอนบนเตียงชั้นสองของไอ้แมว สักพักก็ได้ยินเสียงกรนจากมัน

    ไม่รู้ตีอะไรแล้ว ผมลืมตาตื่นเพราะได้ยินเสียงครางมาจากเตียงไอ้เสือ แสงไฟจากริมสระน้ำหลังหอพักก็ทำให้ในห้องไม่ถึงกับมืดนัก ผมคิดว่าคงเพราะไอ้ที่มันเมานั่นเอง แต่พอลองเขม่นมองไปก็เห็นว่า มีใครคนหนึ่งยืนอยู่ที่ปลายเท้ามัน ที่เรียกว่ายืน เพราะเป็นลักษณะนั้นครับ แต่จริงๆ แล้วพอมองไล่ไปเรื่อยๆ คนนั้นเหมือนลอยอยู่มากกว่า ระดับอกของผู้หญิงคนนั้นอยู่ในระดับเดียวกับเตียงชั้นสองน่ะครับ เรียนก่อนว่า ไอ้เตียงรุ่นนี้ มันสูงสักสองเมตรกว่าได้น่ะครับ ดังนั้น ใครที่เป็นโรคกลัวความสูงคงลำบาก อีกทั้งโครงทั้งหมดมันเป็นไม้ มันจึงหนักมากๆ ครับ

    ผมเองก็กลัวแล้วล่ะตอนนั้น เพราะเมื่อช่วงหัวค่ำก็ได้ยินอะไรแปลกๆ ไปแล้ว ผมข่มตาไว้ ไม่รู้ผ่านไปนานเท่าไร จนกระทั่งได้ยินเสียงดัง “ตึง” จากเตียงที่ไอ้เสือมันนอนอยู่ ผมก็ลุกพรวดแล้ววิ่งออกจากห้องไป

    ผมวิ่งลงมานั่งที่ห้องดูโทรทัศน์ ตอนนี้ยังมีคนนั่งดูรายการรอบดึกอยู่คนสองคน ผมเห็นไอ้เสือนั่งหอบๆ อยู่ มันก็บอกว่า ไอ้เสียง “ตึง” ที่ว่า คือเสียงมันเอง มันกระโดดลงมาจากเตียงน่ะครับ พอถามว่าทำไม กระโดดทำไม ไอ้เสือซึ่งตอนนี้แทบไม่เหลืออาการเมา และลายของเสืออยู่เลย ก็บอกว่า ผมขออนุญาตถอดเป็นภาษาพูดของเพื่อนผมครับ

    "ตอนแรกกูว่ากูฝันไง ผู้หญิงคนนึงขึ้นมาหากูถึงบนเตียงเลย เนี่ย..!! แต่งชุดนักศึกษาด้วย หน้าตาก็น่ารักดี กะลังจะเข้าด้ายเข้าเข็มเลย กูเสือกปวดเยี่ยว เลยตื่นพอกะลังจะลุก แม่งเห็นใครไม่รู้นั่งคุดคู้หันหลังอยู่ตรงปลายตีน ผมยาวๆ เหมือนมึงแหละ กูก็เอาตีนเขี่ยๆ สิ นึกว่ามึง กะลังจะด่าสะหน่อย ตีนแม่งไปโดนส่วนไหนของมันไม่รู้ เย็นอย่างกะน้ำแข็ง แล้วเปียกๆ ด้วย แล้วมันก็หันมา..........”

    “ม่าง....ตัวมันก็คุดคู้อยู่อย่างนั้นแหละ แต่หัวมันหันมาทั้งหัวเลย ที่นี้แสงมันเข้ามาทางหลังห้องใช่ม้า.....คือกูเห็นรูปร่าง เห็นท่าทางมันล่ะ ตรงนั้นเงามันบังพอดีเลยด้วย เห็นหน้าก็ออกดำๆ แต่ตาขาวแม่งเห็นเต็มๆ เลย เหมือนมันวาวๆ ไม่มีตาดำด้วย แล้วกูก็โดดลงจากเตียงเลย แม่งเยี่ยวก็ปวดเสือกเจออะไรเข้าอีกไม่รู้ คืนนี้กูจะนอนตรงนี้แหละ แต่มึงไปเยี่ยวเป็นเพื่อนกูหน่อยนะ”


    ผมเองก็เล่าเรื่องของผมให้มันฟัง แล้วคืนนั้นพวกผมก็นอนอยู่ข้างล่างทั้งคืน เช้าถึงกล้าเข้าห้องกัน ส่วนห้องนั้น ผมก็เก็บของออกมา แล้วไปอัดอยู่ห้องเดียวกับเพื่อนคนอื่นแทน ส่วนห้องนั้นก็เอาไว้เป็นที่พักผ่อนหย่อนใจเวลาจะเฮฮากันหลายๆ คน คือพออยู่กันเยอะๆ แล้ว มันไม่ค่อยกลัวอะไรกันน่ะครับ ส่วนประวัติว่าใครคือคนนั้น และคนนั้นเป็นใครนั้น ผมไม่ได้ไปเสาะไปหา ไปถามไถ่ใครอีก คงเป็นเรื่องเล่าภายในกลุ่มของผมเท่านั้น เพราะไม่คิดจะให้เรื่องนี้มันสะพัดสร้างความหวาดกลัวต่อไป เพราะหลังจากนั้นอีกไม่กี่เดือน หอนั้นก็จะกลับมาเป็นหอหญิงเหมือนเดิม ส่วนว่า หลังจากนั้น จะมีใครเคยโดน เคยเจอเหมือนพวกผมอีกหรือไม่ก็ไม่ทราบได้เหมือนกันครับ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×