ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ประเดิมเรื่องแรก
หนุ่มชั้นปีที่ 2 เอกดนตรี คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย "นพ" นายนพพร เพริศแพร้ว เล่าเรื่องหลอนที่ห้องซ้อมดนตรีไทยว่า เรื่องที่ชวนให้ขนหัวลุกนั้นเคยเกิดขึ้นกับตัวเองอย่างจัง โดยเฉพาะเวลาที่เข้าไปนอนหลับในห้องซ้อมดนตรีไทย
"ทุกครั้งที่มีคนแอบไปนอนในห้องซ้อม คนที่นอนแทบทั้งหมดจะรู้สึกเหมือนมีใครมาดึงขา มาแกล้งปิดแอร์ และได้ยินเสียงเหมือนคนกำลังเดินไปเดินมา ยิ่งไปกว่านั้นยังได้กลิ่นธูป เมื่อสอบถามไปยังรุ่นพี่ๆ
ว่าเพราะอะไร ผมได้รับคำตอบว่า เป็นฝีมือของ "เจ้าที่" เพราะไม่ชอบให้ใครเข้ามานอนในห้องที่ใช้ซ้อมดนตรี ซึ่งเหตุการณ์นี้ยังคงเกิดขึ้นอยู่บ่อยๆ กับนักศึกษาปี 1 ที่ยังไม่รู้ว่ามีห้องดนตรี แต่พอรู้เรื่องแล้ว ก็ไม่มีใครกล้าเข้าไปนอนอีก"
ข้ามรั้วไปฝั่งธรรมศาสตร์ ที่มีเรื่องเล่าขานให้ขนลุกด้วยเรื่อง "ลิฟต์แดง" ของคณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ลิฟต์ที่ได้ฉายาว่า "ลิฟต์แดง" นั้นเป็นลิฟต์ที่เคยใช้ขนศพของผู้เสียชีวิตสมัย 14 ตุลา
"เอ" น.ส.เอนริณ ธนาเดชาวุฒิ นักศึกษาคณะศิลปศาสตร์ ชั้นปีที่ 2 เล่าว่า ตอนเย็นๆ จะไม่มีใครกล้าขึ้นลิฟต์แดงคนเดียว เพราะลิฟต์แดงขึ้นชื่อว่าหลอนมาก
"มีอยู่ครั้งหนึ่ง เพื่อนของดิฉันขึ้นลิฟต์กันแค่ 2 คน แต่ลิฟต์กลับร้องเตือนว่าน้ำหนักเกิน ประตูไม่ยอมปิด ร้องอยู่อย่างนั้นไม่ยอมหยุด น่ากลัวมาก และในช่วงตอนเย็นจะไม่มีใครกล้าเดินผ่านลิฟต์แดงเลย ยิ่งตอนที่ประตูลิฟต์เปิดค้างไว้จะไม่มีใครกล้ามองเข้าไปเพราะเคยมีคนเห็นภาพศพที่เต็มไปด้วยกองเลือดนอนทับๆ กันอยู่ในลิฟต์เป็นตั้งๆ ได้ยินแล้วเสียวสันหลังมาก!!"
อีกหนึ่งเรื่องหลอน เป็นตำนานของมหาวิทยาลัยศิลปากร วิทยาเขตพระราชวังสนามจันทร์ จ.นครปฐม เหตุเกิดที่หอเพชรรัตน์ หอเก่าแก่ในมหาวิทยาลัย
"ตั๊ก" น.ส.รัตติพร นิมมานภัทร อดีตนักศึกษาคณะอักษรศาสตร์ วัย 26 ปี เล่าว่า มหาวิทยาลัยอยู่ในเขตวังเก่าของรัชกาลที่ 6 ซึ่งที่นี่มีเรือนจำด้วย ครั้งหนึ่งมีนักศึกษานอนอยู่ในห้องพักคนเดียว แล้วได้ยินเสียงคนเดิน เป็นเสียงเดินช้าๆ จนเสียงนั้นเดินเข้ามาใกล้ๆ ห้องพัก น้องนักศึกษาคนนั้นจึงมองลอดช่องตาข่ายมุ้งลวดออกไปดู ปรากฏว่า เห็นคนนุ่งโจงกระเบนสีแดงลากโซ่ตรวนเดินผ่านไป หลอนที่สุดขนแขนลามไปจนถึงเส้น
ส่วนที่มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยาก็มีเรื่องลี้ลับที่น่าสะพรึงกลัวไม่แพ้ที่อื่นเลย เหตุเกิดที่ตึกคณะนิเทศศาสตร์ ชั้น 15 เรื่องราวมีอยู่ว่า เมื่อ 10 กว่าปีก่อนมีนักศึกษาหญิงถูกข่มขืนและถูกฆ่าตายที่นี่
"เม" น.ส.รุ่งธิวา บูรณานุสรณ์ นักศึกษาคณะนิเทศศาสตร์ ชั้นปี 4 วัย 21 ปี บอกว่า ช่วงเย็นๆ จะไม่มีใครกล้าขึ้นไปชั้น 15 คนเดียว เพราะวันดีคืนดีอาจได้ยินเสียงผู้หญิงร้องไห้ หรือได้ยินเสียงคนใส่รองเท้าส้นสูงเดินอยู่ใกล้ๆ หรือบางครั้งเข้าห้องน้ำแล้วมองออกไปที่กระจกก็จะเห็นผู้หญิงผมยาวยืนก้มหน้าอยู่ แต่พอเปิดประตูออกไปก็ไม่พบใครเลย บรื๊อ...ขนลุกซู่!!
ปิดท้ายเรื่องหลอน ในรั้วมหาวิทยาลัยขอนแก่น บริเวณหอ 9 หลัง ในมหาวิทยาลัย "แอ๊บ" น.ส.เบญจวรรณ โสภาระ เฟรชชี่ คณะเกษตร วัย 18 ปี เล่าว่า ระหว่างทางเข้าหอจะมีป่ารกๆ เปลี่ยวๆ ซึ่งตรงนี้เป็นจุดที่ไม่มีใครผ่าน เพราะเคยมีผู้หญิงถูกข่มขืนตาย
"ล่าสุดเมื่อไม่นานมานี้ตอนตี 1 เพื่อนของแอ๊บกำลังขับรถมอเตอร์ไซค์กลับหอ พอมาถึงทางที่เป็นป่า อยู่ๆ รถก็กระตุกและแล่นฝืดๆ เพื่อนพยายามเร่งเครื่องเท่าไหร่ก็ไม่ได้ผล แล้วจู่ๆ รถก็หยุดอยู่กับที่ทั้งๆ ที่ยังเร่งเครื่องอยู่ ความรู้สึกของเพื่อนเหมือนมีใครมาดึงรถอยู่ข้างหลัง จึงหันไปดูเห็นผู้หญิงหน้าขาวๆ ซีดๆ ดึงรถไว้ เพื่อนแอ๊บร้องๆ สุดเสียงแล้วก็ทิ้งรถวิ่งน้ำตาไหลกลับหอเลย โอย!!!...น่ากลัวสุดสุด"
หลายเรื่องหลอนๆ ที่เล่าผ่านเสียงของนิสิต นักศึกษา ไม่ว่าจะได้ยินครั้งใดเป็นต้องขนแขนสแตนด์อัพกันทุกที ความจริงยุคนี้ก็สองพันหกแล้ว วัยรุ่นหลายคนพยายามจะไม่เชื่อเรื่องลี้ลับ แต่เมื่อวิทยาศาสตร์ยังพิสูจน์ความจริงออกมาไม่ได้ ทางออกที่ดีที่สุดก็คือ ไม่เชื่อ!!!....แต่อย่าลบหลู่ดีกว่า ว่าไหม
"ทุกครั้งที่มีคนแอบไปนอนในห้องซ้อม คนที่นอนแทบทั้งหมดจะรู้สึกเหมือนมีใครมาดึงขา มาแกล้งปิดแอร์ และได้ยินเสียงเหมือนคนกำลังเดินไปเดินมา ยิ่งไปกว่านั้นยังได้กลิ่นธูป เมื่อสอบถามไปยังรุ่นพี่ๆ
ว่าเพราะอะไร ผมได้รับคำตอบว่า เป็นฝีมือของ "เจ้าที่" เพราะไม่ชอบให้ใครเข้ามานอนในห้องที่ใช้ซ้อมดนตรี ซึ่งเหตุการณ์นี้ยังคงเกิดขึ้นอยู่บ่อยๆ กับนักศึกษาปี 1 ที่ยังไม่รู้ว่ามีห้องดนตรี แต่พอรู้เรื่องแล้ว ก็ไม่มีใครกล้าเข้าไปนอนอีก"
ข้ามรั้วไปฝั่งธรรมศาสตร์ ที่มีเรื่องเล่าขานให้ขนลุกด้วยเรื่อง "ลิฟต์แดง" ของคณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ลิฟต์ที่ได้ฉายาว่า "ลิฟต์แดง" นั้นเป็นลิฟต์ที่เคยใช้ขนศพของผู้เสียชีวิตสมัย 14 ตุลา
"เอ" น.ส.เอนริณ ธนาเดชาวุฒิ นักศึกษาคณะศิลปศาสตร์ ชั้นปีที่ 2 เล่าว่า ตอนเย็นๆ จะไม่มีใครกล้าขึ้นลิฟต์แดงคนเดียว เพราะลิฟต์แดงขึ้นชื่อว่าหลอนมาก
"มีอยู่ครั้งหนึ่ง เพื่อนของดิฉันขึ้นลิฟต์กันแค่ 2 คน แต่ลิฟต์กลับร้องเตือนว่าน้ำหนักเกิน ประตูไม่ยอมปิด ร้องอยู่อย่างนั้นไม่ยอมหยุด น่ากลัวมาก และในช่วงตอนเย็นจะไม่มีใครกล้าเดินผ่านลิฟต์แดงเลย ยิ่งตอนที่ประตูลิฟต์เปิดค้างไว้จะไม่มีใครกล้ามองเข้าไปเพราะเคยมีคนเห็นภาพศพที่เต็มไปด้วยกองเลือดนอนทับๆ กันอยู่ในลิฟต์เป็นตั้งๆ ได้ยินแล้วเสียวสันหลังมาก!!"
อีกหนึ่งเรื่องหลอน เป็นตำนานของมหาวิทยาลัยศิลปากร วิทยาเขตพระราชวังสนามจันทร์ จ.นครปฐม เหตุเกิดที่หอเพชรรัตน์ หอเก่าแก่ในมหาวิทยาลัย
"ตั๊ก" น.ส.รัตติพร นิมมานภัทร อดีตนักศึกษาคณะอักษรศาสตร์ วัย 26 ปี เล่าว่า มหาวิทยาลัยอยู่ในเขตวังเก่าของรัชกาลที่ 6 ซึ่งที่นี่มีเรือนจำด้วย ครั้งหนึ่งมีนักศึกษานอนอยู่ในห้องพักคนเดียว แล้วได้ยินเสียงคนเดิน เป็นเสียงเดินช้าๆ จนเสียงนั้นเดินเข้ามาใกล้ๆ ห้องพัก น้องนักศึกษาคนนั้นจึงมองลอดช่องตาข่ายมุ้งลวดออกไปดู ปรากฏว่า เห็นคนนุ่งโจงกระเบนสีแดงลากโซ่ตรวนเดินผ่านไป หลอนที่สุดขนแขนลามไปจนถึงเส้น
ส่วนที่มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยาก็มีเรื่องลี้ลับที่น่าสะพรึงกลัวไม่แพ้ที่อื่นเลย เหตุเกิดที่ตึกคณะนิเทศศาสตร์ ชั้น 15 เรื่องราวมีอยู่ว่า เมื่อ 10 กว่าปีก่อนมีนักศึกษาหญิงถูกข่มขืนและถูกฆ่าตายที่นี่
"เม" น.ส.รุ่งธิวา บูรณานุสรณ์ นักศึกษาคณะนิเทศศาสตร์ ชั้นปี 4 วัย 21 ปี บอกว่า ช่วงเย็นๆ จะไม่มีใครกล้าขึ้นไปชั้น 15 คนเดียว เพราะวันดีคืนดีอาจได้ยินเสียงผู้หญิงร้องไห้ หรือได้ยินเสียงคนใส่รองเท้าส้นสูงเดินอยู่ใกล้ๆ หรือบางครั้งเข้าห้องน้ำแล้วมองออกไปที่กระจกก็จะเห็นผู้หญิงผมยาวยืนก้มหน้าอยู่ แต่พอเปิดประตูออกไปก็ไม่พบใครเลย บรื๊อ...ขนลุกซู่!!
ปิดท้ายเรื่องหลอน ในรั้วมหาวิทยาลัยขอนแก่น บริเวณหอ 9 หลัง ในมหาวิทยาลัย "แอ๊บ" น.ส.เบญจวรรณ โสภาระ เฟรชชี่ คณะเกษตร วัย 18 ปี เล่าว่า ระหว่างทางเข้าหอจะมีป่ารกๆ เปลี่ยวๆ ซึ่งตรงนี้เป็นจุดที่ไม่มีใครผ่าน เพราะเคยมีผู้หญิงถูกข่มขืนตาย
"ล่าสุดเมื่อไม่นานมานี้ตอนตี 1 เพื่อนของแอ๊บกำลังขับรถมอเตอร์ไซค์กลับหอ พอมาถึงทางที่เป็นป่า อยู่ๆ รถก็กระตุกและแล่นฝืดๆ เพื่อนพยายามเร่งเครื่องเท่าไหร่ก็ไม่ได้ผล แล้วจู่ๆ รถก็หยุดอยู่กับที่ทั้งๆ ที่ยังเร่งเครื่องอยู่ ความรู้สึกของเพื่อนเหมือนมีใครมาดึงรถอยู่ข้างหลัง จึงหันไปดูเห็นผู้หญิงหน้าขาวๆ ซีดๆ ดึงรถไว้ เพื่อนแอ๊บร้องๆ สุดเสียงแล้วก็ทิ้งรถวิ่งน้ำตาไหลกลับหอเลย โอย!!!...น่ากลัวสุดสุด"
หลายเรื่องหลอนๆ ที่เล่าผ่านเสียงของนิสิต นักศึกษา ไม่ว่าจะได้ยินครั้งใดเป็นต้องขนแขนสแตนด์อัพกันทุกที ความจริงยุคนี้ก็สองพันหกแล้ว วัยรุ่นหลายคนพยายามจะไม่เชื่อเรื่องลี้ลับ แต่เมื่อวิทยาศาสตร์ยังพิสูจน์ความจริงออกมาไม่ได้ ทางออกที่ดีที่สุดก็คือ ไม่เชื่อ!!!....แต่อย่าลบหลู่ดีกว่า ว่าไหม
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น