GOT fic JoffreyxSansa stockholm syndrome 100% - GOT fic JoffreyxSansa stockholm syndrome 100% นิยาย GOT fic JoffreyxSansa stockholm syndrome 100% : Dek-D.com - Writer

    GOT fic JoffreyxSansa stockholm syndrome 100%

    คืนแต่งงานของทีเรียนและซานซา กลับมีผู้ลัพาตัวซานซาถึงในหอ เขาคือราชาจอฟฟรี่ย์ เขาต้องการอะไร เธอจะทำอย่างไรให้พ้นจากเงื้อมือปิศาจอย่างเขา

    ผู้เข้าชมรวม

    760

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    14

    ผู้เข้าชมรวม


    760

    ความคิดเห็น


    6

    คนติดตาม


    17
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  22 พ.ค. 59 / 10:51 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ



      ซานซาก้าวเท้าเข้ามาในห้องโถงใหญ่เป็นสถาปัตยกรรมสมัยโบราณ ภายในห้องเป็นรูปวงกลม ที่พื้นสลักรูปดาวหลายแฉก เป็นห้องโถงแบบปิดซึ่งมีแสงเล็ดลอดมาจากทางหน้าต่างที่มีเพียงบานเดียว เสาต้นใหญ่รอบห้องประดับด้วยเทียนเล่มเล็กหลายเล่ม ตรงกลางเป็นทางเดินยาวสู่เวทีด้านหน้า ที่นั่นมีลอร์ดทีเรียนซึ่งถือผ้าผืนหนึ่งไว้ในมือและบาทหลวงยืนอยู่ ทุกสายตาจับจ้องไปที่เธอ เธอหยุดยืนอยู่ตรงประตูทางเข้า นี่คือพิธีที่มีความสำคัญต่อเธอมาก เธอสูดลมหายใจเข้าลึกๆและหายใจออกช้าๆ พยายามไม่ให้ตื่นเต้นมากนัก จอฟฟรีย์เดินมาจากด้านขวาของเธอ และมาหยุดอยู่ข้างเธอ

      ท่านมาทำอะไร ซานซาหันไปถามอย่างไม่เข้าใจ

      ในเมื่อพ่อของเจ้าตายไปแล้ว ในฐานะพ่อของแผ่นดิน จึงเป็นหน้าที่ข้าที่ต้องส่งตัวเจ้าสาวจอฟฟรีย์ตอบด้วยรอยยิ้มพลางยกแขนขึ้นให้ซานซาจับ ซานซาชั่งใจอยู่พักหนึ่งก่อนจะวางมือลงบนแขนของจอฟฟรีย์ เมื่อทั้งคู่เริ่มออกเดิน ประตูก็ปิดลง เมื่อเดินผ่านแขกแต่ละคนต่างทำหน้ายินดีกับเธอ ซานซามีสีหน้านิ่ง ไม่แสดงความยินดีออกมาแม้เพียงนิด ต่างจากจอฟฟรีย์ ซึ่งแสดงอาการยินดีสุดฤทธ์ ซานซาจะมีก็ยิ้มเล็กน้อยให้กับเลดี้มาเจอรี่เท่านั้น

      ทั้งสองเดินขึ้นบันไดสู่เวทีด้านหน้า ผ่านลอร์ดไทวินและเซอร์ซี ทั้งคู่ไม่มีอาการยินดีออกมาให้เห็น เมื่อเดินมาจนหยุดอยู่ข้างลอร์ดทีเรียนบนเวที จอฟฟรีย์ก็เดินลงจากเวทีไป แต่ไม่วายหยิบเก้าอี้ไม้ตัวเล็กลงจากเวทีไปด้วย พร้อมรอยยิ้มนึกสนุกที่ประดับอยู่บนใบหน้า

      เชิญห่มผ้าให้เจ้าสาว และรับนางไว้ในความดูแลเสียงบาทหลวงดังขึ้น เป็นสัญญาณของการเริ่มพิธี

      ซานซาได้ยินก็หันหลังให้ลอร์ดทีเรียน ซึ่งลอร์ดทีเรียนควรจะห่มผ้าให้เธอเสียที แต่เขากลับยืนนิ่ง เพราะเก้าอี้ที่เขาต้องใช้โดนจอฟฟรีย์เก็บไปเสียแล้ว ทีเรียนคลี่ผ้าออก หาหนทางที่จะคลุมผ้าให้ซานซา แล้วจอฟฟรีย์ก็เริ่มหัวเราะ จากนั้นบรรดาแขกต่างก็หัวเราะออกมาเบาๆ ในที่สุดซานซาก็สังเกตได้ เธอย่อตัวลงเพื่อให้ลอร์ดทีเรียนห่มผ้าให้ได้

                 “ฝ่าบาท ฝ่าบาท นายท่าน และท่านหญิง บัดนี้เรายืนอยู่หน้าทวยเทพและมนุษย์ เป็นสักขีพยานการหลอมรวม ของบุรุษและภรรยา หนึ่งกาย หนึ่งใจ หนึ่งจิตวิญญาณ บัดนี้ จวบจนนิรันดร์

      งานพิธีมงคลสมรสในตอนนี้ ทั้งที่มีคนยินดีกันมากมาย แต่ภายในใจของซานซากลับไม่ได้รู้สึกยินดีตาม ชีวิตของเธอผกผันนับตั้งแต่บิดาของเธอถูกตัดสินประหารชีวิต ด้วยฐานเป็นกบฏ แม้เธอจะเชื่อว่าบิดาของเธอไม่ได้ผิด แต่เพราะหลงกลคำพูดของจอฟฟรีย์ ราชาแห่งคิงสแลนดิ้ง แม้เธอจะเคยทุกข์มากเพียงใดที่จะต้องสมรสกับราชาผู้เลือดเย็น แต่เธอก็ยินดีที่จะแต่งกับเขา มากกว่า...คนแคระ

      ซานซาหลับตาลง พยายามทำใจยอมรับกับช่วงเวลานี้ เธออยากให้มันผ่านพ้นไปเสียที

      -

      ระหว่างงานเลี้ยงพิธีสมรสของซานซาและทีเรียน ฝ่ายชายที่ยอมรับไม่ได้กับการแต่งงานโดยที่เขาไม่ได้เต็มใจ เพราะเขานั้นมีคนรักอยู่แล้ว เช หญิงที่เขาสัญญาว่าจะรักเธอคนเดียว แต่เขาจำต้องทำตามคำสั่งของลอร์ดไทวิน หัตถ์ของพระราชา ซึ่งควบตำแหน่งบิดาของเขาเอง แต่เขาสงสารซานซามากกว่า ฝ่ายนั้นต้องมาแต่งงานกับคนแคระเช่นเขา เธอคงอับอายไม่น้อย ยิ่งคิด ทีเรียนก็ยิ่งดื่มหนัก ฝ่ายหญิงเห็นเจ้าบ่าวของตัวเองเมามายจนดูไม่ได้ก็เลยตั้งใจจะหลบไปจากงานนี้ เธอลุกจากเก้าอี้แล้วเดินไปในที่ๆไม่มีใครสังเกตเห็น เธออยากจะร้องไห้ในชะตาชีวิตของตัวเอง แต่แล้วจอฟฟรีย์กลับเดินตามมา

      ยินดีด้วยนะจอฟฟรี่ย์พูดขึ้น และเดินตามซานซา

      ขอบพระทัยเพคะซานซาเดินหนี รู้ว่าเสียมารยาท แต่เธอไม่อยากคุยกับเขา

      สำเร็จแล้วนะ ได้แต่งงานกับแลนนิสเตอร์แล้ว ไม่ช้าเจ้าจะมีเด็กของตระกูลแลนนิสเตอร์ ฝันเป็นจริงแล้วไม่ใช่หรอ ช่างเป็นวันที่เยี่ยมเหลือเกิน  จอฟฟรี่ย์เดินมาดักหน้าซานซาไว้ เธอจึงไม่อาจเดินหนีได้อีก คำพูดของจอฟฟรี่ย์เป็นคำดูถูกอย่างที่สุด แต่ก็จริงของเขา ครั้งหนึ่งเธอเคยคิดอยากแต่งงานกับเขามาก เสียจนยอมให้คำเท็จเพื่อปกป้องเขา ตอนมีเรื่องกับน้องสาวของเธอ

      ใช่เพคะ ฝ่าบาทซานซาตอบตามมารยาท ทอดสายตาไปทางอื่น

      ไม่สำคัญเลยใช่มั้ย ว่าเจ้าจะตั้งครรภ์กับแลนนิสเตอร์คนไหน ข้าไปหาเจ้าคืนนี้ดีมั้ย หลังอาข้าเมาหลับไปแล้ว เจ้าจะชอบมั้ยเขาพูดด้วยท่าทางยียวน มองหน้าซานซา แต่เธอหลบสายตาเขา แววตาเริ่มแข็งขึ้น

      ไม่ชอบหรอจอฟฟรี่ย์ยังคงกวนประสาทเธอต่อไป

      ไม่เป็นไร เดี๋ยวข้าให้คนจับแขนขาเจ้าไว้เอง

      ซานซาโดนจอฟฟรีย์พูดดูถูก แต่เธอก็ไม่สามารถทำอะไรได้ เขาเป็นราชา เธอเป็นแค่ลูกกบฏ จึงได้แต่เก็บความโกรธเอาไว้ในใจ จอฟฟรีย์หันหน้าไปหาทุกคน แล้วปรบมือเรียกความสนใจ เขาประกาศด้วยเสียงที่เจือความสนุกไว้

      ถึงเวลาสำหรับพิธีเข้าหอแล้ว

      ไม่จำเป็นต้องมีพิธีเข้าหอลอร์ดทีเรียนพูดขึ้นขัดจังหวะจอฟฟรี่ย์ จอฟฟรี่ย์ดึงมือซานซาลงมาที่พื้อห้องโถง

      ไม่เคารพประเพณีเลยหรือ ท่านอา มาเถอะ ทุกคน  เขากวักมือเรียกแขกในห้องโถง

      อุ้มนางไปขึ้นเตียงเร็ว ถอดชุดคลุมนั่นทิ้งด้วย มันไม่จำเป็นแล้วจอฟฟรี่ย์ปล่อยมือซานซา พูดพลางงชี้ไปที่ชุดของเธอ

      สาวๆ ไปอุ้มท่านอาด้วย เขาไม่หนักหรอกจอฟฟรี่ย์พูดเล่นอย่างสนุกสนาน

      ไม่จำเป็นต้องมีพิธีเข้าหอทีเรียนพูดขึ้นอีกครั้ง

      ต้องมี ข้าบัญชา!” จอฟฟรี่ย์เริ่มขึ้นเสียง ซานซามองด้วยความเครียด เขาจะมาบงการอะไรกันนักกันหนานะ เธอคิดในใจ

      เราพองดพิธีเข้าหอได้ ฝ่าบาทในที่สุด ลอร์ดไทวินก็พูดขึ้นมา ขัดการเถียงอันไร้สาระของทั้งคู่ลงได้

      ไม่เป็นไร นี่เป็นคืนวิวาห์ของข้า มาเถอะสาวน้อยทีเรียนลงจากโต๊ะแล้วเรียกซานซาให้ตามมา เธอเดินตามแบบไม่อิดออด

      -

      ภายในห้องนอนของทีเรียนและซานซา เมื่อประตูปิดลง เหลือเพียงความเงียบที่ครอบงำคนสองคนเอาไว้ ซานซาได้แต่ยืนกุมมืออยู่อย่างนั้น ส่วนทีเรียนแม้จะเมา แต่เขาก็ยังเดินไปรินเหล้าอีกแก้ว ที่วางอยู่บนโต๊ะอาหาร

      จะดีหรือนายท่านซานซาปราม

      ข้าชื่อทีเรียน

      จะดีหรือทีเรียน

      ดีอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนเลยล่ะทีเรียนเดินไปหยุดอยู่ริมหน้าต่าง

      เจ้าอายุเท่าไหร่นะ

      “14” ทีเรียนถึงกับอึ้งไป ไม่คิดว่าเธอจะเด็กถึงขนาดนี้

      คุยไปเจ้าก็ไม่แก่ขึ้นมาเนอะทีเรียนพูดแล้วก้มหน้ามองแก้วเหล้าในมือ

      ท่านพ่อสั่งให้ข้าทำงานแต่งให้สมบูรณ์ทีเรียนลุกขึ้น ปรายตามองไปที่ซานซา

      ซานซาเดินไปรินเหล้าแล้วดื่มเข้าไปหนึ่งแก้ว ว่ากันว่าแอลกอฮอล์จะทำให้คนเรากล้าขึ้น  เธอเดินมาหยุดอยู่ข้างเตียง ถอดเสื้อนอกออก จนเหลือเพียงเสื้อตัวบางด้านใน ซานซาดึงเชือกทีละเส้นทั้งน้ำตา เธอทำใจยอมรับชะตากรรม ทีเรียนมองเธอด้วยความสงสาร เขาไม่คิดจะขืนใจเด็กสาวอายุเพียง 14 ปีหรอก และเมื่อเขาตัดสินใจจะพูดออกไป

      ปัง!

      ประตูห้องนอนถูกถีบออกด้วยฝีมือของจอฟฟรีย์ สายตาของทั้งคู่จับจ้องไปยังผู้บุกรุก ทีเรียนมองด้วยความตกใจ ซานซารีบจัดเสื้อผ้าของเธอให้เรียบร้อง

      จอฟฟรีย์ตรงดิ่งเข้าไปดึงมือซานซานแล้วฉุดกระชากเธอออกจากห้อง ซานซาเป็นแค่เด็กผู้หญิง จึงไม่มีแรงจะต้านทานเขาได้ เธอยังไม่ทันจัดเสื้อผ้าให้เข้าที่ด้วยซ้ำ เมื่อทั้งคู่พ้นประตูออกไป ทีเรียนที่ยังคงตกใจอยู่ ด้วยความเมา ความคิดเขาจึงช้าไปหนึ่งสเตป เมื่อรับรู้แล้วว่าภรรยาของตัวเองโดนฉุด ทีเรียนก็รีบวิ่งไปที่ประตู แต่กลับมีหญิงสาวมาขวางทางเขาไว้

      เช เจ้ามาทำอะไรสายตาจับจ้องไปยังหญิงสาวผู้มาเยือน

      -

      ฝ่าบาท ท่านทำแบบนี้ทำไม หลังจอฟฟรีย์ลากซานซามาถึงห้องนอนของเขา ซานซาก็เริ่มเปิดปาก น้ำเสียงสั่นของเธอเจือด้วยความไม่เข้าใจ เกิดอะไรขึ้น เขาทำแบบนี้ทำไม เธอไม่เข้าใจสักนิดเดียว

      ข้าก็แค่สมเพช ที่ต้องมารับรู้ว่ามีคนสมสู่กับสัตว์ภายในปราสาทของข้าจอฟฟรีย์ปล่อยแขนซานซา พูดตอบด้วยน้ำเสียงเจือความสนุก

      ต่อไปนี้ เจ้าต้องมาเป็นของเล่นของข้าซานซาอึ้ง เป็นของเล่นของเขาน่ะเหรอ เขาเป็นราชาสินะ คิดจะทำอะไรก็ได้งั้นสิ

      ปล่อยข้าไปเดี๋ยวนี้ซานซาโมโห  ยิ่งได้ยินเขาพูดจาดูถูกลอร์ดทีเรียน ที่ดีกับเธอมาก เธอยิ่งรับไม่ได้

      โอ้โห เดี๋ยวนี้กล้าออกคำสั่งกับราชาแล้วหรอ คิดว่าตัวเองเป็นใครฮะจอฟฟรีย์พูดพร้อมมองซานซาด้วยสายตาสนุกแฝงด้วยความดูถูก

      ท่านทำอะไรกับลอร์ดทีเรียนซานซาไม่ตอบ แต่ถามขึ้นแทน เธอก้มหน้า ไม่กล้าสบตาของเขา

      สั่งฆ่าไปแล้วมั้งซานซาเงยหน้าขึ้นมาสบตาจอฟฟรีย์ นัยน์ตาของเขามีแค่ความสนุก ซึ่งซานซาได้แต่คิดว่า โลกนี้มีปีศาจอยู่หนึ่งตน ซึ่งยืนอยู่ตรงหน้าของเธอแล้ว ซานซาเม้มปาก น้ำตาพาลไหลออกมาไม่หยุด ทำไมลอร์ดทีเรียนต้องมาสังเวยชีวิตให้คนพรรค์นี้ด้วยนะ

      ท่านต้องการอะไรซานซาทนเก็บความโกรธนี้ไม่ไหว เธอจึงถามออกไป ตอนนี้ไม่ว่าอะไรเธอก็จะทำ แค่หนีออกจากที่นี่ไป เธอยอมทุกอย่าง

      ข้าหรอ ฮ่าๆ ไม่รู้สิ เธอลองทำให้ฉันมีความสุขดูสิ แล้วฉันอาจจะใจอ่อนปล่อยเธอไปก็ได้จอฟฟรีย์เดินไปที่เตียงของเขา นั่งลงที่ปลายเตียง แล้วมองดูความเจ็บปวดของซานซา

      ซานซานึกอยู่ในใจ ทำให้เขามีความสุขงั้นหรอ อะไรล่ะ มีแต่ความทุกข์ของเธอเท่านั้นแหละที่จะทำให้เขามีความสุข พานนึกไปถึงคำพูดงานเลี้ยง

      ไม่สำคัญเลยใช่มั้ย ว่าเจ้าจะตั้งครรภ์กับแลนนิสเตอร์คนไหน ข้าไปหาเจ้าคืนนี้ดีมั้ย หลังอาข้าเมาหลับไปแล้ว เจ้าจะชอบมั้ย

      ไม่ชอบหรอ

      ไม่เป็นไร เดี๋ยวข้าให้คนจับแขนขาเจ้าไว้เอง

       

      ซานซาคิดแล้วคิดอีก ในที่สุดเธอก็ตัดสินใจได้ กับคนแคระเธอยังตัดสินใจได้ กับแค่ปิศาจอีกหนึ่งตน ทำไมเธอจะทำไม่ได้ ซานซาหลับตาพยายามไม่ให้น้ำตาไหลออกมาให้เขาเห็น แล้วเริ่มดึงปมเชือกที่เสื้อต่อ ด้วยมืออันสั่นเทาของเธอ และน้ำตาที่ไหลออกมา แม้ว่าจะพยายามกลั้นมันมากแค่ไหนก็ตาม จอฟฟรีย์ที่นั่งมองเธอคิดแล้วคิดอีกอย่างสนุกเมื้อครู่ กลับเบิกตากว้างขึ้น เมื่อรู้ว่าเธอจะทำอะไร

      หยุดอยู่ตรงนั้นเลยน้ำเสียงเจือความตกใจเล็กๆ

      นี่เป็นสิ่งที่ท่านต้องการไม่ใช่หรอ ข้าน่ะเคยคิดยอมนอนกับคนแคระมาแล้ว ตอนนี้ข้าไม่มีอะไรต้องกลัวอีกแล้ว ถ้าสิ่งนี้มันจะทำให้ข้าออกไปจากนรกแห่งนี้ได้ซานซาพูดอย่างไม่เกรงกลัว มือยังคงดึงเชือกที่เสื้อออก แต่ด้วยความสั่นเทา มันจึงยังไม่หลุดซักที

      ใครว่าข้าจะปล่อยตัวเจ้า แล้วก็อยากสำคัญตัวผิดมาก ผู้หญิงอย่างเจ้าน่ะเหรอที่ข้าจะนอนด้วย ข้าไม่ลดตัวไปทำอะไรแบบนั้นหรอก ซานซาได้ยินแล้วก็ทรุดตัวลง เธอไม่มีเรี่ยวแรงที่จะยืนอีกต่อไป ทำไมนะ ทำไมเธอต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ เสียใจแล้วยังเสียศักดิ์ศรีอีก เธอไม่เหลืออะไรแล้ว

      จอฟฟรีย์เดินมานั่งยองๆตรงหน้าซานซา เชยคางเธอขึ้นให้มองหน้าเขา

      เอาเป็นว่าข้ายังคิดไม่ออก คืนนี้เจ้าไปนอนตรงโซฟานู้นซะ แล้วอย่าทำตัวน่าสมเพชให้ข้าเห็นอีกพยักเพยิดหน้าไปทางโซฟาภายในห้อง ซึ่งวางอยู่ตำแหน่งปลายเตียงพอดี แต่หันหน้าไปทางตรงกันข้าม และมีโต๊ะเล็กและเตาผิงอยู่ด้านหน้า

      ว่าจบเขาก็เดินขึ้นเตียงแล้วปิดไฟ ทั้งห้องตกอยู่ในความมืด ซานซานึกดีใจอยู่แวบหนึ่ง แล้วเดินไปที่โซฟา เมื่อล้มตัวลงนอน เสียงสะอื้นของซานซาก็เงียบลง

      ...เหลือเพียงเสียงหัวใจที่เต้นเป็นรัวเร็วของจอฟฟรีย์

      -

      เมื่อเช้าวันใหม่มาถึง ซานซาลืมตาขึ้น ความอ่อนเพลียแล่นไปทั่วลำตัวของเธอ ทำไงได้ ก็เมื่อคืนเธอเสียน้ำตาไปตั้งเท่าไหร่ แล้วยังต้องมานอนโซฟาแคบๆนี่อีก ที่โตจนป่านนี้แล้วเธอยังไม่เคยได้นอนมันสักครั้งเดียว เธอรู้สึกว่าเปลือกตามันหนักๆ ตาคงจะบวมสินะ คิดในใจ แล้วเธอก็ลุกขึ้น ว่าจะเดินไปเข้าห้องน้ำสักหน่อย แล้วเธอก็ชนเข้ากับโต๊ะด้านหน้าโซฟา บนนั้นมีอาหารวางอยู่จานหนึ่ง เป็นเสต็กเนื้อชิ้นโต พร้อมด้วยไวน์แดงแก้วหนึ่ง เธอนึกแปลกใจอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็นึกได้ว่ามีอยู่คนเดียวที่จะเอามันมาไว้ได้ จอฟฟรีย์

      ถึงแม้จะหิวแค่ไหนแต่เธอก็กินมันไม่ลง เธอเดินผ่านมันไปเพื่อล้างหน้าล้างตาในห้องน้ำ พอเสร็จก็เดินสำรวจทั่วห้อง ห้องนี้เป็นห้องขนาดใหญ่ ใหญ่กว่าห้องนอนของเธอเกือบสองเท่า แน่ล่ะ เพราะนี่เป็นห้องนอนของพระราชา ทางซ้ายของเธอเป็นระเบียงยื่นออกไปข้างนอก ซึ่งตอนนี้ถูกปิดไว้ด้วยผ้าม่านสีทอง เธอไม่คิดจะเปิดออกไปดูข้างนอกหรอก ถึงจะอยากให้คนช่วย แต่ยังไงที่นี่ก็เป็นอาณาจักของปีศาจที่จับเธอมาขังไว้ อยู่เฉยๆเป็นดีที่สุด สุดผนังด้านหน้าข้างระเบียงเป็นโต๊ะกลมเล็กๆ มีเก้าอี้เพียงตัวเดียว ถักจากโต๊ะก็เป็นเตียงขนาดใหญ่สีทอง ซึ่งมีผ้าผืนบางๆปิดคลุมทั้งสี่ด้าน แต่บัดนี้ถูกรวบขึ้นไว้กับเสาด้านบนของเตียง ถัดจากเตียงนอนไปอีกหลายเมตรเป็นประตูสีทอง สลักลวดลายหรูหราสวยงาม ที่จัดเป็นลูกบิดธรรมดาซึ่งเวลาเปิดจะเปิดเข้ามาในห้อง เยื้องจากเธอไปทางขวาด้านหน้าเธอเป็นโซฟาหนังสีทองตัวเดียวกับที่เธอนอนเมื่อคืน ซึ่งด้านหน้าเป็นโต๊ะตัวเล็กและเตาผิง  ถัดจากเตาผิงด้านขวาเป็นตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่สีทอง ด้านหลังเธอเป็นห้องน้ำขนาดใหญ่ ภายในแบ่งโซนโดยม่านกั้นเป็นห้องอาบน้ำและสุขา ถือว่าเป็นห้องที่มีครบทุกอย่าง และเธอสามารถอยู่ในห้องนี้ได้ แค่มีอาหาร ถือว่าดีในระดับหนึ่ง อย่างน้อยเธอก็ได้อาบน้ำ ซานซาคิดแง่บวกพลางเดินไปหน้าประตู บางทีจอฟฟรีย์อาจจะลืมล็อคประตูก็ได้ ใครจะรู้ เธอลองบิดลูกบิดไปมาก็รู้แล้วว่าเธอคิดผิด ในจังหวะนั้นเอง ประตูก็ถูกเปิดออก ซานซาเดินถอยหลังได้เฉียดฉิว เกือบโดนประตูกระแทกหน้าแล้วมั้ยล่ะ

      อ้าว ตื่นแล้วหรือไง นึกว่าจะร้องไห้จนตรอมใจตายไปซะแล้วเป็นจอฟฟรีย์นั่งเองที่เข้ามา เขาถือซุปขนาดกลางพร้อมไวน์แก้วหนึ่งเข้ามาด้วย แล้วก็ใช้เท้าดันประตูปิด แถมยังไม่ลืมไขกุญแจล็อคอีก ซานซามองด้วยความผิดหวัง ด้านนอกไม่มีทหารองครักษ์เลยซักคน เขาคงไม่ให้ตามมาสินะ งั้นก็ไม่มีใครรู้เลยว่าซานซาอยู่ที่นี่

      ยังไม่กินมื้อเช้าหรือไงเสียงจอฟฟรีย์ดังขึ้นจากด้านหลังของเธอ เธอหันไปจนนึกได้ว่ายังไม่ได้ทานอาหารเช้า

      ตื่นก็สาย เป็นเจ้าหญิงภาษาอะไร นี่มันเที่ยงแล้วนะจอฟฟรีย์ว่าพลางวางชามซุปและแก้วไวน์ลงบนโต๊ะ

      เสียใจจนกินไม่ลงหรือไง ข้าไม่ใส่ยาพิษลงไปหรอกน่า ฆ่าเจ้าไปก็ไม่ได้อะไร--”

      นี่ ไม่มีใครสงสัยบ้างหรอ ที่ข้าหายไปน่ะซานซาพูดแทรกขึ้นมา

      แล้วท่านยังเอาอาหารขึ้นมาให้ข้าอีก ยิ่งมีพิรุธ อีกไม่นานข้าต้องได้ออกไปแน่จอฟฟรีย์ได้ยินก็กระตุกยิ้ม จากนั้นก็แผดเสียงหัวเราะออกมา

      นี่ รู้อะไรมั้ย ทุกคนน่ะเข้าใจตรงกันแล้วว่าเจ้ากับท่านอาข้าลงเรือออกไปทำธุระที่เมืองอื่นตั้งแต่เช้ามืด แล้วอาหารนี่น่ะ ข้าไปบอกแม่ครัวว่าเอาให้แมวที่บังเอิญเข้าห้องข้ามา ก็แค่นั้น ใครมันจะไปกล้าสงสัยอะไรได้

      แต่ไม่ได้มีเรือสักลำที่ออกจากท่า แล้วใครจะเชื่อ

      ใครว่าไม่มี ก็ข้าเป็นคนส่งท่านอากับผู้หญิงของเขาไปเอง คนก็เห็นกันทั้งเมือง แม้จะไม่เห็นหน้าผู้หญิงก็เถอะ

      แสดงว่าท่านไม่ได้ฆ่าลอร์ดทีเรียนซานซาพูดขึ้นอย่างดีใจ ลอร์ดทีเรียนไม่ได้ตายเพราะเขาใช่มั้ย จอฟฟรีย์อึ้งไปแวบนึง เขาลืมไปว่าเคยโกหกเธอไว้

      แล้วมันสำคัญนักหรือไงจอฟฟรีย์พูดขึ้นอย่างโมโห เพราะพลาดเองจึงหัวเสีย

      อย่างน้อยท่านก็ยังมีความเป็นคนน่ะนะซานซาได้ทีก็แอบว่าเขาไปนิดหน่อย

      หุบปากไปเลยจอฟฟรีย์โมโห เขาเตะเตียงไปทีนึงแล้วเดินออกจากห้องไป ไม่วายกระแทกประตูดังปังใส่เธอด้วย

                  แล้วซานซาก็ได้รับรู้ว่าความจริงจอฟฟรีย์ก็ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่เธอคิด

      -

      ทำไมวันนี้ดูมีความสุขจังเลยคะ มีเรื่องอะไรน่ายินดีรึเปล่าเลดี้มาเจอรี่พูดขึ้นระหว่าที่เธอกับจอฟฟรีย์ออกไปเดินชมสวนกันสองคน

      ไม่มีอะไรหรอก ข้าก็อารมณ์ดีแบบนี้ทุกวันแหละจอฟฟรีย์ตอบพลางทอดสายตาขึ้นไปบนปราสาท ตำแหน่งห้องนอนของเขาเอง

      งั้นหรือคะ ว่าแต่เมื่อไหร่เราจะเข้าพิธีสมรสกันสักทีล่ะคะ งานของลอร์ดทีเรียนก็ผ่านไปแล้วเธอพูดอย่างน้อยใจ

      คือว่า งานยังจัดไม่เสร็จดีน่ะ ไม่นานนักหรอกเขาหันมามองหน้าเธอ แววตานิ่งเฉย

      มาเจอรี่เห็นหน้าเขาแล้วไม่กล้าพูดอะไรต่อ แต่ก็พอรับรู้ได้ว่าเขาไม่ได้คิดอยากแต่งงานกับเธอหรอก

      -

      ซานซานั่งอยู่ที่โต๊ะริมหน้าต่าง นึกแปลกใจที่เมื่อกลางวันเธอได้คุยเล่นกับกระรอกตัวหนึ่ง แต่ตอนนี้มันกลับหายไปแล้ว ตอนนี้เป็นเวลาพลบค่ำ จอฟฟรีย์เองก็ยังไม่กลับมา เธอร้องเรียกกระรอกน้อยมากสักพักแล้ว แต่ไม่มีวี่แววของมันเลย เธอแค่ผละไปอาบน้ำแวบเดียวเอง อาหารบนโต๊ะทั้งสองอย่างเธอก็ยังไม่ได้แตะ เธอยังไม่ไว้ใจเขาสักเท่าไร

      แกร๊ก

      ให้ทาย ว่าข้าเอาอะไรมาฝากจอฟฟรี่ย์เดินเข้าห้องมา มือข้างซ้ายถือชามสลัด มือข้างขวาบิดลูกบิด อยู่ในมุมที่เธอมองไม่เห็น ซานซาลุกขึ้น เดินกลับมาที่โซฟา เธอไม่แน่ใจว่าเขาอนุญาตให้เธอนั่งโต๊ะนั่นรึเปล่า แต่ดูท่าทางเขาก็ไม่ได้จะว่าอะไรเธอ แถมยังยิ้มกริ่มแปลกๆอีกต่างหาก

      อ้าว อาหารไม่อร่อยหรือไงเขาเดินมาวางสลัดไว้ตรงหน้าเธอ

      แต่ของที่ข้าเอามาฝากน่ะ เจ้าต้องชอบแน่ๆพูดจบ จอฟฟรี่ย์ก็ขยับแขนซ้ายออกมาเบาๆ และยื่นสิ่งที่อยู่ตรงหน้าให้เธอ

      กรี้ดด

      ซานซากรี๊ดออกมาด้วยความตกใจ สิ่งที่อยู่ในมือของเขาคือ ซากกระรอกน้อยที่เธอเพิ่งเล่นกับมันไปนั่นเอง

      ท่านทำแบบนี้ทำไม ซานซาเอามือปิดปาก น้ำตาเริ่มคลออยู่ในตา เขาช่างเลือดเย็นเหลือเกิน

      ก็เห็นเจ้าชอบไม่ใช่หรอจอฟฟรี่ย์พูดพร้อมกับยื่นซากกระรอกน้อยไปใกล้หน้าเธออีก

      เลือดเย็นที่สุดซานซาหันหน้าหนี เธอไม่อาจรับมันได้อีก กับคนที่เห็นชีวิตเป็นแค่ของเล่นนี่ เธอเผลอคิดว่าเขาเป็นคนดีได้ยังไงนะ ภาพเมื่อเช้าถูกลบล้างไปหมด เธอเจ็บปวดเหลือเกิน

      มีเพียงเสียงหัวเราะของจอฟฟรีย์เท่านั้นที่ดังขึ้นในห้อง เขาวางซากกระรอกไว้บนโต๊ะ ข้างๆจานสเต็ก แล้วเดินไปเข้าห้องน้ำ ซานซาแค่เห็นก็แทบจะขย้อนน้ำย่อยออกมา เธอหาเศษผ้าในห้องนั้นมาห่อซากกระรอกไว้อย่างเบามือ แล้วเอามันไปวางไว้ในถังขยะ เธอสวดภาวนาให้มันไปดี ไม่ต้องทนอยู่กับคนแบบเขา เธอทำราวกับว่ามันเป็นตัวแทนของเธอ

      ซานซากลับมานั่งโซฟาเหมือนเดิม ฟังเสียงน้ำในอ่างถูกระบายออกจนหมด แล้วจอฟฟรี่ย์ก็เดินออกมา เขามีผ้าเช็ดตัวปิดท่อนล่างแค่ผืนเดียว ด้านบนเผยรูปร่างอันมีกล้ามเนื้อบางๆ คลุมไปด้วยหยดน้ำจากการอาบน้ำ และผ้าเช็ดผม ที่ยังคงเช็ดผมอย่างลวกๆอยู่ เขาหันมาเห็นเธอพอดี จึงอดยักคิ้วกวนไม่ได้

      มองข้าแบบนี้ เจ้าคิดอะไรกับข้าอยู่แน่เลย แต่ก็อย่างที่ข้าบอกไป ข้าไม่ลดตัวไปนอนกับเจ้าหรอกจอฟฟรี่ย์พูดพลางเดินไปที่ตู้เสื้อผ้าของเขา แล้วเริ่มหยิบชุดออกมาใส่ทีละตัว

      ข้าไม่ได้--” ซานซาหยุดอยู่แค่นั้น เธอไม่ได้ตั้งใจมอง แค่มองเหม่อไปทางด้านหน้าเท่านั้น แล้วเขายังพูดจี้ใจดำพาลให้เธอนึกถึงเหตุการณ์เมื่อวานอีก ยิ่งนึกเธอก็ยิ่งอาย หน้าก็พาลแดงขึ้น

      เหอะ ผู้หญิงอะไร น่าไม่อายจอฟฟรี่ย์ขึ้นไปนั่งบนเตียงของเขา

      นี่ เจ้าน่ะ ร้องเพลงให้ข้าฟังหน่อยจอฟฟรี่ย์ว่าพร้อมเอนตัวลงนอน ซานซายังคงไม่เข้าใจ เธอนั่งมองมือตัวเองไปมาพลางคิดประมวลผล

      บอกให้ร้องเพลงไง หูหนวกหรอน้ำเสียงเจือความไม่พอใจ ซานซาจึงเริ่มเปล่งเสียงออกมา

      มารดาผู้อ่อนโยน วารีแห่งความเมตตา วิงวอนปกป้องบุตรเราจากสงคราม--” ซานซาร้องบทสวดออกมา เผื่อจะช่วยให้เขามีความเมตตาต่อเธอมากขึ้น จอฟฟรี่ย์เริ่มเอนตัวลง เขานอนฟังเธอร้องเพลงจนผล็อยหลับไป ซานซาเดินไปปิดไฟและนอนบนโซฟาตามบ้าง เธอนอนไม่หลับ สาเหตุก็เพราะรู้สึกหิว เธอยังไม่ได้กินข้าวเลยตั้งแต่เมื่อวาน และด้วยความไม่ไว้ใจ เธอจึงไม่ยอมกินอาหารพวกนั้น

      ข่มตาอยู่นาน สุดท้ายเธอก็นอนไม่หลับ แล้วเธอก็นึกอะไรออก จึงหยิบมีดหั่นสเต็กนั่นมาเก็บไว้ใต้เบาะของเธอ คิดอะไรเรื่อยเปื่อยแล้วเธอก็ผล็อยหลับไป

      -

      กลางดึก ซานซาตื่นขึ้นมาด้วยความร็สึกปวดท้องน้อย แต่สุดท้ายก็หลับไปตามเดิม

      -

      จอฟฟรีย์ตื่นเช้ามาด้วยความสดใส เขาลุกขึ้นจากเตียงแล้วเดินลงมาดูซานซา แล้วก็ต้องตกใจ เมื่อซานซาดันอยู่ในสภาพที่เหมือนจะตาย หน้าซีด เหงื่อท่วมตัว อีกทั้งยังมีเลือดไหลออกมาตามขา จอฟฟรี่ย์เบิกตาโพลง ทำอะไรไม่ถูก เขาเข้าไปเขย่าไหล่ซานซา

      ตื่นเดี๋ยวนี้ ใครลอบทำร้ายเจ้า บอกข้ามาเขาเขย่าตัวซานซาอย่างแรง กลัวว่าเธอจะไม่ตื่นขึ้นมาอีก เอาหลังมือแตะไปที่หน้าผากของเธอ แล้วก็ต้องตกใจที่ตัวร้อนจี๋ จอฟฟรี่ย์ร้อนรนเหมือนหนูติดจั่น โธ่เว้ย เขาสบถออกมาเสียงดัง

      ฝ่..ฝ่าบาทซานซาเปล่งเสียงที่ไม่ค่อยจะมีออกมา เธอยังคงหลับตา ไม่มีแรงแม้แต่จะลืมตา สุดท้ายจอฟฟรี่ย์ก็ตัดสินใจอุ้มซานซาขึ้นมา และเดินไปที่เตียงของเขา

      แกร๊ง

      เสียงโลหะตกกระทบพื้นดังขึ้น จอฟฟรี่ย์วางซานซาลงแล้วเดินมาดู ปรากฏว่าเป็นมีดหั่นเสต็ก หล่นอยู่ข้างโซฟาใบมีดเปื้อนไปด้วยเลือด ไม่สิ ทั้งใบมีดทั้งด้ามมีดเปื้อนไปด้วยเลือด จอฟฟรี่ย์เดินกลับมาหาซานซา

      เจ้าทำอะไร คิดจะฆ่าตัวตายหรอ ทำไม อยู่กับข้ามันเป็นทุกข์นักรึไงหาจากความกังวลเริ่มเปลี่ยนเป็นความโกรธ ไม่รู้ว่าโกรธซานซา หรือโกรธตัวเขาเองกันแน่

      เขาเดินหาเศษผ้า จนได้ผ้าขนหนูมาผืนหนึ่ง

      เจ้าแทงตรงไหน บอกข้ามาเขาถามด้วยความร้อนรน แต่ซานซากลับไม่ตอบ เรียกว่าไม่มีแรงตอบจะดีกว่า

      เมื่อจอฟฟรี่ย์ไม่ได้คำตอบ เขาจึงเดินเข้าไป ใช้มือพลิกตัวเธอเพื่อหารอยแผล จนเห็นว่าเลือดมันไหลมาตามหว่างขา ระหว่างที่เขากำลังจะถกกระโปรงเธอขึ้น ก็มีมือเย็นเฉียบของซานซามาหยุดมือของเขาไว้

      ฝ่าบาท นี่มัน เอ่อ ระดูซานซาพูดออกมาเสียงเบา หน้าขึ้นสีเล็กน้อย

      หา เลือดออกจากกระดูกแต่จอฟฟรี่ย์ไม่เข้าใจ เขาก็ยังเด็กพอๆกับซานซา อีกทั้งวันๆก็ไม่ได้มาเรียนเรื่องยิบย่อยอย่างเรื่องพวกนี้ จึงไม่เข้าใจ

      ฝ่าบาท มันเป็นโรคของผู้หญิง ท่านไม่ต้องห่วง ข้าไม่ตายหรอก พูดพร้อมเผยยิ้มอ่อน เธอขำกับท่าทางของจอฟฟรี่ย์ แล้วเธอก็ต้องกุมท้องน้อย มันปวดมากจริงๆ บางทีเธออาจจะตายก็ได้ เธอคิดในใจ

      ใครเขาห่วงเจ้ากันจอฟฟรี่ย์ลุกขึ้นจากเตียง รู้สึกเสียหน้าเล็กๆ ที่เผลอแสดงอาการลุกลนให้เธอเห็น แล้วเขาก็เอาผ้าขนหนูไปชุดน้ำ บิดหมาดๆ แล้วมาวางไว้บนหน้าผากของซานซา แล้วก็เดินออกไปนอกห้อง

      ซานซารู้ดีว่ามันคือระดู และนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกของเธอที่เป็น แต่ครั้งก่อนเธอไม่ได้มีอาการอะไรมากนัก แต่ครั้งนี้เธอปวดท้องมาก แถมเลือดยังออกมากกว่าครั้งที่แล้วด้วย แถมเธอยังหิวมากอีกต่างหาก เมื่อวานดันอดอาหารซะได้ ถ้ารู้ว่าจะทรมาณขนาดนี้ เธอคงทานเข้าไปแล้ว แล้วยังมีไข้อีก เรียกได้ว่าปวดเมื่อยไปทั้งตัวเลย เพราะปวดท้องมาก นอนโซฟาแคบๆยิ่งไม่สบายตัว เธอรู้สึกขอบคุณจอฟฟรี่ย์มากที่พาเธอมานอนเตียงนี้

      -

      ด้านจอฟฟรี่ย์  พอเดินออกมาจากห้องแล้วก็รู้สึกเคว้งคว้าง เขาช่วยอะไรเธอได้บ้าง เธอเป็นอะไรตอนนี้เขายังไม่รู้เลย โรคผู้หญิงงั้นหรอ เขาจะไปถามใครดีล่ะ เช หญิงรับใช้เก่าของเธอก็ไปกับอาเขาแล้ว เรื่องนี้จะบอกท่านแม่ก็ไม่ได้ ท่านแม่ไม่มีทางให้เขาเก็บซานซาไว้ในห้องแน่ ในที่สุด เขาก็เดินตรงดิ่งไปที่หอนางโลม ที่นั่นแค่จ่ายเงินก็คงไม่มีใครปริปากพูดแล้ว

      แล้วจอฟฟรี่ย์ก็กลับมา พร้อมกับถาดอาหาร มีโจ๊กอยู่ชามหนึ่ง น้ำเปล่า และยาสมุนไพรถ้วยเล็ก เขาเดินมานั่งบนเตียง ข้างๆซานซา แล้วเอาถาดวางไว้ข้างตัว หยิบโจ๊กขึ้นมา ตักไปจ่อที่ปากของซานซา

      กินซะจอฟฟรี่ย์พูดกึ่งบังคับ

      ซานซาขยับปากจะกิน แต่เมื่อริมฝีปากสัมผัสกับช้อนก็ต้องรีบเขยิบออก

      มันร้อน ข้ากินไม่ได้ ซานซาพูดเบาๆ กลัวว่าจอฟฟรี่ย์จะบังคับให้เธอกิน แค่นี้ก็ทรมาณมากพอแล้ว เธอไม่อยากปากพองเพราะกินโจ๊กหรอกนะ แล้วด้วยความไม่คาดคิด จอฟฟรี่ย์เอาช้อนนั้นกลับมาเป่าให้ด้วยปากของเขาเบาๆ แล้วยื่นมาจ่อปากเธออีกครั้ง พร้อมยักคิ้วให้ เป็นเชิงว่ากินได้แล้ว ซานซาอึ้งเล็กน้อย แต่ก็ยอมกินโจ๊กของเขา เธอกินคำแล้วคำเล่าจนหมดชาม ไม่เคยรู้สึกว่าอาหารมื้อไหนอร่อยเท่ามื้อนี้เลย นับตั้งแต่เธอเข้ามาอยู่ในคิงสแลนดิ้ง อาจเป็นเพราะเธอหิวจัดด้วย กินอะไรก็อร่อยไปเสียหมด

      กินยานี่ด้วย ช่วยให้ไม่ปวดท้องจอฟฟรี่ย์ยื่นถ้วยใบเล็กให้ซานซา เธอชิมไปคำนึงแล้วก็ต้องเบ้ปาก แต่เมื่อเห็นจอฟฟรี่ย์มองอยู่จึงจำใจต้องกินให้หมด

      วันนี้ข้าอนุญาตให้เจ้านอนเตียงข้าวันนึงจอฟฟรี่ย์พูดพลางเก็บทุกอย่างออกไปจากห้อง แม้ซานซาจะยังระแคะระคายเรื่องที่เขามาทำดีด้วย แต่ก็ต้องขอบคุณเขาล่ะนะ เธอหลับตาลงอย่างเปี่ยมสุข

      จอฟฟรี่ย์กลับมาอีกทีพร้อมเสื้อผ้าและของที่เธอจำเป็นต้องใช้ วางไว้บนเตียง แล้วเขาก็ไปอาบน้ำแต่งตัวตามปกติ วันนี้ทั้งวันจอฟฟรี่ย์ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเลย เขาเป็นกังวลกับซานซา

      บ่ายๆของวันนั้น ซานซาก็รู้สึกตัว เธอรู้สึกดีขึ้นกว่าเมื่อเช้าเยอะเลย ท้องก็รู้สึกหิวอีก จึงลุกลงมาจากเตียง รู้สึกหัวยังหนักๆอยู่ แล้วเธอก็ต้องตกใจกับผ้าปูที่นอนบนเตียง ซึ่งเป็นคราบระดูของเธอนั่นเอง เธอคิดว่าเดี๋ยวจะต้องซักให้เสร็จก่อนที่จอฟฟรี่ย์จะกลับมา ว่าแล้วเธอก็เดินไปที่โซฟา คราบเลือดก็ยังอยู่ โชคดีที่เป็นเบาะหนัง จึงทำความสะอาดง่าย บนโต๊ะมีชามโจ๊กและยาอยู่ ซานซายิ้มออกมาแล้วหยิบโจ๊กมากิน แม้จะเย็นแล้ว แต่ก็ยังอร่อย เมื่อเธอกินเสร็จแล้วก็ไปอาบน้ำ เช็ดโซฟา และเมื่อเธอเข้าไปบิดผ้าที่ใช้เซ็ดโซฟานั้น ก็มีเสียงเปิดประตูและเสียงคนคุยกัน ซานซาตัดสินใจหลบในห้องน้ำเพื่อดูสถานาการณ์

      เดี๋ยว ท่านแม่ เข้าห้องข้ามาทำไมจอฟฟรี่ย์ตกใจที่จู่ๆ มารดาเขาก็เดินแทรกเข้ามาตอนที่เขากำลังจะปิดประตู

      เดี๋ยวนี้เจ้าทำตัวมีพิรุธ เอาอาหารจากโรงครัวมาทุกมื้อ คิดว่าข้าไม่รู้หรอเซอร์ซี อดีตราชินีหรือมารดาของจอฟฟรี่ย์พูดพลางสอดส่ายสายตาไปทั่วห้อง

      โถ่เอ๊ยท่านแม่ ข้าก็เอามาให้แมวที่มันขึ้นมาบนห้องข้าไง

      คิดว่าข้าโง่หรอจอฟฟรี่ย์ ข้ารู้ เจ้าไม่มีทางเมตตาสัตว์ชั้นต่ำแบบนั้นหรอก แล้วข้าก็ต้องรู้ให้ได้ว่าเจ้าซ่อนใครไว้เซอร์ซี่เดินจนมาหยุดอยู่ที่เตียง

      นี่เลือดใคร เซอร์ซี่หันมาถามจอฟฟรี่ย์ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

      ไม่ใช่เลือดข้าหรอก--”

      นี่เจ้านอนกับสาวบริสุทธิ์หรอ มันเป็นใคร คงไม่โสเภณีชั้นต่ำพวกนั้นหรอกนะ ไม่สิ โสเภณีมันไม่บริสุทธิ์หรอก หรือว่า เจ้านอนกับมาเจอรี่แล้วเซอร์ซี่คาดคั้น

      คือ เอ่อ จอฟฟรี่ย์ตอบไม่ได้ จะให้เขาตอบว่าเลือดของซานซาน่ะหรอ เขาบอกไม่ได้หรอก

      เอาเถอะ ยังไงก็รีบจัดการให้เป็นเรื่องเป็นราว เหลือแต่เจ้าแล้วนะ จริงๆจะจัดงานพรุ่งนี้ก็ยังได้ เจ้าจะมัวลังเลอะไรอยู่เซอร์ซี่เห็นว่าถามไปก็ไม่ได้ความ เลยคุยธุระสำคัญดีกว่า

      *"ข้ายังไม่อยากแต่ง" จอฟฟรี่ย์พูดอย่างหนักแน่น

      "แล้วคนเขาจะคิดยังไง ทุกคนรู้กันหมดแล้วว่าเจ้าจะแต่งกับมาเจอรี่ เจ้าต้องรีบตัดสินใจ" เซอร์ซีเองก็ลำบากใจไม่ใช่น้อย ในเมื่อลูกของเธอยังไม่อยากแต่ง แต่หน้าที่มันค้ำคอ คนเป็นมารดาจึงต้องรับหน้าที่เกลี้ยกล่อมลูก

      "ข้าตัดสินใจได้เมื่อไหร่จะบอกก็แล้วกัน ท่านออกไปสักทีเถอะ ข้าอยากพักผ่อน" จอฟฟรี่ย์พูดด้วยความเหนื่อยหน่าย ถึงคนที่สนทนาด้วยจะเป็นมารดา แต่ด้วยนิสัยเอาแต่ใจของเขา ย่อมไม่นอบน้อมต่อมารดาอยู่แล้ว

      "ข้าล่ะเหนื่อยกับเจ้าจริงๆ" เซอร์ซีเดินออกไปอย่างรวดเร็ว เธอเองก็มีเรื่องให้คิดไม่น้อย

      เมื่อเซอร์ซีเดินออกจากห้องไปแล้ว จอฟฟรี่ย์ก็ถอนหายใจเสียงดัง เขาเดินมานั่งที่โซฟาแล้วเริ่มกุมขมับ ซานซาเห็นว่าปลอดภัยแล้วจึงเดินออกมาจากห้องน้ำที่ใช้หลบเมื่อครู่

      "ทำไมท่านไม่แต่งงานสักทีล่ะ" ซานซาถามออกมาด้วยความสงสัย ก็เขาเป็นคนรับปากเซอร์ลอรัสเองว่าจะแต่งงานกับมาเจอรี่น้องสาวของเซอร์ลอรัส ตอบแทนที่เขาช่วยรบในสงครามทะเลดำ แล้วทำให้เธออับอายต่อหน้าทุกคน มาถึงตอนนี้ยังมีอะไรที่ทำให้จอฟฟรี่ย์ไม่ยอมแต่งงานอีก

      "นั่นมันเรื่องของข้า จะแต่งวันนี้ พรุ่งนี้ หรือไม่แต่งมันก็เรื่องของข้า ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเจ้า" จอฟฟรี่ย์เมื่อได้ยินที่ซานซาพูดก็เงยหน้าขึ้นมาตอบด้วยความโมโห  ซานซาสะดุ้งเล็กน้อย จึงปิดปากเงียบแล้วเดินไปดึงผ้าปูเตียง

      "โถ่เว้ย จะอะไรกันนักกันหนาวะ" จอฟฟรี่ย์เดินไปเตะเตียงด้วยความโมโห

      "ไอ้เตียงเวรนั่นก็ไม่ต้องทำแล้ว เดี๋ยวท่านแม่ก็ส่งคนมาจัดการ เจ้าน่ะหาที่ซ่อนไปก็พอ" จอฟฟรี่ย์ยังไม่หายโมโห แต่ก็ยังพอมีสตินึกขึ้นได้ ยิ่งซานซาจัดการเดี๋ยวจะมีคนสงสัย เพราะเขาก็ไม่เคยทำอะไรแบบที่คนรับใช้เขาทำกัน

      "ท่..ท่านโกรธข้าที่ทำเตียงเลอะหรอ ข้าขอโทษ" ซานซาตกใจ นึกถึงที่เซอร์ซีเห็นเลือดแล้วทำให้เข้าใจผิดก็เสียใจ เธอพูดด้วยเสียงที่สั่นเครือ

      "หุบปาก" จอฟฟรี่ย์ที่อารมณ์บูดได้ยินซานซาก็ยิ่งรำคาญ เขาจึงเดินออกไปนอกห้อง ปิดท้ายด้วยการกระแทกประตู ให้รู้ว่าเขาไม่ชอบใจ

      ซานซาก็ได้แต่โทษตัวเอง ว่าเป็นเพราะเธอ ที่ทำให้จอฟฟรี่ย์โดนกดดัน แต่แล้วก็มีเสียงดังแกร๊กขึ้นที่ประตู ซานซานึกได้ว่าต้องรีบซ่อนตัว จึงวิ่งไปที่ห้องน้ำด้วยความรวดเร็ว เธอปิดประตูพอดีกับที่สาวใช้เปิดประตูเข้ามา ซานซาหัวใจเต้นรัวราวกับมีกลองดังขึ้นในอก เธอยืนพิงประตูไว้ จะล็อคตอนนี้ก็ไม่ทันเสียแล้ว ถ้าสาวใช้ได้ยินเสียงกลอนประตูจะสงสัยเอาได้

      "ไม่น่าเชื่อเลยว่าคนไร้หัวใจอย่างราชาจอฟฟรี่ย์จะมีวันนี้กับเขาได้ ถ้าเป็นแบบนี้ทำไมไม่แต่งกันไปซะได้ เขาลือกันให้แซดแล้วเนี่ยว่าราชาของเราไม่อยากแต่งงาน สงสารเลดี้มาเจอรี่เหมือนกันเนอะ สามีเก่าก็ตาย สามีใหม่ก็อิดออดไม่ยอมแต่ง" เสียงเจื้อยแจ้วของสาวใช้คนหนึ่งดังขึ้น ซานซาตั้งใจฟังสุดฤทธิ์

      "หรือว่ารอยเลือดนี่ไม่ใช่ของเลดี้มาเจอรี่ ฝ่าบาทอาจจะมีผู้หญิงอื่นซ่อนไว้ก็ได้ ถึงไม่ยอมแต่งงานน่ะ" เสียงสาวใช้อีกคนพูดขึ้น ข้อสันนิษฐานของเธอทำเอาซานซาเสียวสับหลังวาบ เหงื่อเย็นๆเริ่มผุดขึ้นมาตามแผ่นหลังของเธอ จะถูกจับได้มั้ยนะ ซานซาคิดอยู่ในใจ

      "คนอย่างฝ่าบาทเนี่ยนะจะมีผู้หญิง เลือดของสัตว์ที่จับมาเฆี่ยนล่ะไม่ว่า" คำพูดของสาวใช้คนแรกทำเอาทั้งคู่หลุดหัวเราะครืนกันออกมา ซานซาถอนหายใจออกมาเบาๆด้วยความโล่งอก

      "ผ้าปูผืนใหม่อยู่ไหน" เสียงสาวใช้คนแรกดังขึ้นเปลี่ยนอารมณ์เป็นจริงจัง

      "เอ๊ะ ข้าจำได้ว่าหยิบมาด้วยนะ" สาวใช้คนที่สองทำเสียงตกใจ

      "เจ้านี่มันจริงๆเลย ลืมอีกแล้วหรอ ไปเอามาเดี๋ยวนี้เลย แล้วเอาผืนนี้ไปลงถังซักด้วย"

      "แล้วเจ้าล่ะ จะอยู่บนนี้กินแรงเพื่อนหรือไง"

      "ความผิดเจ้า ข้าไม่เกี่ยว" จากนั้นก็มีเสียงเปิดปิดประตู ซานซากลืนน้ำลายด้วยความยากลำบาก ถ้าสาวใช้คนนั้นเปิดประตูล่ะ เธอจะมีแรงพอต้านไหวไหม ตอนนี้ทั่วทั้งร่างของเธอยังมีอาการอ่อนเพลียเนื่องจากระดูอยู่เลย

      แล้วเสียงฝีเท้าก็ดังขึ้นรอบๆห้อง จากเตียงไปหยุดที่โซฟาแล้วเดินไปหยุดอยู่ที่ระเบียง เสียงนั้นเดินใกล้เข้ามาเรื่อยๆจนหมุนลูกบิดประตูห้องน้ำที่ซานซาใช้ซ่อนตัว ซานซากลั้นหายใจ เธอเริ่มลนลาน

      "ไปทำอะไรตรงนั้นน่ะ" เสียงสาวใช้คนที่สองดังขึ้น เธอคงไปหยิบผ้าปูผืนใหม่มาแล้ว สาวใช้ปล่อยลูกบิดประตู ซานซาถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก หัวใจเธอยังคงเต้นอย่างรุนแรง

      "แหม ก็แค่อยากสำรวจดูนิดหน่อยเอง ว่าแต่เห็นชามโจ๊กนี่มั้ย ปกติฝ่าบาททานอาหารร่วมโต๊ะกับท่านเซอร์ซีไม่ใช่หรอ แล้วชามนี้มันของใคร สาวใช้คนแรกที่แอบสังเกตสิ่งต่างๆในห้องจอฟฟรี่ย์เริ่มสงสัย

      เจ้าของรอยเลือดนี้ละมั้ง รีบทำให้เสร็จเถอะ เมื่อกี้ข้าโดนใช้ไปซักผ้าอีกถัง ไปช้าเดี๋ยวจะโดนเอ็ดสาวใช้คนที่สองพูดอย่างไม่ใส่ใจนัก แล้วสาวใช้ทั้งสองก็เสร็จภารกิจ ต่างพากันออกไป เมื่อเสียงปิดประตูดังขึ้น ซานซาก็ทรุดลงไปนั่งที่พื้นแล้วถอนหายใจด้วยความโล่งอก เมื่อเธอเงี่ยหูฟังจนมั่นใจแล้วว่าไม่มีคนอยู่จริงๆจึงเปิดประตูห้องน้ำออกมา

      ด้วยความอ่อนเพลียจึงทำให้ซานซาทรุดลงไปกับพื้นหน้าห้องน้ำ แต่ชุดของเธอดันไปเกี่ยวกับกลอนประตูห้องน้ำ ขาดดังแคว่ก ซานซาตกใจรีบเอามือไปกุมที่เอวทันที เพราะจุดที่ขาดดันเป็นตรงเอว แถมยังขาดเป็นรอยโหว่ใหญ่ซะด้วย ซานซารีบลุกขึ้นเพื่อสำรวจหากล่องด้ายและเข็มในห้อง เป็นโชคดีของเธอที่หัดเย็บปักถักร้อยมาตั้งแต่เด็กๆ จึงทำให้รอยขาดแค่นี้เป็นเรื่องเล็กสำหรับเธอ

      แต่ความโชคร้ายของเธออยู่ตรงที่ในห้องนี้ดันไม่มีของที่เธอตามหา ก็แน่ล่ะ ห้องราชาที่ไหนจะมีกล่องเข็มด้ายล่ะ ซานซาได้แต่คิดในใจว่าแย่แน่ เสื้อผ้าของเธอก็มีแค่สองตัวคือตัวแรกที่เธอใส่มา และตอนนี้ก็นำไปซักเรียบร้อย อีกชุดก็คือชุดที่เธอกำลังใส่อยู่ ซึ่งเป็นชุดจากหอนางโลมที่จอฟฟรี่ย์ไปหามาให้ ซึ่งชุดนี้ก็ค่อนข้างจะโป๊อยู่แล้ว แถมยังมีรอยขาดที่โหว่ตั้งแต่เอวลงมาถึงสะโพกของเธออีก แม้จะรู้ว่าคนอย่างจอฟฟรี่ย์ไม่ทำมิดีมิร้ายกับเธอ แต่เธอก็ไม่อยากให้เขาเห็นเธอในสภาพนี้ซักเท่าไหร่ เธอเดินหาไปทั่วจนเวลาล่วงเลยมาเป็นเวลาเย็น

      ในที่สุดซานซาก็เจอเข็มกลัดอันหนึ่งตกอยู่ใต้เตียง เดาว่าน่าจะเป็นของสองสาวรับใช้ที่มาปูเตียงเมื่อกี้ แต่สภาพของมันไม่เหมาะแก่การใช้งานมากนัก มันค่อนข้างเบี้ยว คงเป็นเพราะอยู่ในสภาพนี้ สองสาวจึงเผลอปล่อยมันทิ้งไว้ นับว่าเป็นความโชคดีของซานซาที่ได้มันมา แม้จะแค่ตัวเดียว แต่ก็ดีสำหรับเธอ

      ซานซาพยายามแงะมันออกมา และแล้ว เสียงที่เธอไม่อยากได้ยินที่สุดก็ดังขึ้นมา

      ทำอะไรของเจ้าน่ะ จอฟฟรี่ย์พูดขึ้นมาเมื่อเขาเข้ามาในห้อง ซานซาดันมาก้มหน้าหันหลังให้เขาที่เตียงซะนี่

      โอ้ยซานซาได้ยินก็ตกใจจนเผลอทำเข็มทิ่มนิ้วตัวเอง

      ให้ตายเถอะ ทำบ้าอะไรของเจ้าจอฟฟรี่ย์รีบสาวเท้าเข้ามาหาเธออย่างรวดเร็ว แล้วประคองนิ้วเธอไว้ จากนั้นเขาสิ่งที่ซานซาไม่คาดคิด จู่ๆเขาก็หยิบผ้าเช็ดหน้าของเขามากดที่แผลเธอไว้

      ทำอะไรระวังหน่อยสิ จะหาเรื่องตายทุกวันเลยหรือไงจอฟฟรี่ย์เงยหน้าขึ้นสบตาซานซา แววตาของเธอมีแต่ความไม่เข้าใจ ก่อนหน้านี้เขายังตวาดเธออยู่เลย พอกลับมาก็มาทำดีกับเธอเนี่ยนะ เธอควรทำตัวยังไงล่ะ

      อุ้ยซานซารีบดึงมือออกจากการกุมของจอฟฟรี่ย์แล้วดึงเสื้อบริเวณรอยขาดให้ซ้อนกัน แล้วกอดตัวเองไว้ในท่าระวังตัว สายตาก็สอดส่องหาเข็มกลัดที่หลุดมือไป

      อะไรอีกล่ะ คิดว่าข้าจะทำอะไรเจ้าหรือไงจอฟฟรี่ย์อารมณ์เสีย เขาอุตส่าห์เป็นห่วง คำขอบคุณซักคำที่เขาควรจะได้รับก็ดันไม่ออกจากปากของซานซา แล้วยังทำท่าป้องกันตัวเองอีก เห็นแล้วก็หงุดหงิด

      ไม่ใช่เพคะ คือเสื้อข้ามันขาดซานซาก้มหน้าด้วยความเขิน

      ขาดแล้วยังไง ข้าควรจะทำอะไรงั้นหรอจอฟฟรี่ย์งง เขาต้องช่วยเธอซ่อมเสื้อผ้าหรือไง แล้วไหนจะท่าทีเขินอายของเธออีก เขายังไม่ทันคิดอะไรเลย

      คือ.อ ถ้าเป็นไปได้ ข้าอยากได้กล่องเข็มด้ายสักชุด เผื่อว่ามีอะไรขาดอีก ข้าจะได้ซ่อมมันซานซาก้มหน้า ไม่รู้ว่าสิ่งที่ขอมันเกินไปหรือเปล่า ที่เธอขอกล่องเข็มด้ายแทนที่จะเป็นชุดใหม่นั่นก็เพราะเธอกลัวว่ายิ่งเอาชุดมามากยิ่งมีคนสงสัย เพราะหอนางโลมจะมีชุดให้แต่ละคนไม่เกินสองชุด เธอไม่อยากให้พวกเธอเหล่านั้นลำบาก

                อ๋อ จะเอามาซ่อมชุดเรอะ ก็ได้ ข้าจะไปเอามาให้จอฟฟรี่ย์พูดอย่างง่ายดาย แค่กล่องเข็มด้ายหายไปกล่องหนึ่งคงไม่มีปัญหาหรอก ว่าแล้วเขาก็ออกจากห้องไป         

      ซานซารออย่างใจจดใจจ่อ แต่ไม่ว่าจะผ่านไปหนึ่งชั่วโมง สองชั่วโมง หรือกระทั่งห้าชั่วโมงก็แล้ว ยังไม่มีวี่แววว่าจอฟฟรี่ย์จะกลับมา ตอนนี้เวลาล่วงเลยไปจนถึงเที่ยงคืนแล้ว ซานซารอจนกระทั่งเผลอหลับไปบนโซฟา         

      โถ่เว้ย

      ซานซาลุกขึ้นมากลางดึก เนื่องจากมีเสียงคนตะโกนด้วยความกราดเกรี้ยวดังมาจากชั้นล่าง ตามด้วยเสียงดาบกระทบต้นไม้ ซานซารีบวิ่งไปดูที่ระเบียง และได้เห็นจอฟฟรี่ย์กำลังใช้ดาบฟันต้นไม้ เรียกว่าฟาดน่าจะเหมาะกว่า เพราะเขาเหมือนตีระบายความโกรธมากกว่าที่จะเป็นการฝึกซ้อม

                  ซานซารีบปิดระเบียงแล้วเดินกลับมาที่โซฟาของเธอ แล้วก็พบกล่องใส่เข็มด้ายที่เธอต้องการ เธอเปลี่ยนกลับเป็นชุดเดิมของเธอ แล้วเอาชุดที่ขาดมาเย็บ แล้วหางตาเธอก็ดันไปเห็นผ้าเช็ดหน้าที่ทองของจอฟฟรี่ย์ ที่ยังมีเลือดเธอเปื้อนอยู่ เธอจึงตัดสินใจปล่อยมือจากชุดที่กำลังเย็บ แล้วนำผ้าเช็ดหน้าไปซักแทน

      -

                   เช้าของวันถัดมา ซานซาตื่นขึ้นมาเพราะแสงสว่างที่สาดเข้ามาในห้อง เธอลุกขึ้นด้วยอาการสะลึมสะลือ อาจเพราะเมื่อคืนเธอเอาแต่เย็บเสื้อผ้า จนทำให้นอนดึกกว่าปกติ แต่แม้ว่าจะนอนเกือบตีสาม จอฟฟรี่ย์ก็ยังไม่กลับมา ทำเอาเธอประหลาดใจเป็นอย่างมาก

                 ปล่อยข้า ท่านแม่ ข้าไม่แต่ง!” เสียงตะคอกดังมาจากที่เตียง ซานซาสะดุ้ง แต่เธอรู้ดีว่าเขาไม่ได้ตวาดเธอ แล้วยังรู้สึกยินดีที่เขากลับมาแล้วด้วย เธอเดินเข้าไปหาเขาที่เตียง จอฟฟรี่ย์นอนขมวดคิ้ว ผ้าห่มกระจายไปด้านหนึ่ง เดาว่าเขาคงละเมอถีบผ้าห่มออกไปเป็นแน่ ซานซาได้แต่ขมวดคิ้วตาม เรื่องแต่งงานนี่มันเรื่องใหญ่ถึงขนาดเก็บเอามาฝันเลยหรอ แล้วที่เมื่อคืนเขาฟาดต้นไม้อย่างโกรธเกรี้ยวนั่นก็เรื่องนี้ด้วยหรอ ซานซานึกแล้วก็สงสัย เธอผ่านการแต่งงานกับคนแคระมาแล้วนะ จะมีใครโชคร้ายไปมากกว่าเธออีกหรอ

                   ซานซาเดินไปที่ระเบียง ดูท่าวันนี้จอฟฟรี่ย์ต้องอารมณ์ไม่ดีอีกตามเคย เธอได้แต่ปลงอยู่ที่ระเบียง แล้วก็มีแมวโผล่มาจากไหนไม่รู้ เดินผ่านระเบียงไป ซานซาอุ้มมันมาด้วยความเอ็นดู เธอเดินมานั่งที่โซฟาแล้วคุยกับมันราวกับเป็นเพื่อนคนหนึ่ง

                  จอฟฟรี่ย์ตื่นขึ้นมาอย่างหัวเสีย นั่นมันฝันอะไรกัน เมื่อคืนท่านแม่ก็เรียกไปคุยเรื่องนี้ แล้วบังคับให้เขาแต่งงานภายในอีกสองวันข้างหน้า ซึ่งก็คือพรุ่งนี้ ทำเอาเขาอารมณ์เสียตั้งแต่เมื่อคืน จนตอนนี้เห็นอะไรก็พาลไปหมด

      แง้วๆเสียงลูกแมวดังมาจากโซฟาด้านหน้า ซึ่งอยู่ในมือของซานซาที่นั่งหันหลังให้เขาอยู่

      แมวเวรเอ๊ยจอฟฟรี่ย์พึมพำเสียงเบา เขาลุกขึ้นพลางหยิบบางสิ่งบนโต๊ะข้างเตียงของเขา

      หิวหรอ แมวน้อยซานซาคุยกับลูกแมวอย่างอารมณ์ดี ใครจะรู้ว่าวินาทีต่อมาจะมีเลือดพุ่งออกมาจากหัวของลูกแมวได้

      กรี้ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดซานซากรีดร้องเสียงดัง อะไรกัน เธอยังไม่ทันตั้งตัว เลือดของแมวกระเซ็นมาโดนหน้าเธอเข้าอย่างจัง กลิ่นคาวเลือดที่คลุ้งทำเอาเธอปิดปากเสียไม่ทัน น้ำตาคลอเบ้า เธอเกือบจะขย้อนเอาอาหารออกมา เมื่อตั้งสติได้เธอก็มองไปข้างหน้า แล้วได้สบตากับแววตาที่แสนเย็นชาของจอฟฟรี่ย์

      ทำอะไรของท่านน่ะ ฝ่าบาท!” ซานซาตะโกนอย่างเหลืออด เธอเดินเข้าไปทุบเข้าที่หน้าอกเขา

      ครั้งก่อนก็กระรอก ครั้งนี้ก็แมวนี่อีก ท่านเป็นคนหรือเปล่า ทำไมถึงได้ใจร้ายใจดำขนาดนี้ซานซาตะโกนออกมาอย่างไม่กลัว

      ข้าจะฆ่าทุกสิ่งที่เจ้ารัก ไม่ว่าจะเป็นกระรอก หรือแมว หรือแม้กระทั่งคน!” จอฟฟรี่ย์พูดขึ้นด้วยความเย็นชา จริงๆเขายังสับสนกับการกระทำของตัวเองอยู่ แต่จะให้เขาขอโทษน่ะรึ ไม่มีทาง คนอย่างเขาก็เป็นแบบนี้แหละ พูดข่มไว้ก่อน ใครจะทำอะไรเขาได้

      ซานซาได้ยินก็อึ้งไป เกิดอะไรขึ้นกับจอฟฟรี่ย์ผู้อ่อนโยนคนนั้น เธอเดินถอยหลังออกมาเพื่อจะได้มองหน้าเขาได้ชัดๆ แววตาของเขาไม่ได้แฝงไว้ด้วยความสนุกเหมือนทุกที ไม่ได้มีความโกรธแค้น แต่เป็นแววตาของคนที่กำลังสับสน ซึ่งเธอก็ไม่เข้าใจเขาเหมือนกัน

      ข้ารักท่านนะ รักที่ท่านอ่อนโยน รักที่ท่านทำทุกอย่างให้ข้า ดูแลข้าตอนที่ข้าไม่สบาย รักที่ท่านไม่บังคับฝืนใจข้าในสิ่งที่ข้าไม่อยากทำ ข้ารักท่านนะซานซาพูดออกมาทั้งน้ำตา แววตาจอฟฟรี่ย์เต็มไปด้วยความสงสัย แล้วเขาก็เผลอยกยิ้มมุมปากขึ้น

      ข้ารักท่านไง ทำไมท่านไม่ฆ่าตัวตายไปซะล่ะ ท่านเพิ่งบอกข้าเองไม่ใช่หรือไงซานซาพูดประโยคถัดมาอย่างรวดเร็ว น้ำตาของเธอไหลอาบไปทั่วหน้า จอฟฟรี่ย์ที่กำลังจะยิ้มเมื่อกี้ ได้เข้าใจความหมายที่ซานซากำลังจะสื่อให้เขารู้ จากแววตาสงสัยเมื่อครู่แปรเปลี่ยนเป็นความโกรธ แล้วเขาก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาที่สุดที่ซานซาเคยได้ยินมา

      น่าสมเพชนะ มารักคนแบบข้าเนี่ย รู้ทั้งรู้ว่าข้าเป็นราชา พรุ่งนี้ข้าก็จะแต่งงานกับมาเจอรี่แล้วด้วย คำบอกรักกิ๊กก๊อกของเจ้าน่ะ ไม่มีผลอะไรกับข้าหรอกพูดจบเขาก็เดินเข้าห้องน้ำไป ซานซาล้มตัวลงด้วยความอ่อนล้า ทำไมนะ ทำไมเธอถึงได้โง่แบบนี้ คิดหรอว่าคนอย่างเขาจะรู้สึกแย่ที่โดนเธอตอกกลับไปแบบนั้น คนที่รู้สึกแย่คงมีแค่เธอเท่านั้นแหละ ดันพูดความจริงออกไป ทำให้ตัวเองดูน่าสมเพช ซานซายิ่งคิดก็ยิ่งเจ็บ เธอร้องไห้ฟุบอยู่กับโซฟา นานเท่าไหร่ไม่รู้จนกระทั่งเธอผลอยหลับไป

      -

                   จอฟฟรี่ย์เดินเข้าห้องน้ำด้วยความเจ็บปวด เขาเผลอคิดไปได้ไงว่าคำพูดของซานซาเป็นเรื่องจริง เขาเกือบจะดีใจอยู่แล้ว ถ้าไม่มีประโยคถัดมาที่ทำเอาหัวใจเขาแหลกสลาย สุดท้ายเขาก็ต้องยอมแต่งงานทั้งๆที่เขาไม่ได้อยากแต่งงั้นหรอ ทำไงได้ คนที่เขารักก็ดันเกลียดเขาสุดชีวิตไปเสียแล้ว จอฟฟรี่ย์ก้าวเท้าลงอ่างอาบน้ำด้วยหัวใจที่เจ็บปวด น้ำตาที่ไม่เคยไหลออกมาให้กับสิ่งใดเริ่มคลอเบ้า ทำไมความรักถึงทำให้คนเราอ่อนแอได้ถึงเพียงนี้ เขาได้แต่เฝ้าถามตัวเอง

      -

                   ซานซาตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกหนักๆที่ตา นี่เธอร้องไห้ไปนานแค่ไหนกันนะ ความทรงจำล่าสุดคือร้องไห้บนโซฟา และแล้วเธอก็ต้องพบความจริงอีกครั้ง เมื่อกลิ่นคาวเลือดโชยเข้าจมูกของเธอตามด้วยความรู้สึกหนืดๆตามลำตัว ซานซาถอนหายใจแล้วเดินไปหยิบผ้าขนหนูมาทำความสะอาด ตอนนี้จอฟฟรี่ย์ไม่อยู่ในห้อง เป็นโอกาสดีที่เธอจะได้แสดงความอ่อนแอออกมาได้อย่างเต็มที่ เธอทำไปก็ร้องไห้ไป ความรู้สึกรักยังคงตรึงอยู่ในใจของเธอ แม้จะมีความเกลียดเข้ามาแทรก แต่รักก็คือรัก เธออดเสียใจไม่ได้ที่รู้ว่าเขาจะแต่งงานวันพรุ่งนี้ เร็วเหลือเกิน เธอยังไม่ทันเตรียมใจรับสิ่งนั้นได้เลย หลังจากนี้ชะตากรรมของเธอจะเป็นยังไงนะ จะถูกขังอยู่ในห้องนี้ต่อไป หรือจะโดนปล่อย ไม่ว่าทางไหนเธอก็รู้สึกเคว้งคว้าง โลกนี้ช่างประหลาด รักคนที่ไม่ควรจะรัก ซานซาเดินเข้าห้องน้ำไปบิดผ้าเช็ดหน้า สายตาก็ไปปะทะกับผ้าผืนสีทองที่ตากอยู่ในห้องน้ำ ผ้าเช็ดหน้าของเขา...จอฟฟรี่ย์

      -

      **ในที่สุดวันอภิเษกสมรสของราชาจอฟฟรี่ย์กับเลดี้มาเจอรี่ก็มาถึง เป็นเวลาเช้าตรู่ที่จอฟฟรี่ย์ตื่นขึ้นมาเพื่อจัดการอะไรๆให้เข้าที่ก่อนจะถึงพิธีจริงในช่วงสาย แขกบางส่วนจากอาณาจักรข้างเคียงเริ่มทยอยมาถึง แต่ละคนก็ได้พักผ่อนตามอัธยาศัย จอฟฟรี่ย์อยู่ในห้องลองชุดกับอดีตราชินีเซอร์ซี เขากำลังลองชุดเข้าพิธีอยู่ เซอร์ซีมองลูกชายด้วยความภูมิใจ ในที่สุดลูกชายก็จะมีครอบครัวที่สมบูรณ์แล้ว แม้ว่าเธอจะไม่ชอบหน้ามาเจอรี่สักเท่าไหร่ก็ตาม จอฟฟรี่ย์รับเสื้อที่คนรับใช้ส่งให้มาลองสวม

      นี่มีลายดอกไม้ ข้าไม่ใส่ ของผู้หญิงชัดๆจอฟฟรี่ย์ถอดออกทันทีเมื่อได้เห็นลายของมันใกล้ๆ แล้วโยนมันคืนให้คนรับใช้

      เซอร์ซีขมวดคิ้วเล็กน้อย เธอเป็นคนเลือกชุดนี้เองกับมือ แต่นั่นไม่ใช่เรื่องที่ควรจะมาบังคับลูกชายในวันดีๆแบบนี้ หลังได้ชุดที่ถูกใจแล้ว จอฟฟรี่ย์ก็เดินกลับมาที่ห้องนอน พร้อมกับจานสเต็กในมือทั้งสองจาน เมื่อเปิดประตูไปก็ต้องแปลกใจว่าซานซาตื่นขึ้นมาแล้ว ปกติเธอตื่นออกจะสาย นี่พระอาทิตย์เพิ่งจะโผล่ขึ้นพ้นขอบฟ้า เขาก็ไม่อยากคิดเข้าข้างตัวเองหรอกว่าเธอตื่นมารอเขา ในเมื่อเธอออกจะเกลียดเขา

      อ้าวฝ่าบาท ดีใจจัง ข้านึกว่าท่านจะไม่กลับมาเสียแล้วซานซาพูดขึ้นเมื่อเห็นจอฟฟรี่ย์ก้าวเข้ามาในห้อง

      ข้าเอาอาหารมาให้น่ะ วันนี้เราคงไม่ได้เจอกันอีก อาจจะไม่ใช่แค่วันนี้ หลังแต่งงานข้าจะไปอยู่ห้องใหม่กับมาเจอรี่ หลังจากนี้เจ้าอยากจะไปไหนก็ได้ ข้าไม่มีอะไรจะรั้งเจ้าอีกแล้วจอฟฟรี่ย์วางจานสเต็กทั้งสองลงบนโต๊ะ จากเหตุการณ์เมื่อวาน ทั้งคู่ไม่ได้พูดคุยกันอีก หลังจอฟฟรี่ย์ออกจากห้องไป และกลับเข้าห้องตอนที่ซานซาหลับไปแล้ว ไม่คิดว่าเมื่อได้คุยกันอีกครั้ง จอฟฟรี่ย์จะเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้ ซานซาได้ยินที่จอฟฟรี่ย์พูดก็ใจหาย เธอหยิบผ้าเช็ดหน้าสีทองที่วันก่อนจอฟฟรี่ย์ใช้มันซับเลือดให้เธอขึ้นมาแต่บัดนี้มันไม่ได้เป็นผ้าสีทองเรียบๆตามเดิม กลับมีลายดอกกุหลาบแผ่หราอยู่บนผ้าเช็ดหน้า เธอเป็นคนเย็บมันขึ้นมาเอง ด้วยทักษะที่มีมาตั้งแต่เด็กของเธอ ทำให้มันดูสวย สง่า เหมาะกับผ้าสีทองผืนนี้

      ข้าอยากให้ท่าน เป็นของขวัญวันแต่งงาน มันอาจไม่มีค่าพอให้ท่านเก็บมันเอาไว้ แต่ข้าก็ยังจะให้ท่าน โปรดรับมันไว้ด้วยซานซาถือมันด้วยสองมือของเธอ ยื่นมันให้กับจอฟฟรี่ย์ จอฟฟรี่ย์มองเข้าไปในแววตาของซานซา ทั้งคู่ประสานสายตากันเนิ่นนาน โดยไม่มีใครเปล่งเสียงใดๆออกมา ความรู้สึกของทั้งคู่เหมือนกัน รักแต่แสดงออกมาไม่ได้ จอฟฟรี่ย์อยากจะคว้าตัวเธอมากอด อยากจะพูดขอโทษ อยากจะบอกว่ารัก ให้ตรงกับความรู้สึกภายในใจตอนนี้ แต่เขาทำไม่ได้ ในเมื่ออีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า เขาต้องแต่งงานกับผู้หญิงที่รอเขาอยู่ ในที่สุดจอฟฟรี่ย์ก็เป็นคนถอนสายตาออกมาเสียก่อน

      ขอบใจสำหรับผ้าเช็ดหน้านะจอฟฟรี่ย์พูดออกมาได้แค่นี้จริงๆ เขาหยิบผ้าเช็ดหน้าจากมาเธอ แล้วเดินออกจากห้องไป ซานซาเริ่มรู้สึกร้อนผะผ่าวที่ดวงตา ในที่สุดเธอก็กลั้นมันไม่ไหวอีกต่อไป เสียงสะอื้นของเธอดังอยู่ในห้อง แม้เสียงจะดังเพียงไร ก็ไม่ดังพอที่จอฟฟรี่ย์จะได้ยินมัน

                      ในที่สุดก็ถึงเวลาของงานอภิเษกสมรส ที่จัดขึ้นในลานกว้าง จอฟฟรี่ย์ มาเจอรี่ และเซอร์ซีนั่งอยู่ที่โต๊ะ ใจของจอฟฟรี่ย์ไม่ได้อยู่กับเนื้อกับตัว ใบหน้าไม่มีความยินดีปรากฏ มาเจอรี่เห็นพอดีจึงหันไปยิ้มให้ จอฟฟรี่ย์ยิ้มตอบตามมารยาท แม้จะเป็นยิ้มที่แข็งที่สุดในชีวิตก็ตาม เนื่องจากเป็นงานมงคลและยิ่งใหญ่ แขกเหรื่อทั้งหลายจึงเตรียมการแสดงมาเพื่อเป็นของขวัญวันแต่งงานให้แก่พระราชา แต่จอฟฟรี่ย์ไม่ได้สนใจมันแม้แต่นิด เขานั่งเหม่อลอย ในใจมันตีกันยุ่งไปหมด มาเจอรี่เห็นภาพนั้นก็เหนี่ยใจ เธอถอนหายใจออกมาก่อนจะหยิบไวน์ขึ้นมาดื่ม

      อุ๊ยมาเจอรี่แกล้งทำน้ำหกรดตัวเองเพื่อเรียกร้องความสนใจจากจอฟฟรี่ย์ จอฟฟรี่ได้ยินก็หลุดจากอาการเหม่อ แล้วหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาซับให้มาเจอรี่ เซอร์ซีเห็นก็ยิ้มออกมา แต่เมื่อมองดีๆแล้วก็เห็นลายดอกไม้บนผ้าเช็ดหน้าผืนนั้น เธอขมวดคิ้ว แต่ก็ไม่ได้ถามอะไร ตอนแรกเธอนึกแปลกใจที่จอฟฟรี่ย์ใช้ผ้าเช็ดหน้าที่มีดอกไม้ ทั้งๆที่เขาเกลียดลายดอกไม้เพราะมองว่ามันเป็นของผู้หญิง แต่เธอแปลกใจมากกว่าว่าเขาไปเอาผ้าเช็ดหน้าผืนนี้มาจากไหน

      มาเจอรี่ยิ้มให้จอฟฟรี่ย์ ถึงเขาจะดูเหม่อ แต่ก็ยังสนใจเธอบ้างล่ะนะ เธอคิดอย่างมีความสุข จอฟฟรี่ย์ผละตัวออกมาจากมาเจอรี่ เขาเก็บผ้าเช็ดหน้าไว้กับตัว ไม่ได้ให้คนรับใช้ไปซักเหมือนปกติ

      เวลาล่วงเลยไปจนถึงช่วงเย็น ซึ่งเป็นการเข้าพิธีซึ่งจัดในห้องโถงใหญ่ บาทหลวงกล่าวคำสาบานของทั้งคู่ เมื่อจอฟฟรี่ย์สวมผ้าห่มให้มาเจอรี่ก็มีเสียงปรบมือก้องไปทั่วทั้งห้องโถง พิธีเป็นอันสมบูรณ์ ทั้งคู่ก้าวลงจากเวทีมานั่งที่โต๊ะอาหารเพื่องานเลี้ยงฉลอง จอฟฟรี่ย์ไม่ได้แตะอาหารบนโต๊ะแม้แต่อย่างเดียว เซอร์ซีเห็นแบบนั้นก็ไม่สบายใจ ก็จอฟฟรี่ย์ไม่ได้กินอะไรเลยตั้งแต่เช้า ทำไมวันนี้ลูกชายของเธอถึงเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้ จอฟฟรี่ย์ลุกขึ้น กระซิบบอกมาเจอรี่เบาๆว่าจะไปเดินเล่น แล้วเดินออกมาจากโต๊ะ มาเจอรี่ซึ่งกำลังคุยอยู่กับท่านย่าของเธออย่างสนุกสนานถึงกับงงไปชั่วขณะ คิดว่าจะเดินตามไปหรือปล่อยให้เขาไปคนเดียวดี สายตาก็ดันเหลือบไปเห็นเซอร์ซีนั่งขมวดคิ้วจ้องเธออยู่ จึงต้องเดินตามจอฟฟรี่ย์ออกไปจนได้

      รอก่อนสิคะจอฟฟรี่ย์มาเจอรี่วิ่งตามออกมาจนพ้นประตูของห้องโถง ก็เห็นว่าจอฟฟรี่ย์เดินออกไปไกลจากห้องโถงเสียแล้ว เขากำลังมองขึ้นไปบนห้องนอนเก่าของเขา มาเจอรี่เห็นก็มองตาม แต่ไม่มีอะไรนอกจากผ้าม่านปิดไว้ จึงเดินเข้าไปเกาะแขนจอฟฟรี่ย์

      คิดถึงห้องเก่าหรือคะ คืนนี้เราไปนอนห้องนั้นก็ได้นะ ถ้าท่านต้องการเสียงมาเจอรี่เจื้อยแจ้วดึงความคิดของจอฟฟรี่ย์กลับมา

      ไม่ได้!” จอฟฟรี่ย์เผลอขึ้นเสียงจนมาเจอรี่สะดุ้ง แต่แล้วก็รู้ตัวจึงหันมาจับไหล่มาเจอรี่แล้วหันหน้าเข้าหาเธอ

      ข้าหมายถึง ห้องใหม่น่ะดีแล้ว ข้าไม่ได้คิดถึงห้องเก่าหรอก แค่กำลังมองหาห้องใหม่ของเราก็เท่านั้นจอฟฟรี่ย์พูดอย่างลุกลี้ลุกลน มาเจอรี่เห็นก็หัวเราะออกมาเบาๆ

      ห้องของเราอยู่ถัดจากห้องท่านไปห้องหนึ่งนั่นไงคะ ไว้ข้าจะพาท่านไปดูมาเจอรี่ชี้ขึ้นไปบนตึก ห้องที่ห่างจากห้องเก่าห้องหนึ่ง มีผ้าม่านสีชมพูกำลังปลิวด้วยแรงลมอยู่

      เดี๋ยวคืนนี้เราก้ได้นอนแล้ว ไม่ต้องพาไปดูแล้วล่ะจบคำจอฟฟรี่ย์ มาเจอรี่ก็หัวเราะขึ้นมาอย่างสดใส

      -

      เมื่อทั้งสองเดินเล่นกันจนเริ่มดึกแล้วก็เดินกลับเข้ามาในห้องโถง ทั้งงานเลี้ยงยังคงมีเสียงพูดคุยดังก้องอยู่ เมื่อเซอร์ซีเห็นทั้งคู่ก็ลุกขึ้นปรบมือหนึ่งครั้งเพื่อเรียกความสนใจ

      ถึงพิธีเข้าหอแล้ว ขอให้แขกทุกท่านร่วมดื่มอวยพรให้แก่ราชาและราชินีของเราด้วยของเราด้วย เซอร์ซียกแก้วขึ้น แขกทุกคนเห็นดังนั้นก็ยกแก้วขึ้นตามแล้วกล่าวไชโยกัน มาเจอรี่เห็นก็ยิ้มรับแล้วควงแขนจอฟฟรี่เดินเข้ามา แขกทุกคนต่างพูดอวยพรเอทั้งคู่เดินผ่าน จนในที่สุดก็ขึ้นมาบนห้องจนได้

      เป็นมาเจอรี่ ที่เดินเข้าไปนั่งบนเตียงก่อน จอฟฟรี่ย์ยืนอยู่หลังประตู จนมาเจอรี่หันมามอง เขาจึงเดินเข้าไป จอฟฟรี่ย์รู้อยู่แก่ใจว่าเขาจะต้องทำพิธีให้เสร็จสมบูรณ์ แต่ในใจเขาก็ค้าน เพราะเขาไม่ได้รักมาเจอรี่ เขาเดินมานั่งข้างมาเจอรี่ เธอถอดเสื้อนอกออกแล้วโน้มตัวมาถอดเสื้อนอกของจอฟฟรี่ย์ด้วย จอฟฟรี่ย์เก้ๆกังๆแต่ก็ถอดมันออก

      ตื่นเต้นหรือคะมาเจอรี่เห็นจอฟฟรี่ย์ท่าทางแปลกไป เธอเองก็เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้ตอนที่อยู่กับเรนลี่ แต่เธอไม่คิดว่าจอฟฟรี่ย์จะเป็นเกย์ เพียงแต่สงสัยว่าทำไมเขาไม่ได้ตื่นเต้นกับคืนเขาหอเลยแม้แต่นิด

      เปล่าหรอก ไม่มีอะไรจอฟฟรี่ย์ตอบ แต่สายตายังคงจ้องไปที่ประตู มาเจอรี่โน้มหน้าเข้าใกล้ ในเมื่อจอฟฟรี่ย์ไม่สนใจ เธอก็จำเป็นจะต้องเป็นฝ่ายรุกเอง จอฟฟรี่ย์สะดุ้งนิดหน่อยตอนที่ริมฝีปากของมาเจอรี่มาสัมผัสกับปากของเขา เขาจูบตอบเธอจนเคลิ้ม แล้วเป็นฝ่ายผลักมาเจอรี่ลงบนเตียง พอถอนจูบออก มาเจอรี่ก็ยิ้มออกมา แต่จอฟฟรี่ย์กลับผละตัวขึ้นมายืน

      ข้าทำไม่ได้จอฟฟรีย์หันหน้าไปทางอื่น เขาดันนึกภาพใบหน้าของซานซาตอนที่เธอยืนที่ระเบียงพร้อมน้ำตาในตอนเย็น แต่เมื่อเธอเห็นเขาก็ปิดม่านแล้วเดินหนีเข้าห้องไป เขาไม่อาจลบภาพนั้นออกจากหัวของเขาได้เลย มาเจอรี่ตกใจ ทำไมจอฟฟรี่ย์ถึงหยุด มาถึงขั้นนี้แล้วเขายังจะชั่งใจอะไรอยู่อีก มาเจอรี่ลุกขึ้นมายืนข้างเขา ลูบไหล่เขาเบาๆแล้วซบหน้าลงบนไหล่

      ข้าเข้าใจ นี่ก็เป็นครั้งแรกของข้าเหมือนกัน เรามาทำมันด้วยกันนะมาเจอรี่กระซิบเบาๆข้างหูของเขา แต่จอฟฟรี่ย์กลับผลักเธอออก

      ข้าขอโทษ แต่คืนนี้ข้านอนกับเจ้าไม่ได้จริงๆ ข้ากลับห้องของข้าดีกว่าจอฟฟรี่ย์พูดจบก็เดินออกมาจากห้อง ทิ้งให้มาเจอรี่นั่งร้องไห้อยู่บนเตียง

      จอฟฟรี่ย์กลับเข้าห้องของเขา ไม่แปลกใจเลยที่เห็นซานซานั่งร้องไห้อยู่บนเตียง เมื่อเธอเห็นเขาก็รีบปาดน้ำตา แล้วก็ต้องแปลกใจที่เห็นเขาเข้ามาด้วยชุดตัวในเพียงตัวเดียว

      ท่านมาทำอะไรซานซาพูด บังคับตัวเองไม่ให้เสียงที่เปล่งออกมาสั่น แต่ก็ทำได้ยาก

      จอฟฟรี่ย์เองก็ไม่เข้าใจว่าเขากลับมาทำไม รู้เพียงแค่เขาไม่อยากเห็นเธอร้องไห้ จึงส่งผ้าเช็ดหน้าที่เธอให้เขาเมื่อเช้าแก่เธอ แม้ตอนนี้มันจะเลอะคราบไวน์ก็ตาม

      ข้าเอาผ้าเช็ดหน้ามาคืน เสียงร้องไห้ของเจ้ามันรบกวนอารมณ์ของข้าแต่คำพูดมักจะสวนทางกับความคิดของเขาเสมอ จอฟฟรี่ย์เองก็ตกใจที่เผลอพูดแบบนั้นออกไป ซานซาได้ยินก็มองเขาด้วยแววตาแข็งเกร็ง เธอเดินไปที่โต๊ะริมระเบียงแล้วนั่งลง

      ข้าจะไม่ร้องไห้ให้ท่านอีกแล้ว สบายใจเถอะซานซาหยิบมีดขึ้นจากจานสเต็ก จอฟฟรี่ย์เห็นดังนั้นก็รีบปรี่เข้ามาจับข้อมือเธอไว้

      จะทำอะไร!” จอฟฟรี่ย์ขึ้นเสียง คิดว่าเขาทำให้เธอเสียใจเพราะคำพูดของเขาจนคิดฆ่าตัวตาย

      ปล่อยข้า! ต่อไปนี้ข้าจะไม่ร้องไห้ให้ท่านอีก ข้าจะไม่ทำให้ท่านลำบากเพราะข้าอีก และข้าจะเลิกรักท่านด้วยประโยคหลังเธอพูดด้วยเสียงอันเบา พยายามดึงมือของตัวเองมาจากเขา แต่ก็สู้แรงไม่ได้ จอฟฟรี่ย์ได้ยินก็กอดเธอจากด้านหลัง

      หยุดเถอะ เลิกคิดฆ่าตัวตายสักที ถ้าเจ้าอยากจะทรมาณข้า ก็ทำด้วยวิธีอื่น อย่าทำให้ตัวเองเจ็บตัวเลย ข้าไม่อยากเห็นเจ้าเจ็บอีกแล้วจอฟฟรีย์กอดซานซาไว้ แล้วน้ำตาก็เริ่มไหลออกมา

      แล้วก็ อย่าเลิกรักข้าเลยนะจอฟฟรี่ย์ซุกหน้าเข้ากับไหล่ของซานซา ซานซางงไปชั่วขณะ แล้วหน้าก็ขึ้นสีเล็กน้อย

      รู้แล้วน่า แล้วก็ปล่อยข้าได้แล้ว ข้าจะกินสเต็กซานซาไม่อยากพูดแต่ก็ต้องพูด เพียงแค่เธอหยิบมีดขึ้นมา ก็ได้เห็นมุมอ่อนโยนของจอฟฟรี่ย์ ไม่รู้จะดีใจหรือขำก่อนดี จอฟฟรี่ย์ผละออกจากเธออย่างรวดเร็ว แล้วรีบเช็ดน้ำตาก่อนที่ซานซาจะทันได้เห็น ตอนนี้หน้าเขาแดงจัดด้วยความอาย เพิ่งรู้ตัวว่าโชว์ความอ่อนแอของตัวเองให้ซานซาเห็นก็อายต้องรีบเดินไปนอนบนเตียง เอาผ้าห่มมาคลุมหัวตัวเองไว้

      ซานซายิ้มที่เห็นมุมน่ารักของจอฟฟรี่ย์ ก่อนจะให้มีดหั่นสเต็กด้วยความบรรจง

      กินด้วยกันมั้ยซานซาชวน เห็นจอฟฟรี่ย์งอนเป็นเด็กๆอยู่บนเตียงแล้วก็ขำ จอฟฟรี่ย์เองด้วยศักดิ์ศรีเขาก็ไม่อยากจะตอบรับคำชวนของเธอ แต่เพราะทั้งวันเขายังไม่ได้แตะอาหารแม้แต่คำเดียว จนตอนนี้กระเพาะส่งเสียงประท้วง สุดท้ายเขาก็ยอมลงจากเตียงมานั่งกินกับเธอจนได้

      แล้วเลดี้มาเจอรี่ล่ะ ท่านไม่ต้องอยู่กับนางหรอซานซาเปิดประเด็น จริงๆเธอมีหลายเรื่องที่อยากถาม จึงต้องเริ่มด้วยประโยคนี้ จะได้ไม่ดูละลาบละล้วงเกินไปนัก

      อยู่ในห้องน่ะ ข้าหนีออกมาก่อนจอฟฟรี่ย์พูดไปด้วย หั่นสเต็กไปด้วย จนเห็นว่าซานซาเงียบไป จึงเงยหน้าขึ้นมามอง เห็นเธอทำหน้าฉงน จึงพูดต่อ

      ก็ข้าไม่ได้รักมาเจอรี่ จะให้ข้าไปนอนก็เธอได้ยังไงล่ะจอฟฟรี่ย์เห็นว่ามันเป็นเรื่องปกติ จึงเล่าออกมาได้หน้าตาเฉย

      นี่ท่านแต่งงานกับนางแล้วนะ จะพูดแบบนี้ได้ยังไง แล้วปล่อยเธอไว้คนเดียวในคืนเข้าหอนี่มัน น่าเกลียดที่สุดซานซาเข้าใจหัวอกของมาเจอรี่ การถูกสามีทิ้งในคืนเข้าหอนี่มันน่าทำใจลำบาก ยกเว้นว่ามาเจอรี่จะไม่อยากนอนกับเขาเอง เหมือนเธอกับทีเรียน

      แล้วยังไง จะให้ข้ากลับไปหรอ ก็ข้ารักเจ้า แล้วเจ้าก็รักข้า มันจะมีเหตุผลอะไรให้ข้าไปมีลูกกับนาง ทำไมต้องฝืนใจกันด้วยจอฟฟรี่ย์เงยหน้าขึ้นมามองซานซา ทำไมเธอจะต้องมาอะไรกับเขาด้วย ตั้งแต่ตอนที่ยังไม่แต่งงาน เธอก็มาบังคับให้เขาแต่ง จนตอนนี้ยังจะบังคับให้เขานอนกับคนที่เขาไม่ได้รักอีก

      แต่ซานซากลับเงียบไป เธอก้มหน้ามองสเต็กในมือแล้วขี่ยไปเขี่ยมา ที่จริงเธอกำลังเขินคำพูดของจอฟฟรี่ย์อยู่ ที่เจ้าตัวพูดออกมาได้น่าตาเฉย

      แต่ท่านเพิ่งแต่งงานนะ ยังต้องอยู่กับนางไปอีกนาน ท่านจะทำแบบนี้ไม่ได้ในที่สุดความถูกต้องก็ทำให้ซานซาต้องพูดมันออกมา จอฟฟรี่ย์ได้ยินก็ร้องอ๋อ แล้วลุกขึ้นยืน ซานซามองตาม ในที่สุดเขาก็จะกลับไปแล้วสินะ เธออดเศร้านิดนึงไม่ได้

      ข้าจะไปยกเลิกงานนั่นซะจอฟฟรี่ย์เดินออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งความงงให้กับซานซา

      -

                จอฟฟรี่ย์เดินมาตามทางจนเจอเซอร์ซีในห้องใกล้ๆห้องโถง เธอกำลังคุยอยู่กับแขกคนหนึ่ง เมื่อเห็นจอฟฟรี่ย์ เธอจึงผละออกจากแขกคนนั้นแล้วมาหาจอฟฟรี่ย์อย่างรวดเร็ว

                เจ้ามาทำอะไรที่นี่ ทำไมไม่อยู่ในห้องเซอร์ซีดุ เพราะเวลานี้ไม่ใช่เวลาที่จอฟฟรี่ย์จะออกมาเดิน

                ข้าจะมาบอกท่านแม่ให้ยกเลิกงานแต่งจอฟฟรี่ย์พูดเหมือนกับบอกให้ท่านแม่ไปเด็ดดอกไม้ เขาพูดเหมือนมันทำได้ง่ายดาย

                นี่เจ้าพูดเล่นใช่มั้ยเซอร์ซีไม่รู้ว่ามันเป็นมุกหรือเปล่า เล่นพูดซะเธอตกใจ

                ข้าพูดจริง ข้ารักซานซา และข้าจะแต่งกับนาง

                อย่ามาพูดให้ข้าขำหน่อยเลย อย่างเจ้าเนี่ยนะจะรักซานซา เหอะ ให้เจ้าพูดว่าต่อไปจะไม่ฆ่าสัตว์ยังน่าเชื่อกว่าเซอร์ซีพูดแล้วก็นึกขำ

                ท่านแม่จำเลือดบนเตียงนั่นได้ใช่มั้ย นั่นแหละเลือดของนาง ข้าพานางมาไว้ในห้องตั้งแต่วันที่นางกับท่านอาแต่งงานกัน ตอนนี้นางตั้งครรภ์ให้ข้าแล้วจอฟฟรี่ย์พูดด้วยสีหน้าจริงจังที่สุดเท่าที่เขาจะปั้นมันได้

                ไม่จริง ข้าไม่เชื่อเซอร์ซีพูดด้วยเสียงอันเบา ไม่ใช่ว่าไม่มีมูลซะทีเดียว เธอยังคงสงสัยในวันที่ทีเรียนออกจากเมืองไป ไหนจะเลือดนั่นอีก ถ้าที่จอฟฟรี่ย์พูดเป็นความจริงก็จะไขเรื่องนี้ออก แต่เธอก็ยังไม่ปักใจเชื่อร้อยเปร์เซ็นต์

                ข้ายังไม่ได้นอนกับมาเจอรี่ และจะไม่มีวันนอนกับนาง เพราะงั้นเราจะไม่มีทายาทสืบสกุล แต่ข้าจะให้ลูกของข้า กับซานซามาสืบสกุลแทน ถ้าท่านไม่ขัดล่ะนะจอฟฟรี่ย์พูดเป็นเชิงขู่ เขารู้ว่าท่านแม่เกลียดลูกนอกสมรสจะตาย คงไม่มีทางปล่อยให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้น

                แล้วมาเจอรี่ล่ะ เราจะทำให้นางเสียหน้าไม่ได้ ไม่งั้นเราจะเป็นศัตรูกับตระกูลของนางเซอร์ซีเครียดจนต้องเอามือนวดขมับ

                ข้าจะไปบอกพวกแขกเองมาเจอรี่เดินมาจากข้างหลัง เธอได้ยินบทสนทนาตั้งแต่แรก เพราะเธอแอบเดินตามจอฟฟรี่ย์มาตั้งแต่เห็นว่าเขาออกจากห้องเดิมของเขา เธอสงสัยจนได้รับคำตอบแล้ว และเธอปล่อยให้มันเป็นแบบนั้นไม่ได้

                ทั้งจอฟฟรี่ย์และเซอร์ซีหันมามองเธอ ใบหน้าของเธอยังมีคราบน้ำตาให้เห็น แต่ตอนนี้เธอสวมชุดนอกกลับมาเรียบร้อย เธอพยักหน้าให้แก่ทั้งคู่

                ข้าโดนปฎิเสธความรักจากชายทั้งสองคนแล้ว ข้าพอแล้ว ไม่อยากจะดันทุรังอีก ข้าจะบอกทุกคนเอง แล้วพรุ่งนี้ข้าจะเดินทางกลับมาเจอรี่พูดจบเธอก็เดินเข้าไปในห้องโถง แล้วปรบมือหนึ่งครั้ง

                ทุกท่านคะ วันนี้ทางเราต้องขอประทานอภัยอย่างสุดซึ้ง งานที่เกิดขึ้นในวันนี้เป็นเพียงการจำลองเหตุการณ์จริงที่จะเกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้เท่านั้น และราชินีก็ไม่ใช่ข้าด้วย ส่วนจะเป็นใครนั้น พวกท่านต้องรอดู ด้วยความเคารพจากมาเจอรี่แห่งไทเรลค่ะมาเจอรี่ถอนสายบัวด้วยความสง่า แขกทุกคนที่กำลังคุยกันเซ็งแซ่ตอนแรกเงียบลงแล้วกลับคุยกันด้วยเสียงที่ดังขึ้นกว่าเดิม หลายคนสงสัย หลายคนประหลายใจ แต่มาเจอรี่ก็เดินกลับมาแล้ว จึงได้แต่งงกัน

                เท่านี้ก็หมดปัญหาแล้ว ข้าขอตัวก่อนมาเจอรี่บอกกับเซอร์ซีและจอฟฟรี่ย์ก่อนจะรีบเดินไป แล้วน้ำตาเธอก็ไหลอีกครั้ง

                ทั้งเซอร์ซีและจอฟฟรี่ย์ต่างก็ยังตามความคิดไม่ทัน ในที่สุดจอฟฟรี่ย์ก็ยักไหล่ให้กับเซอร์ซีแล้วเดินจากไป ทิ้งให้เซอร์ซีกำหมัดแน่นอยู่คนเดียว

      -

                ซานซานั่งอยู่ในห้องคนเดียว ตอนนี้เธอได้แต่คิดว่าจอฟฟรี่ย์พูดเล่น แต่ก็แอบดีใจไม่ได้ ยิ่งได้ยินเสียงแขกข้างล่างคุยกันเสียงดังกว่าปกติก็ยิ่งทำให้สิ่งที่จอฟฟรี่ย์พูดมาน่าเชื่อถือขึ้น

                จอฟฟรี่ย์เข้าห้องมาด้วยสีหน้าเปี่ยมสุข เขาเดินมานั่งเก้าอี้ตรงข้ามกับซานซา

                พรุ่งนี้เจ้าต้องแต่งงานกับข้าจอฟฟรี่ย์พูดก็ยิ้มออกมา มีแต่ซานซาที่ยังงง

                ท่านว่าอะไรนะซานซาไม่รู้จะดีใจหรือเสียใจดี นี่มันอะไรกัน ทำไมยกเลิกงานแต่งมันง่ายดายถึงเพียงนี้

                เจ้าฟังไม่ผิดหรอก ข้าบอกท่านแม่ไปว่าเจ้าตั้งครรภ์ให้ข้า ก็แค่นั้นนึกไปแล้วจอฟฟรี่ย์ก็ขำ เขาพูดแบบนั้นไปได้ยังไง ในเมื่อทั้งคู่ยังไม่ได้ทำอะไรล่วงเกินกันเลยซักนิด แต่ซานซากลับอ้าปากค้าง นี่ไม่ใช่เรื่องเล็กๆแล้ว เธอลุกขึ้นมายืนข้างเขา อยากถามอะไรหลายๆอย่าง แต่ปากมันเปล่งเสียงไม่ออก

      จอฟฟรี่ย์ลุกขึ้นมาเผชิญหน้ากับเธอ แล้วเขาก็ทำสิ่งที่เธอไม่คาดคิดด้วยการคุกเข่าลงไปข้างนึงแล้วกุมมือซ้ายของซานซาไว้

                ได้โปรดแต่งงานกับข้าจอฟฟรี่ย์จูบหลังมือซ้ายของเธอค้างอยู่อย่างนั้นจนซานซาหน้าแดงจัด ในที่สุดเธอก็พูดตอบรับเขา

                เพคะ ฝ่าบาทพูดด้วยเสียงเบาราวกับกระซิบ ดึงจอฟฟรี่ย์ให้ลุกขึ้นมา จอฟฟรี่ย์กอดเธอไว้ในอ้อมแขนของเขา ซานซายอมให้กอดแต่โดยดี แล้วจอฟฟรี่ย์ก็กระซิบที่ข้างหู

                ต้องทำให้เจ้าตั้งครรภ์จริงๆซะแล้ว ไม่งั้นท่านแม่จับได้แน่ซานซาได้ยินก็ดิ้นขลุกขลัก อยากจะทุบเขาแต่ก็สู้แรงไม่ได้ ได้แต่พูดว่าบ้า บ้า เท่านั้น จอฟฟรี่ย์ได้แต่หัวเราะอย่างร่าเริง

      -จบบริบูรณ์จ้า-

      -----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

      อัพ 60% ก่อนนะคะ ไรต์ยุ่งมาก แต่อยากเขียน เอาเป็นว่าติชมล่วงหน้าได้เลยค่ะ จะรีบมาต่อให้เร็วที่สุด รักคนอ่านทุกคน

      *มาอัพเพิ่มแล้วนะคะ ที่หายไปนานนี่ก็เพราะยุ่งค่ะ ความจริงมีพล็อตเรื่องในหัวจนถึงตอนจบแล้วค่ะ มันยากตรงบรรยายนี่แหละ จริงๆกะจะอัพให้ครบเลย แต่เห็นคนอ่านแล้วท้อใจ อ่าน 9 คน แถมมีแค่เม้นเดียวอีก ยังไงก็ต้องขอบคุณสำหรับคอมเม้นนะคะ ถ้าไม่มีคอมเม้นนี้กะจะลอยแพเรื่องนี้ไปแล้วแหละ แต่มี 1 คอมเม้นแสดงว่าอย่างน้อยก็มีคนรออ่านอยู่ จะพยายามเขียนต่อไปนะคะ วันนั้อัพเพิ่มอีก 20% ไว้วันไหนว่างจะมาอัพให้ครบ + แก้คำผิดด้วย ไว้เจอกันค่ะ เอ้อ ขอถามนักอ่านนิดนึงว่าเจอฟิคเรื่องนี้ได้ไง คิดว่าคงหายากพอควร เพราะคนอ่านมีน้อยนิด ลองเสิชชื่อเรื่องในอากู๋ก็ไม่เจอ เลยขอความร่วมมือหน่อยว่าเจอฟิคนี้กันได้ยังไง

      **อัพครบแล้วนะคะ ขอบคุุณนักอ่านทุกคนที่เข้ามาอ่านนะคะ ไรต์ต้องขอโทษจริงๆที่มาอัพให้ช้า ยังไงก็ครบแล้วเนอะ ฝากผลงานด้วยนะคะ ใครชอบคู่โซโลนามิจากวันพีซ อุดหนุนฟิคของไรต์ได้น้าา ส่วนใครอยากอ่านฟิคสายนอร์มอลของหนุ่มๆวันดีก็ไปเยี่ยมชมได้ค่า แต่ตอนนี้ไรต์ยังไม่ได้แต่ง5555 กดเป็นแฟนคลับได้ค่า ปีหน้าไรต์ว่าจะมาอัพ ช่วงนี้ก็ต้องเตรียมอ่านหนังสือแอดมิชชั่นค่ะ เด็กม.6 ก็แบบนี้ล่ะค่ะ ที่กล่าวมาทั้งหมดนี่ก็ขอขอบคุณจริงๆค่ะที่ตามอ่านมา แม้ไรต์จะอัพช้ามากกก ขอให้สนุกๆกันนะคะ

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×