คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : ตอนที่ 6 เสียงสะท้อนจากความมืด
วันที่16
ในคราวนี้… ไม่มีใบมีดปังแบบคราวที่แล้ว… แต่.. บนโต้ะกลับเต็มไปด้วยคำด่าทอและคำสาปแช่งต่างๆนาๆมากมายเต็มไปหมด… และคำที่ชัดที่สุด “ไปตายซะ”
ฉันได้หันไปมองล้อมๆ และมองเห็นสายตาของคนในห้องจ้องกลับมา… ทำให้ฉันรู้ได้ทันที… ว่ามันคือฝีมือของเพื่อนร่วมห้องฉันเอง….
เวลา 10:30 ฉันถูกพาตัวไปหาดาวอีกครั้ง… แต่ในครั้งนี้ไม่มีการจับมัดตีแบบครั้งก่อน.…
ดาวพาตัวฉันไปที่อาคารแห่งนึง… ซึ่งก็คงเป็นอาคารร้างอีกเช่นกัน… เพราะตัวอาคารดูจะไม่ได้รับการดูแลมานานสีก็เลยซีดไปหมด อีกทั้งตัวอาคารเองก็ดูผุพังอย่างเห็นได้ชัดอีก…
ปัง! …แกร๊ก!
หลังจากมาถึงในอาคารร้างได้ไม่นาน ดาวก็ผลัดฉันเข้าห้องนึงในอาคารและปิดประตูล็อกทันที…
ภายในห้องมืดพอสมควร… แต่พอจะดูออกว่ามันคือห้องเก็บของเพราะในห้องมีแต่อุปกรณ์การกีฬาเต็มไปหมด… แต่ฝุ่นเยอะมากเลย แค่จะหายใจยังก็รู้สึกคอแห้งเลย….
1ชั่วโมงผ่านไป
ข้างในห้องนี้เงียบมากจนฉันอยู่ไม่สงบเลย… ข้างนอกเองก็ไม่ต่างกัน… หรือว่าดาวคิดจะขังฉันไว้ในนี้ไปตลอดเลย..? ก่อนจะมานี้ไม่ได้เอาโทรศัพท์มาด้วยสิ… ออมจะรู้ไหมนะว่าเราอยู่ไหน…
3ชั่วโมงผ่านไป
“แฮ่ก… แฮ่ก… แฮ่ก…”
ไม่รู้ว่าทำไม… แต่ฉันเริ่มจะกลัวกับความมืดนี้ขึ้นเรื่อยๆ… เหงื่อก็ออกมาเยอะมาก แล้วก็เริ่มหายใจถี่ขึ้นเรื่อยๆ… แถมยังจะอาการเวียนหัวนี้อีก… ราวกับว่าฉันเคยมีอดีตกับมันอย่างน่าประหลาด…
5ชั่วโมงผ่านไป
ตึง! ตึง! ตึง! ตึง!
“ปล่อยฉันออกไปนะ….!!!!”
ฉันพยายามทุบประตูอย่างบ้าคลั่ง… ความกลัวที่ฉันเคยเผชิญกับมันในอดีค… มันกลับมาหลอกหลอนฉันอีกครั้ง…
ใช่… ฉันจำมันได้แล้ว… ฉันจำมันได้อย่างชัดเจน… ความมืดเป็นสิ่งที่ฉันกลัวมากที่สุดในชีวิตวัยเด็กของฉัน… นั้นก็เพราะว่า… มันพรากพ่อแม่ไปจากฉัน….
ตึง! ตึง! ตึง! ตึง! ตึง! ตึง! ตึง! ตึง!
“ขอร้องล่ะ….!! ปล่อยฉันออกไป…!!!”
วันนั้นเป็นวันที่ฉันกับพ่อแม่ได้ออกไปเที่ยวที่ดอยอินทนนท์ครั้งแรก ฉันยังจำได้ดี… ว่ามันคือช่วงเวลาที่ดีที่สุดในชีวิตของฉันเลยล่ะ… ทั้งได้ชมวิวในที่ต่างๆของดอย… ได้มองหมอกหนาในหน้าฝน… ได้มองดูดาวเต็มท้องฟ้า… เป็นช่วงเวลาที่ฉันไม่มีวันลืม…
ไม่มีวันลืม…..
เป็นเพราะเราไม่ได้จองที่พักไว้และเพราะฉันขอพ่อแม่ดูดาวก่อนกลับ พอถึงเวลากลับก็ดึกมากแล้ว… ในตอนนั้นก็มีฝนตกลงมาหน่อยๆ… ตอนนั้นฉันเหนื่อยมาก… ฉันจึงผลอยหลับไป…
พอตื่นมาอีกทีฉันก็ถูกปลุกด้วยน้ำฝนลงบนใบหน้า… แน่นอนว่าฉันไม่ได้อยู่ในรถอย่างที่ควรจะเป็น… บรรยากาศรอบตัวดำมืดไปหมดจนไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร แต่มีอยู่แสงนึงในความมืดนั้น ได้ส่องไฟมาที่ฉันและตะโกนว่า “เจอแล้ว!!” ฉันสันสนและมึนงงกับสถานการณ์ที่เกิด… ก่อนที่ไฟฉายนั้นจะส่องไฟที่ข้างตัวฉัน…. แม่ของฉันนอนแน่นิ่งอยู่ตรงนั้น…
จิตใจของฉันแทบจะออยู่ในภวังค์ มันเกิดอะไรขึ้น…? ทำไมแม่ถึงไปนอนอยู่อย่างนั้นล่ะ…? ของเหลวสีแดงนั้นคงไม่ใช่เลือดใช่ไหม…? แม่ยังหายใจหรือเปล่า…? แม่ยังสบายอยู่ไหม? ในขณะที่จิตใจของฉันแทนจะแตกสลาย หางตาของฉันก็ไปเห็น… พ่อของฉันที่ตายคารถที่พลิกคว่ำอยู่อย่างนั้น….
ฉันไม่รู้ว่าควรจะบรรยายสิ่งที่ฉันเห็นยังไง… เพราะสภาพของเขาในตอนนีี้เรียกว่าปลอดภัยไม่ได้ด้วยซ้ำ… และเพราะความรู้สึกสูญเสียพ่อแม่ไปอย่างกะทันหัน… ตัวฉันก็…
“อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!!!”
กรีดร้องออกมาอย่างสิ้นหวัง….
5ชั่วโมง 40นาที
ในระหว่างที่ต้องอยู่ในห้องนี้ ฉันก็เริ่มได้ยินเสียงบางอย่างจากที่ไหนสักแห่งในห้องมืดๆนี้…
“ทำไมถึงยังมีชีวิตอยู่ล่ะ…?”
เสียงของใครบางคนที่ฉันไม่รู้จัก… กำลังพูดอยู่….
“ถ้าเธอตายๆไปซะ ยังจะดีซะกว่า…”
“อยู่ไปก็รกโลก”
“ร้องไห้ทำไม? อยากได้คนสนใจหรอ?”
“แค่นี้ก็ร้องไห้ โคตรสำออย”
“เรื่องแค่นี้ก็ทำไม่ได้ พ่อแม่สั่งสอนมายังไง?”
“ถ้าแค่นี้ยังทนไม่ได้ ก็ไปโดดตึกซะดีไหม?”
“เพราะมีนักเรียนแบบนี้ไง ประเทศชาติถึงไม่เจริญ…”
“สมัยก่อนครูเจอมาหนักกว่านี้อีก แค่นี้เธอก็ทนไม่ได้”
“อยากร้องนักก็ร้องไปเลย! ไปฟ้องพ่อฟ้องแม่เธอได้ตามสบาย!”
“โง่เหมือนควายเลย”
คำพูดด่าทอต่างๆเริ่มถาโถมเข้ามาทุกทิศทางจนฉันแทบจะอาเจียนออกมา… ในบรรดานั้นมีทั้งคำด่าจากครูและเพื่อนตอนประถม.. บางคำก็ได้ยินจากเพื่อนที่ถูกด่าอีกที บางคำฉันก็ถูกด่าจริงๆ… แต่ก็มีบางคำที่ไม่เคยเกิดขึ้นจริงมาก่อน… คำพูดพวกนั้นสลับระหว่างความจริงกับคิดไปเองปนเปกันจนฉันสับสนไปหมด…
“แฮ่ก…! แฮ่ก…! แฮ่ก…! แฮ่ก…! แฮ่ก…! แฮ่ก…! แฮ่ก…!”
ในขณะที่เริ่มจะหายใจถี่มากกว่าเดิม ฉันได้พยายามเอามือกุมหัวไว้เพื่อประคองสติ… แต่นั้นแทบไม่ช่วยเลย ถ้าฉันยังต้องอยู่ในที่มืดนี้อยู่…
“หึบ…! หืด…! หึบ…! หืด…. หึบ…. หืด….. หึบ… หืด..”
ฉันใช้ความสามารถทั้งหมดประคองสติที่เหลือเอาใว้… จนเริ่มจะหายใจเป็นปกติ ในขณะที่จิตใจเริ่มจะสงบขึ้นมาบ้าง… ฉันได้เผลอจ้องมองไปที่ความมืด… และฉันเห็นพวกเขา… ฉันเห็นศพ… ของพวกเขา… ศพของพ่อแม่ยืนอยู่ตรงนั้น… และพวกเขา… กำลังจ้องมองมาที่ฉัน….
“อะ… อะ…. อะ……. อือ…….”
วินาทีที่เห็น… ฉันก็กลายเป็นบ้าไปแล้ว…
“อ๊าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา----!!!!!!!!!”
ในขณะที่ฉันกรีดร้องราวกับคนบ้า…
ตึกตึกตึกๆๆๆ!!
ก็มีเสียงฝีเท้าคู่นึกก็ดังขึ้น…
“ฟ้า…!!!”
เสียงของออมก็ดังขึ้นตามมา
“ออม…!!! ช่วยด้วย..! ฉันอยู่ในนี้!!!”
ตึง! ตึง! ตึง! ตึง! ตึง!
ทันทีที่ฉันรู้ว่าเป็นออม ฉันก็อดไม่ได้ที่จะเริ่มทุบประตูอย่างร้อนรน
“ออม! พาฉันออกไปที..! ขอร้อง… ได้โปรด…! ฉันไม่อยากอยู่ในนี้…!!!”
ก๊อก! แกร๊ก! ก๊อก! แกร๊ก!
“ฟ้าถอยออกจากประตูก่อน! ตัวล็อคเป็นแบบแม่กุญแจ! เดียวฉันจะพังประตูเข้าไปเอง!!”
ฉันได้ถอยตามที่ออมบอก… แต่ถ้าฉันถอยมันจะ…
“ทำไมถึงไม่อยากอยู่ในนี้ล่ะ? ฟ้า…”
“แม่…?”
“พวกเราเป็นครอบครัวกันไม่ใช่หรอ? ทำไม่ถึงไม่อยากอยู่ล่ะ?”
“ไม่ใช่นะค่ะ… พ่อ…”
“แล้วเพราะอะไร?”
“มะ…มัน… เพราะ…”
“เพราะพวกเราตายไปแล้วหรอ?”
ตุ้บ!
พุ่งชนประตูครั้งที่1
“มะ… ไม่ใช่นะค่ะ…”
“แล้วเพราะอะไรล่ะ? ตอนที่พ่อกับแม่ตาย… ฟ้าก็หลับไม่รู้เรื่องเลยไม่ใช่หรอ?”
“นั้นมัน….”
“ถ้ารู้ว่ามันจะเป็นแบบนี้… รู้งี้ไม่น่ามีลูกเลยซะยังดีกว่า…”
ตุ้บ!
พุ่งชนประตูครั้งที่2
“ทำไม…..”
“ยังไม่รู้ตัวอีกหรอ? ลูกมันตัวซวย… ถ้าลูกยังอยู่ก็มีแต่จะนำความซวยไปให้คนอื่นเรื่อยๆ…. จนสุดท้ายพวกเขาก็ตาย”
“ละ แล้วหนูต้องทำยังไงล่ะ….?”
“ก็ง่ายๆ… ไปตายซะ…”
ตุ้บ! กร๊อบ….!
“ฟ้า…!”
ในครั้งที่3 ออมพังประตูเข้ามาได้ หลังจากที่ออมพังประตูเข้ามา แสงจากนอกห้องก็ทำให้พ่อแม่ที่เป็นแค่ภาพหลอนจางหายไปจนหมด…
ในความเป็นจริงฉันควรจะดีใจที่รู้ว่าพ่อและแม่ที่อยู่ตรงนั้นเป็นแค่ภาพหลอน…. แต่ตัวฉันในตอนนี้นอกจากความรู้สึกช็อกกับความกลัวที่เกิดในวันนี้ ที่เหลือก็ว่างเปล่าไปหมด…
“ฟ้า…?”
ฉันควรจะอธิบายความรู้สึกนี้ยังไงดี… ความรู้สึกที่อยากจะตายจริงๆน่ะ… ถ้าตายแล้วความทรมานนี้จะหายไปหรือเปล่านะ…? อยากรู้จังเลย… ฉันลอง--
“ฟ้า!!!!!”
“อ๊ะ…! ห้ะ…?”
ในขณะที่ฉันกำลังจมอยู่ในความคิด ออมก็ดึงสติฉันมาซะก่อน…
“เป็นอะไรหรือเปล่า? อีนั้นคงไม่ได้ทำอะไรอย่างอื่นนอกจากขังเธอไว้ในนี้ใช่ไหม…? ”
“มะ ไม่…”
“…. ฉันขอโทษนะ…”
“หืม…?”
“ความจริง… ฉันกะจะมาช่วยตั้งแต่ที่เธอถูกพาตัวไปแล้วล่ะ… แต่อีดาวมันสั่งคนให้จับตาดูคนในห้องเราเอาไว้ ฉันพยายามมาช่วยเธอให้ไวที่สุดแล้ว… แต่กว่าจะแอบมาได้ไม่ง่ายเลย… แถมกว่าจะหาเธอเจอก็ใช้เวลาไปตั้งหลายชั่วโมง… ฉัน… ฉันขอโทษจริงๆ… ที่มาช้าขนาดนี้…”
“มะ ไม่เป็นไรนะ…”
“ไม่เป็นไรที่ไหนกัน…! เรื่องนี้มีชีวิตเธอเป็นเดิมพันเชียวนะ…! ตอนที่ฉันได้ยินเสียงกรี๊ดของเธอ ฉันก็รู้ได้ทันทีว่าเธอรู้สึกยังไง…. ขอโทษจริงๆนะ…. ฉันควรจะอยู่ข้างเธอให้ไว้กว่านี้แท้ๆ….”
เป็นอีกครั้งที่ออมได้โทษตัวเอง… ทั้งที่ความจริงมันไม่ใช่ความผิดของเธอสักนิด ฉันทำตัวเองทั้งนั้น… แต่ก็ขอบคุณที่เธอยังอุตส่าห์มาช่วยฉัน… และก็เพราะเธอเลยที่ทำให้ฉันรู้ว่า… มันเร็วเกินไปที่จะทำเรื่องอย่างนั้น…
ความคิดเห็น