NC

คำเตือนเนื้อหา

เนื้อหาของเรื่องนี้อาจมีฉากหรือคำบรรยายที่ไม่เหมาะสม

เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน

กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา หรือ อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    โชคชะตาพาทุกข์ ปาฏิหาริย์พารัก

    ลำดับตอนที่ #10 : ตอนที่ 9 อดีตที่กัดกินปัจจุบัน

    • อัปเดตล่าสุด 22 ต.ค. 67


     

    . . . . . . . . .

    . . . . . . . . . . . .

    “ตื่นได้แล้ว…..”

    “….อ๊ากก!?”

    ฉันสะดุ้งตื่นขึ้นมาจากเสียงของใครบางคน แต่พอฉันหันไปมองรอบๆกลับไม่เห็นมีใครเลยสักคน ในขณะเดียวกันก็มีอาการเวียนหัวแปลกๆตามมา 

    “โอ๊ย….”

    ฉันได้ตั้งสติก่อนจะสังเกตรอบๆว่าตัวเองอยู่ที่ไหนหรือมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง ฉันได้มองรอบๆตัว ก่อนจะพบว่าฉันอยู่บนเตียงผู้ป่วยในห้องพยาบาลของโรงเรียน แล้วฉันมาอยู่ที่นี่ได้ไง..?

    เอี๊ยด...

    “หืม? อะ..!? ”

    “…..?”

    ในขณะที่ฉันกำลังคิดอยู่ ก็มีผู้ชายคนนึงเปิดประตูเข้าห้องเข้ามา ฉันคลับคล้ายคลับคลาเหมือนเคยเห็นเขาที่ไหนมาก่อน.. อ๋อ! คนที่มักจะพาฉันไปหาดาวเป็นประจำนี้เอง หืม? ดาว…?

    ทันใดนั้นฉันก็จำได้ทุกอย่าง… ว่าก่อนที่ฉันจะมาอยู่นี่… ดาวได้บีบคอของฉันโดยที่ทำอะไรไม่ได้เลย… ทั้งความหวาดกลัว ความรู้สึก ณ เวลานั้นก็กลับมาในทีเดียว…

    ฉันที่ยังรู้สึกไม่แน่ใจก็ได้ไปเอากระจกที่อยู่ข้างเตียงมาดู… รอยแดงจากแรงกดและรอยเลือดจากเล็บที่ฝังเข้าเนื้อคอ ทำให้ฉันแน่ใจว่ามันเป็นความจริง…

    “วิน! เธอฟื้นแล้ว!”

    ตึกตึกๆๆ...!

    หลังจากที่เขาตะโกน เสียงฝีเท้าคู่หนึ่งก็ได้ตรงมาห้องยังห้องพยาบาลในทันที

    “ธะ เธอฟื้นแล้วหรอ…?”

    ซึ่งคนๆนั้นก็ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นวินพี่ชายของเด็กสาวที่ถูกทำร้ายในตอนนั้น จากนั้นพวกเขาก็เล่าว่าหลังจากที่ดาวได้ออกจากห้องน้ำร้างในตอนนั้น พวกเขาก็รีบมาเช็คสภาพฉันก่อนจะอุ้มฉันไปนอนที่ห้องพยาบาลในทันที

    “เรื่องก็เป็นประมาณนี้แหละ จริงๆพวกเราก็อยากจะอยู่เฝ้าเธออยู่หรอก… แต่ดาวอาจสงสัยได้ เลยให้น้องของวินช่วยเฝ้าแทนน่ะ”

    “น้อง…? หมายถึงเด็กคนนั้นในตอนนั้นหรอ? แต่ฉันไม่เห็น….”

    คร่อกกกก….

    เสียงกรนปริศนาจากหลังม่านของเตียงข้างๆได้ดึงดูดความสนใจของคนในห้อง พอลองเปิดม่านดูก็พบเด็กสาวที่นอนหงายพร้อมกับผ้าพับแผลหนาๆที่พับนิ้วทั้ง3นิ้วของเธอ

    “น้องนายนี้อึดเนอะ ขนาดเจอเรื่องแบบนั้นเข้าไปยังนอนได้ลงอีก…”

    “เพราะเจอเรื่องแบบนั้นต่างหากเธอถึงได้นอน.. ปล่อยให้เธอนอนไปเถอะ เธอเหนื่อยมากแล้ว.. แค่เธอยอมมาเฝ้าที่นี่เป็นชั่วโมงแค่นั้นก็พอแล้วล่ะ”

    ฉันสังเกตผ้าพับแผลหนาๆที่พับนิ้วทั้ง3นิ้วของเธอ ฉันก็อดสงสัยถึงความปลอดภัยของเธอไม่ได้..

    “อะ อาการเธอเป็นไงบ้างหรอ…?”

    “ฉันคิดว่าหลังเลิกเรียนก็จะพาเธอไปพบแพทย์อยู่… กว่าจะหายดีคงใช้เวลา2ถึง3เดือน..”

    “งั้นหมายความว่านิ้วของเธอยังสามารถหายดีได้สินะ?”

    “แต่กว่าจะถึงวันนั้น ฉันคงต้องพยายามห้ามเธอไม่ให้ฝืนเล่นเปียโนให้ได้ก่อน..”

    “เปียโน..?”

    “น้องของฉันชอบเล่นเปียโนน่ะ หรือเรียกว่าครั่งไคล้เลยก็ได้… ในเดือนสิงหาที่จะถึงนี้เธอจะไปลงแข่งขันเปียโนนานาชาติ แต่เพราะสภาพนิ้วของเธอ… เธอคงจะเล่นเปียโนไม่ได้ไปอีกหลายเดือน ทั้งที่เธออุส่าฝึกฝนมาเพื่อการแข่งนี้แท้ๆ…”

    “งะ งั้นหรอ…?”

    “ .  .  .  .  . ”

    “ .  .  .  .  . ”

    เพราะคำพูดของเขาเกี่ยวกับน้องสาว ทำให้ฉันไม่รู้ว่าควรจะพูดคุยยังไงต่อ… จนทำให้บรรยากาศในห้องเงียบและอึดอัดเป็นอย่างมาก… 

    “จะว่าไปเรายังไม่ได้แนะนำตัวกันเลย ฉันชื่อวินเป็นพี่ของเด็กคนนั้น ส่วนอีกคนชื่อกายเป็นเพื่อนคนเดียวของฉัน..”

    “ฉะ ฉันชื่อฟ้า…”

    “รู้อยู่แล้วล่ะ.. ”

    “อะ อื้ม…”

    บรรยากาศกลับมาเงียบอีกครั้งเพราะความไม่เก่งในการเข้าสังคมของฉัน ถ้าออมอยู่ด้วยคงจะพูดคุยกันได้ง่ายกว่านี้…

    ตื๊ดดด... ตื๊ดดด...

    เสียงโทรศัพท์ของฉันได้ดังขึ้น ฉันจึงได้รีบกดรับโทรศัพท์อย่างไม่ได้คิดอะไร

    “ฟ้า! อยู่ไหน!!?”

    ในสายนั้นเป็นเสียงของออมที่กำลังร้อนรนด้วยความเป็นห่วงอยู่

    “ฟ้า!? อยู่ไหน!? รีบบอกมาเร็วเข้า! ฉันจะรีบไปช่วยเดียวนี้เลย!”

    “จะ ใจเย็นก่อนๆ… ตอนนี้ฉันอยู่ที่ห้องพยาบาล และไม่ต้องเป็นห่วงฉันไม่ได้เจ็บอะไรมากหรอก…”

    “ห้องพยาบาลใช่ไหม? ฉันจะรีบไปเดียวนี้ล่ะ…!”

    ตึกตึกตึกๆๆ…!!

    ในเวลาไม่นานก็มีเสียงฝีเท้าคู่นึงได้วิ่งเข้ามาแต่ไกล จนมาถึงหน้าประตูห้องพยาบาล

    ปัง!

    ประตูถูกเปิดออกอย่างรุนแรง เผยให้เห็นสีหน้าของออมที่ทั้งร้อนรนและหวาดกลัว ทั้งตัวเธอเต็มไปด้วยเหงื่อจากการวิ่ง

    “แฮ่ก..! แฮ่ก… ฟ้าไม่เป็นอะไรมากใช่ไหม..?!!”

    เธอมาถึงก็ถามอาการของฉันในทันที ก่อนที่สายตาของเธอจะเพ่งเล่งไปที่ผู้ชายสองคนวินกับกายที่เข้ามาก่อนหน้านี้

    “พวกแกมัน…..”

    “อะ! ใช่ พวกเขาคือ---”

    “ไอ้พวกหน้าด้าน!!!”

    เสียงตะโกนร้องลั่นอย่างเกรี้ยวกราดของออม ทำเอาฉันช็อตจนแทบจะหยุดหายใจ

    “อะ ออม..?”

    “พวกมึงมาทำอะไรทีี่นี้?! หรือพวกมึงคิดจะพาเพื่อนกูไปตายอีกหรอ?! ไอ้พวกฆาตกร!!

    เสียงตะโกนร้องลั่นของออมยังคงดังขึ้นและเกรี้ยวกราดขึ้นไปอีก.. 

    “พวกมึงมันไอ้ ฮึ่ก…! แค่ก..! แค่กๆๆ...!”

    “ออม!!”

    เพราะวิ่งมาแต่ไกลเลยทำให้ออมซุดตัวลงพร้้อมสำลักหลังตะโกน ฉันที่เห็นแบบนั้นก็ลุกขึ้นจากเตียงผู้ป่วยเข้าไปประคองตัวออมในทันที

    “ออม..! หายใจลึกๆก่อนนะ… อย่าพึ่งพยายามพูดเลย…”

    “แล้วครั้งนี้พวกมึงมาทำอะไรอีก…! พาเพื่อนกูไปเป็นของเล่นให้กับอีโรคจิตนั้นยังไม่พออีกหรอ..!? คิดจะย่ำยีเพื่อนกูให้ถึงที่สุดเลยหรือไงว่ะ!! ไอ้เหี้ย!! แค่กๆๆ...!”

    “ออม..! พอได้แล้ว..!”

    “พวกมึงอย่าคิดว่ากูจะลืมเรื่องของพลอยนะโว้ย!!”

    พลอย…?

    “ถ้าในวันนั้นพวกมึงไม่อยู่ทั้งคน… พลอยคงมีชีวิตยืนยาวกว่านี้… พลอยคงได้ใช้ชีวิตที่ดีกว่านี้…. ไม่ใช่มาจบชีวิตแบบนี้!!

    “ในวันนั้นเธอเองก็อยู่ด้วยไม่ใช่หรือไง?! แล้วทำไมตอนนั้นเธอถึงไม่ไปช่วยล่ะ?! เป็นเพื่อนคนสำคัญไม่ใช่หรอ?! แล้วทำไมตอนนั้นเธอถึงยืนนิ่งไม่ยอมขยับอะไรเลยล่ะ?!! ห๊ะ?!”

    “ก็เอ่อสิว่ะ..!! ทั้งที่พลอยเป็นเพื่อนคนสำคัญ…! ทำไมวันนั้นขาฉันกลับไม่ยอมขยับ…! ทั้งที่สามารถช่วยพลอยได้..! แต่ฉันกลับยืนนิ่งไม่ทำอะไรเลยสักอย่าง…!! ได้แต่ยืนช็อกและมองเพื่อนตัวเองค่อยๆหมดแรงแล้วจมน้ำตายไปอย่างช้าๆ…!! ทั้งที่ถ้าฉันกล้าสักนิดพลอยก็มีชีวิตต่อไปได้…! ทั้งที่เป็นเรื่องแค่นั้นเองแท้ๆ…! แต่ฉันกลับปล่อยให้เพื่อนตัวเองตาย… ทั้งที่สามารถช่วยได้แท้ๆ…. มึงจะไปเข้าใจอะไร…! ความรู้สึกที่ได้แต่มองคนสำคัญค่อยๆตายโดยที่สามารถช่วยไว้ได้ แต่กลับขี้ขลาดเกินกว่าจะกล้าต่อต้านกับคนมีอำนาจ…! ก็เอ่อสิ้..! ฉันมันขี้ขลาดเกินเยียวยา…! เป็นไอ้เหี้ยที่ไม่สมควรจะมีเพื่อนอย่างพลอยหรือฟ้ามากที่สุด…. แต่พระเจ้าดันเสือกเล่นตลกให้ฉันมีเพื่อนดีๆ… คอยช่วยเหลือตอนฉันลำบาก…. แต่พอพวกเขาลำบาก… ฉันกลับช่วยอะไรไม่ได้เลยสักอย่าง…. ฮึก... คนอย่างมึง… จะไปเข้าใจอะไร… ฮื..อ...”

    ออมได้ก้มหน้าต้ำลง.. ความเกรี้ยวกราดในตัวเธอก็ค่อยๆหายไปจนหมด… เหลือไว้เพียงน้ำตาที่ไหลออกมาไม่หยุด… เธอพยายามใช้มือเช็ดน้ำตาทั้งหมด แต่มันมากเกินไปจนล้นผ่านมือเธอจนลงพื้นหมด

    “ฉะ ฉัน….. ฉันขอโทษ…..”

    กายที่ได้ไปเถียงกับออมก็ได้แต่ก้มหน้ายอมรับผิด…

    ในตอนนนั้นเอง… ฉันก็รู้แล้วว่าทุกรอยยิ้มของออมนั้น… กลับแบกรับภาระทางจิตใจที่ฉันไม่มีวันนึกภาพออกด้วยซ้ำ… ไม่รู้เลยว่าทนมานานแค่ไหนหรือเจ็บปวดเท่าไหร่… เพราะแบบนั้นเองสินะ… เธอถึงได้ร้อนรนและเป็นห่วงฉันตลอด…

    “พี่วิน..? เกิดอะไนขึ้น..?”

    เพราะเสียงของออมทำให้เด็กสาวที่นอนอยู่ตื่นขึ้นอย่างไม่ได้ตั้งใจ เธอทำหน้าหวาดกลัวพร้อมกับกำแผลที่นิ้วอย่างเบามือ

    “ผู้หญิงคนนั้นเพื่อนพี่หรอ….?”

    “ชะ ใช่… เมื้อกี้เพื่อนพี่อีกคนพึ่งจะทะเลาะกันเองนะ… เดียวพี่จะพากลับไปนอนบ้านเองนะ”

    พี่ชายของเด็กสาวได้อุ้มเธอขึ้นหลังก่อนจะเริ่มเดินออกจากห้อง..

    “เฮ้ย! กูยังไม่  อุ้ก…!?”

    ในขณะที่ออมกำลังจะพูดก็ถูกเพื่อนของพี่ของเด็กสาวได้เอามือปิดปากไว้

    “ขอล่ะ…. อยากทำให้เรื่องมันหนักไปมากกว่านี้เลย…”

    หลังจากผ่านไปครู่นึงพี่ของเด็กสาวก็ได้เดินจากไปไกลจนไม่ได้ยินเสียงฝิเท้าแล้ว เพื่อนของเขาที่เห็นแบบนั้นจึงได้ปล่อยมือและถอยออกห่างจากออมในทันที

    “มึงจะทำแบบนั้นไปทำไม?”

    “เรื่องนี้น้องของวินไม่เกี่ยว…. ขอล่ะ… แค่วันนี้น้องมันก็เจอเรื่องมามากพอแล้ว ถ้าน้องมันรู้ว่าพี่ชายตัวเองเคยทำให้คนตายมาก่อน น้องมันนจะไม่เหลือใครให้พึ่งพิงอีกแล้ว! เรื่องของพลอยฉันรู้ว่าเราผิด… แต่พวกเราก็ไม่ได้ทำเพราะว่าอยากทำ… ในวันนั้นพวกเราไม่ได้คาดคิดเลยด้วยซ้ำว่าดาวจะผลักพลอยตกน้ำทั้งอย่างนั้น… ฉันยอมรับว่ามันเป็นความผิดของพวกเรา… ฉันรู้ว่าขอโทษไปก็ไม่ช่วยอะไร… แต่.. พวกเราขอโทษจากใจจริง… และพร้อมจะชดใช้ความผิดทุกอย่าง…”

    “……..”

    “เธอจะไม่ยกโทษให้ก็ได้… แต่ขอแค่ให็เราได้ชดใช้ความผิดก็พอ… จะอะไรก็ได้…”

    ทุกคำพูดของกายเหมือนจะทำให้ออมหวั่นไหวได้ทุกครั้ง ฉันสังเกตได้จากสีหน้าของเธอเลย..

    “อธีบายมา….”

    “เรื่องอะไร…?”

    “ทั้งหมดนั้นแหละ… ทำไมถึงได้ทำตามคำสั่งของดาว…? น้องของวินมีส่วนเกี่ยวยังไง…? แล้วแผลที่นิ้วของเด็กคนนั้นมันอะไร…?”

    “เรื่องนั้นน่ะ…..”

    กายได้เล่าเหตุการณ์ที่ได้เกิดขึ้นกับฉันให้ออมฟัง พร้อมบอกเหตุผลที่จำเป็นต้องทำตามคำสั่งของดาว

    “ดาวขู่จะฆ่าน้องของวิน..?! ”

    “ใช่… ในตอนแรกวินก็ไม่เชื่อ จนกระทั่งมีคนตายเพราะดาวจริงๆ… มันเลยทำให้วินไม่กล้าขัดคำสั่งดาว…”

    “แล้วทำไมไม่ย้ายโรงเรียนออกไปล่ะ? เรื่องย้ายออกอย่างมันก็น่าจะทำได้ไม่ใช่หรอ?”

    “เรื่องย้ายออกจำเป็นต้องได้รับอนุญาตจากผู้ปกครอง แต่พ่อแม่ของวินไม่ยอมให้ย้ายออก…”

    “ว่าไงนะ..? นี้เป็นเรื่องคอขาดบาดตายเลยไม่ใช่หรอ!? ทำไมไม่ให้ย้ายล่ะ?!”

    “นั้นสิ.. ทำไมกันนะ… ฉันไม่รู้ความคิดของพวกผู้ใหญ่หรอกนะ… ทั้งที่ปากบอกว่าทำเพื่ออนาคดของเรา แต่กลับส่งพวกเรามาในนรกแบบนี้… เพื่อประสบความสำเร็จในอาชีพเอ่ย…. เพื่ออนาคดของครอบครัวเอ่ย… สุดท้ายพวกเขาก็มองเราเป็นเครื่องมือหากินมีชีวิต… ฉันเองก็เป็นเหมือนวิน ถูกกดดันให้มาเรียนที่กรุงเทพอย่างไม่เต็มใจ ทั้งยังถูกปล่อยให้ใช้ชีวิตลำพัง… พวกเขาคิดว่ามันดีต่อเราโดยไม่เคยปรึกษาหรือถามเลยสักคำ… เอาแต่กดดันให้เราทำในสิ่งที่พวกเขาต้องการ… มันก็คงไม่แปลกอะไรที่พวกเขาจะไม่ให้ย้าย… เพราะพวกเขาไม่แคร์แต่แรกแล้วว่าชีวิตพวกเราจะเป็นยังไง…

    “. . . . .”

    “เธอคงเข้าใจสินะ… เพราะเธอเองก็ถูกบังคับให้มาเรียนที่นี่โดยไม่สามารถทำอะไรได้เหมือนกัน ไม่งั้นเธอคงย้ายออกไปตั้งแต่ปีก่อน หรือไม่ก็ไม่มาเรียนที่นี่ตั้งแต่แรก…”

    กายได้หันหลังให้ออมและกำลังจะเดินจากไป

    “เดียว! จะไปไหนน่ะ!”

    “ฉันมีซ้อมบาสหลังเลิกเรียน แล้วตอนนี้ก็สายมากแล้วด้วย… พวกเธอใช้ห้องนี้ได้ตามสบายเลยนะ เพราะครูที่ดูแลที่นี่ปกติจะอยู่ที่ห้องพักครูประจำ ไม่ค่อยมาเฝ้าที่นี่เท่าไหร่… แล้วก็ไม่ต้องห่วงว่าจะมีใครมากวน เพราะห้องนี้มีข่าวลือเรื่องผีเลยไม่ค่อยมีใครกล้ามาใช้ที่นี่เพราะกลัวกัน ตอนนี้ฉันต้องรีบแล้วขอโทษทีนะ…”

    “ดะ เดียว..!”

    กายได้วิ่งออกจากห้องพยาบาลไปโดยไม่หันหลังกลับมาอีก… ก่อนไปฉันเห็นสีหน้าของเขาอมทุกข์เป็นอย่างมาก ราวกับคนที่พยายามดิ้นรนต่อบางสิ่งโดยไม่มีโอกาสได้พักหายใจ… 

    หลังจากเขาไปฉันกับออมไปคุยกันเล็กน้อยก่อนจะถือโอกาสใช้ของในห้องพยาบาลรักษาแผลเก่าที่ยังไม่หายดีด้วย จากนั้นฉันกับออมก็แยกกันกลับบ้าน ตอนแรกออมบอกว่าจะไปส่งฉัน แต่เพราะหอพักฉันไกล้กับโรงเรียนและ เพราะที่บ้านออมเองก็ยุ่งมาก เลยปฏิเสธไป

    หลังจากที่ฉันกลับหอพัก ฉันได้มองไปที่กระจกของห้องน้ำ แล้วมารู้ตัวว่าสภาพของฉันมัน… ทุเรศสิ้นดี… ใต้ตาดำคล้ำ.. สภาพก็มืดมน… แถมแผลที่แขนก็น่าเกลียด… ฉันเป็นเพื่อนที่ดีของออมจริงๆหรอ…? ฉันเคยช่วยเธอจริงๆหรอ..? จำไม่เห็นได้เลย… ในทุกวันฉันมักจะพึ่งพาเธออยู่ตลอด…. ฉันไม่เคยช่วยอะไรเธอเลย…

    “รู้สึกสมเพชตัวเองชะมัดเลย…. ”

    “ใช่… น่าสมเพชชะมัดเลย…”

    ในขณะที่ฉันกำลังสมเพชตัวเองก็มีเสียงปริศนาดังมาจากไหนสักที่

    “ใครน่ะ…?”

    ฉันได้หันซ้ายขวาอย่างรนราน แต่กลับไม่พบใครเลย… ฉันที่เริ่มกลัวก็ได้แต่หวังว่าฉันจะแค่หลอนไปเอง…

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×