คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : - Haikyuu!!,,KageHina : Now and Forever... (2/2)
นับจากวันนั้น จนถึงวันนี้... ผมไม่รู้ว่าเวลามันผ่านไปนานมากมายขนาดไหน ไม่สิ...ผมไม่เชื่อว่าผมจะมีวันนี้ได้ พอมองย้อนกลับไป ก็รู้สึกเหมือนว่าการที่ผมได้พบกับ ‘เจ้าบ้านั่น’ มันเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานเท่านั้น... ทุกคำพูดและการกระทำของฮินาตะยังฉายชัดอยู่ในความทรงจำราวกับคอยย้ำเตือนอะไรบางอย่างให้กับผม
.
.
.
“เจ้าเซ่อฮินาตะ!!”
ผมตะโกนเรียกชื่ออีกฝ่ายออกไปอย่างสุดเสียงด้วยความทนไม่ได้ วันนี้ผมกับฮินาตะและยาจิซังก็มาซ้อมบอลเร็วพิสดารแบบใหม่กันที่โรงยิมอย่างที่ทำเป็นประจำ ซึ่ง...การที่ผมตะโกนว่าฮินาตะก็ถือเป็นเรื่องที่ปกติไม่แพ้การซ้อมเลย
“แกกระโดดไปให้บอลอัดหน้าทำไมห๊ะ ?!!”
ใช่แล้ว... ฮินาตะกระโดดขึ้นไปพร้อมกับง้างแขนเตรียมตบลูกเซ็ตของผม แต่อยู่ดีๆมันก็หยุดวงแขนที่กำลังวาดมาสัมผัสลูกเอาซะดื้อๆ ทำให้ลูกบอลอัดเข้าที่หน้าของหมอนั่นเข้าเต็มๆก่อนจะตกลงมากระแทกพื้นแข็งๆของโรงยิม
“โอย...” สงสัยว่ามันจะเจ็บมาก ฮินาตะเลยไม่เถียงผมกลับมาสักคำ
“เป็นอะไรรึเปล่า ? ฮินาตะคุง !” ยาจิซังรีบเข้าไปดูอาการของเจ้าหัวส้มตรงหน้าผมอย่างลนลานตามแบบของเธอ ในน้ำเสียงของยาจิซังบ่งบอกชัดเจนถึงความห่วงใยที่มีต่ออีกฝ่าย
...ผมก็ไม่ใช่ว่าไม่ห่วงมันหรอกนะ เอ้ย ! ไม่ๆ ก็เจ้าบ้านี่มันทำตัวเองนี่หว่า !
“รีบๆลุกขึ้นมาได้แล้วฮินาตะ” ผมกล่าวพลางเดินเข้าไปใกล้ฮินาตะ ในน้ำเสียงของผมไม่ได้เจือความรู้สึกที่เรียกว่าห่วงใยเอาไว้เลย แต่ระดับเสียงและความแข็งกร้าวของมันก็ลดลงมากจนคนพูดอย่างผมยังแปลกใจ
“คิดจะหาข้ออ้างอู้รึไงห๊ะ?” แต่ปากของผมก็ยังไม่หยุดหาเรื่องมัน
“นายลองตกลงมาแบบฉันบ้างสิฟะคาเงยามะ !!” สุดท้ายคนตัวเล็กก็เถียงผมเสียงดังอย่างที่มันทำเป็นปกติ ยิ่งผมกับมันอยู่ด้วยกันมากขึ้น ความกลัวที่มันมีต่อผมก็ยิ่งลดน้อยลง
แต่ก็ดีแล้วละนะผมว่า...
“เอ่อ...งั้น...งั้น...เดี๋ยวฉันพาฮินาตะคุ...”
“ฉันจะพาหมอนี่ไปห้องพยาบาลเอง”
ยาจิซังยังไม่ทันได้พูดจบประโยค ผมก็พูดแทรกขึ้นมาแล้วคว้าแขนเล็กของฮินาตะไว้เพื่อลากมันออกมานอกโรงยิมในทันที
“เดี๋ยวจะกลับมา หมอนี่น่ะฉันจัดการเอง” ผมตะโกนทิ้งท้ายให้กับยาจิซังที่ยังยืนค้างๆกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ส่วนฮินาตะที่ถูกผมลากมาก็โวยวายง้องแง้งงอแง(?)ไปตลอดทางจนถึงห้องพยาบาล แต่มันก็ไม่ได้พยายามสะบัดมือผมออกละนะ
“นายหยุดวงแขนทำไม?” หลังจากเดินเข้ามาในห้องพยาบาล ผมก็ถามขึ้น
“ฉันเหมือนได้ยินเสียงนกอะ”
“หา?” มันพูดอะไรของมัน เสียงนก? ได้ยินเสียงนกแล้วทำไมต้องหยุดเหวี่ยงแขนฟะ?
ฮินาตะไม่ยอมตอบอะไรผมต่อ ผมเองก็ขี้เกียจจะถามมันแล้วเลยปล่อยเลยตามเลยแล้วหันไปทำแผลให้ ความจริงที่ฮินาตะตกลงมาก็ไม่ได้มีอะไรเจ็บหนัก มีแค่แผลถลอกกับรอยช้ำนิดๆหน่อยๆ พอจัดการเสร็จ ผมก็ลากมันกลับโรงยิมเพื่อไปซ้อมต่อ ไม่ใช่ว่าโหดร้ายใจจืดใจดำขนาดนั้น ผมบอกมันไปแล้วว่าไม่ไหวก็ให้พัก แต่มันเป็นคนบอกผมเองนะว่ามันไหวและอยากจะซ้อมต่อ
แต่สุดท้ายออดบอกเวลาเข้าเรียนคาบเช้าก็ดังขึ้นขัดขวางทุกการกระทำของพวกผม ผมกับไอ้บ้าหัวส้มๆเลยรีบเปลี่ยนชุดแล้วแข่งกันขึ้นอาคารเรียนไป
เวลาเดินต่อไปโดยไม่หยุดพัก พอรู้สึกตัวอีกที มันก็เป็นเวลาเลิกเรียนเสียแล้ว วันนี้ผมมีหน้าที่ทำเวรของห้อง ผมเลยบอกฮินาตะตั้งแต่กลางวันแล้วว่าให้ไปก่อน ผมร่วมทำเวรทำความสะอาดห้องกับเพื่อนร่วมห้องอีกคนหนึ่ง พอทำเสร็จ ผมก็มุ่งหน้าไปที่โรงยิมทันที
ผมไม่อยากให้เสียเวลาการซ้อมของผมกับฮินาตะหรอกนะ ไม่ใช่ว่าผมอยากจะรีบไปเจอหัวส้มๆของมันซะเมื่อไหร่ละ !(?)
เมื่อถึงโรงยิม ผมก็เดินเข้าไปด้านใน ทักทายพวกรุ่นพี่ปีสามก่อนจะเดินเข้าไปเปลี่ยนชุดแล้วเดินกลับออกมาเมื่อเปลี่ยนเสร็จ ผมเริ่มสังเกตเห็นความผิดปกติบางอย่าง
...ฮินาตะอยู่ไหน?
“สึกะซังครับ ฮินาตะยังไม่มาหรอครับ?”
“ใช่ๆ เขายังไม่มาเลย ตอนแรกฉันนึกว่าเขาจะมาพร้อมนายซะอีกนะ” สึกะซังตอบกลับยิ้มๆ
“ผมบอกเขาตั้งแต่กลางวันแล้วว่าวันนี้ผมต้องทำเวร ให้เขามาก่อน”
“อ้าว? ถ้างั้นแล้วฮินาตะอยู่ไหนละ?”
“หมอนั่นมาแล้วแล้วก็วิ่งออกไปน่ะครับ” สึกิชิมะพูดแทรกขึ้นมา ถ้าเป็นเวลาปกติผมคงหันไปเขม่นกับมันแล้วโทษฐานที่มันมายุ่งกับบทสนทนาของผม แต่ในเมื่อสิ่งที่มันพูดมันมีประโยชน์ ครั้งนี้ผมเลยไม่เอาเรื่อง
“ถ้างั้นเดี๋ยวผมไปตามฮินาตะก่อนนะครับ” ว่าจบผมก็วิ่งออกจากโรงยิมไปโดยไม่ทันได้ฟังเสียงเรียกของสึกะซัง ในหัวผมมีแค่เรื่องเดียว...ไอ้บ้านั่นมันหายหัวไปไหน?
ผมรู้สึกเหมือนตัวเองวิ่งไปทั่วโรงเรียน แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังหาหัวส้มๆของฮินาตะไม่เจอ ผมเข้าใจว่าฮินาตะเป็นคนตัวเล็ก แต่มันก็ไม่ใช่ว่ามันจะเล็กจนมองไม่เห็นหรือไปซ่อนอยู่ในซอกทุกซอกได้สักหน่อย และถ้ามันไปซ่อนจริง... ทำไมมันต้องซ่อน? ผมไม่คิดว่าฮินาตะจะไปซ่อนตัวหนีความผิดอะไรหรอกนะ
“ปัดโถ่เว้ย... หายไปไหนของนายเนี่ย?”
ผมยกหลังมือขึ้นปาดเหงื่อที่ไหลอาบหน้าผากลงมาถึงข้างแก้ม ร่างของผมสั่นน้อยๆด้วยอาการเหนื่อยหอบจากการวิ่งตามหาใครบางคน แต่ถึงอย่างนั้นสายตาของผมก็ยังสอดส่ายมองหาเป้าหมายที่ว่าไปเรื่อยๆไม่หยุด ผมรู้สึกเหมือนกับว่าถ้าพลาดไปแม้แต่วินาทีเดียวก็จะตามตัวอีกฝ่ายไม่เจอ เพราะผมรู้ซึ้งถึงความเร็วของฮินาตะดี
ไม่หรอก...
ผมก็แค่เป็นห่วงและอยากเห็นหน้ามันเร็วๆเท่านั้นแหละ
ไม่เกี่ยวกับเรื่องความเร็วอะไรนั่นสักนิด
และสุดท้ายสายตาของผมก็เหลือบไปเห็นอะไรบางอย่างสีส้มๆเข้า ผมรีบหันหน้าไปดูราวกับเป็นรีเฟลกซ์ ซึ่งสิ่งที่เห็นก็ไม่ได้ผิดไปจากสิ่งที่ผมคาดคิดเลย เพราะนั่นคือเจ้าตัวแสบที่ผมกำลังตามหาอยู่ แต่ประเด็นคือ...
ฮินาตะกำลังปีนต้นไม้อยู่
มันจะปีนหาพระแสงอะไรอีกฟะ ?!
ผมนึกหงุดหงิดหมอนั่นอยู่ภายในใจอย่างช่วยไม่ได้ ผมวิ่งตามหามันแทบตายแล้วสุดท้ายมันดันมาทำอะไรงี่เง่าอย่างการปีนต้นไม้เนี่ยนะ ?! ถึงจะสมกับเป็นเจ้างั่งฮินาตะก็เถอะ แต่มันก็ไม่น่าจะเป็นอะไรที่ควรทำเลยนะ
ถ้าตกลงมาแล้วจะทำยังไงเล่า ?! หมอนั่นเคยคิดบ้างมั๊ยเนี่ย?!
ผมจึงรีบวิ่งไปหมายจะกระชากตัวเล็กๆของฮินาตะลงมาจากต้นไม้ต้นใหญ่นั่นแล้วสั่งสอนสักหน่อย แต่ผมก็ไม่มีโอกาสได้ทำมัน เพราะทันทีที่ผมเข้าไปใกล้อีกฝ่ายพอสมควรและเตรียมตัวจะอ้าปากด่านั่นเอง ...
“หวา!!!”
ฮินาตะก็ตกลงมาจากต้นไม้นั่นน่ะสิ !
ไอ้บ้านี่...!
ผมจึงเร่งฝีเท้าให้เร็วกว่าเดิมและมันก็ทันเวลา ฮินาตะตกลงมาใส่อ้อมแขนของผมอย่างพอดิบพอดี แต่สุดท้ายแรงกระแทกตอนที่ฮินาตะตกลงมาก็ทำให้ผมทรงตัวไม่ดีจนเผลอสะดุดเท้าตัวเองล้มลงไปสะโพกกระแทกพื้น แม้จะรู้สึกเจ็บอยู่บ้าง แต่ตอนนี้ความรู้สึกโล่งใจนั้นกลับมีมากกว่า
เกือบไปแล้วมั๊ยละ...
ฮินาตะยังหลับตาแน่นอย่างรอรับความเจ็บปวดที่กำลังจะเกิดขึ้น แต่มันคงไม่มีโอกาสได้รู้สึกแล้วละ ก็ผมมันรับมันไว้ได้แล้วนี่นา แต่ดูเหมือนฮินาตะจะยังไม่รู้สึกตัวว่าผมอุ้มมันอยู่ มันก็เลยยังหลับตาแน่นต่อไป ผมเห็นแล้วก็อดไม่ได้ที่จะตะโกนใส่มัน
“นายทำอะไรลงไปรู้ตัวมั๊ยห๊ะเจ้าเซ่อ!”
“อะ..เอ๋?! คาเงยามะ?!” ฮินาตะที่ได้ยินเสียงตะโกนของผมเบิกตาโพลงอย่างตกใจ ...มันยังมีหน้ามามองผมด้วยสีหน้าตกใจอีกรึไงห๊ะ?!
“ทำไม..”
“ไม่ต้องมาทำมงทำไมทั้งนั้นแหละ! แล้วคนที่ควรจะตกใจน่ะเป็นฉันมากกว่า! นายลองคิดดูสิว่านายกำลังตามหาไอ้บ้าบางคนแล้วพอเจอก็ดันมาเจอในสภาพกำลังปีนต้นไม้แล้วตกลงมาเนี่ย! เคยคิดบ้างมั๊ยว่าฉันเป็นห่วงนายขนาดไหนน่ะห๊ะเจ้าเซ่อเอ๊ย!”
“เป็นห่วง? นาย...เป็นห่วงฉัน?”
“ก็ใช่น่ะสิ! ให้ตายสิ นายนี่มัน... ไม่รู้จะเรียกว่าบ้าหรือโง่ดีแล้วเนี่ย! นายมันเก่งแต่ทำให้ฉันคอยเป็นห่วง รู้งี้ฉันปล่อยให้นายตกลงมาให้เข็ดซะดีกว่ามั้ง! ตกลงมาตอนเช้ายังไม่หลาบจำรึไง!”
“คาเงยามะ?” ฮินาตะยังมองผมมาด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง
“อะไร” ผมพูดออกไปด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์ หมอนี่มันดีแต่ทำให้ผมหงุดหงิดจริงๆนั่นแหละ
...แต่ถ้าไม่ใช่เพราะเรื่องมัน ผมก็คงไม่หงุดหงิดขนาดนี้หรอก
ฮินาตะเห็นปฏิกิริยาตอบรับของผมแล้วพลันเผยยิ้มกว้าง ก่อนจะเอ่ยถ้อยคำสั้นๆบางคำด้วยน้ำเสียงร่าเริงสดใสที่ผมหมั่นไส้ แต่ผมก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าผมไม่ได้เกลียดมันหรอกนะ
“ขอบคุณนะคาเงยามะ”
“…”
“เป็นไรไปเล่าคาเงยามะ ฉันขอบคุณนายอยู่น—โอ๊ย!”
ไม่ต้องถามว่าทำไมมันถึงร้องขึ้นมา ก็แค่ผมจัดการเขกหัวฟูๆของมันไปหนึ่งดอก
“เจ็บ...ทำอะไรของนายห๊ะ!” ฮินาตะกลับมาโวยวายต่อ
“สั่งสอนนายไงละ ทีนี้ก็กลับชมรมกันได้แล้ว” ผมพูดพลางปล่อยมันลง แล้วยันตัวลุกขึ้นก่อนจะเดินออกมาจากตรงนั้นเป็นคนแรก ปล่อยให้อีกฝ่ายวิ่งตามมาเอง
“รอด้วยเซ่คาเงยามะ!”
ผมยังเดินต่อไปไม่หยุด และมันก็ยังวิ่งตามผมมาเรื่อยๆ แต่มันคงไม่รู้สึกตัวเลยสินะว่า...ผมผ่อนความเร็วฝีเท้าลงเรื่อยๆให้มันตามทัน ฮินาตะซื่อบื้อจะตาย ไม่มีทางรู้หรอก และผมก็ไม่มีทางจะบอกมันด้วย
ฮินาตะที่ตามผมทันเริ่มบ่นกระปอดกระแปดเรื่องที่ผมเขกหัวมันแล้วยังทิ้งมันให้วิ่งตามมาเองอีก แต่ผมก็ไม่ได้ให้ความสนใจกับมันมาก และสุดท้ายผมก็ตัดสินใจเอ่ยแทรกมัน
“ว่าแต่นายไปปีนต้นไม้เล่นทำไมห๊ะ? อยากบินได้ขนาดนั้นเลยรึไง?”
“จะบ้าหรอ! ฉันแค่ปีนขึ้นไปเพื่อเอาลูกนกไปคืนรังมันต่างหาก!”
“ลูกนก?”
“ใช่ๆ ฉันเจอมันตอนพักกลางวันหลังจากแยกกับนายแล้วอะ ฉันฝากไว้ที่ครูห้องพยาบาล พอเลิกเรียนฉันก็เอาของไปวางที่โรงยิมก่อนจะไปเอามันมาไง”
“…”
“เป็นไรไปอีกเล่าคาเงยามะ? รู้สึกว่าฉันเท่จนพูดไม่ออกเลยละสิ”
“...งี่เง่า”
“หา?! นายว่าไงน้า?! เมื่อกี้นายยังบอกว่าเป็นห่วงฉันอยู่เลยไม่ใช่รึไง แล้วไหงเป็นงี้อะ!” ฮินาตะโวยวาย
“เมื่อกี้ฉันหลงผิดไปนิดหน่อย” ผมตอบอย่างไม่ไยดี
“ไหงงั้นอะ!”
ผมลอบหัวเราะน้อยๆให้กับปฏิกิริยาของฮินาตะที่ดูท่าจะไม่สบอารมณ์เอามากๆ แต่เอาเถอะ...
...ก็นี่ละนะฮินาตะ
เป็นไอ้บ้าคนหนึ่งที่ทำอะไรไม่คิดหน้าคิดหลังให้ดี
แถมบางครั้งก็ยังชอบทำอะไรเกินตัว
แต่ก็เพราะเป็นไอ้บ้าแบบนี้...
...ผมถึงตัดขาดจากมันไม่เคยได้ ยังไงก็อดเป็นห่วงไม่ได้
ผมไม่รู้ว่าความรู้สึกแบบนี้มันเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ ผมรู้แค่ว่าผมไม่สามารถถอนความรู้สึกนี้ออกจากหัวใจได้ง่ายๆเลย และผมก็ไม่คิดจะถอนมันออกมาด้วย
ทั้งๆที่ผมกับฮินาตะเจอกันครั้งแรกในฐานะคนที่อยู่ฝั่งตรงข้ามของเน็ต
แต่มาวันนี้ผมกลับเป็นคนที่รับตัวของหมอนั่นไว้ตอนที่มันตกลงมา
มาคิดๆดูแล้วก็น่าขำดีนะ...
“ฮินาตะ นายจำไว้นะ...”
“อะไรอีก?”
“ต่อจากนี้ไปน่ะฉันจะเป็นคนที่คอยรับนายตอนที่นายตกลงมาเอง”
“หา? หมายความว่าไงน่ะ?”
นายไม่จำเป็นต้องเข้าใจมันตอนนี้
ตอนนี้สิ่งที่นายต้องทำมีแค่เชื่อฉันไปเท่านั้นก็พอ
กระโดดขึ้นไปให้สูง...
บินไปให้สูงเท่าที่นายต้องการ
และทุกครั้งที่นายมองลงมา นายจะเห็นฉันคนนี้รอรับนายอยู่
เพราะนายทำให้ฉันมั่นใจแล้วว่านายจะยืนอยู่เคียงข้างฉันแบบนี้...ตั้งแต่ตอนนี้ และตลอดไป...
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
มาต่อกันแล้วนะคะกับฟิคนี้ XD
รู้สึกจะหายไปนานพอสมควร 55555 5 เล่นเอาซะไฮคิวฉบับอนิเมะจบไปแล้วเลยทีเดียว
เอาเป็นว่าตอนนี้มาต่อให้แล้วละกันน่า (?)
แต่งฟิคนี้ด้วยความรู้สึกที่ว่า 'ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้เคยอยู่ฝั่งตรงข้ามของคอร์ด แต่มาวันนี้กลับเป็นคนที่คอยรับอีกฝ่ายไม่ให้เจ็บตัว'
มันก็เลยออกมาแนวๆนี้ เป็นฟิคใสๆ แบบใสวิ้งเลยค่ะ 55555555 5
กำลังคิดว่าว่างๆจะแต่ง ไดจิสึกะ กับ อาซาฮินิชิโนยะ ด้วย
แต่พล็อตยังไม่ค่อยมีเท่าไหร่เบย ; w ; #สารภาพว่าตอนนี้ทุกอณูสมองถูกครอบงำด้วย Yowamushi Pedal
ใครรู้จักเรื่องโอตาคุปั่นจักรยานก็ลองไปอ่านฟิคอีกบทความดูได้นะคะ ปั่นไปเยอะพอสมควรต่างจากบทความนี้ 55555
แล้วเจอกันคราวหน้าค่ะ ! อยากให้ปั่นคู่ไหนจากเรื่องอะไรก็ลองเสนอๆมาได้นะคะ ;D
ความคิดเห็น