คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : ' 1
“…เจ้า...มาทำอะไรที่นี่ ?”
“หะ..หา ? ข้าน่ะหรอ ?” โคซาร์ทเอ่ยขึ้นด้วยความรู้สึกราวกับยังจับต้นชนปลายไม่ถูก เพราะนั่นคือสิ่งที่เขากำลังต้องการจะถามหญิงสาวผมขาวตรงหน้าต่างหาก !
“ก็ถ้าไม่ใช่เจ้าแล้วมันจะเป็นสิ่งมีชีวิตตัวไหนอีก?” เธอว่าด้วยน้ำเสียงติดจะเหวี่ยงหน่อยๆ บ่งบอกได้อย่างดีว่าเธอเริ่มจะหงุดหงิดขึ้นมาบ้างแล้วที่ต้องมาพูดซ้ำ
“ก็..เอ่อ...นั่นสินะ” โคซาร์ทหัวเราะแห้งๆพลางเกาท้ายทอยแก้เก้อ แต่ชายหนุ่มก็ฉุกคิดอะไรขึ้นมาได้เขาจึงหยุดการกระทำนั้นอย่างรวดเร็วแล้วพูดขึ้น “ไม่ใช่ๆ ข้าต่างหากที่ต้องถามว่าหญิงสาวอย่างเจ้าทำไมถึงมาอยู่ในป่าลึกแบบนี้ละ”
“...เรื่องของข้า ทำไมข้าต้องบอกมนุษย์อย่างเจ้าด้วยห๊ะ?” เธอมองมาทางเขาด้วยแววตาว่างเปล่าหากแต่กลับคมกริบยิ่งกว่าของมีคมใดๆที่เขาเคยพบ...ยิ่งไปกว่านั้นเขาไม่เคยพบผู้หญิงคนไหนที่เป็นแบบเธอ ไม่สิ ต้องพูดว่าไม่มีมนุษย์ผู้หญิงคนไหนเหมือนเธอน่าจะถูกต้องกว่า
“...งั้นเจ้าก็ไม่ใช่มนุษย์น่ะสิ” โคซาร์ทพูดในสิ่งที่ตนคิดออกไป สิ่งที่เขาพูดนั้นเรียกให้ดวงตากลมโตของอีกฝ่ายเบิกกว้างเล็กน้อยก่อนจะกลับเป็นเหมือนเดิม แต่คิ้วเรียวกลับขมวดมุ่นเป็นโบว์
“หึ..เรื่องแบบนี้ยังต้องให้ข้าพูดด้วยรึไง?” หญิงสาวกล่าวตอบ โคซาร์ทคาดว่าลักษณะการพูดแบบนี้คงจะเป็นนิสัยของเธอ หรือไม่ก็... เธอคงอยากพยายามเลี่ยงคำตอบ
“...” คราวนี้โคซาร์ทไม่ได้ตอบอะไรกลับไป หญิงสาวตรงหน้าเขาเองก็หันหน้ากลับไปยังทิศเดิมอย่างไม่สนใจอะไรเขาอีก โคซาร์ทพิจารณารูปลักษณ์ภายนอกของเธออยู่พักหนึ่ง เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าเขาจะมีโอกาสได้มาเจอกับคนมีปีกสีขาวอย่างเธอ เพราะแบบที่เขาควรเจอมันน่าจะเป็นสิ่งมีชีวิตสีดำจากนรก ไม่ควรจะเป็นสิ่งมีชีวิตที่วิจิตรสวยงามแบบหญิงสาวผู้นี้
...อย่างไรเสีย เขาก็เป็นมาเฟียนี่นะ
แต่ในเมื่อได้มาเจอแบบนี้แล้ว คงจะพูดได้ว่าเขายังทำบุญไว้มากอยู่กระมัง (?)
โคซาร์ทอมยิ้มกับความคิดของตัวเอง ชายหนุ่มส่ายศีรษะอย่างต้องการจะขับไล่ความคิดที่ชวนให้รู้สึกแย่ออกไปก่อนจะสาวเท้าตรงเข้าไปหาหญิงสาว ยิ่งเดินเข้าไปใกล้ก็ยิ่งทำให้เขาเห็นว่าสิ่งที่หญิงสาวทำอยู่คือการอ่านหนังสือเล่มใหญ่ที่มีความหนาพอสมควรเล่มหนึ่ง เธอวางมันไว้บนพื้นหญ้าแล้วเป็นฝ่ายโน้มตัวเข้าไปหามันเอง โคซาร์ทไม่ได้ตั้งใจมองเนื้อหาในหนังสือ แต่ก็คาดว่ามันคงจะเป็นหนังสือที่อ่านยาก(และคนอย่างเขาก็คงไม่อ่าน)เล่มหนึ่ง
หญิงสาวดูจะไม่รู้สึกตัว เวลาเธอจดจ้องไปยังหน้าหนังสืออย่างมีสมาธิราวกับจะหลุดไปในนั้นได้ช่างเป็นภาพที่งดงามอย่างหาได้ยากยิ่ง เธอในเวลานี้ดูไม่ต่างไปจากตุ๊กตาขนาดเท่าคนจริงเลย เขายิ้มให้กับเธออยู่ข้างหลังและชมเธออยู่ในใจ จากนั้นโคซาร์ทจึงยื่นมือออกไป มือนั้นแบและอยู่ห่างจากข้างใบหน้าของเธอไม่มากจึงเรียกความสนใจของเธอให้ละไปจากหน้าหนังสือได้ เธอเอ่ยขึ้นเพื่อถามอีกฝ่ายแต่ยังไม่ยอมหันไปสบตา
“อะไร? ยังไม่กลับไปอีกหรือไ----”
“มากับข้าสิ” โคซาร์ทกล่าวแทรกโดยไม่รอให้เธอได้พูดจบ สิ่งที่เขาพูดออกไปนี้ทำให้เธอต้องเบิกตากว้างด้วยความไม่คาดคิดพร้อมกับหันกลับไปมองหน้าอีกฝ่ายให้ชัดๆ ครั้นดวงเนตรสีม่วงสบเข้ากับดวงเนตรสีเพลิง หล่อนก็หรี่ตาลงเล็กน้อยอย่างระแวงและกลับมาเป็นตัวเองอีกครั้ง
“...คิดดีแล้วหรือไงถึงพูดออกมาน่ะ?”
โคซาร์ทยิ้มกว้างให้เธอก่อนจะเอ่ยตอบ “แน่นอน ข้าปล่อยให้ผู้หญิงอย่างเจ้าอยู่ในป่าแบบนี้ไม่ได้หรอกนะ”
“งั้นหรอ...” หญิงสาวกล่าวค้างไว้ด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยแล้วสะบัดหน้ากลับมาอยู่ในทิศเดิม ดวงตาเธอปิดสนิทอย่างคนที่มีความมั่นใจและค่อนข้างทระนงตน หากแต่ปากกลับเอ่ยต่อ
“ข้ารู้สึกซาบซึ้งในความเมตตาของท่าน แต่ขอโทษด้วยนะท่านเจ้าชายผู้แสนดี เพราะข้าน่ะ...ขอปฏิเสธ !” เธอกระแทกเสียงตรงคำว่าขอปฏิเสธอย่างแรงจนโคซาร์ทรู้สึกเหมือนกับโดนอะไรบางอย่างมาตอกหน้าให้หงายเงิบ พูดได้ว่าอุตส่าห์บิ้ว(?)อารมณ์และบรรยากาศมาอย่างดีแล้วแท้ๆ แต่ทุกอย่างก็แตกเป็นเสี่ยงๆในเวลาเพียงไม่กี่วิ ตามหลักแล้วเธอควรจะตอบตกลงไม่ใช่หรอ ?!(?)
“ฮะ..เฮ้ ! เจ้าเนี่ยอย่าดื้อนักจะได้มั๊ย? ในป่ามันอันตรายนะ” ที่เน้นตัวหนาไว้ไม่ใช่เพราะโคซาร์ทกระแทกเสียงหรือต้องการจะเน้นคำนี้ แต่คำว่าดื้อนั้นดูเหมือนจะก้องและฉายซ้ำไปซ้ำมาอยู่ภายในสมองและภายในใจของเธอ ถึงแม้โคซาร์ทจะไม่ได้จงใจและปากมันเป็นไปเอง แต่มันก็สายไปแล้วละ (?)
“ข้า...”
“หืม?”
“..ข้าไม่ได้ดื้อนะ !!!!” หญิงสาวตะโกนเสียงดังพร้อมกับปิดหนังสือเล่มมหึมาที่อ่านค้างไว้แล้วจัดการยกมันขึ้นเหนือหัวก่อนจะปามันใส่โคซาร์ท (?!)
โคซาร์ทที่ไม่คิดว่าเรื่องมันจะเป็นแบบนี้ถึงกับช็อกค้างและทำอะไรไม่ถูก เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองทำอะไรผิดไปจึงยืนค้างอยู่ ถ้าเป็นคนปกติคงจะหัวแตกและถูกนำส่งเข้าโรงพยาบาลไปแล้ว แต่ด้วยความที่โคซาร์ทเป็นบอสมาเฟียผู้มีเซ้นส์ด้านการต่อสู้ดีเยี่ยม เขาจึงหลบมันได้ตามสัญชาตญาณดิบ(?)
…แต่คนขว้างเนี่ยสิ
หญิงสาวที่ขว้างหนังสือที่ขนาดใหญ่เป็นพิเศษออกไปนั้นดูเหมือนจะเสียการทรงตัวตามหลักฟิสิกส์เรื่องโมเมนตัมหรือหลักความสมดุลของแรงหรืออะไรนี่แหละ(?)จึงทำให้เธอเซไปในทิศเดียวกันกับที่ออกแรงขว้าง
...(ไอ้)ทิศที่ว่านั่น่ะคือทิศที่โคซาร์ทยืนอยู่นั่นเอง
ครั้นจะหลบร่างของหญิงสาวผมขาวที่กำลังจะทรงตัวไม่อยู่นั้นก็รู้สึกไม่เป็นสุภาพบุรุษ(?) โคซาร์ทจึงไม่หลบและพยายามจะรับตัวของเธอเอาไว้ แต่ดูเหมือนใครบางคน(ไรท์เตอร์นี่แหละ)ต้องการจะกลั่นแกล้ง ทำให้โคซาร์ทไม่ทันรู้สึกว่าด้านหลังของส้นเท้าเขานั้นมีก้อนหินก้อนเล็กขนาดไม่สังเกตจะมองไม่เห็น แต่ถ้าสังเกตก็จะมองเห็นอยู่ (??) และพอเขารู้สึกตัวว่ามันมี...ก็ตอนที่เขาสะดุดมันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วนั่นละ
เรื่องมันเลยจบลงที่เขาเองก็ล้มลงไปนอนหงายอยู่กับพื้นหญ้าโดยมีร่างของนางฟ้าปีกเดียวที่เป็นต้นเหตุของเรื่องนอนทับบนร่างกายเขาอีกที
“อะ...อูย...” เธอที่เริ่มกลับมารู้สึกตัวส่งเสียงในลำคอเล็กน้อยด้วยความเจ็บ(ที่น้อยกว่าคนถูกทับ) เมื่อลืมตาดูดีๆแล้ว เธอก็พบว่าเธอไม่ได้นอนอยู่บนพื้นหญ้าอย่างที่ควรเป็น เธอรู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างโอบกอดร่างเธอไว้อย่างที่หญ้าไม่สามารถทำได้(?) และสิ่งที่มือเธอสัมผัสได้ก็ไม่ใช่ความหยาบและเย็น แต่เป็นความเนียนเรียบและอบอุ่น
...เอ๊ะ ? เดี๋ยวนะ..
!!
หญิงสาวหน้าขึ้นสีแดงก่ำทันทีที่เริ่มเข้าใจสถานการณ์ เธอรีบพยายามดันร่างของเธออกมาจากอ้อมกอดของผู้ที่ช่วยเธอไว้อย่างไม่คิดว่ามันเสียมารยาทแล้วตีหน้านิ่งอย่างเดิมเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งสิ้น
โคซาร์ทที่ยันตัวขึ้นมาจากพื้นได้แล้วมองภาพนั้นด้วยความรู้สึกเสียดา...เอ้ย ! ด้วยความรู้สึกปลงๆกับคนตรงหน้า นอกจากจะอารมณ์ขึ้นๆลงๆ ปากร้าย แล้วยังจะทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้หน้าด้านๆอีกงั้นหรอ ให้ตายสิ ! นางฟ้าเป็นแบบนี้กันทุกตนเลยรึไง
...แถมยังไม่ยอมพูดอะไรสักคำอีก ทำอย่างกับว่าเขาเป็นคนผิดงั้นแหละ
โคซาร์ทถอนหายใจครั้งหนึ่งอย่างหน่ายๆ เขาสำรวจร่างกายตนเองเพื่อดูว่าบาดเจ็บตรงไหนบ้าง ซึ่งที่เขาพบก็มีแค่รอยถลอกเล็กๆน้อยๆกับความรู้สึกปวดๆบริเวณหลังหัวแดงๆของเขาก็เท่านั้น เมื่อเหลือบไปดูร่างของนางฟ้าตัวปัญหาก็พบว่าเจ้าตัวไม่แผลอะไรเลย อาจจะมีเสื้อผ้าที่ยับยู่ยี่บ้างแต่ก็ไม่มีส่วนใดที่ได้รับบาดเจ็บ ภาพเบื้องหน้านี้ทำให้โคซาร์ทรู้สึกทั้งหมั่นไส้และโล่งอกในเวลาเดียวกัน(?)
“...แผลน่ะ...”
“หือ ?”
“เจ็บมากรึเปล่า?” โคซาร์ทแทบจะไม่เชื่อหูตัวเองเมื่อได้ยินว่าอีกฝ่ายพูดอะไรออกมา แต่ก็ไม่อยากจะคิดว่าตนหูฝาดจึงพยายามเข้าข้างตัวเอง (?) นอกจากนี้โคซาร์ทยังรู้สึกตกใจว่าทั้งที่อีกฝ่ายหันหลังให้เขาอยู่ ทำไมถึงรู้ได้ ? มันเป็นการคาดเดาความน่าจะเป็น หรือเป็นเพราะเธอมีตาหลังกันแน่ ?
“ก็ไม่หรอก แค่นี้น่ะสบายมาก จะให้ข้าอุ้มเจ้าพิสูจน์มั๊ยละ?” โคซาร์ทว่าติดตลก
“เดี๋ยวเถอะ !” นางฟ้าสาวขึ้นเสียงแล้วหันมาจ้องไปในตาเขาด้วยแววตานิ่งๆแต่ก็ดูดุดันและคิ้วเรียวขมวดเป็นปม ตอนแรกเขานึกว่าตัวเองจะโดนอะไรปาใส่อีกครั้งเสียแล้ว และในขณะที่โคซาร์ทกำลังหลับตาปี๋ยอมรับโทษ เวลาผ่านไปสักพักเขากลับไม่รู้สึกเจ็บ แต่สิ่งที่เขารู้สึกคือสัมผัสเบาบางบริเวณรอยถลอกที่หน้าของเขา
โคซาร์ทลืมตาขึ้นมาทันที และเขาก็ได้พบกับอัญมณีสีม่วงอเมทิสต์แสนสวยอยู่ใกล้เพียงเอื้อม หญิงสาวยื่นใบหน้าเข้ามาใกล้เขาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ แต่ที่รู้คือตอนนี้เขากับเธอห่างกันไม่เกินสิบเซนติเมตร เขาคงหลงมองดวงตาของเธอไปอีกสักพักถ้าหากเธอไม่ใช้ปลายนิ้วลูบไปตามรอยแผลที่ข้างแก้มของเขาพลางเอ่ยขึ้น
“ดูสิ..เลือดออกด้วย เป็นมนุษย์แท้ๆเจียมตัวเสียบ้างเถอะ”
...น่าแปลกนะที่เขาสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นภายในคำพูดที่ออกจากเรียวปากสีกุหลาบนั้น
เขาตั้งใจจะถามกลับไปว่า ‘เป็นห่วงหรอ?’ แต่เขารู้ดีว่าถ้าพูดออกไป อีกฝ่ายก็คงจะไม่มาอยู่ตรงหน้าเขาแบบนี้แน่ เผลอๆอาจจะตบหน้าเขาไปทีนึงด้วยซ้ำ สุดท้ายโคซาร์ทจึงไม่ได้ทักอะไร
“จริงๆเลย ทำไมต้องมารับข้าไว้ด้วยละ เป็นแค่มนุ----”
“เป็นแค่มนุษย์แล้วไงละ ...เพราะเป็นมนุษย์น่ะสิ ข้าเลยรับร่างเจ้าเอาไว้ไม่ให้ล้ม” โคซาร์ทกล่าวด้วยแววตาที่นิ่งและฉายชัดถึงความเด็ดเดี่ยว เป็นแววตาที่ปราศจากการเสแสร้ง เป็นแววตาที่...มีแต่ความจริงใจระบายอยู่ล้วนๆ
เธอชะงักไปเมื่อหันไปพบกับแววตาของโคซาร์ท ยิ่งอยู่ใกล้ ยิ่งทำให้รับรู้ได้ถึงความจริงใจที่มีอยู่ในนั้น หญิงสาวถึงกับทำอะไรไม่ถูกไปชั่วขณะราวกับครานี้เป็นฝ่ายโดนดวงเนตรสีเพลิงนั้นสะกดไว้ และเมื่อเธอระลึกตัวได้ว่าตัวเองนั้นอยู่ใกล้ชิดกับบุรุษผู้นี้มากเพียงใด เธอก็รีบถอยร่างออกมาเพื่อสร้างระยะห่างไว้ แต่ทว่า...
โคซาร์ทกลับคว้าข้อมือของเธอเอาไว้
เธอหันกลับไปสบดวงเนตรของอีกฝ่ายอีกครั้งด้วยความสงสัย ครั้นเมื่อออกแรงชักมือกลับ โคซาร์ทก็จับข้อมือนั้นไว้แน่น มันไม่ได้แน่นจนทำให้เธอเจ็บ แต่แน่นเสียจนเธอดึงมือกลับไม่ได้ อย่างไรเสียเธอก็เป็นเพียงสตรีนี่นะ
“พวกนางฟ้าน่ะมีการบัญญัติไว้ด้วยหรือว่าห้ามอยู่ใกล้ชิดกับบุรุษ” โคซาร์ทเอ่ยยิ้มๆ
“ไม่ต้องมาล้อข้าเลยนะ เจ้าก็เห็นว่าข้าเป็นผู้หญิง” เธอสวนกลับ
“อา...นั่นสินะ”
“รู้แล้วก็ปล่อยมือข้าซะสิ”
“ข้าคิดมาสักพักแล้วว่าเจ้าช่างเป็นนางฟ้าที่ใจร้ายจริงๆนะ” โคซาร์ทเอ่ย หญิงสาวที่ถูกพาดพิงมองโคซาร์ทด้วยสายตาไม่ชอบใจนัก แต่ถึงกระนั้นโคซาร์ทก็ยังเอ่ยต่อ “ข้าช่วยเจ้าไว้ เจ้าไม่คิดจะตอบแทนอะไรข้าบ้างเลยหรือ ?”
“เจ้าจะเอาอะไรละ?”
“ชื่อของเจ้า”
“ห๊ะ?” เธออุทานเสียงหลงด้วยความสงสัย นึกไม่ออกว่าคนตรงหน้าจะมาไม้ไหนอีก
“เจ้าไม่คิดบ้างหรือว่าพวกเราคุยกันมาสักพักโดยไม่รู้ชื่อกันเลย” โคซาร์ทว่า เมื่อได้ยินดังนั้นหญิงสาวก็ตั้งท่าจะเอ่ยสวนกลับแต่กลับถูกโคซาร์ทดักไว้เสียก่อน “ถึงเจ้าจะคิดว่าเจ้าไม่จำเป็นต้องรู้จักข้า แต่ข้าน่ะไม่คิดแบบนั้น เพราะฉะนั้นบอกข้าหน่อยสิ”
“...เฟลิเซีย” หญิงสาวกล่าวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาพลางก้มหน้าหลบสายตาของโคซาร์ท “พอใจเจ้ารึยัง?”
โคซาร์ทมองปฏิกิริยาของคนตรงหน้าด้วยรอยยิ้มอบอุ่นแต่เจ้าตัวคงไม่เห็น เขาทำตามสัญญา เมื่ออีกฝ่ายยอมบอกชื่อให้เขาแล้วเขาก็ปล่อยมือเธอทันที ถึงอีกฝ่ายจะรู้สึกว่ามันอ้อยอิ่งไปหน่อยก็เถอะ เฟลิเซียหันหลังให้เขาอีกครั้งโดยไม่ลืมที่จะไปเก็บหนังสือที่ปาออกไปเมื่อครู่กลับมาไว้ที่เดิมแล้วเริ่มอ่านมัน
เห็นดังนั้นแล้ว โคซาร์ทจึงลุกขึ้นยืน เขาพูดลอยๆขึ้นมา “เฟลิเซีย... เป็นชื่อที่เพราะดีนะ” โคซาร์ทกล่าวไว้เท่านั้นก่อนจะหันหลังและเดินจากไป แต่ทว่าเขาก็ถูกหยุดไว้ด้วยน้ำเสียงของหญิงสาวที่เป็นฝ่ายหันหลังให้เขาก่อน
“เจ้าละ?”
“ข้าทำไมหรือ?” โคซาร์ทหันกลับไปมองอีกฝ่าย แต่ก็ยังเห็นเฟลิเซียหันหลังให้อยู่ เขาไม่คิดว่าตัวเองหูฝาดหรอกนะ เมื่อกี้นี้น่ะเป็นเสียงของเธอจริงๆ
“ชื่อเจ้าไง ...ข้าบอกชื่อไปแล้วเจ้าก็ควรบอกข้าด้วย มันเป็นมารยาทไม่ใช่รึไง” เฟลิเซียเอ่ยท้วงทั้งที่ยังไม่หันกลับมาอยู่ดี
โคซาร์ทอมยิ้ม..ไม่สิ เขายิ้มกว้างให้กับภาพเบื้องหน้าพลางเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงสดใสและเปี่ยมไปด้วยความสุข “ชื่อของข้าคือ โคซาร์ท”
“จำเอาไว้ดีๆละ” ครั้นเมื่อไม่เห็นเฟลิเซียพูดอะไรกลับมาอีก โคซาร์ทจึงเอ่ยทิ้งไว้เป็นครั้งสุดท้ายแล้วหันหลังกลับเพื่อมุ่งหน้าออกจากป่าต้องสาปแห่งนี้ ...ถ้าใครมาเห็นตัวเขาในตอนนี้คงบอกว่าบ้า ในเมื่อเขายิ้มกริ่มไปตลอดทางจนพ้นบริเวณป่า ซึ่งทันทีที่ออกมาได้ ใครๆต่างก็ตกใจกับปฏิกิริยาของบอสแห่งชิม่อนแฟมิลี่ที่ยิ้มแย้มผิดปกติทั้งที่เพิ่งกลับมาจากป่าที่ขึ้นชื่อว่าต้องสาป จนชาวบ้านแถวๆนั้นเอาไปลือกันให้แซ่ดกลายเป็นเรื่องเล่าใหม่เกี่ยวกับป่านี้ว่า ‘เป็นป่าที่ทำให้คนที่รอดกลับออกมาเป็นบ้า’ …
…และถ้าหากโคซาร์ทมีพลังพิเศษในการมองทะลุปรุโปร่ง เขาเองก็จะเห็นว่าเฟลิเซียซึ่งหันหลังให้เขาอยู่นั้นแย้มยิ้มบางๆอย่างอ่อนโยนเมื่อได้ยินเขาบอกชื่อของเขาเช่นกัน
ช่างน่าเสียดายที่โคซาร์ทไม่มีพลังพิเศษที่ว่านั้น
แต่ถึงแม้จะไม่มีพลังพิเศษ โคซาร์ทเองก็พอเดาได้ว่าเฟลิเซียรู้สึกอย่างไร แม้จะไม่เห็นด้วยตาตัวเอง แต่ความนัยที่แฝงมาในคำพูดจิกกัดนั้นเขาก็รับรู้และสัมผัสถึงมันได้ ซึ่งแค่นี้มันก็เพียงพอแล้วสำหรับการพบพานแห่งโชคชะตาของมนุษย์และนางฟ้าคู่นี้
...แต่หวังว่าเขาจะไม่ได้เข้าข้างตัวเองมากไปหรอกใช่มั๊ยที่คิดว่าเธอเองก็รู้สึกแบบเดียวกัน ? โคซาร์ทได้แต่คิดแบบนั้นอยู่ภายในใจ...
ถามว่าความรู้สึกที่ว่านั้นมันคืออะไร ?
.
.
.
.
.
.
.
ก็ความรู้สึกที่เรียกว่า ค ว า ม สุ ข น่ะสิ ;)
Talk,,
จบกันไปอีกตอนค่ะ ! ปั่นออกมาด้วยการเคี่ยวเข็ญของพี่สาวนางหนึ่งล้วนๆค่ะ (ฮา)
ไม่อยากบอกว่าตอนแรกไม่คิดว่ามันจะออกมาหวานขนาดนี้ แต่พอนึกได้ฉากนึง มันก็เลย..เลยตามเลยจนออกแบบนี้ 55555555 5 หวังว่าตอนนี้จะดีกว่าตอนที่แล้ว (มั้งคะ?) และ(ได้แต่)หวังว่ามันจะดีขึ้นไปเรื่อยๆทุกตอนๆ ยังไงก็เป็นกำลังใจให้ไรท์ตาดำๆคนนี้ด้วยนะคะท่านผู้อ่าน ;)
ใช่ๆ(?) อยากบอกว่าตอนแรกนี้ยังไม่จบนะคะ (#ห๊ะ?!) เดี๋ยวค่ะอย่าเพิ่งห๊ะ = w = ;; ไรท์แค่จะบอกว่าเดี๋ยวมันจะมีตอน 1.5 ออกมาเป็นเรื่องหลังจากโคซาร์ทออกจากป่าต้องสาปแล้วด้วยนะคะ คือตอนแรกตั้งใจจะใส่ไว้ในตอนนี้แหละ แต่ดูแล้วมันน่าจะยาวเกินจึงขอรวบเป็นอีกตอน หุหุ (?)
ยังไงก็... อย่าลืมเม้นท์นะคะ !
ความคิดเห็น