ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    AU fic { Yowamushi Pedal ,, Unforgettable

    ลำดับตอนที่ #3 : บทที่หนึ่ง : บอกเขาทีว่านี่คือเรื่องบังเอิญ ?! (70%)

    • อัปเดตล่าสุด 8 พ.ย. 57


     

    วันรุ่งขึ้น...

     

    โอโนดะมาโรงเรียนตามปกติพร้อมกับจักรยานแม่บ้านคู่ใจที่ใช้มาได้สักพักใหญ่ๆแล้ว สายลมฤดูใบไม้ผลิยังพัดโชยมาให้สบายผิวกาย ผืนฟ้าปลอดโปร่งเป็นสีครามสดใสและมีสีขาวแต้มเป็นหย่อมๆจากสีของปุยเมฆที่ลอยเป็นหย่อมๆดูแล้วเพลินตา สองข้างทางคลาคล่ำไปด้วยเด็กนักเรียนชายหญิงในชุดยูนิฟอร์มแขนยาวแบบเดียวกันกับเขาซึ่งต่างก็กำลังมุ่งหน้าไปยังโรงเรียน เด็กหนุ่มร่างเล็กฮัมเพลงเปิดของอนิเมะเรื่องโปรดไปตลอดทางเบาๆพอให้ตัวเองได้ยิน

     

    ครั้นเมื่อถึงโรงเรียนโดยสวัสดิภาพ โอโนดะก็จัดการจอดจักรยานตัวเองให้เรียบร้อย แล้วเดินเข้าไปในตัวอาคารเพื่อเปลี่ยนรองเท้าก่อนขึ้นไปบนห้องเรียนของตน

     

    ว่าไงโอโนดะคุง!” เสียงทุ้มที่แสนคุ้นเคยดังมาจากทางด้านหลังของโอโนดะ เด็กหนุ่มได้ยินเสียงนั้นพร้อมๆกับสัมผัสได้ถึงแรงของฝ่ามือที่ตบลงบนบ่าเบาๆ และพอหันไปมองทางต้นเสียง ร่างบางก็ยิ้มกว้างพร้อมเอ่ยคำทักทายอีกฝ่ายเช่นเดียวกัน

     

    ...จริงๆ ถึงไม่หันไปมอง โอโนดะก็รู้อยู่แล้วละว่าเป็นใคร

     

    อรุณสวัสดิ์นารูโกะคุง!”

     

    นารูโกะ โชคิจิ ยิ้มกว้างพลางเดินมาอยู่ข้างๆตัวเพื่อนสนิทที่มีส่วนสูงไล่เลี่ยกัน มือข้างหนึ่งถือกระเป๋า ส่วนอีกข้างก็อ้อมมาโอบคอโอโนดะไว้อย่างที่ทำเป็นประจำก่อนที่ทั้งสองจะออกตัวเดินไปพร้อมกันจนถึงห้องเรียนของพวกเขา

     

    นารูโกะกับโอโนดะนั้นเพิ่งมารู้จักกันตอนขึ้นมัธยมต้นปีสองที่โรงเรียนเก่าด้วยความที่นารูโกะย้ายโรงเรียนตอนเทอมสองของมัธยมต้นปีสองและได้มาอยู่ห้องเดียวกับโอโนดะ แต่กลับสนิทสนมกันในเวลาไม่ถึงสองเดือนหลังจากรู้จักกัน และปัจจุบันก็ยังตามกันมาจนถึงโรงเรียนแห่งนี้และยังได้วนกลับมาอยู่ห้องเดียวกันอีก ไม่ใช่เพราะส่วนสูงที่เท่ากัน(?)แต่เป็นเพราะนารูโกะชอบนิสัยที่เรียบง่ายของโอโนดะที่ทำให้พวกเขาเข้ากันได้ดีมากจนโอโนดะเองก็ยังตกใจ เพราะเขาไม่ค่อยมีเพื่อนสนิท เด็กหนุ่มหัวแดงผู้มีนิสัยรักในการทำตัวโดดเด่นเพื่อเป็นจุดรวมความสนใจนี้ดูยังไงก็ไม่ใช่คนประเภทที่โอโนดะจะมีโอกาสสนิทด้วยได้ แต่โอโนดะก็ไม่นึกเสียใจเลยที่ได้เขามาเป็นเพื่อนสนิท

     

    แต่เพื่อนสนิทของโอโนดะไม่ได้มีแค่นารูโกะคนนี้เท่านั้นหรอกนะ

     

    อ๊ะ อรุณสวัสดิ์อิมาอิสึมิคุงหลังจากเปิดประตูและเดินเข้าไปในห้องเรียนอันแสนคุ้นตา โอโนดะก็กล่าวทักทายเด็กหนุ่มหัวดำที่นั่งอยู่ภายในห้องก่อนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ครั้นอีกฝ่ายได้ยิน เจ้าตัวก็ยิ้มบางๆพร้อมกับเอ่ยทักโอโนดะด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

     

    อรุณสวัสดิ์โอโนดะ แล้วก็...

     

    พอ อิมาอิสึมิ ชุนสึเกะ หันไปเห็นหัวแดงๆที่เดินตามหลังโอโนดะเข้ามาในห้อง คิ้วเรียวก็ย่นเข้าหากันเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยคำพูดต่อไป...

     

    ไง

     

    ด้วยน้ำเสียงแข็งกระด้าง

     

    นั่นคือวิธีการทักทายคนอื่นของนายรึไงห๊ะไอ้หน้าจืด!” นารูโกะโวยวายใส่เด็กหนุ่มอีกคนที่เอ่ยทักตนอย่างหยาบคาย(ในความคิดของนารูโกะ)ซ้ำยังทำเป็นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นแล้วหันไปให้ความสนใจหนังสือในมืออีก หากแต่อีกฝ่ายหาได้แสดงท่าทีอารมณ์ร้อนแบบเด็กหนุ่มหัวแดงไม่ สายตาของเจ้าตัวยังจับจ้องอยู่ที่ตัวอักษรในหน้าหนังสือด้วยอากัปกิริยานิ่งสงบแล้วกล่าวตอบสั้นๆ

     

    ภูมิใจซะว่านายเป็นข้อยกเว้น

     

    จะหาเรื่องรึไง?! ปล่อยฉันนะโอโนดะคุง!” เด็กหนุ่มหัวแดงโวยวายอีกครั้งพร้อมกับใช้นิ้วชี้หน้าของอีกฝ่ายที่ยังให้ความสำคัญกับหนังสือในมือไม่เลิก ท่าทีนิ่งๆแต่เห็นได้ชัดว่ากำลังเมินเขานี้ทำให้นารูโกะยิ่งเลือดขึ้นหน้า โอโนดะที่เห็นท่าไม่ดีจึงพยายามเข้าไปดึงตัวนารูโกะออกมาให้ห่างจากอิมาอิสึมิ

     

    ไม่เอาน่า.. ทั้งสองคนเลย อย่าเพิ่งอารมณ์เสียตอนเช้าๆแบบนี้สิ

     

    ก็ไอ้หน้าจืดมันเริ่มก่อนนี่!” นารูโกะแย้ง

     

    ปล่อยไอ้หัวแดงไปเถอะโอโนดะ นายห้ามคนบ้าไม่ได้หรอกอิมาอิสึมิกล่าวโดยที่สายตายังไม่ละไปจากหน้าหนังสือเช่นเคย

     

    ว่าใครบ้ากัน?!”

     

    พอได้แล้วทั้งสองคน!”

     

    นี่คือเรื่องปกติธรรมดาที่มักเกิดขึ้นทุกวันๆในห้อง 1-B แห่งนี้ ไม่ว่าใครผ่านไปหรือผ่านมาก็สามารถพบเห็นภาพของเด็กหนุ่มหัวดำตัวสูงกับเด็กหนุ่มหัวแดงตัวเล็กกำลังมีปากเสียงกันโดยมีเด็กหนุ่มใส่แว่นตัวเล็กอีกคนพยายามสงบศึกของทั้งสองอย่างเอาเป็นเอาตายนี้ได้ไม่ยาก ตอนแรกก็มีคนมามุงดูอยู่หรอก แต่นานวันเข้า คนเราก็เริ่มชินและปล่อยให้มันเป็นไปทั้งอย่างนั้น

     

    อิมาอิสึมิกับโอโนดะรู้จักกันตอนมัธยมต้นปีสองเช่นเดียวกัน แต่พวกเขาทั้งคู่เริ่มสนิทกันตั้งแต่ก่อนนารูโกะจะย้ายมาเสียอีกคือสนิทกันตั้งแต่เทอมแรกของปีด้วยเหตุผลที่ว่าโดนจับพลัดจับผลูทำงานกลุ่มเดียวกันบ่อยๆและกลับบ้านทางเดียวกัน ซึ่งอิมาอิสึมิเองก็ค่อนข้างชอบใจนิสัยของโอโนดะเพราะอยู่ด้วยกันแล้วรู้สึกสบายใจมากกว่าคนอื่นๆ อิมาอิสึมิจึงไม่รังเกียจการเป็นเพื่อนสนิทกับโอโนดะ ...ถึงแม้ว่าเขาจะโดนโอโนดะบังคับกึ่งลากให้มาดูอนิเมะบางเรื่องด้วยกันก็เถอะ

     

    ..จริงๆ มันก็ไม่ถึงกับบังคับอะไร เพราะถ้าเขาปฏิเสธ โอโนดะก็คงไม่ตามตื๊ออะไรให้มากความ แต่ประเด็นมันอยู่ที่ว่า...

     

    เขาปฏิเสธโอโนดะไม่ลงเนี่ยสิ

     

    ปัจจุบันอนิเมะอย่างเลิฟฮิเมะจึงซึบซาบเข้าสู่สายเลือดบางส่วน(?)ของเด็กหนุ่มผู้มีบุคลิกเงียบขรึมและเป็นที่ชื่นชอบของสาวๆคนนี้เป็นที่เรียบร้อยไปโดยปริยาย(??)

     

    แต่นั่นคือกรณีระหว่างอิมาอิสึมิกับโอโนดะ ไม่ใช่กรณีระหว่างอิมาอิสึมิกับนารูโกะ เพราะอย่างที่เจ้าตัวบอกไป นารูโกะน่ะมันเป็นข้อยกเว้น(?) โอโนดะก็เป็นข้อยกเว้นเหมือนกันนะ

     

    นารูโกะถูกใจโอโนดะ ซึ่งโอโนดะสนิทกับอิมาอิสึมิอยู่แล้ว รวมไปถึงลักษณะนิสัยดื้อรั้นไม่ยอมคนและเกลียดความพ่ายแพ้ที่มีมากพอๆกันทั้งสองฝ่ายก็ยิ่งทำให้พวกเขาทั้งสองคนต้องปะทะฉะดะ(?)กันแบบนี้บ่อยๆ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้หรอกว่านั่นทำให้พวกเขาทั้งสามคนสนิทกันมากขึ้นๆจนสุดท้ายก็ได้มาอยู่โรงเรียนเดียวกันและห้องเดียวกันอีกหน

     

    “..เห็นแก่โอโนดะคุงหรอกนะนารูโกะกล่าวพลางหยุดขัดขืนโอโนดะ จะว่าไปแล้วพวกนายได้ยินข่าวกันรึยัง?”

     

    หืม? ข่าวอะไรหรอนารูโกะคุง?” โอโนดะถามกลับพร้อมกับเอียงคอเล็กน้อย

     

    ข่าวนั้นไง! ข่าวที่บอกว่าวันนี้ห้องเราจะมีนักเรียนใหม่นั่นน่ะ!” เด็กหนุ่มหัวแดงยิ้มร่าอย่างสดใส เพิ่งเปิดเทอมได้ไม่นานแท้ๆก็มีเด็กใหม่มาเพิ่มซะแล้ว อยากรู้ชะมัดเลยว่าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย

     

    ถึงเป็นผู้หญิง เขาก็ไม่สนนายหรอกอิมาอิสึมิเอ่ยขึ้นมาเบาๆ แต่ด้วยระยะห่างที่ไม่อาจเรียกได้ว่าไกลนี้ก็ทำให้เพื่อนทั้งสองของเขาได้ยินมันได้อย่างชัดเจน และแน่นอนว่าผู้ถูกพาดพิงอย่างนารูโกะมีหรือที่จะปล่อยมันให้เลยผ่านไปง่ายๆ?

     

    ว่าไงนะไอ้หน้าจืด!”

     

    หวา! นารูโกะคุงใจเย็นก่อน!” และตบท้ายด้วยโอโนดะที่พยายามทุกวิถีทางเพื่อหยุดเพื่อนหัวแดงที่กำลังอารมณ์ร้อนได้ที่ แต่ไม่ทันที่เด็กหนุ่มจะได้ปรามเพื่อนรักทั้งสองไปมากกว่านั้น ประตูห้องที่อยู่ด้านหลังก็พลันเลื่อนเปิดแล้วเสียงของใครบางคนก็ดังขึ้นขัดจังหวะ

     

    เฮ้! โอโนดะ อาจารย์คันซากิเรียกหานายแน่ะ

     

    เด็กหนุ่มผู้ถูกเรียกรวมไปถึงเพื่อนสนิทที่อยู่ข้างๆต่างหันไปมองที่มาของเสียง ดูเหมือนว่าเสียงของเด็กหนุ่มคนนั้นจะเป็นทางเลือกในการช่วยทำให้อิมาอิสึมิและนารูโกะสงบศึกได้ดีทีเดียว

     

    อาจารย์คันซากิเรียกนายไปทำไมกันน่ะ?” นารูโกะหันกลับมาถามเด็กหนุ่มใส่แว่นข้างกาย

     

    เอ..ไม่รู้สิโอโนดะกล่าวตอบพลางคิดหาสาเหตุแต่จนแล้วจนรอดก็คิดอะไรไม่ออก

     

    ก็คงต้องไปก่อนนั่นแหละอิมาอิสึมิกล่าวแนะนำ โอโนดะจึงพยักหน้าอย่างเห็นด้วยก่อนจะปลีกตัวออกมาจากเพื่อนทั้งสองแล้วมุ่งหน้าตรงไปยังห้องพักครูเพื่อพบคุณครูประจำชั้นของเขา

     

    อาจารย์คันซากิ หรือชื่อเต็มๆคือ คันซากิ มิกิ เป็นอาจารย์สาวสวยมากความสามารถที่เข้ามาประจำชั้นห้องของโอโนดะในปีการศึกษานี้ ใครๆต่างก็รักเธอเพราะเธอเป็นอาจารย์ผู้แสนดีที่มักยิ้มแย้มอยู่เสมอ หากแต่ในบางเวลารอยยิ้มนั้นก็ดูน่ากลัวอย่างบอกไม่ถูก(?)ได้เช่นกัน

     

    ครั้นเมื่อถึงห้องพักครู เด็กหนุ่มร่างเล็กก็เปิดประตูออกพลางเอ่ยขออนุญาตก่อนจะเดินเข้าไปด้านใน

     

    มาแล้วหรอ? อรุณสวัสดิ์นะจ๊ะโอโนดะคุงอาจารย์สาวกล่าวทักทาย

     

    อะ..อรุณสวัสดิ์ครับโอโนดะเอ่ยพร้อมกับโค้งตัวทำความเคารพอาจารย์เรียกผมมามีธุระอะไรหรอครับ?”

     

    อ๋อ.. ก็ไม่มีอะไรมากหรอก แค่ว่าเธอกรอกใบประวัติไม่ครบน่ะอาจารย์มิกิบอกพลางหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งหรือก็คือใบประวัติแผ่นที่ว่าขึ้นมายื่นให้โอโนดะ

     

    อ๊ะ! จริงด้วย! ขอโทษด้วยนะครับ...

     

    ไม่เป็นไรหรอกจ่ะอาจารย์สาวระบายยิ้มหวานอย่างต้องการจะยืนยันว่ามันไม่ใช่เรื่องใหญ่โตถึงขั้นต้องทำคอตกพร้อมกับยื่นปากกาให้ลูกศิษย์ใช้เขียนให้ครบ โอโนดะรับปากกาด้ามนั้นมาแล้วจัดการกรอกส่วนที่ขาดไปพลางนึกบ่นตัวเองในใจถึงความซุ่มซ่ามที่แก้ไม่หายสักทีของตน

     

    ในระหว่างนั้นเอง ประตูห้องพักครูก็ถูกเลื่อนเปิด แล้วอาจารย์สาวอีกคนก็เดินเข้ามาในห้อง เจ้าหล่อนมีเรือนผมสีน้ำตาลสั้นและรูปร่างพอๆกับอาจารย์มิกิแต่มีสีหน้าแสดงความเป็นมิตรออกมาน้อยกว่ากันพอสมควร เธอเดินตรงไปมาทางพวกโอโนดะแล้วเอ่ยทักทายอาจารย์มิกิที่นั่งอยู่อย่างสนิทสนม ซึ่งโอโนดะก็กล่าวทักทายอีกฝ่ายตามมารยาทเช่นกัน พอทักทายกันเรียบร้อยอาจารย์มิกิก็เป็นฝ่ายเอ่ยถามก่อน

     

    ว่าแต่มีอะไรหรออายะ?”

     

    อ๋อ ก็ไม่มีอะไรหรอก แค่อยากมาชวนไปดูดอกซากุระด้วยกันน่ะ เสาร์อาทิตย์นี้ว่างรึเปล่า?” อาจารย์ทาจิบานะ หรือ ทาจิบานะ อายะ กล่าวตอบ

     

    อา.. ก็พอจะไปได้อยู่นะ แต่คงอยู่ไม่นาน เพราะฉันต้องไปรับพี่อีกน่ะอาจารย์มิกิพูดพลางหลุบตาต่ำอย่างนึกเสียดาย

     

    เอ๋?! แย่จังเลย... ฉันอยากไปกับเธอแท้ๆอาจารย์อายะเอ่ย แต่พี่ชายเธอกลับมาสักทีก็ดีแล้วละ เขาไปที่ไหนมานะ?”

     

    ฮาโกเนะน่ะ เห็นบอกว่าจะไปดูอะไหล่จักรยานแถวๆนู้น

     

    ฮาโกเนะหรอครับ?” โอโนดะที่บังเอิญอยู่ในเหตุการณ์เผลอตัวเอ่ยขึ้นหลังจากเงียบมานาน เรียกให้อาจารย์สาวทั้งสองหันมามองทางเขาเป็นตาเดียวจนเขารู้สึกเขินขึ้นมา อะ..เอ่อ.. เปล่าครับ ไม่มีอะไร

     

    ไม่หรอกๆอาจารย์มิกิกล่าวอย่างยิ้มแย้ม ในขณะที่อาจารย์อายะมองเขาด้วยสีหน้าเอือมระอาที่ทำให้เขารู้สึกตัวลีบเล็กลงไปในทันตา(?) ครั้นเห็นดังนั้นอาจารย์มิกิจึงกล่าวต่อ โอโนดะคุงเคยไปฮาโกเนะหรอจ๊ะ?”

     

    อ่า.. ก็เคยหนนึงตอนเด็กๆน่ะครับ ผมไม่เคยไปที่ไหนไกลกว่าฮาโกเนะเลยโอโนดะตอบพลางยิ้มแห้งๆ ซึ่งอาจารย์มิกิก็พยักหน้าเบาๆพร้อมกับส่งยิ้มบางๆมาให้เด็กหนุ่มใส่แว่นที่ยังง่วนอยู่กับการกรอกใบประวัติส่วนที่ยังตกหล่นไปอยู่

     

    พวกเราก็ไม่เคยไปฮาโกเนะด้วยกันเหมือนกันนะอายะอาจารย์มิกิหันไปหาเพื่อนสาวของตน แล้วจากนั้นอาจารย์ทั้งสองก็คุยกันเรื่องสัพเพเหระไปเรื่อยๆอย่างไม่มีจุดหมายปลายทาง ส่วนโอโนดะนั้นก็ปิดปากเงียบไปตลอดจนกระทั่งกรอกใบประวัติเสร็จนั่นแหละจึงส่งเสียงเบาๆขัดจังหวะของคนทั้งสอง

     

    อาจารย์มิกิเห็นดังนั้นก็รับใบประวัติจากมือของเด็กหนุ่มมาใส่แฟ้มไว้ตามเดิม แต่ครั้นโอโนดะขอตัวออกจากห้อง หล่อนกลับรั้งตัวเขาไว้พร้อมกับเอ่ยขอให้เขาช่วยยกสมุดกองหนึ่งไปไว้ที่ห้องแล็ปให้ด้วย โอโนดะจึงอดนึกไม่ได้ว่าจริงๆแล้วที่เรียกเขามาเพราะใบประวัติหรือเพราะสมุดกองนั้นกันแน่ แต่เด็กหนุ่มร่างบางก็ไม่ได้ปฏิเสธคำขอนั้น ท่อนแขนเรียวทั้งสองมาบัดนี้จึงต้องรับน้ำหนักของสมุดกองหนึ่งเอาไว้ด้วย

     

    ตอนถือช่วงแรกๆหลังจากออกมาจากห้องพักครูก็ยังผ่านไปได้ด้วยดี แต่ผ่านไปสักพัก โอโนดะก็เริ่มรู้สึกว่าถึงมันจะไม่หนักมากนัก แต่ปริมาณของมันก็ชวนให้หัวใจวายตายได้ เพราะสมุดหลายเล่มถูกวางเรียงกันเป็นตั้งสูงจนเกือบบดบังทัศนวิสัยของเขาไปจนหมดสิ้น ยิ่งเป็นคนใส่แว่นแถมยังซุ่มซ่ามอย่างเขาด้วยแล้ว เรื่องเลยยิ่งแย่ไปกันใหญ่

     

    แต่กระนั้นแล้ว ระหว่างเดินทางไปยังห้องเป้าหมาย โอโนดะก็ยังนึกถึงสิ่งที่นารูโกะพูดเอาไว้ขึ้นมา

     

    เด็กใหม่งั้นหรอ..

     

    ตามมาด้วยภาพของเด็กหนุ่มผมน้ำเงินบางคนที่ชวนให้ใจเต้นผิดจังหวะ โอโนดะรู้สึกตัวจึงพยายามสะบัดหัวไล่ความคิดนั้นออกไปทั้งๆที่แก้มยังมีสีชมพูแต้มอยู่ประปราย

     

    จะเป็นมานามิคุงไปได้ยังไงละ.. ห้องอื่นเองก็มีข่าวเหมือนกันว่ามีคนย้ายมา

     

    แต่ครั้นคิดแบบนั้นแล้ว ร่างเล็กก็อดถอนหายใจออกมายาวๆไม่ได้ ก่อนจะนึกขึ้นมาได้อีกครั้งว่า.. ทำไมเขาถึงต้องถอนหายใจกับเรื่องนี้ด้วยละ?

     


    ** เอามาลงให้เจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์ก่อนนะคะ ^ ^ อีกสามสิบเปอร์เซ็นต์จะตามมาทีหลังเร็วๆนี้ (?)


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×