คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : เมืองที่ถูกลบเลือน
ภายใต้ท้องฟ้าสีแดงฉานราวกับถูกย้อมไปด้วยสีของโลหิต เสียงผู้คนกรีดร้องโหยหวนอย่างทุกข์ทรมานดังระงมไปทั่ว บ้างก็กรีดร้องอย่างบ้าครั่งให้ผู้ที่ไม่มีวันหวนคืนมา บ้านทุกหลังคาเรือนถูกทำลายจนแทบไม่เหลือเค้าเดิมให้เห็น ผู้คนถูกทำร้ายอย่างทารุนไม่เว้นแม้เด็กหรือสตรี เพลิงที่โหมกระหน่ำอย่างรุนแรงดูราวกับกองทัพปีศาจที่ถูกปลดปล่อยจากการผนึกจองจำอันยาวนานกำลังแสดงอำนาจของตนอย่างเต็มที่ เพียงเพราะบุรุษผู้อาจหาญต้องการเรียกร้องอิสรภาพและความเป็นธรรมจากราชาผู้ลุ่มหลงในอำนาจ เพราะวาจาที่ฟังแล้วขัดหูราชาผู้ดูหมิ่นความเป็นจริง เป็นเหตุให้ชีวิตของผู้คนนับร้อยต้องจบลงภายใต้ความเจ็บปวดและโกรธแค้น เสียงหัวเราะกึกก้องด้วยความสะใจดังไปทั่วบริเวณเรียกความรู้สึกฮึดสู้และชิงชังจากผู้คนในหมูบ้านได้เป็นอย่างดี หลายคนเลือกที่จะหยุดครวญครางอ้อนวอนพระเจ้าแล้วหันมาคว้าอาวุธใกล้ตัวและลุกขึ้นโหมเข้าใส่กองทัพปีศาจผู้นำความความพินาศมาสู่หมู่บ้านของตน แต่ดูเหมือนแม้จะพยายามเท่าไหร่ ทุ่มเทแรงกายไปมากเท่าไหร่แต่ก็เหมือนระอองน้ำที่สาดกระเซ็นเข้าสู่กองไฟแล้วระเหยมอดไหม้ไปในที่สุด ผู้คนถูกฆ่าอย่างเลือดเย็นไปทีละคนทีละคน จนจำนวนคนที่ยังเหลืออยู่เริ่มประปลาย แม้จะยืนอยู่แต่ก็อยู่ในสภาพสาหัสเกินทนถึงอย่างนั้นทุกคนก็ยังยืนหยัดอย่างมีความหวังในใจ อย่างน้อยนกส่งข่าวก็ยังรอดไปได้อีกไม่นานเกินรอก็จะมีกำลังเสริมมาช่วยแล้ว กลุ่มทหารรับจ้างที่รวบรวมบุคคลที่มีฝีมือฉกาจไว้มากมายเป็นที่โชคดีว่าคนเหล่านั้นกำลังต่อต้านกษัตริย์ที่น่ารังเกียจอยู่เช่นกัน พวกเขาจึงยอมช่วยทุกคนที่ถูกระรานอย่างไม่มีข้อแม้ ขอแค่พวกเขายืนหยัดอีกไม่นานรอจนกว่าจะมีคนมาช่วยเท่านั้น
ภายใต้สภาวะตรึงเครียดเด็กหญิงตัวน้อยกำลังซุกอยู่ในอ้อมกอดของมารดาอย่างหวาดหวั่น เด็กหญิงร้องเรียกมารดาของตนอยู่ตลอดจนน้ำเสียงเริ่มเหือดแห้ง แต่หญิงสาวไม่มีท่าทีว่าจะตอบสนองต่อการร้องเรียกของเด็กน้อยเลย เด็กน้อยใช้มือเล็กๆของตนพยายามเขย่าร่างโชกเลือดของมารดาตนพรางมองไปที่อีกร่างหนึ่งที่แน่นิ่งอยู่ไม่ไกลแล้วร้องเรียกมารดาตนต่อด้วยเสียงแหบแห้ง
“ ท่านแม่ ได้โปรดอย่าทิ้งข้าไปนะ ! ท่านพ่อทิ้งข้าไปแล้ว ท่านต้องอยู่กับข้านะ สัญญาสิท่านแม่! สัญญาสิ ! สัญญานะ! ได้โปรดอย่าทิ้งข้าไป อย่าทิ้งข้าไว้คนเดียว” เด็กหญิงพยายามตะโกนด้วยความอัดอั้นใจ เธอหวังเพียงให้มารดาของเธอลุกขึ้นมาแล้วตอบสักคำว่าสัญญา ลุกขึ้นมาแล้วยิ้มให้เธอเหมือนที่เคยเป็นแต่แล้วเด็กน้อยก็รู้สึกว่าร่างในอ้อมกอดของเธอเริ่มขยับ มารดาของเธอลืมขึ้นมาแล้วมองเธออย่างอ่อนโยน เด็กน้อยยิ้มทั้งน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม เธอรู้สึกว่าแม่ของเธอพยายามพูดบางอย่างแต่อ่อนแรงเกินกว่าที่จะเปร่งเสียงออกมา
“ ท่านแม่ ท่านกำลังจะพูดอะไรน่ะ ท่านอยากจะพูดอะไรน่ะ ข้าไม่ได้ยิน” เด็กสาวถามพรางพยายามตั้งใจฟังที่มารดาตนพูด แต่ชั่วพริบตาเด็กน้อยก็ต้องกรีดร้องสุดเสียงเมื่อพบร่างทะมึนลอยอยู่เหนือศีรษะ ร่างนั้นชักดาบเล่มใหญ่ออกมาอย่างลวดเร็วพรางแสยะยิ้มเย้ยหยัน แล้วพุ่งตัวลงพื้นดินอย่างรุนแรง แต่ไม่ทันได้ตะลึงอะไรร่างนั้นก็พุ่งเข้ามาด้วยความเร็วสูงเมื่อเด็กน้อยรู้ตัวอีกทีตัวเธอก็ลอยละลิ่วติดมือชายผู้มาใหม่แล้ว เธอเหลือบกลับไปมองด้านหลังก่อนกรีดร้องอย่างหวาดกลัวถึงขีดสุด มารดาของเธอกำลังดิ้นทุรนทุรายอยู่บนพื้นอย่างทรมานโดยที่ยังมีดาบปักอยู่ที่กลางอก ไม่นานร่างที่ดิ้นอยู่บนพื้นก็แน่นิ่งไป เด็กหญิงกรีดร้องอย่างหวาดกลัว พลางทุบตีบุคคลที่เป็นผู้สังหารมารดาของตนพรางกรีดร้องตามประสาเด็ก
“ ไอ้คนชั่ว เอาแม่ข้าคืนมานะ เอาคืนมาสิ เอาคืนมา” เด็กสาวทำทุกอย่าที่ทำได้ ทั้งทุบ ทั้งเตะ ทั้งถีบชายตรงหน้า แต่ทุกอย่างที่ทำกลับไม่มีผลกับร่างสูงใหญ่เหมือนปีศาจนั่นเลย มันทำให้เจ้าของร่างใหญ่รำคาญขึ้นเรื่อยๆและดูเหมือนชายตรงหน้าจะหมดความอดทนแล้ว เขาเสยะยิ้มน่ารังเกียจแล้วเหวี่ยงเด็กน้อยลงพื้นอย่างแรง ร่างเล็กๆกระแทกพื้นอย่างแรง แต่ก็ยังพยายามยืนขึ้นอย่างโงนเงนเต็มทีแล้วเซล้มลงในที่สุด ร่างใหญ่เดินตามมาพรางหัวเราะน่ารังเกียจแล่วก้มลงคว้าตัวเด็กสาวขึ้นมา เด็กสาวมองชายหนุ่มด้วยดวงตาแข็งกร้าว นั่นทำให้ชายหนุ่มไม่พอใจเป็นอย่างมากจึงเอ่ยถ้อยคำกรีดแทง
“ อยากได้แม่คืนงั้นสิ ช่างน่าสมเพช อยากได้คืนรึ ไม่มีทาง! ของที่หายไปแล้วจะได้คืนน่ะมันยาก ทำไมเจ้าไม่รักษาเอาไว้ก่อนที่มันจะหายไปล่ะ หึหึ ขอโทษทีข้าลืมไปไอ้เด็กขี้แพ้อย่างเจ้าคงทำอะไรอย่างนั้นไม่ได้หรอก ฮ่าๆ” คำพูดนั้นทำให้เด็กน้อยตัวแข็งไปทันทีก่อนที่น้ำตาแห่งความเจ็บใจจะไหลพร่างพรูลงมาอาบแก้ม เด็กน้อยค่อยๆช้อนสายตาขึ้นมาจ้องมองชายที่ตอนนี้กลายเป็นศักรูตัวฉกาจ แล้วตะโกนก้อง
“ สักวันหนึ่ง! สักวัน ข้าจะฆ่าแก ฆ่าแกด้วยมือคู่นี้ไม่ว่าวิธีไหน ไม่ว่าจะต้องเสียอะไร แกจงจำไว้ ถ้าสักวันเวลานั้นมาถึงข้าจะไม่มีวันเอ่ยปากให้อภัยแกเป็นอันขาด แล้วอย่าตายไปก่อนที่ข้าจะฆ่าเจ้าซะล่ะ ไอ้ปีศาจน่ารังเกียจ” ชายหนุ่มนิ่งอึ้งไปพักใหญ่ก่อนเค้นคำพูดออกมาอย่างยากเย็นด้วยแรงโทษะ
“ ได้! เจ้าเด็กน้อย ข้าจะรอวันนั้นมาถึงแต่คงไม่มีทางเพราะเจ้าจะต้องตายอยู่ที่นี่ และตอนนี้ด้วย” สิ้นเสียงชายหนุ่มเข่าลุ่นๆก็ถูกส่งเข้าช่องท้องเด็กน้อยทันที ส่งผลให้ร่างเล็กกระเด็นไปกระแทกพื้นอย่างรุนแรง ร่างใหญ่ไม่รีรอตามเข้าไปเตะซ้ำอย่างไม่ปราณี แต่เด็กน้อยยังคงจ้องมองเขาด้วยแววตาแข็งกร้าวเช่นเดิม ด้วยแรงโทษะเขาจึงประกาศก้อง
“ เจ้าเด็กน่าสมเพช ข้าไม่อยากฆ่าเจ้าแล้ว เจ้าต้องทรมาณกว่านั้น ข้าขอสาปเจ้า บาดแผลใดๆที่เป็นของข้าก็จะเป็นของเจ้าผู้เป็นเสมือนคู่สัญญาแห่งข้าเช่นกัน คำสาปนี้จะคลายลงก็ต่อเมื่อผู้ใดผู้หนึ่งสิ้นชีพลงเท่านั้น บาดแผลที่เจ้าสร้างให้ข้าก็จะเปรียบเสมือนเจ้าได้กรีดแทงเนื้อของเจ้าเอง หากแต่ บาดแผลของเจ้าก็ยังเป็นของเจ้า ไม่มีผลใดๆกับตัวข้าเลย จงจำไว้เด็กน้อย เจ้าจะอยู่ต่อแต่ไม่มีวันฆ่าข้าได้ ไม่มีวัน!”สิ้นเสียงแห่งการสาปแช่งกลับมีวงแหวนสีดำกระจายออกเป็นคลื่นไปทั่วบริเวณ ผู้คนที่ยืนอยู่โดนพลังประหลาดกระแทกล้มลงไปกองกับพื้นไม่เว้นแม้กองทัพย์แสนเกรียงไกรที่ได้ชื่อว่าแข็งแกร่งที่สุดเท่าที่เคยมีมา พลันเสียงกรีดร้องเล็กๆก็กลับดังขึ้นอย่างเจ็บปวด เส้นผมสีดำสนิทกลับกลายเป็นสีขาว ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนที่เคยดูสุกใสกลับเปลี่ยนเป็นสีแดงสด ทว่าดูเลือดเย็น เขี้ยวในปากเริ่มยาวดั่งว่าจะกลายร่างเป็นปีศาจในไม่ช้า สติของเด็กน้อยเริ่มพร่าเรือนสรรพสิ่งรอบตัวเริ่มมืดหาย ก่อนที่สติจะล่องลอยไปภาพสุดท้ายที่ได้เห็นคือชายผู้ซึ่งพรากทุกสิ่งทุกอย่างไปยืนยิ้มเยอะอยู่ตรงหน้าพรางเอ่ยบางอย่างที่เด็กน้อยจับใจความไม่ค่อยได้ แต่สิ่งที่ชัดเจนที่สุดในขณะนั้นคือเสียงชายหนุ่มที่เอ่ยเบาๆข้างๆหู
“ จงจำเอาไว้เถอะ ชื่อของข้าคือ โลกิ ........................”
.............................................................................................................................................................
ณ เนินเขาลาดสูงที่สามารถมองเห็นเมืองได้ทั้งเมือง ต้นไม้ใหญ่ไหวไปตามลมที่พัดเย็น เสียงนกร้องเจื้อยแจ้วเป็นเพลงขับกล่อมที่แสนไพเราะสำหรับคนที่เหนื่อยแสนเหนื่อยในขณะนี้ เสียงบางสิ่งกระทบโสตประสาทที่ลับมาอย่างดีทำให้หญิงสาวลืมตาขึ้นอย่างรวดเร็ว มือทั้งสองข้างคว้ามีดประจำกายออกมาจ่อคอผู้มาเยือน ดูเหมือนผู้มาใหม่จะไม่มีท่าทีตกใจเลยสักนิดแถมยังยิ้มกวนทำให้หญิงสาวต้องสบถพรืด
“ เจ้าอีกแล้วรึ จะย่องเข้ามาทำไมเล่าเดี๋ยวสักวันข้ายั้งมีดไม่ทันหัวหลุดข้าไม่รู้ด้วยนะ เล่นอะไรเป็นเด็กไปได้ โตแล้วนะซีโร่” หญิงสาวบ่นอย่างหัวเสีย แต่ดูเหมือนผู้ก่อเรื่องจะไม่สำนึกเลยสักนิด ซีโร่ยักไหล่พลางเอ่ยกวนๆ
“ เอาน่าไคน์ ข้ารู้ว่าเจ้าไม่ตัดหัวข้าจริงๆหรอกน่า เราเป็นเพื่อนกันไม่ใช่หรอ” ซีโร่เอ่ยด้วยน้ำเสียงออดอ้อน เรียกสายตาคมๆให้จ้องมาด้วยแววตาเอาเรื่อง เหนื่อยก็เหนื่อยยังต้องมานั่งเถียงกับสาวปากมากอีกอะไรจะซวยปานนั้นนะ ไคน์คิดพลางนั่งทอดสายตาไปข้างหน้าต่อ
“ ว่าแต่ไหงเจ้ามานอนสบายอยู่ตรงนี้ล่ะ งานที่ได้มาน่ะเสร็จแล้วหรอถึงได้สะบักสบอมขนาดนี้น่ะ ไอ้ตัวที่ให้ไปกำจัดน่ะเก่งหรือไง” ไคน์มองหน้าคนพูดแล้วคิดอะไรดีๆออก
“ อยากรู้รึเปล่าล่ะ ว่าเก่งรึเปล่า........ ลองสู้เองเลยสิ” จบคำพูดก็มีกลุ่มคนวิ่งออกมาจากป่าด้านหลังพร้อมกลับสัตว์ รูปร่างคล้ายหมาป่าผสมกับสิงโตแล้วตะโกนลั่น
“ มันอยู่นี่!!เฮ้พวกเรามานี่เร็ว” ไม่ช้าก็มีคนและสัตว์จำนวนมากล้อมหญิงสาวทั้ง2อยู่ ซีโร่ส่ายหน้าอยางปลงๆ นี่หางานมาให้ฉันทำอีกแล้วรึ
“นี่ไคน์ จบงานนี้เธอโดนแน่” ว่าแล้วก็วิ่งเข้าไปเปิดฉากต่อสู้ด้วยความเร็วที่น่าเหลือเชื่อ ไคน์ส่ายหน้าปลงๆพลางวิ่งเข้าไปร่วมด้วย งานนี้สนุกแน่!!!
...................................................................................................................................................
คุยกันหน่อย.....
สวัสดีค่า ฝากนิยายเรื่องนี้ไว้อีกเรื่องด้วยนะคะ (เรื่องเก่ายังไม่อัพ หางานมาสุมหัวเข้าปาย) หวังว่าคงจะสนุก(มั้ง) ยังไงก็โปรดติดตามด้วยนะคะ ^-^
ความคิดเห็น