ลำดับตอนที่ #7
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : อุบัติเหตุที่ไม่น่าเกิดขึ้นและสัมผัสที่แผ่วเบา
จากเหตุการณ์ระทึกขวัญในห้องทำงาน ทำให้รติมายิ่งไม่อยากเจอหน้าเจ้าของตำหนักมากกว่าเดิม แต่ไม่รู้ทำไมช่วงนี้ ถึงต้องมีเหตุการณ์ให้ลุ้นอยู่ตลอด และส่วนใหญ่ที่ต้องลุ้นก็มาจะกระแสรับสั่งขององค์ราชินีที่สั่งให้เธอทำอะไรที่ไม่อยากทำแทบจะทุกวัน
"รติมา ชั้นรบกวนอะไรเธอหน่อยสิ" มาอีกแล้ว รับสั่งแบบนี้ พนันได้เลยว่าต้องเกี่ยวกับองค์ชายนรินแน่ แต่จะว่าไปก็ไม่อยากพนันถูกเลยจริงๆ
"ช่วงนี้ชายนรินทำงานหนัก ชั้นเห็นเค้าอุดอู้อยู่ในห้องก็กลัวจะไม่สดชื่น เธอเรียนการจัดดอกไม้มาแล้ว ถ้าชั้นจะรบกวนให้เธอจัดดอกไม้ในห้องทำงานของนรินบ้างเธอคงไม่ว่าอะไรนะ"
นั่นไง มาอีกแล้ว คราวที่แล้วหลังจากคุกกี้เจ้าปัญหานั่น อุตส่าห์บ่ายเบี่ยงมาได้ตั้งหลายครั้ง แต่ทำไมองค์ราชินีถึงอยากให้เราเข้าไปห้องทำงานขององค์ชายนรินนักนะ ครั้งนี้คงจะปฏิเสธไม่ได้อีก เพราะดวงเนตรที่แลสบมาเหมือนจะไม่ยอมให้บ่ายเบี่ยงอีกแน่ จะทำยังไงดีละคราวนี้
รติมาได้แต่ตอบรับไปก่อน แต่ในสมองกลับแล่นเร็วจี๋ว่าจะทำอย่างไรดี ครั้งที่แล้วยังทำหล่อนไม่กล้าแม้แต่จะเดินเฉลียดเข้าไปใกล้ทางเข้าไปตึกฝั่งตะวันตกตั้งหลายวัน
รติมาใช้เวลาคิดแก้ปัญหานี้ทั้งคืน จนในที่สุดก็ได้ข้อสรุปกับตัวเองว่า จากเท่าที่รู้มาองค์ชายจะเป็นคนที่ต้องจัดการงานจนถึงดึกดื่น จะแอบเข้าไปตอนกลางคืนอาจจะมีโอกาสให้เจอกันได้ แต่ตอนที่แอบไปถามมหาดเล็กหน้าห้อง เห็นบอกว่าตอนเช้าไม่ค่อยได้เสด็จมาเท่าไหร่นัก งั้นเราตื่นตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่างรีบมาจัดดอกไม้แล้วเอาไปวางไว้ในห้องทำงานน่าจะทันองค์ชายมาใช้ห้องตอนเช้านะ
พอสรุปได้กับตัวเอง เช้าวันถัดมารติมาก็รีบลงไปในสวนดอกไม้หน้าพระตำหนักอินทุ โดยมีคุณนมมาช่วยจัดดอกไม้ด้วย แล้วรีบนำไปวางไว้ในห้องทำงาน และทำแบบนี้ติดต่อกันมาหลายวันแล้วยังไม่เจอแม้แต่เงาของเจ้าของตำหนัก ก็ได้ข้อสรุปกับตัวเองว่าตอนเช้าๆนี่แหละเหมาะที่สุด แต่ขณะเดินไปตัดดอกไม้ในสวนเพื่อนำไปปักแจกันเช้าวันนี้ หญิงสาวกับร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดและล้มลงพื้นไป
รติมาพยายามเพ่งมองที่เท้าของตนเองในความมืดสลัวของอากาศยามเช้า แต่มองอะไรไม่ชัดนัก ได้แต่พยายามเดินกลับไปที่พระตำหนักก่อนเพื่อจะดูว่าไปเหยียบโดนอะไรเข้า
"ตายแล้วคุณรติมา ทำไมเลือดออกมากมายถึงเพียงนี้เล่าคะ"คุณนมที่ได้รับมอบหมายให้มาช่วยรติมาจัดดอกไม้ในทุกเช้า หันมาเห็นแล้วร้องอุทานด้วยความตกใจ
"คุณนมก็ อย่าเสียงดังสิคะ เดี๋ยวคนทั้งตำหนักก็ได้แห่กันมาที่นี่หมดหรอก"
"จะไม่ให้นมตกใจได้ยังไงกันละคะ เลือดออกตั้งมาก มาค่ะ ไปนั่งตรงเก้าอี้ตรงนั้นก่อน เดี๋ยวนมจะช่วยดูแผลให้ว่าไปโดนอะไรมา" พูดเสร็จก็พยุงหญิงสาวที่ตอนนี้หน้าซีดลงไปเรื่อยๆไปนั่งพักที่เก้าอี้รับรองภายในห้องรับแขกของพระตำหนัก
"นี่มันตะปูนี่คะ ไปทำอะไรมาคะเนี่ย" เมื่อส่องแผลดูกับแสงไฟ ทำให้รู้ว่าอะไรคือสาเหตุที่ทำให้หญิงสาวตรงหน้าเลือดไหลออกมากขนาดนี้
"หนูก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ รู้สึกตัวอีกทีก็มีตะปูตามมาด้วยแล้วค่ะเนี่ย" คำตอบที่มองพร้อมรอยยิ้มจืดเจื่อนทำให้คุณนมต้องให้ไปดุคนเจ็บที่ต่อให้หน้าซีดขนาดไหนก็ขอให้ได้เถียงบ้าง
"เดี๋ยวเถอะค่ะ เจ็บขนาดนี้ยังมายิ้มอยู่ได้ เดี๋ยวนมจะไปตามคุณหมอจากตึกใหญ่มาให้นะคะ" พูดเสร็จคุณนมก็รีบเร่งเดินจากห้องรับแขก แต่เดินออกมาได้ไม่กี่ก้าว ก็สวนทางกับองค์ชายนรินที่ไม่แน่ใจว่าตื่นบรรทมเพราะเสียงดังของคุณนม หรือตื่นอยู่ก่อนแล้วกันแน่
"คุณนม จะรีบไปไหนหรือครับ"
"คุณรติมาเธอเหยียบตะปูในสวนตอนที่จะไปตัดดอกไม้เมื่อเช้าค่ะ นี่ดิชั้นกำลังจะไปตามคุณหมอมาดูอาการ"
คำรายงานที่องค์ชายเจ้าของตำหนักถึงกับมองไปทางด้านห้องรับแขกที่คุณนมเดินออกมาอย่างไม่ค่อยอยากจะเชื่อเท่าไหร่นัก
"ว่าไงนะ เหยียบตะปูงั้นหรอ จะเป็นไปได้ยังไงในเมื่อผมสั่งให้คนสวนเค้าดูแลพื้นที่ในสวนให้มากขึ้น เพราะเห็นว่ามีใครบางคนชอบออกไปตัดดอกไม้ตั้งแต่เช้าฟ้ายังไม่ทันสว่างทุกวันเลยช่วงนี้"
คำพูดที่เผลอหลุดออกมาขององค์ชายนริน ทำให้คุณนมถึงกับหันมามอง แต่เหมือนว่าองค์ชายจะยังไม่รู้สึกตัวว่าพูดอะไรออกมา เพียงแต่หันไปสั่งนายทหารให้รีบไปพาตัวคุณหมอมา และหันไปสั่งการกับคุณนมอีกอย่างแทน...
"ทำไมคุณนมไปนานนักนะ แผลนี่ก็ปวดขึ้นเรื่อยๆ แล้วฟ้าดันจะมาสว่างอะไรตอนนี้นะ หวังว่าเจ้าของตึกเค้าคงไม่ตื่นเช้านะวันนี้" รติมาพยายามพูดปลอบใจตัวเองไปเรื่อยๆ เพราะไม่อยากให้ความรู้สึกปวดแผลมีมากขึ้นจากการสนใจบาดแผลนั้น
"มาแล้วค่ะมาแล้ว คุณหมอมาแล้วค่ะ" เสียงคุณนมดังก่อนเข้ามาในห้อง พร้อมกับคุณหมอสูงวัยท่าทางใจดี ที่รีบเร่งเดินตามด้านหลังของคุณนมมา
"ขอผมตรวจดูแผลหน่อยนะครับ" คุณหมอท่าทางสุภาพพูด และยิ้มให้รติมาเพื่อที่คนเจ็บจะได้สบายใจขึ้น
"ตะปูที่ปักอยู่นี่ผมจะดึงออกนะครับ และไม่รู้ว่ามีเชื้อโรคอะไรบ้าง หลังจากดึงออกผมจะทำความสะอาดแผลให้ และดูจากขนาดของแผลแล้วอาจจะต้องเย็บแผลและฉีดวัคซีนนะครับ"
"ว่าไงนะคะ" รติมาเมื่อได้ยินว่าต้องมีการเย็บแผลแถมต้องโดนฉีดวัคซีนอีก ก็เหมือนจะลืมความเจ็บไปชั่วขนาด ตะโกนออกมาอย่างลืมตัว พร้อมกับจะดิ้นหนีเพื่อให้หลุดจากมือของคุณหมอที่จับข้อเท้าตนเองตรวจแผลอยู่
คุณหมอได้แต่ทำหน้าลำบากใจและหันไปทางคุณนม แต่คุณนมไม่รู้จะจัดการอย่างไรดีเหมือนกัน เพราะจากการสอนกันมาหลายวันทำให้เริ่มจะรู้จักนิสัยของหญิงสาวแล้วว่าบทจะดื้อก็ดื้อจนไม่ฟังใครเหมือนกัน
"มีแต่เด็กเท่านั้นแหละ ที่ดื้อไม่ยอมรับการรักษา" เจ้าชายหนุ่มที่รติมาภาวนาว่าอย่าตื่นเช้าเลยวันนี้ โผล่มาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ แต่คำพูดนั้นทำให้รติมารีบเถียงกลับไป
"ดิชั้นไม่ใช่เด็ก แต่ที่ไม่อยากให้เย็บเพราะแผลเล็กนิดเดียวเอง แค่ทายาปิดผ้าพันแผลไว้ก็พอ แล้ววัคซีนน่ะไม่เห็นจำเป็นต้องฉีดเลย" รู้ ว่าตัวเองเถียงค้างๆคูๆ แต่นี่มันเย็บแผลเลยนะ เข็มที่ฉีดวัคซีนก็ทำให้เจ็บตัวอีก ยังไงเราก็จะไม่ยอมเด็ดขาด
องค์ชายหนุ่มเพียงมองตรงมาด้วยสายตาตำหนิ แล้วถามว่า "เป็นหมอรึถึงตัดสินใจเองได้ คนเป็นหมอเค้าบอกว่าต้องเย็บก็ต้องเย็บสิ วัคซีนก็ต้องฉีดด้วย หรือจริงๆแล้วแค่กลัวเจ็บ ไม่เป็นไรนะ เด็กน้อยไม่ต้องกลัว อยากได้ขนมปลอบใจมั้ยล่ะ" คำพูดที่รติมารู้สึกเหมือนโดนดูถูกทำใหต้องรีบบอกว่า
"ดิชั้นไม่ได้กลัว แล้วดิชั้นก็ไม่ได้เป็นเด็กน้อยด้วย" รติมาพยายามเถียงให้ทันโดยที่ไม่ได้คิดว่าพูดอะไรออกไปบ้าง แต่พอเถียงเสร็จแล้วเห็นรอยยิ้มของชายหนุ่มที่ปรากฏขึ้นมาก็รู้ว่าตัวเองพลาดไปซะแล้ว
"ถ้าอย่างนั้นก็ไม่มีอะไรต้องขัดข้องจริงมั้ย หมอครับ จัดการได้เลยครับ"
รติมาอยากดิ้นให้หลุด แต่เห็นองค์ชายนรินจ้องมายิ้มๆแบบนี้แล้ว ก็อยากจะแสดงให้ดูว่าตัวเองไม่ใช่เด็ก แถมคุณนมยังทำตามสายตาของชายหนุ่มตรงหน้ามาจับแขนทั้งสองข้างไว้ให้ทำอะไรไม่ได้เลย
รติมาพยายามที่จะไม่มองแผล แต่ก็อดไม่ได้ ยิ่งเห็นคุณหมอทำท่าจะดึงตะปูออกก็เหมือนใจมันจะสั่น ไม่รู้จะทำยังไงดี
ทันใดนั้น มีฝ่ามือของใครบางคนมาปิดตาไว้ และมีเสียงพูดเบาๆที่ข้างหู "ถ้ารู้ว่าตัวเองไม่ชอบก็อย่าไปดูสิ"
คำพูดที่บอกเบาๆข้างๆนั้นทำให้ความตื่นกลัวเมื่อครู่สงบลงอย่างประหลาด
"ใกล้จะเสร็จแล้ว เก่งมาก เด็กดี" ชายหนุ่มเจ้าของตำหนักพูดไปเรื่อยๆ โดยที่พยายามที่จะไม่สนใจสายตาของคุณหมอกับคุณนมที่มองมายิ้มๆ
รติมาพยายามจดจ่ออยู่กับแค่เสียงที่พูดปลอบเท่านั้น ทำให้แทบไม่รู้สึกตัวว่าคุณหมอทำแผลและฉีดยาเสร็จเมื่อไหร่ รู้ตัวอีกทีฝ่ามือนั้นก็เลื่อนมาลูบหัวหญิงสาวเบาๆ แล้วองค์ชายหนุ่มที่มหาดเล็กมาตามไปประชุมก็ยิ้มให้เหมือนชมเชยในความอดทนของหญิงสาว และเดินจากไปเหมือนเมื่อสักครู่ไม่ได้ทำอะไร แต่แปลกที่หัวใจของรติมาที่สงบลงเพราะคำพูดปลอบประโลมนั้นกลับเต้นดังขึ้นมาอีกครั้ง
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น