ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รติมาที่รัก

    ลำดับตอนที่ #5 : ที่มาของจดหมายและจุดเริ่มต้นของความสนใจ

    • อัปเดตล่าสุด 21 พ.ค. 61


              คุณรวิธที่หายไปหลายวันกลับมาพร้อมด้วยท่าทางที่เคร่งเครียดและหายเข้าไปในห้องทรงงานที่องค์ชายนรินบอกผู้เฝ้าหน้าห้องว่าเมื่อไหร่ที่รวิธกลับมาให้ไปรายงานตัวทันที
              "อุรัสยา?"
              คำตรัสที่เปล่งออกมาด้วยความประหลาดใจของเจ้าของห้อง ทำให้ผู้ที่เป็นองค์รักษ์ต้องรีบรายงานต่อไปว่า
              "ใช่ขอรับ กระหม่อมให้เพื่อนของกระหม่อมที่เป็นเจ้าหน้าที่ไปรษณีย์ตรวจสอบที่มาของจดหมายโดยเรียกพนักงานที่ทำหน้าที่วันนั้นทั้งหมดมาสอบถาม และมีพนักงานคนหนึ่งจำได้ว่าไปรับจดหมายมาจากเขตพื้นที่ของหมู่บ้านสินทัย กระหม่อมจึงตามไปที่หมู่บ้านนั้นและสอบถามเรื่องจดหมายนี้ คนรับจดหมายจำได้ว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งเป็นคนส่งจดหมายนี้ และที่จำได้เพราะเป็นจดหมายที่แปลกเพราะไม่มีชื่อของผู้ส่ง แต่เมื่อถามซ้ำผู้หญิงคนนั้นก็ตอบว่าให้ส่งไปแบบนี้จึงจำได้ขอรับ" องค์ชายหนุ่มฟังรายงานจากองค์รักษ์คนสนิท ในมือก็มีรูปถ่ายของอุรัสยาในอริยาบทต่างๆด้านหน้าของกระท่อมหลังเล็กแห่งหนึ่ง
              "หลังจากนั้นกระหม่อมจึงตระเวนถามตามลักษณะที่เจ้าหน้าที่คนนั้นบอก คนในเมืองบางคนจำได้เพราะเป็นผู้หญิงที่ย้ายมาอยู่ใหม่ และอยู่อาศัยในบ้านเล็กๆถัดออกจากตัวเมืองไปอีก กระหม่อมตามไปจึงพบว่าบ้านหลังนั้นคุณอุรัสยาอาศัยอยู่ครับ"
              "แล้วทำไมอุรัสยาต้องส่งจดหมายที่ไม่ลงชื่อคนส่งมาให้ด้วยล่ะ คนทั้งวังก็รู้อยู่แล้วว่าเค้าเป็นเพื่อนสนิทกัน" องค์รัชทายาทหนุ่มมองรูปภายหลายใบในมือพร้อมกับเอ่ยด้วยความแปลกใจ
              แต่คำถามนี้ทำให้องค์รักษ์หนุ่นที่รายงานด้วยความมั่นใจเมื่อสักครู่ ขยับตัวด้วยความลำบากใจในการกราบทูล แต่ต้องกราบทูลไปตามจริงว่า
              "กระหม่อมคิดว่า เหตุผลน่าจะมาจากที่คุณอุรัสยา เอ่อ ท้อง กระหม่อม"
              "ท้องงั้นหรอ จะท้องได้อย่างไรในเมื่อ..." เหมือนองค์ชายนรินจะได้คำตอบของเรื่องราวทั้งหมดในตอนนี้
              "นั่นสินะ ถ้าอุรัสยาท้องและแปลความหมายจากจดหมายที่ส่งมานั่น ชั้นคิดว่าคงจะหมายถึงหนีออกจากวังได้สำเร็จ" องค์ชายนรินสรุปกับตัวเองได้ก็สบถออกมาคำหนึ่ง และเหมือนพยายามรวมรวบความคิดตัวเองออกมาเป็นคำพูด                
              "แผนการบ้าๆนั่น แปลว่ารติมาก็รู้เห็นเรื่องนี้และไม่แน่ว่าเป็นคนคิดแผนการบ้าๆ นี้ขึ้นมาเพื่อให้อุรัสยาออกไปจากวังนี้อย่างไม่มีใครสงสัยงั้นสิ"คำตรัสพร้อมกับสายเนตรที่ดุจัด บ้า ผู้หญิงบ้า ทำทุกอย่างเพื่อเรื่องนี้เนี่ยนะ ไม่รู้หรือไงว่าอาจจะโดนโทษหนักได้น่ะ
              "กระหม่อมก็คิดว่าเป็นเช่นนั้น เพราะตามกฏมณเทียรบาลแล้วหญิงสาวที่ตั้งท้องทั้งๆที่ยังไม่ได้แต่งงานมีสามีนั้น ถือว่านำความอับอายมาสู่ครอบรัวอย่างมาก ถ้าคุณอุรัสยาแจ้งเรื่องนี้ให้ท่านพระยาทราบ ไม่แน่ว่าอาจจะไม่รอดชีวิตทั้งแม่ทั้งลูก"
              คำอธิบายเพิ่มเติมจากองค์รักษ์คนสนิทที่ตรงกับความคิดยิ่งทำให้เจ้าชายหนุ่มมั่นใจในความคิดตนมากขึ้น
              "แต่ถึงอย่างนั้น ถ้าอุรัสยามาอธิบายต่อเสด็จแม่ก็อาจที่จะแก้ไขปัญหานี้ได้บ้าง ไม่ใช่ทำกันแบบนี้ พวกผู้หญิงนี่กล้าทำเรื่องแบบนี้ได้ยังไงกัน" องค์ชายหนุ่มตรัสออกมาอย่างอารมณ์ที่เริ่มเพิ่มสูงขึ้น
              "แต่คุณอุรัสยานั้นเป็นถึงหลานสาวของเสนาบดีมหาดไทยที่มีแต่คนสนับสนุนให้เป็นคู่หมั้นของพระองค์ แล้วถ้าเรื่องเกิดเป็นที่รู้ของคนทั่วไป กระหม่อมคิดว่าคุณอุรัสยาจะต้องโดนลงโทษหนักแน่ ถึงแม้ไม่โดนลงพระอาญาจากทางเรา แต่ทางครอบครัวที่ตั้งเป้าหมายกับหลานสาวของตัวเองไว้สูงนั้น กระหม่อมไม่แน่ใจ" คำกราบทูลขององค์รักษ์คนสนิททำให้พระอารมณ์ที่ขึ้นสูงเหมือนจะลดลงมาได้บ้าง
              เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องที่พระองค์ทราบอยู่เหมือนกัน แต่ที่อดจะหงุดหงิดไม่ได้นั้นเพราะหญิงสาวบ้าๆคนนั้น คนที่ยอมโดนลงโทษเพราะทำเรื่องอื้อฉาวไว้เพื่อให้เพื่อนของตัวเองออกจากวังได้อย่างปลอดภัยเนี่ยนะ
              องค์ชายหนุ่มหยุดคิดเกี่ยวกับเรื่องราวทั้งหมดอยู่ซักพัก โดยที่องค์รักษ์ข้างกายก็ไม่กล้าเอ่ยคำพูดใดออกมาเช่นเดียวกัน
              "แล้วที่ท่านแม่ส่งรติมามาที่นี่ ไม่แน่ว่าท่านแม่น่าจะรู้เรื่องอยู่ก่อนแล้วงั้นสิ"
              เมื่อได้รู้ข้อมูลแบบนี้แล้ว ความสงสัยหลายอย่างที่ผ่านมาก็เริ่มเฉลยความจริงในตัวของมันเองได้มากขึ้น 
              "ชั้นจะไปพบท่านแม่ ส่วนเรื่องที่นายรู้มาทั้งหมด ชั้นไม่ต้องการให้ใครแม้แต่คนเดียวในวังนี้รู้ นายเข้าใจใช่มั้ยรวิธ" องค์ชายนรินไม่อาจทนเก็บเรื่องที่ตนรับรู้มาได้ เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ แต่ทำไมเสด็จแม่ถึงทำเป็นเหมือนกับให้ท้ายผู้หญิงคนนั้น เค้าจะต้องไปสอบถามเสด็จแม่ให้รู้ความให้ได้ 
              "กระหม่อมจะทำลายหลักฐานทั้งหมดที่ได้รับมา รวมถึงจะไม่มีใครรู้เรื่องนี้จากปากของกระหม่อมเด็ดขาด"
              เมื่อได้คำตอบที่พอใจแล้ว องค์ชายหนุ่มรีบเสด็จไปที่วังกลางอย่างรวดเร็ว

              "ไม่น่าเชื่อว่าลูกจะมาที่นี่ ทำไมไม่ให้คนมาแจ้งก่อนล่ะ แม่จะได้เตรียมของว่างไว้ให้"
              "กระหม่อมมีเรื่องอยากจะคุยกับท่านแม่เป็นการส่วนตัวพระยะค่ะ" หน้าตาลูกชายที่พระองค์รักยิ่งแสดงออกถึงความเคร่งเครียด ทำให้คนเป็นแม่รีบบอกให้ข้ารับใช้ทั้งหมดออกไปจากห้อง และสั่งว่าไม่ว่าใครก็ห้ามรบกวน
              "เอาล่ะ ที่นี้บอกแม่ได้รึยังว่าเรื่องอะไรที่ทำให้หน้าตาลูกเคร่งเครียดได้ขนาดนี้ ปกติก็เห็นจะแก้ปัญหาโดยไม่ต้องมาปรึกษาแม่ซักครั้ง"
              "ท่านแม่รู้อยู่แล้วใช่หรือไม่ว่าที่รติมาทำแบบนั้นลงไปเพราะอะไร" องค์ชายหนุ่มถามตรงประเด็นในทันทีเพื่อสังเกตอากัปกิริยาของผู้เป็นแม่ แต่สิ่งที่เห็นคือผู้เป็นแม่ยิ้มน้อยๆ ไม่ได้มีสีหน้าแปลกใจอะไรกับคำถามนี้เลย
              "ถ้าลูกรู้ แม่ก็น่าจะรู้เหมือนกันมิใช่รึ"
              "แล้วเสด็จแม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน"
              "แม่จะรู้เมื่อไหร่ไม่สำคัญ สำคัญที่ว่าเรื่องนี้น่าจะมีอิทธิพลกับเจ้ามากพอดูถึงได้รีบร้อนมาหาแม่แบบนี้ได้"
              องค์ชายนรินชะงักไปเล็กน้อย พร้อมกับหรี่ตามองมารดาบังเกิดเกล้าที่ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็เดินเกมเร็วกว่าเค้าไปหนึ่งก้าวเสมอ และทำให้พอจะเข้าใจมากขึ้นว่าเสด็จแม่หวังที่จะทำอะไรต่อไป
              "สิ่งที่ท่านแม่หวังไว้จะไม่มีทางเป็นจริงได้หรอก" คำพูดที่ออกมาหนักแน่น และจริงจัง เพื่อแสดงให้ผู้เป็นแม่เห็นว่าแผนการนี้จะไม่มีวันเกิดประโยชน์อันใด
              "แม่ก็อยากจะถามเจ้าเหมือนกันว่าเจ้ารู้หรือว่าแม่หวังสิ่งใด" องค์ราชินีก็ไม่ได้โกรธเคืองกับคำพูดขององค์ชายที่เป็นที่สนิทเสน่หายิ่งนัก เพียงแต่ถามกลับพร้อมรอยยิ้มบนใบหน้าเท่านั้น
              องค์ชายหนุ่มเพียงแต่แค่นเสียงออกมาในลำคอ และรู้แล้วว่าการโต้ตอบนี้คนที่แพ้คงจะเป็นเค้าอย่างแน่นอน
              "แล้วผู้หญิงคนนั้นรู้รึเปล่าว่าแผนการที่ตัวเองทำ กลับกลายเป็นหมากในแผนการของท่านแม่ไปได้"
              "นี่เจ้ามองแม่ในแง่ร้ายเกินไปรึเปล่า แม่แค่เห็นว่าเด็กคนนั้นเป็นเด็กดี ไม่น่าจะต้องเจอเรื่องร้ายๆก็เท่านั้น"
              "ผมบอกเสด็จแม่ไว้เลยนะว่า เรื่องที่เสด็จแม่หวังไว้ไม่มีทางสำเร็จ ยิ่งผู้หญิงนั่นมาอยู่ใต้อานัติผมแล้ว ผมจะทำให้กลัวจนกระเจิงไปเลย"
              คำตอบที่แสดงว่าผู้พูดอารมณ์เย็นลงมากพอที่จะต่อล้อต่อเถียงเหมือนสมัยที่ยังเป็นองค์ชายพระองค์น้อย ทำให้องค์ราชินีถึงกับหัวเราะออกมา
              "ผมหมายความตามที่พูดจริงๆนะ"
              "แม่ก็หวังว่าเจ้าทำได้ตามที่เจ้าพูด" คำตรัสพร้อมรอยยิ้มทำให้องค์ชายที่เก่งกล้าทุกด้านพูดต่อไม่ถูก ได้แต่ถวายความเคารพแล้วเสด็จกลับไปตำหนักด้วยความรวดเร็วยิ่งกว่าตอนมาซะอีก
              "แล้วเจ้าจะได้รู้ว่ายิ่งเจ้าตั้งใจที่จะกลั่นแกล้งรติมามากเท่าไร ก็ยิ่งทำให้เจ้าสลัดความคิดเกี่ยวกับรติมาไม่ได้มากเท่านั้น" องค์ราชินีพูดกับตนเองแล้วอดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้ ทำไมองค์ราชินีจะไม่รู้จักนิสัยของลูกชายของตนเอง ลูกชายที่ชอบวางมาดข่มขวัญคนอื่น บ้างาน และไม่เคยจะสนใจผู้หญิงคนไหน มาเจอหญิงสาวที่พร้อมสู้กับทุกเรื่องราวในชีวิตและมีความรักให้คนรอบข้างอย่างมากมายแบบนั้น ไม่แน่ใจจริงๆว่าใครจะทำให้อีกฝ่ายสนใจในตัวตนของกันและกันได้ก่อนกัน

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×