ลำดับตอนที่ #20
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #20 : ปกป้องดูแล
เมืองวินทาเป็นเมืองใหญ่ก่อนที่จะเข้าแคว้นทางเหนือของอาณาจักร เป็นเมืองที่รติมาหยุดพักหลังจากเดินทางติดต่อกันมาอย่างไม่หยุดพักตลอดสองวัน หลังจากที่คำนวณระยะทางแล้วคาดว่าไม่น่าเกินอีก 3 วันน่าจะถึงบ้านทำให้รติมาผ่อนความเร่งรีบในการเดินทางให้ลดลงบ้าง เพราะไม่รู้ว่าจะกลับไปเล่าถึงเหตุการณ์ในเกือบ 2 เดือนที่ผ่านให้ที่บ้านฟังอย่างไรดี
'เหมือนจะเป็นระยะเวลาไม่นาน แต่ทุกอย่างที่เกิดขึ้นกลับชัดเจนอยู่ในความรู้สึก ไม่รู้ว่าป่านนี้องค์ชายนรินจะรู้รึยังว่าเราออกจากวังมาแล้ว แต่ทีทางไหนที่จะไม่ต้องกลับไปที่วังอีกนะ ที่นั่นคงไม่มีที่สำหรับเราแล้ว' รติมาคิดอย่างตัดใจ
"ระวัง!!!!" เสียงใครบางคนดังขึ้นจากทางด้านหลัง ก่อนที่รติมาจะรู้สึกว่าโดนคนทางด้านหลังดึงแขนอย่างแรงเพื่อหลบให้พ้นจากกลุ่มชายฉกรรจ์ขี่ม้าผ่านหน้าไปอย่างรวดเร็วจนเหมือนจะไม่ใส่ใจว่าจะชนใครบ้าง
หลังจากผ่านเหตุการณ์น่าตกใจไปแล้วรติมาถึงเพิ่งรู้สึกตัวว่ากำลังโดนคนข้างหลังกอดอยู่หลวมๆ ทำให้รีบดันตัวออกจากอ้อมกอดนั้น ก่อนจะหันหลังกลับไปขอบคุณคนที่มาช่วยไว้ ซึ่งถ้าคาดเดาไม่ผิดจากรูปร่างแล้วน่าจะเป็นผู้ชายรูปร่างสูง แต่แต่งตัวแปลกไม่เหมือนคนในพื้นถิ่นนี้เพราะมีผ้าคลุมสีดำทั้งตัวรวมถึงหน้าครึ่งหนึ่งที่อยู่ภายใต้ผ้าคลุมทำให้มองไม่ถนัดนักว่าหน้าตาภายใต้ผ้าคลุมจะเป็นอย่างไร
ชายหนุ่มที่ช่วยรติมาไว้เพียงแต่ก้มหน้านิดๆเหมือนตอบรับคำขอบคุณนั้น ทำให้รติมามองไม่เห็นดวงตาที่รู้สึกคุ้นๆอย่างไรบอกไม่ถูก แล้วเดินหายลับไปกับฝูงชน
รติมามองท่าทางนั้นแล้วความรู้สึกแปลกๆยังคงอยู่ แต่คิดคงไม่ได้เจอกันอีก เลยเลือกที่จะปัดความสงสัยทิ้งไป
ส่วนชายหนุ่มที่รติมาคิดว่าเดินลับไปอีกทาง หันกลับมามองรติมาด้วยแววตาระยิบระยับแตกต่างจากที่แสดงออกไปชั่วครู่อย่างสิ้นเชิง
เช้าวันถัดมารติมาเดินทางออกจากเมืองพร้อมม้าที่ตัดใจเอาเงินเก็บที่ตั้งใจว่าจะไม่ใช้ออกมาซื้อ เพราะบ้านของรติมาอยู่สูงขึ้นไปบนภูเขา การเดินทางด้วยม้าเทียมเกวียนใช้เวลานานกว่ามาก อีกอย่างรติมาชอบเดินทางอยู่บนหลังม้าสัมผัสลมเย็นๆมากกว่าที่จะไปอุดอู้อยู่ในรถลากแบบนั้น
เดินทางมาได้ซักระยะ รติมาจึงหยุดเพื่อให้ม้าได้พักบ้าง และเจ้าตัวก็ไม่ได้อยากที่จะเดินทางเร่งรีบอะไรนัก เพราะตั้งแต่เข้าไปเรียนในวังก็ไม่ค่อยจะได้ไปไหนเลย จึงอยากให้การเดินทางกลับบ้านครั้งนี้เป็นการพักผ่อนไปในตัว รวมทั้งยังคิดคำอธิบายให้พ่อแม่ของตนฟังไม่ได้ ก็ได้แต่หวังว่าอยู่ไกลจากเมืองหลวงขนาดนี้คงไม่มีใครเอาอะไรมาเล่าให้ฟังหรอกนะ
"ว่าไงน้องสาว นี่จะไปไหนหรอจ๊ะ" รติมาได้ยินเสียงทักมาจากทางด้านหลัง จึงรีบหันหลังกลับไปอย่างระแวดระวัง ด้านหน้าหญิงสาวเป็นกลุ่มชายฉกรรจ์แต่งตัวแปลก เพราะไม่ได้แต่งตัวอย่างนักเดินทางหรือพ่อค้าทั่วไป เป็นชุดดูรัดกุมรวมทั้งแต่ละคนพกอาวุธมาด้วยข้างกาย มีทั้งมีดและถ้าเดาไม่ผิด ปืนขนาดพกพาที่ซ่อนอยู่ภายใต้ผ้าคลุมทับอีกชั้น และท่าทางแบบนี้ไม่ได้มาดีแน่ เพราะอีกสองคนไปขนาบด้านข้าง ทำให้รติมาได้แต่เดินถอยหลังไปเรื่อยๆ
"พวกแกเป็นใคร ต้องการอะไร" รติมาพยายามตั้งสติก่อนที่จะถามออกไปพลางมองหาทางหนีทีไล่
"พวกพี่เห็นน้องสาวเดินทางคนเดียว น่าจะไม่ปลอดภัย เลยอยากช่วยเหลือน้องเฉยๆ"
คนหน้าสุดพูดพลางจะเอื้อมมือมาคว้าตัวรติมาอย่างย่ามใจเพราะเห็นรติมาเป็นเพียงผู้หญิงตัวคนเดียว แต่รติมาที่ระวังอยู่แล้วดึงมีดออกมา ทำให้คนที่จะเอื้อมมื้อคว้าไม่ทันระวังได้แผลเป็นทางยาวที่แขนทางด้านขวา และในจังหวะที่กลุ่มคนไม่หวังดีคาดไม่ถึงว่าหญิงสาวที่ดูไร้พิษสงจะหาโอกาสตอบโต้ รติมาจึงรีบหันหลังวิ่งไปอีกทาง
แต่เมื่อหันหลังกลับจะวิ่งไปอีกทาง กลับเจอคนแปลกหน้าอีกคนที่สวมผ้าคลุมสีดำมิดชิดจับรติมาไว้มั่น แต่เป็นการจับที่ดูพร้อมปกป้องคุ้มครองมากกว่าจะทำร้าย
รติมาคาดไม่ถึงว่าจะมีคนอยู่ด้านหลัง เลยรีบเงยหน้าขึ้นไปมองว่าเป็นใคร แต่แล้วความพยายามจะดิ้นหนีก็หยุดลง เมื่อได้สบสายตาคู่ที่มองมาอยู่ก่อนแล้ว
"ไอ้น้อง ส่งผู้หญิงมาให้พวกเราด็กว่า ก่อนที่จะเจ็บตัว" คนที่ดูเป็นหัวหน้าพูดอย่างลำพองใจ
"ก่อนที่จะทำเรื่องแบบนี้ เช็คดวงมาก่อนรึเปล่าว่าจะเจอกับอะไร" ชายหนุ่มในผ้าคลุมตอบกลับด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ
'เสียงนี้มัน' แต่คนคนนั้นไม่น่าจะมาที่นี่ได้ รติมาได้แต่พยายามหยุดความคิดที่ให้ความหวังตัวเองลง
"อย่ามาโย้กโย้ ถ้าไม่ส่งผู้หญิงคนนั้นมาให้ดีๆ ก็เตรียมใจไว้ละกัน"
หัวหน้ากลุ่มคนร้ายให้สัญญาณกับลูกน้องให้เข้าไปโจมตีชายหนุ่มกับรติมาที่ชายหนุ่มจับยึดไว้ข้างกาย แต่ก่อนที่จะมุ่งเข้าไปทำรายชายหนุ่มตรงหน้า กลับมีเสียงขึ้นลำกล้องปืนทางด้านหลังของกลุ่มชายฉกรรจ์ทุกคน ทำให้แต่ละคนได้แต่ยืนนิ่งไม่กล้าขยับ รติมาเพิ่งเห็นชัดๆว่ามีอีกหลายคนที่แต่งตัวเหมือนชายหนุ่มข้างกายค่อยๆออกมาจากบริเวณป่าด้านข้าง และปืนทุกกระบอกเล็งไปทางกลุ่มคนร้ายอย่างพร้อมที่จะยิงตลอดเวลา
บรรยากาศที่ตึงเครียด ถูกขัดด้วยชายหนุ่มในผ้าคลุมดำที่ไม่ได้เล็งปืนไปทางอีกกลุ่ม แต่เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้ารติมากับชายหนุ่มข้างกาย พลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงอารมณ์ดีที่ไม่เข้ากับสถานการณ์ว่า
"ถ้าจะเร่งมาเพื่อช่วยสาวก็ช่วยบอกพวกเราด้วยสิพระยะค่ะ มาไวแบบนี้พวกผมตามมาไม่ทันจะทำยังไง"
"นายคิดว่ากับคนแค่หยิบมือนี้เราจะสู้ไม่ไหวอย่างนั้นหรอ" น้ำเสียงที่ตอบกลับกวนอารมณ์พอกัน พร้อมกับวางมือพาดอยู่บนไหล่รติมาเหมือนกับการกอดไว้หลวมๆ แต่ทำให้คนที่พูดตอนแรกเพียงแต่ส่ายหัวอย่างอ่อนใจ
"ถือซะว่าอย่าทำให้พวกผมใจหายใจคว่ำดีกว่า เดี๋ยวคอพวกผมจะหลุดจากบ่าเอา"
คำพูดที่แสดงถึงความเคารพและเป็นคำพูดที่ใช้พูดกับเชื้อพระวงศ์ทำให้รติมาหันกลับไปดูคนข้างกายที่ตอนนี้ดวงตาเหมือนจะยิ้มได้ พลางมองมารติมาเหมือนกัน และเมื่อคนตรงหน้าถอดผ้าคลุมหน้าออก รติมาได้แต่มองอย่างไม่เชื่อสายตา
"ไม่ได้เจอกันนานนะ รติมา" คำพูดทักทายอารมณ์ดีมาพร้อมกับการกระชับมั่นของมือที่จับแขนรติมาไว้
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น