ลำดับตอนที่ #17
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #17 : ความรู้สึกเริ่มชัดเจน
บรรยากาศอึมครึมเกิดขึ้นภายในตำหนักอินทุตั้งแต่สองวันที่ผ่านมา เจ้าของตำหนักอารมณ์ขุ่นมัวมากกว่าปกติ ใครก็เข้าหน้าไม่ติดโดยเฉพาะชินธัยองค์รักษ์คนสนิท รวมทั้งพระคู่หมั้นที่ช่วงหลังมีคนเห็นช่วยทำงานที่ห้องสมุดบ่อยๆ แต่วันนี้หลายวันมานี้ห้องสมุดกลับเงียบงัน เพราะคู่หมั้นองค์ชายนรินย้ายข้าวของทั้งหมดที่เริ่มเพิ่มขึ้นตั้งแต่มาพักห้องข้างล่างกลับไปที่ห้องพักด้านตะวันออกตามที่เคยพักอาศัยตั้งแต่แรก
"ไง ทำไมหน้าตาเป็นแบบนั้นล่ะ" เสียงของคนที่แต่งตัวไม่เข้ากับสถานที่ ด้วยเป็นชุดสีดำคลุมทั่วทั้งตัวโดยไม่มีการบ่งบอกสถานะใดๆ หน้าตามีหนวดเคราบังจนแทบจะมองหน้าไม่ชัด แต่คนคุ้นเคยดีจำได้อย่างมั่นใจ
"พี่วินทร์" เจ้าของห้องที่ทำงานหน้านิ่วคิ้วขมวดคลายความเคร่งเครียดเดินเข้าไปทักทายพี่วินทร์ หรือองค์ชายราชวินทร์ องค์รัชทายาทแห่งแคว้นอรัญยิตาด้วยความยินดี เพราะแทบจะไม่ได้คุยกันหลังจากที่อีกฝ่ายไปตระเวนทำงานตามเขตชายแดนมาหลายเดือน
"ไง เจ้าน้องชาย พี่ไม่อยู่แค่ไม่นานทำไมทำหน้าเหมือนโลกจะแตกแบบนี้ล่ะ" คำถามที่ถามแสดงความใส่ใจแบบที่พี่ชายจะมีให้น้องเสมอ ปกติพี่น้องแทบจะไม่มีอะไรปิดบังต่อกัน แต่ครั้งนี้องค์ชายนรินกลับเป็นฝ่ายมองไปทางอื่น แล้วเลือกตอบเฉพาะเรื่องที่อยากบอก
"ช่วงนี้งานมันยุ่งน่ะพี่ มีหลายอย่างที่ต้องสะสาง แถมเหมือนจะได้เจอต้นตอของปัญหาความช่วยเหลือที่ไปไม่ถึงราษฏรของเราแล้วล่ะ" องค์ชายนรินข้ามเรื่องที่แท้จริงที่กวนใจมาตั้งแต่เมื่อวันก่อนไป แต่เล่าถึงหลักฐานที่ได้เจอมา และขอความคิดเห็นของพี่ชายเนื่องจากจะเป็นการกระทบกับเหล่าคนที่มีอำนาจในแคว้นที่ลักลอบทุจริตมานาน การที่จะถอนรากถอนโคนได้จะต้องมีการวางแผนอย่างรอบคอบ
องค์ชายนรินปรึกษาองค์ชายรวินทร์ถึงแผนการต่างๆที่จะดำเนินการให้รัดกุมที่สุดอยู่ในห้องทำงานหลายชั่วยาม จนเวลาล่วงเลยมาถึงตอนบ่าย ถึงได้พักรับประทานอาหารกัน เพื่อลุยงานต่อก่อนที่องค์ชายรวินทร์จะต้องกลับไปตรวจดูความสงบเรียบร้อยของชายแดนอีกครั้ง
หน้าตาที่ดูเหนื่อยล้าของน้องชาย ทำให้องค์ชายรวิทร์มองอย่างเห็นใจ พลางคิดไปถึงโทรศัพท์จากเสด็จแม่เมื่อวันก่อนที่โทรมาหายามดึก 'แม่มีเรื่องให้ทำด่วน ถ้าลูกไม่อยากไปงานเต้นรำกับแม่สัปดาห์หน้าตามที่ลูกสัญญาไว้ ก็กลับมาให้ถึงเมืองหลวงภายในสองวันแล้วแม่จะลืมๆสัญญานั้นไป' ตอนแรกก็แปลกใจที่เสด็จแม่ยอมไม่ให้ไปงานเต้นรำหาคู่ที่อุตส่าห์ทรงบังคับให้ตนยอมสัญญาง่ายๆ แต่ความที่ไม่อยากไปงานเต้นรำหาคู่บ้าๆนั่น ทำให้องค์ชายรวินทร์ต้องเดินทางติดต่อกันนานหลายชั่วโมงเพื่อรีบกลับมาให้ทันตามกำหนดเวลาที่เสด็จแม่ตั้งขึ้น ตอนแรกก็ยังไม่เข้าใจว่าเพราะอะไร แต่เมื่อเห็นหน้าน้องของตนเองแล้วก็เข้าใจแล้วว่าเสด็จแม่เรียกให้รีบกลับมาทำไม แต่จะทำยังไงให้เจ้าตัวดียอมเปิดปากเล่ากันดีนะ
"ว่าแต่ ตั้งแต่มานี่ชั้นยังไม่เห็นสาวน้อยของนายเลยนะ เค้าไปไหนล่ะ"
องค์ชายนรินสีหน้าเคร่งขรึมขึ้นมาอีกครั้งเหมือนไม่อยากให้ถามถึงเรื่องนี้ แต่คนเป็นพี่ก็ไม่ยอมปล่อยไปง่ายๆ
"น่ารักมั้ย จะว่าไปชั้นก็ยังไม่เคยเจอเลยนะตั้งแต่นายมีคู่หมั้นมาเนี่ย แล้วจะแต่งงานกันเมื่อไหร่ล่ะ" องค์ชายรวินทร์ถามยิ้มๆ
"ผมจะไม่แต่งงานกับผู้หญิงคนนั้นแน่" องค์ชายนรินเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงดุ ห้วน สั้น
องค์ชายรวิทร์ฟังแล้วก็ถามคำถามที่ทำให้หน้าตาของคนเป็นน้องที่ดูดุอยู่แล้ว ดุจัดจนถ้าเป็นคนที่ทำงานใกล้ชิดจะไม่กล้าพูดอะไรต่อแน่ แต่ไม่ใช่กับองค์ชายรวินทร์
"ถ้าอย่างนั้นชั้นขอแล้วกัน" องค์ชายรวินทร์ตรัสออกมาราวกับเป็นเรื่องง่ายๆ แต่คนน้องกลับลืมตัวพูดออกมาว่า
"ไม่มีทาง!!!" หลังจากที่พูดออกไปแล้ว องค์ชายนรินเหมือนจะเพิ่งรู้ตัวว่าหลุดพูดอะไรไป ทำให้ความหงุดหงิดเพิ่มขึ้นอีก
"นายจะเอายังไงแน่ ไม่แต่ง แต่ก็ไม่ยอมยกให้คนอื่นเนี่ยนะ อีกอย่างถึงนายจะไม่ยกให้ แต่นายไม่แต่งกับเค้า งั้นชั้นขอจีบแทนแล้วกันนะ"
"เฮอะ พี่ไม่มีทางจีบติดหรอก เค้ามีคนในใจของเค้าอยู่แล้ว" ในที่สุด เรื่องที่อยู่ในใจก็หลุดออกมาให้อีกฝ่ายรับรู้ได้
"คนในใจนี่ไม่ใช่นายหรอกหรือไง"
องค์ชายนรินไม่พูดอะไรต่อ เพียงแต่ถอนหายใจและเดินไปหยิบรูปถ่ายมาให้ แล้วนั่งนิ่งเหมือนกับพยายามสะกดอารมณ์อยู่
องค์ชายรวินทร์ดูรู้ถ่ายแล้วก็รู้แล้วว่าอะไรเป็นต้นเหตุของหน้าตาที่เหมือนแบกโลกทั้งโลกไว้ของน้องชายตนเอง
"นี่นายเอารูปถ่ายใบเดียวมาตัดสินว่าเค้ามีคนรักอยู่แล้ว แถมเป็นชินธัยเนี่ยนะ"
"พี่ไม่ต้องมองผมเหมือนว่าผมเป็นคนไม่มีเหตุผลแบบนั้นเลย ผมถามเค้าทั้งสองคนแล้ว แต่ทั้งสองคนล้วนเงียบ ไม่ยอมตอบผมเหมือนกัน แล้วพี่จะให้ผมทำยังไง" เมื่อได้พูดออกมาแล้ว ความอึดอัดภายในใจขององค์ชายนรินก็เหมือนว่าจะลดลงได้บ้าง
"ถึงแม้ว่ามันจะเป็นเรื่องจริง แต่นายจะปล่อยเค้าไปเฉยๆแบบนี้น่ะหรอ" ทำไมมันยอมแพ้ง่ายจัง แต่ผู้หญิงคนนี้น่าจะมีอิทธพลกับคนปากแข็งตรงหน้าพอดู เห็นปกติเก็บอาการเก่ง แถมไม่เคยสนใจใครคนไหน กลับมาน็อตหลุดง่ายๆแบบนี้ ว่าแล้วก็อยากถ่ายรูปเก็บไว้เอาไว้อวดหลานในอนาคตเหมือนกันแฮะ แต่เรื่องนี้จะหลุดไปให้ไอ้น้องชายที่ทำหน้าเหมือนโลกจะแตกตรงหน้ารู้ไม่ได้เด็ดขาด องค์ชายรวินทร์คิดอย่างสบายอารมณ์
องค์ชายนรินเงียบไปกับคำถามนี้ แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะทำอย่างไรต่อดี
"พี่คงช่วยอะไรนายไม่ได้ แต่อยากให้นายถามตัวเองว่าเท่าที่ได้ทำความรู้จักมา ผู้หญิงคนนี้ในสายตานายเป็นคนนิสัยแบบไหนกันแน่ และพี่รู้ว่านายไม่ใช่คนไม่มีเหตุผล เพียงแต่ความรู้สึกบางอย่างมันบังตาก็เท่านั้น ถ้าให้พี่แนะนำ พี่จะบอกแค่ว่าอะไรที่ไม่แน่ใจก็ให้ถาม ถ้าถามแล้วเค้าไม่ตอบก็สืบเอา ทำไมนายถึงตัดสินเรื่องนี้ได้ง่ายๆกัน" คำพูดของคนเป็นพี่ทำให้องค์ชายนรินคิดตามอย่างเงียบงัน
องค์รวินทร์ลุกขึ้นเหมือนพูดเรื่องที่ต้องพูดทั้งหมดแล้ว และเชื่อเถอะว่าไม่นานน้องชายปากแข็งตรงหน้าก็จะคิดได้เอง
"เอกสารทั้งหมดที่เป็นหลักฐาน ฝากนายให้คนเอาไปให้พี่ที่ห้องที พี่จะตรวจสอบอีกทีคืนนี้" คนเป็นพี่พูดพลางเตรียมลุกออกไปสะสางงานที่เหลือคืนนี้ องค์ชายนิรนได้แต่รับคำแต่ไม่ได้ตอบสิ่งใด เหมือนยังคิดคำนึงถึงเรื่องอื่นอยู่
"ส่วนเรื่องถ้าจะแต่งงานเมื่อไหร่ บอกพี่อีกทีแล้วกัน จะได้กลับมาแต่งหล่อก่อนหน้างานของนายหน่อย" องค์ชายรวินทร์ทิ้งท้ายด้วยรอยยิ้มกว้าง เพราะเท่าที่สังเกตท่าทีมาก็ทำให้แน่ใจแล้วว่าน้องชายของตนจะทำอะไรต่อไป
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น