ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รติมาที่รัก

    ลำดับตอนที่ #10 : สวนดอกไม้และงานที่ไม่คาดคิด

    • อัปเดตล่าสุด 15 ก.พ. 62


              รติมาตื่นเช้ามาด้วยความรู้สึกที่ดีขึ้น อย่างน้อยก็ไม่ได้ปวดเมื่อยตัวด้วยพิษไข้แล้ว เหลือแต่เจ็บตึงๆที่แผลเท่านั้น คิดไปแล้วก็น่าแปลก ไปตัดดอกไม้ที่สวนตั้งหลายวันไม่เห็นจะมีอะไร ทำไมเมื่อวานถึงมีตะปูมาอยู่ที่สวนได้กันนะ
              รติมานั่งครุ่นคิดเพียงลำพัง แต่รู้ว่าคิดไปก็เท่านั้น คงทำอะไรไม่ได้อยู่ดี ทำให้ละความสนใจจากสิ่งที่ตัวเองคิดไปมองรอบๆห้อง แล้วเห็นมีเก้าอี้ที่ดูนั่งสบายติดหน้าต่างมองเห็นข้างนอกได้ เลยพยายามเดินโดยไม่ลงน้ำหนักเท้าข้างที่มีแผลไปที่เก้าอี้นั้น อย่างน้อยได้มองออกไปก็จะได้ปลี่ยนบรรยากาศบ้าง
              "เอ๊ะ นี่มัน สวนดอกไม้นี่นา" เก้าอี้ติดหน้าต่างที่รติมาเดินมานั่งเป็นหน้าต่างบานใหญ่ที่สามารถมองเห็นได้ทั้งสวนดอกไม้ที่อยู่ด้านหน้าตำหนัก สวนดอกไม้ที่หลายวันที่ผ่านมารติมาไปตัดดอกไม้ไปปักไว้ที่ห้องทำงานของเจ้าของตำหนักนี่ละ
              "คุณหนู ดูอะไรอยู่หรอคะ" เสียงของคุณนมที่ถาม ไม่ได้ทำให้รติมาหันมามอง ทำให้คุณนมที่เข้ามาพร้อมสำรับอาหารเช้าเดินมาดูด้วยตัวเอง
              "สวยจังเลยนะคะ มองเห็นทั้งหมดเลย" รติมาพูดออกมาลอยๆ เพราะบรรยากาศยามเช้าที่ส่องเข้ามาด้านหน้าตึกพอดี ตัดกับสีต่างๆของดอกไม้ ทำให้ตำหนักอินทุดูสวยงามมากกว่าทุกวันที่รติมาเคยเห็น 
              นมพิศลักษณ์มองตามหญิงสาว และเอ่ยเล่าถึงเรื่องราวที่คุณนมยังจำได้ไม่ลืม
              "เมื่อสมัยองค์ชายนรินเด็กๆ แล้วเล่นซนทุกวัน องค์ราชินีเลยรับสั่งว่าถ้าวันไหนโดดเรียน ต้องมาปลูกดอกไม้หนึ่งดอกเป็นการแลกเปลี่ยน ไม่อย่างนั้นจะโดนตีด้วยไม้เรียว เพราะอยากให้องค์ชายนรินเป็นคนใจเย็น ฝึกสมาธิในการทำอะไรบ้าง แรกๆองค์ชายนรินก็ดูไม่ยอมทำตามนะคะ แต่โดนไม้เรียวจริงๆ เลยต้องมาปลูกดอกไม้พร้อมทั้งหน้าตาหงิกเชียว แต่ความเจ้าเลห์แสนกลคือหลังจากนั้นก็แอบมาปลูกเพิ่มทีละเป็นสิบๆต้น แล้วไปทูลต่อองค์ราชินีแล้วไม่ต้องเข้าเรียนแล้วก็ได้เพราะปลูกดอกไม้แล้ว"
              เสียงของคุณนมที่เล่าให้ฟังด้วยรอยยิ้ม ทำให้รติมาฟังอย่างสนใจ ไม่น่าเชื่อว่าหน้าตาดูเคร่งขรึมแบบนั้น ตอนเด็กๆจะซนไม่ใช่เล่นเลย
              "แล้วองค์ราชินีทำยังไหรอคะ" รติมาถามอย่างอยากรู้
              คุณนมอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาเล็กน้อย แล้วตอบว่า "องค์ราชินีบอกว่าถ้าองค์ชายนรินสามารถทำให้ดอกไม้ทุกต้นที่ปลูกไว้ไม่ตายได้ภายในระยะเวลา 3 เดือน หลังจากนั้นจะไม่เรียนอีกเลยก็ได้"
              "โห องค์ราชินีตอบเข้าทางองค์ชายนรินเลยสินะคะเนี่ย"
              "ตอนแรกที่ดิชั้นได้ยินก็สงสัยเหมือนกันค่ะว่าทำไมองค์ราชินีถึงตอบแบบนี้ แต่หลังจากนั้นซักพักถึงได้รู้ เด็ก โดยเฉพาะเด็กผู้ชายยังไงก็ไม่ได้สนใจดูแลดอกไม้มากหรอกค่ะ ยิ่งไม่เคยปลูกมาก่อนด้วย หลังจากนั้นไม่กี่อาทิตย์ดอกไม้ก็เริ่มทยอยตายจนหมดหน้าตำหนักเลยล่ะค่ะ แล้วเหมือนองค์ชายนรินจะฝังใจมากที่สู้องค์ราชินีไม่ได้ เลยอ่านหนังสือเรื่องปลูกต้นไม้หนักมาก จนทำให้สนใจเรื่องต้นไม้ รวมถึงสภาพภูมิประเทศของอาณาจักรเราอย่างจริงจัง เลยมาช่วยฝ่าบาทในเรื่องนี้อย่างไรล่ะคะ"
              รติมาได้ยินเรื่องราวของเจ้าของตำหนักแล้วอดที่จะยิ้มออกมาตามคุณนมไม่ได้ "องค์ชายนรินนี่น่ารักดีนะคะ" ที่รติมาพูดออกมาเพราะคิดถึงภาพองค์ชายตัวน้อยๆขะมักเขม้นปลูกดอกไม้อยู่หน้าตำหนัก แต่ไม่คิดเลยว่าจะได้ยินเจ้าของตำหนักที่ตอนนี้โตเป็นชายหนุ่มร่างสูงใหญ่แล้วตอบกลับมา
              "ขอบคุณ" 
              คำพูดของเจ้าของตำหนักที่เข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ ทำให้ทั้งรติมาและคุณนมที่เล่าเรื่องขององค์ชายนรินอยู่ถึงกับสะดุ้งแล้วหันกลับมามอง หน้าตาของผู้หญิงทั้งสองคนคงจะจืดเจื่อนมาก ทำให้องค์ชายนรินเหมือนจะยิ้มออกมานิดหนึ่ง แล้วเปลี่ยนเป็นมองหน้ารติมานิ่งๆเท่านั้น
              "เอ่อ เหมือนว่านมจะลืมเอายามาให้คุณหนูกินหลังอาหาร นมขอตัวไปหยิบยาก่อนนะคะ" คุณนมรีบพูดหลังจากที่องค์ชายนรินมองมาด้วยท่าทางนิ่งๆเท่านั้น
              คุณนม ทำไมทิ้งหนูไปแบบนั้นล่ะคะ รติมาคิดภายในใจอย่างโอดครวญ 
              หลังจากที่คุณนมออกไปจากห้อง ในห้องก็มีแต่ความเงียบ รติมาได้แต่ก้มหน้ายอมรับผิดที่ไปพูดถึงเจ้าของตำหนักเข้า ทำให้ไม่เห็นดวงตาที่เหมือนจะยิ้มได้ขององค์ชายหนุ่ม
              "หม่อมชั้นนึกว่าองค์ชายจะติดงานอยู่ที่ภาคสนามเพคะ เลยยังไม่ได้ย้ายออกไปจากห้องนี้ แต่เดี๋ยวหม่อมชั้นจะรีบย้ายออกให้นะคะ" รติมาไม่รู้ว่าจะพูดอะไรได้ จึงรีบออกตัวไว้ก่อน กลัวว่าเจ้าของตำหนักจะว่าเอาได้ที่มาใช้ห้องนี้โดยไม่ได้รับการอนุญาต
              "ถ้าชั้นติดงาน คงไม่ได้ยินว่ามีคนชมชั้นสินะ" คำพูดเอ่ยลอยๆ แต่กลับทำให้รติมาหน้าแดงขึ้นมาทันควัน พร้อมกับอดไม่ได้ที่จะย่นจมูกด้วยความขัดใจเล็กๆ
              ที่ชมไปน่ะเพราะคิดภาพองค์ชายตัวน้อยๆต่างหาก ถ้าเจอตัวจริงเป็นผู้ชายหน้าเข้มดุแบบนี้ใครจะไปชมว่าน่ารักกันล่ะ
              ท่าทางที่เหมือนมีอะไรจะพูดแต่พูดไม่ออก ทำให้องค์ชายหนุ่มที่เห็นภาพนี้อดไม่ได้จริงที่จะยิ้มออกมา
    "ชั้นไม่ได้ว่าอะไรที่เธอจะพักห้องนี้ต่อ เพราะคิดว่าถ้าให้เธอไปพักที่ห้องของเธอคงจะไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่"
              คำพูดแสดงความใจดีที่มีให้มาอย่างไม่คาดฝัน ไม่ได้ทำให้รติมาประทับใจแต่อย่างใด เพราะเด็กเจ้าเล่ห์โตขึ้นมาก็ต้องเป็นผู้ชายเจ้าเล่ห์แน่ๆ รติมาคิดพลางมองไปที่องค์ชายนรินอย่างระมัดระวัง
              "แต่ในเมื่อเธอมาพักที่ห้องนี้แล้ว และชั้นคงต้องเข้ามาหาข้อมูลในห้องสมุดบ่อยๆ เธอคงจะไม่ใจดำขนาดที่มองเห็นชั้นทำงานหนักแล้วไม่ช่วยหรอกนะ เพราะตอนนี้เธอคงไปเรียนอะไรที่ตึกใหญ่ไม่ได้ ก็ถือว่าใช้เวลาว่างช่วยๆกันก็แล้วกันนะ"
              คำพูดรวบรัดไม่มีทางให้รติมาปฏิเสธได้ แต่หญิงสาวก็พยายามหาทางออกให้ตัวเอง เพราะไม่อยากที่จะอยู่ใกล้เจ้าของตำหนักมากเท่าไหร่
              "แต่หม่อมชั้นเป็นเพียงผู้หญิงคนนึงที่เรียนเรื่องงานบ้านงานเรือน เย็บปักถักร้อย คงช่วยอะไรองค์ชายไม่ได้หรอกค่ะ หม่อมชั้นอยากช่วยจริงๆนะคะ แต่คิดว่าคงช่วยอะไรไม่ได้" รติมาพูดพลางแสดงท่าทางเสียใจให้องค์ชายนรินได้เห็น
              "อย่างนั้นหรือ ถ้าคนที่สอบชิงทุนเข้ามาเรียนในวังหลวง พร้อมกับผลการเรียนเป็นที่หนึ่งของคลาสวิชาภูมิศาสตร์และประวัติศาสตร์ของอาณาจักรยังช่วยงานชั้นไม่ได้ คงไม่มีใครทำได้แล้วล่ะ" คำพูดที่รู้เท่าทัน ทำให้รติมาได้แต่ส่งยิ้มจืดเจื่อนไปให้ นี่ไปสืบมาหมดแล้วหรอเนี่ย
              "แต่เห็นกับที่เธอพูดว่า 'อยากช่วย' ชั้นจะทำเป็นไม่ได้ยินประโยคอื่นๆของเธอก็แล้วกันนะ แล้วก็ชั้นมีเงินเดือนให้เธอด้วย ไม่ได้ให้ช่วยเปล่าๆหรอกน่า เธอเท้ามีแผลแบบนี้คงทำงานอะไรอื่นไม่ได้หรอก"
              รติมาคิดตามพลางนึกได้ว่าถ้าเป็นแผลแบบนี้คงไปทำงานที่ร้านอาหารในตลาดไม่ได้แน่ เอ๊ะ แต่องค์ชายรู้เรื่องที่เธอไปทำงานข้างนอกวังหรือไงนะ รติมามองไปทางองค์ชายนรินด้วยความสงสัย
              แต่ก่อนที่หญิงสาวจะได้เอ่ยถามออกมา องค์ชายนรินก็ชิงพูดว่า "วันนี้ชั้นให้เธอพักอีกหนึ่งวัน แต่พรุ่งนี้ชั้นจะย้ายมาทำงานที่ห้องสมุดในทุกวันตอนเช้า เพราะตอนนี้มีงานอีกมากที่เข้ามา หวังว่าพรุ่งนี้เช้าชั้นจะพบเธอนะ"
              รติมาได้แต่พยักหน้า พลางคิดทอดถอนใจว่าก็คงต้องเป็นไปตามนั้นจริงๆนั่นแหละ 
              องค์ชายนรินมองสภาพเหมือนจำยอมของหญิงสาวตรงหน้าแล้วยิ้มออกมาอย่างสมใจ 


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×