ลำดับตอนที่ #3
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ความมุ่งร้ายและผู้หญิงประหลาด
เกือบหนึ่งสัปดาห์แล้วตั้งแต่เหตุการณ์อื้อฉาวที่เกิดขึ้น แต่หญิงสาวที่อยู่ในข่าวลือนั้นทำตัวเหมือนปกติจนเหล่าคนที่ชอบพูดคุยถึงเรื่องราวของคนให้ราชวงศ์เริ่มที่จะหมดความสนใจ แต่ไม่ใช่กับหญิงสาวนามโสรัสวดี
"ทำเรื่องอื้อฉาวตั้งมาก แต่กลับทำหน้าระรื่นมาเรียนได้ทุกวัน คนบางคนนี่ช่างไม่มียางอายเสียจริง"
น้ำเสียงส่อเสียดที่ดังตามหลังขณะรติมากำลังจะเดินเข้าห้องเรียนในคาบเช้าของตนเอง ทำให้ร่างบางถอนหายใจอย่างเบื่อหน่ายและหันกลับมามองคนพูดที่เป็นหญิงสาวหน้าตาสะสวยแต่งกายด้วยเสื้อผ้าราคาแพง พร้อมทั้งเพื่อนในกลุ่มอีกสองคนด้วยสายตากึ่งสมเพช
"แกไม่มีสิทธิที่จะมองชั้นแบบนั้น เป็นแค่ลูกของชาวบ้านทั่วไป แต่ทะยานอยากเป็นหนึ่งในเลือดสีน้ำเงิน ช่างไม่เจียมตัวซะบ้าง"
รติมาเพียงแต่เลิกคิ้ว และตอบกลับว่า "ถ้าเธออิจฉาชั้น ก็แสดงออกมาตรงๆก็ได้นะ ไม่ต้องมาพูดจาอ้อมไปมาหรอก แต่ถ้าจะให้ชั้นแนะนำ ชั้นว่าเธอควรที่จะสนใจการเรียนมากกว่าเรื่องของคนอื่นบ้าง เผื่อว่าความรู้ที่อาจารย์ทั้งหลายท่านพยายามสอนให้เธอจะได้นำไปใช้ ไม่ใช่เข้ามาเรียนเพื่อหาสามีอย่างเดียว และกันที่คนที่เค้าอยากจะเข้ามาเรียนกันอย่างจริงๆกัน" คำตอบกลับเรียบๆ แต่ทำให้หญิงสาวที่คิดว่าตัวเองดีกว่าหญิงสาวตรงหน้าทุกด้าน แทบจะเข้าไปทำร้ายร่างบางตรงหน้าถ้าเพื่อนๆไม่จับตัวเอาไว้
"ไม่ต้องมาทำเป็นพูดดี แล้วใครกันล่ะที่ยอมแม้แต่ทำลายศักดิ์ศรีของตัวเองเพื่อที่จะได้เป็นคู่หมั้นขององค์ชายนฤบดินทร์ จะบอกให้นะว่าตำแหน่งที่แกได้มาใครๆเค้าก็รู้กันทั่วว่าความอยากได้อยากมีของแกทำให้อุรัสยา ผู้หญิงที่ควรที่จะเป็นคู่หมั้นตัวจริง คนที่ทุกคนก็รู้ว่าเป็นเพื่อนรักกันมากกับแก ทนไม่ไหวถึงกับต้องขออกจากวังหนีอายไป แล้วคนแบบนี้น่ะหรอที่กล้ามาสั่งสอนชั้น" รติมาฟังแล้วก็เริ่มรู้สึกเบื่อหน่ายเรื่องแบบนี้มากขึ้นทุกที ไม่มีอะไรไปทำกันหรืออย่างไรนะ เอาแต่หาเรื่องคนอื่นอยู่ได้
"เธอจะคิดยังไงมันก็เรื่องของเธอ ชั้นจะทำอะไรมันก็เรื่องของชั้น อย่ามายุ่งเรื่องชั้นให้มากนัก เพราะตอนนี้ตำแหน่งที่ชั้นได้มาก็ทำให้ชั้นสามารถรายงานกิริยาของเธอให้พวกพระองค์ท่านทราบได้นะ อย่าลืม"
รติมาพูดเสร็จก็หมดความสนใจ และเดินเข้าไปในห้องเรียน แต่หญิงสาวที่รติมาเดินหนีมานั้นสะบัดตัวออกจากการห้ามปรามของเพื่อนด้านหลัง และพึมพำด้วยความโกรธจัดว่า "หยิ่งผยองซะให้พอ แล้วเราจะได้เห็นดีกัน รติมา"
ถ้าเหล่าผู้คนในวังคิดว่ารติมาจะใช้ชีวิตอย่างสุขสบายหลังจากที่ได้รับการแต่งตั้งแล้วล่ะก็ คนส่วนใหญ่คงคิดผิดไปตามๆกัน เพราะสิ่งที่เปลี่ยนไปตั้งแต่รติมาได้รับตำแหน่งคือการที่หญิงสาวไปสมัครงานเป็นผู้ช่วยพ่อครัวในร้านอาหารหนึ่งแถวๆวังหลวงต่างหาก
"ผู้ช่วยพ่อครัว?"
"ครับผม พวกผมไปตามดูมาแล้วเป็นจริงตามข่าวลือครับ คุณรติมาใช้เวลาในช่วงเย็นหลังจากที่กลับจากตึกใหญ่ไปเป็นผู้ช่วยพ่อครัวแน่นอนครับ" คำรายงานจากทหารคนสนิททำให้ชายหนุ่มได้แต่ฟังคำรายงานด้วยความแปลกใจ
"น่าแปลกนะ อุตส่าห์ทำทุกวิถีทางเพื่อได้ตำแหน่งมา แต่ทำไมกลับไปทำอะไรแบบนั้นกันล่ะ แล้วเรื่องนี้เสด็จแม่ทรงทราบหรือยัง"
"เท่าที่กระหม่อมสืบทราบมา คุณรติมาไปขออนุญาตองค์ราชินีก่อนไปทำงาน และองค์ราชินีทรงอนุญาตแล้วกระหม่อม" คำรายงานที่ทำให้ชายหนุ่มเจ้าของห้องที่นั่งฟังการรายงานถึงกับนิ่งเงียบเพราะประหลาดใจในคำตอบที่ได้รับ และเหมือนจะพูดกับตัวเองว่า
"แบบนี้ยิ่งแปลกเข้าไปใหญ่ เสด็จแม่ที่ให้เหตุผลกับเราว่าห่วงชื่อเสียงของเราจึงแต่งตั้งและย้ายรติมามาที่นี่ตั้งแต่หลังจากเกิดเรื่อง กลับปล่อยให้ผู้หญิงคนนั้นออกไปทำงานเป็นผู้ช่วยพ่อครัวเนี่ยนะ"
คำพูดที่ทำให้องค์รักษ์คนสนิทนามว่ารวิธได้แต่ทำหน้าตาสงสัยเช่นเดียวกัน
"ถ้าทำงาน ก็แปลว่าอยากได้เงิน แต่เงินในตำแหน่งก็มีให้อยู่แล้ว ถึงจะไม่มาก แต่ถ้าไม่ใช้จ่ายฟุ่มเฟือยก็น่าจะมีใช้ได้อย่างไม่ขัดสน และผู้หญิงคนนั้นจะอยากได้เงินเพิ่มไปเพื่ออะไรกัน" คำตรัสขององค์ชายที่องค์รักษ์หนุ่มก็คิดตาม และตั้งข้อสังเกตว่า
"ที่น่าแปลกกว่านั้นคือตรงที่คุณรติมาเริ่มทำตั้งแต่ได้รับการแต่งตั้งนี่แหละกระหม่อม เพราะก่อนหน้านี้ก็ใช้ชีวิตเหมือนหญิงสาวคนอื่นๆที่ได้รับทุนให้เข้ามาเรียนในวังหลวงทั่วไป" คำอธิบายที่ทำให้องค์ชายนรินรู้สึกว่าเรื่องราวรอบตัวของหญิงสาวนามว่ารติมาดูแปลกไปซะทั้งหมด แต่ไม่มีอะไรที่ทำได้นอกจากจะสั่งการเพื่อให้ตามสืบเรื่องราวของผู้หญิงคนนั้นมากกว่านี้ จะได้ตัดสินใจได้ว่าจะทำอย่างไรกับผู้หญิงประหลาดคนนั้นดี
"นั่นสินะ ชั้นคิดว่าต้องมีเหตุผลแะไรซักอย่างที่ทำให้ผู้หญิงคนนั้นทำแบบนี้ ยังไงก็ฝากนายช่วยตามสืบทุกอย่างเกี่ยวกับรติมาให้ชั้นด้วย ชั้นก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าผู้หญิงที่กล้าทำเรื่องแบบนั้น แต่ท่านแม่กลับส่งมาให้อยู่ที่นี่จะเป็นคนแบบไหนกัน"
"กระหม่อมจะตามสืบทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับคุณรติมาด้วยตัวเองพระเจ้าค่ะ"
คำรับรองขององค์รักษ์คนสนิททำให้องค์ชายนรินมั่นใจว่าในไม่ช้าจะต้องได้รู้เหตุผลการกระทำต่างๆของผู้หญิงคนนั้นอย่างแน่นอน
ก่อนที่องค์ชายนรินจะเข้าบรรทมหลังจากที่ตรวจเอกสารเกี่ยวกับปัญหาน้ำที่เริ่มรวมกันเป็นก้อนที่ใหญ่ขึ้นทางเหนือของประเทศ และเริ่มมีจดหมายร้องเรียนมาจากชาวบ้านในบางพื้นที่แล้วว่าน้ำได้เข้าท่วมในพื้นที่การเกษตรในหลายหมู่บ้านแล้ว ก็ได้มีเสียงโทรศัพท์ดังกลางดึกขึ้นมา และคนที่จะโทรมาดึกดื่นแบบนี้จะต้องเป็นหนึ่งในพี่น้องตัวแสบที่เพิ่งรู้ข่าวแล้วจะโทรมาแกล้งล่ะสิ
"ว่าไง ได้ข่าวว่ามีสาวมาอยู่ในตำหนักด้วย ช่วงนี้ชีวิตมีความสุขเหลือเกินนะ" นั่นไง ผิดจากที่คาดไว้ซะที่ไหน
"เฮอะ พี่เพิ่งได้ข่าวรึไง และข่าวที่ได้รับน่ะ มันเป็นเหตุการณ์อื้อฉาวนะพี่ ไม่ใช่ผมไปพาตัวสาวที่ไหนมาตำหนักเอง อีกอย่างเสด็จแม่เป็นคนโทรมาสั่งการให้เตรียมห้องไว้ และแต่งตั้งตำแหน่งคู่หมั้นให้ผู้หญิงคนนั้นเสร็จสรรพเลย"
คำพูดกึ่งๆอารมณ์เสียขององค์ชายเรียกรอยยิ้มจากเจ้าชายราชวินทร์ องค์ชายรัชทายาทอันดับที่หนึ่งของอาณาจักรได้เป็นอย่างดี
"แล้วนายก็ยอมตามเสด็จแม่น่ะหรอ ปกติเห็นจะรู้ทันหลบหลีกได้ตลอด ทำไมคราวนี้ไม่ปฏิเสธไปล่ะ มันแปลกๆอยู่นา"
"ที่ผมไม่ปฏิเสธเพราะท่านแม่มัดมือชกตรัสเป็นกระแสรับสั่งลงมาต่างหาก อีกอย่างผมก็แค่อยากรู้ว่าผู้หญิงคนนั้นจะทำอะไรต่อ ถ้ารู้แล้วค่อยหาทางจัดการทีหลังก็ยังได้"
"อ๋อ แบบนี้แปลว่าอยากทำความรู้จักกับสาวเจ้านี่เอง ทำให้พี่อยากเห็นหน้าของผู้หญิงที่ทำให้น้องชายที่บ้างานของพี่สนใจจัง" คำพูดจสบายอารมณ์จากอีกฝั่งกลับทำให้คนฝั่งนี้ยิ่งหงุดหงิดเพิ่มขึ้น
"พี่จะคิดยังไงก็ตามใจ นี่โทรมาหาเพราะอยากล้อผมเท่านั้นน่ะหรอ"
"ใจเย็นน่า อย่าเพิ่งอารมณ์เสียสิ แล้วที่อารณ์เสียนี่เพราะพี่อยากเห็นหน้าสาวเจ้า หรือเพราะสาเหตุอื่นกันล่ะ"
"เจ้าชายราชวินทร์" คำเรียกเต็มยศ ทำให้รู้ว่าน้องชายเริ่มจะหมดความอดทนแล้ว ทำให้องค์ชายราชวินทร์พยายามหยุดการล้ออีกฝ่ายของตัวเองไว้ก่อน ยังมีโอกาสอีกนาน ค่อยๆแกล้งไปก็ได้
"จริงๆแล้ว นอกจากโทรมาเรื่องสาวของนาย พี่อยากปรึกษาเรื่องที่นายกำลังตามดูสถานการณ์น้ำทางภาคเหนือ เพราะตอนนี้พี่มาตรวจดูแนวทหารในเขตใกล้ๆกับเขื่อนพอดี เผื่อนายต้องการกำลังทหารไปช่วยบ้าง นายก็บอกพี่มาละกัน"
"ที่จริงช่วงนี้ผมก็ตามดูอยู่ คิดว่าถ้าไม่หนักหนามากก็จะพยายามผันน้ำลงไปด้านข้างของแม่น้ำเหมือนปกติ แต่ถ้าน้ำปีนี้มีมาก อาจจะขอยืมกำลังทหารของพี่มาช่วยชาวบ้านในพื้นที่ที่ต้องอพยพบ้างนะครับ" เมื่อเปลี่ยนเป็นการคุยกันในเรื่องงาน องค์ชายนรินก็พยายามจะทำตัวลืมๆเรื่องที่โดนล้อเลียนไว้ได้บ้าง
"พี่ก็หวังว่าปีนี้สถานการณ์จะไม่ย่ำแย่นัก และพี่ก็รู้ว่านายพยายามหาทางจัดการอยู่ สงสัยอยากจะจัดการให้เสร็จเรียบร้อยจะได้เอาเวลาไปสังเกตใครบางคนซะล่ะมั้ง ช่วงนี้ดูนายสนใจหลายเรื่องนะ"
คำพูดสื่อความนัยยิ่งทำให้องค์ชายนรินอยากไปลากคนพี่ชายตัวแสบมาจัดการซักที แต่ถ้าทำอย่างนั้นจริงคงต้องฝ่าด่านหน่วยรบทมิฬที่คอยพิทักษ์นายเหนือหัวอยู่ตลอดเวลาแน่นอน
"พี่ไม่กวนนายแล้ว ถ้ามีอะไรก็ติดต่อมาละกันนะ พี่คงอยู่ในเขตนี้อีกซักพัก" คำพูดที่เหมือนตัดบท ทำให้องค์ชายนรินเกือบจะวางสายอยู่แล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะได้ยินคำพูดที่เหมือนจะพูดของตัวเองอีกฝั่ง แต่ทำให้คนทางนี้คันไม้คันมือขึ้นมาทันที
"เฮ้อ เห็นทีพี่คงต้องเริ่มมองหาสาวซักคนไว้บ้างแล้วล่ะ เห็นน้องชายมีความสุขเราก็อยากจะมีบ้าง" คนเป็นพี่พูดเสร็จก็รีบวางสายไป ทิ้งให้คนเป็นน้องทำอะไรไม่ได้ ได้แต่ฮึดฮัดอยู่ในห้องคนเดียว
พี่ชายตัวแสบ ขอให้สาวที่จะมาเป็นองค์ราชินีคนต่อไปของแคว้นดุ และกำราบพี่ชายคนนี้ให้อยู่หมัดทีด้วยเถอะ และเค้าจะสนับสนุนทางด้านพี่สะใภ้โดยไม่ลังเลเลยทีเดียว
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น