ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : การพบหน้าอีกครั้งและข้อตกลง
หลังจากที่องค์ราชินีได้ตัดสินความเสร็จก็เสด็จออกไปแบบที่รติมาเรียกไว้ไม่ทัน คุณนมพิศลักษณ์คนสนิทขององค์ราชินีและผู้เลี้ยงดูองค์ชายที่รักยิ่งขององค์ราชินีทั้ง 3 พระองค์ตั้งแต่วัยเยาว์ก็เข้ามาพาหญิงสาวที่อยู่ในข่าวลือที่กระจายทั่ววังไปเก็บเสื้อผ้าและของใช้ และเดินนำรติมาไปยังพระตำหนักอินทุ พระตำหนักที่รติมาแทบจะไม่อยากเฉียดเข้าไปใกล้หลังจากเหตุการณ์วันนั้นอีกเลย
การเดินที่ช้าลงของหญิงสาว ทำให้คุณนมหันกลับมามองแต่ก็ไม่ได้เอ่ยสิ่งใดออกมา เพียงแต่เดินนำหญิงสาวที่ขัดพระเสาวนีย์ไม่ได้เดินตามมาอย่างช้าๆเท่านั้น
"ฝากเรียนองค์ชายหน่อยว่า คุณรติมาจะย้ายเข้ามาอยู่ที่นี่ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป"
"องค์ชายติดงานเกี่ยวกับสถานการณ์น้ำ และไปดูงานเขื่อนที่เขตอื่นตั้งแต่เมื่อเช้าแล้วขอรับ คาดว่าอีกหลายวันกว่าจะกลับ แต่ได้สั่งให้เตรียมห้องให้คุณรติมาเรียบร้อยแล้วขอรับ" มหาดเล็กเฝ้าหน้าทางเข้าพระตำหนักตอบ พร้อมกับแอบชำเลืองมองหญิงสาวที่เดินตามคุณนมมาด้านหลังด้วยท่าทีเหมือนเดินเข้าถ้ำเสือก็ไม่ปาน
แต่คนที่แปลกใจมากกว่ากลับเป็นหญิงสาวที่ไม่ค่อยได้สนใจบทสนทนาเท่าไหร่นัก เพราะมัวแต่คิดว่าจะทำอย่างไรกับเรื่องราวตรงหน้าที่เกิดขึ้นแบบไม่คาดคิดดี แต่ประโยคที่บอกว่าทรงสั่งให้เตรียมห้องตั้งแต่เมื่อเช้าทำให้หญิงสาวหลุดออกจากภวังค์ และหันกลับมามองอย่างไม่เชื่อสิ่งที่ได้ยิน ก็จะเป็นไปได้อย่างไรกัน พระเสาวนีย์เพิ่งมีมาเมื่อไม่ถึงชั่วโมงที่ผ่านมาเอง รติมาคิดอย่างประหลาดใจ
"ถ้าอย่างนั้นชั้นขอพาคุณรติมาไปที่ห้องพักเลยก็แล้วกันนะ ช่วยนำทางให้หน่อยจะได้มั้ย" คุณนมพิศลักษณ์ไม่ได้แสดงความรู้สึกแปลกใจอะไร เหมือนรู้อยู่แล้วว่ามหาดเล็กจะตอบแบบนี้ เพียงแต่เอ่ยเบาๆให้นำทางไปยังห้องพักที่ถูกจัดไว้เท่านั้น
ห้องที่นายทหารองค์รักษ์พาสตรีทั้งสองคนเป็นห้องชั้นบนที่อยู่ด้านฝั่งตะวันออกของตึก ในห้องมีเพียงเตียงลวดลายเรียบๆที่ตั้งอยู่มุมหนึ่งของห้อง ตู้เสื้อผ้า โต๊ะเครื่องแป้ง และประตูเล็กๆที่เชื่อมไปยังห้องน้ำเท่านั้น
รติมามองห้องใหม่ที่ตัวเองจะต้องมาอยู่ตั้งแต่นี้เป็นต้นไปด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย ทำไมกันนะ ทั้งๆที่คิดไว้ว่าอย่างน้อยก็ต้องโดนไล่ออกจากวังแท้ๆ ทำไมเหตุการณ์กลับตารปัดให้กลายมาเป็นแบบนี้ได้กันนะ
"ถ้าทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ดิชั้นขอตัวนะคะ"
คำพูดของคุณนมพิศลักษณ์ที่ดังขั้นมาขัดความคิดที่เริ่มจะไปไกลของหญิงสาว รติมาหันกลับไปมอง และเหมือนเจ้าตัวจะไม่รู้ว่า สายตาที่ส่งออกไปนั้นเกือบจะเป็นการอ้อนวอนขอให้คุณนมอยู่ต่อด้วยกัน
สายตาที่ส่งมาให้แบบนั้นทำให้คุณนมยิ้มให้หญิงสาวร่างบางที่ทำหน้าเหมือนยังไม่รู้ว่าจะจัดการกับสถานการณ์ตรงหน้ายังไงอย่างปลอบประโลม "ทำใจให้สบายเถอะค่ะ อยู่ที่นี่ก็ไม่น่าจะมีอะไรที่ต่างไปจากเดิมมากนัก ถ้ามีอะไรขาดเหลือสามารถแจ้งกับดิชั้นได้นะคะ เพราะพระองค์ท่านได้มอบหมายดิชั้นให้มาช่วยเหลือดูแลคุณ และจะเป็นคนฝึกคุณสมบัติกุลสตรีในด้านต่างๆให้เหมาะสมกับตำแหน่งพระคู่หมั้นให้คุณในทุกบ่ายหลังจากที่คุณเรียนเสร็จแล้วในช่วงเช้าด้วยค่ะ"
คำปลอบที่ทำให้รติมาเริ่มรู้สึกดีขึ้นบ้าง แต่ตอนช่วงท้ายๆนี่ฟังดูแปลกๆ การฝึกเป็นกุลสตรีเนี่ยนะ
"ฝึกกุลสตรีหรอคะ ทำไมหนูถึงต้องฝึกด้วยละคะ" น้ำเสียงรติมาที่ถามกลับดูขึ้นจมูกหน่อยๆ เหมือนจะลืมเรื่องที่ตนเองกังวลใจไปชั่วขณะ พร้อมกับความคิดที่ว่าเรานี่ไม่มีความเป็นกุลสตรีมากถึงขนาดที่องค์ราชินีให้ไปฝึกเพิ่มเติมหรืออย่างไรกัน
"เป็นพระบัญชาจากองค์ราชินีที่อยากจะให้คุณหนูได้ปรับปรุงคุณสมบัติให้เหมาะกับตำแหน่งคู่หมั้นขององค์ชายค่ะ จะได้ไม่มีใครครหาได้ และเป็นการที่จะทำให้ได้ทราบถึงอุปนิสัยขององค์รัชทายาทเพิ่มมากขึ้นด้วยค่ะ"
คำตอบที่ได้รับมายิ่งทำให้รติมาไม่เข้าใจเพิ่มขึ้นไปอีก แต่คุณนมไม่เปิดโอกาสให้ถาม เพียงแต่บอกว่าถ้ามีอะไรขาดเหลือก็ให้นายทหารเวรไปแจ้งได้ และเมื่อหมดธุระแล้วก็เดินกลับไปตึกใหญ่ โดยปล่อย "คู่หมั้นองค์ชาย" ที่ทำหน้าตาไม่มั่นใจอยู่ภายในห้องเพียงคนเดียว
หลายวันผ่านไปเจ้าของตำหนักก็ยังไม่กลับมาทำให้รติมาเริ่มที่จะใช้ชีวิตแบบสบายใจมากขึ้น จะว่าไปการไปเรียนตอนเช้าได้เหมือนเดิม และไปฝึกความเป็นกุลสตรีตอนบ่าย เช่น การทำอาหาร เย็บปักถักร้อย จัดดอกไม้ ก็สร้างความสนุกสนานให้หญิงสาวไม่น้อย ทำให้พอที่จะเมินต่อสายตาที่มองมาจากคนรอบข้างได้บ้าง ถึงแม้คุณนมจะเป็นครูที่เข้มงวดมาก แต่ไม่รู้ทำไมถึงรู้สึกได้ว่าคุณนมมีแต่ความหวังดีส่งมาให้กันนะ รติมาคิดระหว่างที่เดินกลับจากการเรียนทำอาหารในตอนเย็น พลางคิดว่าถ้ากลับถึงห้องแล้วจะได้อาบน้ำให้สบายตัวก่อนจะอ่านหนังสือเพื่อเตรียมตัวเรียนในวันพรุ่งนี้ต่อไป
ร่างบางที่เดินเข้ามาในห้องมัวแต่คิดถึงเรื่องราวที่ผ่านมาในวันนี้โดยไม่ได้ทันสังเกตว่ามีบุคคลอีกผู้หนึ่งที่อยู่ภายในห้องพักของเธอด้วย
"สายันต์สวัสดิ์ รติมา ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ"
คำทักทายที่ทำเอาร่างบางที่คิดอะไรเพลินๆถึงกับสะดุ้งเฮือก และมองไปที่ต้นตอของเสียงนั้น จนได้เจอกับเจ้าของตำหนักที่ยืนกอดอกมองมาด้วยดวงตาที่เข้มและดุจัด ที่ยืนพิงหน้าต่างราวกับรอเวลาที่จะได้เจอกันอยู่แล้ว
ด้วยความที่ไม่ทันได้ตั้งตัว และไม่ได้เตรียมใจว่าจะมาเจอกันในลักษณะแบบนี้ รติมาทำตามสัญชาตญาณตัวเองก่อนที่สมองจะสั่งการโดยการที่หมุนตัวไปทางประตูเพื่ออกไปจากห้องนี้ให้เร็วที่สุด
"ชั้นไม่นึกว่าเธอจะเป็นคนขี้ขลาดนะ และอีกอย่างเราควรที่จะได้พูดคุยกันบ้างไม่ใช่หรือ คุณคู่หมั้น"
คำพูดที่ตามหลังมา ทำให้รติมาต้องรวบรวมสติให้กลับมาอีกครั้ง และหันหลังไปเผชิญหน้ากับคนที่มองตรงมาด้วยสายตาที่รติมาไม่อาจอ่านออกได้ ชายหนุ่มร่างสูงที่แต่งกายด้วยชุดสีดำและสีหน้าที่ซ่อนในความมืดทำให้รติมาไม่สามารถอ่านสีหน้าของคนตรงหน้าได้เลย
ขณะที่รติมาหันมามองด้วยท่าทางที่ระแวดระวัง แต่องค์ชายนรินพียงแต่เดินผ่านหน้าหญิงสาวไป และไปนั่งที่เก้าอี้หน้าโต๊ะเครื่องแป้งที่มีเพียงตัวเดียวในห้อง รติมาไม่สามารถยืนในขณะที่องค์ชายนั่งได้ จึงจำใจต้องเดินไปนั่งที่ปลายเตียงด้วยท่าทางที่รักษาให้ดูเหมือนมีความมั่นใจไว้อย่างเต็มเปี่ยม
องค์ชายนรินมองท่าทางนั้นแล้วก็เหมือนจะยกริมฝีปากขึ้นเล็กน้อย แต่รอยยิ้มก็จางหายไปอย่างรวดเร็วก่อนที่จะพูดถึงเรื่องที่รติมาอยากที่จะหลีกเลี่ยงมากที่สุด และไม่เคยคาดคิดว่าจะต้องมานั่งคุยกันแบบนี้ด้วยซ้ำ
"ตั้งแต่วันนั้นเรายังไม่ได้คุยกันเลย ชั้นเลยยังไม่มีโอกาสได้ถามเธอถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบ้าง เลยอยากจะถามเธอให้เราได้เข้าใจตรงกันว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นจริงๆแล้วเป็นอย่างไรแน่"
รติมามองหน้าองค์ชายเพื่อที่จะค้นหาว่าทรงคิดอะไรอยู่ แต่ก็ไม่สามารถรู้ได้ ทำให้กลั้นใจถามไปว่า
"หม่อมชั้นคิดว่าพระองค์ทรงจำได้ซะอีก"
คำถามที่องค์ชายนรินยอมตอบแต่โดยดี
"จำได้สิ เพียงแต่ว่าอยากจะคุยกันเพื่อทำความเข้าใจเท่านั้น"
"ทรงจำได้!' เป็นรติมาเองที่ดูจะตกใจกับคำตอบที่ได้รับ
ท่าทางที่เหมือนแปลกใจนั้น ทำให้ชายหนุ่มหรี่ตามองอย่างจับผิด แต่ยังพูดต่อไปด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อย
"ทำไมชั้นจะจำไม่ได้ล่ะในเมื่อ 'เรา' ก็ต้องจำได้ทั้งคู่ไม่ใช่รึไง"
รติมาที่ตอนแรกมั่นใจว่าชายหนุ่มตรงหน้าไม่มีทางจำอะไรได้แน่เกิดความไม่มั่นใจขึ้นมาจนถึงกับพูดอะไรต่อไม่ถูก
"แล้วชั้นก็เป็นคนที่มีความรับผิดชอบ เธอไม่ต้องกังวลไป" คำพูดแสดงความรับผิดชอบที่จากสถานการณ์น่าจะเป็นสิ่งที่หญิงสาวตรงหน้าต้องการมากที่สุด แต่คำตอบที่ได้รับกลับต่างออกไป
"แต่หม่อมชั้นไม่ต้องการให้พระองค์รับผิดชอบ!" อีกครั้งที่รติมายั้งตัวเองไว้ไม่อยู่พูดแทรกออกไป แต่คำพูดนี้กลับทำให้ดวงตาที่เข้มจัดคู่นั้นเหมือนจะมองหญิงสาวด้วยดวงตาที่เข้มขึ้นไปอีก
"อย่างนั้นหรือ น่าแปลกนะ" องค์ชายนรินตรัสเพียงเท่านี้ก็ไม่ได้ตรัสสิ่งใดต่อ แต่คนที่ร้อนตัวกับเป็นหญิงสาวเสียเอง ยิ่งความเงียบที่ตามมายิ่งทำให้อึดอัดและเครียดว่าได้ทำอะไรให้ชายหนุ่มตรงหน้าสงสัยเพิ่มขึ้นอีกรึเปล่า
"แต่อย่างไรเรื่องก็มาถึงขั้นนี้แล้ว ชั้นก็หวังว่าเราจะสามารถอยู่ร่วมกันได้โดยไม่มีปัญหา และชั้นขอสั่งห้ามไม่ให้เธอไปที่ตึกด้านตะวันตก เพราะนั่นเป็นพื้นที่สวนตัวของชั้น"
แปลว่าต่างคนต่างอยู่ ไม่ให้ไปยุ่มย่ามที่ตึกฝั่งนู้นสินะ ก็ดี ใครเค้าจะอยากไปเจอหน้าคนที่มองมาเหมือนรู้ความคิดของเราทุกอย่างบ้างเล่า รติมาคิด แต่พอสบกับดวงตาที่มองมาแบบ ชั้นรู้นะว่าเธอคิดอะไร ของคนตรงหน้า ก็ได้แต่เบื้อนหน้าไปทางอื่นเท่านั้น
ความเงียบที่ได้รับ องค์ชายนรินถือว่าหญิงสาวตรงหน้าเห็นด้วยกับข้อตกลงนี้ จึงลุกขึ้นยืนเพราะเห็นว่าหมดเรื่องที่ต้องคุยแล้ว แต่นึกขึ้นได้อีกอย่างจึงหันกลับมาบอกกับรติมาว่า
"เราคงอยู่ด้วยกันได้อย่างสงบสุข ตราบใดที่เธอไม่สร้างปัญหานะ รติมา"
คำพูดกึ่งเตือนของเจ้าของตำหนักที่เสด็จออกไปแล้ว ทำให้ในฝันคืนนั้นรติมาได้แต่พลิกตัวกระสับกระส่ายได้ยินแต่เสียงที่ตามหลอกหลอนว่า ตราบใดที่เธอไม่สร้างปัญหา รติมา
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น