คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : ตอนที่ 2 -- บุรุษผู้มากับความมืด
ตอนที่ 2 - - บุรุษผู้มากับความมืด
“ฮีชอล ไม่เป็นไรนะ คิม ฮีชอล” คนถูกเรียกชื่อ พยักหน้า แม้ว่าร่างกายจะเต็มไปด้วยบาดแผล
“ฉันไม่เป็นไร แล้วนาย
“ฉันไม่เป็นไร เรารีบไปเถอะ เดี๋ยวพวกมันตามทัน” อีทึกบอก พยุงร่างฮีชอลไป
“อีทึก นายรีบหนีไป หนีไปซะ ไม่ต้องห่วงฉัน” ฮีชอลผลักเพื่อนรักออก
“ไม่ฮีชอล ฉันจะไม่ทิ้งนาย” อีทึกยืนยัน แววตามุ่งมั่น
“ไปซะ ฉันจัดการพวกมันได้” ฮีชอลพูด ลุกขึ้นยืน แววตาเด็ดเดี่ยว ก่อนจะผลักอีทึกกระเด็นไปไกล
ฉึก!
ลูกธนูดอกหนึ่งปักลงที่กลางหลังของฮีชอล ร่างบางค่อยๆดึงมันออก เลือดสีแดงพุ่งออกจากบาดแผล
“ฮีชอล!” ซีวอนตะโกนลั่น สะดุ้งตื่นขึ้นมา เหงื่อเกาะเต็มหน้า
“คิดมากจนเก็บเอาไปฝันเลยหรอเนี่ย” ซีวอนพึมพำ มือกุมขมับ คิดถึงความฝันเมื่อครู่
คนที่นอนอยู่หน้าบ้านเขา หน้าตาเหมือนคนที่บาดเจ็บในฝัน ชื่อ ฮีชอล คิม ฮีชอล บาดเจ็บในลักษณะเดียวกัน บ้าน่า! เขาคิดมากจนเก็บเอาไปฝันเลยหรอ
“ให้ตายสิ ตื่นสายอีกจนได้ ดงแฮได้ด่าเอาอีกตามเคย” ร่างสูงลุกขึ้นจากที่นอน ก่อนจะอาบน้ำแต่งตัว และลงไปข้างล่าง
‘พี่ซีวอน วันนี้ผมกลับดึกนะ ผมจะอยู่ติวหนังสือให้ฮยอกแจ ข้าวเย็นหาทานเองนะ ^ ^’
“ตลอดเลย ไอ้น้องคนนี้”ร่างสูงพำพึม เมื่ออ่านโน้ตที่ดงแฮแปะไว้ที่ตู้เย็น
Life could get Better Oh~~~
เสียงโทรศัพท์สีดำขลับดังขึ้น
“สวัสดีครับ”ซีวอนกรอกเสียงลงไป
‘คุณซีวอนครับ รีบมาที่โรงพยาบาลด่วนเลยครับ ตอนนี้คนไข้อาการแย่มาก’
“ครับๆ เดี๋ยวผมจะรีบไป” ซีวอนบอก ก่อนจะรีบสตาร์ทรถ แล้วเหยียบคันเร่งจนมิด มุ่งหน้าไปที่โรงพยาบาลทันที
“คุณพยาบาลครับ เขาเป็นไงบ้าง” ซีวอนถามทันทีที่วิ่งมาถึงห้องไอซียูที่ฮีชอลนอนอยู่
“อาการทรุดหนักเลยค่ะ ตอนนี้หมอกำลังปั๊มหัวใจให้คนไข้อยู่”พยาบาลสาวบอก ก่อนจะเข้าไปสมทบในห้อง
“พร้อมนะ 3....2....1....เรียก”เสียงหมอวัยกลางคนให้สัญญาณ ก่อนที่หมออีกคนจะลงมือปั๊มหัวใจ
“ไม่เปลี่ยนแปลงค่ะ”เสียงพยาบาลสาวรายงานผล
“เอาใหม่ 3....2...1 เรียก...”
ติ๊ดด.....ติ๊ดด....ติ๊ดดด.....ติ๊ดดดดดดดดดดดด
“หมอคะ คนไข้หยุดหายใจแล้วค่ะ”เสียงพยาบาลสาวบอก
“อีกครั้งนะ 3...2....1 เรียก”
“ฮีชอล ตื่นสิ”เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้น ร่างบางค่อยๆลืมตาขึ้น ท่ามกลางแสงสีขาว
“อีทึก ฉันคิดถึงนายจัง” ร่างบางกระโดดกอดเพื่อนรักที่ยืนอยู่ตรงหน้า
“ฉันก็คิดถึงนาย ฮีชอล แต่นายควรกลับไป”อีทึกบอก ฮีชอลทำหน้างง
“ไปไหน??”ร่างบางเอียงคอถาม
“ไปในที่ที่นายควรจะอยู่ ในตอนนี้”อีทึกบอก ก่อนจะผลักร่างบางออกไป แล้วแสงสว่างจ้าบาดตาก็เกิดขึ้น ร่างบางที่อยู่ตรงนั้นก็หายไปทันที
“3....2...1 เรียก”เสียงหมอวัยกลางคนให้สัญญาณ
ติ๊ดดดดดดดดดดดด......ติ๊ดด....ติ๊ดด.....
“คนไข้หายใจแล้วค่ะหมอ”พยาบาลสาวบอก เจ้าหน้าที่ที่อยู่ในห้องต่างพากันถอนหายใจ
“หมอครับ ฮีชอลเป็นไงบ้าง” ร่างสูงถาม ทันทีที่หมอเปิดประตูห้องออกมา
“ตอนนี้ คนไข้อาการทรงตัวแล้วครับ แต่ยังไม่ได้สติ หมอต้องขอดูอาการก่อนจะครับ”
“แล้วเขาจะฟื้นมั้ยครับ”
“หมอยังให้คำตอบไม่ได้ครับ คนไข้ได้รับบาดเจ็บมาก อีกอย่าง สมองของคนไข้ก็ได้รับความกระทบกระเทือนอย่างหนัก เราคงต้องรอให้เกิดปาฏิหาริย์เท่านั้นแหละครับ” หมอบอก “เดี๋ยวหมอขอตัวก่อนนะครับ”
ร่างสูงทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้ ปาฏิหาริย์หรอ... ปาฏิหาริย์มันเกิดขึ้นบ่อยๆซะที่ไหนกัน
....พระผู้เป็นเจ้า....ช่วยเขาด้วย...
....ช่วยให้ คิม ฮีชอล ฟื้นขึ้นมาที....
“ไง ไปเที่ยวมาสนุกมั้ย”เสียงทุ้มดังขึ้น ขณะที่ตาคู่สวยค่อยๆลืมตาขึ้นมา.
“ดีกว่านั่งคุยกับนายก็แล้วกัน”อีทึกพูด คังอินยิ้มอย่างไม่ทุกข์ร้อนอะไร
“ก็ดี เอาล่ะ ไหนๆนายก็ทำตัวดีมาหลายวันแล้ว ฉันจะแก้มัดนาย”คังอินบอก ดีดนิ้วหนึ่งครั้ง เชือกที่พันธนาการคนตาสวยอยู่ก็หลุดออกมาอย่างง่ายดาย
“ขอบพระคุณอย่างสูง” อีทึกประชด ลุกขึ้นเหยียดแข้งเหยียดขา
“ไม่เป็นไรๆ อ้อ ถ้าจะหนีก็เอาเลยนะ ตามสบาย แต่ จะบอกอะไรให้นะ นายน่ะ หนีฉันไม่พ้นหรอก” คังอินบอก แล้วเดินออกจากห้องไป ทิ้งให้อีทึกพึมพำอย่างหัวเสียอยู่ในห้อง
ครืดๆๆ...
เสียงโทรศัพท์สีดำขลับสั่นอยู่ในกระเป๋ากางเกง ดงแฮค่อยๆคลำหา ก่อนจะกดปุ่มรับสาย
“นี่ดงแฮ นายอยู่ไหน” เสียงเพื่อนรักของเขาดังลอดสายมา จนเขาต้องเอาโทรศัพท์ออกจากหู เพื่อไม่ได้หูของเขาพังซะก่อน
“อยู่ในสวนหลังตึกวิทย์”ดงแฮบอกเสียงเนือยๆ
“นี่นายจะโดดวิชาประวัติศาสตร์อีกแล้วใช่มั้ย”
“ก็มันน่าเบื่อนี่ ฮยอกแจ นายก็น่าจะรู้นี่ ที่อาจารย์สอนตอนนี้ มีแต่เรื่องบ้าบอทั้งนั้น” ดงแฮ บอก ก่อนจะพลิกตัว จากนอนคว่ำ เป็นนอนหงาย
“แต่ยังไงนายก็ต้องมานะ เพราะพรุ่งนี้อาจารย์จะสอบ”ฮยอกแจบอก
“งั้นฉันฝากโน้ตด้วยนะ ขอบใจ”พูดจบก็กดวางสายทันที
แดดที่ร้อนแรงยังส่องลงมาไม่หยุด อากาศที่ร้อนทำให้ดงแฮแทบจะเป็นลม ถ้าไม่ติดว่าเขาเกลียดวิชาประวัติศาสตร์เข้าไส้ ป่านนี้ เขาคงได้นั่งตากแอร์เย็นๆในห้องเรียน หรือไม่ ก็คงได้ทดลองอะไรสนุกๆในห้องวิทยาศาสตร์
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาโดดเรียนวิชาประวัตศาสตร์ เขาโดดวิชานี้มาจนนับไม่ถ้วน ทำให้คะแนนสอบของเขาไม่ค่อยดี ถ้าไม่คาบเส้นผ่าน ก็เกือบผ่าน ทำให้เขาได้สอบซ่อมอยู่บ่อย ถ้าไม่ได้โน้ตที่ฮยอกแจย่อไว้ให้ ป่านนี้เขาคงซี๊แหงแก๋คาห้องสอบไปแล้ว
“อีกแค่ 10 นาทีน่า ดงแฮ ทนหน่อยแล้วกัน” ดงแฮพึมพำกับตัวเอง ตอนนี้ เริ่มมีลมเย็นพัดมาเอื่อยๆ จนทำให้เขาเผลอหลับไป
“ในยุคนั้น เชื่อกันว่า ผู้ใดที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นแม่มด จะถูกจับเผาให้ตายทั้งเป็น....” เสียงบรรยายดังขึ้นมาเป็นระยะๆ นักเรียนที่นั่งเรียนต่างจดกันอย่างรวดเร็วจนมือเป็นระวิง แต่ที่หนักที่สุดคงเป็นลี ฮยอกแจ ที่ต้องจดถึงสองเล่ม สำหรับลี ดงแฮ เพื่อนรักของเขาที่เข้าเรียนวิชานี้นับครั้งได้
“ เอาล่ะ เรื่องนี้จบแค่นี้ พรุ่งนี้ ครูจะสอบ ขอให้นักเรียนทบทวนให้ดีๆ ไปเรียนคาบต่อไปได้...”พูดจบ อาจารย์ก็เก็บของเดินออกจากห้องไป นักเรียนทุกคนต่างทยอยออกจากห้องทีละคน จนเหลือแค่ ฮยอกแจ
“ฮัลโหลดงแฮ นี่หมดคาบแล้วนะ ไปเรียนวิชาต่อไปได้แล้ว”ฮยอกแจกรอกเสียงลงใส่โทรศัพท์สีขาว
“โอเคๆ ขอบใจนะ”เสียงงัวเงียของเพื่อนรักดังลอดสายมา ฮยอกแจกดวางสายก่อนจะเดินไปที่ตึกวิทย์เพื่อเรียนวิชาเคมี
“เฮ้ ฮยอกแจ วันนี้อาจารย์สอนเรื่องอะไร” ดงแฮเดินเข้ามากอดคอฮยอกแจแล้วเดินขึ้นบันไดไปด้วยกัน
“เรื่อง งี่เง่าสำหรับนายน่ะ”ฮยอกแจบอก หยิบสมุดโน้ตให้ดงแฮ ดงแฮมองก่อนจะหัวเราะออกมา
“ฮ่าๆ มันจะบ้ากันไปใหญ่ งมงายไม่เข้าเรื่อง..”ดงแฮพูด เปิดดูเนื้อหาผ่านๆ.ก่อนจะยัดสมุดใส่ลงในกระเป๋า “ขอบใจนายจริงๆ ถ้าไม่มีนาย ฉันตายแน่”
“อืมๆ ไม่เป็นไร พ่อนักวิทยาศาสตร์ เชื่อเฉพาะเรื่องที่พิสูจน์ได้”ฮยอกแจพูด ดงแฮหันมาค้อนให้ ก่อนจะหัวเราะออกมา
ชีวิตเด็กม.6 ของดงแฮและฮยอกแจก็ไม่ได้ต่างจากเพื่อนร่วมห้อง แล้วต่างห้องเลย ทุกคนต่างเตรียมตัวกันอย่างเต็มที่เพื่อเข้าสอบเรียนต่อในระดับอุดมศึกษา ว่างๆก็นั่งอ่านหนังสือในห้องสมุด หรือแบกการบ้านกองโตมาทำ บ้างก็นั่งเขียนรายงาน เป็นกิจวัตรประจำวัน
“นี่ดงแฮ นายจะไปไหนต่ออ่ะ” ฮยอกแจถาม เมื่อเสียงกริ่งบอกเวลาเลิกเรียนดังขึ้น
“ไม่รู้สิ ไปที่ร้าน Coffee&Drink. แหละมั้ง ทำไมหรอ” ดงแฮตอบ เก็บหนังสือเคมีเล่มโตใส่กระเป๋า
“ฉันกำลังจะชวนนายไปที่นั่นเหมือนกัน กะให้นายไปติวแคลคิวลัสให้หน่อย” ฮยอกแจบอก ดงแฮพยักหน้ารับ
“ไปสิ” แล้วทั้งสองก็เดินตรงไปที่เป้าหมายทันที
“นี่ นายแก้สมการตัวนี้ก่อน ไม่งั้นล่ะก็ นายได้ฉีกสมุดเล่มนี้ทิ้งแน่”ดงแฮบอก ฮยอกแจพยักหน้าหงึกหงัก
“แล้วทำไงต่ออ่ะ”ฮยอกแจเงยหน้าไปถาม ก่อนจะเหลือบดูนาฬิกา “ตายแล้ว ดงแฮ นี่มัน 4 ทุ่มแล้วนี่ ฉันว่าเรากลับก่อนดีกว่า ดึกแล้ว”
“เอางั้นหรอ ก็ได้”ดงแฮพูด เก็บของใส่กระเป๋า “เจอกันพรุ่งนี้ บาย”
“อื้ม” แล้วทั้งสองก็แยกทางกัน ดงแฮอ่านโน้ตวิชาประวัติศาสตร์ที่ฮยอกแจย่อไว้ให้ระหว่างเดินกลับบ้าน
“เหอะๆ งมงายสิ้นดี”ดงแฮปิดสมุดเสียงดังทำลายความเงียบ ถนนทอดยาวไม่มีที่สิ้นสุด ดงแฮเดินท่ามกลางความมืดและเงียบ มีเพียงแสงไปสลัวๆพอมองเห็นทางเท่านั้น
กึกๆ
เสียงอะไรบางอย่างดังอยู่ในพุ่มไม้ ดงแฮหันไปมอง พุ่มไม้นั้นสั่นไหวราวกับมีอะไรบางอย่างอยู่ตรงนั้น ร่างเล็กจ้องเขม็งเพื่อดูว่าสิ่งนั้นคืออะไร แล้วเขาก็ต้องตกใจเมื่อรู้ว่าสิ่งนั้นคือ..
คน... ตาสีแดง มีเขี้ยว......
กำลังดูดเลือดคนอีกคน ที่เหมือนว่าจะตายไปแล้ว.....
ดงแฮอ้าปากค้างด้วยความตกใจ อะไรกัน มันบ้าไปแล้ว คิดว่าตัวเองเป็นผีดูดเลือดรึไง ดงแฮหายใจเข้าลึกๆ มองสิ่งที่อยู่ตรงนั้นให้แน่ใจ แต่เหมือนคนที่ถูกมองจะรู้ตัว มันหันมามองดงแฮ ริมฝีปากที่เปื้อนเลือดเหยียดยิ้มอย่างหิวกระหาย เผยให้เห็นเขี้ยวอันแหลมคม
ดวงตาของดงแฮเบิกกว้างอย่างตกใจ เมื่อเห็นคนที่กำลังดูดเลือด กำลังเดินตรงมาที่เขา
วิ่ง!!
คำแรกที่ผุดขึ้นในหัว อยากจะร้อง แต่เสียงเหมือนถูกกลืนลงท้องแล้วหายไป ร่างเล็กวิ่งสุดชีวิต เขาไม่รู้ว่าสิ่งที่เห็นคืออะไร ไม่รู้ทำไมต้องวิ่ง แต่ที่แน่ๆ เขารู้ว่าเขากำลัง กลัว! กลัวสิ่งที่เห็นเมื่อครู่ ทั้งคนตาย เลือด.... นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันวะ....
“หวังว่าคงจะไม่ตามมานะ”ร่างเล็กพูด เหนื่อยจากการวิ่ง เขาไม่เคยวิ่งเร็วและนานขนาดนี้มาก่อน อีกไม่กี่ร้อยเมตรก็ถึงบ้านแล้ว
“คงงั้น”เสียงทุ้มดังขึ้นจากข้างหลัง ร่างเล็กหอบหายใจ ก่อนจะสูดลมเข้าไปเต็มปอด
“ก็ดี”ร่างเล็กพูด “เอ๊ะ!” เพิ่งนึกได้ เรามาคนเดียวนี่หว่า.....
“เฮ้ย!!” ร่างเล็กตะเบ็งเสียงออกมา เมื่อหันหลังไปเห็นบุคคลอีกบุคคลหนึ่ง
ตาสีแดงส่องสว่าง ปากสีแดงสดเพราะเลือด คราบเลือดเปื้อนที่มุมปากและเสื้อผ้า ใช่เลย
“ตกใจอะไร” คนตรงหน้าเลิกคิ้วถาม มองคนหัวเล็ก แววตาเต้มไปด้วยความหิวกระหาย
.
.
มาอัพอีกตอนแล้วจ้า
เป็นไงมั่ง เรื่องนี้
ไม่ดีตรงไหน ติชมได้น๊าาาา
ยังไงก็ ขอผู้ที่เข้ามาอ่าน
ช่วย เม้น +โหวตให้ด้วยนะ
.
.
.
ความคิดเห็น