คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #20 : ตอนที่ 18
“คิบอม นายเรียกฉันมามีอะไรหรอ” เสียงทุ้มเอ่ยเนือยๆ เหมือนกับเบื่ออะไรบางอย่าง
“ฉันได้กุญแจดอกนั้นมาแล้ว ฮันคยอง” คิบอมบอก ชูกุญแจดอกนั้นให้ฮันคยองดู ฮันคยองมองด้วยความสงสัย
“แล้วไง??” ฮันคยองถาม มองคิบอมอย่างไม่เข้าใจ
“นึกแล้วนายต้องพูดแบบนี้... นี่เป็นภารกิจใหม่ของเรา..”คิบอมบอก ฮันคยองพยักหน้าสองสามที
“เอามันไปคืนเจ้าของงั้นสิ” ฮันคยองต่อ คิบอมพยักหน้าเป็นเชิงว่า ใช่แล้วว
“ก็ดี.. ฉันตั้งใจว่า เสร็จงานนี้ฉันจะแก้แค้น หลอกให้เจ้าเด็กนั่นตายใจมานานเกินพอแล้ว” ฮันคยองพูด รอยยิ้มชั่วร้ายแบบที่นานๆคิบอมจะได้เห็นปรากฏขึ้น
“สงครามใกล้จะเริ่ม ฝ่ายนั้นพึ่งจะประกาศสงครามกับเราเมื่อไม่กี่วันมานี้” คิบอมบอก
“งั้น... เอาไว้ฉันพอใจแล้วฉันจะกลับมาช่วย” ฮันคยองบอก คิบอมพยักหน้า
“หรือไม่ นายก็ควรเอาเจ้านั่นมาขังไว้ที่นี่ก่อน พอเสร็จสงคราม นายค่อยแก้แค้น”คิบอมเสนอความคิดเห็น ฮันคยองยิ้มเหมือนพอใจ
“เป็นความคิดที่ดี แล้วฉันจะคิดดู... ว่าแต่ นายจะไปที่นั่นเมื่อไหร่” ฮันคยองยิ้ม ก่อนจะยิงคำถามใส่คิบอม
“คืนวันนี้... ฉันอยากให้เร็วที่สุด เพราะยิ่งกุญแจดอกนี้ออกมาแล้ว อันตรายก็ยิ่งเพิ่ม.. คนที่จะตายน่ะ จะกลายเป็นเราสองคน”คิบอมบอก ฮันคยองพยักหน้า
“งั้นฉันไปนอนก่อนนะ... จะไปแล้วก็ปลุกฉันด้วย อยู่บ้านเจ้าซีวอนนั่น น่าเบื่อเป็นบ้าเลย” ฮันคยองพูด ก่อนจะโบกมือลาคิบอม
“ฮันคยอง” เสียงทุ้มเรียกพลางสะกิดเพื่อนที่นอนหลับเป็นตายของบนเตียง
“...” ไร้เสียงตอบรับจากคนที่นอนหลับ
“ฮันคยอง!”คิบอมเรียกเสียงดังกว่าเดิม แต่เจ้าของชื่อก็ยังคงหลับต่อไปอย่างไม่สนใจใคร
“ฮันคยอง!!!” คิบอมตะโกนใส่หูสุดเสียง ถึงกระนั้นฮันคยองก็ไม่รู้สึกตัว “ให้ตายสิ! มันหลับหรือตายวะเนี่ย”
ตุ้บ!
“โอ๊ย!” เสียงร้องดังตามขึ้นมาทันที เมื่อความอดทนสิ้นสุด คิบอมจึงตัดสินใจใช้ไม้ตายสุดท้าย
“ตื่นแล้วหรอ” คิบอมถามพลางสวมรองเท้า
“เออดิ.. ถีบมาได้ เจ็บนะเฟ้ย!” ฮันคยองว่า พลางปัดฝุ่นออกจากเสื้อผ้า คิบอมยิ้มอย่างพอใจ ก่อนจะเดินไปที่ประตู
“นี่มันจะ 4 ทุ่มแล้ว... รีบไปกันเถอะ ฉันขี้เกียจไปปลุกเจ้าราชานั่นอีก” คิบอมพูด ก่อนจะเดินนำออกไป
ท่ามกลางความเงียบสงัดในตอนกลางคืน แสงไปสุดท้ายของยามราตรีได้ดับลงเมื่อเจ้าของห้องลืมตาแทบจะไม่ขึ้น ร่างสูงล้มตัวนอนบนเตียงโดยไม่ลืมที่จะห่มผ้าตามนิสัย ตาค่อยๆปิดลงช้าๆ โดยไม่ได้รู้ตัวเลยว่า ต่อไปจากนี้ ชีวิตของเขาจะเปลี่ยนไป
“เพราะนายเลยนะเนี่ย... เจ้านั่นมันนอนแล้วเห็นมั้ย” คิบอมหันไปว่าเพื่อนเมื่อมาถึงที่หมาย เขามาช้าไปนิดเดียว
“เอาน่า... ไฟพึ่งจะปิด มันคงยังไม่หลับหรอก” ฮันคยองพูด
“งั้นเรามาเล่นอะไรสนุกๆปลุกเจ้าของห้องนั้นกันดีกว่า” คิบอมยิ้ม ฮันคยองหันไปมองคนข้างๆอย่างสงสัย ก่อนจะยิ้มออกมาในแบบเดียวกัน
ตุ๊บๆๆ!
“อื้อ...”ร่างสูงครางอย่างรำคาญ ก่อนจะค่อยยันตัวนั่งบนเตียง มือคลำหาสวิตซ์ไฟที่อยู่หัวเตียงก่อนจะกดเปิดมัน
ไม่มีอะไร!
เสียงเคาะประตูระเบียงเมื่อกี๊... สงสัยเขาจะหูฝาด
“เฮ้อ... หลอนซะแล้วเรา” ชายหนุ่มถอนหายใจ ก่อนจะปิดไฟ แล้วนอนลงอีกครั้ง
ตุ้บๆ!
“อะไรกันนักหนาวะ” ชายหนุ่มสบถอย่างหัวเสีย พลางเปิดไฟก่อนจะเดินไปที่ประตูระเบียงแล้วเปิดมันออก
“บ้าจริง! นี่มันอะไรกันเนี่ย” ชายหนุ่มถอนหายใจอย่างอารมณ์เสีย เมื่อมองออกไปนอกระเบียงแต่กลับไม่เห็นใครแม้แต่คนเดียว
ชายหนุ่มปิดประตูระเบียงสียง ก่อนจะล็อคประตูแล้วหันหลังกลับ ตั้งใจจะหยิบหูฟังจากลิ้นชักเพื่อปิดเสียงจากภายนอก แล้วนอนให้ฉ่ำใจ แต่สิ่งที่เห็นตรงหน้า กลับทำให้เขาก้าวไม่ออก
“พวกนาย เข้ามาได้ยังไง”ชายหนุ่มถาม มองสองบุรุษตรงหน้าด้วยความตกใจ
“ไม่ต้องกลัวน่า พวกเรามาดีนะ” ฮันคยองบอก ยิ้มให้คนตรงหน้าอย่างเป็นกันเอง
“นี่นาย รู้จักกันด้วยหรอเนี่ย... ฉันคิดว่าฉันรู้จักคนเดียวซะอีก” คิบอมหันไปถามเพื่อนด้วยความสงสัย แต่กระนั้นก็ยังยิ้มอยู่
“ฮันคยอง นายรู้จักเจ้านี่ด้วยหรอ”ชายหนุ่มถาม ตอนนี้เขาสับสน มันเกิดอะไรขึ้น ทำไม คนที่เขาคิดว่าไว้ใจได้ กลับไปรู้จักกับคนที่พาตัวน้องชายของเขาไป
“ใจเย็นน่า ซีวอน..”ฮันคยองบอก “วันนี้พวกเรามาดีจริงๆนะ”
“มีอะไร” ซีวอนพูดเสียงเย็น พยายามข่มใจไม่ไห้กลัว มองสองคนตรงหน้าอย่างไม่ไว้ใจ
“ฉันแค่จะพานายกลับบ้าน” คิบอมพูด ซีวอนคิ้วขมวดเข้าหากันด้วยความสงสัย
“นายหมายความว่าไง.. พาฉันกลับบ้านงั้นหรอ” ซีวอนถาม ค่อยๆถอยหลังไปช้าๆ
“ใช่... กลับไปยังที่ๆนายจากมาไงล่ะ” คิบอมพูด ก้าวเท้าเข้าไปหาซีวอนช้าๆ ซีวอนค่อยๆถอยไปจนชิดประตูระเบียงที่เขาพึ่งล็อคไปเมื่อครู่
“ฉันไม่เข้าใจที่นายพูด” ซีวอนพูด ค่อยๆเอื้อมมืออันสั่นเทาปลดล็อคประตูอย่างเบามือ เพื่อไม่ให้ทั้งสองได้ยินเสียง
กริ๊ก!
ประตูระเบียงถูกเปิดออกอย่างรวดเร็ว ซีวอนหันหลัง เตรียมพร้อมที่จะกระโดดลงไป แต่ที่ริมระเบียง ฮันคยองได้นั่งคอยอยู่แล้ว
“มันสูงนะ... เกิดแข้งขาหักมาจะลำบากเอา” ฮันคยองพูด ยิ้มกว้างให้กับซีวอนอย่างเป็นมิตร
ซีวอนค่อยๆถอยหลังกลับเข้ามาในห้องช้าๆ ตอนนี้ เขาถูกปิดล้อมจากสองบุรุษผู้บุกรุกมาในยามวิกาล
“ฉันเริ่มหิวแล้วล่ะ คิบอม... รีบๆเถอะ” ฮันคยองบอก คิบอมพยักหน้า ก่อนจะล้วงเข้าไปในกระเป๋าเสื้อของตัวเอง แล้วหยิบกุญแจดอกนั้นขึ้นมา
คิบอมโยนกุญแจดอกนั้นให้ซีวอน ซึ่งเขารับมันได้อย่างแม่นยำ
ทันทีที่กุญแจสีเงินสัมผัสกับมือของเขา แสงสว่างบาดตาสว่างวาบไปทั่วห้อง ที่พื้นห้องปรากฏวงแหวนเวทย์ที่มีลวดลายสลับซับซ้อน
“อ๊ากส์” ซีวอนกรีดร้องอย่างทรมาน ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งกับพื้น ภาพเหตุการณ์ต่างๆหลั่งไหลเข้ามาสู่สมองของเขาเป็นฉากๆ ราวกับภาพยนตร์ที่กำลังฉาย
‘ข้าจะทิ้งความทรงจำของข้าไว้กับเจ้า ขอให้เจ้ารักษามันไว้ให้ดี’
แสงสว่างดับลงไป เหลือแต่เพียงแสงสว่างจากหลอดไฟภายในห้องเท่านั้นที่สะท้อนดวงตาสีนิลดวงเดิม หากแต่บัดนี้ ดวงตาคู่นั้นฉายแววตาที่เรืองรองไปด้วยอำนาจ และความแข็งแกร่ง
“ไม่ได้เจอกันซะนานเลยนะ... คิบอม” ซีวอนทักด้วยเสียงอันนุ่มนวล หากแต่เต็มไปด้วยพลัง
“นั่นสินะ.. นานเลย” คิบอมยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย
“เฮ้ๆ.. ลืมฉันได้ไงเนี่ย ทำเหมือนพวกนายรู้จักกันแค่ 2 คน” ฮันคยองทักมาจากด้านหลัง ซีวอนหัวเราะเบาๆ ก่อนจะหันกลับไปยิ้มให้ฮันคยอง
“ไม่ได้เจอกันนาน ไม่เปลี่ยนเลยนะนาย” ซีวอนทัก ฮันคยองถอนหายใจ ก่อนจะเบ้ปากเล็กน้อยอย่างขัดใจ
“ทักงี้ไม่ต้องทักกันเลย... ไปเถอะคิบอม ฉันหิวจนไส้แทบขาดแล้ว” ฮันคยองว่า ก่อนที่ปีกสีดำจะกางออก
“ฮ่าๆ... ขี้งอนเหมือนเดิมด้วย” คิบอมว่า พร้อมกับหัวเราะเบาๆ
“นี่ นายน่ะ ไม่คิดจะพาฉันกลับเลยรึไง หา!” ซีวอนตะโกนไล่หลังฮันคยองที่บินจากไปโดนไม่อำลา
“เป็นหน้าที่ฉันอีกตามเคยสินะ” คิบอมบ่นอุบ พร้อมกับกางปีกออก แล้วบินร่อนขึ้นไปบนท้องฟ้า โดยที่มีซีวอนเกาะอยู่ข้างหลัง
เพล้ง!
“บ้าจัง.. หล่นลงไปได้ไงเนี่ย” ร่างเล็กของฮยอกแจ มองดูแก้วที่แตกกระจายเต็มพื้น ก่อนจะก้มลงเก็บเศษแก้ว
“หวังว่าคงจะไม่มีเรื่องอะไรอีกนะ”
“แต่ฉันไม่คิดว่าจะเป็นอย่างนั้นหรอกนะ” เสียงของคนที่คุ้นเคยดังขึ้น ฮยอกแจทำหน้ามุ่ย ก่อนจะถอนหายใจ
...นึกว่ามันจะตายไปแล้วซะอีก...
“คนที่ควรจะตายน่ะ... น่าจะเป็นนายมากกว่านะ”ฮันคยองยิ้ม พร้อมกับหยิบเศษแก้วชิ้นที่ใหญ่ที่สุดขึ้นมา
“นายหมายความว่าไง... นายคิดจะฆ่าฉันรึไง” ฮยอกแจพูด มองเศษแก้วชิ้นนั้น ถึงภายนอกจะดูไม่หยี่หระอะไร แต่ลึกๆ เขาก็หวั่นๆอยู่เหมือนกัน...
“หึ... นายน่ะ มันไม่เหมาะที่จะตายดีๆหรอก รู้มั้ย”ฮันคยองว่า กำเศษแก้วจนเลือดไหล เลือดสีแดงสดไหลเป็นทางลงบนพื้นห้อง
“แล้วฉันเหมาะจะตายแบบไหนล่ะ” ฮยอกแจถาม มือเรียวเตรียมจับมีดเงินที่เขาซ่อนไว้ในเข็มขัด
“ตายทั้งเป็นไงล่ะ” ฮันคยองว่า คลายมือที่กำเศษแก้วออก เผยให้เห็นบาดแผลที่เกิดขึ้น เลือดสีแดงยังไหลไม่หลุด แต่ชายหนุ่มไม่สนใจ ชายหนุ่มดึงเศษแก้วที่ยังปักมืออยู่แล้วชูขึ้น
ฮยอกแจลุกขึ้นยืน มองคนตรงหน้าด้วยความระมัดระวังมือเรียวกำมีดสั้นแน่นยิ่งขึ้นกว่าเดิม
ไวเท่าไฟกระพริบ เศษแก้วที่อาบไปด้วยเลือดของฮันคยองก็เฉียดแก้มเนียนใสของฮยอกแจไป เลือดสีแดงซึมออกมาตามปากแผล ฮันคยองยิ้มมุมปากน้อยๆอย่างพอใจ ก่อนจะอาศัยช่วงที่ฮยอกแจกำลังอึ้งปนตกใจปักเศษแก้วอันเดิมลงที่ไหล่ซ้ายของฮยอกแจ แล้วฟาดท่อนแขนลงที่ท้ายทอย
ฮันคยองอุ้มร่างเล็กที่นอนนิ่งกับพื้นขึ้น ก่อนจะเดินไปที่ระเบียง พร้อมกับกางปีกออก แล้วทะยานสู่ท้องฟ้าอันมืดมิด
“อื้อ..” เสียงหวานครางในลำคอ พร้อมกับขยับตัว หากแต่ตอนนี้ ข้อมือและข้อเท้าถูกพันธนาการด้วยเชือก
ฮยอกแจค่อยๆลืมตาขึ้นมา ก็พบว่าตนเองอยู่ในห้องที่ที่ค่อนข้างมืด มีเพียงแสงสว่างจากตะเกียงที่ติดอยู่บนเพดานเท่านั้นที่ส่องพอให้เห็นข้าวของภายในห้องได้รางๆ
“บ้าชิบ! โดนมันเล่นงานจนได้” ฮยอกแจสถบเบาๆ กัดริมฝีปากแน่น พยายามดิ้นสุดแรงเพื่อให้หลุดจากการพันธนาการนี้
“ที่นี่ยังไม่เปลี่ยนเลยนะ” ซีวอนเอ่ย สายตากวาดมองบริเวณรอบๆ พร้อมกับรอยยิ้มบางๆ
“ที่นี่น่ะยังไม่เปลี่ยนหรอก แต่ที่ศูนย์กลางน่ะ เปลี่ยนแล้ว” คิบอมบอก พลางเปิดประตูบานใหญ่ให้เปิดออก..
“เปลี่ยน??”ซีวอนทวนคำ พร้อมกับเลิกคิ้วขึ้นด้วยความสงสัย
“อืม..เปลี่ยนไปเยอะเลยล่ะ” คิบอมตอบ “นี่ห้องนาย พักที่นี่ไปก่อน” คิบอมบอก ซีวอนกวาดสายตามองรอบๆห้อง ก่อนจะพยักหน้า
“แล้วท่านชินดงสบายดีใช่มั้ย” ซีวอนถาม คิบอมพยักหน้าเล็กน้อย
“ท่านรอนายอยู่ที่ห้องน่ะ..” คิบอมบอก ก่อนจะเดินนำไปยังห้องที่ราชาชินดงประทับอยู่
“ฮ่าๆ ไม่ได้เจอเจ้านานมากแล้ว เจ้าเปลี่ยนไปจนข้าจำแทบไม่ได้เลยนะเนี่ย” ราชาชินดงหัวเราะอย่างอารมณ์ดี พลางวางแก้วชาที่พึ่งจิบไปลงบนโต๊ะที่เต็มไปด้วยเอกสารต่างๆ
“ผิดกับท่านราชา ที่ดูไม่เปลี่ยนไปเลย ยังดูหนุ่มดังเช่นเมื่อ 20 ปีก่อน” ซีวอนเอ่ย ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มไม่แพ้กัน
“ฮ่าๆ เจ้านี่ยังปากหวานเหมือนเดิม.. ว่าแต่ที่นู่นเป็นไงบ้าง” ราชาชินดงเอ่ยถาม ซีวอนทำหน้าครุ่นคิดเล็กน้อย
“ก็น่าอยู่ไปอีกแบบ หากแต่เราไม่สามารถใช้เวทย์มนตร์อะไรได้เลย” ซีวอนตอบ ราชาชินดงพยักหน้า แววตาฉายความอยากรู้
“ข้าก็หวังอยากจะที่นั่น”ราชาชินดงบอก ซีวอนหัวเราะเล็กน้อย
“การไปที่นั่นไม่ง่ายเลย” ซีวอนพูด
“ข้ารู้ๆ.. ว่าแต่เจ้าเด็กพวกนั้นหายไปไหนกันหมด แขกมาทั้งที ไม่เห็นแม้เพียงเงา” ราชาชินดงเอ่ยอย่างตำหนิ พลางมองไปนอกหน้าต่าง
“คิบอม ไปตามเจ้าพวกนั้นไปที่ห้องโถงใหญ่ที แล้วพาองค์ชายซีวอนไปที่นั่นด้วย” ราชาชินดงเอ่ยเสียงกังวาน ก่อนจะยิ้มกว้างให้ซีวอน
“ข้าต้องขอโทษเจ้าจริงๆ พอดีวันนี้มีแต่เรื่องยุ่ง ที่เซ็นทรัลมีแต่เรื่องเต็มไปหมด เจ้าก็คุยกับหลานๆของข้าไปพลางก่อนแล้วกันนะ”
“ไม่เป็นไรครับ” ซีวอนลุกขึ้น โค้งตัวทำความเคารพก่อนจะเดินออกจากห้องไป
“นี่พวกนายทุกคน ท่านราชาชินดงมีคำสั่งให้ไปพบที่ห้องโถงใหญ่” คิบอมเอ่ยทันทีที่หาทุกคนเจอ
“ทำไมอ่ะ มีอะไรงั้นหรอ” อีทึกถาม คิบอมยักไหล่
“ไม่รู้สิ พวกนายไปดูเองแล้วกัน”
ในห้องโถงที่ถูกตกแต่งสไตล์ยุโรปตะวันออก เพดานสูงถูกแต่งแต้มสีสันด้วยจิตรกรฝีมือเยี่ยม ประดับด้วยโคมไฟระย้าอันใหญ่โตหรูหรา รอบๆห้องถูกตกแต่งอย่างเรียบง่ายแต่ดูดี
“อะไรของมันนะ เจ้าคิบอมนี่ ทำเป็นมีความล้งความลับ” เสียงฮีชอลดังแว่วมาตามทางเดิน พร้อมกับเสียงฝีเท้าของหลายๆคนที่เดินมาด้วยกัน
“พี่น่าจะชินนะพี่ฮีชอล พี่คิบอมน่ะ เป็นแบบนี้ประจำแหละ” รยอวุคเอ่ยขึ้นมา
“พี่ก็พยายามแล้วล่ะ แต่ก็อดหมั่นไส้มันไม่ได้” ฮีชอลว่า คิบอมที่กำลังยืนรออยู่น่าประตูถึงกับถอนหายใจอย่างระอา
“แหะๆ รู้สึกเราจะนินทาดังไปหน่อยแฮะ” ดงแฮหัวเราะแห้งๆกลบเกลื่อนทันทีที่เห็นคิบอมยืนทำหน้าเอือมอยู่ที่ประตู
“ไม่หน่อยแล้วล่ะ เข้าไปสิ มีคนรอให้พวกนายรู้จักอยู่นะ” คิบอมบอก ฮีชอลแลบลิ้นใส่ก่อนจะเดินเข้าไปเป็นคนแรก
ทันทีที่ฮีชอลเดินข้ามธรณีประตูเข้าไป ตาสวยตวัดมองไปที่โซฟาลายมังกรตัวที่ตั้งอยู่ใจกลางห้องโถง ที่มีชายหนุ่มคนหนึ่งนั่งอยู่ ฮีชอลหยุดเดินทันที น้ำตาแห่งความปิติเอ่อคลอเต็มดวงตาคู่สวย
พลั่ก!
อีทึกที่ไม่ได้ดูว่าเพื่อนรักของตนหยุดเดินตั้งแต่เมื่อไหร่ เดินเข้ามาชนข้างหลังฮีชอลอย่างจังจนร่างบางล้มไถลไปข้างหน้า
“เป็นอะไรมากมั้ย” ชายหนุ่มที่นั่งอยู่เมื่อกี๊ลุกขึ้นมาพยุงฮีชอลให้ลุกขึ้น
ทันทีที่ยืนได้ ร่างบางก็โผเข้ากอดชายหนุ่มด้วยความคิดถึง หัวใจเต้นรัวราวกับมีใครตีกลองอยู่ข้างใน น้ำตาแห่งความปิติยินดีได้ไหลออกมาไม่ขาดสาย
“ซีวอน ผมคิดถึงคุณจริงๆ ผมดีใจที่สุดที่คุณมาหาผม ฮึก.. ผม ดีใจจัง” ฮีชอลพูดทั้งน้ำตา แขนเรียวกอดคนตรงหน้าไว้แน่น
“เอ่อ.. นาย” ซีวอนยืนนิ่งราวกับต้องมนตร์ จนกระทั่งร่างบางค่อยๆคลายอ้อมกอดออกช้าๆ
“คุณทำไมทำหน้าแบบนั้น... คุณไม่ดีใจเลยหรอ ที่เราเจอกันอีก” ฮีชอลถามอย่างน้อยใจ ที่ซีวอนได้แต่ยืนนิ่ง ไม่แม้แต่จะกอดตอบ ไม่แม้แต่จะแสดงออกถึงความดีใจเลยสักนิด
“เอ่อ.. คือ..” ซีวอนอึกอัก ไม่รู้จะพูดอะไรออกมาดี เมื่อเห็นน้ำตาของคนตรงหน้าแล้วรู้สึกใจหายยังไงก็ไม่รู้
“คุณรู้มั้ย ผมคิดถึงคุณแค่ไหน... ผมรอคุณมาโดยตลอด ผมดีใจแค่ไหนที่ได้เจอคุณ แต่คุณกลับไม่รู้สึกอะไรเลยน่ะหรอ..” ฮีชอลเขย่าแขนซีวอน น้ำตาที่ไหลหลั่งจากความปิติหายไป กลับเป็นน้ำตาแห่งความน้อยใจไหลมาแทนที่
“ขอโทษนะ..” ซีวอนจับมือของฮีชอลออกจากแขนเสื้อของตน ก่อนจะมองคนตรงหน้าด้วยสีหน้าและแววตาที่จริงจัง..
“นายเป็นใคร”
ฮีชอลทรุดตัวลงนั่งทันทีที่ได้ยินคำถามนั้น...
.
.
.
ขอโทษที่มาอัพช้ามากๆ
พอดีมันยุ่งๆนิดนึงเลยไม่ได้เข้ามา
----------------------------------------------------
ถึงตอนนี้
ซีวอนมาหาฮีชอลแล้ววว
แถมยังจำฮีชอลไม่ได้ด้วย T^T
------------------------------------------------------
ยังไงก็คอมเม้นบอกไรต์เตอร์ด้วยน๊า
ว่ามันเป็นยังไง
เม้นให้กันวันละนิดจิตเบิกบานจ้าา
ขอบคุณที่ยังติดตามกันไม่ห่างน๊าา
ขอบคุณจริงๆที่ยังไม่ทิ้งกันน... ^^~
.
.
.
ความคิดเห็น