คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #19 : ตอนที่ 17
“หายหัวไปไหนของมันวะ” ดงแฮสบถเบาๆ อย่างหัวเสีย เมื่อเดินวนรอบปราสาทเกือบห้ารอบแล้ว ยังไม่เห็นแม้เงาหัวของคนที่ตามหาอยู่เลย
“เจอนะ... พ่อจะด่าให้เกลียดเลือดเลยคอยดู”
“นายมาเดินทำอะไรแถวนี้ ดงแฮ” เสียงทุ้มที่ไม่คุ้นหูดังขึ้น ดงแฮหันขวับไปหาต้นเสียงที่ยืนอยู่ข้างหลัง
“ฉะ...ฉันมาตามหาคน.. นายเป็นใคร” ดงแฮตอบพร้อมกับยิงคำถามใส่หนุ่มผมสีทองที่ยืนกอดอกอย่างไม่พอใจ
“เฮ้ๆ... นายจำฉันไม่ได้หรอ... ฉันพี่นายนะ.. เฮ้อ~ ช่างเหอะ... ฉันชื่อ เอ็ดเวิร์ด ลี พี่ชายสุดที่รักของนาย... เรียกฉันว่า เอ็ดเฉยๆก็ได้”หนุ่มผมทองแนะนำตัว ดงแฮคิ้วขมวดเข้าหากันเล็กน้อย
“ฉันชื่อ.. ลี ดงแฮ... นายว่า นายเป็นพี่ชายฉันงั้นหรอ” ดงแฮถาม เอ็ดเวิร์ดถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมา “หน้าตาไม่เห็นจะเหมือนฉันเลยซักกะนิด”
“จำฉันไม่ได้เลยหรอ” เอ็ดเวิร์ดถาม มองหน้าดงแฮด้วยสีหน้าจริงจัง
“ไม่เลยแม้แต่น้อย... ไม่มีอะไรที่เกี่ยวกับนายอยู่ในหัวฉันเลย” ดงแฮตอบ เอ็อดเวิร์ดถอนหายใจพร้อมกับสีหน้าที่สลดลงไปเล็กน้อย
“เฮ้อ... เรื่องนั้นช่างมันเถอะ ท่าทางนายจะจ่ายความทรงเป็นค่าผ่านประตูสินะ”เอ็ดเวิร์ดพูด ก่อนจะส่ายหน้าน้อยๆ “ว่าแต่.. นายตามหาใครอยู่”
“คิม คิบอม” ดงแฮตอบ เอ็ดเวิร์ดแค่นหัวเราะเล็กน้อย ก่อนจะชี้ไปที่ด้านหลัง
“เมาเป็นหมาอยู่ในห้องนั่นแหละ... ฉันพึ่งจะลากมันเข้าไปนอนเมื่อกี๊นี้เอง” เอ็ดเวิร์ดบอก ก่อนจะเดินจากไป ไม่วายทิ้งท้ายเอาไว้ “ดูแลมันด้วยแล้วกัน...ขืนฉันอยู่ต่อไม่วายได้กระทืบมันซักสองสามที”
“ฉันจะฆ่ามันให้ตายสิ” ดงแฮพูด พร้อมกับเปิดประตูบานใหญ่เข้าไปในห้อง
“นี่! นี่มันไม่ใช่บ้านฉันนะ กรุณาเกรงใจเจ้าของบ้านมั่งสิ” เสียงเล็กตำหนิคนที่กำลังนั่งดูทีวีอย่างสบายใจอยู่บนโซฟา คนถูกตำหนิกลับมีสีหน้าไม่ทุกข์ร้อนใดๆ
“ก็ เจ้าซีวอนนั่น บอกว่าไม่ต้องเกรงใจหนิ ใช่มั้ย.. ฮยอก” คนถูกตำหนิตอบกลับ ก่อนจะเอนตัวลงนอนบนโซฟา
“ฮันคยอง!” ฮยอกแจตวาดเสียงดัง
“เสียงดังอะไรกัน ฮยอกแจ” ซีวอนถามทันทีที่เดินลงบันไดมา ร่างสูงดูดีขึ้นหลังจากที่เริ่มทานอาหารและเริ่มพักผ่อนตามที่ฮยอกแจบอก
‘ถ้าดงแฮรู้ว่าพี่เป็นแบบนี้นะ ดงแฮคงจะดีใจอยู่หรอก’
“ก็เจ้านี่สิฮะ... ทำอะไรไม่เกรงใจกันมั่งเลย” ฮยอกแจว่า มองหน้าฮันคยองอย่างเอาเรื่อง
“เอาน่า... อย่าดูเค้าสิ ฮันคยองก็ถือว่าเป็นเพื่อนพี่คนนึงนะ... ใช่มั้ย ฮัน” ซีวอนพูดยิ้ม พร้อมกันหันไปหาคนที่นอนสบายใจเฉิบ บนโซฟา
“พี่ซีวอนอ่า...”ฮยอกแจทำหน้ามุ่ยก่อนจะกระแทกเท้าจากไป
“อะไรของเค้านะ...”ซีวอนพึมพำ ก่อนจะนั่งลงบนโซฟาอีกตัว แล้วคุยกับฮันคยองอย่างสนุกสนาน
ในห้องที่ถูกตกแต่งสไตล์ ยุโรป ร่างเล็กนั่งถอนหายใจอย่างเบื่อหน่ายซ้ำแล้วซ้ำอีก ไม่ว่าจะทำอะไรก็เบื่อไปหมด ทั้งเล่น นั่ง กิน นอน...
“เมื่อไหร่คุณคยูฮยอนจะกลับมาซะทีน๊า...” ซองมินบ่นเป็นครั้งที่ร้อยของวัน ก่อนจะถอนหายใจอีกครั้ง
“บ่นอะไรอยู่ครับ เด็กดี” เสียงของคนที่รอดังขึ้น ซองมินรีบกระโดดกอดคนที่พึ่งเข้ามาทันที
“คุณคยูฮยอน -^ ^- ” ซองมินกระโดดกอดคยูฮยอนด้วยความคิดถึง
“อะไรกัน ฉันไปแค่ 3 วัน นายทำเหมือนไม่ได้เจอฉันมา 3 ปี” คยูฮยอนพูดขำๆ ขยี้หัวร่างเล็กอย่างเอ็นดู
“แค่วันเดียวผมก็ทนไม่ไหวแล้วครับ” ร่างเล็กพูด คยูฮยอนหัวเราะอย่างชอบใจ
“ฮ่าๆ นายนี่มันปากหวานจริงๆ... เออ... จริงสิ ฉันมีเรื่องอยากให้นายช่วยหน่อยน่ะ” คยูฮยอนพูดพร้อมกับหัวเราะ
“เรื่องอะไรหรอครับ...”ซองมินถาม คิ้วขมวดเข้าหากันเล็กน้อย
“เพื่อนๆมือสังหารของนาย... มีทั้งหมดกี่คน” คยูฮยอนถาม ยิ่งทำให้คิ้วเรียวขมวดเป็นปมมากขึ้นไปอีก
“ที่เป็นเพื่อนกันจริงๆก็มี 40 คนได้ฮะ... แต่ว่า ถ้าเป็นคนรู้จักก็ รวมๆแล้วน่าจะประมาณ 500 คน”ซองมินตอบ คยูฮยอนเหยียดยิ้มเล็กน้อย
“งั้นช่วยวานรวบรวมพวกนั้นให้ฉันหน่อยได้มั้ย... ฉันมีงานอยากให้พวกนายทำ” คยูฮยอนพูด ร่างเล็กทำท่าครุ่นคิดสักครู่
“มันก็ได้นะฮะ... แต่ว่า พวกนั้นน่ะ ไม่ยอมทำงานให้ใครฟรีๆแน่”ซองมินบอก
“เรื่องเงินน่ะ บอกพวกนั้นได้ ฉันไม่อั้นอยู่แล้ว... แต่ฉันขอกำชับพวกนั้นหน่อยนะว่า ถ้าใครมาจ้างฉันยินดีที่จะจ่ายแพงกว่า” คยูฮยอนพูด ซองมินพยักหน้าเป็นเชิงเข้าใจ
“แล้วนี่มันเรื่องอะไรกันครับ.. ทำไมต้องใช้คนเยอะขนาดนี้” ซองมินเอียงหน้าถามด้วยความสงสัย
“สงคราม... ใกล้เริ่มแล้วนะ” คยูฮยอนบอกเสียงนุ่ม ซองมินได้แต่เก็บความสงสัยเอาไว้ในใจ
อีกครั้งที่เขากลับมาอยู่ที่นี่ ที่ที่มีแต่ทุ่งหญ้าและดอกไม้ที่บานสะพรั่ง แม้ว่าจะไม่รู้ว่ามันคือที่ไหน แต่เขาก็ดูเหมือนจะพอใจที่ได้กลับมาที่นี่อีกครั้ง ที่ที่ทำให้เขากับคนที่เฝ้ารอคอยได้พบกัน แม้จะในความฝันก็ตาม...
ร่างสูงของซีวอนนั่งลงที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ เพื่อรอร่างบางเจ้าของรอยยิ้มที่เขาเฝ้าโหยหา เขาได้แต่หวังว่า วันนี้จะเป็นอีกวัน ที่เขาจะหลับ... ฝันดี...
‘นานจังนะ นายจะปล่อยให้ฉันนั่งรอแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหนกัน’ ร่างสูงได้แต่ตัดพ้อในใจ เมื่อนั่งรออยู่นาน แต่ก็ไม่เห็นวี่แววของร่างบางเลยแม้เพียงเงา
แม้จะเนิ่นนาน ทุ่งหญ้าแห่งนี้กลับยังคงสว่างไสว ดวงอาทิตย์ที่สาดแสงยังคงอยู่ ณ ตำแหน่งเดิม ไม่เขยื้อนไปไหน แต่แสงแดดจะสาดส่องให้ทุกที่สว่าง แต่ในใจของเขากลับมืดมน การรอคอย ทำให้เขาเริ่มท้อ... เข็มนาฬิกาที่หมุนเปลี่ยนองศาไปเรื่อยๆ ทำให้เขาเริ่มหมดหวัง...
...หรือวันนี้ จะเป็นเป็นฝันลมๆแล้งๆ ที่จะเจอกับคนที่รอคอยอีกครั้ง...
“มาซะทีสิ ฮีชอล... อย่าปล่อยให้ฉันรอต่อไปอีกเลยนะ” ซีวอนพูด มองไปข้างหน้าอย่างท้อแท้ สายลมพัดเอื่อยๆ ยิ่งทำให้ใจเขาแทบสลาย
...ทั้งๆที่พึ่งเจอกัน พึ่งรู้จักกันได้ไม่นาน...
...แต่ฉัน กลับ ‘รัก’ นายมากขนาดนี้เลยหรอ...
จนแล้วจนเล่า ก็ยังไม่มีวี่แววของร่างบางเลย ยิ่งทำให้ร่างสูงท้อใจยิ่งไปกว่าเดิมหลายเท่าตัว ทุ่งหญ้าที่แผ่กว้างไกลสุดลูกหูลูกตา ยิ่งดูว่างเปล่า เมื่อไร้คนที่รักมาอยู่เคียงข้าง
ในห้องที่กว้างขวาง ของใช้ต่างๆถูกจัดเก็บไว้อย่างเป็นระเบียบ ข้าวของเครื่องใช้ที่ดูธรรมดาผิดกับยศศักดิ์และที่อยู่ของผู้ใช้
“หึ! เมาเป็นหมาจริงๆด้วย” ดงแฮมองคนที่นอนอยู่บนเตียงสีขาว ก่อนจะเหยียดยิ้มที่ยากจะรู้ความหมายออกมา
ผ้าเปียกน้ำถูกบิดจนหมาดถูกมือเรียวใช้เช็ดไปตามตัวของคนที่นอนหลับไม่รู้เรื่องอยู่บนเตียง ใบหน้าหล่อเหลาแดงจัดด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ ดงแฮมองคนตรงหน้าอย่างแปลกใจ
“พึ่งจะรู้.. ว่าแวมไพร์ก็ดื่มเหล้าเป็น... แถมยังชอบสีขาวอีกด้วย” ดงแฮพูดเบาๆ พร้อมกับมองไปรอบๆห้อง ทุกอย่าง มีแต่สีขาว... มีเพียงสิ่งของบางชิ้นที่เป็นสีอื่นๆ แต่ก็ยังเป็นสีโทนอ่อน ต่างจากแวมไพร์ที่เขาเคยรู้จักในหนัง
“อืม.. อีทึก” เสียงงึมงำดังมาจากคนที่นอนเมาอยู่บนเตียง ดงแฮขมวดคิ้วเข้าหากันด้วยความสงสัย ... อีทึกงั้นหรอ... ก่อนจะฉีกยิ้มกว้าง
‘ถึงกับละเมอหาแบบนี้ แสดงว่าเป็นคนสำคัญสินะ อีทึกคนนั้นน่ะ’
“อีทึก... ฉันรักนาย..” ไม่พูดเปล่า คนที่นอนเมาอยู่คว้ามือเรียวที่กำลังเช็ดตัวให้ไปกุมเอาไว้
“เฮ้ยๆ! ไอ้บ้าคิบอม อย่ามามั่วนิ่ม ฉันไม่ใช่อีทึก.. ไอ้บ้า ปล่อยสิวะ!” ดงแฮร้อง พยายามทั้งดึง ทั้งแกะมือตัวเองออกจากมือของคิบอม
“อีทึก... ทำไม นายถึงไปรักคนที่คิดจะฆ่าน้องของนาย... ทำไม... ฉันที่สนใจนาย ทำไมไม่มองฉัน..” คิบอมพูด ตายังคงปิดอยู่ แต่มือใหญ่ของเบาบีบมือของดงแฮแน่น
“โอ๊ย! เรื่องนั้นฉันไม่ใช่อีทึก ฉันไม่รู้หรอก... ฉันรู้แต่ตอนนี้ ฉันมองหน้าแกจนตาแทบหลุดแล้ว... ปล่อยมาฉันซะทีเซ่!” ดงแฮร้องเสียงดังขึ้นกว่าเดิม พยายามดึงมือออกอย่างสุดกำลัง มือข้างหนึ่งตบหน้าคิบอมให้รู้สึกตัว
“นายตบหน้าฉันทำไม อีทึก.. ฉันเจ็บนะ” คิบอมพูด พร้อมกับดึงดงแฮเข้าไปซบที่อกกว้าง ตายังคงปิดสนิทอยู่เช่นเดิม
“ไอ้นี่! หัดแหกตาดูซะมั่งเซ่! ว่าฉันเป็นใคร... ฉันลี ดงแฮโว้ย!” ดงแฮตะโกนใส่หูคิบอมด้วยพลังเสียง 80 เดซิเบล พยายามดิ้นเพื่อให้หลุดออกจากอ้อมแขนนี้
คิบอมค่อยปรือตาขึ้นมามองเพราะความหนวกหู ก่อนจะตาคมจะพบกับใบหน้าหวานที่ซบอกเขาอยู่
“เฮ้ย!” คิบอมร้องอย่างตกใจ เมื่อเห็นดงแฮซบอยู่ที่อก แต่กระนั้นเขาก็ยังไม่ปล่อยดงแฮออกจากอ้อมแขน
“คิบอม! ภารกิจของนายมาอีกแล้ว” เสียงของฮีชอลดังขึ้นพร้อมประตูที่เปิดออกโดยไม่มีการเคาะ
“ไอ้คิบอม! แกทำอะไรน้องช้านน~” ฮีชอลร้องลั่นเมื่อเห็นภาพตรงหน้า ก่อนจะวิ่งไปดึงร่างของดงแฮออกจากอ้อมแขนของคิบอม
“ฉันเปล่านะ...ฉันลืมตาขึ้นมาก็เป็นแบบนี้แล้ว” คิบอมลุกขึ้นนั่งบนเตียง พร้อมกับปฏิเสธสิ่งที่เกิดขึ้น
“แกอย่ามามั่วนะ! ฉันเห็นเต็มสองตา... ดงแฮ บอกพี่มา ว่ามันเกิดอะไรขึ้น” ฮีชอลว่า ก่อนจะหันเค้นเอาความจริงจากดงแฮ
“คิบอมเค้าก็แค่ เมา... แล้วก็..เอ่อ.. ละเมอน่ะพี่ฮีชอล” ดงแฮพูด ฮีชอลทำตาโตด้วยอย่างเดือดดาล
“ไอ้ตี๋แก้มแตก! นี่แกเมาด้วยเรอะ! ยิ่งไม่น่าให้อภัย... ถ้าเกิดดงแฮพลาดท่าแกขึ้นมา แกจะรับผิดชอบชีวิตน้อยๆนี้มั้ย” ฮีชอลว่า ดงแฮหลุดขำออกมากับชื่อที่ฮีชอลเรียกคนที่นั่งเมาอยู่บนเตียง ส่วนคิบอมได้แต่ส่ายหน้าอย่างเอือมๆ
“นายน่ะรับผิดชอบชีวิตตัวเองให้ได้ก่อนเถอะ” คิบอมพูดเบาๆ แต่เหมือนฟ้ากลั่นแกล้ง มันดังพอที่ฮีชอลและดงแฮจะได้ยิน
“แกว่าไงนะ อย่าอยู่เลยแก๊!” ฮีชอลกำลังจะพุ่งไปหาคิบอม แต่มีมือหนึ่ง ดึงร่างบางไว้ก่อนที่จะพุ่งออกไป
“เกือบไม่ทัน... ดีนะ เยซองไปตามมาก่อน” เสียงบุคคลที่สี่ดังขึ้น พร้อมกับคนที่ห้าและหกตามลำดับ
“อีทึกปล่อยฉันเซ่!” ฮีชอลร้องโวยวาย พยายามดิ้นให้หลุดจากการพันธนาการของอีทึก
‘คนนี้หรอ อีทึก... สวยดีนี่นา มิน่า คิบอมถึงรักนัก คิกๆ’ ดงแฮคิด แอบยิ้มเล็กน้อย
“นายรู้ได้ไง ดงแฮ”คิบอมถามแหวกเสียงโวยวายของฮีชอล ดงแฮมีสีหน้าตกใจเล็กน้อย ...ไม่น่า เจ้านี่จะรู้ได้ไงว่าเราคิดอะไรอยู่…
“รู้อะไร” ดงแฮแสร้งทำเป็นไม่รู้ ใบหน้าหวานทำคิ้วขมวดเป็นปมเหมือนกับสงสัยในสิ่งที่คิบอมถาม
“เฮ้อ~ ถ้ารู้แล้วก็เหยียบไว้ก็แล้วกัน... ฉันไม่อยากเสียเพื่อนดีๆไปอีกคน” คิบอมบอก ก่อนจะสะบัดหัวแรงๆเพื่อให้สร่างเมา
“นี่! ตกลงที่พวกนายยกขบวนมาที่ห้องฉันเนี่ย..มาเพื่อเสียงดังเนี่ยหรอ”คิบอมตะโกนเสียงดังแหวกเสียงโวยวายของฮีชอล ทุกอย่างจึงสงบลง
“ภารกิจใหม่ของนาย”เยซองบอก พร้อมกับโยนกุญแจสีเงินวาวดอกเล็กให้คิบอม คิบอมรับมันไว้ได้อย่างแม่นยำ
“จะให้ฉันไปปล้นบ้านใคร”คิบอมถามหน้าตาย เยซองถึงกับล้มตัวลงนั่งกับโซฟาทันที
“เอ๊ะ! ไอ้นี่... อยากตายอีกรอบใช่มั้ย หา!” ฮีชอลที่กำลังเดือดอยู่ตะโกนถาม อีทึกต้องรีบห้ามทัพก่อนที่จะมีการฆาตกรรมเกิดขึ้นในปราสาท
“คืองี้.. กุญแจดอกนี้เป็นกุญที่เก็บความทรงจำของราชาองค์นั้นไว้...”อีทึกอธิบาย คิบอมพิจารณากุญแจดอกนั้นอย่างละเอียด
“แสดงว่า... พวกนายจะให้ฉัน เอากุญแจดอกนี้ไปคืนเจ้าของใช่มั้ย” คิบอมถาม ยัดกุญแจใส่ลงในกระเป๋าเสื้อ
“นอกจากนายกับฮันคยองแล้ว ยังมีใครที่สามารถเข้าออกโลกมนษย์ได้อย่างเสรีมั่งล่ะ” ฮีชอลสวนกลับ คิบอมยักไหล่
“ก็เจ้าเจย์นั่นไง มันตามนายตลอดเวลาเลยนี่..”คิบอมพูด ฮีชอลถลึงตาใส่อย่างโกรธแค้น
“งั้นให้ฉันไปด้วยได้มั้ย”ดงแฮโพล่งขึ้นมา ทุกคนหันมามองที่เขาเป็นตาเดียว
“เอ่อ... ฉันแค่อยากกลับไปเยี่ยมพี่ซีวอน”
“ฉันจะออกไปข้างนอก.. ไปซื้อของหน่อย จะมีใครไปบ้าง” ฮีชอลพูด สีหน้าเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด ก่อนจะเดินออกจากห้องแล้วปิดประตูเสียงดังจนปราสาทสั่นสะเทือน
“เอ่อ.. งั้นผมไปกับพี่ฮีชอลนะ...”รยอวุคเอ่ยหลังจากที่เงียบมานาน
“ฉันด้วย...”เยซองพูด วิ่งออกจากห้องตามฮีชอลไปทันที
“ไม่ได้หรอก... มันยิ่งอันตราย ร่างกายนายอาจจะรับไม่ไหวก็ได้” คิบอมพูด มองออกไปนอกหน้าต่าง เขาไม่อยากมองคนที่นั่งอยู่บนโซฟา ไม่อยากมองหน้าอีทึก... เขากลัว กลัวความเจ็บปวดที่มาจากสายตาที่มองเขาเป็นได้แค่เพื่อน...
“ฉันทนได้... ให้ฉันไปเหอะน๊าๆๆ” ดงแฮอ้อนสุดฤทธิ์ แต่คิบอมส่ายหน้าเป็นการปฏิเสธ
“ฉันคงให้นายไปไม่ได้หรอก” คิบอมบอก ดงแฮทำหน้ามุ่ยอย่างไม่พอใจ
“เอาน่าดงแฮ... นายอยู่ที่นี่น่ะดีแล้ว... จะได้ดูแลฮีชอลด้วยไง” อีทึกพูด ยิ้มหวานให้ดงแฮ
“นายจำไว้เลยนะ คิบอม! ชิส์”ดงแฮหันไปหาอีทึกที่นั่งอยู่บนโซฟา พร้อมเชิดหน้าใส่คิบอม
“เฮ้อ~” คิบอมส่ายหน้าเบาๆ ทำไมวันนี้เจอแต่พวกสติอตกวะ -*- “เอาเป็นว่า ฉันจะหาของฝากมาให้ก็แล้วกัน” คิบอมบอก
“ไม่ต้องการ!”ดงแฮพูด พร้อมกับดึงอีทึกให้ลุกขึ้น “ไปกันเถอะพี่อีทึก... อยู่ตรงนี้นานๆ คัน”
“เจ้าเด็กคนนี้” คิบอมมองตามหลังดงแฮและอีทึกที่เดินออกจากห้องไป พร้อมกับถอนหายใจอีกครั้ง
ดวงตาคมจับจ้องไปที่นอกหน้าต่าง แววตาที่เหม่อลอยมองดูท้องฟ้าที่กว้างใหญ่อย่างไร้จุดหมาย
...ฉันจะลืมนาย
“พี่อีทึกมีคนมาจีบเยอะรึเปล่า” ดงแฮเอ่ยถามท่ามกลางความเงียบขณะมุ่งหน้าไปที่ตลาดใกล้ๆปราสาท อีทึกมองหน้าดงแฮอย่างประหวาดใจ ก่อนจะยิ้ม
“ก็ไม่รู้สิ พี่ไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่” อีทึกตอบ
“อืม.. งั้นรายนั้นคงจะเศร้าน่าดู” ดงแฮพูดเบาๆ อีทึกมองอย่างสงสัย
“หมายถึงใครหรอ?” อีทึกถาม ดงแฮหัวเราะเสียงดังเป็นการกลบเกลื่อน
“เปล่าฮะ.. ไม่มีอะไร ฮ่าๆ” ดงแฮหัวเราะ อีทึกมองอย่าง งงๆ ก่อนจะหัวเราะบ้าง
...นายคงจะปวดใจน่าดูสินะ คิบอม...
...ปวดใจ ที่บอกรักได้แค่ในฝัน...
...นายมันน่าสงสารจริงๆ...
...สะใจโว้ย ฮ่าๆๆ ^o^ ... (ด๊องมากไปลูก -*-)
ในยามบ่ายของวัน แสงแดดที่ร้อนจัดส่องสว่างไปทั่วหล้า จนหลายคนยอมแพ้ไปนั่งหลบร้อนที่ริมต้นไม้ใหญ่ แต่นั่นก็ไม่ได้บั่นทอนให้คนที่มาจับจ่ายซื้อของลดลงเลย
ตลาดที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นย่านการค้าที่สำคัญในเขตพระราชวัง ฝู้คนต่างเดินกันขวักไขว่ เสียงกระโกนขายสินค้าดังระงมไปทั่ว ทั้งเสียงเพลงที่อึกทึกครึกโครม สร้างความครึกครื้นให้กับที่นี่เป็นอย่างมาก
แต่ก็ไม่ได้ทำให้ร่างบางรู้สึกดีขึ้นมาเลยแม้แต่น้อย
“พี่ฮีชอล... พี่ว่าแหวนวงนี้สวยมั้ย” รยอวุคถาม พลางโชว์แหวนเงินเรียบๆ ไม่มีรอบสลักอะไรเลย หากแต่ยามสะท้อนกับแสงแดด ก็จะมองเห็นลวดลายที่อยู่ข้างใน
...เหมือน เหมือนแหวนของเขา...
...แหวนวงนั้น ที่ทิ้งไว้ที่นั่น...
...คุณยังเก็บมันไว้อยู่ใช่มั้ย ซีวอน...
“พี่ฮีชอล!”รยอวุคเขย่าแขนฮีชอลอย่างแรงเพื่อเรียกฮีชอลให้ออกจาภวังค์
“อ่า.. หือ มีอะไรหรอ” ฮีชอลถาม มองหน้ารยอวุคอย่างสงสัย “นายถามพี่ว่าอะไรนะ”
“ผมถามว่า แหวนวงนี้สวยมั้ย? พี่ฮีชอลไม่สบายรึเปล่า พักนี้พี่ดูเหม่อๆยังไงชอบกล” รยอวุคถาม สีหน้าดูเป็นห่วงพี่ชายคนนี้ซะเหลือเกิน
“อ๋อ.. สวยสิ สวยมากๆเลย...”ฮีชอลตอบ แสร้งยิ้มกว้างอย่างสดใสให้กับรยอวุค
“เท่าไหร่ครับ” รยอวุคให้ไปถามคนขาย ก่อนจะจ่ายเงินให้ไป
“วงนี้ ผมให้พี่นะ ^ ^” รยอวุคบอก ฮีชอลรับแหวนวงนั้นมา ก่อนจะสวมมันไว้ที่นิ้วกลางข้างเดียวกับแหวนวงเดิม...
...อย่างน้อย ไว้ดูให้อาการคิดถึงมันทุเลาลงก็ยังดี...
ใต้ต้นไม่ใหญ่ท่ามกลางทั่งหญ้า หมู่ปักษา และแมลงทั้งหลายต่างพากันมาดูดเอาน้ำหวานจากดอกไม้ที่ผลิบาน เมื่อได้น้ำหวานสมใจ ก็พากันบินกลับรัง หากแต่ เขา ยังนั่งอยู่ตรงนี้ ไม่ไปไหน เพื่อรคนที่เขาอยากจะพบเจอ...
จนแล้วจนเล่า ก็ยังไม่ปรากฏร่างของคนที่รอ ชายหนุ่มถอนหายใจพร้อมกับน้ำตาที่คลอหน่วย
...ฮีชอล ฉันรอนายนานแล้วนะ...
...นายจะไม่มาจริงๆหรอ...
...วันนี้ไม่เจอ ไม่เป็นไร...
...วันหลังเราค่อยมาเจอกันใหม่นะ...
.
.
.
55++ หวาดดีมิตรรักแฟนเพลงทุกท่าน
คิดถึงกันป่าวเอ่ย
กลับมาอัพหลังจากที่ดองไว้นานพอสมควร
ขอบคุณทุกท่านที่ยังไม่ทิ้งกัน
ช่วงนี้จะให้ คิมฮี และซีวอนดูน่าสงสารสุดๆ
ยังไงก็ตามลุ้นกันต่อไป ฮิฮิ
.
.
เม้นกันซักนิสสสส ชีวิตจะแจ่มใสนะจ๊าา ^^~
.
.
.
ความคิดเห็น