คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #18 : ตอนที่ 16
“เฮ้อ~~”เสียงถอนหายใจยาวๆของฮีชอลดังขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีก จนอีทึกที่นั่งอยู่ข้างๆเริ่มรำคาญ
“นี่ฮีชอล อย่าหาว่าฉันยุ่งเลยนะ... ถ้านายคิดถึงเจ้าหนุ่มนั่นมากน่ะ ก็ไปหาเค้าสิ... มัวแต่นั่งถอนหายใจแบบนี้ไม่ได้ช่วยอะไรเลยนะ” อีทึกว่าอย่างฉุนๆ ไม่ใช่เพราะแค่รำคาญเสียงถอนหายใจ แต่วันนี้ฮีชอลยังทำให้เขาพลาดข้อมูลดีๆจากคิบอมที่เขากำลังไปเค้นมา
“แล้วฉันจะไปยังไงเล่า ประตูนั่นอยู่ที่ไหนฉันยังไม่รู้เลย” ฮีชอลพูด น้ำเสียงเจือไปด้วยความหงุดหงิด
“นายลืมไปแล้วรึไง วิชาที่ฉันเคยสอนนายน่ะ”อีทึกพูด มองหน้าฮีชอลเหมือนจะสื่อความหมายอะไรบางอย่าง
“เห..?? อ๋อ..ใช่ จริงสิ ขอบใจมากๆเลยนะอีทึกที่รัก...”ฮีชอลหันไปจุ๊บแก้มเพื่อนรัก ก่อนจะวิ่งเข้าห้องตัวเองไปอย่างรวดเร็ว
“เฮ้อ... ให้มันได้อย่างนี้” อีทึกส่ายหน้าไปมาเบาๆ อย่างเอือมๆ
‘คยูฮยอนเป็นน้องชายของคังอิน’ เสียงของคิบอมดังก้องอยู่ในหัว
ไม่! เขาไม่อยากจะเชื่อ ถ้ามันเป็นเรื่องจริง... คนที่คิดจะฆ่ารยอวุค คือน้องชายของคังอิน ชายที่เขารักหมดหัวใจ... แต่เมื่อทั้งหลักฐานมันก็ออกจะชัดเจน ถึงจะไม่อยากเชื่อ แต่มันก็ต้องเชื่อ...
“หยุดนะ เจ้าเป็นใคร บังอาจรุกล้ำเข้ามาในเขตประราชวัง”เสียงเอะอะมาจากข้างนอก อีทึกคิ้วขมวดเข้าหากันอย่างอารมณ์เสีย ก่อนจะเดินออกไปดูเหตุการณ์
“เอะอะอะไรกัน.. หา!”อีทึกดุทหารที่เฝ้าหน้าประตู กวาดสายตามองทุกคนที่อยู่บริเวณนั้นอย่างเอาเรื่อง แล้วก็สะดุดอยู่ที่ผู้มาเยือนทั้งสอง
“คะ...คังอิน” อีทึกเอ่ยเสียงแผ่ว ทั้งตกใจและดีใจที่เห็นคนๆนี้
“เราแค่อยากมาคุยธุระกับท่านชินดงเสียหน่อย... หวังว่าท่านจะอนุญาตนะ ท่านนักรบประจำแคว้นอาราเนีย” คยูฮยอนเอ่ย พร้อมกับยิ้มอย่างมีเลสนัยให้กับอีทึก
“ได้ ข้าอนุญาต” เสียงทุ้มของราชาชินดงดังขึ้น อีทึกหันกลับไปมองอย่างไม่เข้าใจ
“แต่.. ท่านลุง... เจ้านี่มัน...”อีทึกพยายามค้าน แต่ราชาชินดงยกมือสั่งห้ามไม่ให้พูดอะไรอีก
“เชิญท่านทั้งสองด้านใน.. ต้องขออภัยที่คนของข้าเสียมารยาทกับท่าน”ราชาชินดงเอ่ยขณะเดินนำที่ไปที่ห้องนั่งเล่นส่วนตัว
...คิดจะทำอะไรอีกนะ คังอิน...
“ซีวอน” เสียงหวานที่เขาเฝ้ารอคอยมาแสนนานกระซิบเรียกเขา ชายหนุ่มค่อยๆลืมตาขึ้นมา พร้อมกับกระพริบตาถี่ๆ เพื่อปรับแสง
...ที่นี่ที่ไหนกัน... ชายหนุ่มคิด มองไปรอบๆด้วยความแปลกใจ แสงแดดที่อบอุ่นกระทบผิวกาย ทุ่งหญ้าทอดยาวไม่มีที่สิ้นสุด ดอกไม้นานาชนิดผลิดอกบานสะพรั่งรับแสงแดด สวยงามน่าตื่นใจ แต่นั่น..มันยังไม่ทำให้เขาตื่นใจ เท่ากับสิ่งที่เขาได้เห็นอยู่ตรงหน้า...
ร่างอันบอบบางของคนที่เขาเฝ้ารอ... กำลังนั่งชมดอกไม้อย่างมีความสุข... รอยยิ้มแห่งความสุขปรากฏบนใบหน้าสวย คิม ฮีชอล... คนที่เขาเฝ้ารอ บัดนี้ อยู่ตรงหน้าเขาแล้ว
ตากลมเหลือบมองเขาด้วยแววตาปิติ ก่อนจะวิ่งเข้ามากอดเขาด้วยความคิดถึง
“ผมคิดถึงคุณจัง... ผมคิดถึงคุณที่สุด..” ร่างบางเอ่ย น้ำตาใสไหลเป็นทางจนเปียกเสื้อของซีวอน
“ฉันก็คิดถึงนาย.. ฮีชอล นายหายไปไหนมา... รู้มั้ยฉันเป็นห่วงนายแค่ไหน... ฉันตามหานายทุกที่ แต่ก็ไม่พบ... จนฉันเริ่มท้อ ฉันสิ้นหวัง...” ซีวอนเอ่ย น้ำเสียงเต็มไปด้วยความเศร้า เจ็บปวด และหมดหวัง
“ผมควรกลับไปอยู่ในที่ที่ผมจากมา โลกใบนั้นไม่มีที่ว่างพอสำหรับผม” ฮีชอลพูด พร้อมกับคลายอ้อมกอด ตากลมมองดวงตาสีนิลของซีวอนอย่างจริงจัง
“เลิกพูดเถอะ ในที่สุดฉันก็เจอนาย... ฉันดีใจที่สุด” ซีวอนพูด ดวงตามีน้ำตาคลอเต็มหน่วย
“ผมก็ดีใจครับ... ผมมีเรื่องอยากเล่าให้คุณฟังเยอะแยะเลย รับรองว่าคุณต้องไม่เชื่อผมแน่ๆ” ฮีชอลยิ้ม เช็ดน้ำตาที่เปื้อนบนใบหน้าออกจนหมด
“ฉันก็อยากฟังเรื่องที่นายเล่า... เล่าให้ฉันฟังหน่อยสิ” ซีวอนพูด รอยยิ้มแห่งความสุขของเขากลับมาเฉิดฉายบนใบหน้าอีกครั้ง
“ฮ่าๆ... ฉันว่านายแค่โม้เท่านั้นเอง เรื่องแบบนี้น่ะ มันไม่มีหรอก” ซีวอนหัวเราะร่าเมื่อฟังเรื่องที่ฮีชอลเล่า ทำเอาร่างบางทำหน้ามุ่ยทันที
“เห็นมั้ย ผมบอกแล้วว่าคุณต้องไม่เชื่อผม...” ร่างบางพูด ใบหน้าสวยง้ำงอลง ยิ่งทำให้ซีวอนหัวเราะหนักกว่าเดิม
“ฮ่าๆ... อ่า... โอ๋ๆๆ อย่างอนสิ ฉันแค่ไม่เคยได้ยินเรื่องแบบนี้... ว่าแต่ที่นั่นมีเรื่องแบบนี้จริงหรอ” ซีวอนพูด มือลูบหัวร่างบางที่หนุนตักเขาอย่างสบายใจ
“ใช่ครับ ยิ่งกว่านี้ก็มีนะ..” ฮีชอลบอก
‘ฮีชอล เกิดเรื่องแล้ว... กลับมาเถอะ’ เสียงอีทึกดังก้องเข้ามาในโสตประสาท ร่างบางหน้าซีดเล็กน้อย ก่อนจะยันตัวลุกนั่งข้างๆซีวอน
“เล่าให้ฟังได้มั้ย..ทุกเรื่องเลย... ฉันอยากฟัง” ซีวอนพูด ยิ้มอย่างอบอุ่นให้กับร่างบางที่อยู่ข้างๆ
“ไว้วันหลังผมจะเล่าให้ฟังนะครับ ผมต้องไปแล้ว..” ฮีชอลพูด พยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหล
“นายจะไปไหน.. ฉันไม่ยอมให้นายไปไหนอีกแล้วนะ คิม ฮีชอล... นายอย่าทิ้งฉันไปอีกคนนะ ดงแฮก็ไม่อยู่แล้ว... ฉันไม่อยากโดนพรากจากคนที่ฉันรักอีกแล้ว...” ซีวอนพูด ดึงร่างบางของฮีชอลเข้ามากอด
“ฮึก... ผมก็ไม่อยากไปจากคุณหรอกนะ.. แต่มันจำเป็น ผมอยากอยู่กับคุณ อยากเห็นหน้าคุณ อยากกอดคุณทุกวัน อยากอยู่ใกล้ๆคุณทุกนาที... แต่ผมจำเป็นต้องไปจริง...คุณดูแลตัวเอง ดีๆนะ... ฮึก... ผมรักคุณนะครับ” ฮีชอลพูด น้ำตาที่กลั้นไว้ ไหลลงมาอาบแก้มใสจนเปียกเสื้อซีวอนอีกเป็นครั้งที่สอง ก่อนจะผละออกจากอ้อมแขนของซีวอน แล้ววิ่งหนีไป
“ฮีชอล... อย่าไป!” ซีวอนตะโกนจนสุดเสียง พยายามวิ่งตามฮีชอล อีกนิดเดียว.. ซีวอน อีกนิดเดียวก็ถึงตัวแล้ว... ชายหนุ่มคิด พยายามเอื้อมมือไขว่คว้าตัวของฮีชอลอยู่อยู่ตรงหน้า แต่ก็เอื้อมไม่ถึง...
ห่างแค่เอื้อมมือ แต่ก็เอื้อมไม่ถึง...
สุดท้าย เขาก็ทำได้แค่จ้องมองร่างบางที่หายลับไปท่ามกลางแสงสว่างจ้า... น้ำตาของซีวอนไหลรินลงอีกครั้ง
“ฮีชอล!” ชายหนุ่ตะโกนสุดเสียง พร้อมกับทรุดตัวลงนั่งบนพื้นหญ้าที่อ่อนนุ่ม
“พี่ซีวอน... พี่ซีวอน!” ฮยอกแจเขย่าตัวซีวอนอย่างแรงเพื่อปลุกคนที่ละเมอเสียงดังให้ตื่นขึ้น
“ฮยอกแจ... แฮ่กๆ” ซีวอนเอ่ยเสียงแผ่วพร้อมกับหอบหายใจถี่ นี่เขาฝันไปหรอเนี่ย... ทั้งหมด เป็นเพียงความฝัน...
ซีวอนส่ายหน้า พร้อมกับเช็ดน้ำตาที่ไหลริน ก่อนจะยิ้มแห้งๆให้ฮยอกแจ
“ข้าวเช้าผมทำไว้แล้วนะ ถ้าพี่หิวก็ลงไปกินได้เลย... ผมไปเรียนก่อนนะ... เดี๋ยวตอนเย็นๆจะซื้อขนมมาฝาก” ฮยอกแจยิ้ม ก่อนจะเดินออกจากห้องไป
...ทำได้แค่ฝัน.. เท่านั้นเองเรา...
“ซีวอนส่ายหน้าอีกครั้ง ก่อนจะสะดุดกับความรู้สึกใหม่ที่เข้ามา
ความเปียกชื้นที่เสื้อ เป็นไปไม่ได้ว่าเขาจะนอนแล้วน้ำลายไหลเยิ้มเปียกเสื้อได้ขนาดนี้ ถ้าเป็นน้ำตาของเขา ก็คงไม่ไหลไหล่ตัวเองหรอก...
ยิ่งคิด หัวใจยิ่งเต้นรัว... ความฝันที่คล้ายความจริง... เขาหวัง หวังจะที่ฝันแบบนี้อีกครั้ง....
“ฉันขอโทษนายจริงๆ ที่รบกวนเวลานาย แต่ว่า.. เกิดเรื่องแล้วล่ะ” อีทึกรีบบอก เมื่อเห็นฮีชอลทำสีหน้าไม่พอใจใส่
“เรื่อง..??” ฮีชอลถาม ใบหย้ายับยุ่งอย่างไม่พอใจ
“คังอินกับคยูฮยอนมาที่นี่ มาหาท่านลุง”อีทึกพูด ฮีชอลทำตาโตด้วยความตกใจ
“หา! เจ้าสองตัวนั้นมาที่นี่งั้นหรอ... เยซองรู้รึยัง... ฉันจะไปดูรยอวุค เผื่อพวกมันนึกบ้าอะไรอีก... แล้วนายจะไปด้วยกันมั้ย” ฮีชอลพูด กระโดดลุกจากที่นอนอย่างรวดเร็ว ไม่วายที่จะไปส่องกระจกเช็คสภาพตัวเองก่อน
“ไม่ล่ะ รยอวุคน่ะ ฉันฝากด้วย... ฉันมีเรื่องต้องจัดการนิดหน่อย...”อีทึกบอก ฮีชอลพยักหน้าก่อนจะวิ่งออกจากห้องไป
“นายไม่เปลี่ยนใจแน่ใช่มั้ย รยอวุค” เยซองถามเสียงเข้ม จ้องรยอวุคตาไม่กระพริบ
“ครับ... ผมแน่ใจ” รยอวุคพยักหน้า ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าลึก พร้อมที่จะเจอกับสิ่งที่เกิดขึ้น
มือใหญ่ค่อยๆประคองใบหน้าเล็กเอาไว้ ก่อนจะโน้มใบหน้าตัวเองลงช้าๆ
“เยซอง! นายรู้รึยัง คังอินกับคยูฮยอนมาที่นี่” ฮีชอลกระแทกประตูให้เปิดออก เยซองรีบเหวี่ยงรยอวุคออกด้วยความตกใจ จนร่างของรยอวุคปลิวไปกองอยู่กับพื้นอีกฟาก
“โอ๊ย! พี่เยซอง พี่ทำอะไรเนี่ย” คนตัวเล็กโวยวายทันทีที่ลุกขึ้นยืนได้ เยซองรีบวิ่งไปพยุงทันที
“เอ่อ..พี่ขอโทษนะ แบบว่า มันตกใจน่ะ... นายว่าไงนะฮีชอลคยูฮยอนมาที่นี่งั้นหรอ” เยซองถามซ้ำเพื่อความแน่ใจ สีหน้าเคร่งเครียดขึ้นเล็กน้อย
“คยูฮยอน...”รยอวุคทวนชื่อซ้ำ ก่อนจะหลบที่หลังเยซองด้วยความหวาดกลัว ใบหน้าเล็กขาวซีดไปถนัดตา
“ใช่... พวกมันมาที่นี่... ฉัรถึงได้มาหาพวกนายไง เผื่อมันจ้องจะฆ่ารยอวุคอีก” ฮีชอลพูด เดินไปนั่งที่ขอบเตียง
“ไม่เห็นเจ้านั่นมันหิ้วตุ๊กตามาด้วยใช่มั้ย” เยซองถาม พลางลูบหัวรยอวุคเป็นการปลอบใจ
“ฉันไม่รู้.. แต่อีทึกมาแจ้งข่าว... ฉันเลยรีบมา” ฮีชอลบอก มองรยอวุคกับเยซองสลับกันไปมาอย่างสงสัย
“อย่ามองฉันแบบนั้น พวกเราไม่ได้ทำอะไรกันซะหน่อย” เยซองรีบปฏิเสธ ฮีชอลคลี่ยิ้มอย่างรู้ทัน
“ฮะๆ ฉันยังไม่ได้ว่าอะไรเลยนะ นายน่ะ ร้อนตัวไปเองน๊า... รึว่า...พวกนายทำอะไรกันจริงๆ” ฮีชอลยิ้ม จ้องหน้าเยซองเพื่อหาความจริง
“พี่ฮีชอลบ้าแล้ว... ผมนั่นแหละที่คิดมาก”รยอวุคว่า หน้าแดงเป้นมะเขือเทศสุก ทำเอาฮีชอลหัวเราะเสียงดัง
“ฉันก็แค่... จะเอาสร้อยเส้นนั้นออกมาก็แค่นั้นเอง” เยซองพูดเสียงค่อยราวกับกลัวว่าจะมีคนได้ยิน ฮีชอลถึงกับหยุดหัวเราะแล้วทำหน้าเครียดขึ้นมาทันที
“งั้นช่วยรีบเลยได้มั้ย... ฉันจะคุ้มกันให้เอง...” ฮีชอลบอก ลุกขึ้นยืดเส้นยืดสายเล็กน้อยพอเป็นพิธีแล้วกลับไปนั่งตามเดิม
“งั้นฝากด้วยละกัน...” เยซองบอก ก่อนพยักหน้าให้รยอวุค “เอาแบบเมื่อกี๊นะ”
“ครับ” รอยวุคพยักหน้ารับ ใบหน้าเริ่มมีสีขึ้นมาอีกครั้ง
เยซองประคองหน้าของรยอวุคเข้ามาใกล้ๆอีกครั้ง จนสัมผัสได้ถึงลมหายใจของกันและกัน ใบหน้าเล็กแดงจัดยิ่งกว่าอะไร ฮีชอลได้แต่ข่มอารมณ์เอาไว้ได้ให้เดือดพล่านไปมากกว่านี้
ยิ่งใกล้ ยิ่งหวั่นไหว สติของเยซองกำลังกระเจิงออกไป ใบหน้าเล็กที่แดงยิ่งกว่ามะเขือเทศสุก ทำเอาสติสะตังไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ก่อนที่จะฟุ้งซ่านไปมากกว่านี้ เยซองรีบเอาหน้าผากตัวเองแตะกับหน้าผากของอีกฝ่าย
“ขอพลังที่สถิตแก่ข้าจงสัมฤทธิ์ผล” เยซองพึมพำพร้อมกับหลับตาลง
แสงสว่างสาดส่องจนแสบตา ฮีชอลต้องหรี่ตามองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มือขวาของเยซองค่อยสัมผัสบริเวณหน้าอกของรยอวุคช้าๆ ก่อนที่มือข้างนั้นจะจมหายไปราวกับถูกดูดกลืนเข้าไป นั่นยิ่งทำให้แสงสว่างบาดตาขึ้นเรื่อยๆจนฮีชอลมองไม่เห็นอะไรเลย ไม่นาน แสงสว่างก็พลันหายไป
รยอวุคทรุดตัวลงอย่างอ่อนแรง แต่เยซองคว้าเอาไว้ได้ทัน ก่อนจะอุ้มคนตัวเล็กไปนอนที่เตียง มือขวามีสร้อยห้อยกุญแจสีเงินวาวสะท้อนแสงที่มาจากภายนอก
“นี่ใช่มั้ย... คือสิ่งที่พวกมันต้องการ” ฮีชอลถาม มองสร้อยเส้นนั้นไม่วางตา
“อืม..”เยซองตอบ ตามองรยอวุคด้วยความห่วงใย
“อันแค่เนี้ย! ถึงกับต้องฆ่าคนบริสุทธิ์คนนึงเลยหรอ” ฮีชอลพูดอย่างเหลืออด “ฉันล่ะอยากจะรู้จริงๆ ว่าไอ้บ้านั่นมันเป็นใครกันแน่... ที่ทำให้รยอวุคเกือบตายแบบนี้”
“มีแค่คิบอมกับฉันคยองเท่านั้นที่สามารถพาองค์ชายกลับมาที่นี่ได้” เยซองพูด เก็บสร้อยใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อ
“สิ่งที่ข้าต้องการ... คือสร้อยเส้นนั้น... และ...”คังอินเอ่ย เว้นช่วงเล็กน้อย ก่อนจะยิ้มที่มุมปาก
“ชีวิตขององค์ชายฮีชอล” คยูฮยอนเสริมรอยยิ้มชั่วร้ายเฉิดฉายอยู่บนใบหน้า
“แล้วถ้าเกิดข้าไม่สามารถให้ท่านได้ล่ะ” ราชาชินดงถามหยั่งเชิง ทั้งๆที่รู้คำตอบนั้นอยู่แล้ว
“ข้าคิดว่าท่านน่าจะรู้ดี ท่านราชา... สงคราม คือคำตอบของสิ่งที่ไม่สามารถลงเอยได้ด้วยดี” คังอินพูด พร้อมกับยิ้มกว้างราวกับกำลังพูดเรื่องขำขัน
“อา~.. นั่นสินะ ข้าน่าจะรู้ ถ้าเช่นนั้น... ข้าคิดว่าท่านทั้งสองคงจะรู้คำตอบของข้าเช่นกัน” ราชาชินดงเอ่ยเสียงเรียบ ก่อนจะยิ้มแบบเดียวกัน
“หึหึ... ถ้าเช่นนั้น... ข้าจะเตรียมไพร่พลให้พร้อม ข้าก็หวังว่าท่านจะทำเช่นนั้น” คยูฮยอนเอ่ย ก่อนจะลุกขึ้นแล้วโค้งตัวคำนับ แล้วหันหลังเดินจากไป
“แล้วเจอกันที่สมรภูมิ” ราชาชินดงกล่าว มองตามหลังทั้งสองคนด้วยแววตาโกรธจัด
“พี่มัวรออะไรอยู่... ผมรีบกลับนะ” คยูฮยอนถามคังอินอย่างสงสัย เมื่อคังอินมัวเดินอ้อยอิ่งออกจากปราสาทพลางชะเง้อหาใครก็ไม่รู้ตลอดทาง
“งั้นนายกลับก่อนเถอะ พี่จะไปธุระหน่อย” คังอินบอก เมื่อเดินมาถึงหน้าปราสาท ก่อนจะรีบแยกตัวออกมาก่อนที่คยูฮยอนจะทันได้ถามรายละเอียด
“เฮ้อ.. แอบไปหาเจ้าจองซูนั่นอีกแน่ๆเลย” คยูฮยอนส่ายหน้าเล็กน้อย ก่อนจะหายตัวไปจากบริเวณนั้น
“คังอิน!” เสียงที่เฝ้ารอคอยเรียกเขาจากทางด้านหลัง คังอินหันไปตามเสียงเรียกนั้น ก่อนจะยิ้มจางๆให้
“นายทำแบบนี้ทำไม... ทำไม... ฮึก... ทำไมนายต้องทำแบบนี้” อีกทึกพูดทั้งน้ำตา คังอินมองคนตรงหน้าอย่างตกใจ
“นะ.. นายเป็นอะไร ร้องไห้ทำไม” คังอินถาม แต่ก็ไม่ได้เช็ดน้ำตาที่อยู่บนหน้าอีทึกแต่อย่างใด
...ทำไงดี เกิดมาเพิ่งเคยเจอคนร้องไห้ต่อหน้า ทำอะไรไม่ถูกเลยเรา...
“ทำไม นายต้องวางแผนฆ่ารยอวุค... ทำไมถึงต้องการ..ฮึก ชีวิตของฮีชอล... ทำไมนายถึงปิดบังฉันกับเรื่องทั้งหมด...” อึทึกว่าพร้อมกับเขย่าแขนของคังอินเพื่อเค้นเอาคำตอบ
“....” คังอินถึงกับสะอึกกับคำถามที่ได้รับ เขาได้แต่ยืนเงียบ มองหน้าอีทึกด้วยความตกใจ
“บอกฉันมาสิ... ที่ผ่านมา นายหลอกฉันใช่มั้ย... นายหลอกใช้ฉันใช่มั้ย!...” อีทึกพูด ยิ่งพูด น้ำตาก็ยิ่งหลั่งไหลออกมามากขึ้น
“....” คังอินยังคงเงียบ หากแต่เขาดึงร่างของอีทึกเข้ามากอด ขณะที่อีทึกพยายามดิ้นให้หลุดออกจากอ้อมกอดนั้น
“เรื่องนั้นนายไม่ต้องรู้หรอก... นายรู้แค่.. ฉันรักนาย ก็พอ..” คังอินพูด กระชับอ้อมกอดให้แน่นยิ่งขึ้น
“คังอิน” อีทึกเอ่ยเสียงแผ่ว หยุดดิ้นในทันที เสียงร่ำร้องในใจบอกให้เขาอยู่ตรงนี้ มันร่ำร้องโหยหาอ้อมกอดอันอบอุ่นของคนตรงหน้า
“ฉัน.. ก็..รักนาย.... คังอิน”
คังอินคลายอ้อมกอดออก พร้อมกับมองคนตรงหน้าด้วยความปิติ
“ฉันรักนายเหมือนกัน” คังอินพูด แล้วหันหลัง
“คังอิน!” อีทึกโผกอดเขาจากด้านหลัง “ขอร้องล่ะ... สงครามนั่น นายหยุดมันได้มั้ย.. ฉัน ฮึก ขอร้อง”
คังอินพลิกตัวหันมาสบตากับอีทึกด้วยสีหน้าและแววตาที่จริงจัง
“ขอโทษนะ... ฉันคงทำแบบนั้นไม่ได้... ขอโทษจริงๆ”
คังอินพูด แล้วเดินหายลับไปในป่าอย่างรวดเร็ว
อีทึกทรุดตัวลงนั่งกับพื้นหญ้าอันอ่อนนุ่ม ก่อนจะปล่อยน้ำตาให้ไหลออกมาอย่างมากมาย ทั้งที่อยากจะหยุดร้อง แต่มันก็ทำไม่ได้ เมื่อคนที่เขารักหมดใจ... วางแผนที่จะฆ่าน้องชายและเพื่อนรักของเขา
หลังต้นไม้ใหญ่ ใกล้ๆกัน แสงแดดสะท้อนเงาของชายหนุ่มที่ยืนดูเหตุการณ์ทั้งหมด เขาอยากที่จะทรุดตัวลงนั่งกับพื้นแล้วทำแบบเดียวกันกับที่อีทึกกำลังทำในตอนนี้ แต่เขาเข้มแข็งเกินกว่าที่จะทำมันได้ อีกใจหนึ่ง เขาก็อยากที่จะเข้าไปปลอบ เข้าไปเช็ดน้ำตาให้ แต่เขาก็รู้ตัวเองดีว่าเขาไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะคิด...
“นายก็น่าจะรู้ตัวเองดีนี่นา คิม คิบอม...”ชายหนุ่มพล่ามกับตัวเอง ก่อนจะเหลือบมองอีทึกที่ยังนั่งร้องไห้อยู่ตรงนั้น พร้อมกับน้ำตาของเขา
“นายไม่มีทางได้ใจของ ปาร์ค จองซู คนนี้หรอก”
“อย่างฉันน่ะ คงได้แค่แอบมองแบบนี้แหละ...”
.
.
ฤกษ์งามยามดีมาอัพฟิคซะที
ดองซะบางคนลืมแล้วมั้งเนี่ย อิอิ
ยังไงก็อย่าพึ่งลืมกันน๊า
ด้ายสัญญาจะไม่ลืมอัพ (จริงๆนะ*o*)
ยังไงก็
อ่านแล้วเม้นซักนิ๊ด
จิตท่านจะแจ่มใส
จริงๆ เชื่อด้ายดิ
.
.
ความคิดเห็น