คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #14 : ตอนที่ 12
ในวันที่อากาศค่อนข้างร้อน แสงแดดที่ส่องลงมาสามารถทำให้ไอติมแท่งนึงละลายได้ภายใน 10 วินาที แต่ก็ไม่ร้อนเท่าอารมณ์ของชายหนุ่มในตอนนี้ ที่ร้อนจนสามารถหลอมเหล็กให้กลายเป็นของเหลวได้เลยทีเดียว
“โธ่โว้ย!” ชายหนุ่มร้องออกมาอย่างหงุดหงิด ตามมาด้วยเสียงทุบโต๊ะดังลั่นบ้าน
“พี่ครับ.. ผมว่าพี่ใจเย็นๆดีกว่าน่า พี่ฮีชอลอาจจะออกไปเดินเล่นที่ไหนก็ได้” ดงแฮพยายามปลอบใจพี่ชายที่กำลังหงุดหงิด เพราะอยู่ดีๆ ฮีชอลก็หายตัวไปซะดื้อๆ ตามหาที่ไหนก็ไม่เจอ
“เดินเล่นหรอ นายอ่านโน้ตที่ฮีชอลทิ้งไว้แล้วไม่ใช่รึไง” ซีวอนตวาด ก่อนจะซบหน้าลงบนโต๊ะ
ย้อนกลับไปเมื่อเช้า
ติ๊ดๆๆๆๆ
เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้นในตอนเช้าของวันใหม่ ซีวอนงัวเงียลุกขึ้นมาปิดเสียงมันก่อนที่เขาจะประสาทเสียในตอนเช้า สักพัก เขาก็จัดการอาบน้ำแล้วแต่งองค์ทรงเครื่อง พลัน แสงสะท้อนของวัตถุบางอย่างสะท้อนเข้าตาเขา เขามองที่พื้น เห็นวัตถุสีเงิน ทรงกลวงคล้ายแหวนวางอยู่บนพื้น
...นี่มันแหวนของฮีชอลนี่นา ทำไมมาหล่นอยู่ตรงนี้นะ... ซีวอนคิด หยิบแหวนวงนั้นขึ้นมา ก่อนจะเดินลงไปข้างล่าง
“แปลกแฮะ วันนี้ฮีชอลตื่นสาย” ซีวอนพึมพำเบาๆ เมื่อลงมาข้างล่างแล้วไม่เห็นเจ้าจอมยุ่งนั่งดูโทรทัศน์เหมือนทุกวัน
“พี่ซีวอน พี่เห็นพี่ฮีชอลป่ะ” เสียงดงแฮดังมาจากข้างบน ซีวอนเงยหน้าขึ้นไปมองด้วยความงง
“อ้าว พี่นึกว่ายังไม่ตื่นไม่ใช่หรอ” ซีวอนพูด ดงแฮส่ายหน้า
“บนห้องก็ไม่เห็นนะ แถมผ้าห่มก็พับเรียบร้อยแล้วด้วย ข้างล่าง ในสวนก็ไม่มี ไม่รู้หายไปไหน” ดงแฮบอก ซีวอนมีสีหน้าตกใจ ก่อนจะรีบวิ่งขึ้นไปบนห้องของฮีชอลอย่างรวดเร็ว
...ที่นอนไม่มีไออุ่นเลย แสดงว่าหายไปนานแล้วสินะ... ซีวอนคิด ขณะที่เอามือลูบที่นอนของฮีชอล สายตากวาดมองไปรอบๆห้องอย่างกระวนกระวายใจ
ที่กระจก มีโน้ตแผ่นหนึ่งแปะไว้ ซีวอนรีบดึงมาอ่าน ก่อนจะกำกระดาษแผ่นนั้นจนยับ
เพล้ง!
เสียงของวัตถุบางอย่างกระจบกับกระจกบานนั้น เศษแจกันใส่ดอกไม้วางเกลื่อนบนกับเศษกระจกเต็มพื้น
“พี่ซีวอน!” ดงแฮร้องอย่างตกใจ ขณะเปิดประตูห้องของฮีชอลออก
“ฮีชอล... ไปแล้ว” ซีวอนพูดเสียงแผ่ว ก่อนจะทรุดลงกับพื้น ดวงตาคมคลอด้วยน้ำตาที่พร้อมจะไหลออกมาตลอดเวลา
“หา! บ้าน่าพี่ พี่ฮีชอลจะไปไหนได้... แค่ออกจากบ้านก้าวเดียวก็หลงแล้ว” ดงแฮพูด ดึงกระดาษโน้ตที่ซีวอนกำจนยับมาอ่าน
กลับมาสู่ปัจจุบัน
“น่าพี่ฮะ... ยังไงซะพี่ฮีชอลก็ต้องไปอยู่ดีไม่ใช่หรอ” ดงแฮพูดเสียงเอื่อยๆ นั่งลงข้างๆซีวอนที่กำลังกลุ้มใจมากๆ
“ถึงอย่างนั้นก็เถอะ พี่แค่อยากลาเค้าก่อน... แต่จริงๆแล้ว พี่อยากให้.. เค้า อยู่กับเราตลอดไป ต่างหาก” ซีวอนพูด น้ำเสียงสั่นเครือ ดงแฮมองพี่ชายด้วยความเป็นห่วง แล้วสมองอันชาญฉลาดของดงแฮก็คิดถึงชื่อใครบางคนขึ้นมา
...คิม คิบอม...
ใช่สิ... คิบอม เจ้านั่นรู้จักพี่ฮีชอล ตอนพี่ฮีชอลอยู่ที่นี่ มันก็ตามพี่ฮีชอลตลอด ถึงผมจะไม่ใช่ปิศาจหรือผู้วิเศษ แต่ผมก็สัมผัสมันได้ แต่ตอนนี้ ไม่มีวี่แววของมันเลย...
“นายไปเรียนเถอะ พี่อยู่คนเดียวได้ เดี๋ยวพี่ก็จะออกไปทำงานแล้ว” ซีวอนบอก ดงแฮถอนหายใจก่อนจะเดินจากไป
“ไอ้บ้าเอ๊ย! มีโอกาสเมื่อไหร่ล่ะ พ่อจะจับเฉือนซะไม่เหลือซากเลย คอยดู” ฮยอกแจบ่นตลอดทางที่มาโรงเรียน ก็เมื่อคืนน่ะสิ เวลาคนจะหลับจะนอน มันเล่นนั่งผิวปากทั้งคืน แถมยังนอนพลิกไปพลิกมา ใครจะไปหลับลง -*-
“ฮยอกแจ!” ดงแฮตะโกนเรียกเสียงดังมาแต่ไกล ฮยอกรีบวิ่งไปหาเพื่อนรักทันที
“ดี หน้านายดูเครียดๆนะ” ฮยอกแจทัก มองเพื่อนรักด้วยความสงสัย
“ก็ใช่น่ะสิ พี่ฮีชอลเล่นหายตัวไปซะดื้อๆ” ดงแฮพูด ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
“หา! คนทั้งคนเนี่ยนะ”ฮยอกแจตะโกนอย่างไม่เชื่อ คิ้วขมวดเข้าหากันด้วยความสงสัย
“อื้อ ทั้งคนนี่แหละ ฉันล่ะคิดไม่ออกเลยว่าจะตามหาพี่ฮีชอลได้ที่ไหน พี่ซีวอนกลุ้มมากเลยพอรู้ว่าพี่ฮีชอลหายตัวไป” ดงแฮบอกเสียงเศร้า
“พระเจ้าเท่านั้นที่รู้...”ฮยอกแจพึมพำเบาๆ ไม่อยากให้ดงแฮได้ยิน เพราะดงแฮมักว่าเขาบ่อยๆเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ ดงแฮที่ไม่ยอมเชื่อในเรื่องพระเจ้า ต่างจากเขาที่ทุ่มเทชีวิตเพื่อพระเจ้า
“เออ... จริงสิ วันนี้ไปโบสถ์กันนะ” ดงแฮออกปากชวน ฮยอกแจถึงกับมองดงแฮอย่างทึ่งๆ
“เอ่อ... อื้อ.. ไปสิ”ฮยอกแจพูด อยากจะหัวเราะ แต่ก็หัวเราะไม่ออก ในใจได้แต่นึกว่า วันนี้มันกินยาผิดป่าววะ
“พระเจ้า ผมควรจะทำยังไงดีครับ”ดงแฮนั่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้ารูบสลักหินอันวิจิตร รูปพระเยซูถูกตรึงบนไม้เกงเขน
...ขอให้ผมเจอกับไอ้บ้าคิบอมนั้นอีกทีเถอะ ผมจะรีดเอาความจริงจากมันให้ได้..
“ฉันดีใจนะที่นายยอมรับเรื่องนี้”ฮยอกแจพูด ในใจก็ยังไม่อยากจะเชื่ออยู่ดี จู่ๆ คนบ้าวิทย์อย่างดงแฮน่ะเหรอจะชวนไปโบสถ์ ขนาดวันนั้นมันวิ่งหนีแวมไพร์หางจุกตูด ไอ้เรารึจะชวนไปรดน้ำมนต์ ลากแทบตายกว่าจะยอมไป
“คนเราก็ต้องการที่พึ่งทางจิตใจนะ” ดงแฮพูดเสียงเนือยๆ ก่อนจะลุกขึ้น “ไปกันเถอะ ฉันไม่อยากปล่อยให้พี่ซีวอนอยู่คนเดียว เดี๋ยวเกิดบ้าขึ้นมาอีก”
“งั้น พรุ่งนี้เจอกันนะ” ฮยอกแจยิ้ม ก่อนจะแยกทางกับดงแฮ คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันอีกครั้ง
...ใครกันนะ คิบอมคนนั้น...
“เพื่อนฉันเองทำไมหรอ นายมีปัญหาอะไรกับเจ้านั่นรึไง”เสียงทุ้มของฮันกยองดังขึ้น ฮยอกแจถอนหายใจอย่างหน่ายๆ ...มันชอบอ่านใจคนอื่นตลอดเลย...
“เปล่า ฉันแค่สงสัยน่ะ เห็นดงแฮพูดงึมงำๆทั้งวัน ว่าต้องเจอเจ้านั่นให้ได้” ฮยอกแจบอกอย่างไม่ใส่ใจ ขณะไขกุญแจห้อง
“งั้นเดี๋ยวฉันจะบอกมันให้ก็แล้วกัน” ฮันกยองบอก ขณะเดินไปนั่งที่โซฟาสีเทาอ่อน ก่อนจะเปิดโทรทัศน์ดูรายการต่างๆ
“ฉันรู้สึกว่านี่มันห้องฉันนะ” ฮยอกแจพูดเหน็บแหนมขึ้นมา ฮันกยองยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ แล้วนั่งดูทีวีต่อไป
“อีทึก!”เสียงหวานของฮีชอลตะโกนลั่นปราสาท ทำเอาเจ้าของชื่อสะดุ้ง
“ฮีชอล นายกลับมาแล้ว...”อีทึกวิ่งหราเข้ามากอดเพื่อนรักด้วยความคิดถึง พร้อมกับหอมแก้มไปฟอดใหญ่ คนที่ยืนอยู่ข้างหลังได้แต่มองด้วยความน้อยใจ
...อยากโดนหอมแบบนั้นบ้างวุ้ย...
“ขอบใจนายมากนะ คิบอม”อีทึกหันมายิ้มให้ คิบอมยิ้มตอบ
“ทำหน้าที่ได้ดีมาก คิบอม ข้าขอบใจเจ้ามาก ที่ดูแลลิงน้อยอย่างฮีชอลได้เป็นอย่างดี” เสียงราชาชินดงดังจากข้างหลัง คิบอมก้มลงทำความเคารพอย่างสุภาพ
“ท่านลุงอ่ะ ข้าเปล่าเป็นลิงนะ”ฮีชอลท้วง หน้าสวยง้ำลงอย่างงอนๆ
“ฮ่าๆ ลุงดีใจที่เจ้ากลับมาอย่างปลอดภัย รยอวุคก็คงดีใจ เยซองก็น่าจะดีใจด้วย”ราชาชินดงบอก พร้อมกับกอดคออีทึกและฮีชอลหลานรักทั้งสองขึ้นไปชั้นบนของปราสาทเพื่อดูอาการของเยซอง
“พี่ฮีชอล”เสียงเล็กของรยอวุคดังขึ้นทันทีที่ฮีชอลเดินข้ามธรณีประตูเข้าไป
“คิดถึงจังเลยน้องรัก เจ็บตรงไหนบ้างฮึ”ฮีชอลสวมกอดรยอวุคด้วยความห่วงใย
“ผมไม่เป็นไรหรอกครับ แต่พี่เยซองน่ะ”รยอวุคพูด ก้มหน้าลงอย่างสำนึกผิด
“เยซองต้องไม่เป็นไรน่า”ฮีชอลบอกอย่างอ่อนโยน รยอวุคพยักหน้าพร้อมกับน้ำตาที่ไหลเป็นสาย
“บาดแผลภายนอกหายสนิทแล้ว” คิบอมบอก นั่งลงที่ข้างเตียง ที่เต็มไปด้วยไออุ่น เพราะรยอวุคเพิ่งจะลุกออกมา
“ฉันไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทำไมมันถึงอยากจะฆ่ารยอวุคขนาดนี้” อีทึกพูด รยอวุคสะดุ้งเฮือก ด้วยความตกใจ
พักหลังเมื่อพูดถึงเลือด หรือการฆ่ากัน รยอวุคมักจะสะดุ้งหรือตกใจ หรือไม่ก็ร้องไห้ไปเลย
“เพราะรยอวุคน่ะ เป็นกุญแจสำคัญน่ะสิ”ราชาชินดงเอ่ย ฮีชอลและอีทึกมองหน้ากันอย่างงงๆ
“กุญแจสำคัญอะไร” ฮีชอลถาม
“คงต้องรอให้เยซองฟื้นก่อนน่ะนะ เพราะเจ้านี่น่ะ รู้ดีที่สุด”คิบอมบอก
“รอมันฟื้นหรอ กว่ามันจะฟื้นน่ะนะ พวกฉันไม่ถูกฝังจนรู้จักกับรากไม้หมดสวนแล้วรึไง”อีทึกพูด มองเยซองที่นอนหลับอยู่อย่างเอาเรื่อง
“รยอวุค” เสียงเยซองเพ้อเบาๆ ทุกสายตาจับจ้องไปที่ร่างที่นอนอยู่
“แหมๆ ขนาดเจ็บเจียนตาย ยังเพ้อถึงนายด้วยนะเนี่ย” ฮีชอลแซว ก่อนจะรีบปิดปากเมื่อราชาชินดงหันมามอง
“พี่เยซอง! พี่ฟื้นสิ พี่ครับ”รยอวุคเขย่าตัวเยซองเบาๆ ตากลมมองคนตรงหน้าอย่างมีความหวัง
“อืม... รยอวุค”เยซองค่อยๆลืมตาขึ้น รยอวุคกระโดดตัวลอยด้วยความดีใจ
“โอ๊ย!” รยอวุคจับที่แผลบริเวณไหล่ที่ยังไม่หายดี
“รยอวุค นั่งๆ เยซอง ดีใจด้วยนะ”อีทึกพยุงน้องรักให้นั่งลง ก่อนจะหันไปยิ้มให้เยซองที่นอนลืมตาอยู่
“ฉันหลับไปนานแค่ไหนแล้ว” เยซองถามเสียงเนือยๆ พยายามดึงตัวเองให้ลุกขึ้นนั่งช้าๆ
“ก็ สามวัน” อีทึกตอบ เยซองพยักหน้าเบาๆ สายตาจ้องมองไปที่ฮีชอลที่ยืนอยู่ข้างๆอีทึก
“แล้วนาย...”
“ฉัน.. เพิ่งกลับมาน่ะ”ฮีชอลตอบ พยายามกลั้นความรู้สึกที่อยากร้องไห้เอาไว้
...เมื่อเรามาอยู่ที่นี่ เราจะร้องไห้ไม่ได้ คิม ฮีชอลคนเดิม ไม่มีวันร้องไห้...
“เอาล่ะ ไหนๆวันนี้ก็มีแต่เรื่องดีๆ จ้าว่า เราน่าจะจัดงานฉลองกันสักหน่อยนะ” ราชาชินดงเอ่ยดเวยใบหน้าอันยิ้มแย้ม
“เย้!”
ในยามเย็นของมิติแห่งโลกที่อะไรก็เกิดขึ้นได้ งานเลี้ยงอันยิ่งใหญ่ก็ถูกจัดท่ามกลางเมืองหลวงของแคว้นอาราเนีย ประชาชนต่างพากันเฉลิมฉลองต้อนรับ คิม ฮีชอล ด้วยความยินดี
“ฮีชอล นายนี่มันอึดเป็นบ้าเลยนะ ไปอยู่ที่นู่นได้โดยไม่รู้สึกถึงแรงกดดันอะไรเลยน่ะ” อีทึกชม ฮีชอลหน้าแดงหน่อยๆ
“ก็อึดอัดนิดนึงนะ มันใช้เวทย์มนต์ไม่ได้เลยน่ะสิ” ฮีชอลตอบ รู้สึกหดหู่ลงไปอีก เมื่อเพื่อนรักเปิดบทสนทนาด้วยเรื่องนี้
...คิดถึง!...
...คิดถึง ใครบางคนที่อยู่ที่โลกนั้น...
...คนที่คอยห่วงใยและดูแลเขาตลอดเวลา....
“แล้วว่าแต่ ฮันกยองมันไม่มาด้วยกันหรอ” อีทึกหันไปถามคิบอม เมื่อเห็นสหายรักของแวมไพร์หนุ่มไม่ยักโผล่หัวมา
“อืม น่าจะ ถ้ามาเดี๋ยวก็คงเห็นแหละ” คิบอมตอบ ซดเลือดสีแดงที่อยู่ในแก้วจนหมด
“แล้วพี่ฮีชอลอยู่ที่นั่นเป็นไงบ้างอ่ะ” รยอวุคถาม ฮีชอลหันมายิ้ม ขัดกับแววตาที่ดูเศร้าหมอง คิบอมมองฮีชอล พร้อมกับถอนหายใจเบาๆ
“ก็สนุกนะ คนที่นั่นน่ะ ใจดีกับพี่มากเลย” ฮีชอลตอบ ...ใจดีมากๆเลยด้วย...
“ว้าว! น่าสนุกจังเลยเนาะ ผมอยากเป็นพี่ฮีชอลจัง” รยอวุคพูด ทำท่าเพ้อฝัน
“อยากเป็นพี่? ทำไมอ่ะ??”ฮีชอลถามอย่างงงๆ
“ก็ได้อยู่ทั้งสองโลกเลยน่ะสิ มันน่าสนุกออกนะ ถึงจะอยู่ที่โลกนั้นไม่นานก็เถอะ”รยอวุคพุด ยิ้มกว้างอย่างร่าเริง
ตุบ!
เพล้ง!
เสียงของแข็งกระทบกับโต๊ะอย่างแรง! ตามด้วยเสียงของแก้วที่แตกละเอียด ทิ้งเศษเกลื่อนทั้งบนโต๊ะและใต้โต๊ะ
.
.
.
.
อ๊ากกก เห็นคอมเม้นแล้วกลุ้มจิต
ไม่กระเตื้องเลยง่าาาา แง้ๆๆๆๆ
ยังไงก็เถอะ
มาอัพตามที่สัญญาว่าจะไม่ทิ้ง หุหุ
ยังไงก็ เม้นให้กันบ้างน๊าาา
สงสารไรต์เตอร์เต๊อะ มันยิ่งไม่มีจะกินอยู่_ _" เกี่ยวมั้ย??
.
.
.
.
ความคิดเห็น