คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #22 : ตอนที่ 19
“นายเป็นใคร”
ฮีชอลทรุดตัวลงนั่งทันทีที่ได้ยินคำถามนั้น...
“คุณจำผมไม่ได้หรอ.. ผม คิม ฮีชอลไง คุณจำผมได้มั้ย” ฮีชอลพูดทั้งๆที่ยังไม่เงยหน้า น้ำตาหยาดใสไหลลงบนพรมสีเทาจนเปียกชุ่ม
“พี่ซีวอน.. ทำไมพี่พูดแบบนี้ล่ะ พี่ฮีชอลน่ะ.. รอพี่มาตลอดเลย พี่รู้บ้างมั้ย!” ดงแฮย่อตัวลงนั่งข้างๆฮีชอล แล้วตะโกนลั่น ซีวอนก้มลงมองดงแฮด้วยแววตาสงสัย
“นาย... เป็นใครอีกล่ะเนี่ย..” ซีวอนเอ่ย มองคนตรงหน้าพร้อมกับทำตาโต
“พี่จำผมไม่ได้หรอ! พี่ลืมพี่ฮีชอล คนที่พี่รักไม่พอ พี่ยังกล้าลืมผมอีกหรอ” ดงแฮตวาด ซีวอนหรี่ตามองอย่างไม่พอใจ
“ใช่! ฉันจำพวกนายไม่ได้ซักคนเดียว พวกนายเป็นใคร.. ฉันไม่รู้ พอใจมั้ย!” ซีวอนพูด พร้อมกันนั่งลงบนโซฟาด้วยสีหน้าไม่พอใจ
“ผมให้โอกาสพี่ นึกดีๆสิ... พี่เล่นตลกอะไรของพี่เนี่ย ผมไม่ขำนะจะบอกให้” ดงแฮพูด มองหน้าซีวอนอย่างมีหวัง
“นายจะให้ฉันพูดอีกกี่ครั้ง ฉันก็ขอยืนยันคำเดิม.. ว่าฉัน.. ไม่รู้ ว่า พวกนายเป็นใคร” ซีวอนพูด จงใจเน้นประโยคหลังให้ชัดเจน
“ฮึก.. ทำไม.. ทำไมถึงจำไม่ได้ ฮือ.. ฮึก” ฮีชอลสะอื้นเบาๆ มือสวยกำพรมแน่น
“เหอะ! ไปกันเถอะพี่ฮีชอล อยู่ที่นี่เดี๋ยวมีเฮเปล่าๆ พี่ชงพี่ชายอะไรก็ไม่สนแล้วโว้ย” ดงแฮตะโกนบั่น พลางลากฮีชอลออกจากห้องนั้น
“นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ย..? ฉันงงไปหมดแล้วนะ”อีทึกถาม เครื่องหมายคำถามวางประทับตราอยู่บนหน้าอันสวยงามเรียบร้อย
“เรื่องมันยาวน่ะ” คิบอมพูด ถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย
“นายรู้ทุกอย่างเลยหรอ.. ไม่เล่าให้ฟังมั่งเลยนะ ฮีชอลน่ะ เพื่อนฉันนะ” อีทึกว่าเสียงเขียว มองคิบอมอย่างตำหนิ
“ก็บอกแล้วไงเล่า ว่าเรื่องมันยาว” คิบอมพูดซ้ำ
“มันยาวเพราะนายไม่เล่าซะทีน่ะสิ ถ้านายเล่าซะ.. มันก็คงจะสั้นลงบ้างล่ะ” เยซองว่าหลังจากที่เงียบมานาน เขาเองก็ไม่สบายใจที่เห็นฮีชอลเป็นแบบนี้ ถึงเขากับฮีชอลจะไม่ค่อยถูกกันเท่าไหร่ก็เถอะ
“ใช่ๆ ผมก็อยากจะรู้เหมือนกัน ว่ามันจะยาวถึง10โยชน์มั้ย” รยอวุคอว่า ใบหน้าเล็กมีสีหน้ากังวลใจอย่างชัดเจน
“เฮ้อ~ ได้ๆ ถ้าพวกนายอยากฟัง” คิบอมพูดเสียงเนือยๆ พร้อมกับย่อตัวลงนั่งบนโซฟา ข้างซีวอน
ท่ามกลางความเงียบสงบในสวนหลังปราสาท แสงแดดยามบ่ายส่อง ตรงลงมาจนผิวโลกร้อนระอุ สัตว์เล็กๆ อย่าง กระรอก ยังหลบแดดอยู่บนต้นไม้ มีเพียงสายลมเย็นที่พัดเอื่อยๆที่พอจะบรรเทาความร้อนลงได้บ้าง สองหนุ่มหน้าสวยและหน้าหวานกำลังนั่งเอาเท้าแช่น้ำเย็นๆอยู่ริมลำธาร ใต้ร่มเงาของต้นไม้ใหญ่
“พี่ฮีชอล.. พี่ไม่เป็นไรแน่นะ” ดงแฮถามอย่างเป็นห่วงเมื่อเห็นฮีชอลเอาแต่นั่งก้มหน้าแล้วเงียบ
“ฮื่อ” ร่างบางตอบเบาๆในลำคอ ตากลมมองปลายเท้าตัวเองที่แช่อยู่ในน้ำที่ใสสะอาด น้ำตาใสไหลลงอาบแก้มอย่างไม่รู้ตัว
“พี่ไม่ต้องไปเครียดอะไรหรอกนะ.. บางที พี่ซีวอนเค้าก็เป็นแบบนี้แหละ ทำงานมากจนลืมอะไรต่อมิอะไร ขนาดชื่อตัวเอง พี่เค้ายังเคยลืมเลย” ดงแฮโกหกเนียนๆ ปลอบใจร่างบางที่นั่งอยู่ข้างๆ
“ฮื่อ..” ฮีชอลยังคงตอบสั้นๆในลำคอ และไม่ยอมเงยหน้า
“ว่าแต่ใครกันน๊า.. เป็นคนพาพี่ซีวอนมาที่นี่” ดงแฮพูด ดวงตาจ้องมองขึ้นไปบนท้องฟ้า จนลืมสังเกตว่าร่างบางที่นั่งอยู่ข้างๆแอบสะอื้นเบาๆ
“...”
“ผมน่ะ.. อยากกลับบ้านมากเลยล่ะ พี่ฮีชอลว่ามั้ย” ดงแฮถาม ตากลมยังไม่ละจากท้องฟ้าอันกว้างใหญ่
“...”
“ผมน่ะ คิดถึงบ้าน อยากกลับไปที่นั่น อยากกลับไปที่โรงเรียน ไปหาเพื่อนๆ ไปเล่นการ์ดยูกิ(??) กับฮยอกแจ ไปเถียงกับเค้าเรื่องวิชาประวัติศาสตร์” ดงแฮพูด น้ำเสียงฟังดูเศร้าลงอย่างเห็นได้ชัด หากแต่ตอนนี้ คนฟังนั้นไม่ได้ยินมันแม้แต่ประโยคเดียว
“ฮึก...” เสียงสะอื้นบอยๆดังขึ้น ดงแฮละสายตาจากท้องฟ้า หันไปมองหน้าฮีชอลที่นั่งอยู่ข้างๆ
“พะ.. พี่ร้องไห้หรอ..”ดงแฮถาม นี่เขาพูดจนพี่ฮีชอลร้องไห้เลยหรอเนี่ย.. ดงแฮนายทำอะไรลงไป
ฮีชอลเงยหน้าขึ้น มือสวยปาดน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม พร้อมกับแค่นหัวเราะเล็กน้อย
“นายรู้อะไรมั้ย ดงแฮ... เกี่ยวกับการเดินทางจากโลกมายังที่นี่”ฮีชอลเอ่ยขึ้นมาอย่างเลื่อนลอย ใบหน้าสวยเหม่อมองไปยังป่าที่อยู่อีกฟากฝั่งของลำธาร
“เดินทางมาที่นี่หรอ” ดงแฮขมวดคิ้ว อย่างข้องใจ
“ใช่.. แล้วก็กฎการแลกเปลี่ยนที่เท่าเทียมนั่น” ฮีชอลพูดต่อ ดงแฮพยักหน้าทั้งๆที่ยังข้องใจอยู่
“การที่จะได้อะไรมา จำเป็นต้องจ่ายสิ่งที่มีค่าเท่าเทียมกันออกไป” ดงแฮพูดเบาๆ ฮีชอลพยักหน้าเล็กน้อย
“ก่อนจะเข้ามาที่นี่ได้ ผู้เดินทางจะต้องผ่านประตูบานนึง.. การที่ผ่านผ่านประตูนั้นได้ เราจะต้องจ่ายค่าผ่านประตู.. ไม่ใช่สิ่งของ ไม่ใช่เงินทอง..” ฮีชอลพูดต่อ เหมือนคนไร้สติ ดวงตายังคงเหม่อลอยมองออกไปยังที่ที่ไกลแสนไกล
“ฉัน ไปที่โลกนั้น ฉันก็จ่ายความสามารถในการใช้เวทมนต์ของฉันไป.. นายไปที่นั่นนายก็จ่ายความสามารถในการเล่นแร่แปรธาตุพร้อมกับความทรงจำของนาย... เพราะฉะนั้น การที่คุณซีวอนมาที่นี่ ...”
“พี่คิดว่า พี่ซีวอนจ่ายความทรงจำเป็นแค่ผ่านประตู”ดงแฮเอ่ยเสียงแผ่ว เขารู้สึกสับสน เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น ล้วนแต่ไม่น่าเชื่อ เขาไม่อยากจะเชื่อเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด แต่ในเมื่ออะไรต่างๆที่เขาเจอมา มันก็ล้วนน่าเหลือเชื่อทั้งสิ้น
“ฮื่อ.. หึ น่าขำจัง ทั้งๆที่ฉันเฝ้ารอจะเจอ แต่พอได้เจอ เค้ากลับจำฉันไม่ได้เลย” ฮีชอลหัวเราะเบาๆ ด้วยความสมเพชตัวเอง
“พี่ฮีชอล..”ดงแฮมองฮีชอลด้วยแววตาเศร้าสร้อย เขาอยากจะปลอบ แต่เขาไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี
“คุณคยูฮยอน” เสียงหวานเรียกคนที่กำลังนั่งอ่านหนังสือบนโซฟาตัวนุ่ม
“มีอะไรหรอ ซองมิน” คยูฮยอนยิ้มอย่างอ่อนโยนให้กับคนตรงหน้า พลางปิดหนังสือแล้ววางไว้ที่ข้างตัว
“เรื่องที่คุณให้ผมไปทำ..”ซองมินพูด พร้อมกับนั่งลงบนโซฟาอีกตัว ด้วยสีหน้าที่ดูเป็นกังวล
“หือ.. เรื่องที่ฉันให้นายไปจ้างวานเพื่อนไปทำงานน่ะหรอ” คยูฮยอนถาม แสร้งยิ้มอบอุ่นให้กับคนตรงหน้า ทั้งที่ในใจร้อนรุ่มเมื่อเห็นสีหน้าของซองมิน
“ครับ.. คือว่า คนพวกนั้นเค้า เอ่อ...” ซองมินอึกอัก ก้มหน้าลง ไม่ยอมสบตากับอีกฝ่าย นั่นยิ่งทำให้คยูฮยอนต้องเพิ่มความอดทนมากขึ้นเป็นเท่าตัว
...คำตอบออกมาไม่เป็นที่น่าพอใจ ฉันจะไปถล่มที่นั่นให้ราบไปเลย…
“เค้าเรียกค่าจ้างสูงมากเลยฮะ แต่ว่า ถ้าคุณยินดีจ่าย เค้าก็ยินดีที่จะร่วมมือ” ซองมินว่า คยูฮยอนถอนหายใจพร้อมกับรอยยิ้มร้ายกาจ
“ฉันยินดีจ่าย ซองมิน.. เท่าไหร่เท่ากัน” คยูฮยอนบอก ก่อนจะลุกขึ้นยืน “นายเดินทางมาคงจะเหนื่อยน่าดู พักผ่อนให้สบายนะ ฉันจะออกไปธุระ”
“ครับ”ซองมินพยักหน้า มองคนตัวสูงที่เดินออกจากห้องไปด้วยความสงสัย
...คุณคิดจะทำอะไรกันแน่นะ คยูฮยอน ทำไมถึงต้องการนักฆ่ามากมายขนาดนั้น ครั้งที่แล้วก็ให้เราฆ่ารยอวุค หวังว่าครั้งนี้คงไม่ได้เกี่ยวกับพวกของราชาชินดงหรอกนะ..
“พี่ครับ เรื่องนักฆ่าผมได้ทำการจ้างวานเรียบร้อยแล้วนะ แล้วเรื่องของชนเผ่านั่น ไปถึงไหนแล้ว” คยูฮยอนถามด้วยอารมณ์แจ่มใส ใบหน้าดูยิ้มแย้ม แต่รอยยิ้มนั้น กลับเป็นรอยยิ้มที่ชั่วร้าย
“หรอ ค่าจ้างสูงเท่าไหร่ล่ะ” คังอินถามอย่างเบื่อหน่าย เขาไม่ได้รู้สึกดีใจอะไรเลย ตรงกันข้าม ตอนนี้เขากำลังรู้สึกหงุดหงิดด้วยซ้ำ
“แหมๆ.. พี่ครับ อย่างทำสีหน้าแบบนั้นสิ แค่ไม่ได้ไปหาเจ้าหนุ่มนั่นนานหน่อย ทำเป็นอารมณ์เสียไปได้” คยูฮยอนพูด พร้อมกับหัวเราะ แต่เมื่อเห็นสีหน้าของคังอินที่บ่งบอกว่าไม่เล่นด้วยก้หยุดหัวเราะทันที
“ค่าจ้าง.. ซองมินบอกว่า สูงพอดูเลยนา”
“มันจะซักเท่าไหร่กันเชียว” คังอินว่า พ่นลมหายใจออกมาเสียงดังด้วยความหงุดหงิด “นาย
“แค่นั้นเองนี่ครับ ไม่เห็นจะสะเทือนสมบัติที่กองอยู่ใต้แผ่นดินของเราเลยนี่นา” คยูฮยอนว่า “แล้วพี่ตกลงมั้ย”
“ตกลงสิ ฉันก็แค่หมั่นไส้ไอ้แก่หัวหน้าเผ่า ทำไมเป็นเย่อหยิ่งจองหอง เหอะ! เสร็จงานล่ะ ฉันเชือดคอมันทิ้งพร้อมๆกันกับเจ้าพวกนั้นเลย คอยดู” คังอินว่า ยันโต๊ะตรงหน้าเพื่อระบายความหงุดหงิด คยูฮยอนมองโต๊ะตัวนั้นอย่างสงสาร
“นั่นสินะ จะทำการใหญ่ มันก็ต้องลงทุนกันหน่อย” คยูฮยอนพูดยิ้มๆ
“ฮ้า! อยู่กันพร้อมหน้าเลย ฉันมีข่าวดีมาแจ้งพวกนาย” เสียงที่คุ้นเคยดังมาพร้อมกับร่างที่ปรากฏขึ้น เจย์ คิม นั่งลงบนขอบหน้าต่าง พร้อมกับรอยยิ้มที่บอกถึงอารมณ์ในขณะนี้ “พวกนายจะฟํงข่าวไหนก่อน ข่าวดี หรือดีมาก”
“อยากเล่าข่าวไหนก่อนก็เล่ามาเถอะ” คังอินว่า มองชายหนุ่มที่นั่งอยู่ที่ขอบหน้าต่างอย่างรำคาญ
“งั้นเอาเป็นข่าวดีก่อนแล้วกัน.. ฉันไปกล่อมเจ้าพวกนั้นให้มาร่วมทำสงครามกับเราได้สำเร็จ ส่วนข่าวดีมากก็คือ พวกภูตบางส่วนก็ร่วมมือกับเราด้วย” เจย์พูด คังอินแค่นหัวเราะนิดหน่อย ก่อนจะกลับไปทำหน้าหน้าหงุดหงิดเหมือนเดิม
“แล้วพวกมันคิดค่าจ้างเท่าไหร่กันล่ะ” คังอินพูด ด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูหงุดหงิดเต็มที่
“แหมๆ พวกมันจะเอาเงินทองไปทำอะไรได้ มันต้องการก็แค่ อำนาจเท่านั้นแหละ” เจย์บอก มองคังอินด้วยความแปลกใจ ปกติจะเห็นแต่เจ้าหมีนี่ยิ้ม แต่ไหงวันนี้มันกลับหงุดหงิดซะได้
“ดีจัง งั้นเราคงจะเปิดฉากสงครามได้ในไม่ช้านี้แล้วสินะ” คยูฮยอนพูด ดวงตาสีนิลเป็นประกายขึ้นมาทันที
“นั่นสิ.. ฉันล่ะตื่นเต้นจนแทบจะรอไม่ไหวแล้ว” เจย์พูด รอยยิ้มดีใจเมื่อครู่แปรเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มที่ร้ายกาจ “ฉันกลับไปเตรียมตัวก่อนดีกว่า แล้วฉันจะมาหาใหม่”
“ผมก็จะไปแล้วเหมือนกัน ชักตื่นเต้นแล้วสิ” คยูฮยอนพูด แล้วเดินจากไป
บทสนทนาทั้งหมด ถูกใครบางคนรับฟังมันตั้งแต่ต้นจนจบ ร่างเล็กเบิกตากว้างด้วยความตกใจ แต่ทันทีที่เห็นร่างสูงของคยูฮยอนกำลังจะเดินออกมา ร่างเล็กก็รีบวิ่งออกจากบริเวณนั้นอย่างรวดเร็ว
ขณะที่ทุกคนเดินออกจากห้องนั้นไป มีเพียงคังอินที่นั่งอยู่ที่นี่ เขาถอนหายใจพร้อมกับความคิดที่สับสนปนเปกันไปหมด ใจนึงเขาก็อดตื่นเต้นกับสงครามที่จะเกิดขึ้นไม่ได้ ตื่นเต้นเมื่อคิดถึงชัยชนะที่จะเป็นของเขา ตื่นเต้นกับเสียงกรีดร้องทรมานของนักโทษและคนที่ถูกฆ่า แต่อีกใจ เขากลับไม่อยากให้มันเกิดขึ้น เขาอดนึกถึงใบหน้าที่เปื้อนน้ำตาของอีทึกไม่ได้ น้ำตาที่ไหลออกมาเพื่อเขา เสียงหวานที่เอื้อนเอ่ยขอร้องให้เขาหยุดเรื่องทั้งหมด
ร่างหนาลุกขึ้นจากโซฟา พร้อมกับเดินออกจากประตูบานใหญ่ มุ่งตรงไปยังสวนกุหลาบที่อยู่ไม่ไกลจากปราสาทมากนัก
...ฉันขอโทษนะอีทึก ฉันคงจะทำตามที่นายขอไม่ได้... คังอินคิด ก่อนจะเด็ดดอกกุหลาบสีขาวสะอาดมาหนึ่งดอก
...นี่คงจะเป็นดอกสุดท้ายที่ฉันจะได้มอบให้นาย เก็บมันไว้ให้ดีๆนะ...
ร่างหนาเดินออกจากสถานที่แห่งนั้น พร้อมกับเปลวเพลิงที่ลุกโชติช่วงอยู่ด้านหลัง และดอกกุหลาบสีขาวที่กลายเป็นเพียงเถ้าถ่าน
“ที่แท้เรื่องมันก็เป็นแบบนี้เองหรอเนี่ย.. สงสารพี่ฮีชอลจัง”รยอวุคเอ่ยขึ้นมาในที่สุด หลังจากที่ฟังคิบอมเล่ามาตั้งแต่ต้นจนจบ
“นั่นสิเนาะ.. ฮีชอลเข้มแข็งจริงๆ”อีทึกพูด รู้สึกอึ้งปนทึ่งกับเรื่องที่คิบอมเล่า
“เห็นทีฉันต้องไปขอโทษเจ้านั่นซะแล้ว” เยซองเอ่ยขึ้นมาเบาๆ ทำเอาทุกคนหันมามองด้วยแววตาสงสัย
“พี่ไปทำอะไรกับพี่ฮีชอลไว้หรอ” รยอวุคถามเสียงเข้ม
“พี่เปล่าทำนะ.. พี่ก็แค่จะไปขอโทษที่เคยพูดไม่ดีไว้กับเจ้านั่นน่ะ พี่ล่ะสงสารเจ้านั่นจริงๆเลย” เยซองว่า อีทึกได้แต่ส่ายหน้าอย่างหน่ายๆกับความคิดของเจ้าองครักษ์นี่
“แต่ทำไม ฉันถึงจำมันไม่ได้เลยล่ะ” ซีวอนเอ่ยขึ้นมา อีทึกกำหมัดแน่น ถึงมันจะไม่ใช่ความผิดของซีวอนที่จำอะไรไม่ได้ แต่เขาเองก็ให้อภัยคนที่ทำเพื่อนรักของเขาต้องร้องไห้ไม่ได้หรอก ว่าแล้วอยากจะต่อยหน้าหล่อๆของมันสักทีสองที
“ฉันว่านายไปพักผ่อนก่อนเถอะ ซีวอน..”คิบอมพูด ทันทีที่เห็นสายตาอาฆาตจากคนที่นั่งตรงข้าม ก่อนจะลุกขึ้นจากโซฟาแล้วเดินนำออกจากห้องไป
“ที่นายเล่ามาทั้งหมดเป็นเรื่องจริงหรอ” ซีวอนถาม ขณะเดินตามคิบอมไปยังห้องนอนของตนเอง
“ใช่.. ถึงฉันจะไม่ได้จับตาดูพวกนายตลอด 24 ชั่วโมง แต่ฉันก็อ่านใจพวกนายได้ ฉันรู้ว่าพวกนายรู้สึกยังไงต่อกัน...” คิบอมพูด แอบเหลือบมองสีหน้าซีวอน ที่มีสีหน้างงงวยตั้งแต่ตอนที่อยู่ในห้องโถง
“ฉันเคยรักกับฮีชอล... หรอ ??”ซีวอนพึมพำด้วยเสียงที่ดังพอประมาณให้คิบอมได้ยิน คิ้วเริ่มขมวดเข้าหากัน เขาพยายามนึกภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่มันกลับไม่มีอะไรที่เขาจำได้เลยแม้แต่น้อย
“ใช่.. นายสองคนรักกันมาก มากจน.. ฉันอิจฉาเลย”คิบอมตอบกลับมาด้วยเสียงอันแผ่วเบา รอยยิ้มแห่งความเจ็บปวดปรากฏบนใบหน้าอันหล่อเหลา
“ทำไมฉันถึงจำอะไรไม่ได้เลย.. แม้แต่รอยยิ้มของเขา ฉันก็จำไม่ได้” ซีวอนพูด พลางถอนหายใจเฮือกใหญ่
“ค่าผ่านประตูนั่น คงจะเป็นความทรงจำของนายซะล่ะมั้ง” คิบอมพูด พร้อมกับหยุดอยู่ที่หน้าประตูบานใหญ่ “พักผ่อนซะ พรุ่งนี้มีอะไรรอนายอีกเยอะ”
ซีวอนพยักหน้า พร้อมกับผลักประตูบานใหญ่ให้เปิดออก ก่อนจะเดินเข้าไปข้างในแล้วปิดมัน ร่างสูงตรงไปยังเตียงนอนสีขาวสะอาด แล้วทิ้งตัวนอนแผ่หลาเต็มเตียง
...ทำไมถึงจำอะไรไม่ได้ซักอย่างเลยนะ แม้แต่รอยยิ้มของนาย ฉันก็ยังลืมมันไปหมด นายคงจะเสียใจมากเลยสินะ ฮีชอล...
...ถึงฉันจะลืมทุกอย่างไป แต่ความรู้สึก เมื่อตอนนายกอดฉัน ฉันกลับจำมันได้ดี มันอบอุ่นเหมือนฉันเคยสัมผัสมันที่ไหนมาก่อน...
ก๊อกๆ
เสียงเคาะประตูดังขึ้น ร่างท้วมที่กำลังอ่านรายงานที่ถูกส่งมาจากตอนกลางของแคว้น เงยหน้าขึ้นพร้อมกับเอ่ยเสียงดัง
“เข้ามา”
“ท่านราชาขอรับ หน่วยข่าวของเราได้รับแจ้งว่า ทางนั้นได้ระดมพลเพื่อทำสงครามแล้วขอรับท่าน” นายทหารนายหนึ่งเดินเข้ามา พร้อมกับกล่าวรายงานสิ่งที่ได้รับแจ้งจากทหารที่ไปสืบเรื่องนี้
“อืม.. รู้สึกว่าจะเริ่มเคลื่อนไหวกันแล้วสินะ เร็วกว่าที่ฉันคิดไว้ซะอีก” ราชาชินดงเอ่ย สีหน้าเคร่งเครียดจนนายทหารเริ่มรู้สึกกดดัน
“แล้วพวกนั้นเกณฑ์ใครมาร่วมรบบ้างล่ะ”
“เห็นว่าเป็นพวกนักฆ่าจาก แล้วก็พวกชนเผ่านักรบโบราณที่หลงเหลืออยู่นั่น แล้วก็พวกภูตบางส่วน พวกพรายน้ำอะไรเทือกนี้แหละขอรับ”
“ชนเผ่านักรบโบราณงั้นหรอ ไหนจะพวกนักฆ่านั่นอีก” ราชาชินดงเอ่ยเสียงเครียด คิ้วหนาขมวดเป็นปมจนยุ่งเหยิง “พวกมันลงทุนขนาดนี้ คงจะหวังให้ชนะสงครามอย่างเดียวเลยสินะ”
“เห็นทีงานนี้จะยอมไม่ได้แล้ว”
“ช่วยเรียกแม่ทัพ องครักษ์ และหัวหน้าฝ่ายต่างๆมาประชุม วันพรุ่งนี้ ตอนสายๆ บอกว่าฉันมีเรื่องสำคัญจะแจ้งให้ทราบ” ราชาชินดงเอ่ย ก่อนจะเผยรอยยิ้มที่ไม่มีใครเคยได้เห็น จนนายทหารเสียวสันหลังแว้บๆ
“ขอรับ” นายทหารโค้งตัวรับคำสั่งด้วยอาการสั่นเล็กน้อย ก่อนจะลากขาอันสั่นเทาออกจากห้องมา เหงื่อเม็ดใสไหลย้อยเป็นทางจนเปียกชุ่มเสื้อผ้าไปหมด
เกิดมาชาตินี้ ขอเห็นรอยยิ้มแบบนี้ของราชาแค่ครั้งนี้ครั้งเดียวเถอะ
-----------------------------------------------
ไรต์เตอร์กลับมาแล้วขอรับบบ...
ขอโทษจริงๆที่หายไปนานมาก...
หวังว่าทุกคนคงยังไม่ลืม นัง ด้าย คนนี้นะจ๊ะ...
ยังไงก็ขอบคุณที่ติดตามผลงานเค้าตลอดมาน๊าา..
ขอบคุณจริงๆจ้าาา
ความคิดเห็น