คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #17 : ตอนที่ 15
เช้าที่อากาศสดใส แสงแดดอ่อนๆส่งมายังผิวโลกสร้างความอบอุ่นให้กับทุกชีวิต ร่างเล็กง่วนอยู่กับกองการบ้านกองใหญ่ที่ค้างมาจากเมื่อคืน จนลืมดูเวลา และลืมดูว่า คนข้างๆยังไม่ปรากฏตัว
“นักเรียนเคารพ” เสียงเล็กของหัวหน้าห้องดังขึ้น ฮยอกแจจัดการยัดสมุดการบ้านลงในกระเป๋าอย่างรวดเร็ว สายตาเหลือบไปมองโต๊ะข้างๆ ที่เพื่อนรักของเขาเคยนั่งอยู่ทุกวัน แต่วันนี้กลับไม่มีแม้แต่เงา
...แปลกแฮะ ปกติไม่เคยมาสายนี่นา... ฮยอกแจคิด คิ้วขมวดเป็นปมด้วยความสงสัย
“เอาล่ะจ้ะ... วันนี้ พี่ชายของดงแฮ โทรมา บอกว่า ดงแฮไม่สบาย จึงขอพักการเรียน 1 เดือนนะ”ครูสาวประกาศหน้าชั้น ฮยอกแจหันขวับไปยังต้นเสียง ก่อนจะยกมือ
“ดงแฮเป็นอะไรครับ”ฮยอกแจถาม คนอย่างดงแฮไม่ใช่คนที่จะไม่สบายง่ายๆเลยนี่นา มันต้องมีอะไรแน่ๆ
“ดงแฮเป็นไมเกรนจ้ะ ท่าทางจะหนักด้วยนะ อ้อ! พี่ของดงแฮยังบอกด้วยนะว่า ช่วงนี้อย่าพึ่งไปเยี่ยมดงแฮ เพราะพี่เค้าต้องการให้ดงแฮพักผ่อน” ครูสาวบอก ยิ่งทำให้ฮยอกแจสงสัย ความกังวลแผ่ซ่านไปทั่วหัวใจ ลามไปยังสมองส่วนซีรีบรัม
เย็นวันนั้น
ร่างเล็กของฮยอกแจหยุดอยู่ที่หน้าบ้านหลังหนึ่ง มีป้ายสลักชื่อเจ้าของบ้านติดอยู่ บรรยากาศภายในบ้านดูเงียบเหงา
ติ๊งต่องๆๆๆ
ฮยอกแจกดกริ่งที่หน้าบ้าน ไม่นาน เจ้าของบ้านก็เดินโซซัดโซเซออกมา
“พี่ซีวอน”ฮยอกแจพูดเสียงแผ่ว มองคนตรงหน้าอย่างตกใจ ร่างสูงที่ขอบตาช้ำ คล้ำ และบวม บ่งบอกถึงการไม่ได้นอนและร้องไห้
“ฮยอกแจ มีอะไรหรอ”ซีวอนถามด้วยน้ำเสียงอ่อนล้า ดวงตาดูเหม่อลอย ผมเผ้าฟูกระเซอะกระเซิง ต่างจากเมื่อก่อนลิบลับ
“คือผมมาเยี่ยม..เอ่อ.. ดงแฮ..” ฮยอกแจพูดอย่างหวาดๆ มองซีวอนด้วยความแปลกใจปนสงสาร
“...” ไม่มีเสียงตอบกลับ ซีวอนมีสีหน้าเศร้าลง ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งกับพื้น น้ำตาที่ไม่เคยมีใครได้เห็น บัดนี้ ไหลลงมาเป็นสาย
“พี่ซีวอน!”ฮยอกแจร้องอย่างตกใจ พร้อมกับรีบถลาเข้าไปพยุงซีวอนให้ลุกขึ้น แล้วพาเข้าไปนั่งในบ้าน
“พี่ซีวอน เกิดอะไรขึ้นหรอ” ฮยอกแจตัดสินใจถามในที่สุด มองดูคนข้างๆด้วยความสงสาร
“ดงแฮ... ถูกพาตัวไป” ซีวอนตอบด้วยเสียงแหบพร่า พร้อมกับเอนตัวพิงพนักของโซฟา
“หา! ดงแฮถูกพาตัวไป” ฮยอกแจร้อง อ้าปากค้างด้วยความตกใจ
“ใช่.. พี่ไม่รู้ว่ามันเป็นตัวอะไร มันมีเขี้ยว ตาสีแดง แถมยังบินได้อีกต่างหาก” ซีวอนบอกด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
“มีเขี้ยว ตาสีแดงงั้นหรอ”ฮยอกแจพึมพำ คิ้วขมวดเป็นปมอย่างข้องใจ
...เป็นพวกมันไม่ผิดแน่ แต่ทำไมถึงต้องเป็นดงแฮล่ะ...
...หรือ จะเป็นเจ้านั่น... ที่ดงแฮเล่าให้ฟังวันนั้น...
“พี่ครับ พี่ไม่ต้องกังวลหรอกครับ สักวันดงแฮต้องกลับมาหาเราแน่” ฮยอกแจบอก รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏบนใบหน้า
“ไอ้บ้าเอ๊ย! ปล่อยสิวะ แกพาฉันมาทำไม” เสียงดงแฮยังคงดังตลอดทาง จนกระทั่งถึงที่หมาย แม้ว่าจะแหบลงมาก แต่ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคในการแหกปากร้องของดงแฮเลยแม้แต่น้อย
“เอะอะ เสียงดังอะไรกันเนี่ย พวกนาย!”เสียงของฮีชอลดังขึ้น พร้อมกับการปรากฏกาย
“แขกนายแน่ะ ดูแลด้วยละกัน”คิบอมบอก ก่อนจะเดินจากจากปราสาทไป
“ดงแฮ!” ฮีชอลตาโตอย่างตกใจ “นายมาที่นี่ได้ยังไง”
“พี่ฮีชอล พี่อยู่ที่นี่เอง รู้มั้ย พี่ซีวอนคิดถึงพี่มากเลยนะ พี่กลับไปหาพี่ซีวอนเถอะนะ” ดงแฮวิ่งตรงเข้าไปสวมกอดฮีชอลด้วยความคิดถึง ฮีชอลได้แต่ยืนนิ่งราวกับต้องมนตร์
“ฮีชอล เสียงดังจังเลย.. อ้าว.. เพื่อนนายหรอ”อีทึกเดินเข้ามาหา สายตาจับจ้องอยู่ที่ผู้มาใหม่
“นายมาที่นี่ได้ยังไง” ฮีชอลยังคงสนใจที่จะถามมากกว่าที่จะฟังดงแฮพูด ดงแฮเงยหน้ามองฮีชอล
“คิบอมพาผมมาที่นี่ เจ้านั่นบอกว่าเป็นการแลกเปลี่ยนที่เท่าเทียม” ดงแฮบอก ฮีชอลหลับตาแล้วกำหมัดแน่นก่อนจะลืมตาขึ้นมามองดงแฮด้วยสีหน้าจริงจัง
“นะ..นาย!” อีทึกร้องอย่างตกใจเมื่อเห็นหน้าดงแฮ ดงแฮหันไปมองอีทึกด้วยแววตาสงสัย
“ลี ดงแฮ!”
“คุณรู้จักผมได้ยังไง ในเมื่อเราอยู่กันคนละที่”ดงแฮถาม มองอีทึกอย่างประหลาดใจ คิ้วเรียวขมวดเป็นปมด้วยความสงสัย
“ใช่นายจริงๆด้วย ลี ดงแฮ” อีทึกพูดเสียงแผ่ว ก่อนจะก้าวถอยไปที่กำปพงเพื่อหาที่ค้ำยันตัวเองเอาไว้
“คุณรู้จักผมได้ยังไง!” ดงแฮตะโกนเสียงดัง น้ำตาคลอเต็มเบ้า ตอนนี้เขารู้สึกอ่อนแอ คนที่อยู่กันคนละที่ ทำเหมือนรู้จักเขา ไหนจะสายตาที่ไม่สนใจเขาจากฮีชอลที่เคยหัวเราะ ร่วมทุกข์สุขด้วยกันมา
“เงียบนะ!”ฮีชอลแผดเสียงดังลั่นสนั่นปราสาท ขาเรียวก้าวเข้าไปหาดงแฮที่ยืนนิ่งอยู่
“พะ..พี่ฮีชอล” ดงแฮก้าวถอยหลังด้วยความหวาดกลัว ฮีชอลที่เขารู้จัก ไม่ใช่คนๆนี้ คนๆนี้ไม่ใช่ฮีชอลที่เขาเคยรู้จัก!
“นายมาที่นี่... ฮึก.. นายจ่ายอะไรเป็นค่าผ่าน.. นายจ่ายอะไรไป ดงแฮ.. นายต้องเสียอะไรเพื่อแลกกับการมาที่นี่” ฮีชอลดึงดงแฮเข้ามากอด พร้อมกับน้ำตาที่หลั่งรินลงมาเป็นสาย ดงแฮได้แต่สงสัยในที่สิ่งฮีชอลพูด ก็ปล่อยน้ำตาออกมาเช่นกัน
“มันพามาด้วยอีกคน คนนี้ไม่ธรรมดานะ... นาย
“เห! ลี ดงแฮหรอ เจ้าเด็กคนนั้นน่ะหรอ... บ้าน่า”คังอินพูดด้วยสีหน้าที่บ่งบอกว่าไม่เชื่อ
“ถ้าเป็นเด็กคนนั้นจริง...ก็น่ากลัวนะ ถ้าพวกนั้นคิดจะเอาดงแฮเข้าฝ่ายตนเองด้วย ท่าทางมันจะไม่ง่ายอย่างที่เราคิดจริงๆด้วย” คยูฮยอนพูด ท่าทางใช้ความคิด สมองอันชาญฉลาดบัดนี้กลับไม่มีความคิดหรือไอเดียดีเข้ามาในสมองเลยแม้แต่น้อย
“จะฉันฉันลงมือฆ่าเจ้านั่นที่โลกมนุษย์เลยมั้ย” เจย์ถาม มองหน้าคังอินสลับกับคยูฮยอนไปมาเพื่อต้องการคำตอบ
“เจ้านั่น??” คังอินทวนคำเป็นเชิงคำถาม มองหน้าเจย์ด้วยความสงสัย
“ใช่ ไอ้เจ้าองค์ชายคนนั้นแหละ” เจย์ตอบ คยูฮยอนเงยหน้าขึ้นมามองหน้าพี่ทั้งสองเหมือนกับคิดอะไรออก
“ยังก่อนพี่ เจ้านั่นน่ะเก็บมันไว้ก่อน รอให้มันกลับมาน่ะ สนุกดีนะ... อย่างน้อยเราก็มีเบี้ยหมากสำคัญอยู่”คยูฮยอนยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์
“หมากสำคัญ??” คังอินคิ้วขมวด ไอ้เจ้าน้องคนนี้มันชอบพูดอะไรให้คิด หรือคิดอะไรออกคนเดียวอยู่เรื่อยๆ ทำเอาคนรอบข้างงงไปตามๆกัน
“ใช่พี่ ลืมไปแล้วรึไง... ชนเผ่าโบราณที่หลงเหลืออยู่น่ะ” คยูฮยอนบอก ยิ้มกว้างให้พี่ชายที่นั่งทำหน้างงยิ่งกว่าเดิม
“ที่เหลืออยู่แค่นั้นน่ะนะ” คังอินว่า เอามือกุมขมับอย่างไม่เข้าใจ มันคิดจะทำอะไรของมันอีกล่ะเนี่ย...
“ฮ่าๆ ฉลาดดีนี่ คยูฮยอน... เจ้าคนพวกนั้นน่ะฝีมือไม่ธรรมดา ชนเผ่านักรบโบราณ แต่น่าเสียดาย ที่เหลืออยู่น้อยไปหน่อยแฮะ” เจย์หัวเราะร่าอย่างพอใจ
“งั้นเราก็ไประดมพวกก็องส์ พวกแวมไพร์บางส่วน รวมทั้งพวกกัปปะด้วยสิ” คยูฮยอนพูด คังอินยิ้มอย่างพอใจในความคิดของน้องชาย
“สมแล้ว ที่ไอคิวแกมันทะลุ 200 ถ้าแกเป็นมนุษย์นะ คงจะได้เป็นนักเล่นแร่แปรธาตุของทางการไปแล้ว” คังอินหัวเราะอย่างพอใจ
“เรื่องแวมไพร์น่ะ ฉันจัดการเอง ฉันพอมีเส้นสายอยู่บ้าง... ไอ้พวกที่มันอยากครองเมืองก็มีไม่น้อย เดี๋ยวจะปลุกระดมมาให้” เจย์บอก ก่อนจะเดินออกจากห้องไป
“ที่เหลือฝากนายด้วยนะ พี่จะลองไปเจรจายื่นคำขาดกับเจ้าราชาชินดงซะหน่อย กะว่าจะขอเปิดศึกซะเลยจะดีมั้ยนะ” คังอินหัวเราะเป็นการส่งท้าย ก่อนจะหายตัวไปทันที
“ทิ้งภาระไว้ให้ ตลอด...” คยูฮยอนบ่น พร้อมกับหยิบแล้วชาขึ้นมาดื่ม รอยยิ้มปรากฏเฉิดฉายบนใบหน้า
“ลี ดงแฮๆ อยู่หน้าไหนนะ จำได้ว่าเคยเจออยู่แถวๆนี้นี่นา” ฮีชอลพึมพำเบาๆ ขณะมือเปิดหนังสือประวัตบุคคลสำคัญเล่มหนา 5 นิ้วอย่างรวดเร็ว
“นี่ไง.. เจอแล้ว” ฮีชอลร้องอย่างดีใจ สายตากวาดอ่านข้อความในนั้นอย่างรวดเร็ว
ลี ดงแฮ
ลี ดงแฮ มีชื่อเสียงในการเล่นแร่แปรธาตุ เป็นนักเล่นแร่แปรธาตุแห่งราชอาณาจักร ได้ฉายา นักเล่นแร่แปรธาตุมือประสาน เคยทำการวิจัยค้นคว้าเกี่ยวกับหินนักปราชญ์ จนสำเร็จ แต่หลังจากนั้นไม่นาน ลี ดงแฮก็ได้หายตัวไปอย่าปริศนาเอกสารการวิจัย ทั้งหมด จึงถูกเก็บไว้ในห้องสมุดของเซ็นทรัลอย่างมิดชิด
“ใช่จริงๆด้วย... บ้าน่า... มันเป็นไปได้ยังไง แสดงว่า ดงแฮจ่ายความสามารถในการเล่นแร่แปรธาตุเป็นค่าตอบแทนงั้นเหรอ...”ฮีชอลปิดหนังสือเสียงดัง ก่อนจะวิ่งออกจากห้องสมุดอย่างรวดเร็ว เรื่องนี้มีเคลียร์ยาวแน่... คิม คิบอม
“ไม่คิดไม่ฝันว่านายจะมาหาฉันถึงที่ห้องนะ... รีบหน่อย ฉันกำลังคุยเรื่องรยอวุคกับอีทึกอยู่” คิบอมพูด ขณะเดินนำฮีชอลเข้าในห้องของตัวเอง ที่โซฟาสีขาว มีอีทึกนั่งอยู่ก่อนแล้ว
“ฮีชอล นายมีเรื่องอะไรงั้นหรอ หน้าเครียดเชียว..” อีทึกถามเมื่อเห็นเพื่อนรักทำหน้านิ่วคิ้วขมวดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
“คุยเรื่องของพวกนายให้เสร็จแถอะ.. ฉันไม่รีบ” ฮีชอลบอก พร้อมกับทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาสีขาว
“ของฉันน่ะไม่มีอะไรมากหรอก ฉันแค่มาคาดคั้นเรื่องกุญแจดอกนั้น แค่นั้นเอง นายว่ามาเถอะ มีเรื่องอะไร” อีทึกพูด มองหน้าฮีชอลด้วยความสงสัย ปนอยากรู้
“คิม คิบอม นายทำแบบนี้หมายความว่าไง” ฮีชอลเปิดประเด็นทันที คิบอมมีสีหน้างงเล็กน้อย
“อะไร... ฉันไม่เข้าใจนาย ฮีชอล” คิบอมเอ่ยเสียงเรียบ นั่งไขว่ห้างอย่างใจเย็นบนโซฟาตัวตรงข้ามกับฮีชอล สีหน้าที่ทำเป็นทองไม่รู้ร้อนของคิบอม ทำให้ร่างบางถึงกับเดือดขึ้นมาทันที
“นายพา ดงแฮมาที่นี่ทำไม... นายก็น่าจะรู้ว่าดงแฮเป็นใคร เพราะสิ่งนั้น ทำให้ดงแฮต้องหายไปตามกฎการแลกเปลี่ยนที่เท่าเทียม แต่นายกลับพาดงแฮกลับมา... อะไรล่ะที่ดงแฮต้องจ่ายเป็นค่าผ่านทางน่ะ ถ้าไม่ใช่ความสามารถนั่น” ฮีชอลตวาดเสียงดังจนอีทึกตกใจ ต่างจากคิบอมที่นั่งนิ่งไม่รู้สึกอะไรเลย
“อย่าบอกนะว่าเด็กคนนั้นคือ... ลี ดงแฮคนนั้นจริงๆ” อีทึกถามเสียงแผ่ว ทำตาโตเพราะความตกใจ
“ใช่.. ลี ดงแฮ นักเล่นแร่แปรธาตุมือประสานคนนั้นนั่นแหละ” ฮีชอลตอบ กัดริมฝีปากแน่น
“ดงแฮมาที่นี่ เค้าก็จ่ายความทรงจำเป็นค่าผ่านทาง แต่เค้าก็ได้รับความสามารถนั่นกลับคืนมา นั่นก็เป็นสิ่งที่คู่ควรแล้วนี่” คิบอมพูด มองออกไปนอกหน้าต่างอย่างไม่ใส่ใจ
“แล้วนายพาดงแฮกลับมาทำไม นายคิดจะให้ดงแฮสร้างไอ้หินบ้าบอนั่นอีกหรอ”ฮีชอลตะคอกถาม คิบอมยักไหล่แล้วยิ้มที่มุมปาก
“ของสำคัญแบบนั้น ถ้าไม่ให้คนสำคัญสร้าง... คงจะไม่สำเร็จ” คิบอมพูด
ปัง!
เสียงประตูพังลงอย่างไม่มีชิ้นดี
ผู้บุกรุกเดินดุ่มๆเข้ามาหาคนที่นั่งสบายใจอยู่บนโซฟาสีขาวอย่างโกรธเคือง ดวงตาสีทองจ้องมองคนตรงหน้าไม่วางตา ผมสีทองสบัดตามจังหวะการเดิน
“แกคิดจะทำบ้าอะไรอีก หา!” เจ้าของผมสีทองตะคอกเสียงดัง พร้อมกระชากคอเสื้อของคิบอมขึ้นมา
“ใจเย็นน่า เอ็ด! นายกำลังโมโหนะ”อีทึกรีบเข้าไปห้ามก่อนจะมีการแข่งขันชกมวยเกิดขึ้น
“นายน่าจะปล่อยให้เอ็ดเวิร์ดซัดมันซักสามสี่ทีนะอีทึก เกิดพิศวาสมันขึ้นมารึไง” ฮีชอลว่า อีทึกหันมาตีฮีชอลที่แขนอย่างแรง
“พูดอะไรอ่ะ... ฉันกับคิบอมเป็นเพื่อนกัน ไม่ใช่ช่วยเพื่อนจะให้ช่วยใครเล่า” อีทึกว่า ถอนหายใจอย่างเอือมๆกับเพื่อนรัก ไหนจะดึงไอ้เด็กหัวทองที่พยายามจะต่อยกับคิบอมให้ได้ ไหนจะฮีชอลที่นั่งหน้าบูดเป็นตูดลิงอีก ชีวิตนางฟ้าช่างหาความสงบไม่ได้ซะจริงๆ
...ฉันกับนาย คงเป็นได้แค่เพื่อน สินะ... คิบอมคิด ก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่
“ที่ฉันพาดงแฮมาที่นี่ ก็เพราะ หินนักปราชญ์มีความจำเป็น สิ่งที่สามารถเปลี่ยนอะไรก็ได้ให้เป็นทอง แถมยังสามารถชุบชีวิตคนตายได้โดยไม่ต้องคำนึงถึงกฎการแลกเปลี่ยนน่ะ มันน่าจะดีไม่ใช่หรอ” คิบอมบอก เอ็ดเวิร์ด สะบัดตัวออกจากอีทึก ก่อนจะนั่งลงข้างๆคิบอม
“มันมีซะที่ไหนกันเล่า เพราะไอ้หินนั่น ดงแฮถึงได้หายตัวไป” เอ็ดเวิร์ดว่า ขยี้หัวตัวเองด้วยความขุ่นเคือง
“ถ้าลองอีกครั้ง... ถ้ามันสำเร็จล่ะ” คิบอมพูด ยังไม่ทันขาดคำ เอ็ดเวิร์ดก้พุ่งตัวเข้าหาคิบอมราวสายฟ้า
พลั่ก!
เสียงหมัดหนักๆ กระแทกเข้าที่มุมปากของคิบอม เอ็ดเวิร์ด มองคิบอมด้วยหางตา ก่อนจะเอ่ยขึ้น
“ถ้าอยากทำ ทุนวิจัย 500 ล้านดอลล่า กับเวลาทำวิจัยอีกไม่ต่ำ 10 ปี นายให้ฉันได้มั้ยล่ะ” เอ็ดเวิร์ดพูด ก่อนจะเดินจากไป
“สมควร” ฮีชอลทิ้งท้าย พร้อมกับดึงอีทึกออกจากห้องนั้นตามเอ็ดเวิร์ดไปติดๆ
“ว้า... โดนเพื่อนเกลียดซะแล้วเรา” คิบอมหัวเราะแห้งให้กับตัวเอง มือเช็ดเลือดที่มุมปาก
“พี่เยซอง มันไม่เจ็บแน่นะ” รยอวุคถามเยซองที่นอนหนุนตักรยอวุคอ่านหนังสืออย่างสบายใจ เยซองพยักหน้าเพื่อเป็นการยืนยันจนคอแทบหลุดไปกองกับพื้น
นี่เป็นครั้งที่ร้อยเห็นจะได้ ที่รยอวุคถามเรื่องการเอากุญแจดอกนั้นออกมา เยซองได้แต่พยักหน้า หรือไม่ก็ตอบแค่คำสั้นๆเช่น อืม หรือไม่ก็ ใช่...
“ผมกลัวจังเลยพี่... พี่จะไม่เอามีดมากรีดเอามันออกแน่นะ” รยอวุคถามซ้ำ ใบหน้าเล็กเริ่มซีดลงอีกครั้งเมื่อจินตนาการถึงวิธีการที่จะเอากุญแจที่อยู่ในหัวใจของตัวเองออกมา
“ไม่หรอกน่า... นายน่ะคิดมากไปแล้ว เอาไว้นายพร้อมที่จะเอามันออกมา แล้วพี่จะบอกนายเอง” เยซองตอบเสียงเนือยๆ หนังสือ วิธีใช้เวทย์ฉบับเซียน เล่มบางวางอยู่บนหน้าขณะที่เจ้าของเริ่มจะหลับแหล่มิหลับแหล่
“แล้วถ้าเกิดผมไม่พร้อมซะทีล่ะ” รยอวุคถามอีก เยซองดึงหนังสือที่ปิดหน้าออก มองหน้ารยอวุคด้วยสายตาจริงจัง
“ยิ่งนานเข้า... นายก็ยิ่งอันตรายมากขึ้น เพราะมันไม่ยอมปล่อยให้นายมีชีวิตอยู่แน่ หากสร้อยเส้นนั้นยังอยู่กับนาย แล้วถ้านายตาย... นั่นหมายถึง... เราจะต้องแพ้สงคราม แล้วทุกคนที่นี่ก็จะต้องตายกันหมด” เยซองพูด รยอวุคถอนหายใจเบาๆ
“แล้วพี่จะเอามันออกมายังไง”รยอวุคถาม เยซองดึงหนังสือมาปิดหน้าเหมือนเดิม
“พี่บอกแล้ว เอาไว้นายพร้อม แล้วพี่จะบอก...” เยซองอู้อี้อยู่ในลำคอเพราะความง่วง
“งั้น... ผม พร้อมแล้วครับ” รยอวุคพุด เยซองกระเด้งตัวออกจากตักของรยอวุคอย่างรวดเร็ว หนังสือหล่นลงไปกองที่พื้น แต่เขาก็ไม่สนใจที่จะเก็บมัน
“นะ.. นาย ว่าไงนะ...” เยซองทำหน้าตาสงสัย ก่อนจะแอบหยิกตัวเองแรงๆทีนึง
...ก็เจ็บนี่หว่า หรือว่า รยอวุคโดนผีเข้า O_o ...
“ผมพร้อมที่จะเอากุญแจดอกนั้นออกมาแล้วครับ” รยอวุคพูด เน้นทุกคำให้ชัดเจน ถึงจะข้องใจอยู่บ้าง แต่เยซองก็ยิ้มให้รยอวุค
“นายเป็นเด็กดีเสมอนะ..รยอวุค” เยซองบอก พร้อมกับขยี้หัวรยอวุคเบาๆ
.
.
.
.
แหะๆ แว้บมาอัพอีกตอน
ด้าย ขอโทษที่หายไปนานน๊าา
เค้าเพิ่งไปสอบสัมภาษณ์เสร็จ
กลับมา เนื้อเรื่องหายจากสมองหมดเลย
โดนรุ่นพี่ล้างสมองTT^TT
ยังไงก็อย่าเพิ่งทอดทิ้งกันนะจ๊ะ
อ่านแล้ว
อย่าลืมคอมเม้นน๊าา
รักทุกคนจ้าาา
.
.
.
.
ความคิดเห็น