คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ร้องไห้แล้วได้อะไร (ไม่รู้เฟ้ย)
บทที่ 1
“ โครม ” เสียงดังโครมครามมาจากห้องฉัน เพราะฉันกำลังเก็บห้องนอนอันสุดจะรกของฉันอยู่ อยากรู้มั๊ยว่าเสียงอะไรจะตามมา
“โอ๊ะๆ โอ๊ยๆ เจ็บ” เจ็บจริงๆนะ ไม่อยากจะบอก
กล่องบ้าอะไรเนี่ย กล้าดียังไงมาหล่นใส่หัวฉันฮะ !
O-Oพอเปิดดูก็ต้องอึ้งตะลึงงัน ยิ่งกว่าเห็นหมีความตีลังกา 15 ตลบอีก ข้างในมีแต่รูปทั้งนั้นเลย รูปอะไรหนอ อ๋อ รูปเพื่อนสาวของฉันเอง แต่เป็นเพื่อนร่วมห้องธรรมาดานะไม่ได้สนิทอะไร ฉันไม่ชอบยัยนี้เลยก็ว่าได้
มาๆ มาพูดถึงรูปพวกนี้กันก่อนนะจ๊ะ รูปพวกนี้เป็นรูปของ เอมี่เพื่อนสาวคนนั้น กำลังจู่จุ๊ฟแบบดูดดื่มอยู่กับพี่เคสุดหล่อลากดินตรงทางเดินตึกเรียนเมื่อตอนเทอมที่แล้ว จะว่าไปถ้าไม่ติดว่าฉันมีกอนแล้วคงไปจีบพี่เคเหมือนกัน
ว้ายฉันพูดอะไรออกไปเนี่ย เอาเถอะๆ คนสวยเลือกได้ๆ
“เตยโทรศัพท์ หนามเตยโทรศัพท์ได้ยินมั๊ย “ เสียง 18 หลอดของคุนแม่สุดที่เลิฟของฉันดังมาจากห้องข้างล่าง
“คะแม่ เตยไปเดี๋ยวนี้แหละคะ”
ฉันวิ่งปู๊ดปร๊าดลงบันไดมาด้วยความรวดเร็วกว่าแสงนิดนึ่ง
“มารับไป ยัยหวานเพื่อนเราโทรมา”
“หวานหรอแม่ แล้วทำไมมันไม่โทรไปเบอร์มือถืออะ เสียเวลาวิ่งลงมาจริงๆ”
“ฉันจะรู้เพื่อนแกมั๊ยหละ ไปคุยกันเองแม่จะไปช็อปกับคุณนายสายสมอน”
“คะๆ ตามสบายกลับพรุ่งนี้เลยก็ได้นะแม่ เตยจะหนีเที่ยว”
“เดี๋ยวตีตายเลยลูกคนนี้”
ก่อนแม่จะลากฉันไปตีฉันรีบวิ่งอ้อมโซฟาไปเพื่อรับโทรศัพท์เพื่อนสนิทของฉัน ยัยน้ำหวาน
“ฮาโหล! 2โหลลดให้ 50 เปอร์เซ็นต์”
(งั้นเอา 2 โหลคะ)
“ว่าไงจ๊ะที่รักของหนามเตย”
(อย่ามาเน่าหน่าเตย ที่ฉันโทรมาเนี่ยจะมาชวนแกไปซื้อของที่สยามหนะ)
“ไปทำไม ไม่เอาอะ หน้าเบื่อจะตาย”
ฉันหนะเกลียดการเดินซื้อของมากๆ เพราะทั้งร้อนทั้งผลาญเงินในกระเป๋าที่มีอยู่น้อยนิดซะเหลือเกิน เพราะงั้นไม่อ้าวด้วยหรอกกกกกกก เชอะ
(ไปด้วยกันเหอะ ฉันออกค่ารถให้เลยอะ เอาป่าวทั้งขาไปขากลับแถมเลี้ยงข้าวด้วยอะ เอามั๊ย นี่ฉันทุ่มสุดตัวแล้วนะเฟ้ย) ยัยหวานเอาเรื่องนี้มาล่ออีกแล้ว
“เออๆ ก็ได้ๆ รับปากแล้วนะว่าเลี้ยงหนะ”
(ให้มันได้อย่างนี้ซิ งกจริงๆเลย ยัยเค็มเอ่ย)
“ใครบอกฉันแค่กลัวแกไม่มีเพื่อนไปเท่านั้นเองฉันสงสารนะเนี่ย โฮะๆๆ”
(งั้นไม่เป็นไรฉันไปกับบุ้งก้อได้ไม่ง้อ เชอะ)
อ้าว เวรลืมไปเลยว่ายัยบุ้งต้องไปด้วยแน่ๆ เอาไงดีหละโธ่ๆ เสียดายข้อเสนอของมันจังเลยอะ ไม่เอาหละฉันต้องไปๆๆๆ เพื่อของฟรีทั้งหลาย ง้อมันซะหน่อยดีกว่า
“ให้ฉันไปด้วยนะ เดี๋ยวให้ยืมซีดีคาราโอเกะของวง fool เลย เอาปะๆ”
(โอเชเพื่อนเลิฟอย่าลืมเอามาให้ฉันหละไม่งั้นแกตาย)
“เออๆ ไม่ลืมจะๆ เจอกันพรุ่งนี้นะ”
(ใช่พรุ่งนี้ เก้าโมงเช้าหน้าสถานีรถไฟฟ้าสยาม หาช้าห้ามสายห้ามลืมของด้วยนะยะ บ๊ายบาย)
คลิก....อ่ะ สายตัดไปแล้ว ไปเก็บของต่อดีกว่า
~ลันลา ลันลา ลันลา โอ้ ลันลา ลันลา โอ้ ลันลา~
ฉันเก็บของไปฮัมเพลงไป เก็บไปเรื่อยๆ จนมาหยุดอยู่ที่กล่องเดิมเลย กล่องรูปยัยเอมี่ ฉันน่าจะทิ้งมันไปตั้งนานแล้ว รูปพวกนี้เป็นรูปที่ยัยหวานถ่าย ตอนแรกพวกเราก็คิดว่าจะเอาไปลง นสพ.โรงเรียนกัน แต่ตอนนั้นพวกเรายังเป็นเด็กใหม่อยู่เลยไม่มีสิทธิ์ในการเขียนคอลั่ม แต่ปีนี้ฉันมีคอลั่มเป็นของตัวเองแล้วหละ ดีใจจังเลยชะเอิงเงย
“ คิดถึงกอนจังเลย” ฉันตะโกนออกไปนอกหน้าต่างของห้องตัวเอง
ตอนนี้ก็เย็นแล้วหละเฮ้อ แม่ยังไม่กลับพ่อก็ไม่อยู่ ไปกินข้าวข้างนอกดีกว่า
ระหว่างที่ฉันเดินผ่านซอยเพื่ออกไปถนนมใหญ่ ฉันก็คิดถึงเรื่องของฉันกับกอน ตั้งแต่ปิดเทอมฉันยังไม่ได้คุยกับเขาเลย โทรไปก็ไม่รับ โทรกับก็ไม่มี โทรหาไม่มีใหญ่เลย เค้าลืมฉันไปแล้วแน่ๆเลย ใครๆก็รู้ว่ากอนเจ้าชู้ขนาดไหน ก่อนที่จะเป็นฉันมีผู้หญิงไม่ต่ำกว่า 20 คนที่เคยเป็นแฟนเขา ก็เขาทั้งหล่อทั้งรวยแถมเป็นถึงลูก ผอ.โรงเรียนอีก ใครๆก้อชอบเขาทั้งนั้น และฉันเองก็รักเขามากๆ แต่เห็นอย่างนี้แล้วฉันก็พอจะเดาออก ฉันน่าจะทำใจไว้บ้างซินะ
“ปรี๊นนนนนน!” OO!
“ อยากตายรึไงเทอหนะ”
“ ขอโทษคะ” ฉันเดินมาถึงถนนใหญ่ตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ และตอนนี้ก็เกือบถูกรถเอาไปกินด้วย แย่จังเลยฉันสะบัดหัวแรงๆ 2-3 ทีเพื่อเรียกสติตัวเองกลับมา
“ ยัยเซ่อ หลบไปจากกลางถนนนี่ได้แล้ว ไม่เห็นรึไงเธอทำให้รถติดหนะ”
ฉันหนังมองรอบๆตัว เออใช่ตอนนี้ฉันยื่นอยู่กลางถนน อันที่จริงกลางสี่แยกด้วยซ้ำ แว้ก! กลางสี่แยก พอสติกลับคืนว่าฉันเกือบได้เป็นผีเฝ้าสี่แยกวันลิงขบ ฉันก็รีบวิ่งไปที่ริบขอบถนนอีกซีกหนึ่งทันที
- ย่านตลาดผลไม้และร้านอาหาร
ตอนนี้ฉันพาทุกคนไปลิ้มชิมรสอาหารรสเด็ดของที่นี้กันนะคะ โฮะๆๆ สวมบทพิธีกรรายการชวนชิมไปเลย
ที่นี้ฉันมากินบ่อยๆเพราะไม่มีอะไรให้กินที่บ้านและที่นี่อยู่ใกล้ๆบ้านฉันด้วย ดังนั้นมันจึงสะดวกที่จะหาอะไรกินง่ายๆได้ที่นี่
“ นั้นไง” ฉันอุทานอย่างดีใจ เจอของที่อยากกินแล้ว
แถนแถ่นแถ้น มันคือโจ๊กหมูใส่ปาท่องโก้ ฉันชอบมากๆเลยรีบไปดีกว่าๆ
“ โจ๊กหมูไม่ใส่ขิงไม่ใส่ผักแต่เอาปาโก้เยอะๆ ชามหนึ่งคะพี่”
“อ้าว น้องเตย แบบเดิมนะจ๊ะ ปาโก้เยอะๆ”
“ค่าาาาาาาาาา” เห็นมั๊ยหละพี่จิ๊บเจ้าของร้านยังจำฉันได้เลย ฉันหนะลูกค้าประจำ
เวลาผ่านไปประมาน 10 นาทีเห็นจะได้ ฉันโซยโจ๊กเข้าปากไหลลงสะดือไปเรียบร้อย ตอนนี้ก็กำลังไปซื้อของในซุปเปอร์มาเก็ตใกล้ๆก่อนกลับบ้าน
พอฉันย่างเท้าเข้าไปในซุปเปอร์ปุ๊บ กระรู้สึกได้ถึงแรงสั่นจากในกระเป๋าของฉัน โทรศัพท์มานั้นเอง ใครนะโทรหาฉันคงเป็นยัยบุ้งหรือไม่ก็หวานหละมั้ง ฉันหยิบโทรศัพท์ขั้นมากดรับสายโดยที่ยังไม่ทันดูชื่อคนที่โทรเข้ามาด้วยซ้ำ
“ฮัลโหล สวัสดีคะ”
“ หวัดดีเตย ฉันเองนะ” กอน เสียงกอนผู้ชายที่ฉันรักมากๆ เขาโทรหาฉันแล้ว
ฉันอึ้งไป 15 วินาทีก่อนจะพูดในสิ่งที่อยากพูด
“นายหายไปไหนมา ฉันคิดถึงนายมากเลยนะ โทรไปนาย
“ เตยฟังฉันนะ ขอโทษที่ไม่ได้รับโทรศัพท์และก็ที่ไม่ได้โทรกลับด้วย”
“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร แค่วันนี้นายโทรมาฉันก็ดีใจมากแล้วหละ”
“อะ...อื้ม เออ เตยฟังฉันนะ เออ... ไม่มีอะไร คือฉันต้องวางแล้วนะบาย”
“เดี๋ยว...” เขาจะพูดอะไรกันแน่ แต่ก็ช่างมันเถอะคงไม่มีอะไรหรอกมั้ง เฮ้อ ดีใจจังในที่สุดกอนก็โทรมา อย่างน้อยเขาก็ไม่ได้ลืมฉันอย่างที่ฉันกลัว
~ลันลา ลันลา ฉันอารมณ์ดี ลันลา ลันลา ฉันมีความสุข~
ฉันฮัมเพลงไปตลอดทางกลับบ้านวันนี้ฉันเลือกที่จะรีบนอนเพราะเดี๋ยวพรุ่งนี้ฉันจะต้องออกจากบ้านตั้งแต่แปดโมงครึ่งเพื่อไปตามนัดของยัยสองซี้นั้น หาว =0= ราตรีสวัสนะคะทุกคน
“ก็อกๆๆๆ”
“ หง่า หาว ครายอ่า มีอารายคนจานอนนนนนนนน”
“ปังๆๆๆ”
“เปิดสิยะยัยเตย ถ้าไม่เปิดฉันจะพังเข้าไปนะ”
“มีอารายผักบุ้งกุ้งนาง มาทามมายแต่ช้าววววววว”
“ถามได้ก็มาปลุกแกไงลุกมาเปิดประตูก่อนเร็วๆ”
“งืมๆ แจ็บๆๆ”
ฉันลากสังขารและร่างกายที่ยังไม่ได้เปิดสวิซไปเปิดประตูเพื่อเปิดออกดูว่ามาทำไม เปิดแล้วก็ต้องตกใจ มันมาทำไม ไม่เข้าใจจริงๆ มาเป็นกลอนเลยเหอๆ
“มาไมแต่เช้าอะบุ้ง”
“แหกขี้ตาดุว่านี่กี่โมงแล้ว”
“นาฬิกาบ้านแกไม่มีดูรึไงถึงได้มาถามฉันถึงบ้านเนี่ย”
“มีเว้ยแค่อยากรู้ว่าแกรู้รึป่าวเท่านั้นเองหยะ”
“ไหนๆร้องเป็นเพลงให้ฟังหน่อยซิ”
“ได้ แปดโมงเช้าวันอาทิตย์ถ้ายัยเตยไม่ตื่นหนะ มันอาจตายเพราะผิดนัด ฮืมฮือ.....”
“ แว้ก ทำไมแกไม่บอกฉันลืมไปเลยลุกแล้วๆไปอาบน้ำหละน้า”
ฉันรีบวิ่งปรื๋อเข้าห้องน้ำและรีบอาบน้ำให้ไวที่สุดเท่าที่จะไวได้ เพื่อให้ทันเวลาแปดโมงครึ่งจะได้ไปถึงที่สยามตอน 9 โมงแต่เอ๊ะ สยามตอน 9 โมงมันมีอะไรขายวะ หรือมันบอกว่าจะไปสามย่าน เอ๊ะยังไง งง - -?
เอาหละพร้อมแล้ว ฉันอยู่ในชุดกางเกงยีนขายาวกับเสื้อเชิ้ตสีขาวสะอาดตา สวยไม่ใช่เล่นนะเนี่ยเรา โฮ๊ะๆๆๆ
“เสร็จรึยังหละยัยหนามเตยแปดโมงครึ่งแล้วนะเว้ย”
“แปดโมงครึ่ง แว้กแกทำไมไม่บอกฉันหละ เสร็จแล้วๆ”
จากนั้นพวกเราก้อรีบเดินออกมาที่ปากซอยเพื่อไปสถานีรถไฟฟ้า
ในขณะที่นั่งรถไฟฟ้าอยู่นั้นฉันก็เกิดอยากถามข้อสงสัยของฉันเรื่อง 9โมงขึ้นมาเลยหันไปสะกิดยัยบุ้งเบาๆ
“อะไรแก สะกิดเป็นหมาคันไปได้”
“แก ไอหวานมันนัดพวกเรามาทำอะไรตั้งแต่ 9 โมงอะ ที่สยามอะ หรือว่าฉันเข้าใจผิดที่จริงมันนัดพวกเราไปสามย่านกันแน่แก บอกฉันหน่อยดิฉันหละงง”
“ ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมต้อง 9 โมง แต่ที่รู้คือว่าสยามชัวร์”
“อื้ม ถึงแล้วแก”
ฉันลากยัยบุ้งออกจากช่องแคบและรีบลงไปหน้าสถานีเหลือเวลาให้พวกเราหายใจกันอีก 2-3 นาที ดีนะที่ยัยบุ้งไปปลุกไม่งั้นป่านนี้คงยังฝันถึงแบรดพิช อยู่ชัวร์
“ทางนี้พวกแก วันนี้มากันตรงเวลาดีหนิ”
นั้นไงยังหวาน เออวันนี้ทำไมพวกเราแต่งตังเหมือนกันอย่างนี้หละเสื้อสีขาวกับกางเกงยีน
“เออ แกนัดมาทำไมเนี่ย 9 โมง แกพาฉันไปช่วยเขาเปิดร้านกันรึไง มันมีอะไรขายฮะ”
“เอาหน่าแก ฉันจะพาแกไปร้านใต้ดินที่เปิดตลอด 24 ช.ม.หนะ”
“ร้านใต้ดิน!”
“ช่าย”
“เปิดตลอก 24 ช.ม.”
“ช่าย”
“แล้วมันขายอะไรวะแก ไอร้านใต้ดินของแกเนี่ย”
“ก็จะพาพวกแกไปเรียนทำช็อกโกแล็ตฟรีหนะ เหนพวกแกชอบกินกัน สนใจป่ะ หรือแกจะไปดุดวงยิปซี หรือว่าจะเป็นร้านหนังสือโบราณ หรือจะเป็นร้านสร้อยสั่งทำหรือจะเป็นร้านขายร้านเพราะเนื้อเยื้อต้นไม้ หรือว่าถ้าพวกแกยังไม่ชอบก็ยังมีร้านเกมส์เล่นฟรี ร้านประดิษประดอยอะไรอีกเยอะแยะ แล้วยังมี
..”
“ พอๆ ฉันกับบุ้งไปตั้งแต่ทำช็อกโก้ฟรีแล้วหละหยะ แต่ไม่เข้าไจว่าทำไมฟรี”
“อันที่จริงก็ไม่ฟรีหรอก เสียค่าผ่านทางคนละ 100 เองทำกิจกรรมได้ทุกอย่างส่วนที่เป็นของขายก็จ่ายเพิ่มเองตามที่อยากได้ เท่านั้นเอง ฉันว่ามันคุ้มดีออก”
“ ใช่!” พวกเราประสานเสียงรับกันอย่างดี
วันเวลาผ่านไปประมาณ 4-5 ช.ม. ได้ที่พวกเราคลุกทำกิจกรรมอยู่ที่ร้านใต้ดินแห่งนี้มันสนุกมากๆเลยฉันทำช็อกโกแล็ตเอาไปไว้ให้กอนพรุ่งนี้ด้วย เพราะว่าพรุ่งนี้ก็เปิดเทอมแล้ว แล้วยังได้หนังสือโบราณมาตั้งหลายเล่มแหนะ ได้ต้นไม้ในขวดมาอีกด้วยน่ารักดี ส่วนยัยหวานยัยนั้นเอาแต่กินๆๆ บุ้งก้อไปดูดวงมา เห็นว่าจะปิ้งรักกับน้องร้องลูกครึ่งหรืออะไรเนี่ยแหละ ฉันก็หวังว่ามันจะสมหวังในรักกับเขาสักที สาธุ!
“กลับบ้านกันพวกเรา”
“โอเชเลยพวก” พวกเราสามคนก้อขึ้นรถไฟฟ้าไปลงที่หน้าบ้านฉันเพื่อข้ามไปกินโจ๊กปาโก้เจ้าประจำของฉันกัน
พวกเรากินโน้นกินนี่กันจนเพลินเหลือบมองนาฬิกาอีกที่ก็ปาเข้าไป 3 ทุ่มแว้ววววว
“เฮ้ย! 3 ทุ่มแล้วนะพวกแก รีลบกลับบ้านกันเถอะ พรุ่งนี้เจอกันที่ รร.นะ”
“โอเชเพื่อนเลิฟ ฝันดีนะเฟ้ย โฮะๆๆๆ คืนนี้ฉันจะฝันถึงพี่ฟิว วงFool”
“หยะหล่อยแล้วเจอกันนะ ฝันดีบุ้ง กลับไปฝันถึงพ่อหนุ่มนักร้องลูกครึ่งซิ หุหุ”
“บ้าหรอ เตยก็พูดไปนักร้งนักร้องที่ไหนไม่มี๊ไม่มี”
“เอาๆหวานพามันกลับบ้านดีๆนะดูท่ามันจะเคลิ้มมากมาย ฉันกลัวมันเดินตกท่อ”
“เออๆ สบายมาก”
จากนั้นพวกเราก็แยกย้ายกันกลับบ้าน ฉันเดินเข้าซอยที่คุ้นเคยและนึกถึงกอนขึ้นมาอีก ฉันกอดช็อกโกแล็ตรูปหัวใจไว้แน่นก่อยิ้มขึ้นมา ฉันคิดถึงเรื่องที่เขาโทรมา หวังว่าคืนนี้จะโทรมาอีกนะกอน.....
“จ๋อม” อุ๊ยไม่ต้องตกใจขนาดฉันยังไม่ตกใจเลย แต่! หือๆๆๆ ฉันตกท่ออะ หง่า ดีนะที่ไม่มีใครเห็นไม่งั้นอายแย่
ฉันรีบกลับบ้านให้เร็วที่สุดก่อนจะเดินลงไปเยี่ยมอะไรในท่ออีก
“กลับมาแล้วค่า”
“มาแล้วหรอ กินอะไรมารึยังหละเราแม่มี...”
“เรียบร้อยแล้วคะ เตยไปนอนก่อนนะแม่พรุ่งนี้เปิดเทอมวันแรกไม่อยากสายคะ”
“ เออ อ่าจะ พรุ่งนี้อยากกินไรเป้นอาหารเช้าหละ”
“อะไรก็ได้ที่ไม่ใช่แม่ทำหนะคะ”
“ หนามเตย!”
“อุ๊ย ล้อเล่นคะแม่ ไปละน้า ฝันดีคะ”
ฉันรีบไปอาบน้ำแต่งตัวเพื่อจะรีบเข้านอนพรุ่งนี้ฉันจะได้ตื่นขึ้นมาอย่างสดใส เดินเข้าไปโรงเรียนวันแรกจะได้ไม่ง่วง งง งวย งุงิ ง้องเง้ง และอื่นๆอีกมากมาย เพราะฉะนั้นก้อต้องรีบหลับ
“เป็ก” ฉันกดปิดสวิ๊ซไฟที่หัวแต่ก่อนล้มตัวลงนอนแล้วหลับตาลงเวลาผ่านไปนานเท่าไหรไม่รู้ แต่ฉันมาสะดุ้งตื่นเอากลางดึกเพราะเสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น
“ฮาโหล” ฉันรับอย่างงังเงียสุดๆ
“เตย ฉันกอนนะ”
O^O กอนโทรมาฉันรีบเด้งตัวขึ้นมานให้อยู่ในท่านั่ง กอนโทรมาหาฉันตอน เออ... ฉันเหลือบมองนาฬิกา ตี 2 โฮ
“ กอนนายอยู่ไหน ทำไมโทรมาดึกป่านนี้หละ เป็นอะไรรึป่าว” ฉันรัวคำถามใส่กอน
“ป่าวฉันไม่เป็นอะไร แค่โทรมาบอกว่าพรุ่งนี้เธอมาหาฉันที่ห้องนะ ก่อนเจ็ดโมงเช้า ฉันจะรอ”
“ เดี๋ยวก่อนกอ...น” วางไปแล้ว
พรุ่งนี้เขาอยากเจอฉันแต่เช้า มันต้องเป็นวันเปิดเทอมที่ดีที่สุดแน่ๆเลย
ฉันดีใจจนรู้สึกอยากตื่นไปอาบน้ำมันซะตอนนี้เลยแต่ไม่ไหวๆ ขอหลับต่ออีกซัก3-4 ช.ม. แล้วจะรีบไปหานะที่รัก
6 โมงเช้าวันจันทร์ เปิดเทอมวันแรกของโรงเรียนมัธยมเค
“ ตื่นๆๆๆๆ ตื่นๆๆๆๆ ตื่นๆๆๆๆๆๆๆๆๆตื่นๆๆๆๆตื่นๆๆๆๆตื่นๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ติ๊ด”
เสียงนาฬิกาปลุกของฉันเอง หาวยังง่วงอยู่เลยนะเนี่ยแต่ไม่ได้ กอนรออยู่ต้องรีบไป ฉันลุกขึ้นบิดขี้เกียจ 2- 3ทีเพื่อนไล่ความง่วง ฉันรีบไปอาบน้ำแต่งตัวในชุดเครื่องแบบของโรงเรียน เครื่องแบบของโรงเรียนเปนเสื้อเชิ้ตแขยาวสีขาวคอปกสีเท่ากับกระโปรงลายสก็อตสีเท่าขาวผูกไทต์ที่เท่าเข้ม และจะมีเสื้อเสวตเตอร์สีเท่าปักตราโรงเรียนอีกตัวเอาไว้ใส่ตอนหน้าหนาว ปกติมันต้องใส่ทุกวันแต่อากาศเมืองไทยมันสุดจะร้อนถ้าให้ใส่คงกลายเป็นเด็กย่าง ส่วนของนร.ชายก้อเหมือนกันเชิ้ตแขนยาวสีขาวปกเทามีไทต์สีเทา กางเกงขายามสีเท่าเข้มมีเสวตเตอร์เหมือนกันและเหมือนกันอีกที่ว่าไม่มีใครใส่ถ้าไม่ใช่หน้าหนาว อุ๊ย พูดพล่ามมานานต้องรีบลงไปกินข้าวแล้วหละเดี๋ยวจะไปไม่ทันนัดของกอน ฉันลั้นลามาเลยวันนี้ตื่นเต้นด้วย อยากเจอกอนเร็วๆจะได้ให้เขาชิมช็อกโก้ที่ฉันทำให้เขา เพราะงั้นรีบไปดีกว่า
“แม่คะ เตยไปโรงเรียนหละนะ”
“จะรีบไปไหนนี่ยังไม่ เจ็ดโมงเลย”
“นัดเพื่อนไว้คะ เตยไปนะแม่แล้วเย็นนี้จะรีบกลับ”
ฉันรีบขึ้นรถไฟฟ้าเพื่อนไปลงสถานีของโรงเรียน โรงเรียนฉันมันไฮโซขนาดไหนคิดดูเอาเองละกันนะ มีสถานีรถไฟฟ้าของโรงเรียนด้วย ตอนนี้ฉันมาถึงหน้าโรงเรียนแล้ว เหลือเวลาอีกประมาน 20 นาทีจะเจ็ดโมง รีบไปหากอนดีกว่า กอนเรียนคนละห้องกับฉัน เขาเรียนสายวิทย์ห้องเรียนเขาจึงอยู่ตึก S ชั้น 3 ทุกอาคารมีลิฟต์หมดจริงไม่ต้องรำบากเดิน ฉันรีบขึ้นลิฟต์ไปที่ฉัน 3 อย่างรวดเร็ว และไม่ถึง 2 นาทีฉันก็มายืนอยู่หน้าห้องของกอนแล้ว
แต่ประตูมันเปิดไม่ออก
“ก็อกๆๆ ก้อกๆๆๆ”
“กอน กอนอยู่ข้างในรึป่าว นี่เตยนะ กอนเปิดประ...”
ฉันยังพูดไม่ทันจบประตูก็เปิดออก แต่คนที่เปิดประตูกับไม่ใช่กอน แต่เป็น เอมี่ เอมี่มาทำอะไรที่นี่ เธอมาอยุ่ที่นี่ได้ยังไง ฉันถอยหลังออกมา 2 ก้าวเพื่อมองไปที่ป้ายบอกรหัสห้อง ก็ห้องนี้หนิ ไม่ผิดจริงๆ
“ตกใจอะไรหรอ หนามเตย กอนอยู่ข้างในห้องหนะ”
“อ๋อ หรอ อื้ม ขอฉันเข้าไปหน่ยนะเอมี่”
“ได้ซิ” เอมี่ยิ้มอย่างไม่น่าไว้ใจสุดๆ ก่อนเดินหลบเข้าไปในห้องก่อนที่ฉันจะเดินตามเธอเข้าไป ภาพที่ฉันเห็นคือเอมี่ยืนคล้องแขนกอนที่ไม่ได้ติดกระดุมเสื้อสักเม็ด ฉันอึ้งไปนิดนึ่งก่อนจะเรียกสติกลับมาได้
“กอน ทำอะไรหนะ เอมี่เธอคล้องแขนกอนทำไม”
“กอนบอกเขาไปสักทีซิคะว่าเราเป็นแฟนกันแล้วกอนก็เบื่อยัยนี่เอามากๆด้วย บอกไปสิคะ”
“ไม่จริงใช่มั๊ยกอน ฉันทำอะไรให้นายไม่พอใจนายเบื่อฉันเรื่องอะไร ไม่จริงใช่มั๊ย”
น้ำตาให้เอ่อออกมาจนหยดลงมาเป็นทางฉันรีบเอามือปาดน้ำตาก่อนเม้มปากแน่นเพื่อไม่ให้มีเสียงสะอื้นดังออกไป กอนมองหน้าฉัน สายตาที่เขามองฉันมันช่างว่างเปล่าเสียเหลือเกิน ฉันเกลียดสายตาแบบนี้ที่สุด
“ เราเลิกกันเถอะ” “เคร้ง” เสียงกล่องช็อกโกหล่นลงพื้น
ตอนนี้หูฉันอื้อไปหมด ได้ยินแต่คำว่าเราเลิกกัน เราเลิกกัน น้ำตาและเสียงสะอื้นที่พยายามกลั้นไว้เมื่อกี๊สุดท้ายก็กลั้นไม่อยู่ ฉันไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยินเลย
“ทำไมกอน เพราะอะไร เพราะยัยนมภูเขาไฟนี่ใช่มั๊ย กอนถึงบอกเลิกฉัน”
ฉันไม่พูดป่าวแต่กลับชี้หน้ายัยเอมี่นั้นด้วย
“หยาบคาย หล่อนไม่มีเหมือนฉันหนะสิ ใช่เหตุผลที่เขาทิ้งเธอก็เพราะฉัน เพราะฉันให้ได้มากกว่าเธอ เธอมันหน้าเบื่อ จืดชืด เหมือนแกงจืดค้างคืน และที่สำคัญเธอให้อย่างที่ฉันให้เขาไม่ได้”
ยัยเอมี่หันไปจูบกอนพวกเขาจูบกันนานเท่าไรไม่รู้แต่ที่ฉันรู้คือมันเจ็บมาก กอนเองไม่ได้มีทีท่าว่าไม่ชอบการกระทำของหล่อน เขาจูบตอบหล่อน ฉันทนมองต่อไปไม่ไหวแล้วฉันรีบวิ่งลงบันไดไป อยากวิ่งไปให้ไกลที่สุด ฉันอยากหนีเรื่องบ้าๆนี่ไปให้ไกลๆ
“ปึก” ฉันชนกับใครบางคนเข้า ฉันรีบลุกขึ้นมาขอโทษเขาและกำลังจะวิ่งต่ออยู่ๆก็มีมือมาดึงแขนฉันจากข้างหลัง
เขาเขย่าตัวฉันและเรียกชื่อฉัน เรียกชื่อ ฉันต้องรู้จักเขาสินะ ฉันลืมตาขึ้นช้าๆ เพื่อมองว่าเขาเป็นใคร “อาร์ต”
พอเห็นว่าเป็นอาร์ตฉันก็โผลเข้ากอดเขาร้องไห้อย่างไม่อาย เขาพาฉันไปส่งที่ห้องระหว่างทางฉันก็เล่าทุกอย่างให้เขาฟัง เขารับฟังและมีท่าทีไม่พอใจเอมี่เท่าไรนักฉันเองก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร
“หวาน ฉันพาเพื่อนเธอมาส่ง” อาร์ตบอกหวาน
หวานกับอาร์ตต่างก็ชอบกัน แต่ไม่มีใครยอมตกลงเป็นแฟนใครสักที
ยัยหวานหันมาทางอาร์ต พอเห็นฉันมันก็มีสีหน้าตกใจ หวานพยายามถามว่าเกิดอะไรขึ้น ฉันได้แต่ส่ายหน้าเพราะไม่อยากพูดถึงเรื่องนั้นอีก อาร์ตเลยเป็นคนเล่าเรื่องทุกอย่างให้หวานกับบุ้งฟัง
ยัยหวานทุบโต๊ะดังปัง ทำให้ฉันที่ฟุบอยู่ถึงกับสะดุ้ง
“โทษที เตยฉันไม่ได้ตั้งใจทำให้เธอตกใจ”
“อืม ไม่เป็นไร” ฉันบอกก่อนพยายามปาดน้ำตาที่ยังไหลไม่หยุดและฟุบลงไปกับโต๊ะอีกครั้ง
พวกเพื่อนๆยังไม่เลิกคุยถึงเรื่องที่เกิดขึ้นแต่ฉันก็ไม่ได้ว่าอะไรเพราะรู้ว่าพวกมันเป็นห่วงกัน หลังจากที่คุยกันมาเกือบ ชั่วโมง ฉันก็ลืมตาขึ้นมา ฉันรู้สึกปวดหัวมาก มึนไปหมด พยายามลุกขึ้นแต่มันก็วูบลงไป มีเสียงเอะอะ ของพวกเพื่อนๆดังอื้ออึงไปหมดแต่ฉันจับใจความอะไรไม่ได้แต่อยู่ๆตัวฉันก็ลอยขึ้น ใครบางคนกำลังอุ้มฉัน ฉันลืมตาไม่ขึ้นแล้วตอนนี้พยายามมองแต่ก็ไม่รู้ว่าเขาเป็นใครกันแน่ ฉันพยายามใช้ความคิด แต่ก็เปล่าประโยชน์ ฉันคิดว่าคงเป็นเพื่อนอาร์ตที่ย้ายมาเรียนศิลป์ละมั้ง ฉันพยายามยกมือขึ้นเพื่อบอกเขาว่าฉันเดินได้ ฉันโกหกตัวเองชัดๆ
แต่เขากลับดุฉัน
“ลืมตายังลืมไม่ขึ้น ยังจะมาอวดดีอีก ฉันอุ้มเนี่ยแหละดีแล้ว”
ฉันไม่ได้พูดอะไรต่อและอยู่ๆสติฉันก็ดับวูบไป
“หนามเตย” เสียงเรียกฉันดังมาจากที่ไหนสักแห่ง
“หนามเตย ฉันเป็นพระเจ้า เธอจงฟังฉัน”
“พระเจ้า!OO หนูตายแล้วหรอคะ พระองบอกหนู”
“ป่าว เจ้ายังมีชีวิตอีกยาวนาน ข้าแค่มาบอกทางให้เจ้า”
“ทาง ทางไปไหนคะ หนูไม่อยากไปไหน หรือว่าทางหนี หนีจากเรื่องบ้าๆนี่ใช่มั๊ยคะ ใช่มั๊ยคะ”
“เจ้าหนีไม่ได้หรอก ทางที่ข้าจะบอกเจ้ามันคือทางที่เจ้าควรทำ เจ้าเป็นคนดี อย่าให้ชีวิตต้องมามั่วหมองกับเรื่องที่พวกปีศาจในร่างมนุษย์อย่าง 2 คนนั้นทำเลย เจ้าต้องชนะมันให้ได้ ฟ้าหลังฝนมักสวยงามเสมอ จำคำข้าไว้”
ทุกอย่างมืดสนิทอีกครั้ง ฉันพยายามขยับเปลือกตาขึ้น พอลืมตาได้ก็เห็นว่านี่คือห้องพยาบาล รอบๆตัวฉันมีเพื่อนๆนั่งอยู่ฉันรู้จักอยู่ 3 คน แต่ 2 คนที่เหลือฉันไม่รู้จัก ฉันเรียกทุกคนด้วยเสียงที่สั่นเครือ ทุกคนเข้ามาปลอบฉันและบอกว่าจะพาฉันกลับบ้าน แต่ฉันไม่อยากอยู่บ้านคนเดียว เพราะพ่อกับแม่ไม่อยู่ไปดูงานที่ต่างประเทศ ทั้งคู่ ฉันเลนคิดว่าจะให้บุ้งมานอนเป็นเพื่อนฉัน แต่ทั้ง5 คนกลับบอกว่าจะไปค้างด้วยหมดเลย อย่าตกใจ พ่อแม่ฉันไม่สนใจว่าเพื่อนฉันจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายท่านไม่ส่าเรื่องพวกนี้ ฉันรู้สึกดีขึ้นแล้ว อีก10นาทีก็จะเลิกเรียน พวกเพื่อนๆพากันไปเก็บของที่ห้องเหลือแต่ผู้ชายคนที่ฉันไม่รู้จัก เขามีผมสีน้ำตาลเข้ม ผิวขาวแต่ไม่ถึงกับซีด จมูกได้รูปและปากที่เรียวสวย เขาชื่ออะไรฉันเองก็ไม่รู้ฉันเลยคิดว่าจะถามเขา
“เออ...”
“อยากได้อะไรรึไง”
“ป่าว นายชื่ออะไรหรอ”
“ฉันชื่อ คีตา เธอเป็นอะไรมากรึป่าวเนี่ย คนบ้าอะไรร้องไห้จนเป็นลมไปครึ่งวัน”
“ป่าว”
“ร้องไห้แล้วได้อะไร เสียดายน้ำตาป่าวๆ คนพันธุ์นั้นไม่สมควรที่ผู้หญิงคนไหนจะร้องไห้ให้ รู้มั๊ยยัยโง่”
ฉันไม่ได้พูดอะไรต่อ ใช่ฉันมันบ้าไปแล้วที่เสียใจกับเรื่องพวกนี้จนร่างกายแย่ ฉันมันบ้า ทั้งที่รู้ว่าร้องไปก็ไม่มีอะไรดีขึ้นแต่ก็หยุดไม่ได้ ฉันไม่รู้หรอกว่าร้องไปแล้วได้อะไร
ความคิดเห็น