Death Town 1 - นิยาย Death Town 1 : Dek-D.com - Writer
×

    Death Town 1

    ก็แนว บุ๊ๆ ซอมบี้อ่า พอดีว่างอ่าเนอะ นี่ภาค 1 น๊ะจรี ภาค 2 กำลังปั่น แต่งกะเพื่อน 2 คน เข้ามาก่อนน๊ะ ติชมได้นะ มือใหม่ หุหุ ^^

    ผู้เข้าชมรวม

    123

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    0

    ผู้เข้าชมรวม


    123

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    จำนวนตอน :  0 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  1 ก.ย. 66 / 17:57 น.
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

    สวัสดี ฉันชื่อบีม อายุ 15 ปี ฉันอาศัยอยู่ที่ Gold City ฉันอยู่กับน้าสาวชื่อ จูลี่ เป็นสาวทำงานที่นานๆจะกลับมาที่บ้านสักที แต่ฉันก็อยู่คนเดียวมาจนชินแล้ว เพราะพ่อและแม่ของฉัน ถูกสั่งทางการส่งตัวไปยุโรป

    ไปจัดการเรื่องคดี อ่อ ลืมบอกไป พ่อกับแม่ของฉันเป็นทนายความ และอาชีพเสริมก็คือนักเคมี ทำเกี่ยวกับน้ำยาปลูกพืช

    วันนี้เป็นวันคริสมัต น้าฉันเป็นกัปตันเครื่องบินของบริษัทบินแห่งหนึ่ง วันนี้เลยต้องบินไปหลายประเทศ เนื่องจากวันเทศกาล มีชาวต่างชาติกลับไปเยี่ยมบ้านเยอะ และฉัน...ก็อยู่คนเดียวอย่างที่เคยอยู่มา 12 ปี

    ตอนนี้ก็เป็นเวลา 6 โมงแล้ว ที่นี่ไม่ค่อยสนใจกับเทศกาลนี้เท่าไร แต่ก็ยังมีแสงไฟประดับประดาตามริมรั้ว

    หรือบางบ้านก็จะเป็นต้นสนมาตกแต่ง หรือเรียกกันว่า ต้นคริสมัต

    ฉันออกมาหน้าบ้าน อากาศตอนนี้เย็น จนฉันต้องหยิบโค้ทมาคลุมตัว เพื่อความอบอุ่น เพราะเป็นช่วงหน้าหนาว ฉันแหงนหน้าไปบนท้องฟ้า ที่มืดมิด แต่ยังมีแสงดวงจันทร์ และดวงดาวอยู่ริบรี่ พอทำให้ท้องฟ้าสว่างได้ยามค่ำมืด

    ฉันยืนสูดอากาศสักครู่ก็กลับเข้าบ้าน นี่มันก็ถึงเวลาอาหารเย็นแล้ว ฉันเองก็คิดถึงบรรยากาศเก่าๆ ตอนที่อยู่อเมริกา ตอนนั้นฉัน 3 ขวบเองมั้ง ฉันคิดถึงวันคริสมัตที่นั่น ที่อยู่กับครอบครัว ได้กินอาหาร ได้เล่นหิมะ ได้รับแจกลูกอมกับลุงซานต้าคอสอันเป็นที่รักของเด็กๆ แต่ตอนนี้ ฉันก็ได้ฉลองคริสมัตอยู่คนเดียว

    ฉันมองนาฬิกา นี่เข็มสั้นและเข็มยาวก็บรรจบกันที่เลข 12 พอดี ฉันก็เริ่มง่วงแล้ว

    ฉันจึงปิด คอมพิวเตอร์ แล้วก็เข้านอน

    ตอนนี้ ฉันรู้สึกเหมือนยืนอยู่ในกลางทุ่งหญ้า มีลมพัดปิวไสว ฉันวิ่งเล่นจับแมลงปอ แต่อยู่ดีๆ ทุ่งหญ้านี้ก็กลายเป็นเมืองของฉัน แต่มันไม่ใช่อย่างเก่า จากบ้านผู้คนที่เคยมีสีสัน ตอนนี้กลับกลายเป็นเมืองที่ร้างสนิท

    ซากประหลักหักพังมากมาย บ้านผู้คนก็เป็นบ้านเหมือนเพิ่งโดนระเบิดมา แล้วก็เหมือนว่าจะไม่มีสิ่งมีชีวิตเลย

    นอกจากฉัน ฉันเริ่มใจหาย ปากเริ่มสั่น ฉันพยายามจะตั้งสติ แต่พอฉันจะหลับตาเพื่อเรียกสมาธิกลับมา

    กับมีความรู้สึกเหมือนว่ามีคนเดินมาข้างหลัง ฉันรีบหันไปมองอย่างรวดเร็ว เผื่อจะมีความหวังที่จะเจอคนสักคน

    แต่สิ่งที่ฉันเห็นทำให้ประสาทฉันไม่อยู่กับตัว มันคือคน...คนที่มีเลือดอาบทั้งตัว หน้าตาก็เละเหมือนเพิ่งออกมาจากโลง ใบหน้าซีดเผือก ปากและแก้มของมันเปิดจนเห็นฟันและเหงือก แล้วก็กระดูกเฉิงกาม และที่ของมันยังมีอะไรบางอย่างที่เละ ถ้าดูไม่ผิดมันคือ.... โอ้! มันคือเครื่องในของคน เพราะ ยังมีแขนติดมาด้วย

    ตอนนี้ หน้าฉันซีดเผือกไม่ต่างกับมัน ฉันอยากจะวิ่ง แต่เหมือนมีใครมาเอาหินถ่วงเท้าฉันไว้ ฉันเริ่มน้ำตาไหล

    แล้วทันใดนั้น ไอ้ตัวนั้นก็พุ่งมาทางฉัน หน้าของมันเหมือนเสือที่จะขย้ำสัตว์ผู้เป็นเหยื่อ ช่วงเวลานี้ ฉันไม่รู้จะทำยังไง นอกจากยืนเป็นเหยื่อให้มันกิน มันกัดที่แขนฉัน แล้วมันก็กระซากแขนฉันจนขาด

    ฉันเจ็บมาก เจ็บอย่างบอกไม่ถูก ฉันไม่มีแรงเลยสักนิด แต่ยังมีแรงที่ฉันจะ อ๊ายยยยยยยยยยยยยยย

    แฮ่กๆๆๆ ฉันสะดุ้งขึ้นมา เหงื่อและน้ำตาฉันไหลออกมาอย่างก๊อกแตก ฉันมองรอบๆตัว ตอนนี้ฉันอยู่ในห้องนอนของตัวเอง ฉันยกผ้าห่มมาเช็ดหน้า แล้วถอนหายใจออกมาแรงๆ อย่างโล่งอก

    ฉันยอมรับว่าฉันกลัวมาก แต่ถ้ามันเกิดขึ้นจริง ฉันต้องตายแน่ๆ ฉันลุกขึ้น แล้วมองนาฬิกา 6 โมงแล้ว

    ฉันลุกขึ้นอาบน้ำ พออาบเสร็จฉันก็เปิดหน้าต่าง ในใจก็ภาวนาอย่าให้เมืองนี้เป็นอย่างในฝันเลย

    ฉันดันหน้าต่างออกไป ภาพที่เห็นตรงหน้า ก็เป็นเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง อืม...ก็ดี

    3 อาทิตย์ผ่านไป น้าฉันก็ยังไม่กลับมา แต่ก็ยังโทรมาหาบ้าง

    ฉันเปิดทีวีดูข่าวสารบ้านเมือง และต้องตกใจกับข่าวโรงงานผลิตยาเสริมคอลลาเจนของหญิงสาว

    ฉันตั้งใจฟังผู้รายงานข่าวอย่างตั้งใจ เพราะเคยจำได้ว่าตอนฉัน4-5ขวบ มันเคยมีเหตุการณ์คล้ายๆอย่างนี้มาก่อน

    ขณะนี้เกิดการระเบิดขึ้นที่โรงงาน Ab1 ซึงเกิดจากการรัดวงจรของห้องไฟฟ้า ทำให้มีไฟลุกไหม้

    และสารเคมีรั่วไหลออกมา แล้วทำให้มีผู้คนเสียชีวิตมากมาย แค่มันคล้ายเหตุการณ์เมื่อ 11 ปีก่อน ซึ่งมีผู้คนที่ตายแล้ว แต่ยังยืนขึ้นและกระหายอาหาร แต่ตอนนั้นทางรัฐยังควบคุมได้ เพราะยังมีส่วนน้อย ที่ทำงานโรงงาน

    แต่ตอนนี้ มีผู้คนที่ติดอยู่ในโรงงานและได้รับสารเคมีที่อันตราย เกือบ 300 ชิวิต นั่นไงค่ะๆ พวกมันออกมาแล้ว มันมาทางนี้แล้วค่ะ อ๊ายยยย ออกไปนะไอ้บ้า อ๊ายยยยย พรืบสัญญานของโทรทัศน์ขาดไป ผู้รายงานข่าวคนนั้น...

    โดนไอ้พวกนั้นจัดการ เท่าที่จำไม่ผิด....โอ้แม่เจ้า ไอ้พวกนี้มันอยู่ในฝันของฉันเอง โอ้ มันเป็นจริงหรอนี้

    กริ๊ง กริ๊งเสียงโทรศัพท์บ้านของฉันดัง ฉันรีบไปรับอย่างรวดเร็ว

    สวัสดีค่ะฉันพูด

    บีม ลูก ลูกเป็นอะไรมากมั้ย พ่อ...พ่อนั่นเอง เสียงเค้าเป็นห่วงฉันมาก

    ไม่ค่ะ ไม่ได้เป็นอะไร บีมไม่ได้ออกไปไหนฉันพูด

    ดี...ดีแล้ว ลูกต้องรีบออกจากเมืองนั้นเลยนะ เดี๋ยวนี้พ่อพูดอย่างจริงจัง

    ออกยังไง ตอนนี้ทั้งเมืองกำลังจะกลายเป็นเมืองร้างนะค่ะ แล้วห้องลับใต้ดินบ้านเรา ก็จะถูกพวกมันทำลายนะค่ะฉันพูดอย่างเป็นห่วง ห้องลับใต้ดิน เพราะเป็นห้องทดลองยาเคมีของพ่อและแม่ที่ทุ่มเทมาตั้งแต่ฉันเด็กๆ

    ฉันจะไม่ยอมให้ไอ้คนครึ่งผีอย่างนั้นมาทำลายไม่ได้เด็ดขาด ไม่กลัวอะไรมันแล้วววว

    ช่างมัน ชีวิตลูกสำคัญกว่าห้องทดลองนั้นมาก พ่อจะให้ทางการส่งฮอลล์ไปรับ ลูกๆๆๆ...ฉันไม่ฟังที่พ่อพูด

    ห้องทดลอง สำคัญกว่าไหนๆ ฉันต้องรักษามันไว้ ฉันรีบวิ่งไปที่ห้องทดลอง

    คิดว่าพ่อต้องเก็บอาวุธไว้แน่นอน ฉันเปิดตู้....โป๊ะเชะ มีอยู่จริงๆด้วย

    ทั้ง ปืน มีด ระเบิด และกระสุน ที่จะพอจัดการกับผีพวก ฮึ!

    ปัง ฉันถีบประตูบ้านออกไป แล้วใช้ปืนยิงผีดิบตัวแรกที่เห็น มันกำลังรอฉันอยู่ รอที่จะฟัดฉัน

    พวกมันมีเยอะมาก มันจะวิ่งเข้าประตูมา ฉันรีบปิด ถึงจะยิงกระสุนต้องหมดอยู่แล้ว กว่าจะเปลี่ยนแม็กเสร็จก็เสร็จไอ้พวกนี้อยู่ดี

    ฉันรีบวิ่งขึ้นไปด่านฟ้า แล้วใช้ไม้กระดานฟาดไปที่บ้านข้างๆ พอฉันกระโดดข้ามไปยังบ้านข้างๆได้แล้ว

    ฉันก็เริ่มลงมือยิงไอ้พวกผีดิบที่กำลังจะพังบ้านฉันทีละตัวๆ

    อย่างนั้นเมื่อไรมันจะตายหมดเสียงของผู้ชายคนหนึ่งพูดมาจากทางด้านหลัง ฉันรีบหันไปมองที่ต้นเสียง

    นายฉันพูดขึ้น ถ้าจำไม่ผิดนายนี่คือ ลูกชายของคนข้างบ้าน ฉันไม่ค่อยจะได้เจอเค้า ไม่ เคยคุยด้วย

    เพราะฉันเองไม่ชอบสุงสิงกับใคร และตานี้ก็ขี้เก๊กเป็นบ้า หน้าตาดีแต่ทำอวดเท่ห์

    ต้องใช้ไอ้นี่นายนั่นพูดแล้วก็โชว์ระเบิดน้อยหน่า นี่นายคิดจะใช้มันหรือไง

    เฮ้ย อย่านะ นายจะระเบิดบ้านฉันหรือไงฉันโวย

    อ้าว ไม่อยากให้พวกมันตายๆ ไปหรือไงละนายนั่นหันมาพูด

    มันก็อยาก แต่...ฉันพูด แต่ถ้าปาระเบิดไป ห้องทดลองของพ่อแม่ฉันก็ต้องระเบิดไปด้วยสิ

    แต่อะไรนายนั่นทำหน้ากวน

    แต่ บ้านนั้นมันบ้านฉันนะ นายจะมาระเบิดบ้านคนอื่น บ้าหรือไงห่ะฉันพูด จะให้รู้ไม่ได้ว่าบ้านฉันมีห้องทดลอง เพราะเมืองนี้ไม่มีการอนุญาตให้ทำการทดลองเอง พูดง่ายๆว่าพ่อกับแม่ฉันแอบทำ

    แต่ถึงมันจะผิดกฎหมาย แต่มันก็คือความทุ่มเทของพ่อและแม่ฉัน จะไม่ยอมให้มันเสียหายเด็ดขาด

    อ้าว แล้วเธอจะทำไงนายบ้านั่นถาม

    ฉันยิงได้แล้วกันฉันพูด นายนั่นเลยเก็บระเบิดไป

    ปัง! ปัง! ปัง!

    ฉันเริ่มเร็งทีละตัว ไม่น่าเชื่อ ฉันเพิ่งรู้ว่ายิงปืนแม่น ฉันยิ่งไปเรื่อยๆจนมันตายหมด

    แปะ! แปะ! แปะ!นายนั่นตบมือ แล้วเดินมา หน้ากวนอวัยวะเบื้องล่างชะมัดยาก

    เก่งเหมือนกันนิ โห่ เห็นเธอขรึมอย่างนี้นายนั่นยิ้ม

    ล้วนายมาทำไรอยู่ตรงนี้ เป็นผีดิบโรคจิตหรือเปล่าเนี่ยฉันพูดแล้วก็เร็งปืนไปทางนายนั่น

    นี่ๆๆ ใจเย็นๆก่อนสิ ผมไม่ได้เป็นผีซะหน่อย ยัยบ้านายนั่นยกมือขึ้นตรงอก

    จริงฉันถาม

    ครับนายนั่นยิ้มจนลักยิ้มโผล่ อยากจะหยิบปืนยิงหน้ามันสักนัด ไอ้ผู้ชายหน้ากวนประสาท

    แล้วไป อยู่กับนายแล้วปวดหัว ไปดีกว่าฉันลดปืนลง แล้วก็จะกระโดดลงไปข้างล่าง เมื่อดูแล้วว่าไม่มีผีตัวไหนมาให้ฉันยิงอีก

    นี่ เธอจะทิ้งฉันไว้คนเดียวหรอไงนายนั่นตะโกนตามมา ฉันก็กระโดดลงมาพอดี

    นายเป็นผู้ชายนะ ผู้ชายอะไรดูแลตัวเองไม่เป็น ตุ๊ดชัดๆฉันเงยหน้าขึ้นไปพูด แล้วก็เดินไป

    ถ้าเธอไม่อยู่ แล้วห้องทดลอง ใครจะดูแล เสี่ยงเปล่าๆน่าไปคนเดียวนายนั่นพูด

    ทำให้ฉันหยุดโดยอัตโนมัติ นะ...นาย นายรู้เรื่อง

    นาย นายรู้หรอฉันถามอย่างอึ้งๆ ไม่ นายจะรู้ได้ไง วันๆ ก็เอาแต่เที่ยวกับหญิง

    เอาเป็นว่าฉันรู้แล้วกัน นี่...ข้างหลังอ่ะนายนั่นพูด

    ฉันรีบหันไปข้างหลัง ก็มีผีดิบกำลังตรงเข้ามา ฉันจึงรีบเตะแล้วก็ควักปืนออกมายิง

    แต่บ้าจริง ปืนดันมากระสุนหมดตอนนี้ ตรงใช้วิทยายุทรแล้วอ่ะดิ

    ย๊าก พลั๊ก! ฉันกระโดดเตะไปที่คอของมัน โชคดีที่เกิดมาสูง 170 เลยพอดีคอมันเลย

    เหอะ นิ่งไปเลยแหะ ไม่ยักจะเชื่อว่ามันจะนิ่งเหมือนในหนังจริงๆ อื้ม เท่ห์ไม่เบาเลยเรา

    โว้ว เก่งจริงสาวน้อยนายนั่นตะโกนเชียร์ อีตาบ้า

    นี่ ทำไมนายไม่ช่วยฉันละ มานั่งเชียร์อยู่ได้ ถ้าฉันโดนกัดนะ ฉันจะกินนายเป็นคนแรกฉันยืนโวยวาย

    แต่เธอก็เก่งนิ แหม๋นายนั่นทำหน้าชื่นชมสุดๆ

    จ๊อกๆฉันเอามือจับอยู่ที่ท้อง โอย นั่นก็ ทุ่มเศษ แล้ว หิวจัง ไปกินข้าวในบ้านดีกว่า

    นี่...หิวใช่ม่ะ บ้านผมมีอาหารอยู่ มากินด้วยกันมั้ยนายนั่นเอ่ยชวน

    ชิ กินกับนายนะ ฉันไปกินกะไอ้พวกซอมบี้ดีกว่าฉันพูดแล้วก็เปลี่ยนแม็กปืน

    เอาน่า ยังไง ถึงตอนนี้เธอจะไม่ชอบผม แต่ยังไง คุณก็ต้องขอความช่วยเหลือจากผมอยู่ดีนายนั่นพูดด้วยความมั่นใจ

    ฝันไปเหอะ ตาขี้เก๊กฉันพูดแล้วก็เดินกลับเข้าไปในบ้าน

    โอ้ว ให้ตายเหอะ บ้านฉันทำไมมันยับเยินอย่างนี้ แล้ว อาหาร ขนม นม ของฉันหายไปไหนหมด

    แล้วนี่จะกินอะไรละที่นี้ หิวเป็นบ้า สู้มันก็ต้องใช้กำลังเหมือนกันนะ

    ฉันเลยเดินออกมาจากบ้านด้วยความเซงโครต หน็อย ไอ้ผีบ้า

    ว่าไง กินอิ่มแล้วหรอจ๊ะไอ้คำพูดกวนๆนี้ มันจะมีใครอีก

    ชิฉันเมินใส่

    โหๆๆ นี่ๆ ขึ้นมากินด้วยกันก็ได้ นะ กองทัพต้องเดินด้วยท้องนายนั่นพูด แล้วยิ้มเชิญชวน

    เอาว่ะ ยังไงมันก็ไม่มีทางเลือกอยู่ดี จะยังไงตอนนี้ก็ขออิ่มก่อนแล้วกัน

    บอกแล้ว ว่าคุณต้องให้ผมช่วย

     

    ขอบคุณสำหรับอาหารนะ ว่าแต่ นายชื่ออะไรฉันกินจนอิ่มแล้วก็ถามขึ้น

    สนใจผมหรอนายนั่นทำหน้าหล่อ

    นี่ๆ เลิกกวนประสาทฉันสัก 2 นาทีได้ป่ะฉันพูด

    โอเคๆ ผมชื่อ แทคนายนั่นพูด

    แล้วเธออ่ะ

    บีมฉันตอบสั้น

    อืม แล้วเธอจะเอาไงต่อกับเมืองนี้ จะอยู่ หรือจะออกไปจากเมืองนายนั่นถาม หน้าตาเริ่มจริงจัง

    ฉันไม่มีวันทิ้งสิ่งที่เป็นความฝันทั้งชีวิตของพ่อและแม่ฉันเด็ดขาด

    เธอจะสู้หรอ

    แล้วนายไม่สู้ไงฉันถาม

    แน่นอน สู้อยู่แล้วนายนั่นพูดแล้วก็ชู 2 นิ้ว ปัญญาอ่อนชะมัดเลย อยู่ตั้งม.5 (เท่าที่รู้)

    งั้นก็มาสู้ด้วยกัน... ฉันไม่ได้คิดอะไรกับนายนะตาบ้า ยังไงก็มีกันแค่นี้ฉันพูด

    ได้เลยครับ

    ปัง! ปัง! ปัง!

    โห พวกมันมีเยอะไม่ใช่เล่น ระวังตัวด้วยนะฉันและแทค ลงมาลุยข้างล่าง เพื่อจะได้หาผู้คนที่รอด

    รู้แล้วน่าฉันพูดจบแล้วก็กระสุนหมดพอดี ฉันจึงเก็บปืนใส่กระเป๋า แต่ไอ้ตัวซอมบี้พวกนี้อ่ะสิ

    มันเหลือที่ฉันต้องจัดการอีก 3 ตัว ซึ่งทางแทคเองก็ไม่ว่างมาช่วย แต่ไอ้พวกนี้หน่อมแหน้มจังแหะ

    เตะได้สะดวกดี

    ฉันถอยหลังไปประมาณ 4-5 ก้าว พอได้พื้นที่แล้ว ฉันก็ใช้การวิ่งอย่างรวดเร็ว กระโดดให้สูงๆ

    แล้วก็เตะเข้าที่คอของไอ้ตัวแรก แล้วก็เหยียบหัวเชียหลีดเดอร์ปากแหว่งตัวที่ 2 แล้วก็ใช้มีดสั้น

    ปักเข้าไปที่หัวของหล่อน เพื่อให้แน่ใจว่ามันตายแน่ๆ ฉันจึงกรีดจากกลางหัวลงมาถึงด้านหน้าของมัน

    โอเค สมองแผละออกมาแล้ว เสร็จไป 2 แต่ไอ้ตัวที่ 3 คงล้มยากหน่อย เพราะมันคงจะเป็นนักอเมริกันฟุตบอล

    ดูจากรูปร่างและชุดที่มันใส่ เหอะ ตายคาสนามสิท่า

    ไอ้นักรักบี้ก็เดินอย่างช้าๆเข้ามา พร้อมส่งเสียครวญคราย หวังจะกินฉันให้จนได้ ฝันไปเหอะ

    ฉันเอาขาถีบหน้าอกมัน แทค นายยังจัดการไม่ได้อีกหรอ แต่...เค้าก็เก่งนะ ตอนนี้ 6 ตัวกำลังรุมเค้าอยู่

    เค้ายังไม่หวั่นเลย

    แต่แรงที่ฉันถีบมันไม่สามารถล้มไอ้เจ้านี่ได้ เพราะชุดของมันแข็งพอทน ฉันจึงล้มไปกองกับพื้น

    ไอ้นี้ได้ทีก็จะงับฉัน ฉันจึงเตะปากมันไป มันก็แรงพอจนทำให้ไอ้ผีนี่เซ แต่ถึงคราวซวยของฉัน

    มีไอ้ผีบ้า 2 ตัว มาน มาจับฉันไว้ แล้วแถมไอ้ตัวขวา มันจะกัดคอฉัน ไอ้ตัวซ้ายมันก็จะกัดหน้าฉัน

    แถมไอ้ตัวหน้ายังจะเดินเข้ามาอีก แย่แล้วแหละ พวกนี้แรงเยอะมาก ฉันต้องโดนกัดตายจริงๆ แล้ว................

    ปัง! ปัง! ปัง!เสียงปืนดังขึ้น ฉันหลับตาปี้ เพราะยังไงก็คงตาย แต่อยู่ดีๆ ไอ้ 3 ตัวนี้ก็เกิดง่วงไปโดยปริยาย

    ใครช่วยกันนะ

    บีม โอเคมั้ยคนที่ช่วยมาถาม แต่เพราะมันมืดเลยมองไม่เห็น แต่ที่รู้ๆ ไม่ใช่แทค เพราะแทคกำลังวิ่งมา

    ใครน่ะฉันถาม

    นายเป็นใครนายแทคเอาไฟฉายสาดมาทางฉันและเพื่อนช่วยชีวิต อ่ะ นี่มัน โจ้นิ

    อ้าว โจ้ฉันพูดแล้วยิ้ม

    โจ้คือเพื่อนฉันตอนเด็กๆ ตอนแรกเราเคยบ้านติดกัน แต่พอฉันย้ายบ้านไปอีกเมืองนึง ก็ไม่ได้เจออีกเลย

    ประมาณ 5 ปีได้มั้ง

    ใช่ เป็นไงบ้าง เกือบเป็นอาหารมื้อค่ำของมันซะแล้วนายโจ้พูด

    เค้าเป็นใครนายแทคถาม

    เพื่อนฉันเอง ชื่อโจ้ เออโจ้ นี่แทค เพื่อนบ้านฉันแนะนำให้ทั้ง 2 คนรู้จักกัน

    ยินดีที่ได้รู้จักนะครับโจ้ยื่นมือไป

    ครับนายแทคก็ยื่นมาจับมือ

    แล้วนายมาที่นี่ได้ไงละฉันถาม

    เอาว่าเรื่องมันยาว เราไปหาที่พักกันก่อนดีกว่า มานี่สิ ฉันเอารถมานายโจ้พูด

    และฉันก็พยักหน้า

    ระหว่างทาง โจ้ก็เล่าเรื่องให้ฟังว่า เค้ารู้ข่าวเกี่ยวกับเชื้อไวรัสแล้ว แต่ตอนแรกไม่ได้อะไร แต่เมื่อมีคนในเมือง ขับรถมาที่นี่ แล้วก็โดนพวกผีกัด แต่ยังไม่ถึงตาย เค้ารีบขับรถกลับเมืองนี้เพื่อไปหาหมอ

    แต่พอถึงโรงพยาบาล เชื้อที่ได้รับก็ทำให้เค้าเป็นศพเดินได้ ไล่กินหมอ พยาบาล และคนไข้จนเป็นเหมือนกันหมด

    รัฐบาลเลยสั่งคนที่สำคัญๆ ออกจาก Bkk แล้วย้ายไป อยู่ที่เมืองนอก ซึ่งพ่อแม่ของโจ้เองก็ต้องรีบบินไปที่ประเทศอื่น เพื่อไปศึกษาหายาต้านเชื้อนี้ แล้วโจ้เองขออยู่ที่นี่ เพื่อหาต้นเหตุของเชื้อโรคนี้ ซึ่งต้องได้มาจาก

    คนที่ติดเชิ้อคนแรก และโจ้ยังบอกอีกว่า เชื้อทั้งหมด ไม่ได้เป็นเพราะสารรั่วไหลออกมาจาก โรงงาน แต่มีใครทำมัน

    แล้วนายรู้มั้ยว่าใครติดเชิ้อคนแรกนายแทคถาม

    ยังไม่รู้เลย ดูข่าวแล้วนะ แต่มันถ่ายไม่ถึงนาที นักข่าวก็โดนพวกมันเขมือบไปแล้วโจ้บอก

    ฉันพอจะรู้นะฉันพูด ทำให้นายแทค และโจ้ถามเป็นเสียงเดียวกันว่า ใคร

    ที่โรงงานผลิตคอลลาเจนฉันพูด

    งั้นก็ดีเลย เราไปที่นั่นกันเลยมั้ยนายแทคพูด

    เดี๋ยวก่อนก็ได้โจ้บอก

    โจ้ก็ขับรถมาเรื่อยๆ จนจอดอยู่ที่โรงแรมแห่งหนึ่ง ซึ่งถือได้ว่าเป็นโรงแรมระดับ 5 ดาว ที่พวกนักแสดงหรือคนดัง จะมาพักที่นี่ สภาพโรงแรมนี้ ยังสวยงามด้วยไฟประดับประดาอยู่ แต่จะดีกว่านี้ ถ้ามีผู้คนอยู่เหมือนเมื่อก่อนเกิดเหตุ.....

    The EnD...1

    To be continue 2....

    Death Town n .... Volume 1

     

    เรื่อง Death Town!!! : เมืองมรณะ

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น