ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    คู่หมั้นตัวร้ายขอหนีไปปราบปีศาจ!

    ลำดับตอนที่ #7 : องก์ที่ 7 : ออกเดินทาง+เยี่ยมชาวบ้าน

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 7.18K
      828
      28 เม.ย. 64


    องก์ที่ 7


    มีใครบางคนเคยบอกไว้ว่า


    เวลาหลงป่าเรามักจะพบสิ่งแปลกๆอยู่เสมอ


    บ้านที่ฉันเคยอยู่กับแม่มีภูเขาลูกใหญ่ซ้อนทับกันอยู่ด้านหลัง   ซึ่งผู้คนที่นั้นเชื่อว่ามีภูตพรายอาศัยอยู่    พวกเขาเล่าว่าวันที่พระจันทร์เต็มดวงบนภูเขาจะมีงานเทศกาลถูกจัดขึ้นในเวลากลางคืน    เป็นเทศกาลที่พวกภูตจัดขึ้นเพื่อรำลึกถึงใครบางคน.... 


    ช่วงที่ไปอยู่ครั้งแรกแม่มักจะพาฉันเดินสำรวจบริเวณรอบภูเขาอยู่บ่อยๆ   เพื่อให้ฉันได้เรียนรู้ธรรมชาติ    


    ในความคิดของฉันที่นั้นดูปกติดีทุกอย่าง   ทั้งเย็นสบายและดูมีชีวิต....


    ในช่วงฤดูหนาวตอนฉันอายุ 7 ปี  ฉันเคยขึ้นไปเที่ยวเทศกาลนั้นกับใครบางคน   ฉันลืมใบหน้าของเขาไปนานแล้ว...พยายามแค่ไหนก็ไม่เคยนึกออกเลยสักครั้ง    เท่าที่จำได้คือเขาเป็นชายหนุ่มที่มีผมยาวสีดำอายุประมาณ 17 ปี  เขามักจะมาหาฉันอยู่บ่อยๆพอรู้ตัวอีกทีเราก็สนิทกันแล้ว


    วันเวลาผ่านไปเรื่องร้ายต่างๆมันก็ทำให้ฉันเผลอลืมเรื่องราวดีๆนี่ไปจนหมด   แต่พอได้มาอยู่ญี่ปุ่นแบบนี้มันก็อดไม่ได้ที่จะคิดถึงขึ้นมา


    ป่านนี้เขาคนนั้นคงอายุปาเข้าไปสามสิบกว่าแล้วมั้ง   คงมีครอบครัว   มีลูกๆที่น่ารัก


    ............................................


    วี้ดดด....


    เสียงลมพัดหวีดหวิวดังแว่วเข้ามาในขณะที่ฉันกำลังหลับตาเพื่อทำสมาธิ   เสียงสายลมที่ฉันมักได้ยินเป็นครั้งคราวยามที่มันพัดผ่านช่องประตูของบ้านเล็กๆที่เคยอาศัยอยู่กับแม่    เพราะได้ยินมาตั้งแต่เด็กฉันจึงรู้สึกชินกับมันมากจนไม่รู้สึกกลัว    แต่ครั้งนี้ฉันกลับรู้สึกต่างออกไป.....


    ราวกับเป็นเสียงกระซิบของเหล่าภูตพราย  (เอ่อ....แต่นี้ยังเช้าอยู่นะ)


    ฉันค่อยๆลืมตาขึ้นมาก่อนจะมองดูรอบๆห้องด้วยความขนลุก    ในนี้มีเพียงแค่ฉันและท่านน้าวาคานะเท่านั้นที่นั่งอยู่ภายใน   คุณชิโระคงจะออกไปข้างนอกเพื่อทำหน้าที่ของนางกำนัล


    น่าแปลก....ประตูห้องที่ปิดสนิทกลับมีเสียงลมพัดน่าขนลุก    ฉันรู้ดีว่าที่นี่ต้องมีเรื่องแปลกๆอยู่แน่นอน   อย่างพวกภูตผีปีศาจอะไรแบบนี้   แต่ฉันก็ไม่มีสิทธิ์เลือกที่อยู่ตั้งแต่แรกแล้วนี่นา    สิ่งที่ทำได้ตอนนี้ก็คือการก้มหน้ายอมรับสิ่งต่างๆที่กำลังจะเกิดในอนาคต


    “มานั่งสมาธิแบบนี้คงรู้สึกเบื่อละสิ”  


    ท่านวาคานะที่ไม่รู้ว่าลืมตาขึ้นมาตอนไหนเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงติดตลกพร้อมกับส่งยิ้มอบอุ่นให้ฉัน  


    “มะ...ไม่ขนาดนั้นหรอกค่ะ”    พูดจบฉันก็รีบก้มหน้างุดด้วยความรู้สึกผิดทันที   ท่านคงคิดว่าฉันลืมตานานแล้วเป็นแน่   ทั้งที่ฉันพึ่งจะลืมตาเมื่อกี้เอง


    “เพิ่งจะมาอยู่ไม่กี่วันอยากไปเดินเที่ยวรอบปราสาทบ้างหรือไม่?”


    คำถามนี้ทำให้ฉันตาลุกวาว   แต่ก็ต้องเก็บอาการไว้เพื่อไม่ให้เสียบุคลิกกุลสตรี(ญี่ปุ่น)ยุคโบราณ


    “ข้าเดินหลงทางอยู่บ่อยๆถ้าได้รู้จักที่ต่างๆในปราสาทคงไปไหนมาไหนสะดวกกว่านี้แน่ๆ”   


    “งั้นน้าจะสั่งให้ชิโระพามิซึกิเดินดูรอบๆปราสาทนะจ้ะ    แต่.....อย่าเข้าไปในป่าหลังปราสาทเด็ดขาด   เข้าใจหรือไม่?”   ท่านวาคานะกำชับเสียงแข็งพลางจ้องตาฉันเขม็งราวกับว่าต้องการคำตอบจากฉัน


    “ได้ค่ะข้าจะไม่เข้าป่าหลังปราสาทเด็ดขาด   ขอบคุณท่านน้าที่อนุญาตให้ข้าไปเที่ยวเล่น”   ฉันก้มหัวให้ท่านเลียนแบบหนังญี่ปุ่นยุคซามูไรที่เคยดูบ่อยๆ


    “มาเถอะจ๊ะ”   


    “ค่ะ”


    พูดจบฉันก็ยันตัวลุกขึ้นก่อนจะเดินตามท่านวาคานะออกไปนอกห้องซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่คุณชิโระเดินมาหาพวกเรา    เธอประสานมือไว้ตรงหน้าก่อนจะก้มหัวให้ฉันกับท่านวาคานะเพื่อแสดงถึงการทำความเคารพ


    ท่านวาคานะจัดการสั่งให้เธอพาฉันเที่ยวรอบปราสาทก่อนจะแยกไปอีกทางหนึ่ง   ทิ้งไว้เพียงเราสองคนที่ยืนถอนหายใจอย่างปลงๆ    เวลาอยู่กับท่านฉันทั้งเหนื่อยแล้วก็รู้สึกเกร็งแปลกๆ   คงเพราะกลัวท่านจะรู้ความจริงที่ว่าฉันไม่ใช่ท่านหญิงมิซึกิ


    “....เราสองคนจะเอาไงดีคะคุณชิโระ”   ฉันยืนพิงเสาด้วยท่าทางสบายๆก่อนจะเอ่ยปากถามคนที่เอาแต่ยืนก้มหน้างุด


    “ดิฉันก็คงต้องพาคุณหนูเดินเที่ยวรอบปราสาทตามที่ท่านวาคานะสั่งเจ้าค่ะ ^_^  


    “โอเคค่ะโอเค    ฉันยอมเดินในปราสาทก็ได้....ถึงแม้จะอยากไปเที่ยวข้างนอกมากกว่าก็ตาม”


    “อย่าขัดคำสั่งผู้ใหญ่จะเป็นการดีที่สุดเจ้าค่ะ   ถ้าท่านหญิงมิซึกิ...”    คุณชิโระทำท่าจะร่ายยาวแต่ก็ถูกฉันยกมือห้ามซะก่อน   เธอกรอกตาไปมาก่อนจะผายมือให้ฉันมาเดินข้างๆ


    เราสองคนเดินมาได้ไม่ไกลเท่าไหร่ก็บังเอิญเจอเข้ากับอีตาชินเมียวมารุและบริวารทั้งสองของเขาหรือก็คือคุณเกนบุกับยัยเฮียวโกะนั้นเอง


    สามคนนี้คงกำลังจะออกไปข้างนอกชัวร์ๆเลย    เพราะฉันเห็นม้าสามตัวถูกผูกอยู่ใต้ต้นไม้หน้าปราสาทอ่ะ


    ชินเมียวมารุมองฉันแค่หางตาส่วนองครักษ์ทั้งสองของเขาก็ทำหน้าเรียบเฉยราวกับไม่เห็นหัวฉัน     โถๆ ไอ้พวกซามูไรหยิ่งเอ้ย!    ส่วนฉันก็ทำเป็นไม่สนเขาเหมือนกันนั้นล่ะค่ะ   ก็บอกแล้วว่าโนสนโนแคร์~


    “เดี๋ยว....”   เสียงทุ่มแฝงอำนาจของชินเมียวมารุออกคำสั่งขึ้นเรียบๆ ซึ่งน่าจะเป็นการสั่งเกนบุกับเฮียวโกะ    แต่ฉันดันตกใจจนเผลอหยุดเดินไปด้วย


    อา....ท่องไว้ว่าเขาไม่ได้เรียกฉัน    เขาแค่บอกคนอื่น    อย่าสำคัญตัวดิ


    “มีอะไรรึเปล่าคะนายน้อย?”    เฮียวโกะซึ่งสะพายธนูไว้ด้านหลังเอ่ยถามชินเมียวมารุที่ยืนนิ่งอยู่กับที่ด้วยความสงสัย


    “....มิซึกิ”    เขาพูดพร้อมหันกลับมาทางที่ฉันยืนอยู่    ใบหน้าคมคายมีความเจ้าเล่ย์ปนอยู่นิดหน่อยราวกับว่าคิดอะไรดีๆออก


    หมอนั้นเรียกฉันค่ะคุณผู้ชม    แต่ไม่น่าเป็นสิ่งที่ดี


    “คุณหนู....ท่านชินเมียวมารุเรียกเจ้าค่ะ”   คุณชิโระกระตุกแขนเสื้อฉันเบาๆเพื่อเรียกสติ(ของฉัน)ที่หลุดลอยไปให้กลับเข้าร่าง  


    “มีอะไรเหรอคะท่านชินเมียวมารุ”   ฉันพูดพร้อมกับยิ้มหวานให้ชินเมียวมารุ    ทั้งที่ในใจมันตรงข้ามกันโดยสิ้นเชิง    ใช่....ฉันอยากกระโดดกัดหมอนี่


    “ได้ข่าวว่าเธอขี่ม้าเก่ง”


    ห้ะ!?!  ถามจริง!    เจ้าหญิงมิซึกิเนี่ยนะขี่ม้าเก่งจ้างล้านบาทฉันก็ไม่เชื่ออ่ะ   แสดงว่าวันนี้อีตาคู่หมั้นต้องคิดแผนอะไรไว้แน่นอน    และถ้าเดาไม่ผิดเขาคงหวังจะกำจัดฉันออกจากชีวิต -_-


    ไปนอนฝันเอาเถอะค่ะ


    “ไม่ถึงกับเก่งหรอกค่ะ   แค่พอได้”   คำตอบของฉันทำเอาคุณชิโระหันขวับมามองหน้าทันที   


    แหมๆ   เห็นอย่างนี้ฉันก็ขี่ม้าเป็นนะยะ     ฉันเคยไปขี่ม้าอยู่ที่ฟาร์มของคุณอาตั้งแต่เด็ก   ผ่านวิกฤษเกี่ยวกับม้าเยอะซะจนนับไม่หมด   ทั้งเกือบถูกม้าดีด  กัด  หรือไม่ก็พาวิ่งออกไปนอกฟาร์ม


    การถูกคนรอบข้างกลั่นแกล้งและเกลียดชังทำให้ฉันได้เรียนรู้ในหลายๆเรื่อง    และหล่อหลอมให้ฉันมีความสามารถมากกว่าคนอื่น    หรือเรียกง่ายๆว่าการดิ้นรนนั้นแหละ =_=


    “งั้นเธออยากไปขี่ม้าดูรอบๆเมืองมั้ย”   


    คำถามของคนหน้านิ่งทำให้ฉันขมวดคิ้วเข้าหากันด้วยความงง   ถ้าฉันไม่หูฝาดก็แสดงว่าเขาชวนฉันไปเที่ยวจริงๆ   อ๊ากกก!   นี่ฉันจะได้ไปเที่ยวนอกปราสาทจริงๆเรอะ


    “ค่ะ...อยากไป”   ตอบโดยไม่ต้องใช้เวลาคิดเลยจ้า


    “พาท่านหญิงไปเตรียมตัว   ข้าจะรออยู่นี่”   พูดจบเขาก็เดินไปที่เจ้าม้าตัวโตสีน้ำตาลซึ่งถูกผูกอยู่ใต้ต้นไม้   


    คุณชิโระจูงมือฉันกลับมาที่ห้องก่อนจะให้ฉันถอดชุดกิโมโนที่สวมอยูออกแล้วสวมด้วยชุดทะมัดทะแมงแทน   เธอใช้เชือกนิ่มๆรวบผมสีขาวของฉันเข้าด้วยกันก่อนจะเอาผ้าคลุมไหล่สีเดียวกันมาคลุมใบหน้าของฉันไว้หลวมๆ


    “ไม่คลุมหน้าได้มั้ยคะ   ฉันไม่ชอบ”    แบบว่ามันรู้สึกเหมือนเป็นคนรักสวยรักงามเกินไปอ่ะ    น่ารำคาญชิบ


    “ไม่ได้เจ้าค่ะ   หากเปิดจะยิ่งอันตราย”


    แม้จะงงอยู่บ้างแต่ฉันก็เลือกจะพยักหน้าเข้าใจ    คุณชิโระเข้าไปในห้องของเธอก่อนจะเดินออกมาด้วยชุดแบบเดียวกับฉัน   เธอสะพายธนูและลูกธนูไว้ข้างหลัง    ในมือถือดาบคาตะนะสีขาวสลักลายนกกระเรียนสีทองก่อนจะยืนมาตรงหน้าฉัน


    “คะ?”   ฉันถามพร้อมกับมองเธอด้วยความงง “คุณชิโระเอาดาบให้ฉันทำไมเหรอคะ”


    “ของขวัญจากพระเจ้าค่ะ    คุณหนูเก็บไว้ใกล้ตัวจะเป็นการดีที่สุด”


    คุณชิโระไม่สนว่าฉันต้องการมันหรือไม่   เธอยัดดาบใส่ในมือของฉันก่อนจะจูงมือออกมาจากห้องเพื่อไปหาคนที่รออยู่     โชคดีที่บริเวณขอบกางเกงมีเข็มขัดที่ใช้เก็บดาบฉันจึงไม่ต้องถือให้เมื่อยมือ    อย่างกับคนกำลังจะไปรบเลย


    เฮียวโกะจูงเจ้าม้าสีดำตัวสูงมาให้ฉันกับคุณชิโระคนละตัว     ฉันยื่นมือไปลูบบริเวณคอของมันเพื่อให้มันคุ้นชินกับเจ้านายใหม่     และดูเหมือนเจ้าม้าจะคุ้นเคยกับคนมากเลยทีเดียวเพราะมันยอมให้ฉันขี่ง่ายกว่าที่คิดไว้


    ระหว่างทางเราไม่ได้คุยอะไรกัน   ชินเมียวมารุขี่ม้านำหน้าตามด้วยเกนบุและเฮียวโกะ   ปิดท้ายขบวนด้วยฉันกับคุณชิโระ   รอบทางเป็นชาวบ้านที่กำลังทำงานของตนเองพวกเขามองมาที่เราก่อนจะทำความเคารพ   มีหลายคนที่สงสัยในสีผมและใบหน้าของฉันแต่ก็ทำได้แค่สงสัยนั้นล่ะ


    เราเดินทางออกมานอกเมืองผ่านป่าและทะเลสาบน้ำจืดขนาดใหญ่จนกระทั่งมาถึงหมูบ้านเล็กๆแห่งหนึ่ง   การเป็นอยู่ของที่นี่ดูต่างจากชาวบ้านที่อยู่รอบปราสาทแค่เล็กน้อยเท่านั้น    แต่ดูเหมือนพวกเขากำลังร้อนลนกับอะไรบางอย่าง


    “ทะ....ท่านชินเมียวมารุ   กรุณาช่วยด้วย”   ชาวบ้านคนหนึ่งซึ่งน่าจะเป็นหัวหน้าหมูบ้านวิ่งฝ่าทหารเข้ามานั่งคุกเข่าตรงหน้าชินเมียวมารุก่อนจะพูดด้วยท่าทางหวาดกลัว


    “เกิดอะไรขึ้น”    ชายหนุ่มหันไปถามพวกทหารที่ยืนอยู่พลางมองไปรอบๆหมูบ้าน


    “ชาวบ้านพวกนี้บอกว่ามีปีศาจแมงมุมยักต์อยู่ในป่าฝั่งโน้นขอรับ”     นายทหารซึ่งยืนอยู่รีบวิ่งเข้ามาจับเชือกม้าเพื่อให้นายน้อยของเขาลงมาได้อย่างปลอดภัย


    “ปีศาจเหรอ”    ชินเมียวมารุขมวดคิ้วพร้อมกับลูบที่คางอย่างใช้ความคิด


    “ได้โปรดช่วยพวกเราด้วยนะขอรับ   มันออกมาฆ่าคนในหมู่บ้านตอนกลางคืน    พวกเราลำบากมากจริงๆ”    เหล่าชาวบ้านต่างพูดขึ้นเป็นเสียงเดียวกัน


    “เข้าใจแล้ว  งั้นวันนี้เราจะพักอยู่นี่”   เขาสรุปเสียงหนักแน่นก่อนจะเรียกองครักษ์ทั้งสองให้ลงมาจากหลังม้า


    เหล่าชาวบ้านต่างวิ่งไปเตรียมบ้านเล็กๆให้พวกเรากันจ้าละหวั่น   ชินเมียวมารุกับคนของเขาแยกไปวางแผนกันอีกทางหนึ่ง   ส่วนฉันกับคุณชิโระก็แยกมาเดินดูรอบๆหมู่บ้าน  


    พวกชาวบ้านดูประหลาดใจมากยามที่เห็นสีผมของฉัน   แม้จะก้มหัวทำความเคารพแต่ลับหลังพวกเขากลับคิดว่าฉันเป็นปีศาจ


    “ยังสาวอยู่แท้ๆ  ทำไมผมท่านถึงเป็นสีนี้ได้”   หญิงวัยกลางคนที่เดินผ่านไปเมื่อกี้หันไปกระซิบกับเพื่อนของเธอเบาๆ


    “ท่านเป็นปีศาจหรืออย่างไร...   ใบหน้าก็ไม่ยอมเปิด”


    “นางคงหน้าตาน่าเกลียดเป็นแน่”


    ฉันทำเป็นหูทวนลมเดินผ่านสารพัดคำพูดของเหล่าชาวบ้านเพื่อไปดูป่าซึ่งอยู่หลังหมู่บ้าน    มันเป็นป่าดิบต้นไม้สารพัดเกิดชิดกันจนมืดไปหมด   มีท่างเดินเล็กๆทอดยาวเข้าไปในป่า    ถ้าเดาไม่ผิดคงเป็นทางที่ชาวบ้านใช้เดินเข้าไปหาของป่าเป็นแน่


    “คุณหนู   ที่นี่อันตรายเจ้าค่ะ”   อยู่ๆคุณชิโระที่ยืนนิ่งอยู่ก็พูดขึ้น   เธอดึงแขนฉันให้ออกห่างจากป่าเล็กน้อย   สายตาเรียวทอดมองข้างในราวกับเห็นอะไรบางอย่าง


    “คุณชิโระ....”


    “ไปกันเถอะเจ้าค่ะ”   


    หลังจากเห็นท่าทีที่เป็นกังวลของคุณชิโระฉันจึงยอมละสายตาจากป่าเเละทำตามที่เธอบอกเเต่โดยดี


    “...ได้ค่ะ


    ฉันเป็นฝ่ายเดินนำหน้าเธอไปยังบ้านเล็กๆซึ่งเป็นที่พัก   น่าแปลกที่เขาจัดให้ชินเมียวมารุอยู่กับเกนบุและเฮียวโกะในบ้านอีกหลัง   ยัยเฮียวโกะเป็นสาวเป็นแส้ทำไมถึงกล้าทำแบบนี้วะ   ทั้งที่คู่หมั้นอย่างฉันควรจะอยู่กับเขา! (แบบว่านิยายส่วนมากมันก็เป็นอย่างนั้นนี่นา)


    คืนนี้ชินเมียวมารุและทหารรวมทั้งชาวบ้านที่เป็นผู้ชายรวมตัวกันไปยืนอยู่หน้าทางเข้าป่าเพื่อรอเจ้าปีศาจที่ว่า   ส่วนฉันกับคุณชิโระก็ทำเพียงแค่มองดูพวกเขาผ่านหน้าต่างของบ้าน


    แต่ลางสังหรณ์ของฉันกลับบอกว่า......มีบางอย่างกำลังจะเกิดขึ้นกับฉัน


    ขนลุกพิลึกแฮะ -_-^


    ........................................................................


    อาจหายไปนานหน่อยนะคะ    ประมาณวันสองวันนี่ล่ะ   เหอะๆๆ

    เป้าหมายที่จะลงนิยายทุกวันหายวับไปเลยเมื่อเจองานเป็นกอง T^T   

    ปล.ใกล้จะได้เขียนฉากบู๊เเล้ว เย้ๆ   



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนเปิดให้แสดงความคิดเห็น “เฉพาะสมาชิก” เท่านั้น
    ×