ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    คู่หมั้นตัวร้ายขอหนีไปปราบปีศาจ!

    ลำดับตอนที่ #3 : องก์ที่ 3 : สวัสดีค่ะคุณคู่หมั้นตัวร้าย (อดีต)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 9.59K
      1.28K
      28 เม.ย. 64


    องก์ที่ 3

    นอกจากสีผมที่เปลี่ยนไปท่านมิซึกิก็เริ่มมีอาการแปลกๆด้วยเจ้าค่ะ


    เสียงแหบพร่าของหญิงชราคนหนึ่งดังขึ้นบริเวณที่ฉันนอนอยู่ก่อนที่สัมผัสอบอุ่นจากฝ่ามือนุ่มนิ่มจะไล่ไปทั่วใบหน้าของฉันเพื่อเช็คอุณหภูมิ


    อา....ตอนนี้ฉันยังไม่ตายใช่มั้ย? ฉันยังมีชีวิตอยู่ใช่รึเปล่าคะ?


    มิซึกิจ้ะ


    น้ำเสียงหวานแสนอบอุ่นเอ่ยเรียกชื่อของใครบางคนเบาๆ ฉันพยายามปรื่อตาขึ้นมองเพื่อดูว่าตอนนี้ตนเองอยู่ที่ไหน บอกตรงๆว่านี่เป็นครั้งแรกที่ฉันรู้สึกว่าการลืมตาเป็นอะไรที่ยากมาก หนังตาของฉันมันหนักราวกับมีหินสิบก้อนทับอยู่ก็ไม่ปาน


    พยายามเข้าแพนเจีย สูดลมหายใจเข้าไว้


    ฉันบอกตัวเองในใจก่อนจะสูดอากาศเข้าไปเฮือกใหญ่แล้วลืมตาขึ้นช้าๆ ภาพที่ปรากฏเบื้องหน้าคือผู้หญิงวัยกลางคนในชุดจูนิฮิโตเอะสีฟ้าโทนสบายตากำลังนั่งมองฉันด้วยสายตาเป็นห่วงเป็นใย


    ตอนนี้ร่างของฉันกำลังนอนอยู่บนฟูกนุ่มนิ่มแบบที่ชาวญี่ปุ่นใช้นอน พื้นห้องถูกปูด้วยเสื่อทาทามิยาวประมาณสองเมตร ประตูห้องเป็นประตูเลื่อนซึ่งทำจากกรอบไม้คลุมด้วยกระดาษสีข่าวขุ่นเช่นเดียวกับผนังห้อง แต่ต่างกันตรงที่ผนังจะมีรูปวาดธรรมชาติคล้ายภาพลายเส้นจากพู่กันจีน


    ฉันมองผู้หญิงซึ่งน่าจะมียศสูงเอาการสลับกับนางกำนัลสองคนที่นั่งก้มหัวอยู่ข้างประตูด้วยความตะลึง


    ชัดเลย...


    นี่มันญี่ปุ่นยุคโบราณชัดๆ อ๊ากกกก!!!!


    ฟื้นแล้วเหรอมิซึกิ” ท่านหญิงเอ่ยขึ้นด้วยความโล่งใจเรียกสติของฉันให้กลับเข้าร่างอีกครั้ง


    มิซึกิ เหรอ?


    หนู...เอ้ย...ดิฉัน....ไม่ใช่ค่ะ เอ่อ ดิฉันต้องไปแล้ว” ฉันไม่รู้ว่าเราใช้ภาษาอะไรคุยกันแต่สิ่งที่ฉันได้ยินคือภาษาไทยเเละฉันเองก็ตอบเธอเป็นภาษาไทยเช่นกัน


    อะไรกันมิซึกิ”


    ขะ...ขอประทานโทษค่ะ


    พูดจบฉันก็ลุกพรวดขึ้นแล้ววิ่งออกนอกห้องทันที ทำเอาท่านหญิงคนนั้นลุกตามแทบไม่ทันส่วนนางกำนัลทั้งสองเมื่อตั้งสติได้ก็รีบวิ่งตามฉันทันที ฉันวิ่งออกมาด้วยความยากลำบากเพราะผมที่ยาวเท่าตาตุ่มและชุดกิโมโนที่หนักพอสมควร


    ท่านมิซึกิเจ้าคะ!” เสียงของนางกำนัลคนหนึ่งเอ่ยเรียก ตอนนี้หล่อนทั้งสองใกล้จะถึงตัวฉันแล้วง่ะ


    ตุ๊บ!!!


    อ้ะ!


    ร่างของฉันเซถอยหลังก่อนจะล้มลงบนพื้นเพราะดันวิ่งไปชนกับใครบางคนเข้า คนที่ยืนอยู่ดูเหมือนจะไม่สะทกสะท้านเลยสักนิดส่วนฉันอ่ะก้นหักแล้วจ้า T_T ดีนะพื้นมันไม่มีอะไรโผล่ขึ้นมามิฉะนั้นฉันคงเสียซิงตั้งเเต่อายุ 16 ปี


    ขะ....ขอโทษค่ะ” ฉันเอ่ยทั้งที่ยังก้มหน้าก้มตาอยู่ น้ำตาเริ่มซึมออกมาเล็กน้อยเพราะเจ็บทั้งหน้าและเจ็บทั้งก้น


    อุ๊ย! นะ...นายน้อยนางกำนังทั้งสองซึ่งวิ่งตามมาติดๆรีบนั่งลงกับพื้นก่อนจะก้มหัวให้คนที่ยืนอยู่ด้วยความเคารพ


    นายน้อยงั้นเหรอ? คงไม่ใช่อีตาคู่หมั้นจอมเฉยชาของท่านหญิงมิซึกิใช่มั้ย แง~ หนูอยากกลับคอนโดแล้วค่ะคุณมือซ้ายและมือขวาของพระเจ้า


    ถึงตายมั้ย


    เสียงทุ้มห้าวของคนตรงหน้าเอ่ยถามเรียบๆก่อนที่ท่อนแขนแข็งแรงจะยื่นมาฉุดตัวฉันให้ลุกขึ้นยืน


    “...ป่าวค่ะเเค่วิ่งชนมันจะตายได้ยังไงฟ้ะ(คิดในใจ)


    ฉันพูดพร้อมกับไล่สายตามองเขาตั้งแต่เท้าขึ้นมาถึงลำตัว สมแล้วที่เป็นซามูไรเพราะเขาใส่ชุดฮะกะมะสีขาวสลับกับสีแดงเลือดหมูแถมยังพกดาบคาตานะไว้ที่เอว


    นี่ถ้าทำผมแบบโกนด้านหน้าให้หัวล้านฉันคงนั่งขำผู้ชายคนนี้ทั้งวัน ว่าแล้วก็ขอดูหน้าหน่อยเถอะท่านชินเมียวมารุ


    คิดได้ดังนั้นฉันก็ตัดสินใจเงยหน้าขึ้นมองเขาแบบเต็มๆตา เอ่อ.....ขอบอกตามตรงว่าเขาต่างจากที่ฉันคิดไว้มากเลยล่ะ ผมของเขายาวถึงกลางหลังและถูกรวบไว้อย่างเป็นระเบียบ ใบหน้าหล่อเหล่าแกมคมเข้มรับกับคิ้วดุๆจนดูน่าเกรงขาม(และน่ากลัว)


    หล่อค่ะ หล่อมาก หล่อสมกับเป็นคู่หมั้นของฉัน โอปป้ายุคอดีตโดยเเท้


    เมื่อรู้ตัวว่าเผลอจ้องคนคนนี้นานเกินไปฉันจึงรีบละสายตาออกจากเขาแล้วไปยืนก้มหน้าก้มตาตรงขอบๆทางแทน


    ได้โปรดอย่าโกรธฉันเลยนะคะ ฉันไม่ใช่คนที่นี่


    มิซึกิ ทำไมผมของเจ้าถึงเป็นสีแบบนี้คนที่เอาแต่จ้องมองฉันไม่วางตายิงคำถามมาอีกครั้งจนฉันต้องขมวดคิ้วด้วยความงง


    ในช่วงแรกฉันนึกว่าท่านหญิงมิซึกิมีผมสีเงินมาตั้งแต่เกิดเลยไม่ได้เอะใจอะไร แต่พอเจอคำถามแบบนี้ฉันก็ไปไม่เป็นเลยแฮะ ตอบว่าไปทำผมมาได้ป้ะ เเต่สมัยนี้มันไม่มีร้านทำผมนะสิ T_T


    ฉันมองไปที่นางกำนัลสองคนซึ่งเอาแต่นั่งก้มหน้าก้มตาเพื่อหวังจะขอความช่วยเหลือแต่พวกหล่อนก็ไม่มีทีท่าจะเงยหน้าขึ้นมาเลย


    โอ้ย....จะตอบยังไงดีนะ คิดสิคิดดดด!!!!!!!


    มิซึกิตายเพราะจมน้ำ ใช่! นี่ไงล่ะเหตุผลที่ฉันจะเอาไปแถ


    “....ดิฉันไม่ทราบค่ะ อะ...อาจเป็นเพราะการจมน้ำ


    คนตรงหน้าเงียบไปอึดหนึ่งก่อนจะตอบกลับมาเบาๆ


    อื่ม


    ดูเหมือนชินเมียวมารุจะเลิกสนใจในตัวฉันไปบ้างแล้ว ขอบคุณความอัจฉริยะและความทอแหลของตัวเอง หึๆ เขาทำท่าทางเหมือนจะพูดอะไรบางอย่างกับฉันแต่ก็ถูกขัดด้วยเสียงตะโกนของชายร่างสูงใหญ่ในชุดทหารธรรมดาซะก่อน


    นายน้อยเรื่องที่ให้ไปทำมัน.....เอ่อชายคนนั้นหยุดพูดเมื่อเห็นว่าฉันยืนอยู่ข้างๆนายน้อยของเขา


    ชินเมียวมารุหันไปพยักหน้าให้ชายคนนั้นเหมือนเป็นสัญญาณให้เดินกลับไปทางเดิมก่อนที่เขาจะเดินตามไปช้าๆ ส่วนฉันก็ทำได้เพียงมองตามเขาไปจนแผ่นหลังนั้นลับสายตา


    ดูเหมือนผู้ชายคนนี้จะไม่ชอบคู่หมั้นตัวเองสักเท่าไหร่ การพูดคุยมันดูเรียบง่ายเกินไปจนเหมือนถามคนรู้จักเท่านั้น หรือในใจของชินเมียวมารุคนนี้จะมีคนอื่นอยู่ข้างในแล้วกันนะ....


    อา....แล้วฉันจะสนใจเพื่อ?


    ท่านมิซึกิจะรีบวิ่งไปที่ไหนกันเจ้าคะ กลับห้องกันเถอะเจ้าค่ะป่านนี้ท่านวาคานะคงเป็นห่วงแย่แล้วนางกำนัลทั้งสองแทบจะพูดเป็นเสียงเดียวกัน สีหน้าของพวกเขาดูเหนื่อยใจกับฉันเป็นอย่างมาก


    ค่ะ กลับก็ได้...พูดจบฉันก็ยอมเดินตามสองคนนั้นไปโดยไม่ขัดขืนอะไร


    เพราะฉันรู้ตัวดีว่าตนเองไม่มีทางเลือกอีกแล้ว ฉันจะไม่ทำตัวปัญญาอ่อนแล้วหลอกตัวเองว่านี่คือกองถ่ายละครย้อนยุค เพราะแค่ใช้สายตามองดูรอบตัวฉันก็รู้แล้วว่าความเป็นอยู่ของคนที่นี่มันลำบากแค่ไหน


    ที่นี้ไม่มีเสาไฟฟ้า ไม่มีเสาสัญญาณโทรศัพท์ หรือแม้แต่รถสักคันก็ยังไม่มี เฮ้ออออฉันต้องตายเพราะไม่มีโทรศัพท์ไว้เล่นเกมแน่ๆ


    สิ่งเดียวที่ทำให้ฉันมีความสุขก็คือ สถานการณ์นี้มันช่วยพิสูจน์ทฤษฎีย้อนเวลาของฉ้านนนนนน! วะฮาฮ่า


    คลืดดดด


    เสียงประตูถูกเลื่อนให้เปิดออกเผยให้เห็นใบหน้างดงามที่กำลังนั่งเป็นกังวลอยู่ภายในห้อง ท่านหญิงที่ชื่อวาคานะยิ้มออกมาบางๆเมื่อเห็นว่าฉันค่อยๆคลานเข้าไปหาเธอ


    น้าเป็นห่วงแทบแย่ อยู่ๆทำไมถึงวิ่งออกไปแบบนั้นคะ?”


    ที่แท้ท่านก็เป็นน้าของท่านหญิงมิซึกินั้นเอง หรือไม่ท่านก็อาจเป็นเเม่ของชินเมียวมารุด้วยก็ได้


    ฉันขอโทษค่ะฉันพูดพร้อมกับก้มหัวขอโทษท่านตามแบบคนญี่ปุ่น


    “....นอนพักผ่อนเถอะจ๊ะ


    ฉันยอมเดินไปนอนที่ฟูกแต่โดยดีส่วนท่านวาคานะก็นั่งเฝ้าไม่ห่างไปไหน แม้จะไม่รู้ประวัติของคนที่นี่แต่ฉันก็มั่นใจว่าชีวิตของมิซึกิก็ไม่ได้แย่เท่าฉัน


    ฉันแกล้งหลับตาลงเพื่อให้ทุกคนสบายใจ แต่พอรู้ตัวอีกทีฉันก็ดันเผลอหลับไปซะแล้วสิ 



    ........................................................


    เขียนครั้งเเรก : 17 พฤศจิกายน 2561
    ลง Dek-D  :  เดือนกรกฎาคมวันไหนไม่รู้
    เเก้ไขเมื่อ : 15 ตุลาคม 2562

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนเปิดให้แสดงความคิดเห็น “เฉพาะสมาชิก” เท่านั้น
    ×