คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : องก์ที่ 3 : สวัสดีค่ะคุณคู่หมั้นตัวร้าย (อดีต)
“นอกจากสีผมที่เปลี่ยนไปท่านมิซึกิก็เริ่มมีอาการแปลกๆด้วยเจ้าค่ะ”
เสียงแหบพร่าของหญิงชราคนหนึ่งดังขึ้นบริเวณที่ฉันนอนอยู่ก่อนที่สัมผัสอบอุ่นจากฝ่ามือนุ่มนิ่มจะไล่ไปทั่วใบหน้าของฉันเพื่อเช็คอุณหภูมิ
อา....ตอนนี้ฉันยังไม่ตายใช่มั้ย? ฉันยังมีชีวิตอยู่ใช่รึเปล่าคะ?
“มิซึกิจ้ะ”
น้ำเสียงหวานแสนอบอุ่นเอ่ยเรียกชื่อของใครบางคนเบาๆ
ฉันพยายามปรื่อตาขึ้นมองเพื่อดูว่าตอนนี้ตนเองอยู่ที่ไหน บอกตรงๆว่านี่เป็นครั้งแรกที่ฉันรู้สึกว่าการลืมตาเป็นอะไรที่ยากมาก
หนังตาของฉันมันหนักราวกับมีหินสิบก้อนทับอยู่ก็ไม่ปาน
พยายามเข้าแพนเจีย สูดลมหายใจเข้าไว้
ฉันบอกตัวเองในใจก่อนจะสูดอากาศเข้าไปเฮือกใหญ่แล้วลืมตาขึ้นช้าๆ
ภาพที่ปรากฏเบื้องหน้าคือผู้หญิงวัยกลางคนในชุดจูนิฮิโตเอะสีฟ้าโทนสบายตากำลังนั่งมองฉันด้วยสายตาเป็นห่วงเป็นใย
ตอนนี้ร่างของฉันกำลังนอนอยู่บนฟูกนุ่มนิ่มแบบที่ชาวญี่ปุ่นใช้นอน
พื้นห้องถูกปูด้วยเสื่อทาทามิยาวประมาณสองเมตร ประตูห้องเป็นประตูเลื่อนซึ่งทำจากกรอบไม้คลุมด้วยกระดาษสีข่าวขุ่นเช่นเดียวกับผนังห้อง
แต่ต่างกันตรงที่ผนังจะมีรูปวาดธรรมชาติคล้ายภาพลายเส้นจากพู่กันจีน
ฉันมองผู้หญิงซึ่งน่าจะมียศสูงเอาการสลับกับนางกำนัลสองคนที่นั่งก้มหัวอยู่ข้างประตูด้วยความตะลึง
ชัดเลย...
นี่มันญี่ปุ่นยุคโบราณชัดๆ อ๊ากกกก!!!!
“ฟื้นแล้วเหรอมิซึกิ” ท่านหญิงเอ่ยขึ้นด้วยความโล่งใจเรียกสติของฉันให้กลับเข้าร่างอีกครั้ง
มิซึกิ เหรอ?
“หนู...เอ้ย...ดิฉัน....ไม่ใช่ค่ะ
เอ่อ ดิฉันต้องไปแล้ว” ฉันไม่รู้ว่าเราใช้ภาษาอะไรคุยกันแต่สิ่งที่ฉันได้ยินคือภาษาไทยเเละฉันเองก็ตอบเธอเป็นภาษาไทยเช่นกัน
“อะไรกันมิซึกิ”
“ขะ...ขอประทานโทษค่ะ”
พูดจบฉันก็ลุกพรวดขึ้นแล้ววิ่งออกนอกห้องทันที ทำเอาท่านหญิงคนนั้นลุกตามแทบไม่ทันส่วนนางกำนัลทั้งสองเมื่อตั้งสติได้ก็รีบวิ่งตามฉันทันที
ฉันวิ่งออกมาด้วยความยากลำบากเพราะผมที่ยาวเท่าตาตุ่มและชุดกิโมโนที่หนักพอสมควร
“ท่านมิซึกิเจ้าคะ!” เสียงของนางกำนัลคนหนึ่งเอ่ยเรียก ตอนนี้หล่อนทั้งสองใกล้จะถึงตัวฉันแล้วง่ะ
ตุ๊บ!!!
“อ้ะ!”
ร่างของฉันเซถอยหลังก่อนจะล้มลงบนพื้นเพราะดันวิ่งไปชนกับใครบางคนเข้า
คนที่ยืนอยู่ดูเหมือนจะไม่สะทกสะท้านเลยสักนิดส่วนฉันอ่ะก้นหักแล้วจ้า T_T ดีนะพื้นมันไม่มีอะไรโผล่ขึ้นมามิฉะนั้นฉันคงเสียซิงตั้งเเต่อายุ
16 ปี
“ขะ....ขอโทษค่ะ” ฉันเอ่ยทั้งที่ยังก้มหน้าก้มตาอยู่ น้ำตาเริ่มซึมออกมาเล็กน้อยเพราะเจ็บทั้งหน้าและเจ็บทั้งก้น
“อุ๊ย! นะ...นายน้อย” นางกำนังทั้งสองซึ่งวิ่งตามมาติดๆรีบนั่งลงกับพื้นก่อนจะก้มหัวให้คนที่ยืนอยู่ด้วยความเคารพ
นายน้อยงั้นเหรอ? คงไม่ใช่อีตาคู่หมั้นจอมเฉยชาของท่านหญิงมิซึกิใช่มั้ย แง~ หนูอยากกลับคอนโดแล้วค่ะคุณมือซ้ายและมือขวาของพระเจ้า
“ถึงตายมั้ย”
เสียงทุ้มห้าวของคนตรงหน้าเอ่ยถามเรียบๆก่อนที่ท่อนแขนแข็งแรงจะยื่นมาฉุดตัวฉันให้ลุกขึ้นยืน
“...ป่าวค่ะ” เเค่วิ่งชนมันจะตายได้ยังไงฟ้ะ(คิดในใจ)
ฉันพูดพร้อมกับไล่สายตามองเขาตั้งแต่เท้าขึ้นมาถึงลำตัว
สมแล้วที่เป็นซามูไรเพราะเขาใส่ชุดฮะกะมะสีขาวสลับกับสีแดงเลือดหมูแถมยังพกดาบคาตานะไว้ที่เอว
นี่ถ้าทำผมแบบโกนด้านหน้าให้หัวล้านฉันคงนั่งขำผู้ชายคนนี้ทั้งวัน ว่าแล้วก็ขอดูหน้าหน่อยเถอะท่านชินเมียวมารุ
คิดได้ดังนั้นฉันก็ตัดสินใจเงยหน้าขึ้นมองเขาแบบเต็มๆตา
เอ่อ.....ขอบอกตามตรงว่าเขาต่างจากที่ฉันคิดไว้มากเลยล่ะ ผมของเขายาวถึงกลางหลังและถูกรวบไว้อย่างเป็นระเบียบ
ใบหน้าหล่อเหล่าแกมคมเข้มรับกับคิ้วดุๆจนดูน่าเกรงขาม(และน่ากลัว)
หล่อค่ะ หล่อมาก หล่อสมกับเป็นคู่หมั้นของฉัน โอปป้ายุคอดีตโดยเเท้
เมื่อรู้ตัวว่าเผลอจ้องคนคนนี้นานเกินไปฉันจึงรีบละสายตาออกจากเขาแล้วไปยืนก้มหน้าก้มตาตรงขอบๆทางแทน
ได้โปรดอย่าโกรธฉันเลยนะคะ ฉันไม่ใช่คนที่นี่
“มิซึกิ ทำไมผมของเจ้าถึงเป็นสีแบบนี้”
คนที่เอาแต่จ้องมองฉันไม่วางตายิงคำถามมาอีกครั้งจนฉันต้องขมวดคิ้วด้วยความงง
ในช่วงแรกฉันนึกว่าท่านหญิงมิซึกิมีผมสีเงินมาตั้งแต่เกิดเลยไม่ได้เอะใจอะไร
แต่พอเจอคำถามแบบนี้ฉันก็ไปไม่เป็นเลยแฮะ ตอบว่าไปทำผมมาได้ป้ะ เเต่สมัยนี้มันไม่มีร้านทำผมนะสิ
T_T
ฉันมองไปที่นางกำนัลสองคนซึ่งเอาแต่นั่งก้มหน้าก้มตาเพื่อหวังจะขอความช่วยเหลือแต่พวกหล่อนก็ไม่มีทีท่าจะเงยหน้าขึ้นมาเลย
โอ้ย....จะตอบยังไงดีนะ คิดสิคิดดดด!!!!!!!
มิซึกิตายเพราะจมน้ำ ใช่! นี่ไงล่ะเหตุผลที่ฉันจะเอาไปแถ
“....ดิฉันไม่ทราบค่ะ อะ...อาจเป็นเพราะการจมน้ำ”
คนตรงหน้าเงียบไปอึดหนึ่งก่อนจะตอบกลับมาเบาๆ
“อื่ม”
ดูเหมือนชินเมียวมารุจะเลิกสนใจในตัวฉันไปบ้างแล้ว
ขอบคุณความอัจฉริยะและความทอแหลของตัวเอง หึๆ เขาทำท่าทางเหมือนจะพูดอะไรบางอย่างกับฉันแต่ก็ถูกขัดด้วยเสียงตะโกนของชายร่างสูงใหญ่ในชุดทหารธรรมดาซะก่อน
“นายน้อยเรื่องที่ให้ไปทำมัน.....เอ่อ”
ชายคนนั้นหยุดพูดเมื่อเห็นว่าฉันยืนอยู่ข้างๆนายน้อยของเขา
ชินเมียวมารุหันไปพยักหน้าให้ชายคนนั้นเหมือนเป็นสัญญาณให้เดินกลับไปทางเดิมก่อนที่เขาจะเดินตามไปช้าๆ ส่วนฉันก็ทำได้เพียงมองตามเขาไปจนแผ่นหลังนั้นลับสายตา
ดูเหมือนผู้ชายคนนี้จะไม่ชอบคู่หมั้นตัวเองสักเท่าไหร่
การพูดคุยมันดูเรียบง่ายเกินไปจนเหมือนถามคนรู้จักเท่านั้น หรือในใจของชินเมียวมารุคนนี้จะมีคนอื่นอยู่ข้างในแล้วกันนะ....
อา....แล้วฉันจะสนใจเพื่อ?
“ท่านมิซึกิจะรีบวิ่งไปที่ไหนกันเจ้าคะ
กลับห้องกันเถอะเจ้าค่ะป่านนี้ท่านวาคานะคงเป็นห่วงแย่แล้ว” นางกำนัลทั้งสองแทบจะพูดเป็นเสียงเดียวกัน
สีหน้าของพวกเขาดูเหนื่อยใจกับฉันเป็นอย่างมาก
“ค่ะ กลับก็ได้...” พูดจบฉันก็ยอมเดินตามสองคนนั้นไปโดยไม่ขัดขืนอะไร
เพราะฉันรู้ตัวดีว่าตนเองไม่มีทางเลือกอีกแล้ว ฉันจะไม่ทำตัวปัญญาอ่อนแล้วหลอกตัวเองว่านี่คือกองถ่ายละครย้อนยุค
เพราะแค่ใช้สายตามองดูรอบตัวฉันก็รู้แล้วว่าความเป็นอยู่ของคนที่นี่มันลำบากแค่ไหน
ที่นี้ไม่มีเสาไฟฟ้า ไม่มีเสาสัญญาณโทรศัพท์ หรือแม้แต่รถสักคันก็ยังไม่มี
เฮ้ออออ~ ฉันต้องตายเพราะไม่มีโทรศัพท์ไว้เล่นเกมแน่ๆ
สิ่งเดียวที่ทำให้ฉันมีความสุขก็คือ สถานการณ์นี้มันช่วยพิสูจน์ทฤษฎีย้อนเวลาของฉ้านนนนนน! วะฮาฮ่า
คลืดดดด
เสียงประตูถูกเลื่อนให้เปิดออกเผยให้เห็นใบหน้างดงามที่กำลังนั่งเป็นกังวลอยู่ภายในห้อง
ท่านหญิงที่ชื่อวาคานะยิ้มออกมาบางๆเมื่อเห็นว่าฉันค่อยๆคลานเข้าไปหาเธอ
“น้าเป็นห่วงแทบแย่ อยู่ๆทำไมถึงวิ่งออกไปแบบนั้นคะ?”
ที่แท้ท่านก็เป็นน้าของท่านหญิงมิซึกินั้นเอง หรือไม่ท่านก็อาจเป็นเเม่ของชินเมียวมารุด้วยก็ได้
“ฉันขอโทษค่ะ” ฉันพูดพร้อมกับก้มหัวขอโทษท่านตามแบบคนญี่ปุ่น
“....นอนพักผ่อนเถอะจ๊ะ”
ฉันยอมเดินไปนอนที่ฟูกแต่โดยดีส่วนท่านวาคานะก็นั่งเฝ้าไม่ห่างไปไหน
แม้จะไม่รู้ประวัติของคนที่นี่แต่ฉันก็มั่นใจว่าชีวิตของมิซึกิก็ไม่ได้แย่เท่าฉัน
ฉันแกล้งหลับตาลงเพื่อให้ทุกคนสบายใจ แต่พอรู้ตัวอีกทีฉันก็ดันเผลอหลับไปซะแล้วสิ
ความคิดเห็น