คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : องก์ที่ 11 : เจอหมีให้เเกล้งตาย
“ท่านมิซึกิหายไปไหนมาเจ้าคะ”
การกลับห้องของฉันสร้างความตื่นตกใจให้นางกำนัลทั้งสองเป็นอย่างมาก ฉันหันไปส่งยิ้มแห้งๆให้กับพวกเธอก่อนจะเปิดประตูเข้ามายืนเอ๋ออยู่ในห้อง
เป็นถึงนักเรียนดีเด่นอุส่าห์มาเยือนยุคอดีตทั้งที ฉันกลับทำได้แค่เดินไปเดินมา แอบฟังคนนั้นคนนี้คุยกันไปทั่ว แถมยังไม่รู้ว่าเป้าหมายของตนเองคืออะไร
คลืดดดด
ประตูเลื่อนถูกปิดเองโดยอัตโนมัติเรียกให้ฉันตื่นจากภวังค์ ก่อนจะหันไปโฟกัสแขกหน้าใหม่ที่มาเยือน
จิ้งจอกดำหกหางเดินไปเดินมาอยู่ริมระเบียงห้องนอนของฉันก่อนจะกลายร่างเป็นชายที่ฉันรู้จัก
“ชิโระไปไหน?”
คุณคุโระเป็นฝ่ายตั้งคำถาม เขาเดินเข้ามาในห้องก่อนจะโบกพัดกระดาษในมือด้วยความร้อนรน
“ไม่รู้ค่ะ ตั้งแต่กลับมาฉันยังไม่เจอเธอเลย”
ชายมีหูขมวดคิ้วเข้าหากันหลังจากได้ยินคำตอบของฉัน ใบหน้าของเขาแสดงความเป็นกังวลจนเห็นได้ชัด ฉันไม่รู้ว่าเขากังวลใจเรื่องอะไร จึงทำได้แค่มองดูพวงหางนุ่มนิ่มสีดำด้วยความทึ่ง สิ่งที่อยู่ตรงหน้าฉันคือจิ้งจอกญี่ปุ่นสีดำตัวเป็นๆเลยจ้า
“มีเรื่องอะไรรึเปล่าคะ”
คุณคุโระส่ายหัวเบาๆแทนคำตอบก่อนจะยื่นดาบคาตานะสีดำมาตรงหน้าฉัน ซึ่งมันเป็นดาบเล่มเดียวกับที่ปีศาจหนุ่มตนนั้นยกให้ฉัน
หรือสิ่งนี่จะเป็น....การจองเวรจองกรรม!
-_-
“ของเจ้า” น้ำเสียงของคุณคุโระอ่อนลงเล็กน้อย เขาไม่ได้มองฉันแต่มองดาบที่ยื่นมาไม่วางตา
ถ้าฉันบอกว่าเจ้าดาบเล่มนี้ไม่ใช่ของฉัน มันจะกลับไปหาเจ้าของจัวจริงมั้ยนะ...
แต่บางสิ่งมันบอกฉันว่า ไม่!
“ขอบคุณค่ะ”
ฉันยอมรับดาบเล่มนั้นมาถือไว้แต่โดยดี คุณคุโระก้มหัวให้ฉันเล็กน้อยก่อนจะหันหลังเพื่อเตรียมจากไป แต่ก่อนจะได้ก้าวขาพ้นระเบียงเขาก็วิ่งกลับมาหาฉันอีกครั้ง คุณคุโระเอาพัดตีหัวตัวเองเหมือนพยายามนึกอะไรบางอย่าง เขาถอนหายใจออกมาเบาๆก่อนจะจ้องตาฉันด้วยท่าทางจริงจัง
“วันนี้พระจันทร์เต็มดวง
เจ้าต้องเอาดาบเล่มนี้ไปยืนรับแสงจันทร์อยู่ริมระเบียง ไม่ต้องถามเหตุผล....แค่ทำตามที่ข้าบอกก็พอ เข้าใจนะ”
ครึ่งมนุษย์ครึ่งจิ้งจอกเอ่ยย้ำด้วยท่าทีจริงจัง แม้จะงงๆอยู่แต่ฉันก็พยักหน้าทำทีเป็นเข้าใจ
“เอาดาบไปรับแสงจันทร์ เข้าใจแล้วค่ะ” ฉันทวนคำเบาๆเพื่อให้คนตรงหน้าสบายใจ แม้จะได้ยินเสียงถอนหายใจด้วยความโล่งอก แต่สายตาของคุณคุโระก็ยังแฝงความเป็นกังวลอยู่เช่นเดิม “.....แล้วคุณชิโระล่ะ คุณจะไปตามหาเธอใช่มั้ย”
คำถามของฉันเรียกให้ดวงตายาวรีคล้ายจิ้งจอกตวัดมามอง คุณคุโระเดินเข้ามาใกล้ฉันมากขึ้นก่อนจะพูดอะไรบางอย่างเบาๆ
“ทุกเหตุการณ์ผ่านไปต้องใคร่ครวญ ทุกคนล้วนแตกต่างอำพลางกัน”
..........
“ไม่รู้จักตัวจริงยิ่งยากทาย ดีหรือร้ายต้องอาศัยใช้เวลา”
เขาถอยออกไปก่อนจะก้มหัวให้ฉันอีกครั้ง คราวนี้เขาคงไปแบบจริงๆจังๆ
“ข้าขอตัวขอรับ....นายหญิง”
ฉันมองดูร่างจิ้งจอกญี่ปุ่นวิ่งอ้อมไปหลังปราสาทด้วยความกังวล คุณคุโระกำลังวิ่งไปที่หลังห้องท่านไคโร ซึ่งฉันรู้สึกว่ามันเป็นที่ที่ไม่ควรไปอย่างยิ่ง
ไม่แน่ใจว่าบทกลอนที่เขาพูดหมายถึงใคร ไม่น่าจะหมายถึงคุณชิโระ แต่อาจหมายถึงใครบางคนที่อยู่รอบตัวฉัน
อา...ให้ตายสิ ฉันไม่ชอบเรื่องลับลมคมในนะยะ
ตกค่ำเมื่อพระจันทร์ขึ้นแทนที่พระอาทิตย์....
หลังจากทานข้าวเย็น อาบน้ำและแต่งตัวจนเสร็จสรรพฉันก็ถือคาตานะสีดำเล่มนั้นมายืนที่ระเบียงก่อนจะชูมันสูงเท่าช่วงอกแล้วมองดูปฏิกิริยาต่อจากนี้
แหม ลืมถามซะได้ ว่าต้องทำแบบนี้กี่ชั่วโมง
แต่พระจันทร์เต็มดวงของที่นี่ก็สวยไม่เบานี่นา มีแสงดาวล้อมรอบ
ไม่มีแสงจากเครื่องบินหรือไฟตามถนนมารบกวนทัศนียภาพ มีแต่ธรรมชาติแบบเพียวๆ
บรรยากาศที่ใครหลายคนใฝ่ฝัน ฉันจะบอกให้นะว่าอากาศที่นี่แม้จะเป็นเวลากลางวันแต่มันก็ดูปลอดโปร่งกว่าบ้านฉันเป็นสิบเท่า ส่วนเวลากลางคืนนะ....โคตะระหนาวเลย อ๊ากกก!
“เจ้ายอมทำตามที่ข้าสั่งจริงๆด้วย”
เอ๊ะ!?!?!?!?
ฉันหันไปตามเสียงพูดแสนคุ้นหูก่อนจะพบเข้ากับชายหนุ่มร่างโปร่งซึ่งกำลังนอนซุกตัวอยู่ในฟูกนอน(ของฉัน)
ฉันยืนอ้าปากค้างด้วยความอึ้ง ส่วนเขาก็ส่งยิ้มอ่อนโยนมาให้แถมยังฝังจมูกลงบนหมอนของฉันเพื่อสูดดมอะไรบางอย่าง
ปีศาจอีกแล้วเหรอ?
“ท่านมาทำไม....”
แถมยังแอบเข้ามาในห้องตอนไหนก็ไม่รู้!
ฉันเดินเข้าไปในห้องก่อนจะวางดาบไว้ข้างๆคนที่นอนอยู่ แล้วถอยหลังไปนั่งชิดประตูระเบียงเพื่อเว้นระยะห่าง
“มาหาคนสำคัญ แต่.....ตอนนี้อยากนอนพักแล้ว” เขาพูดเรียบๆก่อนจะหลับตาลง
นี่มันเควสโดนจีบรึยังไง แล้วฉันควรจะทำไงกับผู้ชายคนนี้ดีระหว่างห้าม
+ ไล่เขาออกไป กับนั่งมองเขานอนไปเรื่อยๆจนกว่าจะเช้า
ถ้าเลือกอย่างหลังมีหวังฉันได้อดหลับอดนอนทั้งคืนจนกลายเป็นหมีแพนด้าแน่ๆ แล้วฉันก็จะไม่สวย!
“ท่านปีศาจเจ้าคะ ท่านจะนอนที่นี่ไม่ได้นะ” ฉันทำเพียงแค่พูดกับเขา ไม่กล้าโดนตัวอ่ะ กลัวหลงเสน่ห์
.....
และแน่นอน ว่าสิ่งที่ตอบกลับมาต้องเป็นความเงียบ
“ท่านปีศาจ” เสียงฉันแผ่วลงมากกว่าเดิม โอ้ย
อยากจะร้องไห้
ตั้งแต่เกิดมาแม้แต่พ่อก็ไม่เคยเข้ามานอนในห้องฉัน แล้วผู้ชายคนนี้ ผู้ชาย!!!
ตะเกียงซึ่งทำหน้าที่ให้ความสว่างถูกลมแรงๆวูบหนึ่งพัดจนดับ
เสียงลมหวีดหวิวทำให้ฉันรู้สึกกลัวจนต้องคลานไปปิดประตูระเบียง ผีกับปีศาจก็คงไม่ต่างกันเท่าไหร่ แต่ถ้าให้ฉันเลือกระหว่างผีหน้าเละแถมกลิ่นเหม็นเน่า กับปีศาจที่นอนอยู่
ฉัน....เลือกปีศาจก็ได้ T_T
เปรี๊ยะ!
เสียงเหมือนน้ำแข็งแตกทำให้ฉันหันไปโฟกัสประตูระเบียงอีกครั้ง แสงจันทร์ทำให้ฉันรู้ว่าตอนนี้ประตูระเบียงกำลังถูกน้ำแข็งเกาะ เกล็ดน้ำแข็งบางๆค่อยๆเคลื่อนเข้าปกคลุมด้านนอกช้าๆก่อนจะลามเข้ามาภายใน
ชิบไก่แล้วไง....
จะเกิดเรื่องอะไรขึ้นอีกเนี่ย!
ฉันถอนหายใจยาวอย่างปลงๆ และเพราะอากาศที่หนาวเหน็บลมหายใจของฉันจึงกลายเป็นควัน ไหนตาลุงนั้นบอกว่าช่วงนี้เป็นฤดูแล้งไง แล้วน้ำแข็งพวกนี้มันคืออารายเนี่ย!
“จงคืนท่านปีศาจมา นางมนุษย์ครึ่งเทพ ท่านปีศาจ.....ท่านปีศาจเจ้าขา”
วอท!
เสียงโหยหวนเย็นยะเยือกของผู้หญิงดังแว่วเข้ามาราวกับสายลม
รู้ตัวอีกทีฉันก็ถอยหลังมาประชิดร่างที่นอนหลับตาพริมซะแล้ว
หรือว่า เมียตานี่จะมาตามแล้วเข้าใจผิดคิดว่าฉันเป็นเมียน้อย โอ้ย!
“ถึงเจ้าจะเป็นครึ่งเทพแต่ข้าก็ไม่กลัวเจ้าหรอก ท่านปีศาจต้องเป็นของข้า กายและใจของท่านต้องเป็นของข้าคนเดียว ฮือ~” เสียงโหยหวนยังคงดังไม่หยุด และดูเหมือนเธอจะร้องไห้ด้วย
สรุปแล้วยัยนี่แค่มาตามหึงหวงใช่ป้ะ หรือว่ามีเบื่องลึกเบื่องหลังอีก
ฉันคว้าดาบมาถือไว้ก่อนจะชักออกจากฝักแล้วเตรียมเปิดประตู เหตุผลหลักคือออกไปดูให้แน่ชัดว่ามีคนอยู่มั้ย จะได้เคลียร์กันไปเลยว่าต้องการอะไร
หมับ!
มือใหญ่ยื่นมาคว้าข้อมือฉันไว้ก่อนจะดึงให้นอนลงบนฟูก ซึ่งแน่นอนว่าฉันไม่สามารถสู้แรงอันมหาสารของเขาได้ ปีศาจหนุ่มเคลื่อนตัวมาทาบทับร่างของฉันพร้อมกับกดข้อมือฉันให้แนบลงกับฟูกนอน
“นางตามข้าอยู่ ช่วยหน่อยสิ” เขาจ้องตาฉันพร้อมกับเอ่ยเรียบๆ
ไม่มีท่าทีขอร้องเลยสักนิด เขาน่าจะขอร้องฉันนะ
“ภรรยาท่านไม่ใช่เหรอ เธอมาตามขนาดนี้....ท่านก็ไปซะสิ”
ฉันไม่ได้ตั้งใจจะใช้น้ำเสียงหงุดหงิดคุยกับชายคนนี้นะ แต่มันเผลอทำไปแล้ว
“ข้ายังไม่มีภรรยา” ท่านชิราคาวะหัวเราะออกมาเบาๆก่อนจะก้มใบหน้าลงมาใกล้ฉันเรื่อยๆจนกระทั้งจมูกของเราชนกัน
ฉันแทบหยุดหายใจเพราะถูกริมฝีปากเรียวบางเคลื่อนเข้ามาทาบทับเเถมยังบดขยี้เบาๆราวกับกำลังกลืนกินฉันไปทั้งตัว จูบของเขาทั้งอ่อนนุ่มและแผ่วเบา ให้ความรู้สึกเหมือนเวลากินสายไหม
ในขณะที่ฉันกำลังเคลิบเคลิ้มไปกับสัมผัสวาบหวาม เสียงเย็นยะเยือกของผู้หญิงคนนั้นก็หวีดร้องขึ้นมาด้วยความไม่พอใจ
“ข้าก็อยากประกบปากกับท่าน
ข้าทำได้ดีกว่านางด้วยซ้ำ”
เธอพูดอะไรอยู่เนี่ย O///O
“ข้าก็งดงามมิด้อยไปกว่านาง....”
ริมฝีปากของท่านชิราคาวะคลี่ยิ้มบางยามมองดูใบหน้าแดงก่ำของฉัน เขาหันไปมองพื้นไม้บริเวณที่มีน้ำแข็งเกาะก่อนจะเอาดาบสีดำที่วางอยู่เคาะบริเวณนั้นเบาๆประมาณสองสามที เพียงไม่นานนักน้ำแข็งพวกนั้นก็เคลื่อนกลับไปด้านนอกตามเดิม
“ใจข้ามีแค่นาง”
คำตอบของเขาทำให้ฉันต้องเบื่อนหน้าหนีด้วยความเขินอาย และแน่นอนว่าปีศาจสาวตนนั้นก็คงจะช้ำใจพอสมควร เกล็ดน้ำแข็งเริ่มมลายหายไปราวกับไม่เคยเกิดขึ้น
ตอนนี้เธอหายไปแล้ว
ส่วนฉันยังไม่เป็นอิสระ
เขาชอบฉันเนี่ยนะ
ผู้ชายหล่อขนาดนี้
ฉันเถียงกับตัวเองในใจ พอรู้ตัวอีกทีปีศาจตนนี้ก็ลุกขึ้นมานั่งข้างๆฟูกนอนของฉันแล้ว
เขาห่มผ้าให้ฉันก่อนจะนั่งจ้องอยู่แบบนั้นโดยไม่พูดอะไรสักคำ ส่วนฉันก็ทำทีเป็นหลับทั้งที่หัวใจเต้นแรงจนจะระเบิดออกมา
“นี่คาราสึเท็งงู ผู้หญิงชอบกาพย์ชอบกลอนใช่หรือไม่” เสียงทุ่มกระซิบกระซาบแผ่วเบาราวกับมีใครอีกคนอยู่ในห้อง
“นะ....น่าจะใช่นะขอรับ” เสียงตอบกลับของปีศาจมีปีกที่ฉันเคยพบเมื่อวันก่อนดังมาจากนอกห้อง
“แต่งให้หน่อยสิ”
-_-^ ควรจะแต่งเองป่าวฟ้ะ จะจีบหญิงทั้งทีไม่ลงทุนเอาซะเลย
ฉันพลิกตัวไปทางอื่นเพื่อหลบเลี่ยงสายตาเรียวคมของเขา โอ้ย
อยากนอนลืมตาจะตายชัก
“อ้อ....ไม่ต้องแล้ว
นางอยากให้ข้าแต่งเอง”
O_O
อ่านใจฉันออกด้วยเรอะ
“ดูพิรามยามชมภิรมย์ร่า
งามกว่าฟ้างามกว่าดาวประพาขวัญ”
.......
เขาเงียบไปนานทีเดียวจนฉันแทบหยุดหายใจเพราะความตื่นเต้น อยากรู้ว่าจะมีอะไรต่อ โบราณจังเนอะมาจีบกันด้วยกลอน เอ่อ...แต่นี่ก็ยุคโบราณนี่หว่า
“นางหลับแล้วขอรับท่านชิราคาวะ
บทกลอนของท่านคงต้องเก็บไว้แค่นี้
เรากลับปราสาทกันเถิด” คาราสึเท็งงูบอกนายของตน
ฉันยังไม่หลับว้อย
และอยากฟังต่อ!
“คืนนี้ข้าจะนอนกับนาง”
“ขอรับ”
นอนกับฉัน! เขาหมายถึงแค่นอนเฝ้าใช่มั้ย
..................................................................
ความคิดเห็น