คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : องก์ที่ 7 : ออกเดินทาง+เยี่ยมชาวบ้าน
มีใครบางคนเคยบอกไว้ว่า
เวลาหลงป่าเรามักจะพบสิ่งแปลกๆอยู่เสมอ
บ้านที่ฉันเคยอยู่กับแม่มีภูเขาลูกใหญ่ซ้อนทับกันอยู่ด้านหลัง ซึ่งผู้คนที่นั้นเชื่อว่ามีภูตพรายอาศัยอยู่
พวกเขาเล่าว่าวันที่พระจันทร์เต็มดวงบนภูเขาจะมีงานเทศกาลถูกจัดขึ้นในเวลากลางคืน
เป็นเทศกาลที่พวกภูตจัดขึ้นเพื่อรำลึกถึงใครบางคน....
ช่วงที่ไปอยู่ครั้งแรกแม่มักจะพาฉันเดินสำรวจบริเวณรอบภูเขาอยู่บ่อยๆ เพื่อให้ฉันได้เรียนรู้ธรรมชาติ
ในความคิดของฉันที่นั้นดูปกติดีทุกอย่าง ทั้งเย็นสบายและดูมีชีวิต....
ในช่วงฤดูหนาวตอนฉันอายุ
7 ปี
ฉันเคยขึ้นไปเที่ยวเทศกาลนั้นกับใครบางคน ฉันลืมใบหน้าของเขาไปนานแล้ว...พยายามแค่ไหนก็ไม่เคยนึกออกเลยสักครั้ง
เท่าที่จำได้คือเขาเป็นชายหนุ่มที่มีผมยาวสีดำอายุประมาณ
17 ปี
เขามักจะมาหาฉันอยู่บ่อยๆพอรู้ตัวอีกทีเราก็สนิทกันแล้ว
วันเวลาผ่านไปเรื่องร้ายต่างๆมันก็ทำให้ฉันเผลอลืมเรื่องราวดีๆนี่ไปจนหมด
แต่พอได้มาอยู่ญี่ปุ่นแบบนี้มันก็อดไม่ได้ที่จะคิดถึงขึ้นมา
ป่านนี้เขาคนนั้นคงอายุปาเข้าไปสามสิบกว่าแล้วมั้ง คงมีครอบครัว มีลูกๆที่น่ารัก
............................................
วี้ดดด....
เสียงลมพัดหวีดหวิวดังแว่วเข้ามาในขณะที่ฉันกำลังหลับตาเพื่อทำสมาธิ เสียงสายลมที่ฉันมักได้ยินเป็นครั้งคราวยามที่มันพัดผ่านช่องประตูของบ้านเล็กๆที่เคยอาศัยอยู่กับแม่ เพราะได้ยินมาตั้งแต่เด็กฉันจึงรู้สึกชินกับมันมากจนไม่รู้สึกกลัว แต่ครั้งนี้ฉันกลับรู้สึกต่างออกไป.....
ราวกับเป็นเสียงกระซิบของเหล่าภูตพราย (เอ่อ....แต่นี้ยังเช้าอยู่นะ)
ฉันค่อยๆลืมตาขึ้นมาก่อนจะมองดูรอบๆห้องด้วยความขนลุก
ในนี้มีเพียงแค่ฉันและท่านน้าวาคานะเท่านั้นที่นั่งอยู่ภายใน คุณชิโระคงจะออกไปข้างนอกเพื่อทำหน้าที่ของนางกำนัล
น่าแปลก....ประตูห้องที่ปิดสนิทกลับมีเสียงลมพัดน่าขนลุก ฉันรู้ดีว่าที่นี่ต้องมีเรื่องแปลกๆอยู่แน่นอน อย่างพวกภูตผีปีศาจอะไรแบบนี้
แต่ฉันก็ไม่มีสิทธิ์เลือกที่อยู่ตั้งแต่แรกแล้วนี่นา
สิ่งที่ทำได้ตอนนี้ก็คือการก้มหน้ายอมรับสิ่งต่างๆที่กำลังจะเกิดในอนาคต
“มานั่งสมาธิแบบนี้คงรู้สึกเบื่อละสิ”
ท่านวาคานะที่ไม่รู้ว่าลืมตาขึ้นมาตอนไหนเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงติดตลกพร้อมกับส่งยิ้มอบอุ่นให้ฉัน
“มะ...ไม่ขนาดนั้นหรอกค่ะ”
พูดจบฉันก็รีบก้มหน้างุดด้วยความรู้สึกผิดทันที ท่านคงคิดว่าฉันลืมตานานแล้วเป็นแน่ ทั้งที่ฉันพึ่งจะลืมตาเมื่อกี้เอง
“เพิ่งจะมาอยู่ไม่กี่วันอยากไปเดินเที่ยวรอบปราสาทบ้างหรือไม่?”
คำถามนี้ทำให้ฉันตาลุกวาว
แต่ก็ต้องเก็บอาการไว้เพื่อไม่ให้เสียบุคลิกกุลสตรี(ญี่ปุ่น)ยุคโบราณ
“ข้าเดินหลงทางอยู่บ่อยๆถ้าได้รู้จักที่ต่างๆในปราสาทคงไปไหนมาไหนสะดวกกว่านี้แน่ๆ”
“งั้นน้าจะสั่งให้ชิโระพามิซึกิเดินดูรอบๆปราสาทนะจ้ะ แต่.....อย่าเข้าไปในป่าหลังปราสาทเด็ดขาด เข้าใจหรือไม่?” ท่านวาคานะกำชับเสียงแข็งพลางจ้องตาฉันเขม็งราวกับว่าต้องการคำตอบจากฉัน
“ได้ค่ะข้าจะไม่เข้าป่าหลังปราสาทเด็ดขาด ขอบคุณท่านน้าที่อนุญาตให้ข้าไปเที่ยวเล่น”
ฉันก้มหัวให้ท่านเลียนแบบหนังญี่ปุ่นยุคซามูไรที่เคยดูบ่อยๆ
“มาเถอะจ๊ะ”
“ค่ะ”
พูดจบฉันก็ยันตัวลุกขึ้นก่อนจะเดินตามท่านวาคานะออกไปนอกห้องซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่คุณชิโระเดินมาหาพวกเรา เธอประสานมือไว้ตรงหน้าก่อนจะก้มหัวให้ฉันกับท่านวาคานะเพื่อแสดงถึงการทำความเคารพ
ท่านวาคานะจัดการสั่งให้เธอพาฉันเที่ยวรอบปราสาทก่อนจะแยกไปอีกทางหนึ่ง
ทิ้งไว้เพียงเราสองคนที่ยืนถอนหายใจอย่างปลงๆ
เวลาอยู่กับท่านฉันทั้งเหนื่อยแล้วก็รู้สึกเกร็งแปลกๆ คงเพราะกลัวท่านจะรู้ความจริงที่ว่าฉันไม่ใช่ท่านหญิงมิซึกิ
“....เราสองคนจะเอาไงดีคะคุณชิโระ”
ฉันยืนพิงเสาด้วยท่าทางสบายๆก่อนจะเอ่ยปากถามคนที่เอาแต่ยืนก้มหน้างุด
“ดิฉันก็คงต้องพาคุณหนูเดินเที่ยวรอบปราสาทตามที่ท่านวาคานะสั่งเจ้าค่ะ
^_^”
“โอเคค่ะโอเค ฉันยอมเดินในปราสาทก็ได้....ถึงแม้จะอยากไปเที่ยวข้างนอกมากกว่าก็ตาม”
“อย่าขัดคำสั่งผู้ใหญ่จะเป็นการดีที่สุดเจ้าค่ะ ถ้าท่านหญิงมิซึกิ...” คุณชิโระทำท่าจะร่ายยาวแต่ก็ถูกฉันยกมือห้ามซะก่อน เธอกรอกตาไปมาก่อนจะผายมือให้ฉันมาเดินข้างๆ
เราสองคนเดินมาได้ไม่ไกลเท่าไหร่ก็บังเอิญเจอเข้ากับอีตาชินเมียวมารุและบริวารทั้งสองของเขาหรือก็คือคุณเกนบุกับยัยเฮียวโกะนั้นเอง
สามคนนี้คงกำลังจะออกไปข้างนอกชัวร์ๆเลย เพราะฉันเห็นม้าสามตัวถูกผูกอยู่ใต้ต้นไม้หน้าปราสาทอ่ะ
ชินเมียวมารุมองฉันแค่หางตาส่วนองครักษ์ทั้งสองของเขาก็ทำหน้าเรียบเฉยราวกับไม่เห็นหัวฉัน โถๆ ไอ้พวกซามูไรหยิ่งเอ้ย! ส่วนฉันก็ทำเป็นไม่สนเขาเหมือนกันนั้นล่ะค่ะ ก็บอกแล้วว่าโนสนโนแคร์~
“เดี๋ยว....” เสียงทุ่มแฝงอำนาจของชินเมียวมารุออกคำสั่งขึ้นเรียบๆ
ซึ่งน่าจะเป็นการสั่งเกนบุกับเฮียวโกะ
แต่ฉันดันตกใจจนเผลอหยุดเดินไปด้วย
อา....ท่องไว้ว่าเขาไม่ได้เรียกฉัน เขาแค่บอกคนอื่น อย่าสำคัญตัวดิ
“มีอะไรรึเปล่าคะนายน้อย?” เฮียวโกะซึ่งสะพายธนูไว้ด้านหลังเอ่ยถามชินเมียวมารุที่ยืนนิ่งอยู่กับที่ด้วยความสงสัย
“....มิซึกิ” เขาพูดพร้อมหันกลับมาทางที่ฉันยืนอยู่ ใบหน้าคมคายมีความเจ้าเล่ย์ปนอยู่นิดหน่อยราวกับว่าคิดอะไรดีๆออก
หมอนั้นเรียกฉันค่ะคุณผู้ชม แต่ไม่น่าเป็นสิ่งที่ดี
“คุณหนู....ท่านชินเมียวมารุเรียกเจ้าค่ะ” คุณชิโระกระตุกแขนเสื้อฉันเบาๆเพื่อเรียกสติ(ของฉัน)ที่หลุดลอยไปให้กลับเข้าร่าง
“มีอะไรเหรอคะท่านชินเมียวมารุ”
ฉันพูดพร้อมกับยิ้มหวานให้ชินเมียวมารุ ทั้งที่ในใจมันตรงข้ามกันโดยสิ้นเชิง ใช่....ฉันอยากกระโดดกัดหมอนี่
“ได้ข่าวว่าเธอขี่ม้าเก่ง”
ห้ะ!?! ถามจริง! เจ้าหญิงมิซึกิเนี่ยนะขี่ม้าเก่งจ้างล้านบาทฉันก็ไม่เชื่ออ่ะ แสดงว่าวันนี้อีตาคู่หมั้นต้องคิดแผนอะไรไว้แน่นอน และถ้าเดาไม่ผิดเขาคงหวังจะกำจัดฉันออกจากชีวิต -_-
ไปนอนฝันเอาเถอะค่ะ
“ไม่ถึงกับเก่งหรอกค่ะ แค่พอได้”
คำตอบของฉันทำเอาคุณชิโระหันขวับมามองหน้าทันที
แหมๆ เห็นอย่างนี้ฉันก็ขี่ม้าเป็นนะยะ ฉันเคยไปขี่ม้าอยู่ที่ฟาร์มของคุณอาตั้งแต่เด็ก ผ่านวิกฤษเกี่ยวกับม้าเยอะซะจนนับไม่หมด ทั้งเกือบถูกม้าดีด กัด หรือไม่ก็พาวิ่งออกไปนอกฟาร์ม
การถูกคนรอบข้างกลั่นแกล้งและเกลียดชังทำให้ฉันได้เรียนรู้ในหลายๆเรื่อง
และหล่อหลอมให้ฉันมีความสามารถมากกว่าคนอื่น หรือเรียกง่ายๆว่าการดิ้นรนนั้นแหละ =_=
“งั้นเธออยากไปขี่ม้าดูรอบๆเมืองมั้ย”
คำถามของคนหน้านิ่งทำให้ฉันขมวดคิ้วเข้าหากันด้วยความงง ถ้าฉันไม่หูฝาดก็แสดงว่าเขาชวนฉันไปเที่ยวจริงๆ อ๊ากกก! นี่ฉันจะได้ไปเที่ยวนอกปราสาทจริงๆเรอะ
“ค่ะ...อยากไป” ตอบโดยไม่ต้องใช้เวลาคิดเลยจ้า
“พาท่านหญิงไปเตรียมตัว ข้าจะรออยู่นี่” พูดจบเขาก็เดินไปที่เจ้าม้าตัวโตสีน้ำตาลซึ่งถูกผูกอยู่ใต้ต้นไม้
คุณชิโระจูงมือฉันกลับมาที่ห้องก่อนจะให้ฉันถอดชุดกิโมโนที่สวมอยูออกแล้วสวมด้วยชุดทะมัดทะแมงแทน
เธอใช้เชือกนิ่มๆรวบผมสีขาวของฉันเข้าด้วยกันก่อนจะเอาผ้าคลุมไหล่สีเดียวกันมาคลุมใบหน้าของฉันไว้หลวมๆ
“ไม่คลุมหน้าได้มั้ยคะ ฉันไม่ชอบ”
แบบว่ามันรู้สึกเหมือนเป็นคนรักสวยรักงามเกินไปอ่ะ น่ารำคาญชิบ
“ไม่ได้เจ้าค่ะ หากเปิดจะยิ่งอันตราย”
แม้จะงงอยู่บ้างแต่ฉันก็เลือกจะพยักหน้าเข้าใจ
คุณชิโระเข้าไปในห้องของเธอก่อนจะเดินออกมาด้วยชุดแบบเดียวกับฉัน เธอสะพายธนูและลูกธนูไว้ข้างหลัง
ในมือถือดาบคาตะนะสีขาวสลักลายนกกระเรียนสีทองก่อนจะยืนมาตรงหน้าฉัน
“คะ?” ฉันถามพร้อมกับมองเธอด้วยความงง “คุณชิโระเอาดาบให้ฉันทำไมเหรอคะ”
“ของขวัญจากพระเจ้าค่ะ คุณหนูเก็บไว้ใกล้ตัวจะเป็นการดีที่สุด”
คุณชิโระไม่สนว่าฉันต้องการมันหรือไม่
เธอยัดดาบใส่ในมือของฉันก่อนจะจูงมือออกมาจากห้องเพื่อไปหาคนที่รออยู่ โชคดีที่บริเวณขอบกางเกงมีเข็มขัดที่ใช้เก็บดาบฉันจึงไม่ต้องถือให้เมื่อยมือ อย่างกับคนกำลังจะไปรบเลย
เฮียวโกะจูงเจ้าม้าสีดำตัวสูงมาให้ฉันกับคุณชิโระคนละตัว ฉันยื่นมือไปลูบบริเวณคอของมันเพื่อให้มันคุ้นชินกับเจ้านายใหม่ และดูเหมือนเจ้าม้าจะคุ้นเคยกับคนมากเลยทีเดียวเพราะมันยอมให้ฉันขี่ง่ายกว่าที่คิดไว้
ระหว่างทางเราไม่ได้คุยอะไรกัน ชินเมียวมารุขี่ม้านำหน้าตามด้วยเกนบุและเฮียวโกะ ปิดท้ายขบวนด้วยฉันกับคุณชิโระ รอบทางเป็นชาวบ้านที่กำลังทำงานของตนเองพวกเขามองมาที่เราก่อนจะทำความเคารพ
มีหลายคนที่สงสัยในสีผมและใบหน้าของฉันแต่ก็ทำได้แค่สงสัยนั้นล่ะ
เราเดินทางออกมานอกเมืองผ่านป่าและทะเลสาบน้ำจืดขนาดใหญ่จนกระทั่งมาถึงหมูบ้านเล็กๆแห่งหนึ่ง
การเป็นอยู่ของที่นี่ดูต่างจากชาวบ้านที่อยู่รอบปราสาทแค่เล็กน้อยเท่านั้น แต่ดูเหมือนพวกเขากำลังร้อนลนกับอะไรบางอย่าง
“ทะ....ท่านชินเมียวมารุ กรุณาช่วยด้วย” ชาวบ้านคนหนึ่งซึ่งน่าจะเป็นหัวหน้าหมูบ้านวิ่งฝ่าทหารเข้ามานั่งคุกเข่าตรงหน้าชินเมียวมารุก่อนจะพูดด้วยท่าทางหวาดกลัว
“เกิดอะไรขึ้น” ชายหนุ่มหันไปถามพวกทหารที่ยืนอยู่พลางมองไปรอบๆหมูบ้าน
“ชาวบ้านพวกนี้บอกว่ามีปีศาจแมงมุมยักต์อยู่ในป่าฝั่งโน้นขอรับ”
นายทหารซึ่งยืนอยู่รีบวิ่งเข้ามาจับเชือกม้าเพื่อให้นายน้อยของเขาลงมาได้อย่างปลอดภัย
“ปีศาจเหรอ”
ชินเมียวมารุขมวดคิ้วพร้อมกับลูบที่คางอย่างใช้ความคิด
“ได้โปรดช่วยพวกเราด้วยนะขอรับ มันออกมาฆ่าคนในหมู่บ้านตอนกลางคืน พวกเราลำบากมากจริงๆ” เหล่าชาวบ้านต่างพูดขึ้นเป็นเสียงเดียวกัน
“เข้าใจแล้ว งั้นวันนี้เราจะพักอยู่นี่”
เขาสรุปเสียงหนักแน่นก่อนจะเรียกองครักษ์ทั้งสองให้ลงมาจากหลังม้า
เหล่าชาวบ้านต่างวิ่งไปเตรียมบ้านเล็กๆให้พวกเรากันจ้าละหวั่น
ชินเมียวมารุกับคนของเขาแยกไปวางแผนกันอีกทางหนึ่ง ส่วนฉันกับคุณชิโระก็แยกมาเดินดูรอบๆหมู่บ้าน
พวกชาวบ้านดูประหลาดใจมากยามที่เห็นสีผมของฉัน
แม้จะก้มหัวทำความเคารพแต่ลับหลังพวกเขากลับคิดว่าฉันเป็นปีศาจ
“ยังสาวอยู่แท้ๆ ทำไมผมท่านถึงเป็นสีนี้ได้” หญิงวัยกลางคนที่เดินผ่านไปเมื่อกี้หันไปกระซิบกับเพื่อนของเธอเบาๆ
“ท่านเป็นปีศาจหรืออย่างไร... ใบหน้าก็ไม่ยอมเปิด”
“นางคงหน้าตาน่าเกลียดเป็นแน่”
ฉันทำเป็นหูทวนลมเดินผ่านสารพัดคำพูดของเหล่าชาวบ้านเพื่อไปดูป่าซึ่งอยู่หลังหมู่บ้าน
มันเป็นป่าดิบต้นไม้สารพัดเกิดชิดกันจนมืดไปหมด มีท่างเดินเล็กๆทอดยาวเข้าไปในป่า ถ้าเดาไม่ผิดคงเป็นทางที่ชาวบ้านใช้เดินเข้าไปหาของป่าเป็นแน่
“คุณหนู ที่นี่อันตรายเจ้าค่ะ” อยู่ๆคุณชิโระที่ยืนนิ่งอยู่ก็พูดขึ้น เธอดึงแขนฉันให้ออกห่างจากป่าเล็กน้อย สายตาเรียวทอดมองข้างในราวกับเห็นอะไรบางอย่าง
“คุณชิโระ....”
“ไปกันเถอะเจ้าค่ะ”
หลังจากเห็นท่าทีที่เป็นกังวลของคุณชิโระฉันจึงยอมละสายตาจากป่าเเละทำตามที่เธอบอกเเต่โดยดี
“...ได้ค่ะ”
ฉันเป็นฝ่ายเดินนำหน้าเธอไปยังบ้านเล็กๆซึ่งเป็นที่พัก
น่าแปลกที่เขาจัดให้ชินเมียวมารุอยู่กับเกนบุและเฮียวโกะในบ้านอีกหลัง ยัยเฮียวโกะเป็นสาวเป็นแส้ทำไมถึงกล้าทำแบบนี้วะ ทั้งที่คู่หมั้นอย่างฉันควรจะอยู่กับเขา! (แบบว่านิยายส่วนมากมันก็เป็นอย่างนั้นนี่นา)
คืนนี้ชินเมียวมารุและทหารรวมทั้งชาวบ้านที่เป็นผู้ชายรวมตัวกันไปยืนอยู่หน้าทางเข้าป่าเพื่อรอเจ้าปีศาจที่ว่า ส่วนฉันกับคุณชิโระก็ทำเพียงแค่มองดูพวกเขาผ่านหน้าต่างของบ้าน
แต่ลางสังหรณ์ของฉันกลับบอกว่า......มีบางอย่างกำลังจะเกิดขึ้นกับฉัน
ขนลุกพิลึกแฮะ -_-^
........................................................................
อาจหายไปนานหน่อยนะคะ ประมาณวันสองวันนี่ล่ะ เหอะๆๆ
เป้าหมายที่จะลงนิยายทุกวันหายวับไปเลยเมื่อเจองานเป็นกอง T^T
ปล.ใกล้จะได้เขียนฉากบู๊เเล้ว เย้ๆ
ความคิดเห็น